ตอนที่ 18 : บทที่ 14 กลับจวน
บทที่ 14 กลับจวน
เมื่อรถม้าของพี่รองมาถึงหน้าบ้านตระกูลมู่ ลุงเลียงสารถีรีบกุลีกุจรวางบันไดไม้มาตั้งให้คุณหนูเดินลงจากรถม้า ยื่นแขนมาให้คุณหนูจับจูง
“ถึงเสียที เล่นเอามืดค่ำเลย” ซูหมี่ว่าพลางบิดขี้เกียจเดินเข้ามาในลานบ้าน ตามหลังด้วยเสี่ยวเมา
“ซูหมี่!!!” ท่านเสนาบดีรีบรุดมาจับจูงลูกสาวของตนที่พึ่งจะกลับมา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อลูกสาวกลับมาในสภาพของขอทานน้อยหน้าตามอมแมมจนแทบจำลูกสาวของตนที่รับแต่งตั้งเป็นท่านหญิงแทบไม่ได้เลย
“ลูกคารวะท่านพ่อ ท่านพี่ใหญ่ ท่านพี่รอง ท่านพี่สามเจ้าค่ะ” ขอทานน้อยย่อกายลงอย่างชดช้อย
“เที่ยวเล่นสนุกหรือไม่” ซูจางหย่ง พี่ชายคนรองเดินเข้ามาจับจูงมือน้อยๆ ของน้องสาวพลางกระซิบถาม
“สนุกเจ้าค่ะ” น้องสาวกระซิบตอบ
ดูเหมือนเป็นฉากชื่นมื่นของครอบครัวสุขสันต์ แต่คำสั่งให้ตามหาของท่านซูจางเหว่ย เจ้าของจวนแห่งนี้ได้ประกาศกร้าวไว้เมื่อตอนเช้านั้นเล่นเอาบรรดาบ่าวไพร่เหงื่อออกหลัง
“นำตัวบ่าวไพร่ไปตีสามสิบไม้!!!” ซูจางเหว่ย
“ดะเดียวท่านพ่อ” ซูหมี่จำต้องเล่นละครฉากนี้ให้จบ
“วันนนี้วันดี ข้าพาคนเข้ามาบ้าน ลูกว่าจะไม่เป็นการดีหากท่านทำโทษบ่าวไพร่ จะทำให้แมวน้อยของลูกขวัญหนี อีกทั้ง.....”
“พอ!”
“ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วง ข้าก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วเห็นไหมท่านพ่อ” คุณหนูวัยสิบหนาวเข้ากอดออดอ้อนบิดา แม้กลิ่นแปลกๆที่โชยออกมา
“เจ้าลูกคนนี้ เฮ้ย เมื่อคุณหนูสี่ของพวกเจ้าขอร้องไว้ก็เอาตามนั้น” ท่านเสนาบดีถอนหายใจพลางลูบศีรษะของลูกสาวคนเล็ก
“ขอบคุณคุณหนู ขอบคุณนายท่าน” บรรดาบ่าวไพร่ที่เตรียมจะถูกทำโทษรีบพร้อมใจกับโขกศีรษะคารวะนายท่าน
"พี่ว่าเข้าควรไปอายน้ำให้ไว" ท่าทีรังเกียจของพี่รองนั้นทำให้เธอนั้นหน้าบึ้งตึง
ยิ่งที่ชายคนรอง เจ้าธงหายนะเบอร์หนึ่งของเสี่ยวเมาจับจ้องบ่าวคนใหม่ แบบตาไม่กระพริบ ยิ่งทำให้เค้ารางที่คิดว่าดับมอดแน่แล้วกลับลุกโชยขึ้นมาให้ขุ่นเคือง
/ท่านจะรักใครชอบใครก็ได้ แต่ไม่ใช่เสี่ยวเมาของข้า/
"นี้เสี่ยวเมา บ่าวคนสนิทคนใหม่ของข้า"
“เสี่ยวเมา คารวะทุกท่าน” บ่าวหลายคนมองการมาของเด็กน้อยเหมือนดั่งสวรรค์โปรด ทำให้พวกเขารอดพ้นจากการลงโทษ แต่ก็มีบางคนที่หมั่นไส้ได้ เป็นเด็กใหม่แต่ได้เข้ามาเป็นบ่าวใกล้ชิดคุณหนู
“เสี่ยวเมานี้ ท่านพ่อ ท่านพี่ของข้า” คุณหนูจับจูงเสี่ยวเมามาพบท่านพ่อและท่านพี่
“เสี่ยวเมา คารวะนายท่าน” บ่าวคนใหม่ประสานมือก้มทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“น่าตาจิ้มลิ้มพริ้ง.....” คุณชายรองซูจางหย่งใช้ด้ามพัดเสยใบหน้าเล็กของบ่าวใหม่ขึ้นมาพิจารณา
“ท่านพ่อลูกขอตัว” พลางวิ่งออกไปทันที ยังไม่ทันได้พูดจบ ซูหมี่รีบจับจูงเสี่ยวเมาหนีการพิจารณาของอีกฝ่ายทันที
/จะไม่ให้หนีได้อย่างไร หากพี่รองถูกตาต้องใจขึ้นมา ข้าสิจะลำบาก ความปรารถนาของข้าไม่เสียเปล่าหรอกหรือ/
/หายนะ หายนะ/
ซูหมี่ผลักบานประตูเรือนจันทร์กระจ่างเข้ามายังโต๊ะน้ำชากลางห้อง
“พี่เสี่ยวซุ่งชู่ (เจ้ากระรอกน้อย) พี่เสี่ยวเนียว (เจ้านกน้อย) ข้ากลับมาแล้ว” ตะโกนเรียกบ่าวรับใช้คนสนิทของตน
“บ่าวคารวะคุณหนูค่ะ” เด็กหญิงวัยสิบเจ็ด หน้าตาหมดจดสองคนเดินเข้ามาย่อกายคารวะคุณหนู
เด็กหญิงในชุดสีชมพูดูอ่อนหวานน่ารักแฝงไปด้วยความซุกซน ประกายสดใส กระจับปากเล็กเจื่อยแจ่ว ลักษณะไม่ต่างจากนกกระจิบตัวน้อยที่ส่งเสียงร้อง ทำให้ซูหมี่ตั้งชื่อ เสี่ยวเนียว นี้ทันทีเมื่อพบหน้ากันครั้งแรก
ส่วนเด็กหญิงในชุดเหลืองอ่อนหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มไม่ต่างจากคนแรกสักเท่าไหร่นัก แค่ดูสงบและสุภาพกว่า พูดน้อย เหมือนกระรอกที่ไม่ค่อยร้อง แต่พอจะตำหนินางก็เสียงดังเหมือนกระรอก ทำให้ซูหมี่ตั้งชื่อ เสี่ยวซุ่งชู่ ให้ไปเลย
“นี้พี่เสี่ยวซุ่งชู่ นี้พี่เสี่ยวเนียว แล้วนี้ก็เสี่ยวเมา” คุณหนูสี่ของตระกลูแจกแจงชี้แนะนำคนทั้งสามให้รู้จักกันทันที
“ข้าน้อยขอคารวะขอรับ” เสี่ยวเมาก้มคารวะ
“ต๊าย น่ารักอะไรแบบนี้” เสี่ยวเนียวเดินเข้ามากอดรัดฝัดเหวี่ยงเสี่ยวเมาจนหน้าเหวอ
“ใจเย็นเสี่ยวเนียว” เสี่ยวซุ่งชู่ดึงแขนสหายของตนมายืนสงบนิ่งด้านข้าง
“เสี่ยวซุ่งชู่พาเจ้าแมวน้อยไปอาบน้ำ เสี่ยวเนียวไปเอาเสื้อผ้าเก่าของข้ามาให้เจ้าแมว”
หลังจากคุณหนูสั่งการเรียบร้อยเจ้าตัวก็เดินออกมา มุ่งตรงไปยังห้องทำงานของพี่ใหญ่ ซึ่งตอนนี้สมาชิกในครอบครัวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ท่าทางและแววตาของซูหมี่ดูสงบเกินกว่าที่จะเป็นเพียงเด็กวัยสิบขวบได้
“หมี่เออคารวะท่านพ่อ คารวะท่านพี่” ซูหมี่ย่อกายคารวะแล้วรีบเดินไปนั่งประจำเก้าอี้ของตนเองพร้อมรายงานเหตุการณ์ทันทีโดนไม่อ้อมค้อม
“ท่านพี่ วันนี้ข้าออกทางหีบผ้าของร้านที่จัดส่งมาเมื่อเช้า ไม่มีการตรวจตราก่อนออกจากจวนใดๆ แล้วทางนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“มีกาเข้ารวมฝูงหงส์ห้าคนเห็นจะได้” ซู หวังเหว่ยรายงานความเป็นไปให้ประมุขของบ้านทราบ
“ทางครัวก็มีหมูอยู่สองตัว” ซูจางหย่ง บุตรชายคนรองรายงานต่อทันที ท่าทางเป็นการเป็นงาน
ซูจางเหว่ยนั่งพิจารณาอยู่สักครู่จึงกล่าวการตัดสินใจออกมา “อย่างนั้นเราเชือกหมูให้กาดูก่อนก็แล้วกันหลังจากนั้นคอยดูท่าทีของกาที่เหลือก่อน”
"คลื่นลมสงบเงียบ พายุใหญ่จะมา หาที่กำบัง เชือดหมูสองขาบูชาเทพ" ซู หวังเหว่ย เขียนจดหมายม้วนเน็บกับขานกพิราบสีน้ำตาลปล่อยให้ัมันบินออกไปยังปลายทาง
/คลื่นการเมืองกำลังก่อตัวขึ้นแล้วสินะ ข้าควรทำอย่างไรดี หากองค์ชายเก้าลงชิงบัลลังค์ งานนี้ข้าก็ตายนะสิ/
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
