ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรมาจารย์จิตวิญญาณสะท้านภพ3

    ลำดับตอนที่ #15 : บทที่15 ภาค3 เขาบันทึกสวรรค์

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 65


    หลังจากชำระสำนักเสร็จสิ้น ฉินหนานก็ปล่อยหน้าที่ทั้งหมดให้เหลียนเซิงจัดการต่อ โดยคณะของฉินหนานทั้งหมดถูกจัดให้พักที่เรือนต้อนรับ ทั้งหมดพักผ่อนอยู่ที่นั่นถึงหนึ่งเดือน

    ในหนึ่งเดือนมานี้ด้วยความช่วยเหลือของฉินหนาน ทั้งการฟื้นคืนฐานการบ่มเพาะ ทั้งมอบวารีศักดิ์สิทธ์สามชนิดได้แก่ โอสถปราณวารีนวภพ วารีจิตวิญญาณและเกษียณโพธิสัตว์ ชี้แนะมรรค สัจจะวิถีธาตุ บรรยายมรรคาวิถียุทธ์ของตนให้กับเหลียนเซิงและคังซือหลิง

    จนในที่สุดเหลียนเซิงก็สามารถฟื้นคืนการบ่มเพาะได้สมบูรณ์ ส่วนคังซือหลิงก็สามารถทะลวงขั้นมาเหยียบย่างอยู่ฐานการบ่มเพาะระดับต้นกำเนิดเต๋าขั้นปลายได้สำเร็จ

    ทางด้านอิเตาด้วยความสามารถจึงได้ถูกแต่งตั้งเป็นผู้อาวุโสกิติมาศักดิ์ของสำนัก ทำให้ในเวลานี้บรรดาเหล่าศิษย์พี่น้องไม่เพียงพากันเข้ามาร่วมแสดงความยินดีมิหนำซ้ำยังให้อิเตาช่วยชี้แนะการบ่มเพาะให้ตนอีกด้วย

    ในวันหนึ่งขณะที่เหล่าพี่น้องคนอื่นๆแห่งสำนักเจ็ดนิรันดร์กำลังพักผ่อนอยู่ที่สวนหน้าเรือนรับรอง ทว่ากลับมีสามคนกำลังไล่ล่ากันอยู่

    ปัง..!!

    ตูม..!!!

    เสียงระเบิดจากการไล่ล่าดังสนั่น ราวกับว่ามีศัตรูโจมตีจนค่ายกลปกป้องสำนักที่ฉินหนานช่วยฟื้นฟู เปล่งแสงสีทองเจิดจ้าแยงตา

    “อย่าหนีนะ มาให้ข้าจัดการซะดีๆ..!!”

    “ไม่หนีไม่ได้หรอก ท่านลงมือหนักจะตาย..!!”

    “ใช่ใครก็รู้ว่าท่านทุบตีคนเก่งแค่ไหน พวกข้าไม่อยากอับอาย..!!”

    ที่แท้เป็นจงหลิงเอา กำลังถือไม้หน้าสามท่อนหนึ่งไล่ล่าเมิ่งชวนและหมิงอี้ด้วย ทั้งสามเหาะเหินด้วยความเร็วจนสายตาไม่อาจตามติด จนเห็นเพียงเส้นแสงสามสีบินฉวัดเฉวียนไปมาจนลายตา

    เหล่าศิษย์ของสำนักอักษรเทียนจงต่างออกมาดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นต่างก็ตะลึงค้างกันเป็นแถบ เพราะว่าพวกตนไม่เคยเห็นการตามล่าและการหลบหนีที่รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน

    ฟ้าว..!!

    “น้องหก พี่หก ช่วยข้าด้วย..!!”

    จู่ๆทั้งเมิ่งชวนและหมิงอี้ก็ตะโกนออกมาโดยพร้อมเพรียง พลันเหาะพุ่งเข้ามาหลบหลังฉินหนานที่กำลังก้าวออกมาจากเรือนรับรอง

    “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้ากัน เหตุใดถึงถูกพี่หลิงเอ๋อไล่ล่าเช่นนี้.?”

    “ก็ไม่รู้ว่าใครไปบอกเรื่องวันนั้นที่ข้าเล่าเรื่องนางให้เจ้าฟัง นางก็ไล่ล่าทุบตีพวกข้าสองคนไม่หยุดเลย” เมิ่งชวนรีบกล่าวพลางหลบหลังฉินหนานเหมือนเด็กที่กำลังหนีเวลาจะโดนแม่ตี

    ฟ้าว..!!

    สวบ..!!

    จงหลิงเอ๋อทะยานถึงพื้นเตรียมจะพุ่งเข้าใส่ทั้งสองต่อ

    “พี่หลิงเอ๋อ ทั้งหมดเป็นข้าถามพวกเค้าเองเกี่ยวกับท่านในเวลาที่ข้าไม่อยู่ เห็นแก่ข้าเบาๆมือหน่อยนะ”

    ฉินหนานอมยิ้มพลางพูดแก้ต่างแทนแล้วแอบขยิบตาเบาๆ พูดจบพลันหายตัวไปอย่างลึกลับทำเอาทั้งสองที่แอบอยู่ข้างหลังถึงกับสะดุ้งตกใจ

    “น้องหก พี่หก เจ้า….!!”ทั้งสองตะโกนออกมาพร้อมกัน แต่จะให้หนีตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว

    จงหลิงเอ๋อนางเข้าใจได้ในทันทีที่ฉินหนานพูดจบ พลันพุ่งใส่เมิ่งชวนและหมิงอี้ความรวดเร็ว จนมีระยะห่างเพียงสองชุ่น

    โป๊ก..!!

    โป๊ก..!!

    เสียงร้องโอดครวญของทั้งสองดังขึ้น เป็นจงหลิงเอ๋อรวบนิ้วมือดีดใส่หน้าผากของทั้งสอง

    “รู้ไหมว่าพวกเจ้าผิดอะไร ผิดที่บอกว่าข้าไล่ทุบตีเจ้าพวกนั้น แท้จริงแล้วข้าไม่ได้ไล่แต่เป็นพวกมันที่ไม่มีโอกาสหนีได้ต่างหาก..!” จงหลิงเอ๋อเชิดปากน้อยๆ พลันหันตัวเดินเข้าเรือนรับรองไป

    เหล่าพี่น้องคนอื่นๆรวมทั้งฉินหนานและสหาย ที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันหัวเราะดังลั่นออกมาอย่างครื้นเครง

    เพียงชั่วอึดใจเหลียนเซิงก็เหาะมายังกลุ่มของฉินหนาน

    “สหายน้อยเกิดอะไรขึ้น มีใครมาโจมตีสำนักข้าอย่างนั้นหรือ.??”

    “ไม่มีอะไรขอรับผู้อาวุโส แค่สะสางปัญหาระหว่างพี่น้องนิดหน่อยขอรับ” ฉินหนานกล่าวตอบก่อนจะหยุดพูดเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อ

    “ผู้อาวุโสท่านมาก็ดีแล้ว พวกข้ามารบกวนท่านนานแล้ว พวกเราตกลงกันแล้วว่าพรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางต่อ”

    “อืม..!! เช่นนั้นก็ส่งข่าวมาหากเหล่าสหายน้อยต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไร”

    “ขอบพระคุณขอรับ”

    “ขอบพระคุณอะไรกัน เป็นข้าที่เป็นหนี้บุญคุณพวกเจ้าท่วมหัวล่ะไม่ว่า”

    ….

    เช้าวันถัดมาทั้งหมดเก็บข้าวของเรียบร้อยเตรียมพร้อมสำหรับออกเดินทางโดยครั้งนี้อิเตาได้ขออนุญาตอาจารย์และเจ้าสำนักออกติดตามไปด้วย

    ทั้งหมดเดินทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ในครานี้ฉินหนานตัดสินใจใช้โซ่เจ็ดนิรันดร์แปลงเป็นเรือเหาะลำหนึ่งสำหรับเดินทาง

    “โห ข้าไม่เห็นโซ่เส้นนี้นานแล้วนะเนี่ย”

    “ใช่ๆ ว่าแต่ตอนนี้มันเลื่อนระดับไปอยู่อาวุธสมบัติระดับใดแล้วล่ะ.?”

    จางเต๋าและต้วนเทียนฮ่าว ที่ได้เห็นโซ่เจ็ดนิรันดร์อีกครั้งต่างตื่นเต้นหันไปกล่าวกับฉินหนาน

    “สูงกว่าข้าหนึ่งระดับ”ฉินหนานตอบอย่างภูมิใจ

    “อืม..!! ถึงว่าแรงกดดันที่แผ่ออกมามากกว่าตัวเจ้าไม่น้อยเลย”จางเต๋ายิ้มพลางกระโดดขึ้นไปบนเรือเหาะเป็นคนแรก ก่อนที่คนอื่นจะติดตามไป

    …..

    สามวันให้หลัง ณ แคว้นตงเฟิง

    ฉินหนานบังคับโซ่เจ็ดนิรันดร์ที่แปลงเป็นสมบัติสำหรับโดยสารลำเข้าสู่เมืองแห่งหนึ่ง สืบข่าวพอประมาณแล้วพาทุกคนตรงดิ่งจากไป

    เขาบันทึกสวรรค์ตั้งอยู่นอกเมืองล้อมเมฆินทร์ใน แคว้นตงเฟิง มีชื่อเสียงอย่างมากในท้องถิ่น

    สาเหตุก็เพราะเขาบันทึกสวรรค์มีมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล เป็นหนึ่งในพื้นที่ต้นกำเนิดของเผ่ากิเลนสวรรค์

    เพียงแต่เมื่อนานมาแล้วเผ่าอีกาทองที่ปัจจุบันเรียกตนเองว่าสำนักอีกาทอง เคยโจมตีเขาบันทึกสวรรค์อย่างหนัก หมายล้างบางคนในเผ่ากิเลนสวรรค์ก่อให้เกิดศึกนองเลือดที่กินเวลานานหลายร้อยปี

    สุดท้ายเขาบันทึกสวรรค์อันกว้างขวางกลายเป็น พื้นที่รกร้างอย่างสิ้นเชิง

    ตอนนี้แม้เขาบันทึกสวรรค์ยังคงอยู่ ทว่าเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมาแล้ว ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากยอดเขาแห้ง แล้งลูกหนึ่ง

    ไม่กี่ชั่วยามให้หลัง

    นอกเมืองล้อมเมฆินทร์ หน้าเนินเขารกชัฏ ฉินหนานพาทุกคนมาถึงสถานที่แห่งนี้ตามคำบอกของต้วนอี้

    เพียงแต่ยามมองเห็นเนินเขาบันทึกสวรรค์ที่มีชื่อเสียงลูกนี้อย่างแท้จริง ฉินหนานและคนอื่นๆก็อดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้

    รกร้างเกินไปแล้ว!

    แนวเขาสูงหลายพันจั้ง ทุกอณูคือวัชพืชรกร้าง ในนั้นมีรอยแยกผาชันด้านหนึ่ง รอยแยกราบเรียบ ยังคงมีคราบเลือดแห้งกรังเหลือทิ้งไว้

    ราวกับว่าเมื่อนานมาแล้วเคยมีคนผ่าภูเขาแห่งนี้ ด้วยกระบี่ ทำให้เขาบันทึกสวรรค์ถูกตัดราบเรียบ ทิ้งไว้ เพียงภูเขารกร้างที่ไม่เหลือเค้าเดิมลูกหนึ่งเท่านั้น

    พวกเขายากจะจินตนาการจริงๆ ว่าภูเขาลูกนี้ที่เผ่ากิเลนสวรรค์อาศัยอยู่ วิวทิวทัศน์ในตอนแรกจะเป็นอย่างไร

    ตะวันสายัณห์ทอแสง เงาหญ้ากระจัดกระจายบนพื้นดิน

    ฉินหนานแผ่ปราณจิตสัมผัสรับรู้หมายเสาะหาโดยถี่ถ้วน ทันใดนั้นนัยน์ตาเขาพลันหดรัด เก็บจิตรับรู้อย่างเงียบๆ

    ไม่จำเป็นต้องค้นหา เพราะชั่วขณะที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ บนเขาบันทึกสวรรค์อันเวิ้งว้างแห่งนั้น พลันมีเงาร่างหลายสิบสายปรากฏขึ้นกลางห้วงอากาศ

    ชายหล่อหญิงงาม แต่ละคนต่างทรงสง่าเหนือธรรมดา ทว่ากลับแต่งตัวธรรมดานัก

    เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มคนที่มา ชายหญิงเหล่านี้ต่าง ขมวดคิ้วมุ่น ทว่ายามเห็นต้วนอี้และต้วนเทา หว่างคิ้วของพวกเขาจึงฉายแววตื่นเต้นออกมา คล้ายกับจดจำตัวตนของฝ่ายหลังได้

    แต่ฉินหนานกลับตกใจเล็กน้อย เมื่อครู่นี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าภายในเขาบันทึกสวรรค์ที่รกร้าง หาใดเปรียบแห่งนี้ มีระลอกคลื่นยักษ์เก่าแก่คลุมเครือเป็นที่สุดประการหนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ น่า กลัวถึงขีดสุด

    เมื่อครู่ชายหญิงเหล่านี้เดินออกมาจากค่ายกลใหญ่!

    ดูเหมือนว่าในเขาแห่งนี้ยังซุกซ่อนเขตแดนอื่น ซ้ำยังมีค่ายกลวิญญาณระดับสูงคอยคุ้มครองอยู่…

    ฉินหนานคล้ายใคร่ครวญ

    “ต้วนอี้ ต้วนเทา!”

    ทันใดนั้นก็มีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง พริบตาที่มองเห็นทั้งสอง ถึงกับร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตื่นเต้น

    เสียงของฮูหยินที่งดงามผู้หนึ่ง ผมขาวดุจหิมะรูปร่าง เพรียวยาวอ้อนแอ้น นัยน์ตาพราวระยับ ผิวพรรณเกลี้ยง เกลาปานมันแพะ ดวงหน้าเปี่ยมเสน่ห์งามวิไล ท่วงท่า สง่างามโดดเด่น

    “ผู้อาวุโสสาม!” ต้วนอี้และต้วนเทาเบิกตากว้างเช่นกัน มีท่าทีประหลาดใจและคาดไม่ถึงเพราะแต่เดิมพวกตนก็มิได้ชอบนิสัยของผู้อาวุโสสามเท่าใดนัก นั่นเป็นเพราะว่าอาจารย์ของต้วนอี้และต้วนเทา เป็นเพียงผู้อาวุโสภายนอกและตั้งใจรับศิษย์ที่เป็นเด็กกำพร้าหรือเด็กได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ในสงครามเท่านั้น ทว่าว่าผู้อาวุโสชั้นในต่างไม่เห็นด้วย แม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนแต่ทว่ากลับตัดงบประมาณและทรัพยากรในการบ่มเพาะของเหล่าศิษย์พี่น้องของทั้งต้วนอี้และต้วนเทาออกเกือบทั้งหมด

    ฉินหนานและพวกกลับลอบเหงื่อตก หญิงสาวรูปงาม เลอโฉมเหนือปวงชน ท่วงท่าน่าหลงใหลเช่นนั้น ถึงขั้น เป็นบุคคลระดับ “ผู้อาวุโส” ไปเสียแล้ว

    จากนั้นฮูหยินงดงามก็ก้าวมาข้างหน้าพูดคุยกับต้วนอี้และต้วนเทาสีหน้าท่าทางเปี่ยมด้วยแววตื่นเต้นและทอด ถอนใจไม่สิ้นสุด

    “ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมา ข้าเหล่าผู้อาวุโสและอาจารย์ของเจ้า ทุกคนนั้นเป็นห่วงพวกเจ้ามากกลัวว่าจะถูกแย่งชิงวาสนาที่ได้รับมา”

    “ขอรับผู้อาวุโส..!! การเดินทางสามปีมานี้ทำให้พวกข้าได้เปิดหูเปิดตายิ่งนัก ได้รู้ถึงจิตใจที่ยากแท้หยั่งถึงของผู้คน”

    ฮูหยินผู้นั้นที่ได้ยินใบหน้าแข็งค้าง ก่อนจะตั้งสติกล่าวต่อ “ดูเจ้าแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย การบ่มเพาะอยู่ขั้นไหนแล้ว?”

    สาเหตุที่ฮูหยินผู้นั้นถามก็เป็นเพราะไม่อาจตรวจสอบการบ่มเพาะของทั้งสองได้ นั่นเป็นเพราะว่านางเองเพิ่งจะมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขั้นต้นกำเนิดเต๋าขั้นกลางเท่านั้น แต่ต้วนอี้และต้วนเทากลับเหยียบย่างอยู่บนเขตแดนเต๋าแท้จริงขั้นปลายอย่างสมบูรณ์แล้วจึงไม่แปลกที่นางจะตรวจสอบไม่ทราบ

    “ก็แข็งแกร่งขึ้นนิดหน่อยขอรับ”ต้วนอี้ตอบหน้านิ่ง

    “อืม การออกไปค้นหาวาสนาในครั้งนี้คงได้รับมาไม่น้อย ชื่อเสียงของเจ้าโด่งดังในสำนักแล้วตอนนี้ มีข่าวลือมาว่าเจ้าได้รับวาสนาอันยิ่งใหญ่มา นั่นอาจจะเป็นประโยชน์ต่อสำนัก”

    “ก็พอได้รับมาบ้าง แต่แลกมาด้วยความยากลำบากเจียนตายขอรับ”ต้วนเทาตอบน้ำเสียงเรียบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×