ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    YESTERDAY ❥ Taeten Jaeten Allten {os/sf}

    ลำดับตอนที่ #8 : (Request) Dream in a dream – Luten

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 529
      37
      25 เม.ย. 61


     

    Title : Dream in a dream

    Author : LittleG

    Pairing : Luten

    Request by : psdreal

    About it : พลอตเรื่องโดยคุณ psdreal ค่ะ! เห็นเป็นแนวที่น่าสนใจดีแถมช่วงนี้ฟิลลิ่งมันได้ เลยลองแต่งดู หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ;_;

     

     

    - - - - - | | - - - - - | | - - - - -

     

     

     

              ตั้งแต่เด็กแล้วที่เขามักจะฝันประหลาด

     

              ฝันเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งผู้มีรอยยิ้มสดใสราวกับแสงตะวันยามเช้า

     

              “ลูคัส! นั่นลูกรีบขึ้นห้องทำไมน่ะ! มาคุยกับหนูฮินะก่อนสิลูก” เสียงผู้เป็นมารดาดังไล่หลังมาทว่าเจ้าของชื่อกลับไม่คิดจะใส่ใจ เขาเลิกคิดเรื่องคู่ดูตัวคนที่ยี่สิบกว่าๆที่มารดาหามาให้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วปิดประตูอย่างแรงจนเกิดเสียงดังปัง!

     

              “ฮินะเหรอ? สัปดาห์ก่อนคนที่พามาชื่อลามิไม่ใช่รึไง? สัปดาห์ก่อนหน้านั้นก็นายอน..” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดคิงไซส์ มือแกร่งควานหาสิ่งหนึ่งซึ่งอยู่ตรงหัวเตียง..และเมื่อแตะโดนมันก็ไม่รีรอที่จะคว้ามันมาไว้ในกำมือทันที เขาเทยาในลักษณะแคปซูลใส่มือก่อนหยิบเข้าปากเม็ดหนึ่งแล้วคว้าขวดน้ำซึ่งตั้งอยู่แถวนั้นขึ้นดื่มตามไป

     

             ทำไม..ครั้งนี้ยาถึงออกฤทธิ์ช้าจังนะ

     

             อยากหลับเร็วๆแล้ว

     

             อยากหลับแล้ว...

     

              เขาปิดฝากระปุกยาก่อนโยนมันไปแถวๆนั้น ปิดเปลือกตาลงพยายามที่จะตกอยู่ในห้วงนิทราให้เร็วที่สุด

     

             เร็วเข้าสิ เร็วเข้าสิ

     

              แล้วในที่สุด..เขาก็ดำดิ่งลงไป

     

              สู่โลกแห่งความฝัน..ที่ๆมีใครบางคนรออยู่

     

              เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังดำดิ่งลงสู่ความมืดที่ไร้จุดสิ้นสุด รู้สึกเหมือนถูกผลักให้ตกลงไปในเหวลึก รอบข้างมืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงไฟ..มองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง มันเป็นความมืดที่ชวนให้รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างไรบอกไม่ถูก

     

              ในทุกๆวัน..เขามักจะรีบนอนแต่หัวค่ำเพื่อที่จะดำดิ่งลงสู่โลกแห่งความฝันนั้นอีกครั้ง โลกที่เด็กคนนั้นอาศัยอยู่..มันมักจะเป็นแบบนั้น

     

              เหมือนอย่างเช่นครั้งนี้

     

    หิมะร่วงโรยลงมาคลุมพื้นดินจนมันขาวโพลนไปหมด หลังคาบ้านเรือนถูกหิมะปกคลุมจนแยกแทบไม่ออกว่ามันคือบ้านขนมหรือเป็นบ้านจริงๆ แม้แต่ต้นไม้หลากสีสันที่เคยออกลูกออกผลจนบัดนี้ก็เหลือเพียงกิ่งก้านเท่านั้น สภาพแวดล้อมของที่นี่ช่างดูหนาวเหน็บ..

     

    แต่ในทางกลับกัน..เขารู้สึกอบอุ่น

     

              “นายมาที่นี่อีกแล้วเหรอ” ลูคัสลืมตาตื่น เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง คนตัวเล็กผู้มีผมสีช็อกโกแลตดูแปลกตายืนอยู่ตรงหน้า เตนล์มีสีหน้ามึนงงเล็กน้อย..คงเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่เร็วขนาดนี้ เพราะครั้งล่าสุดที่มาที่นี่คือเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

     

              “ไง”

     

              “พึ่งมาไม่ใช่รึไง”

     

              “ยานอนหลับ”

     

              คนตัวเล็กปิดปากเงียบไปเมื่อได้ยินดังนั้น มือเรียวเสยผมขึ้นลวกๆ..ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรงดูไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินนัก ยานอนหลับงั้นหรือ? บ้าไปแล้ว..หมอนี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ

     

              “นาย 15 แล้วนะ..ลูคัส เลิกทำตัวเป็นเด็กๆซักที”

     

              “ฉันรู้..แต่ฉันอยากเจอนายนี่”

     

              โลกข้างนอกสำหรับลูคัสมันค่อนข้างน่าปวดหัว ไม่สิ มันน่าปวดหัวมาก..ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่เจ้ากี้เจ้าการกับเขาไปเสียทุกอย่าง หรือคนรอบข้างที่เอาแต่หวังให้เขาเป็นนู่นเป็นนี่ เรียนให้ได้อันดับสูงๆเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้ครอบครัว ไปดูตัวกับคนนั้นคนนี้ด้วยเหตุผลทางธุรกิจที่เด็กๆอย่างเขาไม่เคยเข้าใจ

     

              จะอะไรก็แล้วแต่..เขาอึดอัดและอยากหนีออกไปจากที่แห่งนั้น

     

              เขาเจอเตนล์ครั้งแรกเมื่อไหร่นะ?

     

              ไม่รู้สิ..จำไม่ได้

     

              มันนานเกินจนเขาไม่คิดจะใส่ใจ..รู้เพียงแค่ว่าอยากเจอคนตัวเล็กทุกครั้งที่มีโอกาส เตนล์เป็นเหมือนกับสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจของเขา

     

              “อึดอัดมากเหรอ..มานี่สิ” เขาเดินไปหาคนตัวเล็กอย่างว่าง่าย แขนแกร่งรวบตัวเตนล์เข้ามากอดจนซุกอก ก้มหน้าลงต่ำก็เห็นใบหน้าขึ้นสีแดงสดราวกับมะเขือเทศสุกซึ่งมันดูน่ารักมากสำหรับลูคัส

     

              พวกคู่ดูตัวที่พ่อแม่หาให้..ไม่มีใครน่ารักเท่าเตนล์เลยซักคน

     

              ไม่มี

     

              “ฉันหวังว่านายจะโตขึ้น”

     

              “หืม..?

     

              “ฉันอยู่กับนายนะ..อยู่กับนายตลอดไป จะอยู่ด้วยกันไปจนกว่านายจะเบื่อฉัน” ไม่บ่อยนักที่เตนล์จะพูดประโยคยาวๆกับเขา มือใหญ่ลูบหัวทุยๆนั่นด้วยความเอ็นดู..อยากฟัดอีกฝ่ายให้จมอก เตนล์ยังคงตัวเล็กน่ารักอยู่เสมอแม้จะอายุปาไป 15 ปี..ความจริงอีกฝ่ายอายุ 15 ตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน จนตอนนี้ก็ยังอายุ 15 ไม่เปลี่ยนไป

     

              “ฉันก็จะอยู่กับนายไปเรื่อยๆนั่นแหละ” หยิกจมูกรั้นๆนั่นไปหนึ่งทีก่อนกอดคนตัวเล็กแน่น

     

              มือหนาเอื้อมมาสัมผัสข้อมือของร่างบางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มกอบกุมมันอย่างอ่อนโยนแล้วดึงคนตัวเล็กให้เดินตาม สองข้างทางของถนนที่เขาเดินอยู่เป็นร้านขนมหวานและร้านอาหารที่ยังคงเปิดให้บริการแม้หิมะจะตกหนัก เขาจูงมือเตนล์เดินเข้าร้านหนึ่งตรงหัวมุมทางเดิน

     

              มันเป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ขายขนมหวานอย่างพวกคุกกี้และขนมเค้กด้วย

     

              โต๊ะริมสุดของร้านคือสถานที่ที่พวกเขาเลือกจะจับจอง เลื่อนเก้าอี้ออกให้คนตัวเล็กนั่งก่อนเดินมาหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ตรงข้าม คนน่ารักดูอารมณ์ดีมากเสียจนลูคัสต้องยิ้มตาม

     

              “รู้มั้ยฉันปวดหัวกับเรื่องบ้าๆนั่นขนาดไหน ดีนะที่มีนายอยู่..เตนล์ ถ้านายหายไปฉันคงไม่รู้จะทำยังไง” ยกยิ้มอย่างขมขื่น..มือหนาบรรจงลูบไล้สัมผัสมือของใครอีกคนที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างแผ่วเบา ทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเตนล์..มันทำให้เขาเป็นตัวเอง ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ พูดอะไรก็ได้ที่อยากพูด

     

              โลกใบนี้ที่มีแค่เรา

     

              ขนาดในร้านอาหารแบบนี้..ยังไม่มีแม้แต่พนักงานซักคน

     

              เพราะนี่คือความฝัน..ความฝันที่มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้น

     

              “แล้ววันนี้เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย” เตนล์ถาม ดวงตากลมคู่นั้นมองเขาด้วยสายตาอบอุ่น ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วยิ้มแหย่พร้อมหลบสายตามองไปทางอื่น

     

              “ไม่สิ ถ้านายสบายดีจะกินยานอนหลับทำไม ฉันนี่โง่เนอะ”

     

              “ก็เหมือนๆเดิม”

     

              “ดูตัวอีกแล้วเหรอ คราวนี้ใครล่ะ”

     

              “ฮินะ”

     

              “คราวก่อนไม่ใช่คนนี้นี่..แม่นายคิดจะเปลี่ยนสัปดาห์ละคนรึไง” เตนล์ว่าด้วยน้ำเสียงดูไม่ค่อยจริงจังเท่าไรนัก คำพูดของเตนล์..แม้มันจะไม่มีอะไรมากแต่ก็ทำให้ลูคัสยิ้มตามราวกับมนต์สะกด เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นเบาๆ..และนั่นทำให้เตนล์รู้สึกพอใจ คนตัวเล็กรู้สึกเหมือนกำลังตัวลอย..แค่เพราะรู้สึกดีที่เขาเป็นต้นเหตุของรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนตรงหน้า

     

              “คราวก่อนลามิ คราวก่อนโน้นนายอน คราวก่อนโน้นอีกก็จื่อวี”

     

              “โว้วๆ แม่นายนี่น่ากลัวนะ ไปหาสาวๆมาจากไหนนักหนา”

     

              “เธอคงลืมว่าฉันอายุแค่ 15 ล่ะมั้ง” ลูคัสยักไหล่..เขามองจานอาหารที่มาวางอยู่บนโต๊ะตอนไหนก็ไม่รู้ เขากินมันไม่ได้..แหงล่ะ นี่มันก็แค่ความฝัน คุณเคยฝันถึงอาหารใช่มั้ย? ต่อให้คุณกินมันแต่คุณก็จะไม่รู้สึกถึงรสชาติอะไรทั้งนั้น มันก็เหมือนกับคุณกำลังเคี้ยวอากาศนั่นล่ะ

     

              แต่กับเตนล์ไม่ใช่..เตนล์สามารถกินมันได้อย่างเอร็ดอร่อย

     

              ดวงตาคมมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังทานพิซซ่าอย่างเอร็ดอร่อยก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปยีกลุ่มผมยุ่งๆนั่นด้วยความหมั่นเขี้ยว

     

              “ไรเล่าลูคัส!

     

              “ก็นายน่ารักเกินไปน่ะสิ” เตนล์นิ่งไปพักหนึ่ง..ก่อนรีบกินเพื่อกลบเกลื่อนความเขินจนสำลัก คนตัวสูงกว่าหัวเราะก่อนเดินอ้อมไปลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ เจ้าตัวเล็กหันมามองเขาทั้งๆที่น้ำตายังคงคลอหน่วงอยู่แบบนั้น..แก้มนุ่มๆนั่นพองลมจนดูน่าหยิกขึ้นมาทันตาเห็น

     

              “เพราะนายเลย! มาทำให้ฉันสำลักได้ไงฮะ!

     

              “เขินก็บอกเขินสิ”

     

              “ไม่ได้เขิน!

     

              “ฮ่าๆๆๆ” เชื่อเถอะ ถ้ามารดาของเขาได้มาเห็นฉากนี้เข้าล่ะก็..เธอคงอึ้งไปแน่ๆ ในโลกของความเป็นจริงนั้นลูคัสไม่เคยหัวเราะเลย ไม่สิ..เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยยิ้มรึเปล่า แม่ของเขาคงตกใจแน่ๆถ้ามาเห็นเขาเวลาได้อยู่กับเตนล์

     

              เธอคงตกใจ..หากได้เห็นว่าลูกชายของเธอมีความสุขขนาดไหนตอนที่ไม่มีเธอมากำกับชีวิต

     

              ร่างสูงยิ้มบางๆ..เขาอยากอยู่กับเตนล์ต่ออีกซักหน่อย

     

              แต่ช่างน่าเสียดาย..

     

              เขามองเห็นแสงสีขาวสว่างวาบที่เริ่มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ..รู้ได้ในทันทีว่าถึงเวลากลับสู่โลกของความเป็นจริงแล้ว

     

              แสงสีขาวกลืนกินทุกสรรพสิ่ง..ทั้งหญ้าและผืนดินที่ปกคลุมด้วยหิมะ บ้านเรือนนั่นก็เหมือนกัน..แสงนวลนั่นขยายใหญ่ขึ้นจนท้ายที่สุดมันก็ปกคลุมทุกอย่าง..ไม่เว้นแม้กระทั่งเตนล์

     

              มีเพียงลูคัสคนเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่

     

              แล้วเขาก็ตื่นขึ้นมาจากฝันดี

     

              กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่เขาจะไม่มีวันหนีพ้นแม้ว่าจะพยายามซักแค่ไหน

     

     

     

     

     

              กาลเวลาที่ล่วงเลยไปเช่นเดียวกับความฝันในวัยเด็กที่เริ่มเจือจางลงเรื่อยๆ เมื่อก่อนเขาฝันถึงเตนล์ทุกวัน..ไม่สิ แทบจะทุกครั้งที่หลับตาก็เห็นใบหน้าของเตนล์ลอยมาอยู่เสมอ เขาเคยคิดว่าเราคงจะอยู่ด้วยกันตลอดไป..แม้มันจะเป็นเพียงความฝันแต่เขาก็ยังอยากอยู่กับเตนล์ ไม่อยากพรากจากกันไปไหน

     

              แต่เมื่อนานวันเข้า..เขาก็รู้ว่าคำว่า ตลอดไป มันไม่มีจริง

     

              มันมีบางอย่างผิดปกติ

     

              เขาฝันถึงเตนล์น้อยลง..หรือบางทีต่อให้ฝันก็เห็นหน้าแทบนับครั้งได้

     

              เหมือนมีม่านหมอกปกคลุมใบหน้าจนทำให้เขามองไม่เห็นหน้าตาของเตนล์ ไม่เห็นสีหน้าของเตนล์..

     

              เหมือนอย่างเช่นครั้งนี้

     

              “ลูคัส สบายดีมั้ย” เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ยังคงเห็นเตนล์ยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนดั่งที่เคยเป็นมาตลอด เตนล์ฉีกยิ้มสดใส..แต่เขากลับไม่เห็นว่าเตนล์มองเขาด้วยสายตาแบบไหน ทุกอย่างมันดูพร่ามัวไปหมด..ใบหน้าที่เขาแสนคิดถึงช่างดูเลือนราง มีเพียงรอยยิ้มดุจแสงตะวันที่โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางทุกสิ่ง

     

              เขาค้นพบว่า..บรรยากาศที่นี่ดูแย่ลง

     

              ท้องฟ้าที่มืดครึ้มและเต็มไปด้วยหมอกขาวขุ่นทำให้ลูคัสรู้สึกแย่

     

              รู้สึกหดหู่..

     

              “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

     

             ครั้งล่าสุดคือเมื่อหลายเดือนก่อน

     

              เขาได้แต่คิดในใจแต่ไม่พูดออกไป

     

              “นั่นสิ..ฉันคิดถึงนายนะ”

     

             ฉันก็คิดถึงนายเหมือนกัน

     

              มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่..ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราได้เจอกันน้อยลง

     

              “เตนล์ ฉันรอนายทุกคืน รอที่จะฝันถึงนาย..แต่ไม่มี ขนาดวันนี้ฉันฝันเห็นนายก็ยังไม่เห็นหน้า ทำไม..เกิดอะไรขึ้น” เขากัดปากจนห้อเลือด..

     

              “นายกำลังโต ลูคัส”

     

              “...”

     

              “น่าเสียดายจริงๆ นายอายุ 20 แล้ว..แต่ตอนนี้ฉันยังอายุแค่ 15”

     

              “....”

     

              “นี่..”

     

              “หืม” ร่างสูงมองคนตัวเล็กซึ่งยังคงมีรอยยิ้มบางประดับอยู่บนใบหน้าเรียวนั่น

     

              “รอฉันนะ”

     

              “...”

     

              “ฉันจะกลับมาแน่นอน ฉันสัญญา”

     

              ในตอนนั้น..เขาเชื่อมั่นในคำสัญญาของคนตัวเล็ก

     

              เชื่อว่าซักวันเราจะได้พบกัน

     

              “อืม ฉันจะรอ”

     

              เขาจับมือบอบบางนั่น..จับมันแน่นเหมือนกลัวว่ามันจะหายไปไหน หลายเดือนมานี้มีความรู้สึกบางอย่างที่ก่อขึ้นในใจของเขาเงียบๆ..ทว่ามันกลับมีอิทธิพลกับตัวเขามากเสียจนเริ่มสูญเสียความเป็นตัวเองไป

     

              มันคือความรู้สึกหวาดกลัว

     

              กลัวที่จะต้องเสียเตนล์ไป

     

              กลัวว่า..ที่พักพิงเพียงหนึ่งเดียวของเขาจะหายไป

     

              “วันนี้มีไรจะเล่าให้ฟังมั้ย” เตนล์ถามโดยที่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ลูคัสยิ้ม..แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นเสียจริง แม้แต่ในเวลานี้..เขาก็มองไม่เห็นใบหน้าของเตนล์

     

              “แม่ฉันให้ไปดูตัวอีกแล้วล่ะ จำฮินะได้มั้ย..ที่เคยมาดูตัวกับฉันตอนนั้น”

     

              “อื้ม จำได้ดิ คนที่มาหลังจากลามิใช่มั้ย”

     

              “อืม แม่ฉันพาเธอมาหาฉันใหม่ เห็นบอกว่าเผื่อฉันเปลี่ยนใจ”

     

              “....”

     

              “แต่ฉันจะเปลี่ยนใจได้ไง..จริงมั้ย? ก็มีนายแล้วนี่นา” เขาหัวเราะเบาๆ เหลือบมองเตนล์นิดหน่อย..แต่อีกคนกลับไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้า เตนล์เงียบไปจนน่าใจหาย

     

              แต่แล้วในที่สุดเตนล์ก็เปิดปาก

     

              “นี่..ลูคัส นายจะไม่เปลี่ยนใจจากฉันจริงๆใช่มั้ย”

     

              “...”

     

              “จริงๆนะ”

     

              “อืม ไม่เปลี่ยนใจหรอก”

     

              “ขอบคุณนะ”

     

              เขาจำไม่ได้ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เขาจำฝันต่อจากนั้นไม่ได้..หลังจากตื่นขึ้นมาเขาก็รู้สึกได้ว่าความฝันในครั้งนี้มันดูขาดๆหายๆไม่เหมือนทุกที มันดูเลือนรางจนน่ากลัว

     

              และหลังจากวันนั้นสิ่งที่เขากลัวที่สุดก็ได้เกิดขึ้น..

     

             เขาไม่เคยฝันถึงเตนล์อีกเลย

     

     

     

     

     

              ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ใบหน้าที่แสนคิดถึงเริ่มเลือนรางในความทรงจำ

     

              ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่..ที่เขานึกใบหน้าของคนตัวเล็กไม่ออก

     

              สิ่งที่จำได้มีเพียงเสียงที่ใสราวกับระฆังและรอยยิ้มที่เจิดจ้าดั่งแสงตะวันยามเช้า

     

              เขารอเตนล์มาโดยตลอด..ความฝันเมื่อตอนอายุ 20 คือครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอเตนล์ รอมาตลอด..หวังล้มๆแล้งๆว่าซักวันเราคงจะได้เจอกันในซักวันหนึ่ง

     

              Rrrrrrr

     

              มือใหญ่คว้าโทรศัพท์เครื่องหรูที่พึ่งซื้อมาเมื่อคืนขึ้นมา สไลด์นิ้วกดรับก่อนยกขึ้นแนบหู ได้ยินเสียงคนปลายสายบ่นแวดๆอะไรซักอย่างจนต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด บ่นไรของมันวะ..ลูคัสวัย 30 คิดในใจ

     

              [แล้วก็นะ..ทำไมมึงทำแบบนี้! มาหักอกพี่เวนดี้คนสวยของกูได้ไง]

     

              “....”

     

              [ไอลูคัสโว้ยยย ไอลูคัสสสส]

     

              “...”

     

              [ไอเพื่อนเลว!]

     

              ติ๊ด!

     

              “อะไรของมัน..โทรมาด่า ด่าเสร็จก็วางสาย โว๊ะ” ชักสีหน้าใส่โทรศัพท์ก่อนกลอกตามองบน ไล่สายตามองลูกน้องทุกคนในสาขาของตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ หูผึ่งกันเป็นช้างแอฟริกาเลยทีเดียว..ท่าทางแต่ละคนนี่ดูไม่รู้เลยว่าอยากใส่ใจเรื่องของเขามากแค่ไหน

     

              ในตอนเด็กเขาเคยคิดว่าอยากอยู่ในฝันตลอดไปเพื่อหลีกหนีโลกความจริง

     

              แต่เมื่อโตขึ้น..ประสบการณ์สอนให้เขาคิดได้ว่าโลกนี้มันก็ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว

     

              เขาแค่ต่อรองกับครอบครัว..ยอมสืบทอดกิจการบ้าๆนี่ แต่ขอเลือกคู่ชีวิตเอง

     

              ซึ่งทางพ่อแม่ที่แม้ในตอนแรกจะไม่ชอบข้อเสนอนี้นัก ท้ายที่สุดก็ยอมรับแต่โดยดี

     

              ตอนนี้เขาดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการบริษัทสาขาย่อยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นธุรกิจที่สืบทอดต่อกันมาในวงศ์ตระกูล และจะเริ่มดำรงตำแหน่งประธานบริษัทสาขาหลักในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด อนาคตของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่กำลังรุ่งโรจน์..ใครหลายคนมองว่าชีวิตของเขาเป็นแบบนั้น

     

              ไม่มีใครรู้ว่าลึกๆแล้วมีบางสิ่งขาดหายไปจากชีวิตของเขา

     

              เป็นใครบางคน..ที่ครองหัวใจของเขาทั้งดวง

     

              จำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ..แต่รู้ว่ามีตัวตน

     

              บางครั้งชื่อของอีกฝ่ายก็เลือนรางในความทรงจำจนเกือบนึกไม่ออก..คิดดูว่าเขาต้องเขียนชื่อของคนตัวเล็กคนนั้นลงในไดอารี่ทุกวันเพื่อไม่ให้ความทรงจำส่วนนี้หายไป

     

              เขารู้สึกวูบโหวงในใจทุกครั้งที่นอนหลับ

     

              และเขารู้ดี..ว่าเจ้าของชื่อคนนั้นคือคนที่จะมาเติมเต็มส่วนที่วูบโหวงในหัวใจของเขา

     

              วันนี้เขามีนัดกับเพื่อนที่ผับเนื่องในโอกาสที่มันถูกแฟนคนที่ร้อยกว่าบอกเลิก ที่นี่ยังคงเป็นสถานที่ที่วุ่นวายและแออัดเหมือนดั่งเช่นทุกครั้งที่มา พวกเขามารวมตัวกันตรงโต๊ะวีไอพี 1 ซึ่งเป็นโต๊ะที่มีโซฟาล้อมเป็นครึ่งวงกลม เพื่อนๆทุกคนมาถึงที่นี่กันหมดแล้ว ต่างคนต่างแย่งกันซดเหล้าเมามายไม่ต่างจากหมาเลยซักนิด

     

              “แล้วเมื่อไหร่มึงจะมีเมียวะไอคัส” มาร์คถามก่อนปิดปากหาววอดเนื่องจากความง่วงนอนและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่รุมเร้า เจ้าของชื่อในประเด็นสนทนาหัวเราะก่อนตอบด้วยสีหน้าไม่จริงจังนัก

     

              “กูจะอยู่เป็นโสดให้สาวเสียดายเล่น ฮ่าๆๆๆๆๆ”

     

              “เออ หล่ออย่างมึงสาวเสียดายแน่” พวกมันกลับไปคุยกันเรื่องอื่นโดยมีเขาร่วมแจมด้วยในบางครั้ง บทสนทนาก็ไม่พ้นเรื่องผัวๆเมียๆหรือไม่ก็ระบายเรื่องพวกลูกน้องในบริษัทที่เอาแต่สร้างความเสียหายไม่หยุด ยอมรับเลยว่าหลังๆนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจฟังมากนักเพราะสติก็เริ่มเลือนรางเต็มที

     

              แต่มีชั่ววูบหนึ่งที่เขาเงยหน้าขึ้นมา

     

              มองเห็นใครบางคนยืนอยู่อย่างโดดเด่นท่ามกลางผู้คนที่แออัด

     

              ทั้งๆที่คนๆนั้นตัวเล็กมากแท้ๆ..แต่ลูคัสกลับมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

     

              เจ้าของใบหน้าหล่อหวานดูน่ารักน่าชัง เจ้าของกายเล็กดูบอบบางน่าปกป้อง และ..เจ้าของรอยยิ้มสดใสดุจแสงตะวันที่โผล่พ้นขึ้นมาในยามเช้า

     

              “เตนล์”

     

              หลุดชื่ออีกฝ่ายออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว..ทั้งๆที่จำหน้าไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยหายไปจากความทรงจำของเขา

     

             รอยยิ้มนั่น

     

              เขารู้สึกใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงโครมคราวอยู่ในอก รู้สึกเหมือนส่วนที่ขาดหายไปได้รับการเติมเต็ม รู้สึกได้ว่า..ต้องไม่ปล่อยให้คนๆนั้นหายไปเหมือนที่ผ่านมา แต่ในชั่วพริบตา..คนๆนั้นก็หายไปเหมือนไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้นมาก่อน

     

              “เป็นไรของมึงวะ เมาแล้ว?” ไอแทยงซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาลัยสะกิดก่อนถามด้วยความสงสัย

     

              เขาเม้นริมฝีปาก

     

              “คงงั้นมั้ง”

     

     

     

     

     

              “บอสสสสส วันนี้มีพนักงานใหม่ด้วย!

     

              “เห็นเค้าบอกว่าน่ารักมากๆๆๆๆๆๆ”

     

              “เห็นว่าเป็นผู้ชายตัวเล็กๆอ่ะ”

     

              “บอสไปดูหน่อยดิ~

     

              ร่างสูงของผู้จัดการหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น..มองเหล่าลูกน้องที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังด้วยความฉงน ทุกคนตาเป็นประกายเหมือนมีดวงดาวส่องแสงระยิบระยับอยู่ในนั้น ลูคัสค่อนข้างสนิทกับลูกน้องอยู่พอสมควร..นั่นทำให้หากไม่ใช่เวลางานทุกคนจะสามารถเข้ามาพูดเล่นกับเขาได้เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง

     

              “แล้ว?” เค้าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าไอการที่มีผู้ชายตัวเล็กๆน่ารักๆมาทำงานมันน่าสนใจตรงไหน

     

              “ก็สเปคบอสไม่ใช่เหรอครับ” จองอู..หนึ่งในพนักงานที่สนิทกับเขาพูดด้วยสีหน้าล้อเลียน

     

              “พวกเราก็แค่อยากหาแฟนให้บอสไง สงสารอ่ะ หล่อขนาดนี้ไม่ควรขึ้นคานค่า!” จอยว่าบ้างก่อนหันไปหัวเราะคิกคักกับพนักงานสาวคนอื่นๆ ลูคัสส่ายหัวด้วยความรู้สึกปลงตกกับลูกน้องของตัวเองที่ดูเหมือนจะอยากยัดเยียดคนรักมาให้เขาเสียเหลือเกิน มีพนักงานใหม่หน้าตาดีไม่ได้ต้องหาทางให้เขาไปเจอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

     

              “เอาสิ แล้วอยู่ในไหนล่ะ”

     

              “อยู่ห้องทำงานของหัวหน้าโดยองมั้งครับ” จองอูว่าก่อนทำปากบอกให้ไปหาคนๆนั้นเดี๋ยวนี้ ซึ่งคนเป็นหัวหน้าอย่างลูคัสก็ได้แต่ปิดปากสงบเสงี่ยมเดินไปยังห้องทำงานของหนึ่งในเพื่อนสนิทตามคำสั่งของลูกน้อง

     

              แต่..จู่ๆเขาก็มีความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ มันเป็นความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด เขารู้แค่ว่าเขาเดินเร็วขึ้น เร็วขึ้น และสุดท้ายก็จบลงด้วยการวิ่งเพื่อไปยังห้องของคิมโดยอง ผลักประตูอย่างแรงทิ้งมาดผู้จัดการหนุ่มผู้เคร่งขรึม(?)ไปจนหมด   ถ้าพนักงานคนอื่นๆมาเห็นคงไม่เชื่อแน่ว่าบอสที่ตนเคารพรักจะอยู่ในสภาพหอบแฮ่กแถมเสื้อเชิ้ตที่ใส่มาก็หลุดรุ่ยออกนอกกางเกงจนดูไม่เป็นผู้เป็นคน

     

              “ลมไรหอบมานี่วะ”

     

              “เสือก” ตอบกลับเพื่อนรักไปก่อนสอดสายตาส่องไปยังรอบๆห้องทำงานของเพื่อนรัก

     

              “อ้าว ไอนี่..กูพูดดีๆด้วยนะ แล้วมึงหาใคร”

     

              “เด็กใหม่”

     

              “ไม่นิดว่ามึงจะสนใจ..เอาเป็นว่ากลับไปห้องมึงอ่ะ กูส่งน้องเขาไปห้องมึงล่ะ..เพราะเขาจะมาทำงานเป็นเลขามึง”

     

              “ฮะ?

     

              “ตามนั้นครับ”

     

              ลูคัสเดินออกจากห้องทำงานของเพื่อนสนิทแล้วรีบเดินไปห้องของตัวเองโดยไม่ลืมแวะห้องน้ำเพื่อจัดแต่งทรงผมและเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เขาไม่วิ่งแล้ว..แต่พยายามเดินให้เร็วเพื่อที่จะถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น

     

              มันอาจเป็นสัญชาตญาณ..หรืออะไรซักอย่างที่ทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มขนาดนี้

     

              รู้สึกเหมือนกับว่า..ครั้งนี้เขาต้องไม่พลาด

     

              มันเป็นความรู้สึกเหมือนตอนที่เขาเจอคนๆหนึ่งที่ผับเมื่อวาน

     

              ปัง!

     

              เปิดประตูอย่างแรงก่อนเดินดุ่มๆเข้าไปข้างใน แผ่นหลังบอบบางของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงานของเขา ก้อนเนื้อข้างซ้ายเต้นโครมครามจนเหมือนมันจะหลุดออกมาข้างนอก รู้สึกร้อนรุ่ม..รู้สึกคิดถึง มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาเหมือนจะขาดใจตายเสียตรงนี้ เหมือนสิ่งที่พยายามอัดอั้นมาตลอดหลายปีได้ทะลักออกมา

     

              และในยามที่คนตรงหน้าหันมาหาเขา

     

              ในยามที่คนตัวเล็กวาดรอยยิ้มสดใสขึ้นมาบนใบหน้า

     

              ในยามที่คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนและเดินตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา

     

              ทุกการกระทำนั่นอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด..โลกที่เคยหม่นแสงกลับมาสว่างไสวอีกครั้งเหมือนเมื่อสิบปีก่อน รู้สึกเหมือนได้เจอชิ้นส่วนที่ขาดหายไปจากชีวิต

     

              เขามองคนตรงหน้านิ่ง..ไม่อยากจะละสายตาไปเลยแม้แต่เสี้ยววินาที

     

              แอบกลัวอยู่ลึกๆว่าคนตรงหน้าจะหายไป

     

              กลัวว่านี่จะเป็นภาพลวงตา

     

              “สวัสดีครับบอส” ลูคัสสะดุ้ง มองคนตัวเล็กซึ่งโค้งเก้าสิบองศาด้วยความรู้สึกสับสนเล็กๆ “อ่า อื้ม”

     

              “ผมชื่อ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล ชื่อเล่นชื่อเตนล์..จะมาเป็นเลขาของบอสตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ” เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉานและเป็นมิตร หารู้ไม่ว่าร่างสูงนั้นไม่ได้ยินอะไรอีกหลังจากที่อีกฝ่ายพูดชื่อเล่นของตัวเองออกมา

     

              เตนล์

     

             เตนล์

     

             เตนล์

     

              “เตนล์..”

     

              คนตัวเล็กยิ้มกว้าง

     

            “ขอฝากตัวด้วย และขอบคุณที่รักษาสัญญามาตลอดสิบปีนะครับ”

     

     

     

     

     

     

    S
    N
    A
    P
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×