คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อยากรู้ก็เลยอยากถาม
ทุกชีวิตย่อมมีการจากลา จะช้าหรือเร็ว ก็แล้วแต่บุญกรรมของแต่ละคน ไม่มีสิ่งใดที่จะยื้อชีวิตคนจะตายได้ แม้แต่ความรัก ความเสียใจที่ให้ไปทั้งหมด รักมากแค่ไหน ร้องไห้ให้ตาย เขาก็ไม่มีวันฟื้นคืนมา
ร่างสมส่วนของชายหนุ่มวัย 21 ปีคุกเข่าลงบนพื้นปูนที่มีเศษใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นมาตามกาลเวลา ดวงตากลมโตจ้องไปยังรูปของใครบางคนที่ฝังอยู่ในเจดีย์เก็บอัฐิลายหินอ่อนสีขาวสะอาดที่บ่งบอกว่าเพิ่งสร้างไม่นานมานี้
"พี่โย..." สิ้นคำนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรต่อ มันเหมือนมีอะไรจุกที่อก ตาสวยหวานมีน้ำใสๆเหมือนทุกที "โคตรคิดถึงเลยว่ะ... ทำไมมึงต้องทิ้งกูไปวะ"
หน้าสวยเชิดขึ้นหายใจแล้วกลอกตาไปมาเพราะกลัวน้ำในตาจะไหล
"มึงรู้ปะ" เขาพูดเสียงสั่น "แม่เหมือนเป็นบ้าไปเลยอะ ไม่กินข้าวกินปลา ร้องไห้ทุกวัน"
"จนพี่แยมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเว้ย ฮึก..."
มือเรียวยกขึ้นมาปิดหน้า แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างอึดอัดใจ หยก นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ ปี 3 ผู้ที่เอาแต่ใจตัวเอง ทำตามใจตัวเองมาโดยตลอด เพราะมี โยธา พี่ชายที่เป็นเหมือนความหวังของแม่ไว้แล้ว น้องเล็กอย่างเขาจึงไม่เคยใคร่ใส่ใจอะไร ทำตัวเหลวแหลกไปวันๆ
จนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา พี่ชายที่เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นความหวัง ความสุข และความภาคภูมิใจของแม่ก็เกิดอุบัติเหตุตอนรีบวิ่งไปดูผู้ป่วยที่อยู่อีกฟากของถนน เขาถูกรถชนและเสียชีวิตทันทีโดยไม่มีการร่ำลา
"ฮึก"
"หยก" เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนเรียกชื่อเขา ทำให้รางบางที่นั่งงอตัวแทบติดพื้นค่อยๆเงยขึ้นมามองอีกคนช้าๆ
ธารา แพทย์หนุ่มวัย 29 ที่กำลังเรียนต่อเฉพาะทาง ทางด้านประสาทศัลยศาสตร์หรือศัลยแพทย์สมองนั่นเอง เขาเป็นเพื่อนสนิทของโยธาหรือจริงๆ อาจเป็นมากกว่านั้น...
"มานั่งร้องไห้แบบนี้ โยมันจะสบายใจได้ยังไง"
"ก็ผมอึดอัด"
"อึดอัดก็มาคุยกับคนที่ตอบโต้ได้นี่ ไม่ใช่คุยกับเจดีย์เก็บอัฐิ มันคงตอบเธอหรอก"
คนที่เด็กกว่าทำตาขวางใส่เพื่อนพี่ชาย
ธารานั่งคุกเข่าลงท่าเดียวกับอีกคน ก่อนจะวางช่อดอกกุหลาบสีขาวไว้ที่หน้าเจดีย์
ดอกกุหลาบสีขาว หมายถึง ความรักที่บริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
ตาคมจ้องรูปเพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับอยู่นาน ก่อนจะหันกลับมามองคนข้างๆ
"ร้องไห้เป็นเด็ก"
"เขาไม่ใช่พี่คุณหนิ" คนเอาแต่ใจกระแทกเสียงใส่คู่สนทนา
"เย็นแล้ว เธอมายังไง"
"ไม่ต้องยุ่ง ผมมาเอง กลับเองได้"
"ก็ไม่ได้ว่าจะไปส่งสักหน่อย" หมอหนุ่มพูดหน้าตาเฉย ทำเอาคนหน้าเสียควันออกหู
หนุ่มน้อยร่างบางลุกพรวดพราดออกมาอย่างฉุนเฉียว
ไอ้พี่หมอนะไอ้พี่หมอ
"หยก" เสียงเรียกไล่หลังมา ร่างสูงรีบวิ่งมาดักหน้า
"อะไรล่ะ!" เขาเสียงดังใส่
"ฉันล้อเล่น ฉันจะไปส่งเธอ"
"ไม่ไป" คนตัวเล็กยืนกอดอกเฉตามองทางอื่น แสดงท่าทางไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
"แกล้งเล่นแค่นี้ก็โกรธ"
"ใครโกรธพี่ ผมจะโกรธพี่ทำไม!?"
"นั่นสิ เธอจะโกรธฉันทำไม"
เอ๊ะ!
"พี่เลิกกวนตีนได้ปะ"
"ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ"
คนขี้หงุดหงิดเผยอปากแล้วมองบน
ก็แค่หน้าเขานั่นแหละ กวนตีนที่สุดแล้ว
"สรุปจะไปกับฉันมั้ย"
"ไม่ไป" เขาเน้นเสียงหนักแน่น
"ตามใจ แต่ที่นี่เป็นวัดป่า รถไม่ค่อยผ่านเข้ามาเท่าไหร่นะ" หมอหนุ่มว่าแล้วเปิดประตูรถทรงสปอร์ตคันสวยแล้วขึ้นไปนั่งบนเบาะคนขับ
"ไม่ต้องมาขู่ผมหรอก ผมไม่กลัว ไม่กลัวโว้ยยย" หยกตะโกนตามรถของคุณหมอที่ขับถอยออกไปอย่างไม่นึกลังเล
แม้ปากจะดีแต่ในใจก็หวั่นไม่น้อย เขามองซ้ายมองขวากับบรรยากาศยามเย็นภายในวัดก่อนจะรีบตรงดิ่งไปยังประตูทางออกอย่างไม่รีรอ
ร่างโปร่งยืนรออยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีรถที่จะส่งเขากลับคอนโดได้สักคัน ชีวิตนี้ไม่เคยมีเน็ตติดมือถือ ใช้แต่ WIFI บ้าน คอนโดและมหาวิทยาลัยเป็นหลัก จะเรียกรถด้วยแอปพลิเคชันก็ต้องใช้เน็ตเสียนี่ บทจะสมัครอินเทอร์เน็ตก็ไม่รู้จะสมัครยังไง
แม้จะเป็นคุณหนูที่เกเร อวดเก่ง เบ่งไปทั่วยังไง แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้บอกเลยว่าทำไม่เป็นสักอย่าง ครั้นจะโทรหาให้ใครมารับ ก็ไม่มีใครคนนั้นสักคนที่พอจะเป็นที่พึ่งพิงให้เขาได้ แต่ที่ได้มีกับเขาสักคน กลับ... มาจากไปไวจนไม่อาจทำใจ
ตากลมมองกลับเข้าไปในวัด หัวใจยังคงอาลัยอาวรณ์ แม้เขาจะดูเข้มแข็งต่อหน้าใคร แม้จะดูไม่เสียใจ แต่ใครจะไปรู้ว่า เขาก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าใครเลย
ปิ๊ด ปิ๊ด...
รถคันเดิมที่ขับออกไปเมื่อสิบนาทีก่อนมาจอดลงตรงหน้า กระจกที่ติดฟิล์มดำสนิทค่อยๆเลื่อนลงจนเห็นหน้าคนขับ
"ขึ้นรถ" เขาพูดเสียงนิ่งเหมือนเคย แต่คนทิฐิสูงยังคงทำเป็นมาดไม่หยุด
"หยก" หมอหนุ่มเรียกเขาอีกครั้งทั้งดวงตาจ้องเขม็งไปที่เป้าหมาย
เด็กหนุ่มเฉมองแล้วทำเป็นไม่เต็มใจ "เห็นว่าตั้งใจรอหรอกนะ เลยจะกลับด้วยอะ"
ธาราได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของเจ้าน้องชายเพื่อนสนิทอย่างระอา
ไม่มีใครพูดอะไรตลอดทาง จนคนที่อายุน้อยกว่าทนความอึดอัดนั้นไม่ไหว จึงเปิดบทสนทนาออกมา
"พี่ไม่เข้าเวรเหรอ"
"เข้า" เขาตอบกลับเสียงเรียบและตาก็ยังจ้องมองไปที่ถนน
"อ้าว แล้วมาได้ไง" หยกถามกลับด้วยความสงสัย มีเวร ก็ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ
"แลกเวรแล้ว"
"แลกทำไม"
"ก็มีเด็กไม่ยอมกลับบ้าน"
พอสมองคนฟังประมวลผลจนได้ความแล้ว แก้มเนียนขาวก็มีสีแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ จนเขาเองแอบทำอะไรไม่ถูกอยู่คนเดียว เพราะคนข้างๆก็ดูไม่ได้อะไรกับสิ่งที่พูดออกมา
"หิวข้าวไหม" คนที่กำลังมองการจราจรบนท้องถนนว่าควรไปทางไหนดีถามขึ้น
"ทำไม พี่จะเลี้ยงข้าวผมเหรอ" ส่วนคนนี้ถามกลับอย่างยียวน
"อยากให้เลี้ยงรึเปล่าล่ะ"
"..." ถามเองก็ต้องจนมุมเองทุกที "ไม่!"
"ทีเมื่อก่อนยังชอบให้พาไป..." เขาพูดไม่ทันจบประโยคเด็กข้างๆก็หันมาถลึงตาใส่ เขาเองก็รู้ดีว่าเจ้าน้องชายของเพื่อนรักต้องทำอย่างนี้ใส่ จึงได้ตั้งใจหันกลับไปมองแต่แรก
เชอะ นั่นมันอดีตว๊อยยย
เมื่อก่อนเขาติดธาราอย่างกับอะไรดี ก็ธาราเนี้ยแหละ ทำให้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่ชายขึ้นมา เพราะอย่างที่บอก เด็กที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ทุกอย่างต้องหมุนรอบตัวเองอย่างเขา มีไม่กี่คนหรอกที่จะเข้าใจเขาจริงๆ ใครไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ ส่วนใครที่เข้าใจก็คือจบ
แต่ถ้าจะถามว่า...
"ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไป" คำถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบของคนข้างๆ ทำเอาเด็กหนุ่มหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มันเหมือนไปกระตุ้นโดนจุดอ่อนไหวอะไรแบบนั้น
"อะไรเปลี่ยน" เขาทำเฉไฉไม่รู้ไม่ชี้
"ก็เธอไง ทำไมอยู่ๆ เธอถึงห่างฉันล่ะ" ธาราถามออกมาด้วยความอัดอั้น แต่ยังคงน้ำเสียงเรียบๆแต่มั่นคง
ก่อนหน้านี้เขาเคยตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ เห็นธาราที่ไหนก็จะเห็นเด็กน้อยๆคนนี้ที่นั่น แต่อยู่ๆหยกก็ทำตัวห่างเขาไปนานเป็นปีๆเลย เพิ่งจะได้กลับมาคุยกันบ้าง ก็ตอนงานศพของโยธา
การโดนอีกคนตีจากโดยไม่รู้สาเหตุ มันไม่ต่างอะไรจากอกหักเลยแม้แต่น้อย เขาเหมือนยังดี แต่ก็ไม่ดีเหมือนเดิม ธาราได้แต่เฝ้าถามตัวเองทุกวัน
"พี่ทำอะไรผิด"
ความคิดเห็น