ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    It’s the End of the World as We Know It /The Boys x Fem! OC

    ลำดับตอนที่ #1 : Who Are You

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 67


    แอมเบอร์ คริมสัน รู้สึกได้ภายในว่าใบมีดฟัน เฉือน และสับให้กล้ามเนื้อหลุดจากข้อต่อ เลาะเนื้อหลุดจากกระดูกให้วิญญาณออกจากร่าง ราวภาพจำคนสับเนื้อจากเขียงขายหมู ความรู้สึกเจ็บปวดแทรกทรวงแสบซ่าน ผ่านไปยังชีวิตที่ใกล้ดับเหมือนสายฟ้าแลบ เธอดิ้นหนีจากบทเพลงจากขุมนรก เม็ดเหงื่อนับร้อยผุดออกจากผิวหนัง ไม่นานร่างสะดุ้งเฮือกดีดนั่งบนเตียง ในปากรับรสขมบุหรี่ที่สูบก่อนนอน

    “ฉันเตรียมอาหารมาให้นะ อยู่ข้างนอก” หญิงสาวคนหนึ่งหยุดที่ตรงประตูห้องนอนคริมสัน

    “ขอบใจ”

    “ฝันร้ายเหรอ?”

    คริมสันก้มหน้าลง หายใจลึก ๆ “แค่ฝันแปลก ๆ น่ะเจส”

    เจส แวนส์ ยิ้มบาง ๆ และเอื้อมมือไปจับแขนคริมสัน เธอมองดูแวนส์ พลางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาจากการสัมผัส

    “มันเป็นแค่ฝันร้าย ฟังนะ พระเจ้าคุ้มครองเธออยู่เสมอ” แวนส์ยิ้มพร้อมลูบปลอบประโลมช้า ๆ ก่อนเดินออกไป

    คริมสันนิ่งเงียบ เธอลุกขึ้นจากเตียง เดินไปแย้มผ้าม่านออกเล็กน้อย รถตำรวจและรถพยายาบาลขับตามไล่กัน ความวุ่นวายกลางกรุงเริ่มต้นขึ้นเหมือนในทุกวัน การรายสดเกี่ยวกับการปล้น จี้ อาชญากรรมเป็นเรื่องปรกติของเมืองใหญ่ คริมสันเทกาแฟดำจากกาคร่ำครึสนิมเกาะ ตัวเธอเอนพิงเคาท์เตอร์ ส่งสายตามองกล่องทีวีหนวดกุ้งราคาถูก

    ชายผ้าน้ำเงิน ขาว แดง โบกสะบัด เรือนผมสีทองไหวตามลม รอยยิ้มปริกะพริบตาให้กล้อง เขาส่งมอบตัวโจรให้แก่ตำรวจ แล้วพลันดีดตัวทะยานสู่ท้องนภา

    “และนี่เป็นอีกครั้งที่เราได้ โฮมแลนด์เดอร์ ช่วยเอาไว้” ผู้ประกาศข่าวเปล่งรัศมีของความสุขเมื่อพูดชื่อซูเปอร์ฮีโร่ทิทักษ์สันติราช

     

    ณ ปัจจุบันโลกใบนี้ถูกเรียกว่าดินแดนคัดสรร

    ในช่วงสงครามครั้งที่สองชาติเยอรมันมีข่าวฉาวระบือเกี่ยวกับการทดลองโดยใช้ชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายนาซีบันทึกว่านี่คือ ความสำเร็จในทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่ด้านแวดวงวิชาการกลับพูดว่า มันคือความล้มเหลวทางด้านมนุษยธรรม

    การตรวจพบยีนพิเศษ ได้สรุปว่าเกิดขึ้นในคนหมู่น้อย ลักษณะคือการมีพลังเหาะเหินเดินอากาศ ควบคุมมวลสสารนาชนิด ๆ บางครั้งอาจแข็งแกร่งกับมนุษย์ทั่วไป พวกเขากระจายไปในชุมชนคนกลุ่มเล็ก ๆ ต่อมาปัจจุบันคนทั่วไปเรียกสิ่งที่ค้นพบว่าเป็น “ซูเปอร์พาวเวอร์” หากใครได้รับยีนเด่นเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะถูกปั้นให้มีชื่อเสียงแล้วออกมาโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมากกว่าการออกมาปกป้องโลก

    คริมสันกดปิดทีวีและจุดบุหรี่ขึ้นสูบ เปลวไฟปลายมวนวาบแดงหายไปและปรากฏใหม่ด้วยการสูดควันเข้าปอด เธอสันโดดและไม่เกี่ยวข้องกับภายนอกมาหลายปี คราวที่บิดาได้จากไป เธอรอจนแน่ชัดว่าร่างบิดาฝังเสร็จพิธีการ จึงไปแสดงความอาลัยตามสายสัมพันธ์ในสายเลือด ซึ่งหมายความว่าเธอรอเป็นอาทิตย์เพื่อการหลีกหนีญาติพี่น้องในงานฝังศพ หลีกหนีการพูดถึงพินัยกรรม และเบื้องหลังชีวิตไว้ที่ป้ายหลุมศพนั้นทั้งหมด

    เมื่อสี่ปีก่อนการปลีกตัวจากผู้คนเป็นสิ่งที่เธอโหยหา ไม่นานหลังจากได้มาอยู่ในตรอกซอมซ่อ เธอได้พบกับแวนส์ หล่อนเป็นเพื่อนข้างห้อง ชอบนำอาหารมาฝากอยู่บ่อย ๆ ตัวแวนส์หล่อนเองเป็นคนอดทนและมีความพยายาม หล่อนทำงานเพื่อปากท้อง ตกกลางคืนถึงรุ่งเช้าหล่อนต้องไปทำงาน พอกลับมาเธอก็ต้องนอนพักเอาแรงทั้งวัน อีกทั้งหล่อนไม่ได้เลี้ยงแค่ชีวิตหล่อนเพียงคนเดียว หล่อนยังอาศัยอยู่กับลูกชายหล่อนที่ชื่อ จิมมี่ เขาอายุเด็กชายย่างเจ็ดขวบ เป็นเด็กกำพร้าพ่อ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนัก เดินเดาะเดะเพราะขาข้างซ้ายเล็กกว่าขาตามสรีระปรกติ

    ในวันหยุดของครอบครัวแวนส์ มักชวนคริมสันไปหลังคลองบำบัดน้ำใกล้ ๆ หอพัก มันเป็นลานกว้างของคนงาน เป็นสถานที่ถูกทิ้งรกร้าง มีเพียงเสียงบำบัดน้ำดังซูซ่ากับสายลมพัดใบไม้ที่แห้งกรอบ เจส แวนส์เจอมันเมื่อหลายปีก่อน หล่อนบอกว่าสถานที่นี้เหมือนเป็นสถานที่หนีจากโลกภายนอกอันวุ่นวายทั้งปวง

    คริมสันได้ใช้เวลากับเสียงหัวเราะของครอบครัวแวนส์ส่งผลให้ความเจ็บปวดจากอดีตเผลาลง จนเกือบลืมไปว่าเคยมีมัน

    จิมมี่นั่งอยู่บนผ้าปูปิกนิกเขากำลังคลำหาชีวประวัติซูเปอร์ฮีโร่ในกระเป๋าเล็กของตัวเอง

    คริมสันส่งแซนวิชไส้ไข่ง่าย ๆ ให้เขา จิมมี่รับไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ

    ส่วนแวส์นั่งข้างคริมสัน หล่อนกำลังทาครีมกันแดดราคาถูกตามร้านค้าของชำ

    “คริมสัน” แวนส์เริ่มพูดขึ้นขณะทาครีมกันแดด “อาทิตย์หน้าฉันจะไปโบสถ์กับจิมมี่ อยากไปด้วยไหม?”

    คริมสันหันมองแวนส์ด้วยสายตานิ่ง ก่อนจะหลบตา “ขอบคุณนะเจส แต่...โบสถ์ไม่ใช่ที่ของฉัน”

    แวนส์ยิ้มบาง ๆ “ฉันรู้ว่าเธอไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่บางทีอาจจะช่วยเธอได้นะ ฉันเองก็เจอช่วงเวลายาก ๆ มาเหมือนกัน พอได้ไปที่นั่น มันช่วยให้ฉันรู้สึกสงบขึ้น”

    คริมสันนิ่งไปครู่หนึ่ง หยิบกิ่งหญ้ามาหักเล่น เธอรู้ว่าการได้ใช้เวลากับครอบครัวแวนส์ช่วยให้เธอคลายความรู้สึกหนักอึ้งในใจลงบ้าง แต่ว่าการเข้าไปในโบสถ์ สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องง่าย

    “ฉันคิดว่าการไปโบสถ์จะสามารถช่วยอะไรได้” คริมสันตอบเบา ๆ แต่หนักแน่น

    “โอเค ไม่เป็นไรนะ เธอไม่ต้องเชื่อ” แวนส์พูดอย่างอ่อนโยน “แค่คิดว่าบางที การอยู่ในที่ที่คนอื่นพร้อมจะรับฟังเรา อาจช่วยเธอได้เหมือนที่มันช่วยฉันมาแล้ว” แวนส์พยักหน้า “ฉันไม่บังคับเธอ แค่รู้ไว้ว่าถ้าเธออยากลองเมื่อไหร่ ประตูโบสถ์ยังเปิดให้เธอเสมอ”

    คริมสันไม่พูดอะไรอีก เธอหันไปมองจิมมี่ที่นั่งข้าง ๆ เขากำลังเปิดหนังสือชีวประวัติของซูเปอร์ฮีโร่หน้าแล้วหน้าเล่าอย่างมีความสุข

    ทุกวันศุกร์ แทนการดูหนังในสื่อสตรีมมิ่ง พวกเขาก็กลับไปยังห้องพักซอมซ่อของคริมสัน ค่ำคืนนี้จะพิเศษหน่อย เพราะแวนส์ได้ยืมเครื่องเล่นภาพยนตร์ มาให้จิมมี่และคริมสันดูหนังด้วยกัน เธอเปิดรายการสยองขวัญคร่ำครึที่ภาพเบลอ ๆ ทว่าความรู้สึกยังคงความหลอนตามต้นฉบับ คริมสันนั่งอยู่บนพื้นหน้าจอทีวีขนาดเล็ก จิมมี่นั่งขดตัวอยู่ เขาจับหมอนใบนุ่มเอาไว้แน่นอย่างตั้งใจดู ส่วนแวนส์ที่นั่งข้างหลังพวกเขา หยิบถ้วยข้าวโพดคั่วที่ทำอย่างง่าย ๆ ออกมาจากครัวแล้วดูภาพยนตร์เรื่องโปรด

    ท้องฟ้าในตอนสายขมุกขมัวไม่เห็นแสงตะวัน ปุยเมฆขยายเป็นแผ่นบางปกคลุมแมนฮัตตันให้หมองหม่น คริมสันงัวเงียตื่น ดูจดหมายของเพื่อนสาวที่ทิ้งเอาไว้ “ฝากจิมมี่ด้วยนะ”

    สายลมกรีดใบไม้ปลิวไหว ริมฝีปากแห้งกรอบด้วยการกัดกร่อนจากความหนาวที่พัดผ่าน คริมสันลงจากรถเพื่อไปรับจิมมี่กลับจากเรียนพิเศษ ท่ามกลางผู้คนนับสิบที่รอไฟข้ามถนน ตรงข้ามกันคริมสันมองคนงานกำลังปีนป่ายติดป้ายต้อนรับสมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาโดยมีหัวหน้าอย่าง วิคตอเรีย นิวแมน พร้อมคู่แข่งอย่าง โรเบิร์ต ซิงเกอร์

    สายลมการหาเสียงนี้บ่งบอกว่าฤดูกาลการเลือกตั้งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาทุกขณะ

    ขณะที่แมนฮัตตันเป็นเมืองความรุ่งเรือง ป้ายการค้าแบรนด์ดังติดประดับทั่ว คนเดินยั้วเยี้ย กระนั้นตามฟุตบาทที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษ ถุงพลาสติก และขวดเหล้าที่ถูกทิ้งเกลื่อน มีคนไร้บ้านนอนคุดคู้อยู่ในหัวมุมถนน หรือหลบตามตรอกแคบที่ไม่มีใครสนใจ คนเหล่านี้บางคนห่มตัวด้วยผ้าห่มเก่า ๆ สกปรกและมีกลิ่นอับ ขณะที่บางคนไม่มีอะไรนอกจากร่างกายที่ผอมแห้งติดกับกำแพงที่เต็มไปด้วยคราบน้ำฝนและสนิม

    คนติดยานั่งพิงกำแพง ซุกตัวในมุมมืด พลางใช้เข็มฉีดยาที่พวกเขาหามาได้จากตลาดมืด เส้นเลือดที่เคยแน่นตึงเริ่มบวมช้ำ ใบหน้าซีดเผือดและเหม่อลอย ดวงตาของพวกเขาสูญเสียประกายแห่งความหวังไปนานแล้ว บางคนยังคงถือขวดสุราไว้ในมือ เดินเซไปเซมาตามถนนเหมือนสัตว์ที่หลงทาง บ้างล้มลงกลางถนน และไม่มีใครคิดที่จะช่วย

    ทันใดคริมสันกำลังรอไฟข้ามถนน เธอก็สะดุ้งเมื่อมีเสียงทุ้มต่ำงึมงำข้าง ๆ หู

    “จะเลือกตั้งให้เสียเวลาทำไม สุดท้ายแม่งก็เอาภาษีไปแจกจ่ายแดกกันอิ่มหนำสำราญ ไม่สนหมีสนแดดว่าประเทศหรือประชาชนแม่งเป็นอย่างไร”

    สำเนียงบริทิตจากเกาะอังกฤษของปากชายวัยสี่สิบที่เนื้อตัวหึ่งสุรา เคล้าอบอวนด้วยกลิ่นคาวสาบสางบอกไม่ถูก กลิ่นมันแรงจนต้องใช้สันนิ้วมือปาดปลายจมูก ชายประหลาดไว้ผมเผ้าหนวดเครารุงรัง สวมเสื้อฮาวายบางเขรอะด้วยคราบสีน้ำตาลแห้งกรัง คริมสันเห็นใบหน้าที่เต็มด้วยบาดแผลมองจ้องป้ายยักษ์ด้วยสายตาถมึงทึงทะลุแว่นเรย์แบนสีดำ คริมสันนิ่งเงียบไม่แสดงอากัปกิริยาโต้ตอบ ชายฉกกรรจ์เริ่มรู้ตัว เธอจึงเบี่ยงหน้าหลบสายตาคมจากเขาทันที

    คนที่อยู่ที่นี่ได้ ไม่เป็นคนแปลกก็เป็นเสียสติไปข้าง เธอเองเข้าใจบริบทคนในนิวยอร์กดี

    ไฟแดงผันเป็นสีเขียว เท้าสองข้างรีบเดินดิ่งไปยังโรงเรียนประถม

    “ผมเอานี่มาฝากครับ” เด็กชายหน้าระรื่นยื่นกระดาษที่วาดเขียนด้วยลายมือขยุกขยุย ประดิษฐ์ประต่อได้เป็นคำว่า ‘ผมรักคุณป้าคริมสัน’

    คริมสันนั่งยองให้ระดับใบหน้าเทียบกับความสูงหนุ่มน้อย “ขอบคุณ” เธอใส่จดหมายไว้ในกระเป๋าก่อนยืดตัวขึ้น ช่วยถือกระเป๋าสะพายของจิมมี่แล้วจับมือเขาเดินไปร้านเบอร์เกอร์ใกล้ ๆ

    ในร้านท่วมท้นด้วยเสียงพูดคุยที่ราวไม่มีทางจะจบลง “ผมเอามันบดครับคุณป้า” เด็กชายแกว่งขาไปมาบนเก้าอี้สูงกว่าตัว

    เธอพยักหน้าเขียนลิสต์อาหารไว้ในกระดาษ “แล้ววันนี้มีใครแกล้งเธอไหม?”

    “วอลลีย์ วอลลีย์เขาแกล้งผมอีกแล้ว เขาแกล้งทุกคนในห้อง แต่ผมไม่ถือสาเขาหรอก”

    “เจ้าเด็กหนุ่มหัวแดงนั่นเหรอ ฉันคิดว่าฉันไปคุยกับเขาแล้วนะ เขายังทำอยู่เหรอ?”

    “วอลลีย์น่ะ เขาไม่ฟังใคร” จิมมี่งึมงำ

    “เฮ้จิมมี่ เธอเชื่อเรื่องนาฟ้าผู้พิทักษ์ไหม?” คริมสันยื่นใบเมนูให้พนักงาน “ฉันเชื่อว่านางฟ้าจะลงโทษเจ้าวอลลีย์นั่น”

    “ป้าก็พูดแบบนี้ตลอด”

    พออาหารมาถึงจิมมี่ก็งุ่นกับมันบดเนื้อละเอียดตรงหน้า

    “เธอนี่เหมือนเขาไม่มีผิด” คริมสันเปล่งเสียงพูดหลังใบเมนูที่ปิดหน้าตัวเอง

    “เขา คือใครเหรอครับ?”

    “อ๋อ เขาเป็นสามีฉันเองน่ะ”

    “แล้วอยู่ไหนเหรอครับ?”

    เธอละใบเมนูลง พร้อมแสดงใบหน้ายิ้มเจื่อน ๆ “สักที่ละมั้ง”

     

    ทุกเย็นเธอจะไปรับจิมมี่ที่โรงเรียน พาเขาไปกินเบอร์เกอร์หรือซื้อของเล่น ก่อนที่จะมาส่งที่ห้องผู้เป็นแม่ทุกวัน

    “เฮ้จิมมี่ มานี่หน่อย”

    เด็กหนุ่มมองหน้าแม่แล้วเดินไปหาผู้เป็นป้าบุญธรรม

    “ป้ารักหนูนะ ขอให้เธอเป็นเด็กดีแบบนี้ตลอด”

    ดวงตาจิมมี่เป็นประกายเหมือนเม็ดทรายสะท้อนแดด เขาสวมกอดคริมสันทันที

    “ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณเธออย่างไรดี มากินอะไรกันก่อนไหม?” แวนส์เสริม

    “วันนี้ฉันยังไม่ว่างน่ะ”

    “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”

    คำขอบคุณของผู้เป็นแม่เปล่งออกมา คริมสันตอบกลับรอยยิ้มของหนูจิมมี่และแวนส์ด้วยการมือโบกลา พอประตูห้องปิดแล้ว เธอเดินลงมาบนถนนแมนฮัตตันอีกครั้ง แสงจันทร์และลมหนาวพัดพาเธอขับรถมาหยุดที่หน้าบ้านใครคนหนึ่ง ถนนไม่มีคนพลุกพล่าน มีแต่เพียงเสียงหวอจากรถตำรวจลาดตระเวน ในรถยนต์เล็ก ๆ ดวงตาเธอจับกับเด็กชายหัวแดงกำลังเดินข้ามถนน

    คริมสันเธอเคยมาพูดคุยกับผู้ปกครองของวอลลีย์หลายต่อหลายครั้ง ทว่าการพูดคุยกับผู้ปกครองนั้น เป็นทางเลือกสุดแสนสิ้นคิด

    ดังนั้นมันทำให้เธอชุกคิดทำอะไรที่ไม่คาดฝัน

    เสียงนกเจื้อยแจ้วราวกับบอกว่าความเศร้าหมองจะหายไป วันเสาร์หลังจากพาหนุ่มน้อยไปกายภาพ คริมสันต้องไปสนามเด็กเล่นกับจิมมี่ เพราะแม่ของเธอรับทำงานพิเศษจะกลับมาบ้านตอนช่วงดึก บนม้านั่งเธอเห็นเด็กสาวเด็กชายวิ่งเล่นกัน แสงแดดอ่อนกระทบใบหน้าละมุนของเด็ก ๆ บนสนามเด็กเล่น

    คริมสันเดินออกห่างจากสนามเด็กเพื่อสูบบุหรี่ คราวถึงมุมหนึ่งแล้ว เธอหยิบซองบุหรี่พร้อมกล่องไม้ขีดไฟก่อนค่อย ๆ ใช้ปลายฉนวนเสียดสีกับกลักข้างกล่อง เปลวเพลิงครู่หนึ่งจุดยาเส้นในมวนกระดาษ รสขมของบุหรี่เริ่มซึมซับเข้าสู่ปอดทั้งสองข้าง หยุดความกังวลทั้งปวง ความสุขปรากฏก่อนจะยุติลงด้วย ข้อความปริศนา จากหมายเลขเบอร์มือถือนิรนาม มันส่งไฟล์ซิปขนาดใหญ่ผ่านเอสเอ็มเอส ไม่มีตัวอักษรกล่าวใด ๆ ไม่สามารถจับหัวชนท้ายได้ถูก คริมสันขมวดคิ้วมองซ้ายขวา เมื่อแน่ใจแล้วแถวนี้ไม่มีเจ้าของข้อความ จึงตัดสินใจจิ้มดาวน์โหลด์ไฟล์ดังกล่าว

    มันคือวิดิโออินฟาเรตขณะจับป้ายทะเบียนรถของเธอ จับภาพขณะเธอพุ่งชนวอลลีย์เด็กที่คอยแกล้งจิมมี่ แรงของรถทำให้เขาแน่นิ่ง แม้จะเกิดในตอนกลางคืนทว่ามีความชัดจนสามารถระบุตัวตนได้อย่างแน่นอน

    เธอรีบทิ้งบุหรี่พร้อมใช้เท้าขยี้จนดับ ช่วงวินาทีเดียวกันการมองสนามเด็กเล่นทำให้เธอแสดงสีหน้าซีดเผือด

    จิมมี่ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว

    ร่างชะงักยืนทื่อนิ่งอยู่กับที่ หัวใจของเธอกระหน่ำเต้นราวกับกำลังจะหลุดออกออกมาจากอก มือที่สั่นไหวรีบคว้ามือถือขึ้นมา จอแสดงความว่างเปล่า ไม่มีข้อความใหม่ใด ๆ ปรากฏขึ้น นอกจากความเงียบที่ทิ่มแทงเข้าสู่จิตใจ โลกหยุดเขยื้อน เธอกวาดตามองไปทั่วสนามเด็กเล่น หวังว่าจะเห็นจิมมี่โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้หรือจากสไลด์เดอร์ แต่ไม่มีเงาของเขาเลย

    ภาพในระยะไกลห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ชายคนหนึ่งในเสื้อคลุมสีดำ แว่นตาเรย์แบนกำลังยืนข้างจิมมี่ คริมสันเร่งฝีเท้าพลางขบฟันแน่น เธอเข้าประชิดชายปริศนา

    “ออกไปจากเขา” น้ำเสียงของเธอไม่ดัง ไม่ตะเบ็งดังน้ำเสียงของเธอเรียบจนน่าขนลุกแทนหวาดกลัว

     


    The Who - Who Are You

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×