คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่16 ภาค3 อวี้ถาน
จากการพูดคุยของพวกเขา ทำให้ฉินหนานและพวกเข้าใจได้ว่าฮูหยินงดงามผู้นั้นนามว่าอวี้ถาน เป็นบุคคลรุ่นอาวุโสของสำนักบันทึกสวรรค์ โดยนางสืบเชื้อสายมาจากเผ่ากิเลนสวรรค์บรรพกาล
“เจ้าทั้งสองกลับมาแล้วก็ดี จากนี้ไปข้าจะไม่ให้ เจ้าต้องออกไปทนทุกข์อีกต่อไป” อวี้ถานทำสีหน้าเมตตา
“ผู้อาวุโสสาม นี่คือเหล่าสหายของพวกข้าขอรับ”
อวี้ถานเพิ่งรู้สึกตัวว่ามัวแต่พูดคุยสนทนา กลับละเลยพวกฉินหนานที่อยู่ข้างกาย ต้วนอี้กระวีกระวาดแนะนำทันที
“พวกท่าน นี่คือผู้อาวุโสสามแห่งสำนักบันทึกสวรรค์ของข้า”
“คารวะผู้อาวุโส” พวกฉินหนานคำนับ
อวี้ถานพยักหน้า เก็บรอยยิ้มที่แสร้งมีเมตตา สายตาที่มองฉินหนานและพวกเจือแววดุดันอย่างยากสังเกต ก่อนแววตานั้นจะอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นางเอ่ยปาก “ขอบคุณพวกเจ้ามากที่คุ้มครองพวกเขากลับมา สำนักของข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้า จะตอบแทนและชดเชยให้พวกเจ้าอย่างเต็มที่”
“ผู้อาวุโสสาม สหายเหล่านี้ส่งข้ากลับมา ไม่ใช่เพื่อการตอบแทนและชดเชยอะไรทั้งนั้นขอรับ” ต้วนอี้รีบเอ่ยแก้
ฉินหนานถอนหายใจในใจ เจ้าพวกโง่พวกนี้ เห็นชัดว่า พวกเขาฟังไม่ออกถึงความหมายแฝงในน้ำเสียงของอวี้ถาน
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” อวี้ถานยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า
“พวกเจ้าสองคนไปพักผ่อนด้านข้างก่อนสักประเดี๋ยว ข้ามี เรื่องอยากพูดกับเหล่าสหายของเจ้าเสียหน่อย”
ต้วนอี้และต้วนเทาอึ้งไป กลับเห็นฉินหนานกล่าวยิ้มๆ ว่า
“ไปเถอะ ข้าเองก็มีเรื่องอยากพูดกับผู้อาวุโสสามของ เจ้าอยู่พอดี”
เหล่าสหายของเจ้า...
ผู้อาวุโสสามของเจ้า...
บทสนทนานี่ฟังอย่างไรก็น่าอึดอัดชอบกล
น่าเสียดาย สองพี่ต้องสกุลต้วนกลับไม่ได้มีปฏิกิริยา ตอบสนอง พลันร้องอ้อหนึ่งที แล้วไปรอบนโขดหินห่าง ออกไปอย่างว่าง่าย
“ผู้อาวุโส เป็นท่านพูดก่อนหรือข้าพูดก่อนดี.?”
ในที่นั้นเหลือเพียงพวกเขาเก้าคน ฉินหนานถามเจือรอยยิ้ม ตั้งแต่พริบตาที่อวี้ถานปรากฏตัว เขาก็สัมผัสได้ว่าฮูหยินงดงามผู้นี้มีความคิดเห็นเป็นอื่นต่อตัวของพวกตน
เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะต้วนอี้เป็นฝ่ายปริปากก่อน นางจะต้องแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นการมีตัวตนของพวกตนเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นท่าทีที่ปฏิบัติต่อตน ก็แยกแยะชัดแจ้ง ค่อนข้างเฉยเมยอย่างเห็นได้ชัด
เห็นว่าฉินหนานพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้ แววดุดันในดวงตาของอวี้ถานก็ไม่มีการปิดบังอีกต่อไป จับจ้องฉินหนานและเหล่าพี่น้องพลางสื่อจิต
“พวกเจ้าพาศิษย์ของสำนักบันทึกสวรรค์ของข้า กลับมาส่ง สำนักข้าย่อมซาบซึ้งอย่างที่สุด จะต้องตอบแทนพวกเจ้าอย่างเต็มที่ แต่เจ้าโปรดจำไว้ นับแต่นี้ต่อไปเจ้ากับพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องใดๆกันอีก ทางที่ดีอย่าได้มีความ คิดเพ้อพกอื่นอีกเป็นดีที่สุด”
ความคิดเพ้อพก?” ฉินหนานเลิกคิ้ว
“คำพูดนี้ หมายความว่าอย่างไร”
อวี้ถานดูคล้ายไม่ใคร่สบอารมณ์ หว่างคิ้วเปี่ยมด้วยความเฉยชา
“อยากให้ข้าพูดตรงๆหรือ? ก็ดี..!! เจ้าควรรู้ว่าเวลานี้พวกเขาทั้งสองล้วนเป็นศิษย์ที่โดดเด่นเป็นอัจฉริยะแห่งสำนักโดดเด่นหาใดเปรียบ ซ้ำยังได้รับวาสนายิ่งใหญ่มาจากแม่น้ำจิตนิพพานใช่ว่าใครจะคบหาเพื่อผลประโยชน์ได้ตามอำเภอใจ ตอนนี้พวกเจ้าคงเข้าใจแล้วว่าควรทำอย่างไร”
ฉินหนานเงียบงัน
คำพูดของอวี้ถานตรงไปตรงมามากพอจริงๆ บอกเขาชัดเจนว่าอย่าได้มีความคิดทะเยอทะยานเลยเถิด หวังจะแบ่งปันวาสนาทรัพยากรที่ต้วนอี้และต้วนเทาได้รับมา
เพียงแต่....
ในใจของฉินหนานและอิเตากลับมีความโกรธกรุ่นที่ไม่ สามารถบรรยายออกมาได้
แรกเริ่มเดิมที พวกเขาทั้งสองคบหาต้วนอี้และต้วนเทาเป็นสหายก็เพราะนิสัยใจคอที่มีความซื่อสัตย์ ซ้ำยังรู้ถึงความเป็นอยู่ที่ไม่สู้ดีในสำนัก แม้กระทั่งหยิบยื่นทรัพยากรล้ำค่าเคล็ดวิชาต่างๆ จนทั้งสองสามารถพิชิตแม่น้ำจิตนิพพานได้พร้อมตน ตลอดทางก็ไม่เคยมีความคิดแสวงหาผลประโยชน์จากทั้งสองมาก่อน!
ทว่าตอนนี้ตนเพิ่งมาถึง ก็ถูกคนเอ่ยเตือนเช่นนี้ จะไม่ให้ฉินหนานโกรธได้อย่างไร
นี่เห็นเขาฉินหนานเป็นตัวอะไรไปแล้ว
ทว่าท้ายที่สุดฉินหนานก็ยังข่มเอาไว้ อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นผู้อาวุโสของสำนัก ถึงจะบอกว่าไม่สุภาพต่อตนมาก ทว่าทั้งหมดก็ทำไปเพราะหวังดีต่อสำนักและทั่งสองมิให้ใครมาแสวงหาประโยชน์ ฉินหนานไม่อยากไปถือสาอะไรเช่นกัน
“วางใจเถิด ระหว่างพวกข้ากับต้วนอี้ ต้วนเทา คบหากันเป็นสหายไม่ได้มีอะไรเลยแม้แต่น้อย”
สุดท้ายฉินหนานก็พูดเพียงแค่ประโยคเดียว เท่านั้น
อวี้ถานร้องอ้อคราหนึ่งก่อนกล่าว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าต้องการอะไรก็พูดมาตรงๆเถิด คิดเสียว่า เป็นการตอบแทนและชดเชยจากสำนักข้า”
ไม่ได้ขอบอกขอบใจ ไม่มีคำทักทายอบอุ่น มีเพียงกิริยาท่าทางแยกหน้าที่กับเรื่องส่วนตัวชัดแจ้งและ เปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งการตักเตือน
ทุกอย่างนี้ล้วนกำลังบอกพวกฉินหนานว่าทางที่ดีอย่า ได้มีเจตนาอื่นอีกเป็นดีที่สุด
เหล่าพี่น้องคนอื่นๆของฉินหนานและอิเตาตั้งแต่ต้น ต่างนิ่งเงียบมิว่ากล่าวอะไรสักคำ นั่นเป็นเพราะว่าถูกฉินหนานปรามเอาไว้ ทำให้ได่แต่เก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ
ฉินหนานมุ่นคิ้ว ในใจยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นเรื่อยๆ ตลอดการเดินทางนี้ เขาพานพบการต่อสู้สังหารจากสำนักอีกาทอง สำนักสุริยันจันทราอยู่บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าฝ่า ความเป็นความตาย ประสบความลำบากและเสี่ยง อันตรายมากมายมาด้วยกัน ซ้ำยังส่งเสริมให้ทั้งต้วนอี้และต้วนเทามีระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งเย้ยฟ้า และพามาส่งถึงที่นี่โดยสวัสดิภาพได้
ทว่าสิ่งที่รออยู่ไม่ใช่ความซาบซึ้ง กลับเป็นการปฏิบัติเช่นนี้ จะให้เขารู้สึกดีด้วยได้อย่างไร
ดังนั้นฉินหนานจึงเอ่ยตรงๆ ว่า “การตอบแทน และชดเชยคงไม่จำเป็นแล้ว ประเดี๋ยวพวกข้าก็จะจากไป แล้ว”
ในใจของเขารู้สึกผิดหวังและกรุ่นโกรธ คร้านจะซักถามอะไรต่อ เขาไม่เชื่อว่าหากได้เจอกับอาจารย์ของต้วนอี้และต้วนเทาคงจะไม่ได้รับการต้อนรับเช่นนี้
ใครเลยจะคิด การที่เขาตอบเช่นนี้กลับทำให้อวี้ถานปั้นหน้าขรึม มุ่นคิ้วกล่าว
“เจ้ายังไม่ถอดใจหรือ.? มีบุญคุณสำนักข้าย่อมตอบแทน คงไม่อาจติดหนี้บุญคุณแล้วไม่ใช้คืนได้เป็นอันขาด”
เห็นได้ชัดว่านางทึกทักเอาเองว่าฉินหนานกำลังใช้การถอยเพื่อรุก ซ้ำยังข่มขู่ตนอยู่เพราะฉะนั้น คำของนางจึงเปลี่ยนเป็นไม่เกรงใจ หว่างคิ้วเจือแววเย็นชา
นางไม่สามารถทำใจ ให้คนนอกคนใดมา พัวพันกับศิษย์ของสำนักที่ได้รับวาสนาล้ำค่าจากแม่น้ำจิตนิพพาน ของพวกตนได้!
ฉินหนานยิ้มกล่าวว่า “หากข้าต้องการการตอบแทนจริงๆ เกรงว่าพวกท่านคงไม่สามารถชดเชยได้เพียง พอ ข้าว่าช่างมันเถิด”
เขาหาได้พูดถ้อยคำโกรธเคือง ตลอดทางเขาส่งเสริมชี้แนะ ช่วยเหลือมอบสมบัติวิเศษหยิบยื่นทรัพยากรล้ำค่าให้ทั้งสองมาไม่รู้ตั้งเท่าไร
อีกอย่าง ก็เป็นเพราะเขาถึงทำให้ฉินหนานกวาดล้างถิ่นพำนักของสำนักอีกาทองและสำนักสุริยันจันทราราบเป็นหน้ากลองในคราวเดียว สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับสำนักทั้งสอง ผู้แข็งแกร่งระดับต้นกำเนิดเต๋าและเต๋าแท้จริงตายไปตั้งไม่รู้เท่าใด
นี่เท่ากับช่วยสำนักบันทึกสวรรค์ขจัด มหันตภัยซึ่งซุกซ่อนอยู่อย่างไร้ร่องรอยทีเดียว!
บุญคุณระดับนี้ หากทวงค่าตอบแทนจริงๆ จะตอบแทบได้ง่ายๆ หรือ.?
เพียงแต่สีหน้าของอวี้ถานยิ่งอึมครึมมากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าฉินหนานกำลังมองข้ามความหวังดีของผู้อื่น นางก็คร้านจะพูดไร้สาระอีกต่อไป จึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“เห็นว่าเจ้ามีปราณระดับปราณฟ้า จะมอบสมบัติลับระดับปราณฟ้าให้แก่เจ้าแล้วกัน เมื่อเปรียบกับสมบัติวิเศษทั่วไปก็ไม่ได้ด้อยกว่ากัน คิดว่ามันคงเพียงพอจะชดเชยและตอบแทนเจ้าได้”
นี่คือทีท่าประหนึ่ง ให้ทานแก่ผู้ยากไร้ก็ไม่ปาน
ซ้ำยังเจือกลิ่นอายห้ามปฏิเสธเอาไว้ ราวกับการกระทำนี้ เป็นการยอมให้ฉินหนานมากแล้ว ซึ่งนางไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วอิเตา ฉินหนานและเหล่าพี่น้องต่างใช้พลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินบิดเบือนการตรวจสอบระดับการบ่มเพาะจากผู้อื่นเอาไว้ทำให้เห็นว่าพวกเขามีการบ่มเพาะเพียงระดับปราณฟ้าเท่านั้น
สิ่งนี้ทำให้เหล่าพี่น้องและฉินหนานเกือบควบคุมอารมณ์ในใจไม่อยู่ รังเกียจเดียดฉันท์ถึงขีดสุด
ในมือของฉินหนานไม่ได้มีเพียงสมบัติระดับพลิกฟ้าอย่างไม้เรียวสังหารเทพและดาบมังกรทมิฬเท่านั้น ยังมีโซ่เจ็ดนิรันดร์ ไข่มุกอัสนีเก้าชั้นฟ้า ดวงเนตรดาราเก้าพิภพ ลูกแก้วมิติจักรวาล กระทั่งในลูกแก้วมิติจักรวาลยังสะสมสมบัติล้ำค่าเอาไว้อีกไม่น้อย ไหนเลยจะสนใจสมบัติลับระดับปราณฟ้าแค่ชิ้นเดียว หากยังไม่พอเขาเองก็สามารถหลอมสร้างขึ้นมาใหม่ได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่เหลือบมองต้วนอี้และต้วนเทาที่กำลังมองมาทางตนอยู่ไกลๆ สุดท้ายในใจฉินหนานก็อึดอัดเล็กน้อย ลอบทอดถอนใจเฮือกหนึ่งในทันที กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นดังนี้ เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก”
ทันใดนั้นอวี้ถานก็คลี่รอยยิ้มแห่งชัยชนะบางๆเสี้ยวหนึ่ง สีหน้าท่าทางยิ่งดูหยิ่งผยองมากขึ้น ล้วงกล่องหยกใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้กับฉินหนานและพวก “รับสมบัตินี้แล้ว เจ้ากับสำนักของข้าต่างก็ไม่ได้ติดหนี้กัน หวังว่าเจ้าจะรักษาตัวเอง”
ฉินหนานคร้านจะอิดออด รับกล่องหยกเอาไว้ แล้วโยนมันเข้าไปในแหวนมิติเก็บของโดยไม่ได้มองเลยสักนิด
ความคิดเห็น