คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่13 ภาค3 เจรจา
ทวนวงเดือน วงแหวนหนามสีเลือด ดวงตา ม่านตาซ้อน สายอสนี เลือดลม...
พลังทั้งห้าชนิดราวกับเคราะห์สังหารไร้เทียมทานห้าสาย เพื่ออานุภาพไม่อาจเทียบเทียมได้ และทั้งหมด เข้าปกคลุมจงหลิงเอ๋อเพียงผู้เดียว
ขณะนี้หลายคนที่อยู่ไกลออกไปต่างจิตใจหวั่นไหว หลับตาลงอย่างอดไม่ได้
ระดับห่างกันมากนัก ฝืนดูการต่อสู้ก็รู้สึกหวาดผวา
ส่วนจงหลิงเอ๋อที่อยู่ภายในนั้นเวลานี้นัยน์ตาดำ เหมือนคบเพลิงคู่หนึ่งกำาลังลุกโชน นั่นคือจิตต่อสู้ที่เดือดพล่านกำลังฉายแสงกล้า
ต่อสู้มาถึงตอนนี้ถึงทําให้นางถูกกระตุ้นจิตต่อสู้ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ไม่ได้น่าสนใจสำหรับนางเลย!
“ข้าจะให้พวกเจ้ารู้ว่ารนหาที่ตายเป็นอย่างไร” จงหลิงเอ๋อตะโกนก้อง
ครืน!
พลังราวภูเขาถล่มทะเลหวีดร้องโลดแล่นในร่างของนางอวัยวะตันห้ากลวงหกส่งเสียงโครมครามเหมือน ฟ้าร้อง ชั่วพริบตานั้นตัวนางปลดปล่อยอานุภาพดั่งเทพผลาญสวรรค์ ราวกับเตาทองแดงกลียุคเตาหนึ่ง
“อย่างนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย จะได้ไม่ต้องกดพลังเอาไว้” จงหลิงเอ๋อแสยะยิ้มพึมพำ หยุดเล็กน้อยก่อนตะโกนออกไป
“เปิด..!!”
ประกายเย็นเยียบเพิ่มขึ้นฉับพลันในตาจงหลิงเอ๋อ กระบี่หิมะเหิน ส่งเสียงดังซิ้งทะยานตัดห้วงอากาศ
เคล็ดวิชานี้มีนามว่าเทียบเชิญพญายม
เปิดเส้นทางแห่งการเกิดตายท่ามกลางการถือกำเนิดและดับสูญ เป็นครั้งแรกที่นางสำแดงขึ้นโดยใช้พลัง เต๋าและมหามรรคทั้งมวล หลังจากจงหลิงเอ๋อสามารถหลอมมรรคตามคำแนะนำของฉินหนานได้สำเร็จ
ฟ้าดินเหมือนรับไม่ไหว ห้วงอากาศฉีกขาดพันลี้เหมือนผืนแพร มีเพียงกระบี่หิมะเหินเปล่งประกายบดบังแสง เงาทั้งหมด กลายเป็นประกายคมเพียงหนึ่งเดียว
ตูม..!!
โครม!
ชั่วพริบตา ทุกคนในที่นั้นเพียงรู้สึกว่าเบื้องหน้าเป็นสีขาวโพลนไปหมด การรับรู้ภาพและเสียงมลายไปสิ้น จิตวิญญาณตกอยู่ในความหวาดผวา
ทำได้เพียงอาศัยสัญชาตญาณรับรู้ สังเกตเห็นความไหวคลอนของฟ้าดิน สรรพสิ่งระเบิดกระจุย รวมถึงพลังม้วนตลบกวาดราบยุ่งเหยิง
ผ่านไปครู่ใหญ่ยามทุกคนได้สติกลับมาต่างมี ท่าทางเหม่อลอยเหมือนตื่นตระหนกเกินไป ในการโจมตีนี้ตกลงใครชนะกันแน่
จากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าเงาร่างสูงสง่าของ จงหลิงเอ๋อยืนเด่นอยู่เหนือเวิ้งฟ้า
ในขณะเดียวกันพวกเจียงเฉิง เออปา หลิงซู กลับมีสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่างเว้นท่าท่างยับ เยินไม่มากก็น้อย
การโจมตีนี้กลับไม่ได้ชี้ชัดถึงผลแพ้ชนะ!
จงหลิงเอ๋อไม่ได้ถูกกำราบ
“แม่นางน้อย พลังต่อสู้ของเจ้าเรียกได้ว่าเลิศล้ำจริงๆ ในรุ่นเดียวกันแทบไม่มีใครสู้ได้ แต่ว่าการจู่โจมทำนองนี้เจ้าจะรับไว้ได้อีกกี่ครั้งกัน.?”
ทันใดนั้นเจียงซือที่อยู่ไกลออกไปก็เอ่ยปาก เสียงพร่าเลือนยากสัมผัสได้ นั่นเป็นเพราะแม้ตนจะเป็นคนไร้ประโยชน์แต่คนเหล่านั้นยังพอใช้งานได้
“แม่นางหยุดลงมือเถอะ พวกเราไว้หน้ามาตลอด ไม่เคยลงมือกับเจ้ารุนแรง หากเจ้ายังดื้อดึงหลงผิด จะไม่มีที่ให้ถอยกลับอีกแล้วนะ” เจียงซือเอ่ยปาก
พวกเจียงเฉิง เออปา หลิงซู ซานถงและซานเป่าสีหน้าเหี้ยมเกรียมเย็นชา
“หึหึ น่าขัน! พวกเจ้าคราแรกคิดจะเอาชีวิตข้ามิใช่หรือ เพียงแค่ข้าหัวเราะ เสียใจที่จะเป็นศัตรูกับข้าจงหลิงเอ๋อ.? ตอนที่รุมโจมตีข้าทําไมถึงไม่กลัวว่าจะทิ้งชีวิตไปเล่า”
จงหลิงเอ๋อแค่นหัวเราะ ประกายคมในดวงตาปรากฏอยู่รางๆ กลิ่นอายโอหังไร้รูปกำลังพุ่งสูงขึ้น
“ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เพิ่มการโจมตีเข้ามาอีกแล้วจะเป็นอย่างไร”
“โง่งมไม่รู้เรื่องราว”
เจียงเฉิงแค่นหัวเราะหยัน
“เหอะๆ”
ใบหน้าจงหลิงเอ๋อเจือแววเสียดสี ทั้งร่างนางพลันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายน่ากริ่งเกรงอย่างไม่เคยเป็นมา ก่อน ส่งผลให้พลานุภาพของนางก็ยิ่งน่าครั่นคร้าม
“หือ?”
พวกเจียงเฉิงพลันหน้าเปลี่ยนสี “นังสตรีนี่ กลิ่นอายถึงกับเปลี่ยนไปอีกแล้ว!”
นี่เป็นไปได้อย่างไร
หรือก่อนหน้านี้นางไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี
หากเป็นเช่นนี้จริงก็น่าหวาดผวาเกินไปแล้ว!
ชั่วขณะนั้นแม้แต่คนอื่นๆยังสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมตึงเครียด
“ข้าเคยพูดแล้วว่า คราวนี้จะทำให้พวกเจ้าเข้าใจ ว่าอย่างไรเรียกว่ารนหาที่ตาย!”
ท่ามกลางเสียงอันเฉยชาราบเรียบ จงหลิงเอ๋อเก็บความรู้สึกบนใบหน้า เฉยชานิ่งเรียบ ดวงตาไร้ซึ่งระลอกคลื่นใดๆ อีกแม้แต่น้อย
ที่มี ก็เพียงความเย็นเยียบถึงที่สุด
พูดจบนางก็โบกผ้าสะบัดพริ้วเหยียบย่างไปในห้วงอากาศและพลันหายไปจากที่เดิมด้วยเคล็ดวิชาเมฆาไร้ลักษณ์ขั้นสมบูรณ์
ขณะนี้ในที่สุดจงหลิงเอ๋อก็ไม่ออมมือ ลงมือเต็มกำลังแล้ว
กลางห้วงอากาศพลันระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ครู่ต่อมาจงหลิงเอ๋อก็ทะลวงมาถึงหน้าเออปา
ต่อให้เป็นความสามารถในการตอบสนองของเออปาภายใต้อาการไม่ทันตั้งตัวก็ทำได้เพียงเลือกรับมือ ไม่อาจหลบหนีได้
“โอม!”
เออปาเปล่งเสียงธรรม ก็เห็นว่าทั้งร่างของเขาปรากฏรัศมีแสงดุจหยกดำชั้นหนึ่ง ดุจดั่งระฆังใหญ่ คว่ำลง ปกป้องร่างของเขาไว้
เงามายาของจอมมารเงาแล้วเงาเล่าปรากฏขึ้นเหนือรัศมีแสง ส่งเสียงมารอันคลุมเครือออกมา
“เคล็ดวิชาวิญญาณมารรู้ตน”
นี่เป็นวิชาพิทักษ์กายที่แกร่งกล้าถึงที่สุดวิชาหนึ่ง มีพลัง สะท้านโลกาที่ “ฟ้าถล่มดินทลาย ตัวข้ายืนเด่นท้าทาย”
นอกจากนี้แขนของเออปายังแปรเปลี่ยนเป็นใหญ่หนาหาใดเทียบทันตาเห็น ลายเต๋าสีทองเจิดจ้าแน่นขนัดปรากฏขึ้นบนผิวหนังแล้วตบกวาดออกไป
นี่เป็นอภินิหารสะเทือนโลกอีกอย่างหนึ่ง มีนามว่าแขนพลังมาร ยกมือขว้างภูเขาเทพลูกหนึ่งได้สบายเหมือนหยิบขนนก
เพียงแต่ฝ่ามือนี้ของจงหลิงเอ๋อน่ากลัวปานไหน
เป็นการโจมตีที่ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง หลังจากโคจรวิชาเขตแดนเทพสังหารที่ฉินหนานถ่ายทอดให้และโทสะของนางเอง!
ปัง!
ได้ยินเพียงเสียงระเบิดหนึ่งดังกึกก้อง
แขนพลังมารที่ทรงพลังหาใดเทียบระเบิดออก เป็นชิ้นๆ เลือดเนื้อสาดกระเซ็น
จากนั้นเสียงตุ้บดังขึ้น รัศมีแสงดุจหยกดำนั่นสั่นโคลงรุนแรง รับไว้ไม่อยู่อีกแล้ว ระเบิดออกท่ามกลางเสียงดังลั่น
เคล็ดวิชาวิญญาณมารรู้ตนที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งในทวีปจิงโจวมากมายปวดหัวหาใดเทียบในยุคบรรพกาลนี้ ถูกจงหลิงเอ๋อทำลายลงอย่างรุนแรงในฝ่ามือเดียว
ที่ตามมาติดๆ คือร่างกายอันแข็งแกร่งเทียบได้กับยอดศาสตราระดับเต๋าแท้จริงของเออปา ถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างแรงราวกับศรบิน กระเด็นย้อนกลับไปหลายร้อยจั้งถึงขืนตัวหยุดไว้ได้
ส่วนสีหน้าของเขาก็แดงกร่ำหาใดเทียบ ปากกับจมูกมีแต่เลือดสดๆ ที่ห้ามไว้ไม่อยู่
ทุกคนต่างค้นพบอย่างหวาดหวั่นว่าที่ทรวงอก ของเขามีรอยฝ่ามือลึกสี่ชุ่นรอยหนึ่งอยู่
เพียงคิดก็รู้ว่าพลังที่หมัดนี้ปลดปล่อยออกมา ยามพุ่งเข้าไปภายในร่างกายจะก่อให้เกิดความเสียหาย น่ากลัวถึงที่สุด
เฮือก!
เสียงสูดหายใจเย็นระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น
เออปาผู้หลอมกายที่แกร่งกล้าเช่นนี้คนหนึ่ง แทบจะถูกฝ่ามือเดียวทำลายแล้ว!
ต่อให้เป็นพวกเจียงเฉิง หมิงซูเวลานี้ต่างสีหน้าอึมครึมยิ่งนัก จิตใจสั่นสะท้าน พลังที่จงหลิงเอ๋อสำแดงออกมาทำให้พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามอย่างแท้จริง
“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะรับการจู่โจมของข้าได้อีกกี่ครั้งกัน”
จงหลิงเอ๋อยืนกลางอากาศ บีบนวดฝ่ามืออย่างกรีดกราย ผมดำปลิวไสว แววตาเย็นชาดุจหุบเหว ความแกร่งกล้าของพลานุภาพบนตัวนางกดข่มจนฟ้าอับแสง
“ฆ่า!”
พวกเจียงเฉิง หมิงซูก็ออกโจมตี พลังหลายขนาน มืดฟ้ามัวดินประหนึ่งธารดาราม้วนตลบ
สวบ..!!
เงาร่างจงหลิงเอ๋อหายลับไป ยามปรากฏตัวขึ้นอีก ครั้งก็มาอยู่ตรงหน้าหมิงซูแล้ว
ในคนเหล่านี้พลังต่อสู้ของหมิงซูผู้นี้อ่อนแอที่สุด มีภัยคุกคามน้อยที่สุด
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ จงหลิงเอ๋อก็ล่วงรู้ตื้นลึกหนาบางของพวกเขานานแล้ว
“ผนึก!”
หมิงซูหน้าเปลี่ยนสี ประทับคลื่นพลังเต๋าทะยานขึ้นไปในอากาศแล้วแปรสภาพเป็นเงามายาของเทพอสูรที่โลหิต หลั่งริน ดุจดั่งกระโจนออกมาจากนรก
แต่ทว่าจงหลิงเอ๋อในตอนนี้ได้ใช้พลังเต็มกำลังแล้ว พลังจะน่าครั่นคร้ามปานไหน
เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็ทลายเงามายาเทพอสูรนั้นทันที
โจมตีให้ประทับคลื่นพลังเต๋าแหลกเละ เงาร่างของหมิงซูถูกพลังฝ่ามือไพศาลนั้นกลบมิดไปด้วย ตายอนาถอยู่ภายในนั้น
แต่ที่เหนือความคาดหมายของจงหลิงเอ๋อคือ ใน บริเวณใกล้เคียงเงาร่างของหมิงซูปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างพิสดาร เพียงแต่สีหน้าของเขาซีดขาวหาใดเทียบ ลมหายใจรวยรินไปแล้ว
“วิธีรักษาชีวิตเช่นนี้เกรงว่าคงใช้ได้ไม่กี่ครั้งกระมัง” จงหลิงเอ๋อยิ้มหยัน
หมิงซูสีหน้าพรั่นพรึงไปหมดแล้ว
ในชั่วพริบตาก่อนหน้านี้เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม แห่งความตาย น่ากลัวเกินไปแล้ว ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังและหมดทางสู้อย่างที่สุด
“รั้งเขาไว้!”
ไกลออกไปเจียงเฉิงตะโกนเสียงกังวาน
เขาไม่อาจปลีกตัวไปได้เพราะกำลังถูกกระบี่หิมะเหิน ของจงหลิงเอ๋อโจมตีเต็มกำลัง
และหลังจากได้ประมือกับจงหลิงเอ๋ออย่างแท้จริง เขาถึงรับรู้ว่าสตรีผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าหวาดหวั่นมากคนหนึ่ง แม้แต่ยอดวิชาที่เขาภาคภูมิใจอย่างยิ่งยวดยังถูกกำราบไว้ได้
“ฆ่า!”
พวกซานถง ซานเป่าพลันกระโจนขึ้นมา
ความคิดเห็น