ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรมาจารย์จิตวิญญาณสะท้านภพ3

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่9 ภาค3 เพลิงพิษ

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 65


    ปึง!

    ไม่นานเจียงซือก็ถูกสยบ ร่างกระแทกลงกับพื้นจน เกิดเป็นหลุมใหญ่ ใบหน้าคลุกฝุ่นผมเผ้ารุงรัง น่าสังเวชยิ่งนัก

    ดวงตาของเขาแทบถลนออกมา ยังคงไม่อาจยอมรับผลลัพธ์ข้อนี้ได้ คำรามเดือดดาลพลางหยัดตัวขึ้น เพียงแต่ชั่วขณะนั้น ร่างของเขาพลันแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เหงื่อเย็นผุดท่วมหน้าผาก

    เนื่องจากกระบี่นภาครามสดใสราวกับทะเลสาบกระจกเจิดจ้าได้พาดบนลำคอของเขาเรียบร้อยแล้ว ขอเพียงเจียงซือกล้าขยับแม้แต่นิด ก็จะถูกตัดคอขาดสะบั้น!

    แพ้แล้ว!

    เจียงซือรู้สึกราวกับฟ้าถล่มลงมาจนสิ้น สีหน้าอึมครึม บิดเบี้ยวและสะบักสะบอม แค้นจนแทบกระอักเลือด

    “เจ้าไม่ได้พูดว่าจะฆ่าข้าเพื่อสำเร็จโทษหรอกหรือ เหตุใดกลับเป็นเจ้าที่จะถูกข้าจัดการเสียแล้ว.?” อิเตากล่าวถากถางเป็นระลอก

    สิ่งนี้ทำให้เจียงซืออับอายจนกลายเป็นโกรธอย่างถึงที่สุด ดวงหน้าทรวงอกร้อนวูบ เขาผู้เป็นอาวุโสใหญ่แห่งสำนักอักษรเทียนจงอันยิ่งใหญ่ ผู้ใดต่างมองเขาเป็นผู้กล้าไร้เทียบเทียม มากด้วยความมั่นใจและถือดีเต็มพิกัด ไม่เคยเห็นคนรุ่นเดียวกันคนใดอยู่ในสายตา

    ทว่าตอนนี้กลับถูกเด็กน้อยไม่กี่ขวบปีสยบอย่างน่าอนาถภายใต้ สายตาจับจ้องของธารกำนัล แรงโจมตีนี้หนักหน่วงเกินไป ทำเอาเจียงซือไม่สามารถรับได้ไปชั่วขณะ

    “ตามที่เจ้าว่าก่อนหน้านี้ ที่จะเอาชีวิตข้าข้าจะไม่ฆ่าเจ้าในตอนนี้ แต่จงตอบคำถามข้ามาตามความจริง แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปทันที” อิเตาลอยลงพื้นแผ่วเบา นัยน์ตาดำลุ่มลึกจับจ้องเจียงซือไม่วางตา

    ว่ากันตามจริง ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงซือต่อสู้ด้วยวิธีใช้พลังจิตโจมตี อิเตาก็คงไม่กำราบเขารวดเร็วขนาดนี้ เพราะความสามารถ ทางด้านจิตวิญญาณก็มิได้น้อยหน้ากว่าผู้ใดเนื่องจากเป็นเพราะฉินหนานได้มอบวารีวิเศษนามน้ำจิตวิญญาณให้กับอิเตาได้ดื่มกินทุกวัน

    อย่างไรเสียเจียงซือคนนี้ก็ทรงพลังมากจริงๆ เป็นระดับผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งเท่าที่อิเตาเคยพบมา ตั้งแต่ก้าวสู่ระดับเต๋าแท้จริง ยกเว้นพวกเหล่าพี่น้องและสหายของตน

    แต่ว่า พูดเรื่องพวกนี้ในตอนนี้ก็มิได้มีความหมายเท่าใดนัก

    ในสายตาของทุกคน ขั้นตอนไม่สำคัญ ที่สำคัญมีเพียงแค่ผลลัพธ์เท่านั้น นี่ก็คือความเป็นจริง

    เจียงซือไม่ได้เตรียมตัวมาเป็นผู้แพ้เลยสักนิด ดังนั้นตอนที่ได้ยินถ้อยคำของอิเตา ภายในใจเขายิ่งย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ เคียดแค้นไม่ยินยอมถึงที่สุด

    อิเตาไม่แยแสสภาพจิตใจของเขาสักนิด ถามออกไปตรงๆ ว่า “บอกข้ามา เจ้าเป็นคนใช้เพลิงพิษของพวกสำนักมารโลหิตทำร้ายท่านเจ้าสำนักแล้วโยนความผิดให้กับอาจารย์และข้าใช่หรือไม่”

    นัยน์ตาของเจียงซือหดรัดลง สีหน้าปรวนแปรไม่สงบ

    ขณะที่เขาจะเอ่ยอะไรบางอย่าง อิเตาก็กล่าวขึ้นมาเสียก่อน

    “ไม่จำเป็นต้องตอบแล้ว ข้ารู้คำตอบแล้ว คำถามข้อที่สอง เจ้าเข้าร่วมกับสำนักมารโลหิต ตั้งใจจะใช้พื้นที่ของสำนักอักษรเทียนจง ที่มีความเป็นมานับหมื่นปี เป็นที่ซ่องสุมกำลังของพวกมัน ใช่หรือไม่”

    ครั้งนี้เจียงซือกลับตอบคำถามอย่างรื่นรมย์ กล่าวแค่นเสียงเย็นชา “เจ้านับเป็นตัวอะไรกัน คู่ควรให้ข้าต้องตอบคำถามด้วยหรือ หากว่าข้าทำร้ายเจ้าเหลียนเซิงจริงๆเจ้ามีหลักฐานอะไร.?”

    “ไม่ตอบงั้นหรือ” อิเตาขมวดคิ้ว

    เพี๊ยะ..!!

    เพี๊ยะ..!!

    พรูด..!!

    อิเตาไม่พูดพร่ำผนึกพลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดิน สะบัดหลังมือตบไปที่แก้มซ้ายขวาเจียงซืออย่างบรรจงและ ถนัดชัดเจน

    สาเหตุที่อิเตาใช้พลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินในการลงมือก็เพราะรู้ดีว่าเจียงซือ เป็นถึงผู้บ่มเพาะระดับเต๋าแท้จริงย่อมมีร่างกายที่แข็งแกร่งและมีเต๋าล้อมรอบกายเป็นธรรมดา หากใช้พลังทั่วไปก็ไม่อาจระคายผิวของเจียงซือได้

    เหล่าศิษย์แห่งสำนักอักษรเทียนจงนับหมื่นที่หลงผิดเข้าใจว่าคังซือหลิงนั้นทำร้ายเจ้าสำนัก เมื่อได้ยินสิ่งที่อิเตาถามก็ถึงกับฉุกใจคิด ต่างวิจารณ์กันไปต่างๆนานา

    “หรือว่าการที่อิเตาไม่ยอมแพ้ กลับมาล้างมลทินให้กับอาจารย์และตนเองนั่นเป็นเพราะไม่ได้ทำจริงๆ.?”

    “จะว่าไปข้าก็เพิ่งนึกได้ว่านอกจากผู้อาวุโสคังซือหลิง ที่บ่มเพาะพลังธาตุเพลิง แท้จริงแล้วผู้อาวุโสใหญ่เจียงซือก็บ่มเพาะพลังธาตุเพลิงเช่นกัน”

    “ใช่ๆ แล้วด้วยอำนาจที่มีอยู่ในสำนักของผู้อาวุโสใหญ่ใครจะกล้าตั้งข้อสงสัยกัน”

    “ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อว่าผู้อาวุโสใหญ่เข้าร่วมกับสำนักมารโลหิต”

    “นี่พวกเราใส่ความผิดคนมาตลอดเลยหรือนี่”

    “นั่นสิแต่ว่าข้านั้นสงสัยจริงๆ ว่าแท้จริงแล้วศิษย์พี่อิเตามีการบ่มเพาะเช่นไรเหตุใดถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้.??”

    “พวกเจ้าอย่าพูดดังไปดูนั่น ศิษย์พี่อิเตาเคลื่อนไหวอีกแล้ว..!!”

    พลันเห็นอิเตาสาวเท้าก้าวเดินไปหาเจียงซือพลางกล้าวเสียงเรียบ

    “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูด ข้ามีวิธีที่จะหาหลักฐานจากเจ้า”

    พรึบ..!!

    กล่าวจบพลันปรากฎเปลวเพลิงสีแดงฉานเปล่งประกายสะเก็ดสีทอง สดใสราวหินหนืดใจกลางภูเขาไฟที่เดือดพล่าน เปลวเพลิงนี้แผ่รังสีคลื่นความร้อนรุนแรงเสียจนห้วงอากาศรอบข้างบิดเบี้ยว ประหนึ่งดวงอาทิตย์ที่ให้แสงสว่างใจกลางจักรวาล

    เปลวเพลิงอันร้อนแรงลุกโชนท่วมทั่วร่างกายของอิเตา ทว่ากลับมิได้ทำอันตรายใดๆต่ออิเตาเลยแม้แต่น้อย

    ‘แก่นเพลิงสุริยะดารา’

    แก่นเพลิงสุริยะดารา แก่นเพลิงลำดับสองในร้อยอันดับจากบันทึกเก่าเกี่ยวกับแก่นเพลิงวิเศษแห่งจักรวาล อิเตาได้เก็บเกี่ยวมาจากเตากำเนิดเพลิงมรรคภายในแม่น้ำจิตนิพพานซึ่งได้รับวาสนามาครอบครอง

    เมื่ออยู่ต่อหน้าอิเตาที่ปลดปล่อยแก่นเพลิงสุริยะดาราออกมา ทำให้เพลิงพิษที่เจียงซือเก็บซ่อนไว้ถูกกดดันให้เผยออกมาลุกโชนท่วมร่างกายชายชรา

    พรึบ..!!

    ฟูม..!!

    เพลิงพิษสีดำทมิฬราวกับสีของน้ำหมึก แผ่กลิ่นแห่งความตายออกมาประหนึ่งเพลิงในนรก

    ‘เพลิงพิษ’ เปลวเพลิงระดับสูงแต่ไม่เทียบเท่ากับแก่นเพลิงวิเศษ แต่กลับหาได้ยาก ส่วนมากจะหวงแหนกันในตระกูล และมีแต่ผู้ที่ศึกษาเรื่องพิษจะใช้กันอย่างแพร่หลายเพราะว่าเป็นเพลิงที่สามารถแบ่งให้กันไปบ่มเพาะได้ไม่จำกัด ทว่าจะต้องมีพลังมากพอที่จะหลอมรวมมิเช่นนั้นจะถูกเพลิงพิษกลืนกินเผาผลาญเป็นเถ้าถ่าน

    ในตอนนี้เพลิงพิษของเจียงซือกลับมีท่าทางหวาดกลัว ราวกับลูกกวางพบราชสีห์ เมื่อเจอกับแก่นเพลิงที่ระดับสูงว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า

    จู่ๆ อิเตาก็กล่าวขึ้นว่า “ใช่เปลวเพลิงเช่นนี้หรือไม่ขอรับ..?”

    “อืม.!! เพลิงนี้แหละ..!!” เสียงตอบคำดังขึ้นทำเอาเจียงซือและเหล่าอาวุโสที่ติดตามสะดุ้งเฮือก แม้แต่เหล่าศิษย์ทั้งหมดก็หันมามองยังที่มาของเสียงน้ัน

    “คารวะท่านเจ้าสำนัก..!!”

    เสียงคารวะดังกึกก้องไปทั่วลาน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่เหลียนเซิงมาปรากฎตัวอยู่บนระเบียงซุ้มประตูทางเข้าสำนัก

    “หลายปีที่ข้าต้องทรมานกักตนรักษาตัว เป็นเพราะเจ้าสินะ..??”เหลียนเซิงกล่าวน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์

    เจียงซือที่ตกตะลึงเหม่อลอยพลันได้สติกล่าวเสียงอึกอัก “เจ้า..!! เจ้าหายดีแล้วเป็นไปได้อย่างไร..?”

    “เหอะ..!! เพลิงพิษกระจอกๆของเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าก็ไม่ต่างอะไรกับเปลวเพลิงบนหัวไม้ขีด” อิเตาอดมิได้ที่จะถากถาง

    เหลียนเซิงขมวดคิ้วกล่าวต่อ “ศิษย์พี่เจียงซือ นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะเรียกท่านว่าศิษย์พี่ เพียงเพราะเจ้าอยากเป็นเจ้าสำนักเช่นนั้นหรือถึงได้เข้าร่วมกับพวกสำนักมารโลหิตทำร้ายข้าใส่ความคังซือหลิงไล่ล่าศิษย์ผู้ภักดีทั้งหลาย”

    “ยังจะมีหน้ามาพูดอีก..!! หากไม่ใช่เพราะเจ้า มีหรือข้าจะมิได้เป็นเจ้าสำนัก เข้าสำนักมาทีหลังข้ายี่สิบปีอาจารย์กลับลำเอียงยกตำแหน่งเจ้าสำนักให้เจ้า”

    “ในคราแรกข้าคิดว่าท่านจะทำได้ดีเช่นกัน ช่วงที่ข้าเก็บตัวรักษาตน ท่านได้ทำหน้าที่แทนข้ามาหลายปี มีอำนาจเทียบเท่าเจ้าสำนัก

    แต่ท่านลองหันกลับไปดูสิในแววตาของเหล่าศิษย์มีทั้งสับสน สงสัย โกรธทึ้ง เคียดแค้น สิ่งเหล่านี้ไม่ควรมีอยู่ในแววตาของเหล่าศิษย์ที่เป็นอนาคตของสำนักด้วยซ้ำ ท่านจัดการเรื่องภายในสำนักอย่างไรถึงทำให้สำนักตกต่ำเช่นนี้

    และถ้าหากท่านเป็นเจ้าสำนักจริงๆ ที่ท่านร่วมมือกับสำนักมารโลหิตเช่นนี้ จะไม่ทำให้สำนักอักษรเทียนจงที่บรรพบุรุษได้ทุ่มเทสรรสร้างวางรากฐานมานับหมื่นปีต้องล่มสลายอย่างนั้นหรือ..??”

    ทุกคำพูดของเหลียนเซิงดังก้องกังวาลสะท้านทั่วลาน กระทบโสตเจียงซือจนมิอาจต่อคำ

    ฟึบ..!!

    ฟิ้ว..!!

    ไม่พูดพร่ำเจียงซือพลันตวัดหลังมือ ซัดเพลิงพิษลอบทำร้ายเหลียนเซิงโดยมิให้ตั้งตัวอีกครั้ง เพลิงพิษพุ่งทะยานเผาห้วงอากาศโดยรอบจนบิดเบี้ยว การลงมือครั้งนี้หมายจะเอาชีวิตเหลียนเซิงให้จงได้

    วูบ..!!!

    พรึบ..!!

    เพลิงพิษที่พุ่งออกไปจู่โจมเหลียนเซิง จู่ๆเพลิงนั้นก็วกพุ่งกลับมาหาอิเตาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าก่อนจะถูกแก่นเพลิงสุริยะดาราของอิเตาดูดกลืนออกมาจากร่างของเจียงซือหลอมรวมเข้าไปจนหมดไม่เหลือกลิ่นอายของเพลิงพิษในกายแม้แต่น้อย

    เจียงซือหวาดกลัวในใจ ก่อนหน้านี้เขาลืมไปว่าเพลิงพิษของตนถูกแก่นเพลินสุริยะดาราของอิเตาบีบคั้นกดดันให้ออกมาได้ นั่นก็เป็นเพราะแก่นเพลิงวิเศษสามารถดูดกลืนหลอมรวมเพลิงที่ระดับต่ำกว่าเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเองได้

    บัดนี้เจียงซือตระหนักแล้วว่าตนคาดผิดลงมือสะเพร่าไม่ทันคิด...

    น่าเสียดาย เวลานี้เขาไร้เรี่ยวแรงดิ้นรน ดั่งลูกไก่ถูกบีบคอแล้วหิวขึ้นมา เวลานี้อิเตาใช้ท่าเท่าเมฆาไร้ลักษณ์เข้าประชิดตัว จากนั้นร่างกายของเจียงซือก็ประหนึ่งท่อนไม้ถูกเขวี้ยงลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง

    กร๊อบ!

    เสียงระเบิดแตกของกระดูกดังออกมา เจียงซือเลือดไหลอาบทั่วร่าง ทั้งตัวพลันกระตุกอย่างรุนแรง เปล่งเสียงกรีดร้องทุรนทุราย

    การโจมตีนี้เหี้ยมโหดเกินไปแล้ว ทำให้ศิษย์และเหล่าอาจารย์ผู้อาวุโสทั้งหมดเห็นแล้วเจ็บแทนจนหวั่นใจ

    “ด้วยความสามารถแค่นี้ ก็พูดเหลวไหลหมายใส่ร้ายท่านอาจารย์และเอาชีวิตข้า?”

    อิเตาถอนหายใจคล้ายผิดหวังอยู่บ้าง หรือพูดได้ว่าไม่พอใจบางส่วน

    “ช่างเถอะ อย่างไรเสียที่นี่คือ สำนักอักษรเทียนจงของข้า สังหารเจ้าไปกลับจะทำให้โลกภายนอกคิดว่าพวกเราสำนักอักษรเทียนจงไม่รักใครสามัคคี เช่นนั้นก็ ทำลายปราณสลายการบ่มเพาะเจ้าทิ้งเป็นการลงโทษแล้วกัน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×