คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : (sf) Stay – Markten
Title : Stay
Author : LittleG
Pairing : Markten ft.Noten
Request by : -
About it : เป็นฟิคสั้นที่แต่งเมื่อนานมาแล้วค่ะ
แต่เปลี่ยนคู่นิดหน่อย (เวอร์ชั่นเดิมเป็น Jaeten ft.Jaedo) เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากเพลง
Stay ของ EXO ค่ะ แนะนำให้ฟังแบบซับไทยแล้วค่อยอ่าน
หรือไม่ก็อ่านเสร็จไปฟังแบบซับไทยนะคะ จะได้มีอารมณ์ร่วมกับฟิคมากขึ้น ^^
-
- - - - | | - - - - - | | - - - - -
‘เรา..ห่างกันซักพักเถอะ มาร์ค’
นัยน์ตาเรียวคมกระพริบตาถี่ๆปรับโฟกัสให้ชินกับแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องมาทางบานหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ตลอดทั้งคืน
มือหนายกขึ้นมาขยี้ตาเล็กน้อย..เมื่อหยัดตัวลุกขึ้นและเหลือบมองหมอนที่ชุ่มไปคาบน้ำตาก็ได้แต่ถอนหายใจ
ลุกไปส่องกระจกก็พบว่าตัวเองในตอนนี้นั้นดูไม่ได้เลยซักนิด..คาบน้ำตาที่ยังคงแห้งกรังบนใบหน้าและบริเวณรอบดวงตาที่ปูดบวมเป็นหลักฐานชั้นดีว่าได้ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
ลีมินฮยอง
หรือ มาร์คลี
ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำและจัดการตัวเองให้เรียบร้อย..ทำอาหารเช้าแบบง่ายๆอย่างขนมปังปิ้งและไข่ดาวอีก
2
ฟอง..
มันเป็นเรื่องยากจริงๆเมื่อต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีคนตัวเล็กคนนั้น
อาหารเช้าที่อีกฝ่ายจะทำให้กินทุกวันอย่างเอาใจใส่..นัยน์ตากลมที่มักจะฉายแววเป็นห่วงและริมฝีปากจิ้มลิ้มที่พูดเสียงเจื้อยแจ้วทุกเช้าเป็นอะไรที่น่าคิดถึง
หากแต่เมื่อนึกถึงความทรงจำอันแสนสุข..ก็ต้องหลับตาลงเมื่อความอบอุ่นที่เคยแผ่ซ่านกลับแตกสลายหายไปเมื่อความเป็นจริงเข้ามาแทนที่
ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง น้ำสีใสเริ่มระรื่นขึ้นมาที่ขอบตาอีกครั้งจนสุดท้ายก็ต้องบีบมือตัวเองหวังจะคลายความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกข้างซ้ายให้บรรเทาลง
“เตนล์..”
เอ่ยชื่อของผู้เป็นที่รักซึ่งถูกฝังในใจด้วยเสียงแหบแห้ง..
มันคือความเป็นจริงที่ว่าอีกฝ่ายไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว..
ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันแตกกระจายคล้ายเศษแก้วที่ไม่วันต่อกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีก
++++++++++++
“ย่าส์! มาร์คลี!
ลุกมากินข้าวเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงโวยวายดังขึ้นจากห้องนั่งเล่นทำให้ร่างสูงจำต้องหยัดตัวลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างเสียมิได้
ดวงตากลมกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสสายตาให้คงที่
ใบหน้าหล่อเหลาดูงัวเงียเสียจนน่าสงสาร..ดูก็รู้ว่าคงไม่ได้นอนเต็มที่มาพักใหญ่
ร่างสูงยืนขึ้นก่อนจะบิดตัวไปมาคลายความเมื่อยล้าที่สะสมมานานแล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
เตนล์ยืนอยู่ตรงนั้น..คนตัวเล็กสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแหววที่เจ้าตัวเคยบ่นว่าเกลียดนักเกลียดหนา
ในมือเล็กๆข้างหนึ่งถือจานแพนเค้กในขณะที่มืออีกครั้งถือแก้วโกโก้ร้อนกลิ่นหอมกรุ่น
ใบหน้าน่ารักบึ้งตึง..ดูก็รู้ว่าคงไม่พอใจที่แฟนหนุ่มอายุน้อยกว่าอย่างลีมินฮยองหักโหมทำงานจนดึกดื่นอีกแล้ว
“ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้าง
อย่านอนดึกนะสิ” บ่นไปตามประสาก่อนจะวางจานแพนเค้กในมือลงบนโต๊ะอาหารขนาดไม่ใหญ่นัก
กายเล็กหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะปรับสีหน้าบึ้งตึงให้กลายเป็นรอยยิ้มสดใส
ดวงตาเรียวกลายเป็นสระอิก่อนที่เจ้าตัวจะผายมือให้คนอายุน้อยกว่านั่งตรงข้ามกัน
“เอ้าๆ
รีบๆกินนะ บอกเราด้วยว่ามันอร่อยมั้ย”
ริมฝีปากเล็กพูดเสียงเจื้อยแจ้วอย่างน่ารักก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อมือใหญ่ลูบหัวตัวเองด้วยความเอ็นดู
มาร์คยกยิ้มบางก่อนจะนั่งที่ตรงข้าม..
“อะไรที่พี่ทำก็อร่อยไปหมดแหละ”
พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปเงียบๆปล่อยให้แฟนตัวเล็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
มาร์คลีเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยคณะวิศวกรรมศาสตร์ปี
4..ส่วนเตนล์ก็เป็นศิษย์เก่าของคณะบริหารธุรกิจซึ่งตอนนี้กำลังช่วยบริหารกิจการของครอบครัวสาขาย่อยอยู่
ทั้งคู่พบกันครั้งแรกในงานพรอมของมหาวิทยาลัย..และคบกันมาจะ
3
ปีแล้ว
คนตัวสูงมองแฟนรุ่นพี่ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะบีบแก้มกลมๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว
แม้จะอายุปาไป 25 ปีแล้ว
แต่หน้าตาก็ยังดูเป็นเด็กวัยรุ่นราวๆมัธยมปลาย
เผลอๆนิสัยก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กมัธยมต้น
“มองเราแล้วยิ้มหมายความว่าไง!”
“ก็พี่น่ารักนี่”
“อ..อ้ะ
ไอบ้าเอ้ย!”
ปิดท้ายด้วยเจ้าตัวเล็กที่หน้าแดงแปร๊ดไปถึงหูพร้อมกับโวยวายกลบเกลื่อนความเขินและเดินตึงตังเอาบรรดาจานทั้งหลายแหล่ไปเก็บ
มันช่างเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข..
++++++++++++
“กูพามึงมาเยี่ยมมอนะไอมาร์ค..ไม่ได้พามาฆ่า
แม่ง ทำหน้าซึมอยู่ได้”
ลีดงฮยอกผู้เป็นเพื่อนสนิทผลักหัวเขาอย่างแรงจนเซไปข้างหน้า
มาร์คมองไปรอบๆ..อ่า
เมื่อเช้าอยู่ดีๆเจ้าเพื่อนคนนี้ก็โทรมาหาพร้อมเร่งให้รีบมาเจอกันที่หน้ามหาวิทยาลัยที่เคยเรียนอยู่
เขาจบมาได้ 2 ปีแล้ว..มันเป็นระยะเวลาที่นานพอจะทำให้อะไรๆมันเปลี่ยนไป
แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือใจของเขา..
เพราะไม่ว่าจะมองไปตรงไหนก็มีแต่ภาพของคนตัวเล็กคนนั้นเต็มไปหมด
“กูขอพูดอะไรหน่อยได้ปะวะ..”
หันหน้ามาหาเพื่อนสนิทที่มีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนอยากจะพูดอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูด
ความจริงมันก็เป็นแบบนี้มาซักพักตั้งแต่ที่เขาเล่าให้เจ้าตัวฟังว่าตอนนี้ห่างกับคนตัวเล็กมานานมากแค่ไหน
“อืม..มีไร”
“กูว่ามึงเลิกรอพี่เขาเหอะ
ไอมาร์ค..มันผ่านมาเกือบปีแล้วนะเว้ย”
ผ่านมาเกือบปี..
อา..ประโยคนี้ทำให้เขาเจ็บปวด
เตนล์ขอห่างกับเขาตั้งแต่หนึ่งปีก่อน..แต่สิ่งที่เจ้าตัวทำมันไม่ใช่แค่การห่างกัน
แต่มันคือการหายไปจากชีวิตเขาแบบที่ไม่สามารถตามหาตัวเจอได้
เคยบุกไปถึงบริษัทของเจ้าตัวแต่สุดท้ายก็พบว่าเจ้าตัวนั้นย้ายไปสังกัดที่สาขาต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..
ชายหนุ่มหลับตาลง..ซึมซับบรรยากาศเดิมๆของความทรงจำเดิมๆเข้าไปเต็มปอด
“กู..จะรอเขาต่อ”
และเมื่อพูดไปแบบนั้น..ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆของเพื่อนรัก
แต่ก็ไม่มีถ้อยคำใดๆหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่ายอีก
คิดไว้ว่า..ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็จะรอ
++++++++++++
“มาร์คอา..ยินดีด้วยที่เรียนจบนะ”
รอยยิ้มเจิดจ้าของคนตัวเล็กช่างดูสว่างไสวและสดใสเสียจนช่วยให้มาร์คลืมความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันไปจนหมด
เขากอดอีกฝ่ายแน่นเท่าที่จะแน่นได้..เขาเรียนจบแล้ว เรียนจบแล้ว! และแม้คนๆนี้จะไม่ได้ไปหาเขาตอนรับปริญญาบัตร
แต่แค่กลับมายังที่พักแล้วเจออีกฝ่ายมอบรอยยิ้มสดใสราวดวงอาทิตย์ให้แบบนี้เขาก็มีความสุขมากแล้ว
“วันนี้วันครบรอบ
4
ปีนะ..จำได้ใช่มั้ย”
“แน่นอน..มาร์คไปพักนะ
เดี๋ยวเราทำอาหารเอง! จะเอาของที่มาร์คชอบทั้งหมดเลย!”
คนตัวเล็กชูกำปั้นขึ้นเหมือนจะสื่อว่าจะทำให้สุดฝีมือ..ท่าทางเด็กๆนั่นทำให้มาร์คลีต้องยิ้มกว้างออกมา
แฟนของเขาน่ารักจริงๆ..
“ไว้วันไหน..เดี๋ยวผมพาพี่ไปเที่ยวทะเล
อยากไปใช่มั้ย”
“เอ๋! จริงเหรอ! สัญญานะ ต้องไปด้วยกันนะ!” ร่างบางในครัวหันมามองด้วยดวงตาเป็นประกาย..เจ้าตัวเล็กยิ้มร่าก่อนจะหันไปทำอาหารต่อพร้อมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
แค่เห็นรอยยิ้มของพี่เตนล์..มาร์คก็รู้สึกเหมือนได้ชาร์ตพลังงาน
เขาในตอนนี้เหมือนโทรศัพท์ที่ถูกชาร์ตแบตจนเต็มเปี่ยม
“ไหนๆ..ทำไรให้กิน”
เดินอ้อมไปด้านหลังคนตัวเล็กก่อนจะโอบเอวบางไว้หลวมๆ
หูของอีกฝ่ายขึ้นสีแดงจัดเสียจนน่าแกล้งแต่ก็เกรงว่าถ้าแกล้งมากกว่านี้ตะหลิวที่อยู่ในมืออาจลอยมาโดนหัวได้ในไม่ช้า
“ข้าวผัดกิมจิ..เดี๋ยวทำทาร์ตให้ด้วย
ไปนั่งรอเลยเด็กบ้า!”
“รักพี่ที่สุด”
ยิ้มบางก่อนจะหอมแก้มกลมหนึ่งทีแล้วรีบเดินหนีเพราะกลัวจะโดนมือเล็กๆนั่นฟาด
ร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น..ข้อความบางอย่างถูกส่งเข้ามา
และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกประหลาด..มันอาจจะเป็นลางสังหรณ์หรืออะไรซักอย่าง
แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะปัดความรู้สึกแย่ๆทิ้งไปแล้วฉีกยิ้มยินดีขึ้นมาแทน
เสียงทุ้มตะโกนหาคนตัวเล็กในครัว
“พี่เตนล์! วันนี้ทำข้าวผัดกิมจิเพิ่มอีกจานนะ เดี๋ยวไอเจโน่เพื่อนตอนมอปลายมันจะมาค้างด้วย!”
แล้วเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของคนตัวเล็กตอบกลับมา
“คร้าบๆ
จะทำสุดฝีมือเลย”
ในบางครั้ง..มาร์คก็รู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นความผิดของเขา
เขาไม่ควรให้สองคนนั้นได้รู้จักกัน
++++++++++++
นัยน์ตากลมสั่นระริก..
มาร์คไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
เขามองเข้าไปในร้านอาหารหรูๆกลางห้างดังในกรุงโซล..เตนล์อยู่ข้างในนั้น
คนที่เขาไม่ได้เจอมาเกือบปีกำลังทานอาหารอย่างมีความสุขกับกลุ่มเพื่อนของเจ้าตัวที่เขาไม่รู้จัก
ใบหน้าน่ารักที่เขาแสนคิดถึงนั่นยิ้มแย้มอย่างสดใส..ดูมีความสุขเสียเต็มประดาจนเขานึกอิจฉา
อา...แล้วเขาล่ะ
ยกยิ้มให้ตัวเองอย่าวขมขื่น..ทว่าทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่สนใจแต่ก็ไม่อาจจะละสายตาไปจากร่างบอบบางนั่นได้
แต่ในวินาทีที่อีกฝ่ายหันหน้ามาสบตากัน..
ราวกับโลกทั้งใบนั้นหยุดหมุน
อา
ไม่นะ ทำไมถึงหลบหน้าผมล่ะ
คนตัวเล็กเสตามองไปทางอื่นทำเป็นไม่รู้จักเขา..ทั้งๆที่ในชั่ววินาทีแรกที่สบตากันเขาก็เห็นว่าอีกคนนั้นมีสีหน้าตกใจมากแค่ไหน
ทำไมถึงเมินเขาล่ะ..ทำไมถึงต้องหลบตาเขาล่ะ
บริเวณอกข้างซ้ายมันช่างปวดหนึบ..
มาร์คลีกำลังเจ็บปวด
++++++++++++
“อย่างี่เง่าน่ามาร์ค”
ใจทั้งใจชาวาบไปกับถ้อยคำที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยจากคนรัก..ดวงตากลมสั่นระริกยามเมื่อสบตากับอีกฝ่าย
ทั้งแววตาที่ดูนิ่งเสียจนน่ากลัวและใบหน้าที่ไม่เปิดเผยอารมณ์ใดๆออกมาทำให้คนอายุน้อยกว่ารู้สึกเจ็บปวด
นี่นับเป็นการทะเลาะกันครั้งที่
101
ของเรา..
ในตอนแรกเริ่ม..พวกเขาเริ่มทะเลาะกันในช่วงที่มาร์คได้ที่ทำงานใหม่ๆ
ยอมรับว่าช่วงนั้นอาจจะเพราะสังคมมันเปลี่ยนเขาถึงได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหักโหมทำงานหนักมากขึ้นเพื่ออนาคตของเขากับเตนล์ที่เคยวาดฝันกันเอาไว้
เพื่อรักษาสัญญาที่ว่าจะไปทะเลด้วยกัน กลับบ้านช้าบ้าง ละเลยเตนล์ไปบ้าง..แต่เขาก็ไม่เคยที่จะลดความสำคัญคนตัวเล็กของเขา
เพียงแต่..
ในบางครั้งที่ไม่ว่าง..ก็มีการไหว้วานให้เจโน่เพื่อนรักที่กลับมาจากลอนดอนช่วยไปรับไปส่งคนตัวเล็กให้
หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป..หัวข้อของการทะเลาะกันก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
“งี่เง่า..?
ผมเหรองี่เง่า..? พี่ไม่มาหาผมที่คอนโดเลยนะ ไปอยู่กับใครล่ะ? ไปหาใครล่ะ? อ๋อ..ไอเจโน่”
ด้วยอารมณ์ที่กำลังขึ้นถึงขีดสุด..ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้เขาขาดสติ
เขาประชดเสียงดังด้วยใบหน้าบึ้งตึง..ในใจแอบคิดว่าอย่างน้อยก็ขอให้เตนล์แก้ตัวอะไรซักอย่าง
พูดอะไรออกมาก็ได้
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ
และดวงตาของคนอายุมากกว่าที่สั่นระริก
เตนล์ไม่ตอบอะไรซักอย่าง..คนตัวเล็กแค่ปิดปากเงียบแล้วก็เดินเข้าห้องนอนไป
แต่มาร์คลีไม่ใช่..เขาเดินไปหาอีกคนด้วยความตั้งใจที่จะถามเรื่องราวให้รู้เรื่อง
“ผมถามพี่ตรงๆนะ..”
“....”
“พี่ยังรักผมอยู่มั้ย..เตนล์”
“....”
ความเงียบของอีกฝ่ายช่างน่ากลัว..ดวงตาเรียวรีเสมองไปทางอื่นพร้อมกับริมฝีปากบางที่เม้มเข้าหากันแน่น
ทุกปฏิกิริยาที่คนตัวเล็กแสดงออกมามันทำให้มาร์คเจ็บปวด
เคยมีคนบอกว่าในซักวันทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง..แต่เขากลับไม่เห็นว่ามันเป็นแบบนั้น
นับวัน..อะไรๆก็ยิ่งแย่ลง
ไหนละความฝันที่เคยมีร่วมกัน..พวกเขาเคยสัญญากันว่าจะไปทะเลด้วยกัน
ดวงตาของเตนล์ดูเฉยชาขึ้นทุกวัน..
“ได้โปรด..เตนล์
พี่บอกผมหน่อยเถอะ..พี่ยังรักผมใช่มั้ย เรายังเป็นเหมือนเดิม..ใช่มั้ย?”
“....”
ความเงียบคือคำตอบของทุกอย่าง..
แต่ในที่สุดคนตัวเล็กก็พูดกับเขา..ทว่าเนื้อความของประโยคที่พูดออกมานั้นกลับกำลังจะทำให้เขาต้องตายทั้งเป็น
“เรา..ห่างกันซักพักเถอะ
มินฮยอง”
เขาเรียกผมว่ามินฮยอง..ไม่ได้เรียกว่ามาร์คเหมือนทุกที
ถ้าในตอนนั้นผมรั้งพี่เอาไว้..พี่ยังต้องการจะจากผมไปอยู่รึเปล่า
ดูเหมือน..เราจะรักษาสัญญาที่ว่าจะไปทะเลด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว
++++++++++++
“สบายดีมั้ย..มินฮยอง”
ไม่..
อยากจะตอบแบบนั้นไปใจจะขาด..แต่เมื่อสบตากับดวงตาเรียวคู่นั้นคำพูดทุกอย่างที่เตรียมมาก็ถูกกลืนลงคอไปจนหมด
“สบายดี..แล้วพี่เป็นไงบ้าง”
“ก็ดี”
เกิดเดดแอร์ขึ้นในทันทีที่อีกฝ่ายตอบมาแบบนั้น
มาร์คกำลังเจ็บปวด..ทั้งๆที่อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าแต่เขากลับรู้สึกเหมือนเราห่างกันเหมือนอยู่คนละทวีป
ทั้งสายตาและรอยยิ้มที่มีให้เขามันเปลี่ยนไปจนหมด
เขากำมือตัวเองแน่น..รู้ดีว่าตัวเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร
“มินฮยองอา..”
“ครับ..”
“นายยังรอพี่อยู่รึเปล่า..”
“....”
“เราเลิกกันเถอะนะ”
ในเมื่อพี่พูดแบบนี้..แล้วผมจะกล้าตอบได้ยังไงว่าผมยังคงอยู่ตรงนี้
ผมยังคงรอพี่อยู่
ความคิดเห็น