คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Stage 01 - The Red Bride
Stage 01
The Red Bride
หนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้ถูกกางออก ภาพเคลื่อนไหวของนักโทษที่กำลังขู่คำรามบนหน้าหนึ่งซึ่งถูกมองข้ามไป
เด็กหนุ่มนั่งไขว่ห้างอยู่บนลังไม้ นัยน์ตาสีฟ้าครามจับจ้องเนื้อหาข่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วน
มือสากเสยผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตขึ้น ย้อนนึกไปว่าจริงๆแล้วสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำในวันนี้คือการไปซื้อหนังสือเล่มใหม่ให้น้องชายที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกในตรอกไดแอกอน
แต่ดูเหมือนว่ามันคงจะต้องเลื่อนไปวันอื่น
อีธาน
ฟรอสต์ เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วนตามไว้
ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยนัยน์ตาสีฟ้าคราม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีธรรมชาติ
และสันกรามที่โดดเด่นส่งเสริมให้โครงหน้าดูมีเอกลักษณ์ เขาเอนหลังเล็กน้อยก่อนกระโดดลงมาจากลังไม้อย่างสวยงาม
พับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะไม้แถวๆนั้น นัยน์ตาคมหรี่ลง..มองเจ้านกเค้าแมวสีขาวแซมเทาซึ่งมีท่าทางกระวนกระวายผิดปกติ
“เป็นอะไรไปเรลิกซ์?” มันกระพือปีกแรงกว่าเดิมก่อนส่งเสียงร้องแปลกๆชวนให้รู้สึกสงสัย
ทำท่าเหมือนมีใครกำลังมาเสียอย่างนั้น..โอ้ ขอทีเถอะ นี่มันร้านหม้อใหญ่รั่วนะ
คงไม่มีอาชญากรหรือพวกลัทธิศาสตร์มืดเข้าบุกใช่มั้ย?
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้ๆ และเจ้าเรลิกซ์ก็ดูจะยิ่งร้อนรนเหมือนโดนน้ำร้อนลวก
“มันดูดีใจที่ได้เจอฉัน
นายว่างั้นมะ?”
บางทีเขาคงต้องคิดใหม่
ไม่ใช่อาชญากรหรือผู้เสพความตายหรอก..แต่ ยู อาร์ลิงตัน นี่ล่ะคือสาเหตุที่ทำให้เจ้านกตัวนี้มันกลัวจนหัวหด
“นายว่างั้นเหรอ
แต่ฉันว่ามันกลัวนายมากกว่า”
จอห์นนี่
มอนทรีเอล ลอบยิ้มอย่างนึกขัน
มองไปที่เพื่อนสนิททั้งสองซึ่งคนหนึ่งนั่งถือหนังสือพิมพ์อยู่บนลังไม้
ส่วนอีกคนก็วิ่งแจ้นไปเล่นกับสัตว์เลี้ยงของเพื่อนเรียบร้อยแล้ว
เขาเลื่อนเก้าอี้มาใกล้ๆอีธานก่อนหย่อนตัวลงนั่ง
นัยน์ตาคมจับจ้องไปยังข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ซึ่งก็ได้ความว่าเร็วๆนี้พึ่งมีอาชญากรตัวเป้งถูกจับเข้าคุกอัซคาบันไป
“โลกเดี๋ยวนี้นี่น่ากลัวนะ”
อีธานเงยหน้าขึ้นมอง
“ฉันไม่ได้อ่านข่าวนั้น..”
เขากางหนังสือพิมพ์หน้าที่ตนพึ่งเปิดค้างไว้เมื่อครู่
“นี่ต่างหาก”
“การคาดคะเนเกี่ยวกับคดีไฟไหม้คฤหาสน์ของตระกูลเลือดบริสุทธิ์ชื่อดังเมื่อ
8 ปีก่อน อา..นี่มัน” จอห์นนี่เกาหัวแกรกๆมองอีธานที่พับมันเก็บไว้เหมือนเดิม
พวกเขาลุกไปนั่งที่โต๊ะดีๆก่อนที่ชายคนหนึ่งจะนำโกโก้ร้อนมาเสิร์ฟ สำหรับจอห์นนี่มันค่อนข้างน่าตกใจทีเดียวที่อีธานจะสนใจอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์
แต่เนื้อหาข้างในมันก็พอเดาได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงสนใจขนาดนั้น
“กระทรวงเวทมนตร์และมือปราบมารสันนิษฐานว่านี่เป็นอาจเป็นฝีมือของมักเกิ้ลหรือมักเกิ้ลบอร์นที่มีความแค้นกับพวกเลือดบริสุทธิ์..”
เสียงโครมครามดังขึ้นจากข้างหลังร้านทำให้จอห์นนี่ต้องหยุดอ่านไป
เด็กหนุ่มทั้งสามเหลือบมองเล็กน้อย เห็นคนครัวในชุดผ้ากันเปื้อนถือกระทะวิ่งไล่ใครบางคนอย่างเอาเป็นเอาตาย
ดูๆแล้วก็น่าจะเป็นพวกกินแล้วชิ่งนั่นล่ะ คิดได้ดังนั้นก็ละความสนใจทันที ยูชะโงกหน้าเข้ามาใกล้
“แล้วนายไม่ไปซื้อหนังสือแล้วรึไง?”
อีธานส่ายหน้า
เขาเห็นเพื่อนสนิทตัวดีอ้าปากค้างก่อนมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ “ทำไม? อย่าบอกนะว่านายอ่านข่าวเพลินตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงตอนนี้น่ะ”
“ก็พยายามหาข่าวนี้จากหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ
ทุกสำนักพิมพ์ เผื่อจะมีข้อมูลไหนที่ตรงกันบ้าง”
“เคราเมอร์ลิน..นายคืออีธานตัวจริงเหรอ
สนใจย้ายไปอยู่บ้านเรเวนคลอตอนนี้มั้ย”
ท่าทางเว่อร์วังของเพื่อนทำให้สองหนุ่มถึงกับส่ายหน้า
รู้สึกเหนื่อยใจกับนิสัยเล่นใหญ่ที่ไม่เคยแก้หายนั่นซักที
จอห์นนี่ใช้ช้อนคนโกโก้ในแก้วของตัวเองก่อนปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้น อีธานดูจะจริงจังกับเรื่องนี้มาก..และเขารู้ว่าทำไม
“ใครมันจะไปกล้าเผาคฤหาสน์พวกเลือดบริสุทธิ์กัน..มีแต่คนบ้าเท่านั้นล่ะที่กล้าทำน่ะ”
ยูยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
เขาซดโกโก้รวดเดียวหมดก่อนนั่งเท้าคางมองเพื่อนสนิทที่ยังดูคิดไม่ตกกับข่าวนั่น
ในตอนแรกพวกเขาแค่นัดมาเจอกันที่นี่เพราะคิดถึง(?)ที่ไม่ได้เจอหน้ากันตลอดช่วงปิดเทอม
แถมอีธานยังบอกว่าจะไปซื้อหนังสือให้น้องชายอีก
ซึ่ง..ดูๆแล้วคงได้แค่สิงอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวัน
“แต่จะว่าไปนายควรสนใจการสอบส.พ.บ.ส.ที่ต้องสอบในปีนี้มากกว่าข่าวนั่นนะ”
จอห์นนี่ว่า เนื่องจากพวกเขาก็กำลังจะเข้าสู่การเรียนในโรงเรียนฮอกวอตส์ปีที่ 7
แล้ว มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเตรียมตัวสอบเพื่อที่จะได้เรียนจบ แน่นอนว่าจากคำบอกเล่าของรุ่นพี่..มันเป็นการสอบที่โหดหินมากที่สุดเท่าที่พ่อมดแม่มดอายุ
17 คนนึงจะได้เจอ
แค่คิดเขาก็รู้สึกท้อแท้ไปแล้ววันละหลายๆครั้ง
อีธานทำหน้าเบื่อหน่าย..เขาพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา
“อ๋อ..การสอบนั่นน่ะเหรอ”
“มีชีวิตชีวากว่านี้หน่อยก็ได้
ทำท่าเหมือนคนซังกะตาย”
“ฉันไม่ได้เรียนเก่งเหมือนนายนี่”
ชายหนุ่มอ้าปากหาววอดก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ พูดถึงเรื่องเรียนก็พาลไปคิดถึงเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งที่อยู่บ้านเรเวนคลอ
และป่านนี้คงกำลังอ่านหนังสือหรือฝึกปรือฝีมือในการปรุงยาอยู่แน่ๆ พวกเขาทั้ง 4 คนอยู่ปี
7 แล้ว..จึงเริ่มเคร่งเครียดกับหนทางในอนาคต
จะว่าไปยู จอห์นนี่
และเขาเป็นนักเรียนฮอกวอตส์บ้านกริฟฟินดอร์
ลืมไปแล้วเหมือนกันว่าทำไมถึงไปสนิทกับเด็กเรเวนคลอคนนั้นได้
โรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์จะจำแนกนักเรียนออกเป็น 4 บ้าน กริฟฟินดอร์
เรเวนคลอ ฮัฟเฟิลพัฟ และสลิธีริน
อนึ่ง..กลุ่มพวกเขาค่อนข้างเป็นที่รู้จักในฮอกวอตส์
จอห์นนี่เป็นพรีเฟ็ค ยูเป็นกัปตันทีมควิดดิช
และเขาก็เป็นซีกเกอร์มือดีของบ้าน..เรียกได้ว่ากลุ่มของพวกเขามีแต่คนเด่นคนดังแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ที่ใครๆก็อยากจะรู้จัก
และเป็นกลุ่มที่อาจารย์ค่อนข้างหมายหัวอยู่พอสมควร
พูดถึงบ้านกริฟฟินดอร์ก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
“ไอจอห์น”
“ว่า?”
“แล้วพี่เจสสิก้าจะแต่งงานเมื่อไหร่วะ
ใกล้แล้วนี่” จอห์นนี่มองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง คนตัวสูงที่สุดในกลุ่มกระแอมเบาๆก่อนยื่นซองจดหมายบางอย่างมาให้
กลิ่นของมันหอมฟุ้งคล้ายๆว่าจะเป็นกลิ่นดอกกุหลาบหรือดอกไม้ป่า
ดูก็รู้แล้วว่าเป็นบัตรเชิญไปงานแต่ง
“ก็จะเอามาให้อยู่พอดี”
เจสสิก้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของจอห์นนี่
เดิมทีตระกูลมอนทรีเอลเป็นตระกูลเลือดบริสุทธิ์..เว้นก็แต่จอห์นนี่ที่เป็นเลือดผสม
เพราะแม่ของเขาเป็นเพียงมักเกิ้ลหรือก็คือมนุษย์ธรรมดาที่ทำงานเป็นนางพยาบาล
เจสสิก้าเป็นเลือดบริสุทธิ์
พวกเขารู้จักเธอเพราะตอนที่พวกเขาเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ปีแรก ตอนนั้นเธอเป็นพรีเฟ็คบ้านกริฟฟินดอร์และเรียนอยู่ปี
6 พอดี พวกเราค่อนข้างสนิทกันด้วยนิสัยหลายอย่างที่เข้ากันได้
อืม..ก็อาจจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอเรียนจบใหม่ๆและทำตัวแปลกไปบ้าง
แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
ที่สำคัญ..เธอกำลังจะแต่งงาน!
“เคราเมอร์ลินเป็นพยาน! เชื่อเถอะว่าเมื่อก่อนฉันไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงอย่างเจสสิก้าจะมีโอกาสได้แต่งงาน
ก็ดูยัยนั่นสิ! ยัยนั่นดู..ไม่สนใจผู้ชาย”
ยูลูบคางตัวเองพลางนึกไปถึงการเจอกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
เธอยังดูไม่มีวี่แววจะคบกับใครเลยด้วยซ้ำ ตกใจอยู่เหมือนกันที่อยู่ๆจอห์นนี่ก็โผล่พรวดเข้ามาในเตาผิงแล้วบอกว่าเจสสิก้ากำลังคบกับผู้ชายคนนึงได้สามเดือนเศษ
รู้สึกเหมือนพ่อที่เห็นลูกสาวกำลังออกเรือน
โอ้ แต่เจสสิก้าอายุมากกว่าพวกเขานี่นะ
“21 สิงหาคม แนะนำว่าให้ใส่ชุดหล่อๆไปนะ เดี๋ยวจะขายหน้าเอา” จอห์นนี่ว่าก่อนจะหันมามองอีธาน
ดูๆแล้วคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คงไม่พ้นชายหนุ่มที่เกิดจากมักเกิ้ลคนนี้ซึ่งปกติคงไม่ได้ออกงานพบปะสังคมของพ่อมดแม่มดมากนัก
อีธานทำหน้าหน่ายๆ
“ฉันมีชุดน่า”
“ถ้าไม่มียืมฉันได้นะ”
“บ้านฉันรวย”
ยูกับจอห์นนี่มองหน้ากันก่อนที่พวกเขาจะหลุดหัวเราะก๊ากออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
นี่พวกเขาลืมไปได้ยังไงกันนะว่าในโลกของมักเกิ้ล..ตระกูลฟรอสต์ก็ถือเป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากขุนนางอังกฤษตระกูลหนึ่งซึ่งร่ำรวยอยู่พอสมควร
ไม่น่าเลย..ไม่น่ามีลูกเกิดมาเป็นเจ้าทึ่มถึง 2 คน (ในที่นี้หมายถึงทั้งอีธานและน้องชายของมันอย่างลูคัส..)
มันน่าเหลือเชื่อจริงๆที่ครอบครัวมักเกิ้ลจะให้กำเนิดลูกชายที่เป็นผู้มีพลังเวทมนตร์ถึง
2 คนด้วยกัน
จอห์นนี่แอบคิดว่าจริงๆแล้วบรรพบุรุษตระกูลฟรอสต์อาจเคยเกี่ยวดองกับพ่อมดแม่มดซักตระกูลหนึ่งก็เป็นได้
พวกเขาพูดคุยอะไรกันอีกเล็กน้อยก่อนจำใจต้องบอกลาเพราะท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี
ได้ยินเสียงยูตะโกนแว่วๆว่าเจอกันในงานแต่งของเจสสิก้า
และอีธานก็ทำได้เพียงยิ้มรับเท่านั้น
เขาพาเจ้าเรลิกซ์กลับมาบ้าน
ทันทีที่เปิดประตูก็เห็นอาแท้ๆกำลังเดินลงมาจากบันไดด้วยความเร่งรีบ
เธอคาบขนมปังไว้ในปาก ในมือข้างหนึ่งมีนมจืดหนึ่งกล่อง ส่วนมืออีกข้างก็หอบกองหนังสือและกองเอกสารมากมาย
“ดึกป่านนี้แล้ว
กำลังจะออกไปไหนหรือ ทิฟฟานี่?”
“ลูกค้าเรียกตัวด่วนน่ะสิ
แย่เลยน๊า อุตส่าห์คิดว่าจะได้นอนอยู่บ้านสบายๆแล้วเชียว”
เธอบ่นเสียงแหลมก่อนนำทุกอย่างไปใส่ไว้ในรถ ทิฟฟานี่เป็นน้องสาวของบิดาของเขาซึ่งเสียชีวิตไปพร้อมกับมารดาเมื่อ
2 ปีก่อน ถึงตระกูลฟรอสต์จะเป็นตระกูลสืบเชื้อสายขุนนางเก่า
แต่ในปัจจุบันนอกจากทรัพย์สมบัติพวกเราก็ไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์ติดตัวมาด้วย
เนื่องจากคุณปู่ของเขาไม่ใช่ลูกชายคนโต แม้พ่อกับแม่จะมีธุรกิจส่วนตัว..แต่เจ้าของก็คือคุณอาของเขา
หญิงสาวตรงหน้าพยายามหาเงินเลี้ยงพวกเขาให้กินดีอยู่ดี
นอกจากสาวรับใช้ในบ้าน..ครอบครัวเราก็มีด้วยกัน
5 คน หนึ่งคือทิฟฟานี่ที่คอยหาเงินเลี้ยงดู สองคือแมกซ์..แฟนหนุ่มของเธอ
น้องชายของเขา 2 คนอย่างลูคัสและนาธาน และสุดท้ายก็คือเขา เขาจำได้ดีว่าพ่อแม่และอาของเขาตกใจแค่ไหนที่จู่ๆก็มีจดหมายจากฮอกวอตส์ส่งตรงมาถึงบ้าน
แถมยังไม่ใช่แค่เขาคนเดียว..ในพี่น้องสามคนมีเพียงนาธานที่เป็นมักเกิ้ลธรรมดา
“ตั้งใจทำงานนะ”
เขาพูดแบบขอไปทีก่อนเตรียมตัวเดินขึ้นไปบนห้อง
แต่แขนแกร่งก็ถูกคว้าเอาไว้ก่อนด้วยมือของสาววัยสามสิบกว่าๆ เธอมองเขาตาเขียว
“ฉันเป็นอาของเธอนะจ๊ะอีธาน ไหน..พูดกับฉันใหม่ซิ เติบคำว่า ครับ ด้วยนะ”
“ตั้งใจทำงานนะ..ครับ”
“ดีมาก”
เธอยิ้มอย่างพอใจก่อนวิ่งแจ้นขึ้นรถไปโดยมีสารถีขาประจำก็คือสามีของเธอ เด็กหนุ่มกรอกตาไปมา..เขาเดินเข้าห้องสวนทางกับลูคัสซึ่งกำลังออกจากห้องของเขาพอดี
พวกเราทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่คนเป็นพี่จะนึกอะไรขึ้นมาได้
เดี๋ยวนะ..ลูคัสออกจากห้องของเขา?
“ไอลูคัส!!”
darker than black
เรื่องในวันนั้นจบลงด้วยการที่น้องชายตัวแสบถูกเขกหัวอย่างแรง
จนน้องคนสุดท้องอย่างนาธานถึงกับรีบวิ่งขึ้นมาดูว่าเจ้าลูคัสมันตายรึยัง
จากคำบอกเล่าของเจ้าตัวแสบ..ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเข้าไปวางกับดักแกล้งเขา
แต่เขาดันจับได้เสียก่อน
ให้ตาย เล่นเป็นเด็กๆไปได้
รู้มั้ยว่าตอนเขาเล่าเรื่องนี้ให้ยูกับจอห์นนี่ฟังพวกมันแทบพุ่งไปจับมือกับเจ้าตัวแสบ
ดูเหมือนจะถูกใจมากที่นานๆทีจะมีคนกล้าหือกับอีธานก่อน
มือแกร่งจัดเนคไทสีดำให้เรียบร้อย
มองตัวเองในกระจกก็อดรู้สึกดีขึ้นมาไม่ได้
นึกขอบคุณฝีมือการแต่งตัวของน้องชายคนเล็กที่ทำให้เขาสามารถดูดีได้ขนาดนี้
แต่แน่ล่ะ..คนมันจะใส่ชุดแล้วดูดีได้ก็ต้องเกิดจากการหน้าตาดีก่อน
ภูมิใจจริงๆที่ตัวเองเกิดมาหล่อ ยืมขำกับความคิดนั้นก่อนหมุนตัวไปมาเช็คความเรียบร้อย
เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสนิทที่ทำจากเนื้อผ้าชั้นดี..กางเกงสีดำราคาแพงกับรองเท้าหนังที่มันเงาดูระยับ
ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตที่เคยยุ่งฟูก็ถูกเซตให้เป็นระเบียบ
ตามที่ตกลงกันไว้ผ่านทางจดหมาย..ดูเหมือนว่าจอห์นนี่จะเป็นคนมารับเขาแล้วพาไปที่งานแต่งพร้อมกัน
ส่วนยูนั้นสามารถใช้เครือข่ายผงฟลูได้เนื่องจากตระกูลอาร์ลิงตันเป็นตระกูลเลือดบริสุทธิ์
และเตาผิงของคฤหาสน์ของเจ้าตัวก็เชื่อมต่อกับคฤหาสน์ของตระกูลมอนทรีเอล
“มารับแล้วเพื่อนยาก”
จอห์นนี่โผล่พรวดมาจากหน้าประตูบ้าน เขาพยักหน้าก่อนเดินขึ้นไปนั่งบนรถของอีกฝ่าย
เมื่อปรับให้มันล่องหนได้แล้วก็ไม่รีรอที่จะขับมันเพื่อมุ่งหน้าไปสู่คฤหาสน์ตระกูลมอนทรีเอล
รถล่องหนเริ่มลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ วิวด้านล่างยังคงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ในสายตาของเขา
ใช้เวลาไม่นานมันก็ลงจอดได้โดยสวัสดิภาพหน้าคฤหาสน์ตระกูลมอนทรีเอล ด้านหน้าคฤหาสน์มีเอลฟ์ประจำบ้านและเด็กรับใช้คอยออกมาต้อนรับแขก
น้ำพุกลางสวนถูกจัดแต่งได้อย่างหรูหรา
ภายในก็ไม่น้อยหน้าเลยซักนิด..ทั้งอาหารและห้องโถงที่ใช้รับแขกถูกประดับประดาอย่างสวยงาม
สมกับเป็นตระกูลมอนทรีเอลไม่ใช่น้อย
ดูโคมไฟระย้านั่นสิ..มันใหญ่ซะจนเขาแอบคิดว่าหากมันตกลงมาจะต้องมีคนตายเพราะมันซักกี่ศพ
นัยน์ตาคมสอดส่องมองไปรอบๆ
กลางห้องโถงมีโต๊ะอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ทอดยาวไปไม่สิ้นสุด
หนึ่งในนั้นคือเค้กสีขาวที่ดูอลังการและไม่มีใครคิดจะแตะต้อง
ผู้คนในงานต่างแต่งชุดที่ดูหรูหรามีระดับ คิดว่าเกินครึ่งคงเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ไม่ก็เลือดผสม
คงไม่ค่อยมีลูกมักเกิ้ลคนไหนกล้ามางานแบบนี้..
โอเค
ยกเว้นเขาไว้คนนึง
“ในที่สุดพวกนายก็มา! แต่งตัวดูดีนี่อีธาน ไม่เหมาะกับหน้าเล๊ย”
ยูพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงก่อนหัวเราะเมื่อเขาตีหน้ายักษ์ใส่ “ฉันหล่อกว่านายอีก
รู้ไว้”
“หล่อครับบบบ
หล่อมากกกกกก”
ลากเสียงยาวอย่างกวนประสาทก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าข้อมือของเขาและจอห์นนี่เอาไว้
แล้วลากไปยังทิศทางหนึ่ง
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชายวัยกลางคนกำลังมองมาที่พวกเขาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร
“สวัสดีครับคุณมอนทรีเอล”
เขารีบโค้งตัวอย่างนอบน้อมทันที
คนๆนี้เป็นพ่อของจอห์นนี่..เขาทำงานอยู่ในกระทรวงเวทมนตร์
ตำแหน่งถือว่าใหญ่โตอยู่พอสมควร เพราะเขาเป็นลูกที่เกิดจากมักเกิ้ล คนๆนี้ซึ่งเป็นพ่อของเพื่อนสนิทจึงคอยดูแลและแนะนำอะไรหลายๆอย่าง
เรียกได้ว่าก่อนที่พ่อแม่เขาจะเสียชีวิต..อีกฝ่ายแทบจะมาสิงสถิตอยู่ในบ้านเขาตลอดปิดเทอมเลยก็ว่าได้
โอ้
ใช่..ส่วนหนึ่งคงเพราะอีกฝ่ายหลงใหลมักเกิ้ล แม้แต่ภรรยาของเขาก็เป็นมักเกิ้ล
เขามักพูดว่าชีวิตของมักเกิ้ลมันช่างน่าอัศจรรย์
“โอ้
อีธาน! ดีใจจริงๆที่เธอมา” เขายิ้มรับก่อนมองพ่อของเพื่อนที่เดินมาหาอย่างอารมณ์ดี
ชายวัยกลางคนพาเขาไปแนะนำให้พวกเพื่อนๆรู้จัก ก่อนที่อีกฝ่ายจะต้องไปต้อนรับแขกและจัดการธุระต่างๆให้เรียบร้อย
จึงตัดสินใจปล่อยให้พวกเขาไปหาอะไรทานแก้เบื่อ
แน่นอนว่าพวกเขาตัดสินใจไปรวมตัวกันอยู่ที่สวนหลังบ้านเนื่องจากต้องการหลบเลี่ยงความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง
เจ้าสาวคนสวยกับผู้เป็นเจ้าบ่าวยังคงไม่โผล่มาในงาน..เขาอยากรู้เสียเหลือเกินว่าเจสสิก้าจะเหมาะกับชุดแต่งงานขนาดไหน
“พอแต่งงานไปยัยนั่นคงไม่ไล่เตะสามีหรอกใช่มั้ย? สยองเป็นบ้า มือก็โคตรหนัก
อูย..ฉันยังจำตอนถูกตบครั้งแรกได้อยู่เลย”
คุณชายจากตระกูลอาร์ลิงตันทำหน้าสยอง
“ยัยนั่นเป็นรักแรกสมัยฉัน
11 ขวบเลยนะ!”
“ทุกคนเขารู้กันหมดแหละยู
รู้ด้วยว่านายถูกตบเพราะไปสารภาพรักตอนเธอกำลังอาบน้ำ”
จอห์นนี่ว่าก่อนหัวเราะเมื่อคนถูกกล่าวถึงหันมามองตาเขียว
ไม่รู้ว่าโกรธอะไร..ในเมื่อเจ้าตัวทำตัวเองทั้งนั้น
“จริงๆตอนนั้นฉันกับจอห์นนี่ยังไม่สนิทกับนายด้วยซ้ำ
แต่เพราะนายเล่นประกาศวีรกรรมซะกลางหอ พวกเราถึงได้รู้ไง”
ใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นมักเกิ้ลบอร์นกลั้นขำยามเมื่อนึกถึงวีรกรรมของยูซึ่งเจ้าตัวออกมาแฉเองกลางห้องนั่งเล่นของกริฟฟินดอร์
พวกเขานั่งคุยถึงวีรกรรมวัยเด็กของคุณชายตระกูลอาร์ลิงตันสมัยที่ยังไม่สนิทกับอีธานและจอห์นนี่ด้วยสีหน้าขำขัน
บรรยากาศสนุกสนานก่อตัวขึ้นก่อนจะหายไปเมื่อคุณมอนทรีเอลเดินมาบอกว่าถึงเวลาพิธีแล้ว
เจสสิก้ายังคงสวยเหมือนครั้งล่าสุดที่เจอกัน
ร่างบางสะโอดสะองในชุดแต่งงานซึ่งเป็นชุดเดรสเปิดอกยาวลากพื้น ผมสีน้ำตาลทองถูกดัดเป็นลอนและปล่อยสยายยาวจนถึงกลางหลัง
เธอดูงดงามราวกับนางฟ้าไม่มีผิด
“ไง
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“แต่งตัวสวยก็เป็นนี่”
“อะไรยะ!”
“เอาน่า
อย่าทะเลาะกันเลย วันนี้เป็นวันดีนะ”
คนเป็นเจ้าสาวเดินมาพูดคุยกับพวกเขานิดหน่อยก่อนดีดหน้าผากคนพูดมากอย่างยูไปทีหนึ่ง
ดูก็รู้ว่าคงหมั่นไส้ไม่ใช่น้อย และถูกห้ามทัพโดยจอห์นนี่ที่ใจเย็นที่สุดในกลุ่ม เธอส่งยิ้มให้พวกเขาก่อนเดินไปควงแขนพ่อของเธอเพื่อดำเนินพิธีต่อไป
หากบอกว่าพิธีที่จัดขึ้นนั้นช่างเรียบง่าย..มันคงเป็นการโกหก
เพราะไม่ว่าจะขั้นตอนไหน สวมแหวน ตัดเค้ก โยนช่อดอกไม้
ล้วนแต่ดูอลังการงานสร้างสมกับที่เป็นตระกูลมอนทรีเอลทั้งสิ้น
ครั้งหนึ่งจอห์นนี่เคยเล่าให้เขาฟังว่าโชคยังดีที่แม้ตระกูลมอนทรีเอลจะเป็นตระกูลเลือดบริสุทธิ์
แต่พวกเขาก็ไม่ได้รังเกียจพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลหรือคนที่เป็นมักเกิ้ล
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้พ่อและแม่ของจอห์นนี่ยังไม่ถูกกีดกันจากบ้านใหญ่ ถึงแม้ว่าตอนแต่งงานกันจะไม่ได้จัดพิธีอลังการเท่านี้ก็เถอะ
“พวกเขาดูมีความสุขดีนะ”
เขาว่าพลางหันไปมองคนสองคนซึ่งกำลังยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่จับมือกันตัดเค้กก้อนโต
มือของทั้งสองจับกันแน่นราวกับต้องการบอกให้รู้ว่าจะไม่มีอะไรในโลกมาพรากพวกเขาออกจากกันได้
รอยยิ้มเปี่ยมสุขของเจสสิก้าทำให้จอห์นนี่ซึ่งเป็นลูกพี่ลลูกน้องน้ำตาคลอ
เธอดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รอยยิ้มของเธอเจิดจ้าจนแม้แต่อีธานยังรู้สึกมีความสุขไปด้วย
หากแต่ในยามที่ทุกคนกำลังสนใจคู่บ่าวสาวในงาน..ใครบางคนก็กำลังแสยะยิ้มอยู่ในเงามืด
“ครูซิโอ!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด”
คาถากรีดแทงถูกร่ายโดยใครบางคนพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้น
และร่างของหญิงสาวซึ่งเป็นแขกผู้ร่วมงานคนหนึ่งที่ล้มลงไปจมกองเลือดต่อหน้าต่อตา
ทุกอย่างตกอยู่ในความวุ่นวายภายในเสี้ยววินาที
ราวกับว่าความสุขที่เอ่อล้นออกมาจากการตัดเค้กนั่นเป็นเพียงแค่ความฝัน
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งชวนให้รู้สึกอยากจะอาเจียน
เช่นเดียวกับใบหน้าที่ซีดเผือดของเจ้าสาวเจ้าของงานแต่ง
เพล้ง!!
โคมไฟระย้าตกลงมาท่ามกลางความวุ่นวาย
ผู้คนพยายามหนีออกจากที่นี่..ทว่าพวกเขากลับพบว่าประตูทางเข้าและทางออกทั้งหมดถูกปิดตาย
และที่สำคัญ..พวกเขาไม่สามารถใช้เวทมนตร์หนีออกจากที่นี่ได้
อีธานมองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยใจที่สั่นระรัวด้วยความกลัว
เหตุการณ์บางอย่างเมื่อ 2 ปีก่อนซ้อนทับจนรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งหัวใจ ทั้งเสียงกรีดร้อง
เสียงร่ายคำสาปพิฆาต เสียงร่ายคาถากรีดแทง เสียงการต่อสู้ เขม่าควัน..
และชีวิตของใครบางคนที่ต้องจบสิ้นลง
มือแกร่งสั่นจนน่าวิตก..เขาจับไหล่เพื่อนทั้งสองที่กำลังสติแตกเอาไว้ก่อนเอ่ยเสียงสั่น
“เจสสิก้า..อยู่ไหน”
“ใช่
เจสสิก้า ลืมเจสสิก้าไปเลย!” จอห์นนี่กวาดตามองไปทั่วงาน
เห็นแขกในงานวิ่งวุ่นกันเต็มไปหมด
แต่พวกเขากลับไม่เห็นเจสสิก้าเลย..ทั้งๆที่เธอควรจะโดดเด่นในชุดเจ้าสาวแท้ๆ
แต่เธอกลับหายไป! ดูนั่นสิ
เจ้าบ่าวของเธอยังดูกระวนกระวายและอยู่ไม่สุข
ทำให้พวกเขารู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายก็กำลังตามหาเธออยู่เช่นกัน
แต่ก่อนที่จะได้ก้าวเดินออกไปจากตรงนี้
ใครบางคนซึ่งซ่อนใบหน้าอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำสนิทก็ปรากฎตัวขึ้น ในมือของเขามีไม้กายสิทธิ์..ริมฝีปากที่แสยะยิ้มนั่นทำให้พวกเขารู้สึกขนลุก
ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับคาถากรีดแทงที่พุ่งไปทุกสารทิศ
พวกมันไม่ได้มีแค่คนเดียว!
พ่อมดแม่มดในงานทุกคนพยายามหยิบไม้กายสิทธิ์มาเพื่อร่ายคาถาใส่ศัตรู
หากทว่าพวกมันกลับไม่เกรงกลัว
ทุกคนพยายามตั้งสติแม้ว่าจริงๆแล้วในใจจะอยู่ในภาวะตื่นตะหนก
คงไม่มีใครคาดคิดว่าผู้เสพความตายจะบุกงานแต่งของตระกูลมอนทรีเอล เพราะพวกมันไม่ได้ก่อเหตุฆ่าใครมานานแล้วหลังจากที่ดาร์คลอร์ดคนก่อนได้ตายไป
“อีธาน
พวกมันเป็นผู้เสพความตาย”
“นายควรระวังตัวนะ..เอาไม้กายสิทธิ์มารึเปล่า”
“ฉันเอามาแล้ว
แต่..พวกเรายังหาเจสสิก้าไม่เจอ” เจ้าตัวว่าก่อนพยายามหลบพวกผู้เสพความตายและสอดส่องสายตามองหาเจ้าสาวของงานนี้อีกครั้ง
“อินเซนดิโอ!”
คาถาบทหนึ่งถูกร่ายขึ้นโดยผู้เสพความตาย..เปลวเพลิงถูกจุดขึ้นทันทีที่ไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่โต๊ะและเก้าอี้ซึ่งวางระเกะระกะ
อีธานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น..แต่คฤหาสน์ทั้งหลังกำลังถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ
มันคงเป็นฝีมือของผู้เสพความตายซักคน และจู่ๆประตูก็สามารถเปิดได้
แขกที่มาร่วมงานต่างพากันวิ่งหนีอลหม่านไปทางนั้น
เขาเห็นรอยยิ้มเยาะของพวกคนในชุดคลุมสีดำสนิทซึ่งยืนหยุดอยู่ที่เดิม
คนเหล่านั้นกวาดสายตามองเหยื่อ..และพุ่งไปจัดการทันทีที่เจอเป้าหมาย
มันเหมือนกับว่า..พวกเขาไม่ได้สุ่มฆ่า
แต่มีเป้าหมายแต่แรกว่าควรฆ่าใคร
“เฮ้ย! นั่น!”
ใครคนหนึ่งชี้ไปบนเพดาน..ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งห้อยอยู่กลางอากาศ
เธอดูไร้ชีวิต..และพวกอีธานจำเธอได้ดี
คงไม่ต้องถามถึงเจ้าบ่าวของเธอซึ่งกำลังกรีดร้องอย่างสติแตกเมื่อเห็นศพของเจ้าสาวตัวเองลอยอยู่ในอากาศ
ชุดแต่งงานโชกไปด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดง ใบหน้าของเธอซีดเผือด
มีรอยแผลเหวอะหวะอยู่เต็มไปหมด คิดว่าคงโดนคาถากรีดแทงมานับครั้งไม่ถ้วน
พวกเขารู้สึกเหมือนตัวชาไปทั้งร่าง..
เจสสิก้าอยู่ตรงนั้น..เธอสวมชุดแต่งงานที่ถูกย้อมด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดง
จอห์นนี่ดูช็อคจนพูดอะไรไม่ออก
ส่วนยูก็แทบไม่ขยับเขยื้อนเลยตั้งแต่เมื่อครู่ที่เห็นศพของรักแรกค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ
ทุกอย่างวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างกลายเป็นแบบนั้น
พวกแขกที่เป็นผู้ใหญ่ต่างพากันดันเด็กๆให้หนีออกไปจากงานให้เร็วที่สุด
ผู้เป็นเจ้าบ่าวในงานนี้ก็เช่นกัน..เขาถูกพ่อของจอห์นนี่ลากออกไปทั้งน้ำตา
แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ถูกคนในตระกูลมอนทรีเอลดันหลังให้หลบหนีจากผู้เสพความตายแล้วค่อยๆย่องไปที่ทางออก
วันนี้มันควรจะเป็นวันที่ดีของเจสสิก้าไม่ใช่หรือ?
อีธานคร่ำครวญในใจ..มันเหมือนกับพวกเขากำลังฝันดีแล้วจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นฝันร้ายกะทันหัน
พวกเขาพยายามวิ่งหนีออกไปจากที่นี่
หากแต่..ผู้เสพความตายคนหนึ่งกลับเห็นเขาเข้า
ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นผู้หญิง
แขนผอมบางของหล่อนมีตรามารประทับอยู่
นัยน์ตาของเธอสว่างวาบราวกับตาของสัตว์ในยามค่ำคืน ท่ามกลางเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่าง
เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้น
“ครูซิโอ!” คาถากรีดแทงถูกร่ายอีกครั้ง
โชคยังดีที่เขาเบี่ยงตัวหลบมันทันอย่างฉิวเฉียด
“กำจัดพวกเลือดสีโคลนให้หมด!!!”
เขาได้ยินหนึ่งในพวกมันตะโกนก้อง
จอห์นนี่และยูรีบวิ่งมาทางเขาด้วยความเป็นห่วง ทั้งคู่พยายามพาเขาออกจากที่นี่
พวกเลือดสีโคลนเป็นคำที่ใช้เรียกพวกพ่อมดแม่มดที่เกิดจากมักเกิ้ล
มันเป็นคำที่..แสดงให้เห็นถึงการแบ่งแยกชนชั้น การเหยียดหยามสายเลือด
อะไรทำนองนั้น และมันทำให้อีธานรู้สึกแย่
เพราะอีธาน..ก็เป็นพ่อมดที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นมักเกิ้ล
ในขณะที่พยายามวิ่งหนี
เขาก็ลอบมองกลับไปด้านหลัง..ผู้เสพความตายกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ฆ่าคนที่เกิดจากมักเกิ้ลซึ่งเข้าร่วมงานนี้
และนั่นรวมถึงเขาด้วย
ทว่า..ในมุมหนึ่งของห้องโถง
ท่ามกลางเขม่าควัน..นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่คุ้นเคยกลับสว่างวาบขึ้นมาราวกับนัยน์ตาของงู
ใครบางคนซึ่งปกปิดใบหน้าอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำกำลังยืนเอนหลังพิงกำแพงมองทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
นัยน์ตาคู่นั้นทำให้อีธานรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างชาวาบ
ก้อนเนื้อบริเวณหน้าอกข้างซ้ายแทบจะหยุดเต้น..
นั่นมัน..
“ครูซิโอ!”
“หลบ!!”
ผลั่ก!
ใครบางคนผลักเขาจนกระเด็นไปอีกทาง
หลบคาถากรีดแทงที่พุ่งมาได้อย่างฉิวเฉียด
เพราะความมืดทำให้อีธานมองเห็นอีกฝ่ายได้ไม่ชัดนัก
อีกทั้งผ้าคลุมสีดำที่อีกฝ่ายใช้ปกปิดใบหน้าก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกฉงน
ผู้เสพความตายควรจะกำจัดเขาไม่ใช่หรือ?
มันเป็นเรื่องที่สงสัยแต่ไม่ควรถามในตอนนี้
เขาถูกจอห์นนี่ดึงแขนออกไปจากคฤหาสน์
พร้อมกันนั้นที่ร่างของเจสสิก้าลุกโชติช่วงไปด้วยเปลวเพลิง
เขาหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า..ราวกับพึ่งหนีออกจากนรกมาได้ก็ไม่ปาน
เมื่อมองกลับไปก็พบเพียงคฤหาสน์ที่กำลังถูกแผดเผาด้วยไฟนรกเท่านั้น
ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
ไม่มีใครคาดคิดว่าเจสสิก้าจะต้องเสียชีวิต
ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้เสพความตายจะก่อเหตุอีกครั้งหลังจากที่หายไปนานกว่ายี่สิบปี
ผู้เป็นเจ้าบ่าวในงานแต่งครั้งนี้ดูราวกับคนที่จิตใจพังทลายไม่เหลือซาก
เขาทำท่าจะวิ่งเข้าไปในกองเพลิงนั่นจนคนรอบข้างต้องรีบมาห้ามไว้
อีธานขบกัดริมฝีปาก..นึกถึงวินาทีเฉียดตายของตนก็ได้แต่เสียวสันหลังวาบนึกหวาดวิตก
สุดท้ายแล้ว..เขาก็ไม่รู้ว่าใครคือคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้
แต่ว่า..
ใครบางคนที่เขาเห็นก่อนจะถูกร่ายคาถากรีดแทงใส่นั่น
......
เขาคิดว่าเขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
+++++++++
05/10/2018
คิดว่าน่าจะพอเดาอิมเมจตัวละครกันได้
เพราะเราพยายามให้ชื่อในเรื่องใกล้เคียงกับชื่อจริงของศิลปินค่ะ เช่น อีแทยง -
อีธาน ฟรอสต์ นากาโมโตะ ยูตะ – ยู อาร์ลิงตัน จอห์นนี่ ซอ – จอห์นนี่ มอนทรีเอล เป็นต้น
แต่งยากจริงๆค่ะ
TT
แค่ตอนเดียวรู้สึกเหนื่อยเหมือนเค้นพลังงานทั้งชีวิตมาใช้เลย ฮืออ
พยายามบิ้วตัวเองหนักมากด้วยการดูแฮร์รี่หลายๆรอบ ไม่ก็หาหนังแนวแฟนตาซีเวทมนตร์ดู
อีกอย่างคงเพราะไม่เคยแต่งแนวนี้ด้วยมั้ง TT
ใครมีหนังแนวแฟนตาซีแนะนำบ้างคะ
การ์ตูนก็ได้ อยากดูจริงๆ นี่พยายามบิ้วอารมณ์ตัวเองให้แต่งฉากร่ายคาถาได้
แต่เหมือนจะยากไปนิด T^T
ถ้ามีข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดสามารถบอกได้นะคะ ถ้าเจอคำผิดก็แจ้งได้
เพราะบางทีเราก็เบลอๆเหมือนกัน แง
ปล. ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้น ขอบคุณมากค่ะ ><
ความคิดเห็น