ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    YESTERDAY ❥ Taeten Jaeten Allten {os/sf}

    ลำดับตอนที่ #5 : (sf) Stay – Markten

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 763
      23
      12 เม.ย. 61

     

    Title : Stay

    Author : LittleG

    Pairing : Markten ft.Noten

    Request by : -

    About it : เป็นฟิคสั้นที่แต่งเมื่อนานมาแล้วค่ะ แต่เปลี่ยนคู่นิดหน่อย (เวอร์ชั่นเดิมเป็น Jaeten ft.Jaedo) เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากเพลง Stay ของ EXO ค่ะ แนะนำให้ฟังแบบซับไทยแล้วค่อยอ่าน หรือไม่ก็อ่านเสร็จไปฟังแบบซับไทยนะคะ จะได้มีอารมณ์ร่วมกับฟิคมากขึ้น ^^

     

     

    - - - - - | | - - - - - | | - - - - -

     

     

     

              เรา..ห่างกันซักพักเถอะ มาร์ค

     

              นัยน์ตาเรียวคมกระพริบตาถี่ๆปรับโฟกัสให้ชินกับแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องมาทางบานหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ตลอดทั้งคืน มือหนายกขึ้นมาขยี้ตาเล็กน้อย..เมื่อหยัดตัวลุกขึ้นและเหลือบมองหมอนที่ชุ่มไปคาบน้ำตาก็ได้แต่ถอนหายใจ ลุกไปส่องกระจกก็พบว่าตัวเองในตอนนี้นั้นดูไม่ได้เลยซักนิด..คาบน้ำตาที่ยังคงแห้งกรังบนใบหน้าและบริเวณรอบดวงตาที่ปูดบวมเป็นหลักฐานชั้นดีว่าได้ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

     

              ลีมินฮยอง หรือ มาร์คลี ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำและจัดการตัวเองให้เรียบร้อย..ทำอาหารเช้าแบบง่ายๆอย่างขนมปังปิ้งและไข่ดาวอีก 2 ฟอง..

     

              มันเป็นเรื่องยากจริงๆเมื่อต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีคนตัวเล็กคนนั้น

     

              อาหารเช้าที่อีกฝ่ายจะทำให้กินทุกวันอย่างเอาใจใส่..นัยน์ตากลมที่มักจะฉายแววเป็นห่วงและริมฝีปากจิ้มลิ้มที่พูดเสียงเจื้อยแจ้วทุกเช้าเป็นอะไรที่น่าคิดถึง

     

              หากแต่เมื่อนึกถึงความทรงจำอันแสนสุข..ก็ต้องหลับตาลงเมื่อความอบอุ่นที่เคยแผ่ซ่านกลับแตกสลายหายไปเมื่อความเป็นจริงเข้ามาแทนที่ ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง น้ำสีใสเริ่มระรื่นขึ้นมาที่ขอบตาอีกครั้งจนสุดท้ายก็ต้องบีบมือตัวเองหวังจะคลายความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกข้างซ้ายให้บรรเทาลง

     

              เตนล์..” เอ่ยชื่อของผู้เป็นที่รักซึ่งถูกฝังในใจด้วยเสียงแหบแห้ง..

     

              มันคือความเป็นจริงที่ว่าอีกฝ่ายไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว..

     

              ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันแตกกระจายคล้ายเศษแก้วที่ไม่วันต่อกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีก

     

     

    ++++++++++++

     

     

             “ย่าส์! มาร์คลี! ลุกมากินข้าวเดี๋ยวนี้นะ!

     

              เสียงโวยวายดังขึ้นจากห้องนั่งเล่นทำให้ร่างสูงจำต้องหยัดตัวลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างเสียมิได้ ดวงตากลมกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสสายตาให้คงที่ ใบหน้าหล่อเหลาดูงัวเงียเสียจนน่าสงสาร..ดูก็รู้ว่าคงไม่ได้นอนเต็มที่มาพักใหญ่ ร่างสูงยืนขึ้นก่อนจะบิดตัวไปมาคลายความเมื่อยล้าที่สะสมมานานแล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น

     

              เตนล์ยืนอยู่ตรงนั้น..คนตัวเล็กสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแหววที่เจ้าตัวเคยบ่นว่าเกลียดนักเกลียดหนา ในมือเล็กๆข้างหนึ่งถือจานแพนเค้กในขณะที่มืออีกครั้งถือแก้วโกโก้ร้อนกลิ่นหอมกรุ่น

     

              ใบหน้าน่ารักบึ้งตึง..ดูก็รู้ว่าคงไม่พอใจที่แฟนหนุ่มอายุน้อยกว่าอย่างลีมินฮยองหักโหมทำงานจนดึกดื่นอีกแล้ว

     

              “ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้าง อย่านอนดึกนะสิ” บ่นไปตามประสาก่อนจะวางจานแพนเค้กในมือลงบนโต๊ะอาหารขนาดไม่ใหญ่นัก กายเล็กหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะปรับสีหน้าบึ้งตึงให้กลายเป็นรอยยิ้มสดใส ดวงตาเรียวกลายเป็นสระอิก่อนที่เจ้าตัวจะผายมือให้คนอายุน้อยกว่านั่งตรงข้ามกัน

     

              “เอ้าๆ รีบๆกินนะ บอกเราด้วยว่ามันอร่อยมั้ย”

     

              ริมฝีปากเล็กพูดเสียงเจื้อยแจ้วอย่างน่ารักก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อมือใหญ่ลูบหัวตัวเองด้วยความเอ็นดู มาร์คยกยิ้มบางก่อนจะนั่งที่ตรงข้าม..

     

              “อะไรที่พี่ทำก็อร่อยไปหมดแหละ” พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปเงียบๆปล่อยให้แฟนตัวเล็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว

     

              มาร์คลีเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยคณะวิศวกรรมศาสตร์ปี 4..ส่วนเตนล์ก็เป็นศิษย์เก่าของคณะบริหารธุรกิจซึ่งตอนนี้กำลังช่วยบริหารกิจการของครอบครัวสาขาย่อยอยู่

     

              ทั้งคู่พบกันครั้งแรกในงานพรอมของมหาวิทยาลัย..และคบกันมาจะ 3 ปีแล้ว

     

              คนตัวสูงมองแฟนรุ่นพี่ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะบีบแก้มกลมๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว แม้จะอายุปาไป 25 ปีแล้ว แต่หน้าตาก็ยังดูเป็นเด็กวัยรุ่นราวๆมัธยมปลาย เผลอๆนิสัยก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กมัธยมต้น

     

              “มองเราแล้วยิ้มหมายความว่าไง!

     

             “ก็พี่น่ารักนี่”

     

             “อ..อ้ะ ไอบ้าเอ้ย! ปิดท้ายด้วยเจ้าตัวเล็กที่หน้าแดงแปร๊ดไปถึงหูพร้อมกับโวยวายกลบเกลื่อนความเขินและเดินตึงตังเอาบรรดาจานทั้งหลายแหล่ไปเก็บ

     

             มันช่างเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข..

     

     

    ++++++++++++

     

     

              “กูพามึงมาเยี่ยมมอนะไอมาร์ค..ไม่ได้พามาฆ่า แม่ง ทำหน้าซึมอยู่ได้”

     

              ลีดงฮยอกผู้เป็นเพื่อนสนิทผลักหัวเขาอย่างแรงจนเซไปข้างหน้า มาร์คมองไปรอบๆ..อ่า เมื่อเช้าอยู่ดีๆเจ้าเพื่อนคนนี้ก็โทรมาหาพร้อมเร่งให้รีบมาเจอกันที่หน้ามหาวิทยาลัยที่เคยเรียนอยู่ เขาจบมาได้ 2 ปีแล้ว..มันเป็นระยะเวลาที่นานพอจะทำให้อะไรๆมันเปลี่ยนไป

     

              แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือใจของเขา..

     

              เพราะไม่ว่าจะมองไปตรงไหนก็มีแต่ภาพของคนตัวเล็กคนนั้นเต็มไปหมด

     

              “กูขอพูดอะไรหน่อยได้ปะวะ..” หันหน้ามาหาเพื่อนสนิทที่มีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนอยากจะพูดอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูด ความจริงมันก็เป็นแบบนี้มาซักพักตั้งแต่ที่เขาเล่าให้เจ้าตัวฟังว่าตอนนี้ห่างกับคนตัวเล็กมานานมากแค่ไหน

     

              “อืม..มีไร”

     

              “กูว่ามึงเลิกรอพี่เขาเหอะ ไอมาร์ค..มันผ่านมาเกือบปีแล้วนะเว้ย”

     

              ผ่านมาเกือบปี..

     

              อา..ประโยคนี้ทำให้เขาเจ็บปวด เตนล์ขอห่างกับเขาตั้งแต่หนึ่งปีก่อน..แต่สิ่งที่เจ้าตัวทำมันไม่ใช่แค่การห่างกัน แต่มันคือการหายไปจากชีวิตเขาแบบที่ไม่สามารถตามหาตัวเจอได้ เคยบุกไปถึงบริษัทของเจ้าตัวแต่สุดท้ายก็พบว่าเจ้าตัวนั้นย้ายไปสังกัดที่สาขาต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..

     

              ชายหนุ่มหลับตาลง..ซึมซับบรรยากาศเดิมๆของความทรงจำเดิมๆเข้าไปเต็มปอด

     

              “กู..จะรอเขาต่อ”

     

              และเมื่อพูดไปแบบนั้น..ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆของเพื่อนรัก แต่ก็ไม่มีถ้อยคำใดๆหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่ายอีก

     

              คิดไว้ว่า..ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็จะรอ

     

     

    ++++++++++++

     

     

             “มาร์คอา..ยินดีด้วยที่เรียนจบนะ”

     

              รอยยิ้มเจิดจ้าของคนตัวเล็กช่างดูสว่างไสวและสดใสเสียจนช่วยให้มาร์คลืมความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันไปจนหมด เขากอดอีกฝ่ายแน่นเท่าที่จะแน่นได้..เขาเรียนจบแล้ว เรียนจบแล้ว! และแม้คนๆนี้จะไม่ได้ไปหาเขาตอนรับปริญญาบัตร แต่แค่กลับมายังที่พักแล้วเจออีกฝ่ายมอบรอยยิ้มสดใสราวดวงอาทิตย์ให้แบบนี้เขาก็มีความสุขมากแล้ว

     

             “วันนี้วันครบรอบ 4 ปีนะ..จำได้ใช่มั้ย”

     

              “แน่นอน..มาร์คไปพักนะ เดี๋ยวเราทำอาหารเอง! จะเอาของที่มาร์คชอบทั้งหมดเลย! คนตัวเล็กชูกำปั้นขึ้นเหมือนจะสื่อว่าจะทำให้สุดฝีมือ..ท่าทางเด็กๆนั่นทำให้มาร์คลีต้องยิ้มกว้างออกมา

     

              แฟนของเขาน่ารักจริงๆ..

     

             “ไว้วันไหน..เดี๋ยวผมพาพี่ไปเที่ยวทะเล อยากไปใช่มั้ย”

     

              “เอ๋! จริงเหรอ! สัญญานะ ต้องไปด้วยกันนะ! ร่างบางในครัวหันมามองด้วยดวงตาเป็นประกาย..เจ้าตัวเล็กยิ้มร่าก่อนจะหันไปทำอาหารต่อพร้อมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี

     

              แค่เห็นรอยยิ้มของพี่เตนล์..มาร์คก็รู้สึกเหมือนได้ชาร์ตพลังงาน

     

              เขาในตอนนี้เหมือนโทรศัพท์ที่ถูกชาร์ตแบตจนเต็มเปี่ยม

     

              “ไหนๆ..ทำไรให้กิน” เดินอ้อมไปด้านหลังคนตัวเล็กก่อนจะโอบเอวบางไว้หลวมๆ หูของอีกฝ่ายขึ้นสีแดงจัดเสียจนน่าแกล้งแต่ก็เกรงว่าถ้าแกล้งมากกว่านี้ตะหลิวที่อยู่ในมืออาจลอยมาโดนหัวได้ในไม่ช้า

     

             “ข้าวผัดกิมจิ..เดี๋ยวทำทาร์ตให้ด้วย ไปนั่งรอเลยเด็กบ้า!

     

              “รักพี่ที่สุด” ยิ้มบางก่อนจะหอมแก้มกลมหนึ่งทีแล้วรีบเดินหนีเพราะกลัวจะโดนมือเล็กๆนั่นฟาด

     

              ร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น..ข้อความบางอย่างถูกส่งเข้ามา และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกประหลาด..มันอาจจะเป็นลางสังหรณ์หรืออะไรซักอย่าง แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะปัดความรู้สึกแย่ๆทิ้งไปแล้วฉีกยิ้มยินดีขึ้นมาแทน

     

              เสียงทุ้มตะโกนหาคนตัวเล็กในครัว

     

              “พี่เตนล์! วันนี้ทำข้าวผัดกิมจิเพิ่มอีกจานนะ เดี๋ยวไอเจโน่เพื่อนตอนมอปลายมันจะมาค้างด้วย!

     

              แล้วเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของคนตัวเล็กตอบกลับมา

     

             “คร้าบๆ จะทำสุดฝีมือเลย”

     

              ในบางครั้ง..มาร์คก็รู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นความผิดของเขา

     

              เขาไม่ควรให้สองคนนั้นได้รู้จักกัน

     

     

    ++++++++++++

     

     

              นัยน์ตากลมสั่นระริก..

     

              มาร์คไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

     

              เขามองเข้าไปในร้านอาหารหรูๆกลางห้างดังในกรุงโซล..เตนล์อยู่ข้างในนั้น คนที่เขาไม่ได้เจอมาเกือบปีกำลังทานอาหารอย่างมีความสุขกับกลุ่มเพื่อนของเจ้าตัวที่เขาไม่รู้จัก ใบหน้าน่ารักที่เขาแสนคิดถึงนั่นยิ้มแย้มอย่างสดใส..ดูมีความสุขเสียเต็มประดาจนเขานึกอิจฉา

     

             อา...แล้วเขาล่ะ

     

              ยกยิ้มให้ตัวเองอย่าวขมขื่น..ทว่าทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่สนใจแต่ก็ไม่อาจจะละสายตาไปจากร่างบอบบางนั่นได้ แต่ในวินาทีที่อีกฝ่ายหันหน้ามาสบตากัน..

     

              ราวกับโลกทั้งใบนั้นหยุดหมุน

     

             อา ไม่นะ ทำไมถึงหลบหน้าผมล่ะ

     

              คนตัวเล็กเสตามองไปทางอื่นทำเป็นไม่รู้จักเขา..ทั้งๆที่ในชั่ววินาทีแรกที่สบตากันเขาก็เห็นว่าอีกคนนั้นมีสีหน้าตกใจมากแค่ไหน ทำไมถึงเมินเขาล่ะ..ทำไมถึงต้องหลบตาเขาล่ะ

     

              บริเวณอกข้างซ้ายมันช่างปวดหนึบ..

     

              มาร์คลีกำลังเจ็บปวด

     

     

    ++++++++++++

     

     

             “อย่างี่เง่าน่ามาร์ค”

     

              ใจทั้งใจชาวาบไปกับถ้อยคำที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยจากคนรัก..ดวงตากลมสั่นระริกยามเมื่อสบตากับอีกฝ่าย ทั้งแววตาที่ดูนิ่งเสียจนน่ากลัวและใบหน้าที่ไม่เปิดเผยอารมณ์ใดๆออกมาทำให้คนอายุน้อยกว่ารู้สึกเจ็บปวด

     

              นี่นับเป็นการทะเลาะกันครั้งที่ 101 ของเรา..

     

              ในตอนแรกเริ่ม..พวกเขาเริ่มทะเลาะกันในช่วงที่มาร์คได้ที่ทำงานใหม่ๆ ยอมรับว่าช่วงนั้นอาจจะเพราะสังคมมันเปลี่ยนเขาถึงได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหักโหมทำงานหนักมากขึ้นเพื่ออนาคตของเขากับเตนล์ที่เคยวาดฝันกันเอาไว้ เพื่อรักษาสัญญาที่ว่าจะไปทะเลด้วยกัน กลับบ้านช้าบ้าง ละเลยเตนล์ไปบ้าง..แต่เขาก็ไม่เคยที่จะลดความสำคัญคนตัวเล็กของเขา

     

              เพียงแต่..

     

              ในบางครั้งที่ไม่ว่าง..ก็มีการไหว้วานให้เจโน่เพื่อนรักที่กลับมาจากลอนดอนช่วยไปรับไปส่งคนตัวเล็กให้

     

              หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป..หัวข้อของการทะเลาะกันก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

     

              “งี่เง่า..? ผมเหรองี่เง่า..? พี่ไม่มาหาผมที่คอนโดเลยนะ ไปอยู่กับใครล่ะ? ไปหาใครล่ะ? อ๋อ..ไอเจโน่” ด้วยอารมณ์ที่กำลังขึ้นถึงขีดสุด..ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้เขาขาดสติ เขาประชดเสียงดังด้วยใบหน้าบึ้งตึง..ในใจแอบคิดว่าอย่างน้อยก็ขอให้เตนล์แก้ตัวอะไรซักอย่าง พูดอะไรออกมาก็ได้

     

              แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ

     

              และดวงตาของคนอายุมากกว่าที่สั่นระริก

     

              เตนล์ไม่ตอบอะไรซักอย่าง..คนตัวเล็กแค่ปิดปากเงียบแล้วก็เดินเข้าห้องนอนไป แต่มาร์คลีไม่ใช่..เขาเดินไปหาอีกคนด้วยความตั้งใจที่จะถามเรื่องราวให้รู้เรื่อง

     

             “ผมถามพี่ตรงๆนะ..”

     

             “....”

     

             “พี่ยังรักผมอยู่มั้ย..เตนล์”

     

             “....”

     

              ความเงียบของอีกฝ่ายช่างน่ากลัว..ดวงตาเรียวรีเสมองไปทางอื่นพร้อมกับริมฝีปากบางที่เม้มเข้าหากันแน่น ทุกปฏิกิริยาที่คนตัวเล็กแสดงออกมามันทำให้มาร์คเจ็บปวด

     

              เคยมีคนบอกว่าในซักวันทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง..แต่เขากลับไม่เห็นว่ามันเป็นแบบนั้น

     

              นับวัน..อะไรๆก็ยิ่งแย่ลง

     

              ไหนละความฝันที่เคยมีร่วมกัน..พวกเขาเคยสัญญากันว่าจะไปทะเลด้วยกัน

     

              ดวงตาของเตนล์ดูเฉยชาขึ้นทุกวัน..

     

             “ได้โปรด..เตนล์ พี่บอกผมหน่อยเถอะ..พี่ยังรักผมใช่มั้ย เรายังเป็นเหมือนเดิม..ใช่มั้ย?”

     

             “....”

     

              ความเงียบคือคำตอบของทุกอย่าง..

     

              แต่ในที่สุดคนตัวเล็กก็พูดกับเขา..ทว่าเนื้อความของประโยคที่พูดออกมานั้นกลับกำลังจะทำให้เขาต้องตายทั้งเป็น

     

              “เรา..ห่างกันซักพักเถอะ มินฮยอง”

     

              เขาเรียกผมว่ามินฮยอง..ไม่ได้เรียกว่ามาร์คเหมือนทุกที

     

              ถ้าในตอนนั้นผมรั้งพี่เอาไว้..พี่ยังต้องการจะจากผมไปอยู่รึเปล่า

     

             ดูเหมือน..เราจะรักษาสัญญาที่ว่าจะไปทะเลด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว

     

     

    ++++++++++++

     

     

              “สบายดีมั้ย..มินฮยอง”

     

             ไม่..

     

              อยากจะตอบแบบนั้นไปใจจะขาด..แต่เมื่อสบตากับดวงตาเรียวคู่นั้นคำพูดทุกอย่างที่เตรียมมาก็ถูกกลืนลงคอไปจนหมด

     

              “สบายดี..แล้วพี่เป็นไงบ้าง”

     

              “ก็ดี”

     

              เกิดเดดแอร์ขึ้นในทันทีที่อีกฝ่ายตอบมาแบบนั้น

     

              มาร์คกำลังเจ็บปวด..ทั้งๆที่อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าแต่เขากลับรู้สึกเหมือนเราห่างกันเหมือนอยู่คนละทวีป ทั้งสายตาและรอยยิ้มที่มีให้เขามันเปลี่ยนไปจนหมด

     

              เขากำมือตัวเองแน่น..รู้ดีว่าตัวเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร

     

              “มินฮยองอา..”

     

              “ครับ..”

     

              “นายยังรอพี่อยู่รึเปล่า..”

     

              “....”

     

             “เราเลิกกันเถอะนะ”

     

              ในเมื่อพี่พูดแบบนี้..แล้วผมจะกล้าตอบได้ยังไงว่าผมยังคงอยู่ตรงนี้ ผมยังคงรอพี่อยู่

     

     

     

     

     

     

     

     

    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×