ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    YESTERDAY ❥ Taeten Jaeten Allten {os/sf}

    ลำดับตอนที่ #7 : (sf) Because of you – Taeten

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 805
      21
      19 เม.ย. 61

     

    Title : Because of you

    Author : LittleG

    Pairing : Taeten

    Request by : -

    About it : ฟิคสั้นเซตนี้มีทั้งหมด 4 ตอนนะคะ คือ Back to you / Sorry that I walked away / Because of you / Stay in my life แนะนำให้อ่านให้ครบจะได้อรรถรสมากกว่าค่ะ

    ตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายนะคะ โดยจะเล่าเหตุการณ์ออกมาให้อยู่ในมุมมองของแทยงค่ะ! และในที่สุดก็จะจบเซตนี้ไปได้อย่างสวยงาม ;_; แนะนำให้ค่อยๆอ่าน ค่อยๆซึมซับความรู้สึกของตัวละครนะคะ

              ไหนๆก็ตอนจบแล้ว เราอยากจะบอกว่าทั้ง 4 ตอน เราได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง 4 เพลงค่ะ นั่นคือ Back2u , Yestoday , Stay in my life (โดยแทยง โดยอง แทอิล) และเพลง Because of you (โดยแทอิล)ค่ะ และแรงบันดาลใจอีกอย่างคือคลิปไลฟ์ที่ลูคัสจับมือเตนล์ค่ะ (กรี๊ดดดด ตอนดูคือเขินมาก!) ประกอบกับสีหน้าแทยงตอนมองเตนล์ คือแบบ..พอพลอตผุดขึ้นมาในหัวก็รีบวางพลอตรีบแต่งทันที ;_;

    ปล. เรื่องทั้งหมดเกือบ 90% เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง โปรดใช้จักรยานในการรับชม

     

    - - - - - | | - - - - - | | - - -

     

     

     

             ปัง!!

     

              เสียงปิดประตูที่ดังสนั่นทำให้ลีแทยงสะดุ้งตื่นขึ้นมา..ดวงตาคมเหลือบมองน้องชายร่วมห้องผู้ซึ่งเดินดุ่มๆทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เขาหยัดตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก..อาการป่วยที่รุมเร้าทำให้รู้สึกปวดหัวเหมือนโลกหมุนเคว้งจนเกือบล้มไปเสียหลายครั้ง

     

              หากแต่เพราะคนตรงหน้า..

     

              เพราะคนตรงหน้าคือเตนล์

     

              แม้ว่าจะเดินแทบไม่ไหว..แต่ก็เป็นห่วงอีกคนเกินกว่าจะนอนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป ไหล่ของเตนล์สั่นมากเสียจนเขาต้องเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆ

     

              รู้สึกเจ็บปวด

     

              แจฮยอนโทรมาอีกแล้วเหรอ”

     

    เตนล์พยักหน้า แทยงหลุบตาต่ำ..ปิดซ่อนความรู้สึกที่กำลังฉายชัดในดวงตาเอาไว้ไม่ให้เตนล์รู้

     

              “เอาน่า น้องมันคงอยากได้กำลังใจนะ ไปถ่ายทำที่สตูดิโอคงเหนื่อย” ตบบ่าเล็กเบาๆ แล้วโน้มตัวลงกอดคนตัวเล็กที่สะอื้นหนักขึ้น แถวยังโผตัวเข้ากอดเขาแน่นจนเขารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

     

              แต่ไม่เป็นไร..เพื่อเตนล์เขาทนได้

     

              “แจฮยอนไม่เคยเข้าใจความรู้สึกผม เขาไม่ควรโทรมา..ไม่ควร” คนตัวเล็กสะอื้นฮักปานจะขาดใจ..ในขณะที่เขาก็ทำได้เพียงลูบหัวคนในอ้อมกอด พยายามปลอบใจไม่ให้ใครอีกคนร้องไห้หนักไปกว่านี้ อยากจะบอกว่าไม่เป็นไร..อยากจะโอบกอดเอาไว้ไม่ให้แหลกสลาย

     

              เตนล์ร้องไห้หนักเหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมา

     

              เขาลอบมองอีกคนอยู่บ่อยครั้ง พยายามลูบหัวลูบหลังหวังแค่ว่าอีกคนจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

     

              ใช่..เขาทำได้แค่นั้น

     

              ลีแทยงทำได้แค่นั้น

     

              ....

     

              เตนล์หลับไปแล้ว

     

              เขาจัดท่านอนให้เตนล์เพื่อที่คนตัวเล็กจะได้หลับสบาย ก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นมาเพื่อเดินกลับไปยังเตียงของตัวเอง

     

              ทว่า..

     

              ตุบ!

     

              ร่างทั้งร่างกับทรุดลงไปนั่งกับพื้นไร้เรี่ยวแรงจะก้าวเดินหรือแม้แต่ยืนก็ยังยากเกินไป

     

              แทยงแค่นหัวเราะในลำคออย่างแผ่วเบา เพียงแค่เห็นเตนล์ร้องไห้จะเป็นจะตายเขาก็ลืมอาการปวดหัวไปจนหมดสิ้น ลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังป่วย..เขาพยายามพยุงตัวเองขึ้นอย่างช้าๆ แม้ว่าจะรู้สึกปวดหัวหนึบจนแทบทิ้งตัวลงนอนบนพื้นให้รู้แล้วรู้รอด แต่..ด้วยลักษณะนิสัยส่วนตัวที่เกลียดความพ่ายแพ้

     

              เขาจะไม่ยอมมานอนกองอยู่บนพื้นแบบนี้

     

              ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออาการป่วยจนหมดรูป

     

              ความพ่ายแพ้เพียงอย่างเดียวที่เขายอมรับ..คือเรื่องของเตนล์

     

              เขาคลานกลับไปที่เตียงด้วยความทุลักทุเล หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา..เหม่อมองรูปคู่ของเขากับคนตัวเล็กที่ถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่สมัยยังเป็นรุกกี้ก็ได้แต่ยิ้มบาง รอยยิ้มของเตนล์ที่สดใส..เป็นดั่งแสงอาทิตย์ของเขา

     

              แต่..ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ท้องฟ้าเริ่มหมองหม่น

     

              ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ดวงอาทิตย์ของเขาไม่ส่องแสงเจิดจ้าอีกต่อไป

     

              ตั้งแต่เมื่อไหร่..ที่เตนล์เริ่มมีน้ำตา

     

              เขาปิดโทรศัพท์ลง..วางมันไว้ที่หัวเตียงแล้วปิดเปลือกตาลงเพื่อพักผ่อน

     

    จนกระทั่งในเวลาเที่ยงคืน..เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กที่นอนอยู่เตียงข้างๆกันยังคงอยู่ในห้วงนิทราก็ถอนหายใจ เขาจัดการห่มผ้าให้คนตัวเล็กหลังเห็นมันกองอยู่ตรงปลายเตียง ก้าวขาเดินตรงไปยังประตูเมื่อรู้สึกว่าอาการป่วยของเขามันทุเลาลงพอสมควร..

     

    แจฮยอนยืนอยู่ตรงหน้า

     

    เจ้าเด็กตัวขาวที่เป็นสาเหตุของน้ำตานั่น

     

              “แทยงฮยอง ผมขอเข้าไปหาเตนล์ฮยอ---“

     

              “ไม่ แจฮยอน..ฉันจะไม่ปล่อยให้นายเข้าไป” เขาพูดแทรกขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าเจตนาของแจฮยอนคืออะไร เงยหน้าขึ้นสบตากับรุ่นน้องคนสนิทด้วยสายตาที่ฉายแววจริงจังเหมือนกับทุกครั้ง เขาปล่อยให้แจฮยอนเข้าไปไม่ได้..ไม่มีทาง

     

              “แต่ผม..” นัยน์ตาของเด็กตัวสูงสั่นไหว

     

              “เตนล์ร้องไห้”

     

              แทยงกำมือแน่นเมื่อพูดประโยคนี้ออกมา แต่เขาก็พยายามกลั้นความรู้สึกร้อนรุ่มในอกที่อยากจะฉีกคนตรงหน้าเป็นชิ้นๆ พยายามกล่อมตัวเองให้ใจเย็น..อย่าให้ความโมโหครอบงำทุกๆสิ่ง

     

              “ผม..”

     

              “อย่างน้อย..นายควรรอให้เตนล์ตื่นก่อน” แจฮยอนนิ่งไป..

     

              “ครับ ผมจะรอ”

     

              เขาพยักหน้ารับแล้วเดินไปดูหนังกับพวกยูตะที่นั่งล้อมวงกันอยู่เต็มโซฟาและพื้น เขาหย่อนตัวนั่งลงข้างๆเพื่อนรักอย่างจอห์นนี่..สายตาจับจ้องไปยังจอแก้วทว่าจิตใจกลับล่องลอยไปไกลแบบกู่ไม่กลับ

     

              ได้ยินเสียงเปิดประตู

     

              ก็รู้ตัว..ว่าแจฮยอนคงแอบเข้าไปในห้องของเขาและเตนล์เหมือนที่เคยทำมาโดยตลอด

     

              เขาน่ะ..รู้จักทั้งคู่ดียิ่งกว่าใคร

     

              มือแกร่งกำแน่นจนเห็นเส้นเลือด ไอยูตะที่นั่งอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืนหันหน้ามาตบบ่าเขาจนดังแปะๆ มันชี้ไปที่ห้องของมันซึ่งไม่มีใครอยู่เพราะเจ้าของห้องทั้งสามคนมากองกันอยู่ตรงห้องนั่งเล่นจนหมด

     

              “กูรู้ว่ามึงโกรธ ถ้าไม่พอใจ..ห้องกูเลยเพื่อน อาละวาดได้เต็มที่..แต่เก็บกวาดเองนะ”

     

              “เออ ขอบใจ” กอดมันไปหนึ่งทีก่อนเดินเข้าไปในห้องของเพื่อนรักอย่างว่าง่าย อย่างแรกที่ทำในทันทีที่เดินเข้าไปคือกดล็อคห้องให้เรียบร้อย คว้าหมอนและของต่างๆขึ้นมา..ใส่อารมณ์โยนมันอย่างแรงจนกระจัดกระจายไปทั่วห้อง ไม่เว้นแม้แต่สิ่งของต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น

     

              “โธ่เว้ย!

     

              เขาไม่ใช่คนที่โมโหแล้วชอบทำลายข้าวของ

     

              แต่ทั้งหมดนี่..เตนล์คือต้นเหตุ

     

              เตนล์ยังคงเป็นข้อยกเว้นสำหรับเขาเสมอ

     

     

     

     

     

              แทยงค่อนข้างจำวันนั้นได้ดี..มันเป็นวันที่เขาไปพูดคุยเรื่องบางอย่างกับแจฮยอน

     

             เขาจำได้ว่าวันนั้นตัวเองเดินตามเตนล์ออกมาจากในหอ..เขาได้ยินตั้งแต่เตนล์บอกแทอิลฮยองว่าจะออกมาหาเพื่อนข้างนอก

     

    เพื่อนอะไรล่ะ..นอกจากพวกเขาแล้วเตนล์ก็ไม่มีเพื่อนชาวเกาหลีคนอื่นหรอก บอกแล้ว..เขารู้จักเตนล์ดีกว่าที่เตนล์รู้จักตัวเองเสียอีก

     

    ออกไปหาเพื่อนข้างนอกงั้นเหรอ..? มันไม่ใช่คำโกหกที่เนียนเลยสำหรับเตนล์

     

    เขาเดินตามเตนล์ตั้งแต่ออกจากหอจนคนตัวเล็กเดินผ่านหน้าร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ข้างในมีฮันซลฮยองซึ่งไม่ได้เจอกันนานนั่งอยู่โดยบังเอิญ..เตนล์เดินเข้าไปขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยซึ่งคนอายุมากกว่าก็ไม่ได้ขัดอะไร

     

             เขาอยากจะไปนั่งด้วยใจจะขาด

     

             แต่..เขาต้องเข้าบริษัท เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเมเนเจอร์ฮยองพึ่งโทรหาเขาให้เข้าร่วมการประชุมเกี่ยวกับการโปรโมตในครั้งหน้า

     

             จนเมื่อเวลาเกือบเย็นเขาเดินเข้าไปในห้องซ้อม..ในนั้นมีแจฮยอนที่กำลังซ้อมเต้นอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาทรุดตัวนั่ง..เห็นรุ่นน้องตัวขาวมองมาครู่หนึ่งก่อนหันกลับไปซ้อมเหมือนเดิม

     

             จนเมื่อเพลงจบลง..แทยงหยิบน้ำที่วางอยู่ข้างๆยื่นให้ใครอีกคนในห้อง ซึ่งแจฮยอนก็รับไว้แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขาทันที

     

             “แจฮยอน..”

     

             “ครับ”

     

             “มีอะไรจะปรึกษาฮยองรึเปล่า”

     

             .......

     

             แจฮยอนพูดเรื่องทุกอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจออกมา เล่าให้เขาฟังว่าอีกฝ่ายเจออะไรมาบ้าง เล่าให้ฟังถึงความเห็นแย่ๆเกี่ยวกับ ‘Jaeten’ ของพวกเนติเซ็นเกาหลี เล่าให้ฟังว่ามีคนกลุ่มหนึ่งพยายามโจมตีพวกเขาเพราะเชื่อว่าแจฮยอนกับเตนล์มีซัมติงกันจริงๆ คุณรู้ใช่มั้ย..ประเทศเกาหลีไม่ได้เปิดรับเรื่องเพศที่ 3 ขนาดนั้น

     

             แม้จะไม่ได้ประกาศให้โลกรู้ว่าเป็นอะไรกัน แต่ท่าทางที่สนิทกันเกินเพื่อนร่วมวงของเตนล์และแจฮยอนก็ทำให้กลุ่มคนบางพวกที่เดิมทีมีอคติต่อพวกเขาอยู่แล้ว เมื่อมีเรื่องให้ด่าก็พยายามใส่สีตีไข่เอามาพูดจาให้พวกเขาเสียๆหายๆ บั่นทอนจิตใจของพวกเขาไปไม่รู้จบ

     

    แจฮยอนเล่าให้เขาฟังแม้แต่ความคิดที่ต้องการจะเลิกกับเตนล์หลังคบกันมานานพอสมควร

     

             แทยงหยัดตัวยืนขึ้น..พยายามสะกดกลั้นความโกรธที่กำลังปะทุด้วยการกำมือให้แน่นที่สุดเท่าที่จะเคยมา

     

             “นายกำลังทำเตนล์เสียใจ”

     

             “แทยงฮยอง..ผมรู้ แต่ผมไม่สนใจสายตาของแฟนคลับไม่ได้”

     

             “นายก็แค่รักเตนล์เหมือนเดิม ดูแลเตนล์เหมือนเดิม แค่นี้มันยากตรงไหน? เตนล์รักนาย นายรักเตนล์ แค่นี้มันก็พอแล้วนี่”

     

             “ไม่ ฮยอง..มันไม่พอ พวกเรารักกันไม่ได้ มันไม่ถูก..ผมเป็นผู้ชาย เตนล์ฮยองก็เป็นผู้ชาย”

     

             เขาเงียบไป..กำมือแน่นขึ้นไปอีก เล็บจิกลงไปบนเนื้อหนังจนเลือดซิบ

     

             “รู้มั้ย แทยงฮยอง..ผมเคยคิดว่าเตนล์ฮยองเป็นโลกทั้งใบของผม”

     

             เตนล์ก็เป็นโลกทั้งใบของฉันเหมือนกัน

     

             “แต่หลังจากที่พวกเราเริ่มห่างกัน ผมเริ่มมีงานของตัวเอง..ในตอนนั้นผมเริ่มคิดว่ามันไม่ใช่”

     

             แล้วทำไมฉันถึงยังคิดล่ะ..ทำไมความรักของนายถึงได้เจอทางตันเพียงเพราะเรื่องแบบนี้ล่ะ ทำไมต้องไปสนคำพูดของคนอื่นล่ะ ทำไมล่ะ..แค่พวกฉันกับครอบครัวนายยอมรับเรื่องนี้ได้ก็โอเคแล้วนี่

     

             “เตนล์ฮยองไม่ใช่โลกทั้งใบของผมอีกต่อไปแล้ว”

     

             ครั้งนึงนายเคยแย่งเตนล์ไปจากฉัน ในเมื่อนายดูแลเตนล์ไม่ได้..ก็อย่าทำร้ายเตนล์ไปมากกว่านี้เลย ขอร้อง

     

     

     

     

     

             ต่อให้เตนล์กับแจฮยอนเลิกกัน

     

              เตนล์ก็ไม่มีวันเลือกเขาอยู่ดี

     

              “โถ่ เตนล์..บอกฝันดีฮยองหน่อยไม่ได้เหรอ” ลีดเดอร์ชั่วคราวอย่างเขากรอกเสียงลงในโทรศัพท์เสียงหวาน พยายามออดอ้อนให้คนปลายสายบอกฝันดีให้ได้โดยที่ไม่สนว่าเสียงของตัวเองตอนนี้จะตลกแค่ไหน

     

              [ฮยองอ่ะ..]

     

              “นะ..นะครับ”

     

              [คือ..งั้น ฝันดีครับ]

     

              “เยสสสสสสส” โห่ร้องอย่างดีใจจนคนอื่นๆในโรงแรมหันมามองกันเป็นแถว

     

              แต่ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน

     

              [ไง..เด็กดื้อ] เขาชะงักไป..เขามั่นใจว่าเตนล์ไม่ได้กำลังพูดกับเขา

     

              ก่อนหน้านี้เขากำลังโทรคุยกับเตนล์..แต่อยู่ดีๆก็เกิดเสียงดังตุบเหมือนคนปลายสายทำโทรศัพท์ตก

     

              [ฮยองนั่นแหละ..ที่ดื้อ] เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าที่เขาจำได้ดีว่าใครหลุดออกมาจากสาย แทยงมือสั่น..เขากำโทรศัพท์แน่น ได้ยินเสียงเตนล์หัวเราะในลำคอเบาๆ

     

              [ฮยองเหรอดื้อ? เปล่าซะหน่อย]

     

              [ผมไม่ชอบให้ฮยองคุยกับแทยงฮยองเลย..ผมหวง]

     

              แทยงกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ

     

              [รู้แล้วน่า แต่กับแทยงฮยองไม่มีอะ----ติ๊ด!]

     

              เขากดตัดสายทันทีเมื่อรู้ว่ากำลังจะมีคำพูดบาดใจหลุดออกมาจากคนตัวเล็กคนนั้น เตนล์คงคิดว่าเขาตัดสายไปแล้วถึงได้พูดออกมา..ไม่สิ ต่อให้รู้ว่าเขายังไม่ตัดสายเตนล์ก็ยังพูดแบบนี้อยู่ดี เพราะสำหรับเตนล์เขาคือพี่ชายคนสนิท..และเตนล์ก็คงคิดว่าตัวเองเป็นน้องชายคนสนิทของเขาเหมือนกัน

     

              ทั้งๆที่ไม่ใช่เลย..

     

              เขาไม่ได้อยากได้เตนล์เป็นน้องชายเสียหน่อย

     

              แต่มันก็ไม่ทันแล้วล่ะ..เพราะถึงเตนล์จะเลิกกับแจฮยอนไปเมื่อนานมาแล้ว

     

              แต่เตนล์ก็คบกับลูคัสแล้วเช่นกัน

     

              แทยงรู้..เตนล์ไม่ได้รักลูคัสหรอก คนตัวเล็กคนนั้นรักได้แค่จองแจฮยอนคนเดียว

     

     

     

     

     

              วันนั้นเป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์..วันเกิดของแจฮยอน

     

             ทางค่ายให้พวกเราไลฟ์สดผ่านทาง Vlive…พวกเราคงจะมีความสุขกับมันมากกว่านี้ หากไม่ใช่เพราะคนข้างๆเขาที่ดูหม่นหมองกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งพวกเราทุกคนก็พอจะรู้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร

     

             ท่าทางของเตนล์ทำให้แทยงต้องเหลือบมองหลายครั้งด้วยความเป็นห่วง

     

             ทั้งโอบไหล่ ทั้งจ้องตา ทั้งพยายามลูบหลังโดยไม่ให้ใครจับได้..

     

             เขาน่ะห่วงเตนล์ยิ่งกว่าใคร

     

             โดยเฉพาะตอนที่จอห์นนี่กับเจ้าของวันเกิดอย่างแจฮยอนเดินมาหลบอยู่หลังกล้อง..มันทำให้เขาต้องหันหน้าไปมองเตนล์ด้วยความเป็นห่วง เป็นอย่างที่คิด..แม้เตนล์จะกำลังพูดอะไรซักอย่าง แต่สีหน้าของคนตัวเล็กกลับดูไม่ดีเอาเสียเลย..

     

             สีหน้าของเตนล์แย่มากจนจอห์นนี่ที่หลบอยู่หลังกล้องถึงกับต้องทำไม้ทำมือเป็นเชิงขอให้เขาทำอะไรซักอย่างกับเตนล์ในตอนนั้น

     

             เขาหันไปมองหน้าเตนล์

     

             กำลังจะเอื้อมมือไปจับมือของเจ้าตัวเพื่อให้กำลังใจ..ทว่าก็ไม่ทัน

     

             มือใหญ่ของลูคัสเอื้อมไปกอบกุมมันก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร

     

             เป็นอีกครั้ง..ที่แทยงรู้สึกพ่ายพ้

     

             บอกแล้ว..เขาน่ะมีนิสัยที่ค่อนข้างเกลียดความพ่ายแพ้พอสมควร ความจริง..มันอาจจะเป็นลักษณะนิสัยที่ติดตัวเด็กทุกคนในค่าย SM ไปแล้วก็ได้

     

             แต่มีเพียงเรื่องเดียวที่เขายอมรับมัน

     

             ยอมรับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น

     

             เรื่องของเตนล์

     

             เหตุผลที่ยอมรับน่ะเหรอ?

     

             ไม่มีอะไรหรอก..

     

             ก็แค่มันเป็นเรื่องของเตนล์..นั่นล่ะเหตุผล

     

     

     

     

     

              เตนล์กับแจฮยอนกลับมาพูดคุยกันเหมือนเดิมแล้ว

     

              มันใช้เวลานานอยู่เหมือนกันว่าทั้งคู่จะพยายามทำตัวให้สนิทกันเหมือนเดิมต่อหน้าแฟนๆได้ ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย..เบื้องหลังนั้นทั้งคู่คุยกันเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ภาพที่เห็นจนชินตาคือแจฮยอนที่พยายามหาเรื่องคุยกับเตนล์ และเตนล์ที่ตอบบ้างตามมารยาทแต่หลักๆคือจะเดินหนี

     

              ลูคัสที่จ้องไม่วางตาอยู่ห่างๆ

     

              และแทยงที่มองบ้างเป็นระยะๆ

     

              แทยงรู้..เขารู้ดีว่าลูคัสรู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์แบบนี้ เจ้าเด็กโข่งนั่นกำลังกลัวว่าซักวันเตนล์อาจจะกลับไปหาแจฮยอน มันเป็นความคิดที่คาดเดาได้ง่ายๆเลย..เพราะถ้าเป็นเขาก็คงกลัวเช่นกัน

     

              เตนล์กับแจฮยอนน่ะรักกันมาก..รักกันจนพวกเขาไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์ที่ทั้งคู่เลิกกันจะเกิดขึ้น

     

              ไม่แปลก..ที่เด็กนั่นจะกลัว

     

              “เตนล์ ไปซ้อมได้แล้ว” ลีดเดอร์ของวงเดินดุ่มๆไปคว้าข้อมือของคนตัวเล็กท่ามกลางสายตาของแจฮยอนและแฟนเด็กของเตนล์อย่างลูคัสที่มองมาตาโตเท่าไข่ห่าน คนน่ารักของวงพยักหน้าอย่างมึนๆยอมเดินตามแรงลากไปอย่างว่าง่าย พวกเขาเดินไปทางไปยังบริษัทโดยใช้เวลาไม่นานนัก

     

              แทยงไม่อยากบอกหรอก..ว่าเขานึกขอบคุณทางค่ายแค่ไหนที่ยอมให้เขากับคนตัวเล็กได้โปรโมตคู่แบบนี้

     

              พวกเขาซ้อมกันจนดวงตะวันลาลับขอบฟ้า..ซ้อมสำหรับคอนเสิร์ตเดี่ยวของวงที่ใกล้เข้ามา

     

              เขาหยิบขนมที่ลงไปซื้อมาตอนที่คนตัวเล็กพักขึ้นมาชูตรงหน้าอีกคน ฉีกยิ้มบางก่อนบรรจงแกะมันแล้วยื่นให้คนตัวเล็ก ช็อกโกแลตที่เตนล์ชอบนักหนา..เจ้าตัวยิ้มรับอย่างยินดี มือบางนั่นหยิบขนมกินไม่หยุด เพราะช่วงนี้ทางเมเนเจอร์ฮยองขอให้พวกเขาไดเอต..แถมตารางงานก็รัดแน่นทำให้ไม่ค่อยมีเวลาพักหรือไม่ค่อยได้กินอะไรพวกนี้นัก

     

              เตนล์น่ะ..จะอารมณ์ไม่ค่อยดีถ้าขาดช็อกโกแลตนานๆ

     

              แทยงรู้ดี

     

              บอกแล้ว..เขารู้จักเตนล์ดีกว่าที่เตนล์รู้จักตัวเอง

     

              “ขอบคุณนะครับฮยอง” เจ้าตัวเล็กยิ้มกว้างจนตาหยีเป็นสระอิ หลังจากที่ได้กำลังใจดีก็ลุกขึ้นซ้อมต่อและไม่คิดจะหยุดพัก

     

              เขาหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว..มองไปยังคนตัวเล็กที่ขยับเรือนร่างตามเสียงเพลง

     

              ตัดสินใจหยัดตัวลุกขึ้น จับมือข้อเล็กนั่นไว้พร้อมมองอีกคนด้วยสีหน้าจริงจัง

     

              “เตนล์..”

     

              “ครับ?” คนตัวเล็กมองมาด้วยความมึนงง คงไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเขาถึงได้ลุกขึ้นมาจับข้อมือตัวเองแบบนี้ ร่างสูงกว่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

     

              “ไม่ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น..ขอให้นายมีความสุขมากๆนะ”

     

              “เอ๋..อ่า”

     

              “ฉันแค่อยากให้นายมีความสุขมากๆ”

     

    เตนล์ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่สดใสดุจแสงตะวันอีกครั้ง..ไม่ใช่รอยยิ้มอมทุกข์เหมือนที่ผ่านมา

     

              “ขอบคุณนะครับ แทยงฮยอง”

     

              แทยงเกลียดความพ่ายแพ้

     

              แต่เขาจะยอมรับมัน..ถ้านั่นเป็นเรื่องของเตนล์

     

              ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมารองรับ

     

            เพราะเป็นเรื่องของเตนล์..นั่นล่ะคือเหตุผลที่อธิบายการกระทำของเขาทั้งหมด

     

     

     

     

    ++++++++++

     

     จบแล้วค่ะๆ..ถึงจะยังดูงงๆ แต่นี่คือจบแล้วจริงๆ


              คำอธิบายสุดท้าย ตรงนี้สำคัญมากๆ เราขอบอกไว้ก่อนว่าด้วยความที่เราแต่งเป็นฟิคอิงวง ทำให้เราไม่สามารถกำหนดบทจบให้ตายตัวได้ มันกำหนดยากมากว่าจะให้จบแบบไหน เพราะไม่ว่าจะจบแบบไหนก็ต้องมีคนเจ็บแน่ๆ และมันส่งผลต่อตัววง nct ในเรื่องทั้งนั้น เราจึงเลือกที่จะจบแบบปลายเปิดค่ะ ให้ผู้อ่านไปจินตนาการต่อเองว่าเนื้อเรื่องจะเป็นยังไงต่อ (มาแชร์ๆกันได้นะคะว่าแต่ละคนคิดยังไง)

              อันนี้คือตอนจบที่เคยคิดเอาไว้ และสาเหตุที่ทำให้เราไม่เลือกมาเป็นบทจบของเรื่องนี้นะคะ

    แจเตนล์แตกหักกันไปเลย เตนล์คบกับลูคัส ขอให้เข้าใจว่าจะให้แต่งแบบนี้ก็ไม่ได้ มันดูโหดร้ายไป (เพราะตามหลักเมื่อคู่รักเลิกกันและจบกันไม่ค่อยสวยก็จะแตกหักกันไปเลย คงไม่กลับมาคุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว ยกเว้นไม่เคยรักกันแต่แรก) พอลองคิดว่าถ้าจบแบบนี้เมมเบอร์ในวงจะสภาพเป็นยังไง อันนี้คือส่งผลต่อตัววงแน่ๆค่ะ เป็นตอนจบที่อันตรายมาก

    ลูเตนล์เลิกกัน เตนล์กลับไปคบแจ แต่จะให้จบแบบนี้ก็เหมือนกรณีแรก ค่อนข้างโหดร้ายมาก อีกอย่างแต่งให้เตนล์ตัดสินใจไปแล้วว่าจะไม่กลับ จะให้กลับไปก็กระไรอยู่ ประเด็นคือจบแบบนี้ = จบไม่สวย ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์คนในวงมากกว่าแบบแรกอีก ;_;

    ลูเตนล์เลิกกัน เตนล์ไม่เลือกใครทั้งนั้น  ตายล่ะ..จบแบบนี้นี่ส่งผลกระทบหนักกว่าอันก่อนหน้านี้อีกนะคะ ;^; เพราะที่เราแต่งคือทั้งเตนล์ แจฮยอน ลูคัส แทยง ต่างคนต่างมีความรักประเภทที่เรียกได้ว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก (ถึงแจฮยอนจะทำผิดพลาดไปในตอนแรก..แต่ความจริงความรักที่แจฮยอนให้เตนล์คือประเภทนี้นะคะ ที่พลาดไปถือว่าเป็นบทเรียนละกัน TT) จะให้เตนล์ไม่เลือกใครทั้งนั้น แล้วแต่ละคนต่างคนต่างอยู่ไปเลย..ประเด็นคือแล้วความสัมพันธ์ของคนในวงคนอื่นล่ะ?

    คือความรักประเภทนี้เป็นอะไรที่ลืมยากมาก ฝังใจสุดๆ เหมือนให้ทั้งใจไปแล้วไรงี้ จะให้กำหนดตอนจบว่าต่างคนต่างอยู่ จนในที่สุดทุกคนก็ลืมแล้วกลับมาเป็นเพื่อนร่วมวงที่ดีต่อกันเหมือนเดิม..ไม่ไหวค่ะ ดูไม่สมเหตุสมผลเกินไป ตามหลักคือความรักประเภทนี้เมื่อจบลงต้องมีแผลในใจอยู่แล้ว (เหมือนเตนล์ที่ร้องไห้เพราะแจฮยอนแม้เลิกกันนานแล้ว) แถมเป็นแผลใหญ่ซะด้วย..และต่อให้แผลหายมันก็ต้องเหลือรอยแผลเป็น ซึ่งแผลเป็นนี่ไม่มีวันหายแน่ๆค่ะ ต่อให้กลับมาเป็นเพื่อนร่วมวงที่ดี แต่คงไม่สนิทกันเหมือนเดิมแล้วแน่ๆ ซึ่งถ้าจะให้จบแบบที่ตัววงห่างเหินกันแบบนี้มีหวังเราโดนแฟนๆน้องถล่มแน่ค่ะ TT_TT

    สุดท้ายนี้อยากบอกว่าการเลือกให้ตอนจบเป็นแบบนี้คือเราคิดดีแล้วค่ะ หากใครไม่พอใจขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ TT^TT

     

     

     

     

    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×