ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : -ก้างติดคอ- ต่อจ้า
คนทั้งโต๊ะหันไปมองตามเสียงก็พบมิวพร้อมด้วยเอ็กซ์และหญิง โดยที่ทั้ง3ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขามากนัก
“มิวมานั่งนี่ดิ” โต้งยิ้มพร้อมทั้งเรียกให้มิวมานั่งกับพวกเขา
“โหยชวนมิวคนเดียวเหรอโต้ง มากันตั้ง3คน” หญิงแซวโต้ง ยิ้มๆ
“เราก็หมายถึงทุกคนนั่นแหละ” โต้งรีบบอกไป
มิวเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ข้างๆเฟิร์น ซึ่งทำเอาเฟิร์นแทบจะหุบยิ้มไม่ได้ โต้งเองก็ได้แต่มอง ถึงจะไม่อยากให้มิวนั่งที่ตรงนั้นแต่ก็บอกออกไปไม่ได้ ส่วนเอ็กก็นั่งทางข้างซ้ายของมิว โดยมีหญิงนั่งฝั่งตรงข้าม
น้ำตาลเองดูเหมือนจะจำหญิงได้จากครั้งที่ไปงาน Freshy Night กับโต้ง และดูเธอเองก็ไม่ค่อยจะชอบหญิงเอาสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อหญิงเขยิบเก้าอี้ออกมาเพื่อจะนั่งข้างๆเธอ เธอเองถึงกับเขยิบเก้าอี้ตัวเองออกห่างไปชิดกับโต้งมากขึ้น
“นี่วี น้ำตาล เฟิร์น แล้วก็เอ็มนะ” โต้งแน่ะนำเพื่อนๆให้รู้จัก ซึ่งเอ็ม เฟิร์นและน้ำตาล มิวเองก็พอจะจำได้อยู่บ้างเพราะเคยเจอกันมาบ้างแล้ว
“แล้วนี่ มิว เอ็กซ์ แล้วก็หญิงนะ” คราวนี้โต้งแน่ะนำเพื่อนอีกฝั่งให้รู้จักบ้าง ทั้ง3ต่างผงกหัวให้อีกฝ่ายเป็นการทักทายกันเล็กน้อย
“เมื่อกี้ก็กำลังพูดถึงมิวอยู่พอดีเลย” เฟิร์นเริ่มชวนมิวคุย
“เหรอครับ” มิวทำหน้างงๆ พลางมองไปทางโต้ง ซึ่งตอนนี้ก็ทำหน้าตาเหวอๆไม่แพ้กัน
อย่าเข้าใจผิดนะมิวเราไม่ได้เป็นคนเริ่มนะ
“กำลังคุยกันว่ามิวอ่ะมีแฟนรึยัง” น้ำตาลขยายความต่อ
“หืออ” มิวผงะขึ้นมาทันทีไม่คิดว่าจะโดนคำถามนี้แบบไม่ทันตั้งตัว
หญิงเองก็ดูจะไม่ค่อยกับการถามของน้ำตาลแบบนี้ เพราะมันเหมือนเป็นการก้าวกร่ายเรื่องส่วนตัวกันมากเกินไปสำหรับคนที่พึ่งจะรู้จักกันแบบนี้
“ก็...เอ่อ”มิวยังตระกุกตระกักที่จะตอบ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงๆแล้วเขาอยู่ในฐานะใดสำหรับโต้ง
โต้งเห็นมิวมีท่าทีกระอักกระอ่วมกับคำถามก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เพราะเขาเองก็คิดว่าตอนนี้เขาน่าจะเข้าใจมิว เพราะเหตุการณ์ในวันคริสมาสต์ครั้งนั้นมันคงทำให้มิวไม่กล้าที่จะคิดถึงคำว่าแฟนกับเขา อีกอย่างเขาเองก็ไม่เคยสร้างความมั่นใจอะไรให้มิวเลย.... คำถามนี้จึงดูจะเป็นคำถามที่โหดร้ายสักหน่อยสำหรับมิวในตอนนี้
“แค่เวลาจะพักผ่อนยังหายากเลย เรื่องแฟนตอนนี้มันคงหมดสิทธิจะคิดอ่ะ” เอ็กซ์ทำเป็นตลกกลบเกลื่อนช่วยมิว เพราะเขาเองก็สงสารมิวเหมือนกัน จะให้มิวตอบยังไงล่ะในเมื่อคนที่เขาชอบอยู่แค่ตรงหน้าแท้ๆแต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นแฟนอย่างเต็มปากเต็มคำ
“แล้วเมื่อก่อนไม่มีเหรอ เห็นว่าแต่งเพลงให้ใครบางคนด้วยนี่” เอ็มยังคงอยากรู้อยู่
“ออ ใช่แต่มันก็นานแล้วอ่ะ”มิวไม่รู้จะหาคำตอบไหนที่ดีกว่านี้มาตอบ พลางเหลือบไปมองหน้าโต้ง ซึ่งโต้งเองสบตามิวเล็กน้อยก่อนที่จะหลบสายตามองลงไปที่โต๊ะเพราะความรู้สึกผิด เขาไม่น่าชวนมิวมาเลยไม่งั้นมิวคงไม่ต้องโดนรุมถามคำถามที่มิวไม่อยากจะตอบแบบนี้ แต่ที่แย่ที่สุดก็คือเขาเองต่างหากล่ะที่เป็นต้นเหตุของทุกอย่าง
การอ่านหนังสือครั้งนี้เริ่มจะไม่สนุกซะแล้วสำหรับโต้ง เขาไม่ค่อยชอบเลยเวลาที่เฟิร์นชวนมิวคุยบ้างถามโน้นถามนี่บ้าง แถมยังเขยิบไปนั่งชิดมิวซะขนาดนั้น แต่สิ่งที่กวนใจเขามากที่สุดในตอนนี้ก็เรื่องของความสัมพันธ์ของ”เขากับมิว”
................
.......
...
เมื่อเห็นว่าเย็นมากแล้ว มิว เอ็กซ์และหญิงก็ขอตัวแยกกลับไปก่อน ส่วนโต้งเมื่อเห็นว่ามิวกำลังจะกลับจึงลุกออกไปด้วยเช่นกัน เพราะเขาอยากจะไปส่งมิวกลับบ้าน...เหมือนทุกที....
ระหว่างทางหญิงต้องไปหาเพื่อนที่นัดไว้ที่คณะก่อน ส่วนเอ็กซ์แยกกับพวกเขาตรงป้ายรถเมล์
.....
....
ที่ซอยเข้าบ้านมิว
โต้งดูเงียบไปตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่ห้องสมุดแล้ว ถึงจะไม่ได้พูดอะไรแต่มิวเองก็พอจะเดาออก
“โต้งเป็นไรป่าว เห็นเงียบมาตั้งนานแล้ว” มิวหันมาถามอย่างเป็นห่วง
“ป่าวอ่ะมิว ไม่มีไรหรอก” โต้งหันมาตอบพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆมาให้มิว
มิวเองหันกลับไปมองทางข้างหน้าพร้อมทั้งยิ้มออกมา
“ถ้าเป็นเรื่องคำถามตอนนั้นนะ เราว่าโต้งอย่าใส่ใจเลย” โต้งหันมามองมิวอย่างแปลกใจ “เราเข้าใจนะโต้ง ว่าโต้งรู้สึกยังไง เพราะงั้นเราก็เลยไม่สนหรอกว่าเราจะอยู่ในฐานะอะไร สำหรับเราตอนนี้แค่ทำให้โต้งมีความสุขเราก็พอใจแล้วอ่ะ แล้วถ้าวันนึงโต้งจะมีคนพิเศษที่เข้ามาในชีวิตจริงๆเราก็คงจะไม่ขัดขวางอะไร แล้วก็คงจะยินดีไปกับโต้งด้วย ความรักมันแสดงออกได้หลายรูปแบบนะโต้ง ไม่ต้องเป็นแฟนกันก็ได้ขอแค่ให้โต้งมีความสุขก็พอ นี่แหละรูปแบบความรักของเรา” พูดจบมิวก็หันมายิ้มให้ แต่โต้งกลับยิ้มไม่ออก มิวพูดถูก...ตั้งแต่เด็กจนโตมิวมอบความรู้สึกดีๆให้กับเขามาโดยตลอด ให้กำลังใจและปลอบใจเวลาที่เขามีความทุกข์ อีกทั้งยังมาเป็นคนเติมเต็มความสุขที่เขาทำหล่นหายไปเมื่อครั้งยังเด็ก แต่มิวเองกลับไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย แม้กระทั่งสุดท้ายตัวเองจะต้องกลับไปอยู่กับความเหงาเพียงลำพังเหมือนที่ผ่านมาก็ตาม.....
“มิว.....” โต้งเรียกมิวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น มิวเองก็กำลังรออยู่ว่าโต้งจะบอกอะไรเพราะดูเหมือนโต้งมีอะไรจะบอกกับเขาในตอนนี้
“......”
“อ้าวมิวกลับมาแล้วเหรอ” ความเงียบถูกทำลายลง เมื่อป้าออยเดินเข้ามาทัก
“หวัดดีครับป้าออย” มิวยกมือไหว้ผู้สูงอายุตรงหน้า เพราะตั้งแต่เด็กแล้วนอกจากอาม่าก็มีป้าออยนี่แหละที่คอยดูแลเขามาตลอด จนถึงทุกวันนี้
“หวัดดีครับ” โต้งยกมือไหว้เช่นกัน
“แล้วนี่โต้งจะทานข้าวด้วยมั้ยลูกเดี๋ยวป้าจะได้เตรียมไว้ให้ด้วย”เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อืมม ยังดีกว่าครับเพราะเดี๋ยวจะกลับบ้านดึกเอา พรุ่งนี้มีสอบด้วยอ่ะครับ” โต้งอธิบายเหตุผล
“นั้นเรากลับก่อนนะมิว” โต้งยิ้มให้
“อื้ม ขอบคุณนะที่มาส่ง กลับบ้านดีๆล่ะโต้ง” มิวยิ้มตอบกลับไปพร้อมทั้งโบกมือให้เล็กๆ
“เออมิว พรุ่งนี้สอบเป็นวิชาสุดท้ายเหมือนกันใช่ป่ะ” โต้งถามเพราะเขาจำได้ว่ามิวเคยบอกไว้ เพียงแต่ต้องการคำยืนยันอีกครั้ง
“อื้ม ตัวสุดท้ายแล้ว”
“นั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวสอบเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราไปรอที่คณะนะ.... ไปกินไอติมกัน” โต้งบอกแบบเขินๆ
“อื้ม นั้นไว้เจอกันนะ” มิวบอกพร้อมทั้งรอยยิ้ม
“ไว้เจอกัน” โต้งโบกมือให้ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป..พร้อมกับคำพูดในใจที่ยังไม่ได้บอกออกไป แต่ไม่หรอก..เขายังมีโอกาสและที่สำคัญคือ เขาต้องบอกให้มิวรู้ “ให้ได้.....”
........................
...............
......
..
วันรุ่งขึ้น
การสอบของโต้งเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วในช่วงบ่าย แคลคูลัสแม้จะเป็นวิชาที่ยากสำหรับหลายๆคน หากแต่สำหรับคนที่ขยันทำโจทย์บ่อยๆก็คงจะไม่เกินความสามารถไปเท่าไหร่ โต้งเองก็เช่นกัน
หลังจากการสอบเสร็จสิ้นก็เกือบจะบ่าย4โมงแล้ว โต้งแยกจากกลุ่มเพื่อนๆที่กำลังบ่นกันระงมกับความยากของข้อสอบเพื่อที่จะไปรอมิวที่คณะ
เมื่อไปถึงยังม้าหินอ่อนตัวเดิมหน้าตึกคณะของมิว ตัวที่โต้งมักจะมานั่งเสมอเวลาที่มารอมิวที่นี่ แต่วันนี้ที่ตรงนั้นกลับมีร่างเล็กๆที่เขาคุ้นเคยนั่งรออยู่แล้ว
“โต้ง” มิวทักขึ้นทันทีที่เห็นโต้งเดินตรงเข้ามาทางเขา
“เป็นไงบ้างมิว ทำได้มั้ย” โต้งถามเมื่อเดินมาถึงมิวเรียบร้อยแล้ว
“ก็พอได้นะ ดีที่เวลาซ้อมดนตรีช่วงก่อนเอาหนังสือไปอ่านด้วยเวลาพักอ่ะ ไม่งั้นก็คงแย่เหมือนกัน” มิวบอกไปตามจริง
“แล้วโต้งอ่ะ” มิวถามกลับบ้าง
“ก็พอได้ แล้วนี่เอ็กซ์กลับไปแล้วเหรอ” โต้งถามเพราะเห็นมีเพียงมิวอยู่คนเดียวพลางมองไปรอบๆบริเวณ
“อ๋อ มันต้องรีบกลับไปทำธุระที่บ้านต่อน่ะ”
“อ๋อ”
“แล้วนี่ไปกันเลยมั้ย” มิวถามดูเผื่อว่าโต้งอยากจะนั่งพักก่อน
“อื้ม ไปดิ” โต้งยิ้มพยักหน้ารับ มิวเองจึงลุกขึ้นจากม้าหินอ่อนพลางคว้าเป้ที่วางอยู่บนโต๊ะมาสะพายบ่า โต้งเองเมื่อเหลือบมองไปเห็นตุ๊กตากวางเรนเดียตัวน้อยที่เขาให้มิวไว้ก็อดที่จะยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้
ทั้งสองเริ่มเดินออกไปทางหน้าคณะตามเส้นทางเดิมๆที่พวกเขาคุ้นเคย....
“แล้วนี่ไปกินไอติมอย่างเดียวเหรอ”
“แล้วมิวอยากไปไหนต่อมั้ยอ่ะ..”
“ก็แล้วแต่โต้งอ่ะ..”
.
..
..
..
.
ระหว่างทางที่เดินไปร้านไอศกรีมร้านประจำของพวกเขาใกล้ๆมหาลัย มิวหยุดมองร้านกิ๊ฟช๊อปร้านนึงพลางมองผ่านกระจกหน้าร้านเข้าไปยังบริเวณที่ขายพวงกุญแจ
โต้งเองก็มองตามสายตามิวเข้าไปเช่นกันก็ไปสะดุดกับพวงกุญแจเป็นตุ๊กตาหมีขาวมีผ้าพนคอเล็กๆสีฟ้าพันอยู่รอบคอ มองดูก็น่ารักดีเหมือนกัน โต้งคิดในใจ
“มิวอยากได้เหรอ” โต้งเอ่ยถาม แต่มิวไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่อมยิ้มเล็กๆ
“โต้งรอแปบนะ” มิวบอกก่อนที่จะผลักประตูร้านเข้าไปข้างใน โต้งมองผ่านกระจกร้านเข้าไปก็เห็นมิวที่กำลังเดินไปหยิบพวงกุญแจหมีขาวดังกล่าวออกมาพิจารณาเล็กน้อยก่อนที่จะนำมันไปยังบริเวณเค้าท์เตอร์จ่ายเงิน
ไม่นานมิวก็ออกมาจากร้านพร้อมพวงกุญแจดังกล่าว
“น่ารักดีเนอะโต้ง” มิวบอกพลางยื่นมาให้โต้งดู
“ก็น่ารักดี”โต้งบอกไปเรียบๆ นี่มิวจะเอาหมีขั้วโลกนี่มาแทนกวางน้อยของเขาเหรอ
“แล้วมิวซื้อมาห้อยกระเป๋าอีกเหรอ แบบนี้กวางของเราก็หมดความหมายอ่ะดิ” โต้งบอกไปแบบซื่อๆ มิวเองเมื่อได้ยินโต้งบอกแบบนั้นพร้อมทั้งมองหน้าโต้งซึ่งตอนนี้ทำหน้าหงอยๆก็อดที่จะขำไม่ได้
มิวดึงมือของโต้งออกมาก่อนที่จะเอาพวงกุญแจดังกล่าวยัดมือโต้งไป
“อ่ะให้” มิวบอกไป
“หมายความว่าไง” โต้งถามทำหน้างงๆ
“ก็เราซื้อให้โต้งไง เห็นมันน่ารักดี” ได้ยินอย่างนั้นโต้งก็ยิ้มกว้างออกมาได้ พร้อมทั้งเอาพวงกุญแจดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาดูอีกที่ แต่คราวนี้เขากลับคิดว่ามันดูน่ารักกว่าเมื่อกี้ขึ้นอีกเป็นกอง
“ขอบคุณนะมิว” โต้งหันมายิ้มให้ มิวเองก็ยิ้มตอบกลับเช่นกัน
แล้วทั้งสองก็พากันเดินต่อไปเรื่อยๆตามทางที่จะไปยังร้านไอติม
“แล้วทำไมต้องเป็นหมีล่ะมิว”
“ก็เหมาะแล้วไง โต้งเป็นหมีเราเป็นกวาง”
“โหย เราเนี่ยนะเป็นหมี...”
“ถูกต้องนะคร้าบ”
“พูดแบบนี้ระวังหมีจะจับกวางกินนะ”
“.........”
“อ้าวมิว รอด้วยดิ ไมรีบเดินจัง...”
....
..
.
กลัวว่าจะไม่มี เวลาอัพเอายาวๆๆ
ไปอ่านเลยน้า
เม้นให้ด้วย
ที่ร้านไอศกรีม
ขณะที่โต้งและมิวกำลังรอไอศกรีมที่สั่งอยู่ โต้งเองก็กำลังนั่งเล่นพวงกุญแจที่มิวให้อย่างอารมณ์ดี โดยโต้งเองก็ดูจะเห่อมันเป็นพิเศษ ส่วนมิวเองก็มองโต้งแบบยิ้มๆ เพราะตอนนี้ดูเหมือนโต้งเป็นเด็กเล็กๆที่กำลังเห่อของใหม่ที่มีคนซื้อมาให้
“เห่อจังเลยอ่ะโต้ง” มิวยิ้มขำๆ
“อ้าว..” โต้งเงยหน้าขึ้นมามองมิวแบบเหวอๆ ก็คนมันดีใจนี่มิวจะให้ทำไงได้
“ก็คนมันชอบนี้” โต้งบอกยิ้มๆ
“นั้นเราไม่ให้ดีกว่า” มิวเอามือทำท่าจะเข้าไปหยิบคืน แต่โต้งรีบกำมาไว้ที่ตัว
“อ้าวได้ไง ให้แล้วก็ให้เลยดิ”โต้งแสดงความหวงออกมาให้เห็นแบบน่ารักๆ มิวเองเห็นโต้งเป็นแบบนี้ก็ยิ้มกว้างออกมาแถมยังอดที่จะขำเล็กๆไม่ได้ ก็ช่วงนี้โดนโต้งแกล้งอยู่บ่อยๆ มีโอกาสดีๆแบบนี้ก็ขอเอาคืนสักหน่อยละกัน
แต่แล้วอยู่ๆมิวก็เงียบอยู่ครู่หนึ่งเมื่อสายตาไปสะดุดกับชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินจูงมือกันผ่านกระจกร้านไอศกรีมด้านที่เขานั่งพอดี มิวเองได้แต่หันมองตามภาพด้วยสายตาหงอยๆ ก่อนที่จะหันกลับมายิ้มให้โต้งแบบเจื่อนๆแล้วยกแก้วน้ำมาดื่มแก้เก้อ
โต้งเห็นภาพนั้นก็อดที่จะสงสารมิวไม่ได้ อีกอย่าง เขามัวแต่เห่อกับของที่มิวซื้อให้จนลืมไปเลยว่าตั้งใจชวนมิวมากินไอศกรีมก็เพื่อจะบอกสิ่งสำคัญบางอย่างที่เขาเคยไม่กล้าที่จะเอ่ยแต่ตอนนี้เขาพร้อมแล้ว...
“2คนนั้นน่ารักดีเนอะ” มิวพูดออกมาลอยๆ พลางมองออกไปนอกกระจก
“อื้ม น่ารักดี” โต้งสูดลมหายใจเข้าไปมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ซึ่งในขณะนี้ดูออกจะตื่นเต้นหน่อยๆ เขาพอจะรู้แล้วว่าทำไมเวลาดูละครตอนที่พระเอกจะขอนางเอกแต่งงานทำไมมันดูยากเย็นจัง...
“มิว... โต้งว่า..” โต้งเริ่มเอ่ยขึ้นมา
“ว่า..” มิวทวนคำซ้ำพลางรอสิ่งที่โต้งจะบอกอย่างตั้งใจ
“.....เอ่อ...โต้งว่า..เราสองคนมา..”
“เชี่ยโต้ง” เสียงเอ็มตะโกนทักเข้ามา
“แม่ง ออกมาตอนไหนก็ไม่บอกกูเลย ปล่อยให้พวกกูรอ” เอ็มเดินเข้ามาตบหัวโต้งเบาๆ วีเองก็เดินตามเข้ามาเหมือนกัน
“อ้าว ดีครับมิว” เอ็มทักเมื่อเห็นมิวนั่งอยู่ด้วย
“ดีครับ” มิวทักทายกลับ โต้งได้แต่นั่งเงียบ ก็ไหงมาโผล่เอาตอนนี้เนี่ยคนกำลังจะ...แท้ๆ
“แล้วนี่มึงมานานยังว่ะ ไม่เห็นชวนพวกกูเลย” วีเอ่ยถามขึ้น
“ก็พึ่งมา พอดีมาเดินเล่นแล้วก็แว่ะมากินไอติมอ่ะ”โต้งบอก
“เออดีนั้นพวกกูขอนั่งด้วยก็ละกัน แม่งคนเต็มร้านเลยไม่มีที่นั่งว่ะ” เอ็มบอกพลางนั่งลงข้างๆโต้งเรียบร้อยแล้ว
“นั่งด้วยคนนะครับมิว”วีบอกพลางนั่งลงข้างๆมิว
“อ่าครับ” มิวยิ้มตอบกลับไปพลางเขยิบตัวให้วีสามารถนั่งได้สบายๆ
“แม่ง ข้อสอบยากเฮี้ยๆเลยว่ะใครจะไปทำได้วะ”เอ็มเริ่มบ่นเรื่องข้อสอบไม่เลิก
“ถูก.. กูยังได้ไม่ถึงครึ่งเลย เวลาแม่งหมดละ เซ็งเลย” เอ็มสมทบต่อ แต่ตอนนี้โต้งเริ่มเบื่อเพื่อน2คนนี้ขึ้นมาเหมือนกัน ก็ดันเข้ามาไม่ถูกจังหวะนี่ มาตอนไหนไม่มานะดันมาเอาซะตอนสำคัญ.....
......
...
“โชคดีเว้ยโต้ง แล้ววันจันทร์เจอกันที่คณะ”เอ็มบอกลาก่อนที่จะแยกตัวไปพร้อมกับวีที่หน้าร้านไอศกรีม โต้งกับมิวโบกมือลาให้เล็กๆก่อนจะหันหลังพากันเดินไปยังทางตรงกันข้าม
“เพื่อนโต้งนี่ตลกดีเนอะ ดูไม่เครียดเท่าไหร่เลยขนาดทำข้อสอบไม่ได้นะ” มิวชวนโต้งคุย
“ออมันก็บ้าๆบอๆไปตามเรื่องอ่ะมิว” โต้งบอก แต่สีหน้าเขายังดูเซ็งๆไม่หาย
“เออ แล้วเมื่อกี้ตอนอยู่ในร้านโต้งจะบอกอะไรเราเหรอ มัวแต่คุยเรื่องอื่นจนลืมไปเลย”มิวนึกขึ้นได้จึงถามโต้งออกมา
“เอ่อ...” จะให้บอกตอนนี้เหรอมิว ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวไว้หาโอกาสที่เหมาะๆหน่อยดีกว่า
“ก็.... เราจะบอกว่าเดี๋ยวเราไปส่งมิวที่บ้านเหมือนเดิมนะ” โต้งแก้ไปแบบเก้อๆ
“อ่อ ได้ดิ” มิวยิ้มให้
...................
.........
....
ซอยเข้าบ้านมิว
โต้งเงียบมาตั้งแต่บนรถเมล์แล้วไม่ค่อยที่จะชวนมิวคุยมากเหมือนทุกที ก็แน่ล่ะเขากำลังเริ่มเตรียมใจใหม่อีกครั้งเพื่อที่จะบอกกับมิวว่า.....
“อ้าว..ไหงฝนตกซะงั้น”มิวบอกพลางเอามือป้องหัว
“เฮ้ย อะไรเนี่ย” โต้งพูดได้แค่นั้นก็ในเมื่อนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้เดินคุยกันกับมิวตามลำพังแท้ๆแต่ไหงฝนดันมาตกเอาซะได้ วันนี้มันอะไรกันเนี่ย....
ทั้งสองรีบวิ่งไปยังบ้านมิวซึ่งอยู่อีกไม่ไกลเท่าไหร่
เมื่อเข้ามาถึง มิวก็พาโต้งขึ้นไปบนห้องของเขาพลางจัดหาผ้าขนหนูมาให้โต้งไว้สำหรับเช็ดหัวและตัวที่เปียก
“เปียกหมดเลย” โต้งบ่นออกมาเบาๆ
“โต้งจะเปลี่ยนเสื้อก่อนมั้ย เดี๋ยวใช้เสื้อเราไปก่อนละกัน” มิวหันมาบอก
“ก็ดีมิว” โต้งตอบรับ มิวจึงจัดแจงหาเสื้อผ้าตัวใหญ่หน่อยพอที่โต้งจะสามารถใส่ได้
“ขอบคุณนะ” โต้งรับชุดมาจากมิวก่อนที่จะเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ไม่นานโต้งก็กลับมาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ เมื่อมิวเห็นว่าโต้งเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ถึงคิวตัวเองบ้าง
“ที่จริงมิวเปลี่ยนในห้องนี่ก็ได้นะ” โต้งหันมายิ้มให้แบบเจ้าเล่ห์ ในขณะที่มิวกำลังจะเปิดประตูห้องออกไป
“ไม่เอาอ่ะ” มิวตอบกลับพลางเปิดประตูออก
“ไม่เห็นต้องอายเลยมิว ทำอย่างกับโต้ง..” มิวทำหน้ามู่ใส่ก่อนที่จะปิดประตูออกไป โต้งได้แต่ยิ้ม เห็นมิวเขินหน้าแดงทีไรแล้วดูน่ารักดีออก...
โต้งเดินดูของรอบๆห้องมิวไปเรื่อยๆ สุดท้ายไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างด้านที่สามารถมองไปยังบ้านเก่าของเขาได้ แล้วอดีตเก่าๆก็หวนกับมาให้โต้งได้คิดถึง แต่ไม่นานสติเขาก็กลับเข้ามาสู่โลกของความเป็นจริง เขามองดูฝนซึ่งตอนนี้ดูจะตกหนักจนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆพลางมองดูนาฬิกาที่บอกว่าตอนนี้ก็ทุ่มกว่าๆแล้ว แต่ดูท่าว่ากว่าฝนจะหยุดตกก็คงจะดึกเอาการ
โต้งหยิบโทรศัพท์ที่เขาวางไว้บนโต๊ะตอนก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าขึ้นมากดหาเบอร์ของผู้เป็นแม่
“ฮัลโหล แม่เหรอ” โต้งเอ่ยทักเมื่อปลายทางรับสาย
“วันนี้โต้งคงไม่ได้กลับบ้านนะแม่ ติดฝนอยู่บ้านมิวอ่ะ”
“ไม่เป็นไรอ่ะ ไม่ต้องมารับหรอกเดี๋ยวนอนที่นี่แหละแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“พรุ่งนี้”
“ฝากบอกพ่อด้วยนะ”
“ครับ”
“อื้ม”
“ครับ” โต้งกดวางสายไป พร้อมทั้งวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตามเดิม
มิวซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็กลับเข้ามายังห้องอีกครั้งก็พบโต้งซึ่งกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียง
“แล้วนี่โต้งกลับบ้านยังไงอ่ะ” มิวถามเมื่อเห็นว่าฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆ
“อ๋อ เราโทรบอกที่บ้านแล้วอ่ะว่าจะนอนที่นี่” โต้งบอกไป
“แล้วอย่างนี้น้านีย์ไม่ว่าอะไรเหรอ” มิวถามอย่างลังเลใจ
“ก็ไม่ว่าไรนี่” โต้งตอบแบบเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ
“งั้นเหรอ” มิวยังคงดูงงๆละคนกับความแปลกใจ
“แล้วเจ้าของบ้านจะว่าไรมั้ยอ่ะ” โต้งแซวเล่น
“แล้ว...ถ้าเราไม่ให้อ่ะ”มิวพูดพลางเดินไปหยิบ i-podตัวเก่งของเขาบนโต๊ะก่อนที่จะมานอนเล่นข้างๆโต้ง
“ก็จะอยู่อ่ะ” โต้งหันมาด้านข้างพร้อมทั้งชันศอกขึ้นมาพักหัว หันหน้ามาทางมิว
สายตาทั้งสองต่างประสบพบกัน ต่างเข้าใจในอารมณ์ ความหวั่นไหวในใจเกิดขึ้นมาชั่ววูบหนึ่งก่อนที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้ง มิวจึงรีบเอาหูฟังอีกข้างยัดเข้าหูให้โต้งทันที อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พอที่จะห้ามใจตัวเองได้ ก่อนที่อะไรมันจะเกินเลยไปมากกว่านี้..
“ฟังเพลงกันดีกว่านะโต้ง” มิวบอกออกมาโดยไม่กล้าสบสายตาโต้งอีก
โต้งเองก็ได้แต่ยิ้มเก้อๆ พลางล้มลงนอนหงายมองเพดานอยู่ข้างๆมิว โดยมีเสียงเพลงจาก i-pod เป็นตัวเชื่อมโยงหัวใจและความรู้สึกของพวกเขาอยู่
“ฝนตกแบบนี้ บรรยกาศก็ดีไปอีกแบบนะ” มิวชวนคุย
“อื้ม เย็นดี” โต้งบอกยิ้มๆ
“เพลงอะไรอ่ะมิว เพราะดี” โต้งถามขึ้นมาเพราะเขาไม่เคยได้ยินเพลงนี้เลย
“อ๋อ เป็นเพลงใหม่ของเราอ่ะ ชื่อเพลง ยังอยู่ในใจ” มิวบอกมา
“อ่อ ไว้วันหลังไรท์ให้เราบ้างดิ”
“ได้ดิ” มิวนอนยิ้ม
“ความหมายดีเนอะมิว” โต้งบอก
“อืม”
เสียงเพลงยังคงดำเนินต่อไป พาฝันและจินตนาการของพวกเขาให้ล่องลอยออกไปยังความเว้องว้างของสายฝนภายนอก
โต้งรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งบรรยกาศที่เย็นสบายๆ เพลงเพราะๆ แถมยังอยู่กันเพียงลำพังกัน2คน ใช่ละนี่แหละโอกาสที่เหมาะที่สุดแล้ว...
แต่ขอเวลาทำใจสักหน่อย อืม เพลงนี้จบก่อนละกัน
......
......
อ้าวจบแล้วเหรอ ยังไงดีๆ ตื่นเต้นอยู่เลย ขออีกเพลงก่อนละกัน
จะเริ่มยังไงดีนะ แล้วถ้ามิวไม่โอเคล่ะ... หรือว่าไว้วันหลัง?
.
..
เฮ้ยจบอีกเพลงแล้วเหรอ ยังไม่พร้อมเลย อีกสักเพลงละกันคราวนี้ล่ะต้องบอกให้ได้
......
... จบแล้ว เอาไงดีเนี่ย มิวยิ่งเงียบๆแบบนี้เดาอารมณ์ตอนนี้ไม่ออกเลย
เอาว่ะ ลองดูเป็นไงเป็นกัน
1
2
เอาใหม่ๆ นับถอยหลังดีกว่า
10
9
8
7
6
5
4
3
......
2
....
1...
..
..เอ่อ 3
...
2...
1..
..
...
..
“มิว”โต้งรวบรวมความกล้าทั้งหมดเท่าที่ตัวเองมีเพียงแค่เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา
“เอ่อ...เรารู้นะว่ามันอาจจะฟังดูแปลกๆ..ไม่ดิๆ ก็ปกตินี่”
“คืองี้ แบบว่าเราคิดมาดีแล้วอ่ะว่าเรากับมิว เราน่าจะ” โต้งชันศอกขึ้นมาเพื่อที่จะได้เห็นหน้าและสบสายตาคนข้างๆให้ชัดเจน เวลาที่เขาจะเอ่ยมันออกไป...
“มิว....อ้าว”
“หลับแล้วเหรอ” โต้งมีสีหน้าผิดหวังมาก แต่สุดท้ายก็ปล่อยยิ้มออกมาอายตัวเอง กับการกระทำและคำพูดเปิ่นๆเมื่อกี้นี้
โต้งจ้องมองหน้ามิวขณะหลับ ก็อดที่จะอมยิ้มกับความน่ารักไม่ได้
เขาก้มลงไปอย่างช้าๆ ริมฝีปากบางๆสัมผัสกับแก้มนุ่มๆอย่างแผ่วเบา เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง...
โต้งค่อยๆเอามืออีกข้างถอดหูฟังออกจากหูของมิวออกพร้อมทั้งละริมฝีปากออกมาจากแก้มใสเช่นกัน
เขาปิดเครื่องพร้อมทั้งเอามันไปวางไว้บนโต๊ะตามเดิม ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนใกล้ๆมิว
โต้งโอบมิวเข้ามาใกล้ๆ มิวเองก็เขยิบเข้าไปในวงแขนของโต้งอย่างไม่รู้ตัว โต้งอมยิ้มให้ก่อนที่จะหลับตาพริ้มแล้วก็ผล็อยหลับตามไปในไม่ช้ากับบรรยกาศเย็นๆแต่แสนจะอบอุ่นของสายฝนพรำ
........
....
..
เช้าวันต่อมา
แสงแดดยามเช้าเริ่มแยงตาของมิว เขาเองก็เริ่มขยับตัวเล็กๆแต่รู้สึกว่าจะขยับตัวไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ ก็โต้งเล่นกอดเขาทั้งคืนแบบนี้แถมตอนนี้ยังเอาหน้ามาซุกตรงต้นคอของมิวอีก
มิวเองแม้จะรู้สึกอึดอัดบ้างแต่ก็รู้สึกดีมากกว่าจนอดที่จะยิ้มให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเมื่อคืนเขาหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัวเลย มารู้อีกทีก็อยู่ในสภาพนี้ซะแล้ว
ลมหายใจอุ่นๆของโต้งยังคงสัมผัสต้นคอของมิวอย่างต่อเนื่องเป็นจังหวะของการหายใจอีกทั้งกลิ่นกายจากตัวโต้งจางๆต่างก็ผสมผสานกันจนทำให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนนี้รู้สึกดีจนแทบจะไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเลย ....
แต่...เวลาก็คงต้องเดินต่อไป......
มิวพยายามขยับตัวให้ออกจากวงแขนของโต้ง ซึ่งโต้งเองตอนนี้ก็พอจะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“มิวตื่นแล้วเหรอ” โต้งเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่งัวเงียแต่แขนก็ยังคงเกาะอยู่ที่เอวของมิวอยู่
“อื้ม เช้าแล้วอ่ะ มะคืนหลับไปตอนไหนไม่รู้เรื่องเลย” มิวบอกพลางแกะมือโต้งออกจากตัว
“วันนี้วันหยุดอ่ะ นอนต่ออีกหน่อยละกันนะ” ว่าแล้วเขาก็เอาแขนข้างเดิมกอดมิวอีกครั้งพร้อมทั้งเขยิบตัวเข้ามา หลับตาพริ้มพร้อมที่จะหลับต่อไปอีกครั้ง
“แต่เราตื่นแล้วอ่ะโต้ง จะไปล้างหน้าแล้ว”มิวบอกพลางพยายามแกะแขนโต้งออกจากตัว
“อื้ม..”โต้งยังคงไม่ปล่อยพร้อมทั้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นอนต่อไป
“อื้มก็ปล่อยเราดิ”มิวบอกพร้อมทั้งทำหน้าหาเรื่องคนตรงหน้า
“อือ..”
“ ”
“ ”
“ ”
“ได้ๆ เล่นแบบนี้เหรอ” มิวว่าแล้วก็เอามือไปบีบจมูกโต้ง เพื่อที่โต้งจะได้ไม่สามารถหายใจได้
“ ”
“กวนเรานอนเหรอมิว..”มือที่เคยกอดอยู่ตอนนี้กำลังจิ้มเอวมิวอยู่ แกล้งเราเหรอมิวขอเอาคืนบ้างนะ
“ไม่เอาแล้วโต้ง จั๊กจี๋นะ...”มิวได้แต่ดิ้นไปมาพร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก นั่นยิ่งทำให้โต้งยิ่งได้ใจและคงไม่เลิกแกล้งง่ายๆ
“ก็มิวแกล้งเราก่อนนะ”
“ใครกันแน่อ่ะโต้ง โอ้ยพอแล้วโต้ง...”
..
แล้วเช้านี้ก็เป็นเช้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะต่างกับทุกวันของมิว มันเป็นความสุขเล็กๆที่น้อยครั้งมิวจะได้รับรู้... การตื่นนอนที่ไม่ได้มีเพียงตัวเองแต่มีคนอยู่ข้างกาย คนที่ยิ้มให้เราในตอนเช้าที่ตื่นนอน พูดคุยหยอกล้อได้โดยไม่ต้องอายใคร คอยเติมกำลังใจในการเตรียมตัวออกไปสู่โลกแห่งความจริงที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปได้..
หลังจากที่เล่นกันได้สักพัก ทั้งโต้งและมิวก็หมดแรงนอนมองหน้ากันอยู่บนเตียง
เห็นหน้ามิวแบบนี้ก็อดที่จะหมันเขี้ยวไม่ได้ โต้งคิดพลางเอามือไปขยี้จมูกมิวเบาๆ มิวก็ได้แต่ยิ้มกับการกระทำที่เหมือนเด็กๆของโต้ง
“แล้ววันนี้มิวไปไหนป่าวอ่ะ” โต้งปล่อยมือจากจมูกมิวแล้ว
“ยังไม่รู้เลย วันนี้ไม่มีซ้อม ก็..คงไม่ได้ไปไหนมั้ง ไมเหรอ”
“ป่าวอ่ะ ถามเฉยๆนึกว่ามิวต้องออกไปไหนซะอีก”โต้งบอก
“แล้วโต้งอ่ะ”มิวถามกลับบ้าง
“ไม่ได้ไปไหนอ่ะ”
“แล้วนี่จะกลับบ้านเลยป่าว”
“ก็ยังไม่รู้เลย อยากอยู่ที่นี่นานๆอ่ะ”โต้งยิ้มบอก มิวเองได้แต่ยิ้มเก้อๆออกมา เขินก็เขินไม่รู้ทำไมพักนี้โต้งชอบทำให้เขารู้สึกแบบนี้เรื่อยเลย
“ไม่เอาแล้ว.. ไปล้างหน้าดีกว่า” มิวรีบลุกจากเตียงก่อนที่โต้งจะเห็นว่าเขาหน้าแดงขึ้นไปมากกว่านี้ โต้งเองก็ได้แต่มองตามมิวไปพลางยิ้มให้กับตัวเอง
.................
..........
.....
ไม่นานมิวก็เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งแต่โต้งยังนอนเล่นอยู่บนเตียงอยู่
“มิว..” โต้งหันมาหา
“ว่าไงโต้ง” มิวเดินผ่านหน้าโต้งเพื่อไปเปิดคอมบนโต๊ะ
“วันนี้ไปสยามกันมั้ย”
“อืม..เอาดิ แล้ว..นี่โต้งไม่กลับบ้านก่อนเหรอ” มิวถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะกลัวว่าที่บ้านโต้งจะเป็นห่วงเอา
“เดี๋ยวเราค่อยโทรไปบอกก็ได้ว่าจะกลับเย็นๆ” โต้งตอบเรียบๆ
“ เอางั้นเหรอ” มิวซึ่งนั่งลงบนเก้าอี้หน้าคอมหันกลับมาถาม โต้งไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้ายิ้มให้
“แล้วนี่โต้งหิวยังอ่ะ” มิวถามต่อเพราะเห็นว่านี่ก็เริ่มสายแล้ว
“ก็เฉยๆนะ”โต้งตอบตามจริง
“นั้นเดี๋ยวโต้งไปล้างหน้าล้างตาก่อนละกัน แล้วเดี๋ยวลงค่อยไปหาอะไรกินกัน”มิวบอกไป
“อื้ม” หลังตอบรับโต้งจึงค่อยๆลุกออกจากเตียง ส่วนมิวเองก็เริ่มให้ความสนใจกับคอมพิวเตอร์ข้างหน้าระหว่างที่โต้งไปเข้าห้องน้ำ
.......
....
..
ที่สยาม
มิวกำลังหยิบซีดีมาดูเพลงในอัลบั้ม ส่วนโต้งเองก็มองดูไปทั่วๆเพื่อหาซีดีเพลงที่ตัวเองอยากได้เช่นกัน
“มิว เคยฟังเพลงในอัลบั้มนี้ป่ะ” โต้งหยิบซีดีขึ้นมาดูแผ่นหนึ่ง
“อัลบั้มอะไรอ่ะ” มิวยังคงไม่ได้ละสายตาจากแผ่นซีดีที่เขาถืออยู่
“ก็....นี่อ่ะ” เมื่อเห็นว่ามิวไม่ได้สนใจเท่าไหร่ โต้งจึงยื่นซีดีแผ่นนั้นไปตรงหน้ามิว
มิวมองดูอัลบั้มดังกล่าวก็เห็นว่า มันอัลบั้มของเขานี่นา....
“ก็ดีนะ เพลงของเขาเพราะดี” มิวตอบเรียบๆเหมือนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
“ได้ข่าวว่านักร้องนำในวงแต่งเพลงเองด้วยนี่” โต้งยกแผ่นซีดีขึ้นมาดูแล้วก็ถามออกไป
“เหรอ”
“อื้ม ยิ่งเพลงกันและกันนี่เห็นว่าแต่งให้คนพิเศษด้วยนะ”โต้งยังคงถามต่อไปเมื่อเห็นว่ามิวทำเป็นไม่ได้สนใจ
“แล้วไงอ่ะ” มิวแกล้งถามออกไป
“ก็...”โต้งกำลังจะตอบกลับไป
“อุ้ย!! น้องมิวใช่ป่าวคะ” หญิงสาวคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อเธอหันมามองทางมิวขณะที่เธอมองหาเพลงอยู่
“อ่ะครับ” มิวตอบไป
“โห ตัวจริงนี่น่ารักกว่าในทีวีอีกนะเนี่ย”เธอบอก
“เอ่อ..ขอบคุณครับ...” มิวตอบแบบเก้อๆเขินๆ
“แล้วนี่น้องมิวมาเดินเล่นเหรอ”เธอยังชวนคนตรงหน้าคุยต่อ ก็ในเมื่อนานๆทีจะเจอนักร้องคนที่ชอบทั้งทีก็เป็นธรรมดาที่อยากจะใกล้ชิด
“อ่อครับ มากับเพื่อนอ่ะครับ” มิวหันไปมองทางโต้งพลางเอามือชี้ไปที่โต้ง โต้งเองก็ผงกหัวให้เล็กๆ
“เนี่ยพี่ชอบเพลงน้องมากเลย ซื้อซีดีเก็บไว้เรียบร้อยแล้วนะ” เธอบอกให้มิวรับรู้ มิวเองก็ได้แต่ยิ้มให้ แต่ก็อดที่จะดีใจไม่ได้อยู่เหมือนกัน
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยอุดหนุน..”มิวบอกพร้อมทั้งยิ้มขอบคุณส่งไป
“ไหนๆก็เจอทั้งทีแล้วพี่ขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยนะคะ”เธอร้องขอมาที่มิว
“เอ่อ ได้ครับ” มิวตอบไปแบบเก้อๆ
“นั้นพี่ฝากเพื่อนมิวถ่ายให้พี่ทีนะ” เธอบอกมาทางโต้งพลางส่งโทรศัพท์มือถือให้ โต้งเองก็รับมาด้วยหน้าตาแบบงงๆ
“ขอบคุณนะน้อง”เธอบอกเมื่อโต้งรับโทรศัพท์มาแล้ว
มิวเองก็รู้สึกเขินๆเช่นกันเพราะเริ่มมีคนมามองและให้ความสนใจพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม
“1..2..3” โต้งนับถอยหลังก่อนจะกดถ่ายไป พร้อมทั้งกำลังจะส่งกล้องคืนให้แก่เจ้าของ
“ขออีกรูปนะคะน้อง” เธอบอกโต้งทันทีเมื่อเห็นว่าโต้งกำลังยื่นกล้องส่งกลับมาให้
“อ่ะครับ” โต้งตอบไปเรียบๆ
“1..2..3 เฮ้ย!!!” โต้งอุทานขึ้นมาเบาๆเมื่อเห็นว่าพี่สาวคนนั้นแอบฉวยโอกาสหอมแก้มมิวขณะที่โต้งกำลังกดถ่ายภาพนั้น ส่วนมิวก็ได้แต่ทำหน้าเหวอเมื่อถูกคนแปลกหน้าหอมแก้มในที่สาธรณะแบบนี้
“ขอบคุณนะน้องมิว แล้วพี่จะติดตามผลงานน้องไปเรื่อยๆนะคะ พี่ไปก่อนนะ” เธอเดินเข้าไปเอากล้องจากมือของโต้งก่อนที่จะหันไปโบกมือเล็กๆให้กับมิวที่ยังคงงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่
.
ทั้งสองคนยังคงเดินเล่นต่อไปเรื่อยๆ แต่ดูโต้งจะเซ็งๆกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่ เมิวเองมองหน้าโต้งก็พอจะเดาได้ว่าโต้งเป็นอะไร
“เป็นไรอะโต้ง” มิวแกล้งถามยิ้มๆ
“ป่าวอ่ะ” มิวมองแล้วก็ยิ้มกว้างขึ้น ก็คำพูดกับสีหน้ามันแย้งกันออกจะขนาดนี้ยังจะบอกเปล่าอีก
“ถ้าเรื่องเมื่อกี้นะ มันเป็นเรื่องปกติอ่ะโต้ง” มิวแกล้งบอกไป
“โดนหอมแก้มเนี่ยนะปกติ” โต้งบอกด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ แต่เขาก็เข้าใจนะว่ามิวเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดขึ้นเหมือนกันแต่มันก็อดไม่ได้นี่....
“อื้ม นี่ยังน้อยไปนะเมื่อตอนอัลบั้มออกใหม่ๆอ่ะเคยเจอยิ่งกว่านี้อีก” มิวยังคงพูดแกล้งโต้งต่อไป
“เฮ้ย...จริงอ่ะมิว” โต้งดูตกใจขึ้นมา แต่มิวกลับอมยิ้มจนแทบจะอดไม่ได้ โต้งมองหน้ามิวตอนนี้แล้วก็พอจะดูออกว่ามิวกำลังแกล้งเขาอยู่
“ล้อเล่นอ่ะโต้ง เนี่ยเราก็พึ่งเคยเจอเหมือนกัน ยังตกใจเหมือนกันเลย” มิวเฉลย โต้งจึงยิ้มออกมาได้
“ค่อยยังชั่ว...แบบนี้ก็มีแต่เราคนเดียวอ่ะดิ ที่ทำแบบนี้กับมิวได้” โต้งบอกไปยิ้มๆแบบมีนัย
“แบบนี้หมายถึงแบบไหนอ่ะ” มิวเริ่มงงกับคำพูดโต้งซะเองแล้วตอนนี้
“ก็แบบนั้นแหละ”
“แบบนั้นอ่ะคือยังไงอ่ะโต้ง บอกมาเลย”
“ก็รู้ๆอยู่ยังจะถามอีกมิว”
“หมายความว่าไงอ่ะ”
“ไม่เอาไม่พูดแล้วไปดูหนังกันดีกว่า”
“บอกมาก่อนดิโต้ง”
“ไม่เอา..”
“โต้ง.....
........
...
.
ที่หน้าโรงหนัง
ตอนแรกโต้งตั้งใจว่าจะหาหนังที่โรแมนติกดูทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ค่อยจะสันทัดสักเท่าไหร่แต่วันนี้ขอพิเศษหน่อยละกัน เพื่อเขาจะได้มีโอกาสอีกครั้งหลังจากที่ล้มเหลวมาตลอด
สุดท้ายกลับได้หนังผี เพราะมิวบอกว่าอยากดูเรื่องนี้นานแล้วเห็นในโฆษณาแต่ไม่มีเวลาว่างมาดูสักที
ถึงจะเป็นหนังที่ผิดแนวไปหน่อย...ก็ไม่เป็นไร เพราะที่สำคัญมันอยู่ตรงที่นั่ง... โต้งเลือกที่จะนั่งหลังๆริมๆหน่อยเพราะจะได้เป็นส่วนตัวดี แล้วคราวนี้ล่ะเขาต้องขอมิวเป็นแฟนให้ได้เลย...
“ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงแน่ะ ไปหาไรกินก่อนมั้ยโต้ง” มิวบอกเพราะเห็นว่านี่ก็เที่ยงนิดๆแล้ว
“ก็ดีมิว แล้วกินไรดีอ่ะ” โต้งถามเพราะเขาเองก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน
“แล้วโต้งอยากกินอะไรอ่ะ” มิวถามกลับเพราะตัวเขาอ่ะกินอะไรก็ได้... เอาอะไรที่โต้งชอบดีกว่า
“อืม...”โต้งคิดนิดนึง เพราะคำถามนี้เป็นคำถามที่ยากมากๆไม่ใช่แต่เฉพาะพวกเขาเท่านั้น แต่ทั้งกับคนทั่วๆไป กับคำถามที่ว่าที่ว่า ‘ กินอะไรดี....?’
“ฟูจิมั้ยมิว ไม่ได้กินนานแล้วอีกอย่างไม่ต้องเดินไกลด้วย” โต้งบอก
“อืม..ได้” มิวยิ้มตอบกลับมา
แล้วทั้งสองก็เดินไปยังร้านที่พวกเขาได้ตัดสินใจกันแล้ว แต่เมื่อไปถึงก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดเอาไว้กับจำนวนคนที่ค่อนข้างจะมากเอาการ
“คงต้องรอหน่อยอ่ะมิวเดี๋ยวโต้งไปจองคิวก่อนนะ มิวยืนรอแปบ” โต้งบอกพลางเดินแยกไปจากมิว
“มิว!!” เสียงผู้หญิงที่คุ้นหูดังมาไม่ใกล้กับจุดที่เขายืนอยู่ มิวจึงหันไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน
หญิงและจอยโบกมือให้มิวพร้อมทั้งวิ่งเข้ามาหา มิวยิ้มให้และโบกมือตอบกลับไป
“มิวมาเที่ยวเหรอ”หญิงถามขึ้น
“อื้ม แล้วหญิงมาเที่ยวเหมือนกันเหรอ” มิวถามกลับไปบ้าง
“อ๋อ ก็นัดเพื่อนเก่ามาเดินเล่นอ่ะ นี่จอยนะ”หญิงแน่ะนำเพื่อนให้มิวรู้จัก
“หวัดดีครับ”มิวยิ้มทัก
“ดีค่ะ”จอยตอบแบบมีจริตหน่อยๆ ก็เจอกับนักร้องนำวงออกัสทั้งทีก็ขอแอ๊บน่ารักสักนิดนึง หญิงเองก็ได้แต่มองเพื่อนด้วยสีหน้าที่รู้ทัน
“แล้วนี่มิวมาคนเดียวเหรอ” หญิงถามเมื่อเห็นมิวยืนอยู่คนเดียว
“ป่าวอ่ะ” มิวไม่ได้ตอบอะไร แต่ชี้มือไปทางโต้งซึ่งกำลังยืนคุยกับพนักงานหน้าร้านอยู่
“อ่อ“หญิงยิ้มให้มิวแบบมีเลศนัย
“นั่นโต้งนี่อีหญิง” จอยทักเมื่อเห็นโต้ง
“อืม”หญิงตอบไปแค่นั้น ไม่นานโต้งก็หันกลับมาทางมิว
“อ้าว....” โต้งทำหน้าแปลกใจที่เห็นเพื่อนเก่า หญิงซึ่งยืนอยู่ส่งยิ้มทักมาให้
“ไงโต้งไม่ได้เจอกันตั้งนาน” จอยถามขึ้น
“ก็ดีอ่ะ แล้วนี่มาเที่ยวกันเหรอ”
“อื้มไม่ได้เจออีหญิงนานแล้วอ่ะเลยนัดมาเดินเล่น แต่กำลังจะหาอะไรกินอยู่อ่ะ”จอยบอก
“ออ” โต้งออกเสียงรับรู้ หวังว่าคงไม่คิดจะกินที่นี่นะเพราะวันนี้เขาอยากอยู่กับมิวตามลำพังบ้าง
“แล้วนี่โต้งมากินข้าวเหรอ” จอยถามต่อ โต้งก็ได้แต่พยักหน้าเล็กๆรับ
“เออนั้นเรากินที่นี่ไหมอีหญิง” เธอถามความเห็นเพื่อน ในขณะที่คิ้วโต้งเริ่มขมวดขึ้น หวังว่าหญิงจะปฏิเสธนะ
“จะดีเหรอ”หญิงมองหน้าโต้งอย่างเข้าใจ
“ดีดิ จะได้คุยกันด้วยไม่ได้เจอกันตั้งนาน แถมยังได้กินข้าวกับมิวอีก..”จอยบอกพร้อมทั้งหันไปโปรยเสน่ห์ใส่มิวเล็กๆ แต่โต้งกลับไม่สนใจเพราะรู้ว่ายังไงมิวก็ไม่สนใจอยู่แล้ว... แต่ว่า ไปกินร้านอื่นเถอะถือว่าเขาของร้อง...
“นั่นดิหญิง กินด้วยกันแหละ คนเยอะๆจะได้สนุกๆ” มิวบอกพร้อมทั้งยิ้มให้ โถ่มิวไปชวนซะงั้น อุตส่าห์หวังว่าวันนี้จะได้อยู่กันแค่2คนแล้วแท้ๆ...
..................
......
ระหว่างทานข้าวจอยกับหญิงต่างก็ชวนมิวคุยกันอย่างสนุกสนาน เว้นก็แต่โต้งซึ่งไม่ค่อยคุยอะไรแถมยังดูค่อนข้างจะเซ็งเอามากๆด้วยซ้ำไป หญิงเองก็พอจะเข้าใจแต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ เราไม่ได้ตั้งใจนะ มิวอ่ะชวนเอง...
............
........
.....
หน้าร้านฟูจิหลังกินข้าวเสร็จ
“นั้นไว้เจอกันใหม่นะคะมิว” จอยยังคงแอ๊บแบ๊วให้มิวก่อนที่จะแยกกันไป หญิงเองก็โบกมือมาให้มิวเล็กๆก่อนที่จะมายิ้มขำให้โต้ง
“ไปรอหน้าโรงเลยมั้ยโต้ง ใกล้ได้เวลาหนังฉายแล้ว” มิวบอกหลังจากที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
“อื้ม” โต้งพยักหน้ายิ้มรับ ยังไงซะเข้าโรงแล้วเขาก็ได้อยู่กับมิวตามลำพังอยู่ดีนั่นแหละ แล้วคราวนี้เขาจะต้องขอมิวเป็นแฟนให้ได้..
....................
............
...
ในโรงหนัง
โต้งและมิวเข้ามานั่งยังที่ๆพวกเขาจองเรียบร้อยแล้วและก็เป็นอย่างที่โต้งคิดเพราะตอนนี้มีเขากับมิวเท่านั้นเองในบริเวณนั้น ซึ่งขณะนี้ทั้งสองก็กำลังนั่งดูตัวอย่างหนังกันอยู่
โต้งหันหน้าไปมองมิวเล็กน้อยในขณะที่มิวกำลังให้ความสนใจกับตัวอย่างหนังนั้นอยู่
โต้งค่อยๆเอื้อมมือเพื่อที่จะเข้าไปกุมมือของมิวซึ่งตอนนี้กำลังวางอยู่บนพนักแขน
มือของโต้งค่อยๆเลื่อนเข้าไปหาที่ละนิด ทีละนิด ทีละนิดอย่างช้าๆแล้วในที่สุด..
“ขอโทษนะครับของทางนิด” ชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านหน้าเขาไปพร้อมทั้งนั่งลงข้างๆกับมิว.... โต้งชะงักมือทันที ทำไมนะทั้งๆที่อุตส่าห์เลือกแล้วนะ...
หนังกำลังจะเริ่ม คนเองก็ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ สุดท้ายบริเวณที่พวกเขานั่งก็รายล้อมไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ผิดไปจากความตั้งใจของโต้งในตอนแรกอย่างมาก โต้งได้แต่นั่งเซ็งกับสิ่งที่เกิดขึ้น....
แต่สุดท้ายความรู้สึกดังกล่าวก็ถูกกลบไปด้วยความตื่นเต้นและความน่ากลัวของหนังที่พวกเขาดู ทั้งลุ้นและตกใจไปกับหนังจนเขากับมิวจับมือกันตั้งแต่ตอนไหนก็ยังไม่รู้ตัว..
...........
.......
...
ที่ซอยเข้าบ้านมิว
“ยังกลัวไม่หายเลยอ่ะ สงสัยคืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆ” มิวบอก
“อืม..” หลังจากหนังจบโต้งก็กลับมาอยู่ในอารมณ์เซ็งเหมือนเดิม
“แล้วนี่โต้งไม่กลัวเหรอ”มิวถามกลับบ้าง
“ก็มีบ้างอ่ะ” โต้งตอบไปแบบเรื่อยๆ
“เหรอ” มิวบอก ดูโต้งไม่ค่อยสนใจเรื่องที่เขาพูดเลย อีกอย่างตั้งแต่ออกโรงมาก็เห็นเงียบแบบนี้มาตลอดเลย สงสัยหนังไม่สนุกมั้ง
“แล้วนี่โต้งจะอยู่กินข้าวเย็นกันก่อนมั้ยหรือจะกลับเลย” มิวเปลี่ยนเรื่องคุย
“คงกลับเลยอ่ะ นี่ก็เย็นแล้วเดี๋ยวแม่จะเป็นห่วงเอาอ่ะมิว”โต้งตอบไป ทำไมนะทั้งๆที่มีโอกาสตั้งหลายครั้งแท้ๆแต่สุดท้ายกลับต้องมีอะไรมาทำให้ไม่สามารถพูดได้สักที โอกาสดีๆก็ไม่ได้จะมีให้บ่อยแท้ๆ ฟ้ากลับแกล้งกัน ได้แล้วนี่เขาจะหาโอกาสบอกมิวได้เมื่อไหร่นะ.... เฮ้ออออออ
.
“เป็นแฟนกันนะ”
“ ”
“ ..”
“ม..เมื่อกี้ โต้งว่าไรนะ” มิวถามย้ำเพราะเขาเองไม่ค่อยจะแน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้สักเท่าไหร่
“เราบอกว่า เป็นแฟนกับเรานะมิว” โต้งขยายความให้ชัดเจนขึ้น ด้วยน้ำเสียงเรียบๆเหมือนเดิม
“ทำไมอยู่ๆ โต้งก็ถามแบบนี้อ่ะ คิดดีแล้วเหรอ?” มิวยังคงคิดว่าโต้งจะอำอะไรเขาอีก แต่โต้งกลับหยุดเดินพร้อมทั้งจับมือมิวให้หยุดเดินด้วยเช่นกัน
โต้งยิ้มให้มิวอย่างหมดใจ เขาคิดดีแล้ว ความทรงจำทั้งหมดของเขาที่มีต่อมิวมันยืนยันว่าใช่ และใจเขาเองก็บอกอย่างนั้น จะมีสักกี่คนกันที่จะห่วงเขา ทำเพื่อเขา อยู่และให้กำลังใจกันแบบนี้ โดยไม่หวังอะไรตอบแทนกลับมาเลย รอยยิ้มที่มีให้กันทุกครั้งที่พบหน้ามันแสดงให้เห็นถึงความดีใจทีเราได้เจอกัน เห็นหน้ากันหรือแม้แต่ได้ยินเสียงของกันและกันโดยมีเสียงหัวเราะและน้ำตาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสุข ความอิ่มเอมใจ ความห่วงใย ความคิดถึง และอีกหลายๆเหตุผลที่ไม่สามารถจะบอกออกมาได้ด้วยคำพูดแต่มันสามารถรับรู้ได้ด้วยใจ......
“เพราะเราคิดไงมิว เราถึงกล้าพูดแบบนี้”โต้งยิ้มอย่างมั่นใจมาให้มิว
“เราเคยพลาดเพราะการไม่ได้คิดถึงใจตัวเอง แต่ว่า...คราวนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เราแน่ใจกับสิ่งที่เราเลือกแล้ว..มิว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กลับมิวแล้วอ่ะ”โต้งยังคงยิ้มอย่างมั่นใจเพื่อเป็นการย้ำให้มิวแน่ใจกับสิ่งที่เขาได้เลือกแล้ว
“.........”
“ .”
มิวเงียบไปครู่หนึ่ง โต้งเองก็กำลังลุ้นด้วยหัวใจที่หวั่นไหวกับการรอคำตอบตรงหน้า แต่ก็ยังคงยิ้มส่งมาให้มิวอยู่ตลอด มิวก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยิ้มกว้างมาให้โต้ง
“อื้ม.... แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังนะโต้ง”มิวบอกยิ้มๆ
“ไม่เสียใจอยู่แล้ว”โต้งส่งยิ้มเป็นการยืนยันตอบกลับมาพลางกระชับมือที่กุมมือมิวไว้ให้แน่นขึ้นอีก
“ป่ะ....”โต้งบอกมิว มิวเองก็ได้แต่พยักหน้ารับและก้าวเดินออกไปกับโต้งพร้อมกัน..
..................
แม้หนทางข้างหน้าจะยาวไกลแค่ไหนหรือมีอุปสรรคสักเพียงใด แต่เขาก็เลือกแล้วและจะเดินเคียงกันไปแบบนี้เรื่อยไป ตราบใดที่ยังคงมี “กันและกัน”...............
Delete Scene
โต้งกลับไปแล้ว มิวเองก็อดใจหายไม่ได้เพราะช่วง2วันนี้เขาอยู่กับโต้งตลอดเลย ทั้งหัวเราะบ้าง ยิ้มให้กันบ้าง อย่างน้อยเขาก็ไม่เหงาทุกครั้งเวลาที่มีโต้งอยู่ด้วย
มิวเดินขึ้นไปยังห้อง มันยังคงเงียบเหงาอยู่เหมือนเดิมเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว....
มิวเดินไปนั่งยังขอบเตียงเฝ้ามองมายังตัวต่อไม้ สิ่งสำคัญที่เสมือนตัวแทนของคนที่เขารัก.....
.....
....
“ขอบคุณนะ ”
.
ไม่มีคำพูดใดหยุดออกมาจากปากของมิวอีก แต่สิ่งที่ออกมามีเพียงน้ำตา ที่ตอนนี้เริ่มที่จะไหลมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้...
....
มิวเริ่มพยายามปาดน้ำตาออกแต่มันกลับยิ่งไหลมากขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้...
....
โต้งไม่รู้หรอก...ว่าสิ่งที่เขาพูดมันทำให้ชีวิตเหงาๆของคนๆนึง มีความสุขมากเพียงใด กับสิ่งที่เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดหรือคาดหวังเลยว่าจะได้รับ....
โต้งนำมันมาคืนเขาอีกครั้ง.....
ที่ตรงนี้กับน้ำตาที่โต้งเคยเอาไปในวันคริสมาสต์....
แต่วันนี้โต้งนำมันกลับมาคืนให้เขาอีกครั้ง ณ ที่ตรงนี้อีกเช่นกัน....
หากแต่ต่างกันตรงที่น้ำตาครั้งนี้มันเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า....ความสุข
......
-โต้งไม่รู้หรอกว่าเราดีใจแค่ไหนกับสิ่งที่โต้งบอกมา หัวใจเราแทบจะหยุดเต้น ขาเราอ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ไหวเลยรู้มั้ย แล้วน้ำตามันก็พยายามเหลือเกินที่จะไหลออกมา เราอยากจะตระโกนออกมาให้โลกรู้ว่าเราดีใจแค่ไหน....เราพยายามอดกั้นสิ่งต่างๆไว้จนกว่าโต้งจะกลับไป แต่ตอนนี้ที่ตรงนี้มันเกินกำลังที่เราจะอดกลั้นได้แล้ว.... แต่ว่า...เราจะไม่บอกให้โต้งรู้เป็นอันขาด เราจะเก็บความรู้สึกในวันนี้ไว้ เพื่อให้คงอยู่”โดยไม่ลืม”
.
บางสิ่งบางอย่างต่อหน้าคนที่เราอยากจะบอกมากที่สุด แต่เรากลับจะไม่บอกให้เขารู้เป็นอันขาด เก็บมันไว้อย่างนี้ดีกว่า “เพื่อให้อยู่โดยไม่ลืม”
“มิวมานั่งนี่ดิ” โต้งยิ้มพร้อมทั้งเรียกให้มิวมานั่งกับพวกเขา
“โหยชวนมิวคนเดียวเหรอโต้ง มากันตั้ง3คน” หญิงแซวโต้ง ยิ้มๆ
“เราก็หมายถึงทุกคนนั่นแหละ” โต้งรีบบอกไป
มิวเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ข้างๆเฟิร์น ซึ่งทำเอาเฟิร์นแทบจะหุบยิ้มไม่ได้ โต้งเองก็ได้แต่มอง ถึงจะไม่อยากให้มิวนั่งที่ตรงนั้นแต่ก็บอกออกไปไม่ได้ ส่วนเอ็กก็นั่งทางข้างซ้ายของมิว โดยมีหญิงนั่งฝั่งตรงข้าม
น้ำตาลเองดูเหมือนจะจำหญิงได้จากครั้งที่ไปงาน Freshy Night กับโต้ง และดูเธอเองก็ไม่ค่อยจะชอบหญิงเอาสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อหญิงเขยิบเก้าอี้ออกมาเพื่อจะนั่งข้างๆเธอ เธอเองถึงกับเขยิบเก้าอี้ตัวเองออกห่างไปชิดกับโต้งมากขึ้น
“นี่วี น้ำตาล เฟิร์น แล้วก็เอ็มนะ” โต้งแน่ะนำเพื่อนๆให้รู้จัก ซึ่งเอ็ม เฟิร์นและน้ำตาล มิวเองก็พอจะจำได้อยู่บ้างเพราะเคยเจอกันมาบ้างแล้ว
“แล้วนี่ มิว เอ็กซ์ แล้วก็หญิงนะ” คราวนี้โต้งแน่ะนำเพื่อนอีกฝั่งให้รู้จักบ้าง ทั้ง3ต่างผงกหัวให้อีกฝ่ายเป็นการทักทายกันเล็กน้อย
“เมื่อกี้ก็กำลังพูดถึงมิวอยู่พอดีเลย” เฟิร์นเริ่มชวนมิวคุย
“เหรอครับ” มิวทำหน้างงๆ พลางมองไปทางโต้ง ซึ่งตอนนี้ก็ทำหน้าตาเหวอๆไม่แพ้กัน
อย่าเข้าใจผิดนะมิวเราไม่ได้เป็นคนเริ่มนะ
“กำลังคุยกันว่ามิวอ่ะมีแฟนรึยัง” น้ำตาลขยายความต่อ
“หืออ” มิวผงะขึ้นมาทันทีไม่คิดว่าจะโดนคำถามนี้แบบไม่ทันตั้งตัว
หญิงเองก็ดูจะไม่ค่อยกับการถามของน้ำตาลแบบนี้ เพราะมันเหมือนเป็นการก้าวกร่ายเรื่องส่วนตัวกันมากเกินไปสำหรับคนที่พึ่งจะรู้จักกันแบบนี้
“ก็...เอ่อ”มิวยังตระกุกตระกักที่จะตอบ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงๆแล้วเขาอยู่ในฐานะใดสำหรับโต้ง
โต้งเห็นมิวมีท่าทีกระอักกระอ่วมกับคำถามก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เพราะเขาเองก็คิดว่าตอนนี้เขาน่าจะเข้าใจมิว เพราะเหตุการณ์ในวันคริสมาสต์ครั้งนั้นมันคงทำให้มิวไม่กล้าที่จะคิดถึงคำว่าแฟนกับเขา อีกอย่างเขาเองก็ไม่เคยสร้างความมั่นใจอะไรให้มิวเลย.... คำถามนี้จึงดูจะเป็นคำถามที่โหดร้ายสักหน่อยสำหรับมิวในตอนนี้
“แค่เวลาจะพักผ่อนยังหายากเลย เรื่องแฟนตอนนี้มันคงหมดสิทธิจะคิดอ่ะ” เอ็กซ์ทำเป็นตลกกลบเกลื่อนช่วยมิว เพราะเขาเองก็สงสารมิวเหมือนกัน จะให้มิวตอบยังไงล่ะในเมื่อคนที่เขาชอบอยู่แค่ตรงหน้าแท้ๆแต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นแฟนอย่างเต็มปากเต็มคำ
“แล้วเมื่อก่อนไม่มีเหรอ เห็นว่าแต่งเพลงให้ใครบางคนด้วยนี่” เอ็มยังคงอยากรู้อยู่
“ออ ใช่แต่มันก็นานแล้วอ่ะ”มิวไม่รู้จะหาคำตอบไหนที่ดีกว่านี้มาตอบ พลางเหลือบไปมองหน้าโต้ง ซึ่งโต้งเองสบตามิวเล็กน้อยก่อนที่จะหลบสายตามองลงไปที่โต๊ะเพราะความรู้สึกผิด เขาไม่น่าชวนมิวมาเลยไม่งั้นมิวคงไม่ต้องโดนรุมถามคำถามที่มิวไม่อยากจะตอบแบบนี้ แต่ที่แย่ที่สุดก็คือเขาเองต่างหากล่ะที่เป็นต้นเหตุของทุกอย่าง
การอ่านหนังสือครั้งนี้เริ่มจะไม่สนุกซะแล้วสำหรับโต้ง เขาไม่ค่อยชอบเลยเวลาที่เฟิร์นชวนมิวคุยบ้างถามโน้นถามนี่บ้าง แถมยังเขยิบไปนั่งชิดมิวซะขนาดนั้น แต่สิ่งที่กวนใจเขามากที่สุดในตอนนี้ก็เรื่องของความสัมพันธ์ของ”เขากับมิว”
................
.......
...
เมื่อเห็นว่าเย็นมากแล้ว มิว เอ็กซ์และหญิงก็ขอตัวแยกกลับไปก่อน ส่วนโต้งเมื่อเห็นว่ามิวกำลังจะกลับจึงลุกออกไปด้วยเช่นกัน เพราะเขาอยากจะไปส่งมิวกลับบ้าน...เหมือนทุกที....
ระหว่างทางหญิงต้องไปหาเพื่อนที่นัดไว้ที่คณะก่อน ส่วนเอ็กซ์แยกกับพวกเขาตรงป้ายรถเมล์
.....
....
ที่ซอยเข้าบ้านมิว
โต้งดูเงียบไปตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่ห้องสมุดแล้ว ถึงจะไม่ได้พูดอะไรแต่มิวเองก็พอจะเดาออก
“โต้งเป็นไรป่าว เห็นเงียบมาตั้งนานแล้ว” มิวหันมาถามอย่างเป็นห่วง
“ป่าวอ่ะมิว ไม่มีไรหรอก” โต้งหันมาตอบพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆมาให้มิว
มิวเองหันกลับไปมองทางข้างหน้าพร้อมทั้งยิ้มออกมา
“ถ้าเป็นเรื่องคำถามตอนนั้นนะ เราว่าโต้งอย่าใส่ใจเลย” โต้งหันมามองมิวอย่างแปลกใจ “เราเข้าใจนะโต้ง ว่าโต้งรู้สึกยังไง เพราะงั้นเราก็เลยไม่สนหรอกว่าเราจะอยู่ในฐานะอะไร สำหรับเราตอนนี้แค่ทำให้โต้งมีความสุขเราก็พอใจแล้วอ่ะ แล้วถ้าวันนึงโต้งจะมีคนพิเศษที่เข้ามาในชีวิตจริงๆเราก็คงจะไม่ขัดขวางอะไร แล้วก็คงจะยินดีไปกับโต้งด้วย ความรักมันแสดงออกได้หลายรูปแบบนะโต้ง ไม่ต้องเป็นแฟนกันก็ได้ขอแค่ให้โต้งมีความสุขก็พอ นี่แหละรูปแบบความรักของเรา” พูดจบมิวก็หันมายิ้มให้ แต่โต้งกลับยิ้มไม่ออก มิวพูดถูก...ตั้งแต่เด็กจนโตมิวมอบความรู้สึกดีๆให้กับเขามาโดยตลอด ให้กำลังใจและปลอบใจเวลาที่เขามีความทุกข์ อีกทั้งยังมาเป็นคนเติมเต็มความสุขที่เขาทำหล่นหายไปเมื่อครั้งยังเด็ก แต่มิวเองกลับไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย แม้กระทั่งสุดท้ายตัวเองจะต้องกลับไปอยู่กับความเหงาเพียงลำพังเหมือนที่ผ่านมาก็ตาม.....
“มิว.....” โต้งเรียกมิวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น มิวเองก็กำลังรออยู่ว่าโต้งจะบอกอะไรเพราะดูเหมือนโต้งมีอะไรจะบอกกับเขาในตอนนี้
“......”
“อ้าวมิวกลับมาแล้วเหรอ” ความเงียบถูกทำลายลง เมื่อป้าออยเดินเข้ามาทัก
“หวัดดีครับป้าออย” มิวยกมือไหว้ผู้สูงอายุตรงหน้า เพราะตั้งแต่เด็กแล้วนอกจากอาม่าก็มีป้าออยนี่แหละที่คอยดูแลเขามาตลอด จนถึงทุกวันนี้
“หวัดดีครับ” โต้งยกมือไหว้เช่นกัน
“แล้วนี่โต้งจะทานข้าวด้วยมั้ยลูกเดี๋ยวป้าจะได้เตรียมไว้ให้ด้วย”เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อืมม ยังดีกว่าครับเพราะเดี๋ยวจะกลับบ้านดึกเอา พรุ่งนี้มีสอบด้วยอ่ะครับ” โต้งอธิบายเหตุผล
“นั้นเรากลับก่อนนะมิว” โต้งยิ้มให้
“อื้ม ขอบคุณนะที่มาส่ง กลับบ้านดีๆล่ะโต้ง” มิวยิ้มตอบกลับไปพร้อมทั้งโบกมือให้เล็กๆ
“เออมิว พรุ่งนี้สอบเป็นวิชาสุดท้ายเหมือนกันใช่ป่ะ” โต้งถามเพราะเขาจำได้ว่ามิวเคยบอกไว้ เพียงแต่ต้องการคำยืนยันอีกครั้ง
“อื้ม ตัวสุดท้ายแล้ว”
“นั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวสอบเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราไปรอที่คณะนะ.... ไปกินไอติมกัน” โต้งบอกแบบเขินๆ
“อื้ม นั้นไว้เจอกันนะ” มิวบอกพร้อมทั้งรอยยิ้ม
“ไว้เจอกัน” โต้งโบกมือให้ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป..พร้อมกับคำพูดในใจที่ยังไม่ได้บอกออกไป แต่ไม่หรอก..เขายังมีโอกาสและที่สำคัญคือ เขาต้องบอกให้มิวรู้ “ให้ได้.....”
........................
...............
......
..
วันรุ่งขึ้น
การสอบของโต้งเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วในช่วงบ่าย แคลคูลัสแม้จะเป็นวิชาที่ยากสำหรับหลายๆคน หากแต่สำหรับคนที่ขยันทำโจทย์บ่อยๆก็คงจะไม่เกินความสามารถไปเท่าไหร่ โต้งเองก็เช่นกัน
หลังจากการสอบเสร็จสิ้นก็เกือบจะบ่าย4โมงแล้ว โต้งแยกจากกลุ่มเพื่อนๆที่กำลังบ่นกันระงมกับความยากของข้อสอบเพื่อที่จะไปรอมิวที่คณะ
เมื่อไปถึงยังม้าหินอ่อนตัวเดิมหน้าตึกคณะของมิว ตัวที่โต้งมักจะมานั่งเสมอเวลาที่มารอมิวที่นี่ แต่วันนี้ที่ตรงนั้นกลับมีร่างเล็กๆที่เขาคุ้นเคยนั่งรออยู่แล้ว
“โต้ง” มิวทักขึ้นทันทีที่เห็นโต้งเดินตรงเข้ามาทางเขา
“เป็นไงบ้างมิว ทำได้มั้ย” โต้งถามเมื่อเดินมาถึงมิวเรียบร้อยแล้ว
“ก็พอได้นะ ดีที่เวลาซ้อมดนตรีช่วงก่อนเอาหนังสือไปอ่านด้วยเวลาพักอ่ะ ไม่งั้นก็คงแย่เหมือนกัน” มิวบอกไปตามจริง
“แล้วโต้งอ่ะ” มิวถามกลับบ้าง
“ก็พอได้ แล้วนี่เอ็กซ์กลับไปแล้วเหรอ” โต้งถามเพราะเห็นมีเพียงมิวอยู่คนเดียวพลางมองไปรอบๆบริเวณ
“อ๋อ มันต้องรีบกลับไปทำธุระที่บ้านต่อน่ะ”
“อ๋อ”
“แล้วนี่ไปกันเลยมั้ย” มิวถามดูเผื่อว่าโต้งอยากจะนั่งพักก่อน
“อื้ม ไปดิ” โต้งยิ้มพยักหน้ารับ มิวเองจึงลุกขึ้นจากม้าหินอ่อนพลางคว้าเป้ที่วางอยู่บนโต๊ะมาสะพายบ่า โต้งเองเมื่อเหลือบมองไปเห็นตุ๊กตากวางเรนเดียตัวน้อยที่เขาให้มิวไว้ก็อดที่จะยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้
ทั้งสองเริ่มเดินออกไปทางหน้าคณะตามเส้นทางเดิมๆที่พวกเขาคุ้นเคย....
“แล้วนี่ไปกินไอติมอย่างเดียวเหรอ”
“แล้วมิวอยากไปไหนต่อมั้ยอ่ะ..”
“ก็แล้วแต่โต้งอ่ะ..”
.
..
..
..
.
ระหว่างทางที่เดินไปร้านไอศกรีมร้านประจำของพวกเขาใกล้ๆมหาลัย มิวหยุดมองร้านกิ๊ฟช๊อปร้านนึงพลางมองผ่านกระจกหน้าร้านเข้าไปยังบริเวณที่ขายพวงกุญแจ
โต้งเองก็มองตามสายตามิวเข้าไปเช่นกันก็ไปสะดุดกับพวงกุญแจเป็นตุ๊กตาหมีขาวมีผ้าพนคอเล็กๆสีฟ้าพันอยู่รอบคอ มองดูก็น่ารักดีเหมือนกัน โต้งคิดในใจ
“มิวอยากได้เหรอ” โต้งเอ่ยถาม แต่มิวไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่อมยิ้มเล็กๆ
“โต้งรอแปบนะ” มิวบอกก่อนที่จะผลักประตูร้านเข้าไปข้างใน โต้งมองผ่านกระจกร้านเข้าไปก็เห็นมิวที่กำลังเดินไปหยิบพวงกุญแจหมีขาวดังกล่าวออกมาพิจารณาเล็กน้อยก่อนที่จะนำมันไปยังบริเวณเค้าท์เตอร์จ่ายเงิน
ไม่นานมิวก็ออกมาจากร้านพร้อมพวงกุญแจดังกล่าว
“น่ารักดีเนอะโต้ง” มิวบอกพลางยื่นมาให้โต้งดู
“ก็น่ารักดี”โต้งบอกไปเรียบๆ นี่มิวจะเอาหมีขั้วโลกนี่มาแทนกวางน้อยของเขาเหรอ
“แล้วมิวซื้อมาห้อยกระเป๋าอีกเหรอ แบบนี้กวางของเราก็หมดความหมายอ่ะดิ” โต้งบอกไปแบบซื่อๆ มิวเองเมื่อได้ยินโต้งบอกแบบนั้นพร้อมทั้งมองหน้าโต้งซึ่งตอนนี้ทำหน้าหงอยๆก็อดที่จะขำไม่ได้
มิวดึงมือของโต้งออกมาก่อนที่จะเอาพวงกุญแจดังกล่าวยัดมือโต้งไป
“อ่ะให้” มิวบอกไป
“หมายความว่าไง” โต้งถามทำหน้างงๆ
“ก็เราซื้อให้โต้งไง เห็นมันน่ารักดี” ได้ยินอย่างนั้นโต้งก็ยิ้มกว้างออกมาได้ พร้อมทั้งเอาพวงกุญแจดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาดูอีกที่ แต่คราวนี้เขากลับคิดว่ามันดูน่ารักกว่าเมื่อกี้ขึ้นอีกเป็นกอง
“ขอบคุณนะมิว” โต้งหันมายิ้มให้ มิวเองก็ยิ้มตอบกลับเช่นกัน
แล้วทั้งสองก็พากันเดินต่อไปเรื่อยๆตามทางที่จะไปยังร้านไอติม
“แล้วทำไมต้องเป็นหมีล่ะมิว”
“ก็เหมาะแล้วไง โต้งเป็นหมีเราเป็นกวาง”
“โหย เราเนี่ยนะเป็นหมี...”
“ถูกต้องนะคร้าบ”
“พูดแบบนี้ระวังหมีจะจับกวางกินนะ”
“.........”
“อ้าวมิว รอด้วยดิ ไมรีบเดินจัง...”
....
..
.
กลัวว่าจะไม่มี เวลาอัพเอายาวๆๆ
ไปอ่านเลยน้า
เม้นให้ด้วย
ที่ร้านไอศกรีม
ขณะที่โต้งและมิวกำลังรอไอศกรีมที่สั่งอยู่ โต้งเองก็กำลังนั่งเล่นพวงกุญแจที่มิวให้อย่างอารมณ์ดี โดยโต้งเองก็ดูจะเห่อมันเป็นพิเศษ ส่วนมิวเองก็มองโต้งแบบยิ้มๆ เพราะตอนนี้ดูเหมือนโต้งเป็นเด็กเล็กๆที่กำลังเห่อของใหม่ที่มีคนซื้อมาให้
“เห่อจังเลยอ่ะโต้ง” มิวยิ้มขำๆ
“อ้าว..” โต้งเงยหน้าขึ้นมามองมิวแบบเหวอๆ ก็คนมันดีใจนี่มิวจะให้ทำไงได้
“ก็คนมันชอบนี้” โต้งบอกยิ้มๆ
“นั้นเราไม่ให้ดีกว่า” มิวเอามือทำท่าจะเข้าไปหยิบคืน แต่โต้งรีบกำมาไว้ที่ตัว
“อ้าวได้ไง ให้แล้วก็ให้เลยดิ”โต้งแสดงความหวงออกมาให้เห็นแบบน่ารักๆ มิวเองเห็นโต้งเป็นแบบนี้ก็ยิ้มกว้างออกมาแถมยังอดที่จะขำเล็กๆไม่ได้ ก็ช่วงนี้โดนโต้งแกล้งอยู่บ่อยๆ มีโอกาสดีๆแบบนี้ก็ขอเอาคืนสักหน่อยละกัน
แต่แล้วอยู่ๆมิวก็เงียบอยู่ครู่หนึ่งเมื่อสายตาไปสะดุดกับชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินจูงมือกันผ่านกระจกร้านไอศกรีมด้านที่เขานั่งพอดี มิวเองได้แต่หันมองตามภาพด้วยสายตาหงอยๆ ก่อนที่จะหันกลับมายิ้มให้โต้งแบบเจื่อนๆแล้วยกแก้วน้ำมาดื่มแก้เก้อ
โต้งเห็นภาพนั้นก็อดที่จะสงสารมิวไม่ได้ อีกอย่าง เขามัวแต่เห่อกับของที่มิวซื้อให้จนลืมไปเลยว่าตั้งใจชวนมิวมากินไอศกรีมก็เพื่อจะบอกสิ่งสำคัญบางอย่างที่เขาเคยไม่กล้าที่จะเอ่ยแต่ตอนนี้เขาพร้อมแล้ว...
“2คนนั้นน่ารักดีเนอะ” มิวพูดออกมาลอยๆ พลางมองออกไปนอกกระจก
“อื้ม น่ารักดี” โต้งสูดลมหายใจเข้าไปมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ซึ่งในขณะนี้ดูออกจะตื่นเต้นหน่อยๆ เขาพอจะรู้แล้วว่าทำไมเวลาดูละครตอนที่พระเอกจะขอนางเอกแต่งงานทำไมมันดูยากเย็นจัง...
“มิว... โต้งว่า..” โต้งเริ่มเอ่ยขึ้นมา
“ว่า..” มิวทวนคำซ้ำพลางรอสิ่งที่โต้งจะบอกอย่างตั้งใจ
“.....เอ่อ...โต้งว่า..เราสองคนมา..”
“เชี่ยโต้ง” เสียงเอ็มตะโกนทักเข้ามา
“แม่ง ออกมาตอนไหนก็ไม่บอกกูเลย ปล่อยให้พวกกูรอ” เอ็มเดินเข้ามาตบหัวโต้งเบาๆ วีเองก็เดินตามเข้ามาเหมือนกัน
“อ้าว ดีครับมิว” เอ็มทักเมื่อเห็นมิวนั่งอยู่ด้วย
“ดีครับ” มิวทักทายกลับ โต้งได้แต่นั่งเงียบ ก็ไหงมาโผล่เอาตอนนี้เนี่ยคนกำลังจะ...แท้ๆ
“แล้วนี่มึงมานานยังว่ะ ไม่เห็นชวนพวกกูเลย” วีเอ่ยถามขึ้น
“ก็พึ่งมา พอดีมาเดินเล่นแล้วก็แว่ะมากินไอติมอ่ะ”โต้งบอก
“เออดีนั้นพวกกูขอนั่งด้วยก็ละกัน แม่งคนเต็มร้านเลยไม่มีที่นั่งว่ะ” เอ็มบอกพลางนั่งลงข้างๆโต้งเรียบร้อยแล้ว
“นั่งด้วยคนนะครับมิว”วีบอกพลางนั่งลงข้างๆมิว
“อ่าครับ” มิวยิ้มตอบกลับไปพลางเขยิบตัวให้วีสามารถนั่งได้สบายๆ
“แม่ง ข้อสอบยากเฮี้ยๆเลยว่ะใครจะไปทำได้วะ”เอ็มเริ่มบ่นเรื่องข้อสอบไม่เลิก
“ถูก.. กูยังได้ไม่ถึงครึ่งเลย เวลาแม่งหมดละ เซ็งเลย” เอ็มสมทบต่อ แต่ตอนนี้โต้งเริ่มเบื่อเพื่อน2คนนี้ขึ้นมาเหมือนกัน ก็ดันเข้ามาไม่ถูกจังหวะนี่ มาตอนไหนไม่มานะดันมาเอาซะตอนสำคัญ.....
......
...
“โชคดีเว้ยโต้ง แล้ววันจันทร์เจอกันที่คณะ”เอ็มบอกลาก่อนที่จะแยกตัวไปพร้อมกับวีที่หน้าร้านไอศกรีม โต้งกับมิวโบกมือลาให้เล็กๆก่อนจะหันหลังพากันเดินไปยังทางตรงกันข้าม
“เพื่อนโต้งนี่ตลกดีเนอะ ดูไม่เครียดเท่าไหร่เลยขนาดทำข้อสอบไม่ได้นะ” มิวชวนโต้งคุย
“ออมันก็บ้าๆบอๆไปตามเรื่องอ่ะมิว” โต้งบอก แต่สีหน้าเขายังดูเซ็งๆไม่หาย
“เออ แล้วเมื่อกี้ตอนอยู่ในร้านโต้งจะบอกอะไรเราเหรอ มัวแต่คุยเรื่องอื่นจนลืมไปเลย”มิวนึกขึ้นได้จึงถามโต้งออกมา
“เอ่อ...” จะให้บอกตอนนี้เหรอมิว ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวไว้หาโอกาสที่เหมาะๆหน่อยดีกว่า
“ก็.... เราจะบอกว่าเดี๋ยวเราไปส่งมิวที่บ้านเหมือนเดิมนะ” โต้งแก้ไปแบบเก้อๆ
“อ่อ ได้ดิ” มิวยิ้มให้
...................
.........
....
ซอยเข้าบ้านมิว
โต้งเงียบมาตั้งแต่บนรถเมล์แล้วไม่ค่อยที่จะชวนมิวคุยมากเหมือนทุกที ก็แน่ล่ะเขากำลังเริ่มเตรียมใจใหม่อีกครั้งเพื่อที่จะบอกกับมิวว่า.....
“อ้าว..ไหงฝนตกซะงั้น”มิวบอกพลางเอามือป้องหัว
“เฮ้ย อะไรเนี่ย” โต้งพูดได้แค่นั้นก็ในเมื่อนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้เดินคุยกันกับมิวตามลำพังแท้ๆแต่ไหงฝนดันมาตกเอาซะได้ วันนี้มันอะไรกันเนี่ย....
ทั้งสองรีบวิ่งไปยังบ้านมิวซึ่งอยู่อีกไม่ไกลเท่าไหร่
เมื่อเข้ามาถึง มิวก็พาโต้งขึ้นไปบนห้องของเขาพลางจัดหาผ้าขนหนูมาให้โต้งไว้สำหรับเช็ดหัวและตัวที่เปียก
“เปียกหมดเลย” โต้งบ่นออกมาเบาๆ
“โต้งจะเปลี่ยนเสื้อก่อนมั้ย เดี๋ยวใช้เสื้อเราไปก่อนละกัน” มิวหันมาบอก
“ก็ดีมิว” โต้งตอบรับ มิวจึงจัดแจงหาเสื้อผ้าตัวใหญ่หน่อยพอที่โต้งจะสามารถใส่ได้
“ขอบคุณนะ” โต้งรับชุดมาจากมิวก่อนที่จะเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ไม่นานโต้งก็กลับมาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ เมื่อมิวเห็นว่าโต้งเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ถึงคิวตัวเองบ้าง
“ที่จริงมิวเปลี่ยนในห้องนี่ก็ได้นะ” โต้งหันมายิ้มให้แบบเจ้าเล่ห์ ในขณะที่มิวกำลังจะเปิดประตูห้องออกไป
“ไม่เอาอ่ะ” มิวตอบกลับพลางเปิดประตูออก
“ไม่เห็นต้องอายเลยมิว ทำอย่างกับโต้ง..” มิวทำหน้ามู่ใส่ก่อนที่จะปิดประตูออกไป โต้งได้แต่ยิ้ม เห็นมิวเขินหน้าแดงทีไรแล้วดูน่ารักดีออก...
โต้งเดินดูของรอบๆห้องมิวไปเรื่อยๆ สุดท้ายไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างด้านที่สามารถมองไปยังบ้านเก่าของเขาได้ แล้วอดีตเก่าๆก็หวนกับมาให้โต้งได้คิดถึง แต่ไม่นานสติเขาก็กลับเข้ามาสู่โลกของความเป็นจริง เขามองดูฝนซึ่งตอนนี้ดูจะตกหนักจนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆพลางมองดูนาฬิกาที่บอกว่าตอนนี้ก็ทุ่มกว่าๆแล้ว แต่ดูท่าว่ากว่าฝนจะหยุดตกก็คงจะดึกเอาการ
โต้งหยิบโทรศัพท์ที่เขาวางไว้บนโต๊ะตอนก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าขึ้นมากดหาเบอร์ของผู้เป็นแม่
“ฮัลโหล แม่เหรอ” โต้งเอ่ยทักเมื่อปลายทางรับสาย
“วันนี้โต้งคงไม่ได้กลับบ้านนะแม่ ติดฝนอยู่บ้านมิวอ่ะ”
“ไม่เป็นไรอ่ะ ไม่ต้องมารับหรอกเดี๋ยวนอนที่นี่แหละแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“พรุ่งนี้”
“ฝากบอกพ่อด้วยนะ”
“ครับ”
“อื้ม”
“ครับ” โต้งกดวางสายไป พร้อมทั้งวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตามเดิม
มิวซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็กลับเข้ามายังห้องอีกครั้งก็พบโต้งซึ่งกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียง
“แล้วนี่โต้งกลับบ้านยังไงอ่ะ” มิวถามเมื่อเห็นว่าฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆ
“อ๋อ เราโทรบอกที่บ้านแล้วอ่ะว่าจะนอนที่นี่” โต้งบอกไป
“แล้วอย่างนี้น้านีย์ไม่ว่าอะไรเหรอ” มิวถามอย่างลังเลใจ
“ก็ไม่ว่าไรนี่” โต้งตอบแบบเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ
“งั้นเหรอ” มิวยังคงดูงงๆละคนกับความแปลกใจ
“แล้วเจ้าของบ้านจะว่าไรมั้ยอ่ะ” โต้งแซวเล่น
“แล้ว...ถ้าเราไม่ให้อ่ะ”มิวพูดพลางเดินไปหยิบ i-podตัวเก่งของเขาบนโต๊ะก่อนที่จะมานอนเล่นข้างๆโต้ง
“ก็จะอยู่อ่ะ” โต้งหันมาด้านข้างพร้อมทั้งชันศอกขึ้นมาพักหัว หันหน้ามาทางมิว
สายตาทั้งสองต่างประสบพบกัน ต่างเข้าใจในอารมณ์ ความหวั่นไหวในใจเกิดขึ้นมาชั่ววูบหนึ่งก่อนที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้ง มิวจึงรีบเอาหูฟังอีกข้างยัดเข้าหูให้โต้งทันที อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พอที่จะห้ามใจตัวเองได้ ก่อนที่อะไรมันจะเกินเลยไปมากกว่านี้..
“ฟังเพลงกันดีกว่านะโต้ง” มิวบอกออกมาโดยไม่กล้าสบสายตาโต้งอีก
โต้งเองก็ได้แต่ยิ้มเก้อๆ พลางล้มลงนอนหงายมองเพดานอยู่ข้างๆมิว โดยมีเสียงเพลงจาก i-pod เป็นตัวเชื่อมโยงหัวใจและความรู้สึกของพวกเขาอยู่
“ฝนตกแบบนี้ บรรยกาศก็ดีไปอีกแบบนะ” มิวชวนคุย
“อื้ม เย็นดี” โต้งบอกยิ้มๆ
“เพลงอะไรอ่ะมิว เพราะดี” โต้งถามขึ้นมาเพราะเขาไม่เคยได้ยินเพลงนี้เลย
“อ๋อ เป็นเพลงใหม่ของเราอ่ะ ชื่อเพลง ยังอยู่ในใจ” มิวบอกมา
“อ่อ ไว้วันหลังไรท์ให้เราบ้างดิ”
“ได้ดิ” มิวนอนยิ้ม
“ความหมายดีเนอะมิว” โต้งบอก
“อืม”
เสียงเพลงยังคงดำเนินต่อไป พาฝันและจินตนาการของพวกเขาให้ล่องลอยออกไปยังความเว้องว้างของสายฝนภายนอก
โต้งรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งบรรยกาศที่เย็นสบายๆ เพลงเพราะๆ แถมยังอยู่กันเพียงลำพังกัน2คน ใช่ละนี่แหละโอกาสที่เหมาะที่สุดแล้ว...
แต่ขอเวลาทำใจสักหน่อย อืม เพลงนี้จบก่อนละกัน
......
......
อ้าวจบแล้วเหรอ ยังไงดีๆ ตื่นเต้นอยู่เลย ขออีกเพลงก่อนละกัน
จะเริ่มยังไงดีนะ แล้วถ้ามิวไม่โอเคล่ะ... หรือว่าไว้วันหลัง?
.
..
เฮ้ยจบอีกเพลงแล้วเหรอ ยังไม่พร้อมเลย อีกสักเพลงละกันคราวนี้ล่ะต้องบอกให้ได้
......
... จบแล้ว เอาไงดีเนี่ย มิวยิ่งเงียบๆแบบนี้เดาอารมณ์ตอนนี้ไม่ออกเลย
เอาว่ะ ลองดูเป็นไงเป็นกัน
1
2
เอาใหม่ๆ นับถอยหลังดีกว่า
10
9
8
7
6
5
4
3
......
2
....
1...
..
..เอ่อ 3
...
2...
1..
..
...
..
“มิว”โต้งรวบรวมความกล้าทั้งหมดเท่าที่ตัวเองมีเพียงแค่เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา
“เอ่อ...เรารู้นะว่ามันอาจจะฟังดูแปลกๆ..ไม่ดิๆ ก็ปกตินี่”
“คืองี้ แบบว่าเราคิดมาดีแล้วอ่ะว่าเรากับมิว เราน่าจะ” โต้งชันศอกขึ้นมาเพื่อที่จะได้เห็นหน้าและสบสายตาคนข้างๆให้ชัดเจน เวลาที่เขาจะเอ่ยมันออกไป...
“มิว....อ้าว”
“หลับแล้วเหรอ” โต้งมีสีหน้าผิดหวังมาก แต่สุดท้ายก็ปล่อยยิ้มออกมาอายตัวเอง กับการกระทำและคำพูดเปิ่นๆเมื่อกี้นี้
โต้งจ้องมองหน้ามิวขณะหลับ ก็อดที่จะอมยิ้มกับความน่ารักไม่ได้
เขาก้มลงไปอย่างช้าๆ ริมฝีปากบางๆสัมผัสกับแก้มนุ่มๆอย่างแผ่วเบา เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง...
โต้งค่อยๆเอามืออีกข้างถอดหูฟังออกจากหูของมิวออกพร้อมทั้งละริมฝีปากออกมาจากแก้มใสเช่นกัน
เขาปิดเครื่องพร้อมทั้งเอามันไปวางไว้บนโต๊ะตามเดิม ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนใกล้ๆมิว
โต้งโอบมิวเข้ามาใกล้ๆ มิวเองก็เขยิบเข้าไปในวงแขนของโต้งอย่างไม่รู้ตัว โต้งอมยิ้มให้ก่อนที่จะหลับตาพริ้มแล้วก็ผล็อยหลับตามไปในไม่ช้ากับบรรยกาศเย็นๆแต่แสนจะอบอุ่นของสายฝนพรำ
........
....
..
เช้าวันต่อมา
แสงแดดยามเช้าเริ่มแยงตาของมิว เขาเองก็เริ่มขยับตัวเล็กๆแต่รู้สึกว่าจะขยับตัวไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ ก็โต้งเล่นกอดเขาทั้งคืนแบบนี้แถมตอนนี้ยังเอาหน้ามาซุกตรงต้นคอของมิวอีก
มิวเองแม้จะรู้สึกอึดอัดบ้างแต่ก็รู้สึกดีมากกว่าจนอดที่จะยิ้มให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเมื่อคืนเขาหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัวเลย มารู้อีกทีก็อยู่ในสภาพนี้ซะแล้ว
ลมหายใจอุ่นๆของโต้งยังคงสัมผัสต้นคอของมิวอย่างต่อเนื่องเป็นจังหวะของการหายใจอีกทั้งกลิ่นกายจากตัวโต้งจางๆต่างก็ผสมผสานกันจนทำให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนนี้รู้สึกดีจนแทบจะไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเลย ....
แต่...เวลาก็คงต้องเดินต่อไป......
มิวพยายามขยับตัวให้ออกจากวงแขนของโต้ง ซึ่งโต้งเองตอนนี้ก็พอจะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“มิวตื่นแล้วเหรอ” โต้งเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่งัวเงียแต่แขนก็ยังคงเกาะอยู่ที่เอวของมิวอยู่
“อื้ม เช้าแล้วอ่ะ มะคืนหลับไปตอนไหนไม่รู้เรื่องเลย” มิวบอกพลางแกะมือโต้งออกจากตัว
“วันนี้วันหยุดอ่ะ นอนต่ออีกหน่อยละกันนะ” ว่าแล้วเขาก็เอาแขนข้างเดิมกอดมิวอีกครั้งพร้อมทั้งเขยิบตัวเข้ามา หลับตาพริ้มพร้อมที่จะหลับต่อไปอีกครั้ง
“แต่เราตื่นแล้วอ่ะโต้ง จะไปล้างหน้าแล้ว”มิวบอกพลางพยายามแกะแขนโต้งออกจากตัว
“อื้ม..”โต้งยังคงไม่ปล่อยพร้อมทั้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นอนต่อไป
“อื้มก็ปล่อยเราดิ”มิวบอกพร้อมทั้งทำหน้าหาเรื่องคนตรงหน้า
“อือ..”
“ ”
“ ”
“ ”
“ได้ๆ เล่นแบบนี้เหรอ” มิวว่าแล้วก็เอามือไปบีบจมูกโต้ง เพื่อที่โต้งจะได้ไม่สามารถหายใจได้
“ ”
“กวนเรานอนเหรอมิว..”มือที่เคยกอดอยู่ตอนนี้กำลังจิ้มเอวมิวอยู่ แกล้งเราเหรอมิวขอเอาคืนบ้างนะ
“ไม่เอาแล้วโต้ง จั๊กจี๋นะ...”มิวได้แต่ดิ้นไปมาพร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก นั่นยิ่งทำให้โต้งยิ่งได้ใจและคงไม่เลิกแกล้งง่ายๆ
“ก็มิวแกล้งเราก่อนนะ”
“ใครกันแน่อ่ะโต้ง โอ้ยพอแล้วโต้ง...”
..
แล้วเช้านี้ก็เป็นเช้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะต่างกับทุกวันของมิว มันเป็นความสุขเล็กๆที่น้อยครั้งมิวจะได้รับรู้... การตื่นนอนที่ไม่ได้มีเพียงตัวเองแต่มีคนอยู่ข้างกาย คนที่ยิ้มให้เราในตอนเช้าที่ตื่นนอน พูดคุยหยอกล้อได้โดยไม่ต้องอายใคร คอยเติมกำลังใจในการเตรียมตัวออกไปสู่โลกแห่งความจริงที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปได้..
หลังจากที่เล่นกันได้สักพัก ทั้งโต้งและมิวก็หมดแรงนอนมองหน้ากันอยู่บนเตียง
เห็นหน้ามิวแบบนี้ก็อดที่จะหมันเขี้ยวไม่ได้ โต้งคิดพลางเอามือไปขยี้จมูกมิวเบาๆ มิวก็ได้แต่ยิ้มกับการกระทำที่เหมือนเด็กๆของโต้ง
“แล้ววันนี้มิวไปไหนป่าวอ่ะ” โต้งปล่อยมือจากจมูกมิวแล้ว
“ยังไม่รู้เลย วันนี้ไม่มีซ้อม ก็..คงไม่ได้ไปไหนมั้ง ไมเหรอ”
“ป่าวอ่ะ ถามเฉยๆนึกว่ามิวต้องออกไปไหนซะอีก”โต้งบอก
“แล้วโต้งอ่ะ”มิวถามกลับบ้าง
“ไม่ได้ไปไหนอ่ะ”
“แล้วนี่จะกลับบ้านเลยป่าว”
“ก็ยังไม่รู้เลย อยากอยู่ที่นี่นานๆอ่ะ”โต้งยิ้มบอก มิวเองได้แต่ยิ้มเก้อๆออกมา เขินก็เขินไม่รู้ทำไมพักนี้โต้งชอบทำให้เขารู้สึกแบบนี้เรื่อยเลย
“ไม่เอาแล้ว.. ไปล้างหน้าดีกว่า” มิวรีบลุกจากเตียงก่อนที่โต้งจะเห็นว่าเขาหน้าแดงขึ้นไปมากกว่านี้ โต้งเองก็ได้แต่มองตามมิวไปพลางยิ้มให้กับตัวเอง
.................
..........
.....
ไม่นานมิวก็เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งแต่โต้งยังนอนเล่นอยู่บนเตียงอยู่
“มิว..” โต้งหันมาหา
“ว่าไงโต้ง” มิวเดินผ่านหน้าโต้งเพื่อไปเปิดคอมบนโต๊ะ
“วันนี้ไปสยามกันมั้ย”
“อืม..เอาดิ แล้ว..นี่โต้งไม่กลับบ้านก่อนเหรอ” มิวถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะกลัวว่าที่บ้านโต้งจะเป็นห่วงเอา
“เดี๋ยวเราค่อยโทรไปบอกก็ได้ว่าจะกลับเย็นๆ” โต้งตอบเรียบๆ
“ เอางั้นเหรอ” มิวซึ่งนั่งลงบนเก้าอี้หน้าคอมหันกลับมาถาม โต้งไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้ายิ้มให้
“แล้วนี่โต้งหิวยังอ่ะ” มิวถามต่อเพราะเห็นว่านี่ก็เริ่มสายแล้ว
“ก็เฉยๆนะ”โต้งตอบตามจริง
“นั้นเดี๋ยวโต้งไปล้างหน้าล้างตาก่อนละกัน แล้วเดี๋ยวลงค่อยไปหาอะไรกินกัน”มิวบอกไป
“อื้ม” หลังตอบรับโต้งจึงค่อยๆลุกออกจากเตียง ส่วนมิวเองก็เริ่มให้ความสนใจกับคอมพิวเตอร์ข้างหน้าระหว่างที่โต้งไปเข้าห้องน้ำ
.......
....
..
ที่สยาม
มิวกำลังหยิบซีดีมาดูเพลงในอัลบั้ม ส่วนโต้งเองก็มองดูไปทั่วๆเพื่อหาซีดีเพลงที่ตัวเองอยากได้เช่นกัน
“มิว เคยฟังเพลงในอัลบั้มนี้ป่ะ” โต้งหยิบซีดีขึ้นมาดูแผ่นหนึ่ง
“อัลบั้มอะไรอ่ะ” มิวยังคงไม่ได้ละสายตาจากแผ่นซีดีที่เขาถืออยู่
“ก็....นี่อ่ะ” เมื่อเห็นว่ามิวไม่ได้สนใจเท่าไหร่ โต้งจึงยื่นซีดีแผ่นนั้นไปตรงหน้ามิว
มิวมองดูอัลบั้มดังกล่าวก็เห็นว่า มันอัลบั้มของเขานี่นา....
“ก็ดีนะ เพลงของเขาเพราะดี” มิวตอบเรียบๆเหมือนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
“ได้ข่าวว่านักร้องนำในวงแต่งเพลงเองด้วยนี่” โต้งยกแผ่นซีดีขึ้นมาดูแล้วก็ถามออกไป
“เหรอ”
“อื้ม ยิ่งเพลงกันและกันนี่เห็นว่าแต่งให้คนพิเศษด้วยนะ”โต้งยังคงถามต่อไปเมื่อเห็นว่ามิวทำเป็นไม่ได้สนใจ
“แล้วไงอ่ะ” มิวแกล้งถามออกไป
“ก็...”โต้งกำลังจะตอบกลับไป
“อุ้ย!! น้องมิวใช่ป่าวคะ” หญิงสาวคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อเธอหันมามองทางมิวขณะที่เธอมองหาเพลงอยู่
“อ่ะครับ” มิวตอบไป
“โห ตัวจริงนี่น่ารักกว่าในทีวีอีกนะเนี่ย”เธอบอก
“เอ่อ..ขอบคุณครับ...” มิวตอบแบบเก้อๆเขินๆ
“แล้วนี่น้องมิวมาเดินเล่นเหรอ”เธอยังชวนคนตรงหน้าคุยต่อ ก็ในเมื่อนานๆทีจะเจอนักร้องคนที่ชอบทั้งทีก็เป็นธรรมดาที่อยากจะใกล้ชิด
“อ่อครับ มากับเพื่อนอ่ะครับ” มิวหันไปมองทางโต้งพลางเอามือชี้ไปที่โต้ง โต้งเองก็ผงกหัวให้เล็กๆ
“เนี่ยพี่ชอบเพลงน้องมากเลย ซื้อซีดีเก็บไว้เรียบร้อยแล้วนะ” เธอบอกให้มิวรับรู้ มิวเองก็ได้แต่ยิ้มให้ แต่ก็อดที่จะดีใจไม่ได้อยู่เหมือนกัน
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยอุดหนุน..”มิวบอกพร้อมทั้งยิ้มขอบคุณส่งไป
“ไหนๆก็เจอทั้งทีแล้วพี่ขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยนะคะ”เธอร้องขอมาที่มิว
“เอ่อ ได้ครับ” มิวตอบไปแบบเก้อๆ
“นั้นพี่ฝากเพื่อนมิวถ่ายให้พี่ทีนะ” เธอบอกมาทางโต้งพลางส่งโทรศัพท์มือถือให้ โต้งเองก็รับมาด้วยหน้าตาแบบงงๆ
“ขอบคุณนะน้อง”เธอบอกเมื่อโต้งรับโทรศัพท์มาแล้ว
มิวเองก็รู้สึกเขินๆเช่นกันเพราะเริ่มมีคนมามองและให้ความสนใจพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม
“1..2..3” โต้งนับถอยหลังก่อนจะกดถ่ายไป พร้อมทั้งกำลังจะส่งกล้องคืนให้แก่เจ้าของ
“ขออีกรูปนะคะน้อง” เธอบอกโต้งทันทีเมื่อเห็นว่าโต้งกำลังยื่นกล้องส่งกลับมาให้
“อ่ะครับ” โต้งตอบไปเรียบๆ
“1..2..3 เฮ้ย!!!” โต้งอุทานขึ้นมาเบาๆเมื่อเห็นว่าพี่สาวคนนั้นแอบฉวยโอกาสหอมแก้มมิวขณะที่โต้งกำลังกดถ่ายภาพนั้น ส่วนมิวก็ได้แต่ทำหน้าเหวอเมื่อถูกคนแปลกหน้าหอมแก้มในที่สาธรณะแบบนี้
“ขอบคุณนะน้องมิว แล้วพี่จะติดตามผลงานน้องไปเรื่อยๆนะคะ พี่ไปก่อนนะ” เธอเดินเข้าไปเอากล้องจากมือของโต้งก่อนที่จะหันไปโบกมือเล็กๆให้กับมิวที่ยังคงงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่
.
ทั้งสองคนยังคงเดินเล่นต่อไปเรื่อยๆ แต่ดูโต้งจะเซ็งๆกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่ เมิวเองมองหน้าโต้งก็พอจะเดาได้ว่าโต้งเป็นอะไร
“เป็นไรอะโต้ง” มิวแกล้งถามยิ้มๆ
“ป่าวอ่ะ” มิวมองแล้วก็ยิ้มกว้างขึ้น ก็คำพูดกับสีหน้ามันแย้งกันออกจะขนาดนี้ยังจะบอกเปล่าอีก
“ถ้าเรื่องเมื่อกี้นะ มันเป็นเรื่องปกติอ่ะโต้ง” มิวแกล้งบอกไป
“โดนหอมแก้มเนี่ยนะปกติ” โต้งบอกด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ แต่เขาก็เข้าใจนะว่ามิวเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดขึ้นเหมือนกันแต่มันก็อดไม่ได้นี่....
“อื้ม นี่ยังน้อยไปนะเมื่อตอนอัลบั้มออกใหม่ๆอ่ะเคยเจอยิ่งกว่านี้อีก” มิวยังคงพูดแกล้งโต้งต่อไป
“เฮ้ย...จริงอ่ะมิว” โต้งดูตกใจขึ้นมา แต่มิวกลับอมยิ้มจนแทบจะอดไม่ได้ โต้งมองหน้ามิวตอนนี้แล้วก็พอจะดูออกว่ามิวกำลังแกล้งเขาอยู่
“ล้อเล่นอ่ะโต้ง เนี่ยเราก็พึ่งเคยเจอเหมือนกัน ยังตกใจเหมือนกันเลย” มิวเฉลย โต้งจึงยิ้มออกมาได้
“ค่อยยังชั่ว...แบบนี้ก็มีแต่เราคนเดียวอ่ะดิ ที่ทำแบบนี้กับมิวได้” โต้งบอกไปยิ้มๆแบบมีนัย
“แบบนี้หมายถึงแบบไหนอ่ะ” มิวเริ่มงงกับคำพูดโต้งซะเองแล้วตอนนี้
“ก็แบบนั้นแหละ”
“แบบนั้นอ่ะคือยังไงอ่ะโต้ง บอกมาเลย”
“ก็รู้ๆอยู่ยังจะถามอีกมิว”
“หมายความว่าไงอ่ะ”
“ไม่เอาไม่พูดแล้วไปดูหนังกันดีกว่า”
“บอกมาก่อนดิโต้ง”
“ไม่เอา..”
“โต้ง.....
........
...
.
ที่หน้าโรงหนัง
ตอนแรกโต้งตั้งใจว่าจะหาหนังที่โรแมนติกดูทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ค่อยจะสันทัดสักเท่าไหร่แต่วันนี้ขอพิเศษหน่อยละกัน เพื่อเขาจะได้มีโอกาสอีกครั้งหลังจากที่ล้มเหลวมาตลอด
สุดท้ายกลับได้หนังผี เพราะมิวบอกว่าอยากดูเรื่องนี้นานแล้วเห็นในโฆษณาแต่ไม่มีเวลาว่างมาดูสักที
ถึงจะเป็นหนังที่ผิดแนวไปหน่อย...ก็ไม่เป็นไร เพราะที่สำคัญมันอยู่ตรงที่นั่ง... โต้งเลือกที่จะนั่งหลังๆริมๆหน่อยเพราะจะได้เป็นส่วนตัวดี แล้วคราวนี้ล่ะเขาต้องขอมิวเป็นแฟนให้ได้เลย...
“ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงแน่ะ ไปหาไรกินก่อนมั้ยโต้ง” มิวบอกเพราะเห็นว่านี่ก็เที่ยงนิดๆแล้ว
“ก็ดีมิว แล้วกินไรดีอ่ะ” โต้งถามเพราะเขาเองก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน
“แล้วโต้งอยากกินอะไรอ่ะ” มิวถามกลับเพราะตัวเขาอ่ะกินอะไรก็ได้... เอาอะไรที่โต้งชอบดีกว่า
“อืม...”โต้งคิดนิดนึง เพราะคำถามนี้เป็นคำถามที่ยากมากๆไม่ใช่แต่เฉพาะพวกเขาเท่านั้น แต่ทั้งกับคนทั่วๆไป กับคำถามที่ว่าที่ว่า ‘ กินอะไรดี....?’
“ฟูจิมั้ยมิว ไม่ได้กินนานแล้วอีกอย่างไม่ต้องเดินไกลด้วย” โต้งบอก
“อืม..ได้” มิวยิ้มตอบกลับมา
แล้วทั้งสองก็เดินไปยังร้านที่พวกเขาได้ตัดสินใจกันแล้ว แต่เมื่อไปถึงก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดเอาไว้กับจำนวนคนที่ค่อนข้างจะมากเอาการ
“คงต้องรอหน่อยอ่ะมิวเดี๋ยวโต้งไปจองคิวก่อนนะ มิวยืนรอแปบ” โต้งบอกพลางเดินแยกไปจากมิว
“มิว!!” เสียงผู้หญิงที่คุ้นหูดังมาไม่ใกล้กับจุดที่เขายืนอยู่ มิวจึงหันไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน
หญิงและจอยโบกมือให้มิวพร้อมทั้งวิ่งเข้ามาหา มิวยิ้มให้และโบกมือตอบกลับไป
“มิวมาเที่ยวเหรอ”หญิงถามขึ้น
“อื้ม แล้วหญิงมาเที่ยวเหมือนกันเหรอ” มิวถามกลับไปบ้าง
“อ๋อ ก็นัดเพื่อนเก่ามาเดินเล่นอ่ะ นี่จอยนะ”หญิงแน่ะนำเพื่อนให้มิวรู้จัก
“หวัดดีครับ”มิวยิ้มทัก
“ดีค่ะ”จอยตอบแบบมีจริตหน่อยๆ ก็เจอกับนักร้องนำวงออกัสทั้งทีก็ขอแอ๊บน่ารักสักนิดนึง หญิงเองก็ได้แต่มองเพื่อนด้วยสีหน้าที่รู้ทัน
“แล้วนี่มิวมาคนเดียวเหรอ” หญิงถามเมื่อเห็นมิวยืนอยู่คนเดียว
“ป่าวอ่ะ” มิวไม่ได้ตอบอะไร แต่ชี้มือไปทางโต้งซึ่งกำลังยืนคุยกับพนักงานหน้าร้านอยู่
“อ่อ“หญิงยิ้มให้มิวแบบมีเลศนัย
“นั่นโต้งนี่อีหญิง” จอยทักเมื่อเห็นโต้ง
“อืม”หญิงตอบไปแค่นั้น ไม่นานโต้งก็หันกลับมาทางมิว
“อ้าว....” โต้งทำหน้าแปลกใจที่เห็นเพื่อนเก่า หญิงซึ่งยืนอยู่ส่งยิ้มทักมาให้
“ไงโต้งไม่ได้เจอกันตั้งนาน” จอยถามขึ้น
“ก็ดีอ่ะ แล้วนี่มาเที่ยวกันเหรอ”
“อื้มไม่ได้เจออีหญิงนานแล้วอ่ะเลยนัดมาเดินเล่น แต่กำลังจะหาอะไรกินอยู่อ่ะ”จอยบอก
“ออ” โต้งออกเสียงรับรู้ หวังว่าคงไม่คิดจะกินที่นี่นะเพราะวันนี้เขาอยากอยู่กับมิวตามลำพังบ้าง
“แล้วนี่โต้งมากินข้าวเหรอ” จอยถามต่อ โต้งก็ได้แต่พยักหน้าเล็กๆรับ
“เออนั้นเรากินที่นี่ไหมอีหญิง” เธอถามความเห็นเพื่อน ในขณะที่คิ้วโต้งเริ่มขมวดขึ้น หวังว่าหญิงจะปฏิเสธนะ
“จะดีเหรอ”หญิงมองหน้าโต้งอย่างเข้าใจ
“ดีดิ จะได้คุยกันด้วยไม่ได้เจอกันตั้งนาน แถมยังได้กินข้าวกับมิวอีก..”จอยบอกพร้อมทั้งหันไปโปรยเสน่ห์ใส่มิวเล็กๆ แต่โต้งกลับไม่สนใจเพราะรู้ว่ายังไงมิวก็ไม่สนใจอยู่แล้ว... แต่ว่า ไปกินร้านอื่นเถอะถือว่าเขาของร้อง...
“นั่นดิหญิง กินด้วยกันแหละ คนเยอะๆจะได้สนุกๆ” มิวบอกพร้อมทั้งยิ้มให้ โถ่มิวไปชวนซะงั้น อุตส่าห์หวังว่าวันนี้จะได้อยู่กันแค่2คนแล้วแท้ๆ...
..................
......
ระหว่างทานข้าวจอยกับหญิงต่างก็ชวนมิวคุยกันอย่างสนุกสนาน เว้นก็แต่โต้งซึ่งไม่ค่อยคุยอะไรแถมยังดูค่อนข้างจะเซ็งเอามากๆด้วยซ้ำไป หญิงเองก็พอจะเข้าใจแต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ เราไม่ได้ตั้งใจนะ มิวอ่ะชวนเอง...
............
........
.....
หน้าร้านฟูจิหลังกินข้าวเสร็จ
“นั้นไว้เจอกันใหม่นะคะมิว” จอยยังคงแอ๊บแบ๊วให้มิวก่อนที่จะแยกกันไป หญิงเองก็โบกมือมาให้มิวเล็กๆก่อนที่จะมายิ้มขำให้โต้ง
“ไปรอหน้าโรงเลยมั้ยโต้ง ใกล้ได้เวลาหนังฉายแล้ว” มิวบอกหลังจากที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
“อื้ม” โต้งพยักหน้ายิ้มรับ ยังไงซะเข้าโรงแล้วเขาก็ได้อยู่กับมิวตามลำพังอยู่ดีนั่นแหละ แล้วคราวนี้เขาจะต้องขอมิวเป็นแฟนให้ได้..
....................
............
...
ในโรงหนัง
โต้งและมิวเข้ามานั่งยังที่ๆพวกเขาจองเรียบร้อยแล้วและก็เป็นอย่างที่โต้งคิดเพราะตอนนี้มีเขากับมิวเท่านั้นเองในบริเวณนั้น ซึ่งขณะนี้ทั้งสองก็กำลังนั่งดูตัวอย่างหนังกันอยู่
โต้งหันหน้าไปมองมิวเล็กน้อยในขณะที่มิวกำลังให้ความสนใจกับตัวอย่างหนังนั้นอยู่
โต้งค่อยๆเอื้อมมือเพื่อที่จะเข้าไปกุมมือของมิวซึ่งตอนนี้กำลังวางอยู่บนพนักแขน
มือของโต้งค่อยๆเลื่อนเข้าไปหาที่ละนิด ทีละนิด ทีละนิดอย่างช้าๆแล้วในที่สุด..
“ขอโทษนะครับของทางนิด” ชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านหน้าเขาไปพร้อมทั้งนั่งลงข้างๆกับมิว.... โต้งชะงักมือทันที ทำไมนะทั้งๆที่อุตส่าห์เลือกแล้วนะ...
หนังกำลังจะเริ่ม คนเองก็ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ สุดท้ายบริเวณที่พวกเขานั่งก็รายล้อมไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ผิดไปจากความตั้งใจของโต้งในตอนแรกอย่างมาก โต้งได้แต่นั่งเซ็งกับสิ่งที่เกิดขึ้น....
แต่สุดท้ายความรู้สึกดังกล่าวก็ถูกกลบไปด้วยความตื่นเต้นและความน่ากลัวของหนังที่พวกเขาดู ทั้งลุ้นและตกใจไปกับหนังจนเขากับมิวจับมือกันตั้งแต่ตอนไหนก็ยังไม่รู้ตัว..
...........
.......
...
ที่ซอยเข้าบ้านมิว
“ยังกลัวไม่หายเลยอ่ะ สงสัยคืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆ” มิวบอก
“อืม..” หลังจากหนังจบโต้งก็กลับมาอยู่ในอารมณ์เซ็งเหมือนเดิม
“แล้วนี่โต้งไม่กลัวเหรอ”มิวถามกลับบ้าง
“ก็มีบ้างอ่ะ” โต้งตอบไปแบบเรื่อยๆ
“เหรอ” มิวบอก ดูโต้งไม่ค่อยสนใจเรื่องที่เขาพูดเลย อีกอย่างตั้งแต่ออกโรงมาก็เห็นเงียบแบบนี้มาตลอดเลย สงสัยหนังไม่สนุกมั้ง
“แล้วนี่โต้งจะอยู่กินข้าวเย็นกันก่อนมั้ยหรือจะกลับเลย” มิวเปลี่ยนเรื่องคุย
“คงกลับเลยอ่ะ นี่ก็เย็นแล้วเดี๋ยวแม่จะเป็นห่วงเอาอ่ะมิว”โต้งตอบไป ทำไมนะทั้งๆที่มีโอกาสตั้งหลายครั้งแท้ๆแต่สุดท้ายกลับต้องมีอะไรมาทำให้ไม่สามารถพูดได้สักที โอกาสดีๆก็ไม่ได้จะมีให้บ่อยแท้ๆ ฟ้ากลับแกล้งกัน ได้แล้วนี่เขาจะหาโอกาสบอกมิวได้เมื่อไหร่นะ.... เฮ้ออออออ
.
“เป็นแฟนกันนะ”
“ ”
“ ..”
“ม..เมื่อกี้ โต้งว่าไรนะ” มิวถามย้ำเพราะเขาเองไม่ค่อยจะแน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้สักเท่าไหร่
“เราบอกว่า เป็นแฟนกับเรานะมิว” โต้งขยายความให้ชัดเจนขึ้น ด้วยน้ำเสียงเรียบๆเหมือนเดิม
“ทำไมอยู่ๆ โต้งก็ถามแบบนี้อ่ะ คิดดีแล้วเหรอ?” มิวยังคงคิดว่าโต้งจะอำอะไรเขาอีก แต่โต้งกลับหยุดเดินพร้อมทั้งจับมือมิวให้หยุดเดินด้วยเช่นกัน
โต้งยิ้มให้มิวอย่างหมดใจ เขาคิดดีแล้ว ความทรงจำทั้งหมดของเขาที่มีต่อมิวมันยืนยันว่าใช่ และใจเขาเองก็บอกอย่างนั้น จะมีสักกี่คนกันที่จะห่วงเขา ทำเพื่อเขา อยู่และให้กำลังใจกันแบบนี้ โดยไม่หวังอะไรตอบแทนกลับมาเลย รอยยิ้มที่มีให้กันทุกครั้งที่พบหน้ามันแสดงให้เห็นถึงความดีใจทีเราได้เจอกัน เห็นหน้ากันหรือแม้แต่ได้ยินเสียงของกันและกันโดยมีเสียงหัวเราะและน้ำตาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสุข ความอิ่มเอมใจ ความห่วงใย ความคิดถึง และอีกหลายๆเหตุผลที่ไม่สามารถจะบอกออกมาได้ด้วยคำพูดแต่มันสามารถรับรู้ได้ด้วยใจ......
“เพราะเราคิดไงมิว เราถึงกล้าพูดแบบนี้”โต้งยิ้มอย่างมั่นใจมาให้มิว
“เราเคยพลาดเพราะการไม่ได้คิดถึงใจตัวเอง แต่ว่า...คราวนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เราแน่ใจกับสิ่งที่เราเลือกแล้ว..มิว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กลับมิวแล้วอ่ะ”โต้งยังคงยิ้มอย่างมั่นใจเพื่อเป็นการย้ำให้มิวแน่ใจกับสิ่งที่เขาได้เลือกแล้ว
“.........”
“ .”
มิวเงียบไปครู่หนึ่ง โต้งเองก็กำลังลุ้นด้วยหัวใจที่หวั่นไหวกับการรอคำตอบตรงหน้า แต่ก็ยังคงยิ้มส่งมาให้มิวอยู่ตลอด มิวก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยิ้มกว้างมาให้โต้ง
“อื้ม.... แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังนะโต้ง”มิวบอกยิ้มๆ
“ไม่เสียใจอยู่แล้ว”โต้งส่งยิ้มเป็นการยืนยันตอบกลับมาพลางกระชับมือที่กุมมือมิวไว้ให้แน่นขึ้นอีก
“ป่ะ....”โต้งบอกมิว มิวเองก็ได้แต่พยักหน้ารับและก้าวเดินออกไปกับโต้งพร้อมกัน..
..................
แม้หนทางข้างหน้าจะยาวไกลแค่ไหนหรือมีอุปสรรคสักเพียงใด แต่เขาก็เลือกแล้วและจะเดินเคียงกันไปแบบนี้เรื่อยไป ตราบใดที่ยังคงมี “กันและกัน”...............
Delete Scene
โต้งกลับไปแล้ว มิวเองก็อดใจหายไม่ได้เพราะช่วง2วันนี้เขาอยู่กับโต้งตลอดเลย ทั้งหัวเราะบ้าง ยิ้มให้กันบ้าง อย่างน้อยเขาก็ไม่เหงาทุกครั้งเวลาที่มีโต้งอยู่ด้วย
มิวเดินขึ้นไปยังห้อง มันยังคงเงียบเหงาอยู่เหมือนเดิมเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว....
มิวเดินไปนั่งยังขอบเตียงเฝ้ามองมายังตัวต่อไม้ สิ่งสำคัญที่เสมือนตัวแทนของคนที่เขารัก.....
.....
....
“ขอบคุณนะ ”
.
ไม่มีคำพูดใดหยุดออกมาจากปากของมิวอีก แต่สิ่งที่ออกมามีเพียงน้ำตา ที่ตอนนี้เริ่มที่จะไหลมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้...
....
มิวเริ่มพยายามปาดน้ำตาออกแต่มันกลับยิ่งไหลมากขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้...
....
โต้งไม่รู้หรอก...ว่าสิ่งที่เขาพูดมันทำให้ชีวิตเหงาๆของคนๆนึง มีความสุขมากเพียงใด กับสิ่งที่เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดหรือคาดหวังเลยว่าจะได้รับ....
โต้งนำมันมาคืนเขาอีกครั้ง.....
ที่ตรงนี้กับน้ำตาที่โต้งเคยเอาไปในวันคริสมาสต์....
แต่วันนี้โต้งนำมันกลับมาคืนให้เขาอีกครั้ง ณ ที่ตรงนี้อีกเช่นกัน....
หากแต่ต่างกันตรงที่น้ำตาครั้งนี้มันเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า....ความสุข
......
-โต้งไม่รู้หรอกว่าเราดีใจแค่ไหนกับสิ่งที่โต้งบอกมา หัวใจเราแทบจะหยุดเต้น ขาเราอ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ไหวเลยรู้มั้ย แล้วน้ำตามันก็พยายามเหลือเกินที่จะไหลออกมา เราอยากจะตระโกนออกมาให้โลกรู้ว่าเราดีใจแค่ไหน....เราพยายามอดกั้นสิ่งต่างๆไว้จนกว่าโต้งจะกลับไป แต่ตอนนี้ที่ตรงนี้มันเกินกำลังที่เราจะอดกลั้นได้แล้ว.... แต่ว่า...เราจะไม่บอกให้โต้งรู้เป็นอันขาด เราจะเก็บความรู้สึกในวันนี้ไว้ เพื่อให้คงอยู่”โดยไม่ลืม”
.
บางสิ่งบางอย่างต่อหน้าคนที่เราอยากจะบอกมากที่สุด แต่เรากลับจะไม่บอกให้เขารู้เป็นอันขาด เก็บมันไว้อย่างนี้ดีกว่า “เพื่อให้อยู่โดยไม่ลืม”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น