ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรมาจารย์จิตวิญญาณสะท้านภพ3

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่11 ภาค3 ร่วมมือสังหาร

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 65


    “ฆ่า!”

    เจียงเฉิงตะคอกลั่น ทวนวงเดือนทองคำขาวเล่มหนึ่งเคลื่อนไปในอากาศ ม้วนดึงเกลียวพายุขึ้นมา

    โครม!

    ตามองเห็นว่าไอสังหารโหมคลั่งราวจับต้องได้ รวมตัวอยู่ในกระบวนท่าเดียวของทวนวงเดือน ปลดปล่อยปรากฏการณ์ประหลาดน่าหวาดหวั่นอย่างเทพผี คร่ำครวญ ตะวันจมจันทรามลายออกมา

    อานุภาพของการโจมตีนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปต่างตื่นตระหนกจนขวัญแทบหาย

    สมกับเป็นผู้ที่ทัดเทียมเทพสังหาร ใช้พลังเต๋าแท้จริงขั้นสมบูรณ์กระตุ้น อานุภาพออกมาน่ากลัวจนไม่กล้าจินตนาการ

    “ดูท่าพวกเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว”

    ทันใดนั้นไอสังหารไหวเคลื่อนในดวงตาของจงหลิงเอ๋อ

    “วันนี้ข้าก็จะบอกให้พวกเจ้ารู้ว่า อย่างไรเรียกรนหาที่เอง!”

    หลังจากจงหลิงเอ๋อพูดจบ ประกายคมขาวเจิดจ้าราวหิมะสายหนึ่งโฉบออกมาอย่างรุนแรงจากตัวของนาง พุ่งตรงสู่เวิ้งฟ้า

    ดุจดั่งรุ้งขาวแทงทะลุสุริยัน เจือความดุดันหาใดเทียบ

    เปรี้ยง..!!

    กระบี่หิมะเหินของจงหลิงเอ๋อกับทวนวงเดือนทองคำขาวปะทะกัน ทันใดนั้นเสียงอึกทึกสะท้านจนหูแทบดับปะทุขึ้น ทำให้ห้วงอากาศบริเวณนั้นระเบิดแหลก เมฆหมอกสลายกลายเป็นฝุ่นผง

    จิตรับรู้ของผู้บ่มเพาะบางคนเจ็บแปลบ ยากจะมองสถานการณ์ต่อไปได้อีก

    “ทำลาย!”

    แขนเสื้อจงหลิงเอ๋อไหวกระพือ ผมที่ยาวทั้งศีรษะปลิว ไสว กลิ่นอายที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนอยู่เดิมพลันถูก อานุภาพน่าประหวั่นเข้าแทนที่

    ประหนึ่งแปลงกายเป็นเทพธิดาคนหนึ่งที่เดินออกมาจากหมู่เทพเซียนในชั่วพริบตา!

    นางมั่นใจในกระบี่หิมะเหินที่น้องชายฉินหนานของตนหลอมสร้างให้เป็นอย่างยิ่ง

    พลานุภาพเช่นนั้นทำให้ชั้นเมฆสิบทิศล้วนแหลก ละเอียด สุริยันจันทรายังจืดจาง ฟ้าดินมืดหม่น มีเพียง เงาร่างโปร่งสูงตระหง่านของนางเท่านั้นที่ราวกับเป็นนิรันดร์

    “ฆ่า!”

    ผมขาวของเจียงเฉิงพลิ้วไหวบ้าคลั่ง ไอสังหารทั้งกายทะลุเมฆา ทวนวงเดือนทองคำขาวเล่มหนึ่งเริงระบำ ต่อสู้กับกระบี่หิมะเหินอย่างดุเดือด

    ทว่าก็ได้ยินเสียงปึงดังขึ้นครั้งหนึ่ง ทวนวงเดือนเล่มนั้นถูกซัดออกไปตรงๆ แทบจะกระเด็นหลุดมือ ทำให้เงาร่างของเจียงเฉิงซวนเซไปเช่นกัน ท่อนแขนชาหนึบ

    สีหน้าของเขาครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้นมา

    ปึง!

    เมื่อประมือกันอีกครั้งเจียงเฉิงส่งเสียงอู้อี้ออกมา สังเกตได้ว่าพลังของตนสู้จงหลิงเอ๋อไม่ได้อย่างชัดเจน เสียเปรียบแล้ว

    “เฉือน!”

    จงหลิงเอ๋อสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง กระบี่หิมะเหินส่งเสียง กังวาน คดโค้งราวนิมิตมายา แทบเหมือนกับลำแสง ว่องไวจนเหลือเชื่อ ประหนึ่งเฉือนทำลายพันธนาการ แห่งห้วงอากาศ

    เจียงเฉิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เริ่มหลบหนี

    “จู่โจม!"

    แทบจะในขณะเดียวกัน หลิงซูที่เห็นว่าสถานการณ์ของเจียงเฉิงลงมือแล้วไม่สู้ดี ก็เห็นว่าเขาสะบัดฝ่ามือดุจเหล็กกล้าครั้งหนึ่ง ประทับคลื่นพลังเต๋าสีเขียวตราหนึ่งทะยานไปในอากาศ บานออกเป็นดอกบัวให้ความรู้สึกอิ่มเอิบแจ่มจรัสและบริสุทธิ์ผุดผ่อง

    แต่แสงเทพที่ประทับคลื่นพลังเต๋านั้นปลดปล่อยออก มากลับนองเลือดน่าหวาดหวั่น ดุจดั่งรุ่งเทพสีเลือดเข้า ขัดขวางกระบี่หิมะเหิน

    ตูม!

    ทว่ารุ้งเทพสีเลือดนั้นถูกดกระบี่หิมะเหินกรีดทิ้งทันตา เหมือนผืนแพร แม้แต่ประทับคลื่นพลัง้ต๋าตรานั้นก็ถูกฟันจนกระเด็นลอย ส่งเสียงครวญออกมา

    ใบหน้าที่แดงปานลูกพลับของหลิงซูพลันซีดขาว ถอยหลังไปหลายก้าวทันที ในใจตกตะลึง

    เมื่อได้ประมือกับจงหลิงเอ๋อย่างแท้จริงถึงได้รู้ว่าพลังของอีกฝ่ายมิได้ด้วยไปกว่าพวกตน มิหนำซ้ำยังอาจจะเหนือกว่า นี่ดูน่าครั่นคร้ามปานไหน ช่างเหมือนกับ มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล มีอานุภาพดุจเขาถล่ม สมุทรทลาย

    ควรรู้ว่าตอนนี้นางเป็นถึงบุคคลระดับเต๋าแท้จริง อีกทั้งพรสวรรค์ที่ได้ถูกฉินหนานยัดเยียดมาให้ยังสะท้านโลกา ผู้แข็งแกร่งในทวีปจิงโจวทั่วไปยังไม่อยู่ในสายตาของนางในเวลานี้

    การจู่โจมของหลิงซูกลับถูกจงหลิงเอ๋อตีพ่ายเสียแล้ว!

    ทว่าหลิงซูลงมือคราวนี้กลับช่วยเจียงเฉิงชิงโอกาส หายใจหายคอมาครั้งหนึ่ง หลุดพ้นจากการเป็นฝ่ายรับ

    “ฆ่า!”

    เจียงเฉิงกับหลิงซูร่วมกันลงมือ แยกกันใช้ทวนวงเดือนทองคำขาวกับประทับคลื่นพลังเต๋าประกบโจมตี จู่โจมจนทําให้กระบี่หิมะเหินสั่นไหว

    ในขณะเดียวกัน

    เสียงสวบดังขึ้น เงาร่างเออปาที่อยู่ไกลออกไปไหววูบ หายลับไปกลางอากาศ รวดเร็วจนเหมือนความเร็วเสียง

    ครู่ต่อมาเขาก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าจงหลิงเอ๋อ พ่นลมออกมาจากปากครั้งหนึ่ง กระบี่บินเรียวเล็กยาวแค่สามชุ่นเล่มหนึ่งยิงพุ่งออกมาแทงคอหอยของจงหลิงเอ๋อตรงๆ

    แทบไม่มีทางบรรยายการโจมตีนี้ได้

    เร็วยิ่งนักและดุดันเกินไป กระบี่บินสีเงินสามชุ่น แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับปกคลุมทั่วฟ้าดิน ฉกาจฉกรรจ์ไร้ที่สิ้นสุด

    “เงามายาพิฆาต..!!”

    นี่เป็นพลังพรสวรรค์ของเออปาผู้อาวุโสลำดับสาม กราดเกรี้ยวดั่งพายุ ไร้รูปไร้เงาอานุภาพของมันเหมือนเทพมารโจมตี เพียงแค่พลังที่แฝงไว้ก็สามารถทำลายจิตวิญญาณและปณิธานต่อสู้ของคู่ต่อสู้ได้

    “หึ แม่จะตบให้คว่ำ!”

    สีหน้าจงหลิงเอ๋อไม่หวั่นไหว แต่กลับมีพลังฝ่ามือส่องประกายเปล่งปลั่งดั่งหยกเขียวปะทุออกมาในชั่วพริบตานั้นดั่งเหมือนมีตา

    ตูม!

    ห้วงอากาศระเบิดแหลกยุบตัว

    พลังฝ่ามือเปล่งประกายนั้นเข้ารับกระบี่บินสามชุ่น นี้ไว้อย่างจัง พลังที่ฝ่ามือปลดปล่อยออกมา ทำให้กระบี่บินสามชุ่นเล่มนี้แหลกสลายเป็นผุยผงเสียงดังปึง!

    เสียงพรูดดังขึ้น เออปากระอักเลือดออกมา เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั่วร่างปั่นป่วน ถอยไปพลันโดยไม่ลังเล

    “ทำไมนางถึงแข็งแกร่งปานนี้ นั่นเป็นถึงกระบี่วิญญาณบินที่ข้าใช้วัตถุดิบระดับเทพหลอมขึ้น แต่กลับถูกรับไว้ได้หรือ มิน่าถึงกล้าท้าทายพวกข้า”

    เออปาตะลึงพรึงเพริดอยู่ในใจ

    เดิมเขานึกว่าตนกับจงหลิงเอ๋ออยู่คนระดับ ห่างชั้นกันราวฟ้ากับเหว แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะคิดผิดแล้ว

    ปึง!

    ในขณะเดียวกันเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้นไกลออกไป

    ทวนวงเดือนทองคำขาวกับประทับคลื่นพลังเต๋าที่ประกบโจมตีกระบี่หิมะเหินแตกออกทั้งอย่างนั้น ส่งเสียงครวญไม่ว่างเว้น

    โดยเฉพาะบนประทับคลื่นพลังเต๋าถูกฟันเป็นรอยสายหนึ่ง ทําให้หลิงซูพลังสะท้อนกลับส่งเสียงอู้อี้ออกมา

    ส่วนเจียงเฉิงก็ตัวสั่นไปทั้งร่าง เมื่อกี้ในระหว่างที่เขาปะทะกับกระบี่หิมะเหิน ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกภูเขาเทพบรรพกาลลูกหนึ่ง โจมตีอย่างรุนแรงอยู่ตลอด พลังน่ากริ่งเกรงเช่นนั้นกดข่มจนเขาแทบกระอักเลือด

    ทั้งหมดนี้พูดไปก็เหมือนช้า แต่ความจริงแล้วล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ชั่วอึดใจก็จบลงรวดเร็วจน สะท้านโลกพาให้ผู้คนตื่นตะลึง

    “นึกไม่ถึงว่าพี่สามจะลงมือรุนแรงปานนี้” ฉินหนานกล่าวพลางแหงนมองการต่อสู้กลางอากาศไม่วางตา

    “เจ้าจะไปรู้อะไรตอนที่เจ้าไม่อยู่ นางก็อยู่แต่ในสำนักเอาแต่เก็บตัวบ่มเพาะไม่ก็กลั่นโอสถ ข้าว่านะพี่สามจะต้องเก็บกดเป็นแน่”เมิ่งชวนเอ่ยปากในขณะที่สายตาก็ไม่ละจากการต่อสู้เช่นกัน

    “เพราะเหตุใดกันพี่สี่”ฉินหนานมีสีหน้างงงวย

    หมิงอี้ที่ทนไม่ได้ที่จะเข้าร่วมการสนทนาจึงกล่าวแทรก

    “จะไม่ให้พี่สามเก็บกดได้อย่างไรกันพี่หก ในเมื่อทุกวันที่นางต้องเจอคือเหล่าจอมยุทธ์มากฝีมือ ผู้นำตระกูลมากมายพยายามมาสู่ขอนางไม่เว้นแต่ละวัน แต่นางก็ปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวลทุกครั้ง หากใครเซ้าซี้นางมากๆก็ถูกนางไล่ทุบตีปางตายกันยกตระกูลมาแล้ว บรื๋อ..!! วันนั้นข้าเห็นพอดีตอนที่นางกำลังทุบตีคุณชายตระกูลซ่ง หากข้าไม่ห้ามไว้ไอ้หมอนั่นตายแน่ๆ” หมิงอี้กล่าวถึงจงหลิงเอ๋ออย่างออกรสออกชาติ

    “พวกเจ้าจำคำพูดข้าไว้นะ พวกเจ้านินทานางกันเองหากนางรู้เข้าล่ะก็ พี่รองอย่างข้าไม่เกี่ยวนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า.!!”ต้วนเทียนฮ่าวหัวเราะอย่างชอบใจ

    “ข้าด้วย..!!”จางเต๋าและเมิ่งตี้พรวดพราดพูดออกมาพร้อมกันจากนั้นพากันหัวร่อฮ่าฮ่ากันอย่างห้ามไม่ได้

    ด้านบนเวิ้งฟ้า

    จงหลิงเอ๋อนางทลายการประกบโจมตีของพวกร้ายกาจชั้นยอดทั้งสามคนได้อย่างแข็งกร้าว!

    พลานุภาพโอหังเช่นนั้นทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆที่ยังไม่ถูกเหลียนเซิงเรียกชื่อโดยที่พวกตนยังไม่ออกโจมตี หน้า เปลี่ยนสีเล็กน้อย สีหน้าเคร่งครัด

    ด้านเหล่าศิษย์ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปถึงกับยังไม่ได้สติกลับมา...

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเจียงเฉิง เออปาและหลิงซูคงเป็นคู่ต่อสู้ของจงหลิงเอ๋อไม่ได้!

    “ลงมือพร้อมกัน!”

    เวลานี้พวกเจียงเฉิงสบตากัน ต่างเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดออกมา ออกเคลื่อนไหวร่วมกันอย่างไม่ลังเล ล้วนรู้ดีว่าหากหมายจะสังหารสตรีผู้นี้ต้องลงมือพร้อมกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×