ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    YESTERDAY ❥ Taeten Jaeten Allten {os/sf}

    ลำดับตอนที่ #9 : (Request) Even though it's wrong – Taeten

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 640
      36
      28 เม.ย. 61

     

    Title : Even though it's wrong

    Author : LittleG

    Pairing : Taeten ft.Jaeten

    Request by : นางฟ้าของคุณฮวัง

    About it : โหย ชอบแนวรักต้องห้ามเหมือนกันเลยค่ะ ;_; ตอนแรกคือแต่งเรื่องนี้ค้างไว้ตั้งแต่ที่มีการรีเควสไว้แรกๆแล้วเพราะชอบแนวนี้มาก แบบดราม่าแต่จบแฮปปี้เอนดิ้งเนี่ย ฮือออ แต่จู่ๆช่วงนั้นก็หมดไฟ สมองตันขึ้นมาเพราะคิดตอนจบไม่ออก (แนวนี้คิดตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งให้สมจริงยากมากกกก) สุดท้ายก็เลยดองยาว TT ความจริงนี่ก็เกินจริงมากๆแล้วค่ะ 55555555 ถ้าผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยค่า ;_;

     

     

    - - - - - | | - - - - - | | - - - - -

     

     

     

             “ถ้าวันไหนมึงจะมีแฟน..มึงต้องบอกกูนะเตนล์

     

              คำพูดเมื่อวันวานดังวนอยู่ในหัวซ้ำไปมาเหมือนเทปที่ถูกติดตั้งให้กรอวนซ้ำๆไม่รู้จบ มือแกร่งเสยผมขึ้นอย่างลวกๆ นัยน์ตาคมเหลือบมองกรอบรูปในตู้กระจกด้วยแววตาที่อยากจะบอกความรู้สึก ความทรงจำมากมายในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในศีรษะไม่หยุดหย่อนจนต้องนวดขมับเพื่อคลายความตึงเครียด

     

              ร่างสูงโปร่งในชุดไปรเวทอย่างเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทและกางเกงยีนขายาวสีซีดหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน คว้าโทรศัพท์และกระเป๋าตังค์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาก่อนเดินดุ่มๆออกไปจากห้อง

     

              ในยามที่ปิดประตูก็หันหน้าไปมองห้องที่อยู่ตรงข้ามเล็กน้อย ความเงียบสงัดคือหลักฐานที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายยังไม่กลับ ลีแทยงสบถหยาบในใจ..ไม่รู้ทำไม วันนี้เหมือนอะไรๆก็ไม่เป็นใจให้เขาเอาซะเลย

     

              “เที่ยงคืนแล้ว..” เขากำหมัดแน่น..นึกถึงใบหน้าของเพื่อนสนิทเจ้าของดวงตากลมใสซื่อบริสุทธิ์ผู้มีใบหน้าหล่อหวานดูน่ารักน่าชัง ก็ยิ่งขมวดคิ้วจนแทบจะติดกันเป็นโบ ในใจพร่ำคิดหาเหตุผลว่าทำไมป่านนี้อีกฝ่ายยังไม่กลับ

     

             คิดถึง..

     

              ไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกห่วงหาอาทรที่เกิดขึ้นในส่วนลึกของจิตใจได้

     

              เขากำลังคิดถึงเตนล์

     

              เขามันงี่เง่า..รู้ตัวดี เตนล์จะไปไหนกับใครหรือกลับดึกแค่ไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของคนตัวเล็กคนนั้น พูดตามตรง เขาไม่มีสิทธิ์อะไรไปกำกับชีวิตของเตนล์เลย

     

              หากเป็นเมื่อก่อนตอนสมัยมัธยมหรือมหาลัยคงใช้สิทธิ์ในการเป็นเพื่อนสนิทเพื่อตามติดเตนล์ไปทุกที่

     

              แต่ไม่ใช่ตอนนี้..ตอนนี้เขาใช้สิทธิ์นั้นไม่ได้อีกแล้ว

     

              เพื่อนสนิทที่ไหนตามไปเฝ้าเพื่อนตัวเองเดตกับแฟน?

     

              น่าขำสิ้นดี

     

              เขาขับรถออกจากคอนโดด้วยสติที่ไม่ค่อยจะครบครันนัก สาเหตุหนึ่งคือฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังไม่จางไปจากกระแสเลือด ส่วนสาเหตุที่สอง..

     

              คงเป็นความเจ็บช้ำใจที่เกิดขึ้นจากเพื่อนสนิทตัวเล็ก

     

              แทยงไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขามันเริ่มเกินเลยมาตั้งแต่ตอนไหน..อาจจะเป็นตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรกสมัยประถมก็ได้ ไม่สิ แก่แดดไป..เอาเป็นว่าเขาพึ่งมารู้ใจตัวเองก็ตอนมัธยมปลายที่คนตัวเล็กไปแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง แม้ว่าตอนนั้นอีกฝ่ายจะไม่สมหวังก็เถอะ

     

              จนตอนนี้จบปริญญาตรีมาแล้ว..ไม่ว่าจะคิดยังไงเขากับเตนล์ก็เป็นเพื่อนกันมานานใช้ได้

     

              Rrrrrr

     

              รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนกดรับสายโดยใช้แขนอีกข้างจับพวงมาลัยเอาไว้แน่น ความจริงเขารู้ตัวดีว่าตัวเองในตอนนี้ไม่ได้มีสติมากพอที่จะคุยไปด้วยขับรถไปด้วย แต่ชื่อที่ปรากฎออกมานั่น..ทำให้เขากดรับโดยไม่คิดให้มากความ

     

              “ไง แจฮยอน

     

              [พี่ๆๆๆ พี่เตนล์เมา! ทำไงดีวะ พี่เตนล์ไม่เคยเมาต่อหน้าผมเลยเนี่ย]

     

              ร่างสูงรู้สึกใจกระตุกวูบขึ้นมาในชั่วครู่หนึ่ง..เตนล์เมางั้นเหรอ? เผลอกัดปากจนเลือดซิบ..ได้ลิ้มรสคาวที่ปลายลิ้นช่วยเตือนสติให้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังขับรถอยู่ ด้วยความที่สนิทกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย..เขารู้ดีว่าเวลาเตนล์เมานั้นเป็นยังไง

     

              “เดี๋ยวกูไปรับ มึงรอก่อน” 

     

              [โอเค แต่พี่รีบมานะ ผมกลัวเผลอฟัดพี่เตนล์อ่ะ ไม่อยากขืนใจนะเว้ย]

     

              “เออๆ รู้แล้ว กูใกล้ถึงแล้วเนี่ย”

     

              กดวางสายก่อนเหยียบคันเร่งขึ้นจนมิด โชคยังดีที่เวลาเที่ยงคืนแบบนี้รถไม่มากนัก ทำให้สามารถไปถึงเร็วกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก เมื่อจอดรถให้เข้าที่ก็เดินเข้าไปในผับที่เคยมาบ่อยๆสมัยอยู่มหาลัย ทักทายการ์ดที่รู้จักกันดีพอเป็นพิธีก่อนขึ้นไปตรงส่วนวีไอพีเหมือนอย่างเคย ทุกอย่างที่นี่ยังคงดูเหมือนเดิมแม้จะผ่านมานานแล้ว

     

              เขาไม่ได้มาที่นี่อีกเลยนับตั้งแต่..

     

              อืม ช่างเถอะ

     

              ก้าวขาเดินต่อไปเรื่อยๆ สายตาก็พยายามสอดส่องมองหาไปทุกทิศทุกทาง

     

             กึก..

     

              ขายาวหยุดนิ่งไปเมื่อสายตาดันเหลือบไปเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเข้า แทยงรู้สึกชาวาบตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า ภาพของคนตัวเล็กผู้ครองตำแหน่งเพื่อนสนิทที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของเขากำลังนั่งค่อมหนุ่มผิวขาวซีดซึ่งอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟานั้นช่างบาดตา ปากหยักที่จูบเล้าโลมกันอย่างไม่มีใครยอมใครนั้นประกบติดกันอย่างเนิ่นนานและดูเหมือนไม่มีใครคิดจะห้ามปราม

     

              อาจจะเพราะที่นี่เป็นสถานที่อโคจรที่เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติ

     

              สัมผัสที่เร้าร้อนของทั้งคู่ทำให้ร่างสูงซึ่งมองอยู่ไกลๆตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเดินไปหาตามที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก หรือจะเดินกลับเพื่อไม่เป็นการขัดจังหวะดี

     

              ถ้าให้เลือกเพื่อรักษาจิตใจอันบอบช้ำของตัวเอง..เขาคงเลือกอย่างหลัง เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะไม่ไหว..รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนอยากจะทรุดตัวลงนั่งเสียเดี๋ยวนี้ มันช่างยากเย็นที่จะต้องอดทนมองภาพนั้นโดยทำเป็นไม่รู้สึกอะไร

     

              ทั้งๆที่ควรจะกลับไป..ควรจะทิ้งไว้ให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน

     

              ควรจะรักษาแผลใจที่เหวอะหวะของตัวเอง

     

              แต่เขาไม่ทำ

     

              ความจริงเขารู้คำตอบของตัวเองดีอยู่แล้ว..รู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายเขาจะเลือกอะไร เพราะถ้าเขาเลือกที่จะรักษาหัวใจตัวเอง..เขาคงหายไปจากชีวิตเตนล์ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน

     

              “พ..พี่แทยง” น้องชายในสายเลือดผละตัวลุกขึ้นอย่างฉุกละหุกทันทีที่เห็นหน้าเขา แก้มสีขาวซีดของอีกฝ่ายขึ้นสีเลือดฝาดอย่างเขินอาย..เจ้าตัวลุกขึ้นโอบกอด แฟน ของตัวเองซึ่งนั่งค่อมอยู่ให้ลุกขึ้นมานั่งบนตักดีๆ

     

              “ขนาดนี้ทำไมมึงไม่เคลมเลยล่ะ ถ้ากูมาไม่ทันคงหิ้วเพื่อนกูขึ้นห้องแล้วใช่มั้ยวะ” ผลักหัวน้องชายด้วยความหมั่นเขี้ยว ปั้นหน้าเหมือนหงุดหงิดปิดบังความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นโดยไม่ตั้งใจ มองคนตัวเล็กที่หน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้ากำลังอ้อนออเซาะอยู่บนตักของน้องชายตัวเองแล้วก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาในใจเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบมันจนแทบแหลกละเอียด

     

              แจฮยอนยิ้มหน้าทะเล้น

     

              “ผมก็อยากทำนะ แต่อยากทำตอนพี่เตนล์ไม่เมาไง เข้าใจปะ ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเพราะเหล้าอ่ะ”

     

              “ระวังหมาคาบไปแดก” อดพูดประชดประชันมันไม่ได้..ทั้งๆที่ในใจกำลังรู้สึกหน่วงๆเหมือนจะหายใจไม่ออก

     

              “คาบไปแดก? งั้นมันก็ได้แต่แย่งแดกไปวันๆแหละพี่ เดี๋ยวพี่เตนล์ก็กลับมาหาผมเองอยู่ดี พี่เตนล์..ไม่มีวันทิ้งผมหรอก”

     

              ....

     

              แทยงไม่รู้ว่าเขาอดทนฟังมันพูดประโยคนั้นได้ยังไง ไม่รู้ว่าตัวเองอุ้มเตนล์ขึ้นรถมาตั้งแต่ตอนไหน และไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงเลือกที่จะพาเตนล์มานอนให้ห้องตัวเอง ทั้งๆที่รหัสผ่านห้องเตนล์เขาก็รู้..มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะพาคนตัวเล็กกลับไปนอนในห้องของอีกฝ่าย

     

              ร่างเล็กเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์เหมือนพึ่งกระโดดลงไปในถังเหล้าอะไรแบบนั้น ไม่รู้เลยว่ามันจะมีเหตุผลอะไรหนักหนาให้เตนล์ต้องไปเข้าผับเข้าบาร์..ดื่มเหล้าเป็นหมาบ้าอยู่แบบนี้

     

              เตนล์นอนอยู่บนเตียงด้วยลมหายใจที่ติดๆขัดๆ ใบหน้าและร่างกายแดงก่ำไปหมด แม้แต่ดวงตากลมที่เคยฉายประกายใสซื่อก็ช่างดูฉ่ำวาวและหวานเชื่อม

     

              เตนล์กำลังทดสอบความอดทนของเขาหรืออย่างไร

     

              “แทยง..” ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยชื่อของเขาอย่างแผ่วเบา มือเรียวนั่นเอื้อมมากุมหน้าเขาไว้หลวมๆ และนั่นทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า

     

              “เตนล์ หยุด”

     

              “เราคิดถึงแทยงนะ” มันเป็นเพียงชั่ววูบหนึ่งที่เขารู้สึกหน้ามืดตามัว..เหมือนตัวเองกำลังดำดิ่งลงสู่หลุมลึกที่ยากจะกลับขึ้นมาอีก คลานขึ้นไปบนเตียงอย่างขาดสติ..จับข้อมือนั่นแน่นก่อนโน้มหน้าลงไปหวังจะชิมริมฝีปากที่มักจะพูดเจื้อยแจ้วนั่น ประกบริมฝีปากลงไป..ความหวานที่ผสมกับรสชาติของแอลกอฮอล์ช่างตราตรึงติดอยู่ตรงลิ้น จูบที่อ่อนหวานละมุน..แต่ก็ร้อนแรงดุจเพลิงอเวจีที่กำลังแผดเผา

     

    ลุ่มหลงอยู่ในรสชาติจูบจนแทบคลั่ง..

     

    รู้ตัวดีว่าถ้าไม่หยุดเอาเสียตรงนี้..ทุกอย่างจะเกินเลยจนกู่ไม่กลับ

     

    ในตอนแรกเขาไม่คิดจะหยุด..ความคิดด้านมืดผลักให้ความรู้สึกอยากครอบครองเตนล์นั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าในตอนนั้นเอง.. 

     

             “คาบไปแดก? งั้นมันก็ได้แต่แย่งแดกไปวันๆแหละพี่ เดี๋ยวพี่เตนล์ก็กลับมาหาผมเองอยู่ดี พี่เตนล์..ไม่มีวันทิ้งผมหรอก”

     

             “..งั้นมันก็ได้แต่แย่งแดกไปวันๆแหละพี่..”

             

              เพล้ง!

     

              เศษแจกันซึ่งเดิมทีตั้งอยู่ตรงหัวเตียงถูกปัดจนตกแตกกระจายอยู่บนพื้น 

     

              เขามองเตนล์ซึ่งสร่างเมาขึ้นมาเพราะตกใจ..ปากที่บวมเจ่อและเปื้อนไปด้วยคราบน้ำใสๆนั่นทำให้เขาต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ดวงตากลมมองมาที่เขาด้วยความตื่นตะหนกเหมือนกำลังถามว่าเกิดอะไรขึ้น..เขายิ้ม แสร้งทำเป็นไม่ได้รู้สึกอะไรก็จูบเมื่อครู่ก่อนเดินไปยีหัวทุยนั่นเหมือนปกติ

     

              “กูตกใจที่เผลอไปจูบมึงอีกแล้วไง ดีนะ ปัดแจกันตกทัน เสียงมันเรียกสติกูเนี่ย โชคดีชิบหาย” หัวเราะในลำคอเหมือนกำลังพูดเรื่องตลก เตนล์เงียบไปพักหนึ่ง..และนั่นทำให้เขารู้สึกใจคอไม่ดี แต่ในที่สุดคนตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

              เขารู้ว่าเตนล์จำจูบนั่นได้

     

              เตนล์เป็นคนที่เมาแล้วเรื้อน แต่เมื่อสร่างเมาก็จำรายละเอียดทุกอย่างได้ดี

     

              เราจูบกันมานับครั้งไม่ถ้วน..และเตนล์ก็จำมันได้ทุกครั้ง เหมือนกับที่เขาก็ยังจูบเตนล์แม้จะรู้ว่าเมื่อเตนล์สร่างเมาขึ้นมาคนตัวเล็กอาจจะสงสัยกับการกระทำของเขา น่าแปลกใจที่เตนล์ไม่เคยว่าอะไรเลย

     

              เหมือนที่แจฮยอนมันพูด

     

             “..งั้นมันก็ได้แต่แย่งแดกไปวันๆแหละพี่..”

             

             เฮอะ

     

             เขานี่มัน..น่าสมเพชชะมัด

     

              เตนล์นั่งอยู่บนเตียงมองเขานิ่ง ในขณะที่เขาก็ก้มลงเก็บเศษแจกันที่แตกกระจายอยู่บนพื้น รับรู้ถึงสายตาที่มองมา..แต่ไม่กล้าที่จะมองกลับไป

     

             ขี้ขลาด

     

              นั่นแหละนิยามของลีแทยง

     

              “ช่วงนี้..แทยงไม่ค่อยมาหาเราเลยนะ” คนบนเตียงพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด และมันทำให้ผู้เป็นเจ้าของห้องยิ้มอย่างขมขื่น..ความรู้สึกหนักอึ้งไม่ได้จางลงไปเลยแม้แต่น้อย

     

              “ขอโทษ ช่วงนี้กูยุ่ง..ขอโทษนะเตนล์”

     

              คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาเบาๆ บนใบหน้าน่ารักมีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่ “ไม่เป็นไรหรอก ดีนะที่แจฮยอนว่าง..เลยอยู่เป็นเพื่อนเรา”

     

              ชื่อของน้องชายในสายเลือดซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของคนตัวเล็กนั่นทำให้เขารู้สึกสะอึก

     

              มันยิ่งเตือนสติว่าสิ่งที่เขาพึ่งทำเมื่อครู่นั้นมันผิดมากแค่ไหน

     

              และมันก็ช่วยเตือนสติ..ว่าความรู้สึกที่เขามีให้เตนล์มันไม่ควรเกิดขึ้น

     

              แต่เขาเลิกรักเตนล์ไม่ได้

     

              เขาทนไม่ได้

     

              “ก็ดีแล้ว ดีนะที่ไอแจเป็นแฟนมึง ถ้าเป็นคนอื่นกูคงหวงตาย”

     

             ไม่..ต่อให้เป็นไอแจฮยอนกูก็หวง

     

              “ว่าจะพูดตั้งนานละ มึงมีแฟนแล้ว..ดีใจด้วยนะเตนล์ จะได้มีคนดูแลมึงต่อจากกูซักที”

     

             กูไม่ได้อยากให้ใครมาดูแลมึงนอกจากกู กูไม่ดีใจกับมึงเลยซักนิด กูขอโทษ

     

              “เนี่ย เลิกเมาเป็นหมาได้แล้ว ไอแจฮยอนมันทำตัวไม่ถูก..ถ้ามันเคลมมึงขึ้นมาทำไง”

     

             ถ้ามันทำแบบนั้น..กูคงต่อยมัน

     

              “กูรักมึงมากๆนะเตนล์ แต่มึงต้องเริ่มดูแลตัวเองนะ กูอยู่ดูแลมึงตลอดไปไม่ได้”

     

             กูโกหก..ความจริงกูอยากดูแลมึงตลอดชีวิตเลยด้วยซ้ำ

     

              “กูรักมึงมากนะสัส”

     

              แต่ที่บอกว่ากูรักมึง..กูรักมึงจริงๆ

     

              “อย่าพูดเหมือนจะทิ้งเรา..ได้มั้ย” คนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเตียงเคลื่อนตัวมายืนอยู่ด้านหลัง มือเล็กๆกอบกำชายเสื้อเชิ้ตของเขาเอาไว้แน่น นัยน์ตากลมคลอไปด้วยหยาดน้ำตา กายบอบบางสั่นสะท้านเหมือนลูกนกพึ่งเกิด..ท่าทีลนลานของคนตัวเล็กช่างดูน่าสงสาร เตนล์ในตอนนี้ช่างเหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังอ้อนวอนขอร้องไม่ให้พ่อแม่ทิ้งตนไป

     

              “กูไม่ทิ้งมึงไปไหนหรอก..จะอยู่กับมึงไปจนตายนั่นแหละ”

     

             เพราะกูทิ้งมึงไม่ได้..แต่กูก็เลิกรักมึงไม่ได้เหมือนกัน

     

     

     

     

     

     

              “เอ้า มึงจะเมาเป็นหมาต่อจากไอเตนล์เหรอวะ”

     

              มือที่กำลังยกแก้วขึ้นซดชะงักกึก ดวงตาเฉี่ยวคมที่หยาดเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ตวัดขึ้นมองเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมหาลัยด้วยความสงสัย ในหัวเต็มไปด้วยประโยคเมื่อครู่วนซ้ำไปมา และ นากาโมโตะ ยูตะ ก็เหมือนจะรู้ใจ มันยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทันก็คว้าแก้วเหล้าในมือของเขาไปฝากไว้ที่เพื่อนอีกคน

     

              “ถ้ามึงหยุดแดกต่อกูจะบอก”

     

              ได้ผล..ไอแทยงหยุดมือที่กำลังจะเอื้อมไปแย่งแก้วคืนจากจอห์นนี่ทันที

     

              “ไอเตนล์..ทำไม”

     

              “เมื่อวานจู่ๆมันก็นัดกูกับไอโดยองไปแดกเหล้า อ้อ พ่วงไอแจน้องชายมึงด้วย” มองคนเมาที่เงยหน้าขึ้นฟังด้วยความสนใจก็ได้แต่ลอบยิ้มร้าย ยูตะตบหัวไอคนแอบรักเพื่อนไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้

     

              “ตบหัวกูทำไมวะ!

     

              “หมั่นไส้! อ้อ มึงห้ามตบกูคืนนะ..ไม่งั้นกูไม่เล่าให้ฟังว่ากูได้ยินไรมาบ้าง!

     

              คนถูกขู่หงอเป็นหมาหงอยก่อนยอมนั่งอยู่นิ่งๆไม่โต้ตอบการกระทำเมื่อครู่ ยูตะกับจอห์นนี่หันมายิ้มให้กันอย่างรู้ใจ ไอแทยงก็เป็นแบบนี้..สำหรับมันเตนล์สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง แอบรักเขาตั้งนานนม..สุดท้ายถูกน้องชายตัวเองคาบไปแดก ก็นะ เมื่อก่อนมันโง่..เอาแต่นั่งทำงานงกๆ เตนล์ไปบ้านก็ปล่อยให้เตนล์นั่งซึมอยู่คนเดียว สุดท้ายเป็นไง? ตอนรู้ว่าเตนล์คบกับแจฮยอนพวกเขาอยากจะขำให้ฟันร่วง

     

              แต่สำหรับไอแทยง..มันคงไม่ใช่เรื่องตลกล่ะนะ

     

              “เตนล์ร้องไห้”

     

              “ฮะ? ทำไมวะ! ใครทำอะไรเตนล์!?” ลุกขึ้นยืนตบโต๊ะด้วยอารมณ์โทสะอย่างลืมตัวเรียกสายตานับสิบคู่จากคนอื่นๆในร้านให้หันมามองได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายแล้วคนพวกนั้นก็หันกลับไป..คงเพราะมันเป็นเรื่องปกติของที่แบบนี้ล่ะมั้ง ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจเท่าไหร่

     

              “เตนล์ร้องไห้หามึง..เอาจริงๆนะ คืนก่อนที่มึงไปรับเตนล์จากไอแจเกิดไรขึ้นวะ”

     

              “ทำไมคืนต่อมาเตนล์มันกลับไปเมาอีก แถมร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ซบอกไอแจจนเกือบจมอกมันแล้วมั้ง” จอห์นนี่พูดต่อชวนให้เห็นภาพ แต่เพราะคำพูดของพวกมันถึงได้ทำให้ตัวต้นเรื่องอย่างแทยงนิ่งไป..หลังจากที่เขาพูดกับเตนล์แบบนั้นก็ไปส่งเตนล์กลับห้อง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไปเมาหัวราน้ำแถมยังร้องไห้หนักอีก..

     

             “เตนล์มันร้องไห้หามึง”

     

              ....

     

              ให้ตายสิ เพราะไอคำพูดของยูตะนั่นแหละ เมื่อเขาสร่างเมาถึงได้รีบบึ่งมาหาเตนล์ที่ห้องของอีกฝ่ายโดยทันที ด้วยความที่รู้รหัสผ่านถึงได้กดและเดินเข้าไปในห้องโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ก็แค่รู้สึกอยากเจอ..รู้สึกอยากกอด ทำไมตอนที่ไอตัวเล็กร้องไห้เขาถึงไม่ได้อยู่ข้างๆมัน? ตอนนั้นเขาทำอะไรอยู่..อ๋อ ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังเพราะอยากลืม

     

              ให้ตายสิ..

     

              เขาเปิดประตูเข้าไป..คิดในใจว่าหากได้เจอเตนล์คงเดินไปกอดลูบหัวลูบหลังอย่างที่ใจคิด

     

              แต่ว่า..

     

              ภาพตรงหน้าทำให้ก้อนเนื้อบริเวณหน้าอกข้างซ้ายปวดหนึบเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบมันแรงจนแทบแหลก น้องชายของเขากอดเตนล์อยู่กลางห้อง..และเตนล์ก็กอดอีกฝ่ายตอบ ไหล่แคบที่สั่นเครือนั่นทำให้รู้ว่าเตนล์กำลังร้องไห้..ใบหน้าของแจฮยอนซุกอยู่ตรงลาดไหล่เล็กนั่นทำให้เขาไม่รู้ว่าสีหน้าของน้องชายเป็นอย่างไร

     

              รวมถึงสีหน้าของเขาด้วย

     

              แต่..มันต้องแย่มากๆแน่เลย ใช่มั้ย?

     

              เพราะตอนนี้..เขารู้สึกเหมือนกำลังจะตายเลย

     

              ทั้งสองคนผละออกจากกันก่อนชะงักไปเมื่อหันมาเจอเขาเข้า เขาไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา..แต่มันต้องไม่ใช่สีหน้าที่ดี ไม่งั้นทั้งคู่คงไม่มองเขาด้วยสีหน้าแบบนั้น มันเป็นสายตาที่ยากจะอธิบาย เขาไม่เข้าใจว่าเตนล์และแจฮยอนกำลังสื่ออะไร อาจจะเพราะตอนนั้นสมองเขาไม่คิดจะรับรู้อะไรทั้งนั้น..

     

              “ด เดี๋ยว..แทยง!

     

              “พ พี่”

     

              “เตนล์..” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มือแกร่งกำแน่นจนเส้นเลือดปูด เห็นคนตัวเล็กกับน้องชายของตัวเองมองมาเหมือนอยากจะเดินเข้ามาหา แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะหยุดอยู่กับที่ เตนล์ไม่ได้ตอบอะไรเสียงเรียกของเขา..

     

              “..”

     

              “มึงรู้มั้ย..”

     

              “...”

     

              “กูรักมึงมากๆเลยนะ” นัยน์ตาของทั้งคู่เบิกกว้าง..ต่างกับผู้พูดที่รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจตายเสียตอนนี้ เขาเม้มริมฝีปากพยายามสะกัดกลั้นอารมณ์ที่กำลังดิ่งลงเหวของตัวเอง เขาเคยเห็นเตนล์กับแจฮยอนจูบกันกันกอดกันก็บ่อย..แต่ไม่เคยหลุดบอกรักออกมาแบบนี้

     

              ไม่สิ..สำหรับเตนล์อาจจะคิดแค่ว่านี่เป็นคำบอกรักเพื่อนธรรมดาๆก็ได้

     

              ปัง!

     

              หมุนตัวหันหลังกลับพร้อมปิดประตูอย่างแรง เดินเข้าไปในห้องของตัวเอง..ล็อคห้องให้เรียบร้อยแล้วทรุดตัวลงนั่ง ได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆเหมือนคนสองคนที่อยู่หลังบานประตูต้องการจะพูดอะไรซักอย่าง แต่เขาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น..

     

              จะว่าไปแล้ว..เขาก็เคยคิดจะตัดใจจากเตนล์หลายครั้ง

     

              แต่เตนล์ไม่ใช่ของเขา..เตนล์ไม่ใช่คนที่เขาควรรัก

     

              เขารู้ว่ามันผิด

     

              แค่แอบรักเพื่อนสนิทมันก็ผิดมากแล้ว..แต่นี่คือเพื่อนสนิทที่เป็นแฟนของน้องชายของเขา

     

              เขาเจ็บ

     

              ทั้งๆที่มันควรจะชินได้แล้ว แต่มันก็ไม่เคยเป็นแบบนั้น..ไม่ว่าจะตอนเตนล์พูดถึงแจฮยอน ตอนทั้งคู่กอดกัน ตอนทั้งคู่จูบกัน

     

              ทุกครั้งที่เห็นภาพแบบนั้นเขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มมากองอยู่ตรงหน้า รู้สึกไร้เรี่ยวแรงในการทำอะไรทั้งนั้น เหมือนทุกอย่างมันมืดบอดและไร้ทางออก ไม่รู้เลยว่าควรจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ยังไงดี เขาเหมือนกับคนหลงทาง

     

              หาทางออกไม่เจอ

     

              ตาของเขาแดงก่ำ..น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มเงียบๆ เขาเป็นแบบนี้บ่อยครั้งในตอนที่เห็นเตนล์อยู่กับแจฮยอนโดยที่ตัวเองไม่ทันเตรียมใจ ทุกครั้งที่นึกถึงก็เหมือนกับมีหนามเล็กๆทิ่มแทงหัวใจจนเจ็บและชาไปหมด รู้สึกทรมานจนแทบบ้า..อยากจะเลิกรักแทบตาบแต่ทำไม่เคยได้ซักที

     

              เพียงแค่เห็นหน้า..ความรู้สึกทั้งหมดก็กลับมาอีกครั้ง

     

              วนเวียนอยู่แบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

              แต่ไม่เคยมีครั้งไหน..ที่เขาเผลอแสดงอาการให้เตนล์แลแจฮยอนเห็นแบบนี้

     

     

     

     

     

     

              เขาไม่ได้เจอเตนล์เกือบสัปดาห์แล้ว..เพราะตารางงานที่ยุ่งมาก

     

              ไม่สิ มันไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น..เขาแค่พยายามทำตัวเองให้ยุ่งเพื่อที่จะไม่ต้องนึกถึงเตนล์ และไปนอนบ้านไอจอห์นนี่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอเตนล์

     

              แต่ตัวเขาเองรู้ดี..มันไม่ได้ผลหรอก

     

              เขาไม่มีวันตัดใจจากเตนล์ได้

     

              “ไอแทยง มีคนมาหา” มือเรียววางปากกาลงก่อนชะโงกมองลงไปยังชั้นล่าง ไอจอห์นนี่พยักเพยิดหน้าให้ไปที่ประตู..แม้จะลังเลนิดหน่อยแต่เขาก็ยอมเดินลงไปแต่โดยดี

     

              เขาได้เจอกับหนึ่งในสองคนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดตอนนี้

     

              “ไอแจฮยอน..”

     

              คนตัวขาวหันหน้ากลับมาทางต้นเสียง ใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นน้องชายดูโทรมกว่าครั้งล่าสุดที่เจอกันมากนัก ทั้งรอบดวงตาที่ดำคล้ำบ่งบอกว่าอดหลับอดนอนเป็นเวลานาน ไหนจะแก้มที่ตอบลงและท่าทางที่ดูเซื่องซึมไม่เหมือนน้องชายคนเดิมของเขา

     

              พูดตามตรงนะ..เขาไม่เคยคิดเลยว่าแจฮยอนจะมีสภาพแบบนี้ได้

     

              น้องชายของเขาไม่เคยดูไม่เป็นผู้เป็นคนขนาดนี้มาก่อน

     

              “พี่..” น้องชายตัวสูงน้ำตาคลอ มันกำมือแน่นจนเกิดรอยเล็บที่มือขาวๆนั่น นัยน์ตาคมมองเขาเหมือนกำลังขอร้องให้เขาอย่าเดินหนีไปไหน “ผมขอโทษ..ผมขอโทษจริงๆ”

     

              คำขอโทษของน้องชายทำให้แทยงรู้สึกแปลกใจ

     

              เขาเลิกคิ้วขึ้น เพ่งสายตามองน้องชายในสายเลือดซึ่งกำลังก้มหน้าสำนึกผิด

     

              “เตนล์ไม่ได้รักผม ตอนแรก..ตอนแรกผมแค่หลอกล่อเตนล์ให้คบกับผมเพราะอยากแก้เผ็ดพี่ คือ..ผมไม่คิดว่าพี่จะร้องไห้ ผมขอโทษ เรื่องนี้เตนล์ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเลย ผมบอกเตนล์ว่าอยากคบเพื่อหนีเพื่อนคนนึง..พี่ ผมขอโทษจริงๆ”

     

              ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไร ควรดีใจที่เตนล์ไม่ได้คบกับแจฮยอนเพราะรัก? หรือควรโกรธที่แจฮยอนหลอกเขา..เขาควรรู้สึกยังไง? ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจตีกันจนมั่วไปหมด ความสับสนที่เกิดขึ้นทำให้ต้องกุมขมับ รู้สึกปวดหนึบบริเวณศีรษะอย่างน่าประหลาด มองน้องชายที่ยังคงก้มหัวลงอย่างรู้สึกผิดด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย

     

              “แล้วทำไมเตนล์ไม่บอกกูว่าคบกับมึงหลอกๆ”

     

              “ผมไม่ให้เตนล์บอกเอง ผ ผมขอโทษจริงๆ”

     

              เขากำหมัดแน่น..พยายามสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่างที่พุ่งสูงขึ้นมา ในใจนึกอยากฉีกคนตรงหน้าเป็นชิ้นๆ ทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ ทั้งโกรธ..แต่ก็พอรู้สาเหตุว่าทำไมน้องชายของตนถึงได้ทำแบบนี้

     

              “ผม..แค่อยากให้พี่สมหวังกับเตนล์ซักที”

     

              “แต่มึงหลอกด่ากูว่าเป็นหมาแย่งแดก”

     

              น้องชายตัวขาวมีสีหน้าอึกอัก

     

              “ขอโทษ คือ..ผมอินกับบทไปนิดนึง มันต้องแสดงเป็นคนที่จับได้ว่าพี่ชายแอบจูบแฟนตัวเองนี่หว่า”

     

              “...”

     

              “พี่ ผมขอโทษจริงๆเว้ย ไม่ได้อยากให้พี่เสียใจขนาดนั้น คือ..แม่ง ไม่นึกว่าพี่จะเป็นหนัก”

     

              “..เฮ้อ เออ กูไม่โกรธมึงหรอก”

     

              เขาจะไม่บอก..ว่าเคยคิดอยากฉีกแจฮยอนเป็นชิ้น

     

     

     

     

     

     

             “แล้วก็..ผมมีเรื่องจะบอกพี่”

     

              เอี๊ยดดดดดดด!

     

              เสียงล้อที่บดถนนอย่างรุนแรงสร้างความตกใจให้แก่ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นเป็นอย่างมาก แทยงก้มหน้าลงจนแนบติดกับพวงมาลัย..ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกไร้สติ โชคยังดีที่ไม่ได้ขับรถแล้วไปชนใครเข้า ชายหนุ่มพยายามตั้งสติขับรถไปยังคอนโดที่ตนคุ้นเคย..บางอย่างที่ได้ยินตอนที่เคลียร์กับน้องชายแท้ๆนั้นฝังลึกอยู่ในความทรงจำ

     

              “ทำไม..แม่งไม่เคยบอกกูวะ” สบถเบาๆระหว่างทาง แล้วในที่สุดก็สามารถจอดรถได้โดยสวัสดิภาพ นึกทึ่งตัวเองในใจ..ไม่คิดว่าจะมาถึงที่หมายโดยยังครบสามสิบสองประการด้วยซ้ำ ต้องโทษไอแจฮยอนที่จู่ๆก็พูดเรื่องนั้นขึ้นมาทำให้เขาคิดมากไปหมด

     

              เขาเดินดุ่มไปยังเส้นทางที่คุ้นเคย..ยืนอยู่หน้าห้องของเพื่อนสนิทตัวเล็กที่รู้มาว่าอีกฝ่ายไม่ได้ออกไปทำงานหลายวันแล้ว

     

              คำพูดของแจฮยอนดังขึ้นมาในหัว

     

              ใบหน้าที่จริงจังนั่น..เขาจำได้ดี

     

             “พี่รู้ปะ..คนที่พี่เตนล์รัก จริงๆแล้ว..”

     

              ...                

     

     

     

     

     

     

    ท่ามกลางแสงสีในยามค่ำคืน..เสียงเพลงที่ดังคลอมาเบาๆไม่อาจช่วยให้ใครบางคนรู้สึกดีขึ้นมาได้ ชายหนุ่มเจ้าของผิวขาวซีดราวกับคนที่ไม่เคยพบแสงแดดยิ้มขมขื่น เขายกแก้วทรงสูงซึ่งบรรจุเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นซดราวกับมันเป็นน้ำเปล่า ความรู้สึกเหมือนผู้แพ้..รู้สึกสิ้นหวังและว่างเปล่า ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น..

     

    ทุกสิ่งที่ทำไปก็ทำไปด้วยความเต็มใจ

     

    “ไง พ่อพระเอก” ลูคัสซึ่งพึ่งเดินเข้ามาในร้านทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสช่างดูขัดกับบรรยากาศรอบตัวของเพื่อนสนิทซึ่งนั่งประชดชีวิตอยู่ตรงนี้จริงๆ ดวงตาคมมองคนเกือบเมาด้วยความรู้สึกสงสารปนสมเพชนิดๆ

     

    “กูไม่ใช่พระเอก”

     

    “แล้วใครคือพระเอก”

     

    “...พี่ชายกู”

     

    ลูคัสแค่นยิ้ม

     

    “มึงมีไรจะระบายกับกูมั้ยวะ”

     

    “...”

     

    คนตรงหน้าในเวลานี้..ไม่เหลือคราบหนุ่มหล่อมาดคุณชายเลยซักนิด

     

    “กู..กูแค่อยากจะบอกเตนล์ว่าถึงกูจะโกหกเตนล์หลายๆเรื่อง แต่..ที่กูบอกรักเตนล์”

     

    “....”

     

    “นั่นไม่ใช่เรื่องโกหก”

     

    “แล้วทำไมมึงไม่บอกวะ ไอแจฮยอน

     

    แจฮยอนแค่นยิ้ม..มันเป็นรอยยิ้มที่ดูเจ็บปวดที่สุดเท่าที่ลูคัสเคยเห็นมา

     

    “เพราะกูรู้ไง..ว่าเตนล์ไม่ได้อยากฟังคำบอกรักของกู”

     

     

     

     

     

     

              ประตูที่เคยเป็นกำแพงปิดกั้นระหว่างสองเราถูกเปิดด้วยรหัสผ่านที่คนตัวเล็กไม่คิดจะเปลี่ยน มันเป็นวันเกิดของเขากับวันเกิดของเจ้าตัว..ความจริงเขาน่าจะฉุกคิดขึ้นมาได้ซักนิด ย่ำเท้าเข้าไปในส่วนของห้องนอน..ร่างเล็กๆนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มดูคล้ายกับก้อนอะไรซักอย่าง สภาพห้องที่รกในระดับหนึ่งบ่งบอกได้ว่าสภาพจิตใจของคนตัวเล็กต้องย่ำแย่เบอร์ไหน

     

              เตนล์เป็นคนรักสะอาด..การที่ปล่อยให้ห้องรกแปลว่าต้องไม่มีไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรซักอย่าง

     

              แทยงถอนหายใจ..เหลือบมองคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าห้องตัวเองกำลังถูกบุกรุกด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายความรู้สึก

     

              “เตนล์..” ร่างเล็กขยับทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย ก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อตั้งสติได้ ดวงตาที่แดงก่ำและปูดโปนเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักสั่นไหวราวกับเปลวเทียน

     

              “แทยง..แทยงจริงๆเหรอ”

     

              “อืม”

     

              คนตัวเล็กพุ่งตัวมากอดเอวเขาเอาไว้แน่น ใบหน้าน่ารักชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไม่รู้ไหลออกมาตอนไหน แทยงแค่นยิ้ม..ยกมือขึ้นลูบหับทุยเบาๆอย่างปลอบประโลม เสียงสะอื้นฮักเหมือนจะขาดใจตายนั่นทำให้เขารู้สึกสงสาร เตนล์ของเขา..ดวงอาทิตย์ของเขากำลังร้องไห้ มันกำลังหม่นแสง

     

              “ไม่ร้องนะเตนล์”

     

              “ฮึก เตนล์..เตนล์ขอโทษ ขอโทษจริงๆ เตนล์ เตนล์..”

     

              เขานึกย้อนถึงคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินมาจากแจฮยอน

     

             “แล้วก็..ผมมีเรื่องจะบอกพี่”

     

             “พี่รู้ปะ..คนที่พี่เตนล์รัก จริงๆแล้ว..”

     

             ….

     

              “เตนล์..ฮึก อึก ต..เตนล์ เตนล์รักแทยง”

     

             ....

     

             “คนที่เตนล์รักก็คือพี่”

     

              ....

     

    “จริง..จริงๆนะ เตนล์รักแทยงมากๆ ฮึก ฮือ เตนล์..เรา เราขอโทษ ขอโทษ ฮือ เรา...เรา..เตนล์ เตนล์รักแทยง ฮึก..” คนถูกบอกรักลอบยิ้มในใจ มองคนในอ้อมกอดที่บอกรักไปด้วยสะอื้อฮักไปด้วยอย่างนึกเอ็นดู กอดคนตัวเล็กแน่นก่อนซุกหน้าลงบนลาดไหล่เล็ก อยากจะบอก..ความรู้สึกบางอย่าง

     

    “กูก็รักมึงนะ”

     

    เตนล์นิ่งไป..เช่นเดียวกับเขาที่อมยิ้มน้อยๆ ก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง

     

    “แทยง..ก็รักเตนล์นะ”

     

    แล้วเจ้าตัวเล็กก็ร้องไห้โฮออกมาในอ้อมกอดของเขา

     

     

     

     

     

     

    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×