ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรมาจารย์จิตวิญญาณสะท้านภพ3

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 ภาค3 แรกสัมผัส

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 65


    ฟูม..!!

    ณ ทวีปจิงโจว ในป่าแห่งหนึ่งที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นขณะนี้พลังวิญญาณอันมหาศาลภายในใจกลางป่าเกิดการรวมตัวอย่างรวดเร็ว พลันปรากฎประตูรอยแยกมิติที่ถูกควบคุบกำกับไว้ด้วยอักขระวิญญาณสีทองอร่ามนับพันตัวก่อเกิดเป็นประตูมิติค่ายกลวัฏกะจักรดาราที่แผ่พุ่งพลังอันมหาศาลออกมา

    เพียงชั่วอึดใจได้มีเท้าขวาข้างหนึ่งก้าวออกมาจากประตูรอยแยกมิตินั้นอย่างปลอดโปร่ง

    “เหตุใดถึงมาโผล่ที่นี่ได้ละเนี่ย..!!”

    “อิเตา นี่เจ้าบ่นเรื่องอะไรกัน.?” ฉินหนานที่ก้าวออกมาจากประตูค่ายกลวัฏฏะจักรดาราตามอิเตามาติดๆถามขึ้นด้วยความสงสัย

    “จะไม่ให้ข้าบ่นได้อย่างไรเล่า ก็พวกเราเดินทางออกจากป่ามรณะไปตั้งไกลแล้ว ไฉนเราย้อนกลับมาที่นี่อีกเล่า”

    “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือป่ามรณะ มันอาจจะเป็นป่าที่ไหนสักแห่งก็ได้..!!”ต้วนอี้ที่ก้าวออกมาทันทั้งสองพูดคุยกันถามขึ้นด้วยความสงสัย

    “ที่นี่คือป่ามรณะอย่างแน่นอน ทั้งพลังวิญญาณที่เข้มข้น ทั้งพลังฟ้าดินที่หนาแน่นถึงปานนี้ อีกทั้งยังมีพลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินที่เป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้คงไม่มีที่อื่นอีกแล้วหล่ะ ที่สำคัญโน่น เจ้าดูโน่น ก้อนหินและต้นไม้ที่พวกเจ้าใช้พลังสัจจะวิถีธาตุน้ำทำลายยังมีร่องรอยอยู่เลย”

    อิเตาบ่นอุบอิบพลางยกมือชี้ไปหินก่อนหนึ่งที่มีร่องรอยคล้ายถูกกระบี่ฟันอยู่เกลื่อนกราดและต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีรูขนาดใหญ่เท่ากำปั้นปรากฎอยู่ซึ่งเป็นฝีมือของทั้งต้วนอี้และต้วนเทา

    “แล้วเจ้าจะให้พวกเราตั้งพันกว่าคนเดินทางไปที่สำนักบันทึกสวรรค์ของข้าหมดนี่หรืออย่างไร.? อย่าลืมว่าฉินหนานสามารถพาเราข้ามห้วงมิติไปยังที่หมายได้ในพริบตานะ”ต้วนอี้กล่าวพลางยกมือตบไหล่อิเตา

    “ใช่แล้วเรื่องสำคัญตอนนี้คือหาที่พักสำหรับรองรับคนจำนวนกว่าพันคนให้เพียงพอก่อนต่างหาก”ต้วนเทากล่าวออกมาทันทีที่ก้าวออกมาจากประตูมิติค่ายกลวัฏฏะจักรดารา

    ฟูม..!!!

    อึก..!!

    แต่แล้วในทันทีที่เหล่าศิษย์นับพันของสำนักเจ็ดนิรันดร์ ก้าวขาออกมาจากประตูมิติค่ายกลวัฏจักรดารา ศิษย์หลายร้อยคนต้องรีบทรุดนั่งขัดสมาธิกับพื้นทำการปรับพื้นฐานพลังอย่างรวดเร็ว

    ไม่เว้นแม้แต่พวกจางเต๋าและเหล่าพี่น้องคนอื่นๆก็กระทำเช่นเดียวกัน

    นี่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในการฝึกฝนดังที่ฉินหนานคาดการณ์ไว้แล้วว่า ค่ายกลรวบรวมพลังฟ้าดินที่ตนสร้างไว้ที่สำนักเจ็ดนิรันดร์ที่ทวีปหลงซานนั้นสามารถช่วยให้การบ่มเพาะก้าวหน้ากว่าคนทั่วไปได้ถึงหกส่วน

    แต่เมื่อมายังทวีปจิงโจว ที่กฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินโดยธรรมชาติสามารถช่วยหนุนนำให้การบ่มเพาะก้าวหน้าปราศจากการขวางกั้นที่ทำให้การบ่มเพาะติดขัด ซึ่งต่างจากทวีปหลงซาน

    ทำให้เหล่าผู้คนจากทวีปหลงซานเมื่อมาถึงยังทวีปจิงโจวแห่งนี้ร่างกายพลันถูกยกระดับและระดับการบ่มเพาะก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ครืน..!!

    ครืน.!!

    ครึน..!!

    ไม่ถึงชั่วยามบนเวิ้งฟ้ากลางอากาศส่งสัญญาณความแปรปรวน เมฆสีเทาดำทมึนก่อตัวปกคลุมทั่วท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องคำรามสนั่นหวั่นไหวทั้งสิบทิศ

    ตูม!

    บนเวิ้งฟ้าที่ก่อนหน้านิ่งสงบพลันก้องเสียงฟ้าคำรามขึ้นมา เสียงนั้นดั่งกลองเทพสะท้อนอยู่ในใจของคนภายในป่ามรณะอย่างหนักหน่วง ทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีทันที

    ขณะเดียวกันทั้งเมืองที่อยู่รอบๆแต่ห่างออกไปนับร้อยลี้ ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนรู้สึกเพียงในใจพลันสั่นสะท้าน ขนลุกไป ทั้งตัวเหมือนถูกดวงตาสวรรค์จับจ้อง!

    “นี่คือ...”

    สายตานับไม่ถ้วนมองไปบนเวิ้งฟ้ากันพรึ่บพรั่บ

    ในเวลานี้เหล่าศิษย์จากสำนักเจ็ดนิรันดร์นับร้อยคนจะต้องเผชิญกับสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์

    นี่คือสิ่งที่รู้ร่วมกันของการฝึกปราณ

    สายฟ้าเคราะห์นี้ เมื่อข้ามผ่านก็สามารถหลุดพ้นจาก ปราณห้าระดับใหญ่ ยืนตระหง่านอยู่ในระดับที่อยู่ สูงยิ่งกว่าได้

    หากผ่านไม่ได้ ถ้าไม่ร่างมอดม้วยสูญสลาย ก็จะตกสู่ระดับกึ่งเป็นตาย

    บนเวิ้งฟ้า เมฆาเคราะห์หนาทึบเกินกว่าธรรมดา หลายโข เรียกได้ว่าสะท้านโลกหาได้ยากยิ่ง

    คณาเคราะห์ระดับนี้ ที่ผ่านมาล้วนยากจะได้พบเห็นสักครั้ง ใครจะไปจินตนาการว่าปุบปับจะมีผู้แข็งแกร่งนับร้อยคนข้ามเคราะห์พร้อมกัน

    วู้ๆๆ.!!

    กลางฟ้าดินมืดสลัวชวนกดดันหาใดเปรียบ ลมกระโชกพัดแรง โหยหวนกลางฟ้าดิน ประหนึ่งเสียงมาร

    พรึบ..!!

    จางเต๋าที่ขัดสมาธิหลับตาอยู่พลันลืมตาขึ้น สะบัดข้อมือเรียกหอคอยท้าอัสนีที่ฉินหนานเคยมอบให้ออกมาจากแหวนมิติเตรียมถ่ายเทพลังวิญญาณเพื่อเปิดใช้งาน

    “พี่ใหญ่ไม่ต้องรบกวนท่าน สายฟ้าเหล่านี้เดี๋ยวข้าจัดการเองขอรับ.!!”

    ฉินหนานที่เห็นท่าทีของจางเต๋ารีบเอ่ยปากห้ามปรามเอาไว้ทันท่วงที

    ครืน..!!

    เปรี้ยง..!!

    อัสนีทัณฑ์สวรรค์สีแดงฉานราวกับสีของโลหิตฟาดฟันลงมาจากท้องฟ้า เหล่าบรรดาศิษย์ที่ยังมิได้ถึงช่วงก้าวข้ามทะลวงเขตแดนทันทีที่ได้เห็นปรากฎการณ์ประหลาดบนท้องฟ้าต่างพากันขวัญหนีดีฝ่อยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ

    ถึงแม้ว่ายามเมื่ออยู่ในสำนักเจ็ดนิรันดร์ที่ทวีปหลงซาน จะได้พบเห็นสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์อยู่บ่อยครั้ง ทว่ายังไม่เคยพบเห็นการก้าวข้ามเขตแดนพร้อมกันมากถึงเพียงนี้

    ตู้ม..!!

    ท่ามกลางเมฆาเคราะห์ มีเสียงฟ้าคำรามก้องกระหึ่ม ณ ที่นี้ สะเทือนฟ้าสะท้านดิน พาให้สิบทิศสั่นสะเทือน

    สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า อสนีเคราะห์สีเงินหนาใหญ่ไร้ทัดเทียมสายแล้วสายเล่าพลิกตลบ ประหนึ่ง มังกรอสนีตัวแล้วตัวเล่ากำลังพลิกม้วนลำตัว สว่างจ้า พร่าตา แผ่กลิ่นอายประหนึ่งทำลายล้างโลกหล้าออกมา

    ผู้ฝึกปราณภายนอกป่ามรณะ และเหล่าศิษย์ของสำนักเจ็ดนิรันดร์ที่มิได้ทะลวงเขตแดนมากมายต่างสั่นเทิ้มไปทั้งตัว รู้สึกถึงความหวาดผวาและหดหู่หาใดเปรียบ

    นี่คือเคราะห์สวรรค์ เป็นคณาเคราะห์จากแดนสวรรค์!

    ภายใต้คณาเคราะห์ สรรพชีวิตดุจมดน้อย!

    “มาแล้ว!”

    จางเต๋าเงยหน้าขึ้นขวับ สีหน้ามุ่งมั่น

    ขณะเดียวกันศิษย์พี่น้องคนอื่นๆ และศิษย์ของฉินหนานอีกสิบเอ็ดคนต่างก็เงยหน้ามองเวิ้งฟ้า

    ภายในใจต่างคิดว่าทัณฑ์สวรรค์ที่รุนแรงเช่นนี้ ต่อให้เป็นหอคอยท้าอัสนีก็ไม่แน่ว่าจะทนไหว พากันมีสีหน้าเคร่งขรึม มองความตายประหนึ่งหวนสู่ถิ่นเดิม

    บนเวิ้งฟ้าเมฆาเคราะห์หอบม้วน อัสนีเคราะห์สีเงินสว่างวาบก้องกระหึ่ม จวนเจียนจะมาเยือนแล้ว!

    พวกที่จะทะลวงเขตแดนต่างไม่พูดไม่จา ไม่มีคนชะล่าใจ

    ตูม!

    เสียงกึกก้องสายหนึ่งดังขึ้น พาให้สรรพชีวิตหวาดผวา ยังคิดว่าเคราะห์สวรรค์เริ่มมาเยือนแล้ว

    ในใจพวกจางเต๋าและเหล่าศิษย์คนอื่นๆเองก็เต้นกระหน่ำ กำลังตั้งท่าจะกรูออกไปรับเคราะห์สวรรค์

    เพียงแต่สิ่งที่ทําให้ผู้ที่จะทะลวงเขตแดนต่างตั้งตัวไม่ทันก็คือ เสียงคำรามสนั่นสายนี้หาได้มาจากเวิ้งฟ้า แต่มาจากตัวของฉินหนาน.!

    เขาในเวลานี้แหงนหน้าขึ้นมองเวิ้งฟ้า เรือนผมสีดำทั่วศีรษะโบกสะบัด เงาร่างสูงเด่นราวกับหอก ไม่รู้ถูกแสงรัศมีเจิดจ้าพร่าตาห้อมล้อมตั้งแต่เมื่อไหร่

    ทั่วทั้งตัวราวกับหุบเหวใหญ่ที่พาดขวางกลางฟ้าดินเสมือนจะกลืนกินแปดทิศ

    เรือนผมยาวของฉินหนานโบกสะบัด นัยน์ตาดำลุ่มลึกและเยียบเย็น ทอประกายวาววับชวนสยอง เงาร่างของเขาหยัดยืนสันโดษ อาภรณ์สะบัด สีหน้าสงบนิ่ง ถึงขีดสุดจนผิดธรรมดา ที่มุมปากฉินหนานผุดเส้นโค้งเย็นยะเยือกขึ้นมา

    พรึบ..!!

    วืด..!!

    ฉินหนานสาวเท้าเยื้องย่างไปด้านหน้า พริบตาเดียวก็ไปปรากฎตัวอยู่กลางอากาศด้วยพลังแห่งห้วงมิติ

    เปรี้ยง..!!

    ตูม..!!

    อัสนีเคราะห์สายแรกฟาดฟันลงมา เสียงกึกก้องสายนั้นทำให้ห้วงอากาศแตกกระจุย

    แต่ทว่าเห็นเพียงฉินหนานยื่นมือออกไปลวกๆ สายฟ้าสีเงินตามมาด้วยสีแดงฉานพุ่งเข้าไปที่ฝ่ามือขวาของฉินหนานราวกับถูกพลังลึกลับดึงดูดเข้าไป

    เหล่าพี่น้องของฉินหนานและศิษย์สาวกสำนักเจ็ดนิรันดร์คนอื่นๆที่ได้เห็นเหตุการณ์ต่างพากันตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่ฉินหนานยื่นมือออกไปก็สามารถช่วยสลายเคราะห์อัสนีแบ่งเบาการทะลวงด่านให้พวกตนได้อย่างง่ายดาย

    “ไข่มุกอัสนีเก้าชั้นฟ้า..!!”

    สหายทั้งสามของฉินหนานเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าถึงกับกล่าวออกมาอย่างลืมตัว

    ภายในกายของฉินหนานยามนี้ปรากฎกระแสพลังที่อบอุ่นไหลเวียนทั่วทั้งร่าง ไข่มุกอัสนีเก้าชั้นฟ้าส่งสัญญาณกระปรี้กระเปร่าราวกับมีชีวิต เสมือนปลาที่ได้น้ำอีกครั้งประหนึ่งพืชพรรณที่แห้งแล้งได้รับน้ำในฤดูฝน

    “ยืนเหม่ออะไรกัน รีบตั้งสมาธิทะลวงด่านดูดซับพลังฟ้าดิน..!!” ฉินหนานที่เห็นทุกคนตกอยู่ในภวังค์จนลืมสิ่งที่ทำรีบกล่าวเตือนสติในทันที

    เปรี้ยง..!!!

    เปรี้ยง..!!

    อัสนีเคราะห์อีกสองสายผ่าลงมาติดกันแต่ก็ถูกฉินหนานใช้เพียงมือเปล่าสลายคลี่คลายไปได้ทั้งหมดอย่างง่ายดาย

    เหล่าศิษย์ที่เห็นพากันลอบคิดในใจกันอย่างวุ่นวาย

    “นะ นี่ นี่ท่านเจ้าสำนักนั้นพลังฝีมือระดับใดกัน..??”

    “นั่นอัสนีเคราะห์ระดับทัณฑ์สังหารเชียวนะ ใช้มือเปล่าเนี่ยนะ..!!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×