คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 ภาค3 แรกสัมผัส
ฟูม..!!
ณ ทวีปจิงโจว ในป่าแห่งหนึ่งที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นขณะนี้พลังวิญญาณอันมหาศาลภายในใจกลางป่าเกิดการรวมตัวอย่างรวดเร็ว พลันปรากฎประตูรอยแยกมิติที่ถูกควบคุบกำกับไว้ด้วยอักขระวิญญาณสีทองอร่ามนับพันตัวก่อเกิดเป็นประตูมิติค่ายกลวัฏกะจักรดาราที่แผ่พุ่งพลังอันมหาศาลออกมา
เพียงชั่วอึดใจได้มีเท้าขวาข้างหนึ่งก้าวออกมาจากประตูรอยแยกมิตินั้นอย่างปลอดโปร่ง
“เหตุใดถึงมาโผล่ที่นี่ได้ละเนี่ย..!!”
“อิเตา นี่เจ้าบ่นเรื่องอะไรกัน.?” ฉินหนานที่ก้าวออกมาจากประตูค่ายกลวัฏฏะจักรดาราตามอิเตามาติดๆถามขึ้นด้วยความสงสัย
“จะไม่ให้ข้าบ่นได้อย่างไรเล่า ก็พวกเราเดินทางออกจากป่ามรณะไปตั้งไกลแล้ว ไฉนเราย้อนกลับมาที่นี่อีกเล่า”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือป่ามรณะ มันอาจจะเป็นป่าที่ไหนสักแห่งก็ได้..!!”ต้วนอี้ที่ก้าวออกมาทันทั้งสองพูดคุยกันถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ที่นี่คือป่ามรณะอย่างแน่นอน ทั้งพลังวิญญาณที่เข้มข้น ทั้งพลังฟ้าดินที่หนาแน่นถึงปานนี้ อีกทั้งยังมีพลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินที่เป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้คงไม่มีที่อื่นอีกแล้วหล่ะ ที่สำคัญโน่น เจ้าดูโน่น ก้อนหินและต้นไม้ที่พวกเจ้าใช้พลังสัจจะวิถีธาตุน้ำทำลายยังมีร่องรอยอยู่เลย”
อิเตาบ่นอุบอิบพลางยกมือชี้ไปหินก่อนหนึ่งที่มีร่องรอยคล้ายถูกกระบี่ฟันอยู่เกลื่อนกราดและต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีรูขนาดใหญ่เท่ากำปั้นปรากฎอยู่ซึ่งเป็นฝีมือของทั้งต้วนอี้และต้วนเทา
“แล้วเจ้าจะให้พวกเราตั้งพันกว่าคนเดินทางไปที่สำนักบันทึกสวรรค์ของข้าหมดนี่หรืออย่างไร.? อย่าลืมว่าฉินหนานสามารถพาเราข้ามห้วงมิติไปยังที่หมายได้ในพริบตานะ”ต้วนอี้กล่าวพลางยกมือตบไหล่อิเตา
“ใช่แล้วเรื่องสำคัญตอนนี้คือหาที่พักสำหรับรองรับคนจำนวนกว่าพันคนให้เพียงพอก่อนต่างหาก”ต้วนเทากล่าวออกมาทันทีที่ก้าวออกมาจากประตูมิติค่ายกลวัฏฏะจักรดารา
ฟูม..!!!
อึก..!!
แต่แล้วในทันทีที่เหล่าศิษย์นับพันของสำนักเจ็ดนิรันดร์ ก้าวขาออกมาจากประตูมิติค่ายกลวัฏจักรดารา ศิษย์หลายร้อยคนต้องรีบทรุดนั่งขัดสมาธิกับพื้นทำการปรับพื้นฐานพลังอย่างรวดเร็ว
ไม่เว้นแม้แต่พวกจางเต๋าและเหล่าพี่น้องคนอื่นๆก็กระทำเช่นเดียวกัน
นี่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในการฝึกฝนดังที่ฉินหนานคาดการณ์ไว้แล้วว่า ค่ายกลรวบรวมพลังฟ้าดินที่ตนสร้างไว้ที่สำนักเจ็ดนิรันดร์ที่ทวีปหลงซานนั้นสามารถช่วยให้การบ่มเพาะก้าวหน้ากว่าคนทั่วไปได้ถึงหกส่วน
แต่เมื่อมายังทวีปจิงโจว ที่กฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินโดยธรรมชาติสามารถช่วยหนุนนำให้การบ่มเพาะก้าวหน้าปราศจากการขวางกั้นที่ทำให้การบ่มเพาะติดขัด ซึ่งต่างจากทวีปหลงซาน
ทำให้เหล่าผู้คนจากทวีปหลงซานเมื่อมาถึงยังทวีปจิงโจวแห่งนี้ร่างกายพลันถูกยกระดับและระดับการบ่มเพาะก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
ครืน..!!
ครืน.!!
ครึน..!!
ไม่ถึงชั่วยามบนเวิ้งฟ้ากลางอากาศส่งสัญญาณความแปรปรวน เมฆสีเทาดำทมึนก่อตัวปกคลุมทั่วท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องคำรามสนั่นหวั่นไหวทั้งสิบทิศ
ตูม!
บนเวิ้งฟ้าที่ก่อนหน้านิ่งสงบพลันก้องเสียงฟ้าคำรามขึ้นมา เสียงนั้นดั่งกลองเทพสะท้อนอยู่ในใจของคนภายในป่ามรณะอย่างหนักหน่วง ทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีทันที
ขณะเดียวกันทั้งเมืองที่อยู่รอบๆแต่ห่างออกไปนับร้อยลี้ ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนรู้สึกเพียงในใจพลันสั่นสะท้าน ขนลุกไป ทั้งตัวเหมือนถูกดวงตาสวรรค์จับจ้อง!
“นี่คือ...”
สายตานับไม่ถ้วนมองไปบนเวิ้งฟ้ากันพรึ่บพรั่บ
ในเวลานี้เหล่าศิษย์จากสำนักเจ็ดนิรันดร์นับร้อยคนจะต้องเผชิญกับสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์
นี่คือสิ่งที่รู้ร่วมกันของการฝึกปราณ
สายฟ้าเคราะห์นี้ เมื่อข้ามผ่านก็สามารถหลุดพ้นจาก ปราณห้าระดับใหญ่ ยืนตระหง่านอยู่ในระดับที่อยู่ สูงยิ่งกว่าได้
หากผ่านไม่ได้ ถ้าไม่ร่างมอดม้วยสูญสลาย ก็จะตกสู่ระดับกึ่งเป็นตาย
บนเวิ้งฟ้า เมฆาเคราะห์หนาทึบเกินกว่าธรรมดา หลายโข เรียกได้ว่าสะท้านโลกหาได้ยากยิ่ง
คณาเคราะห์ระดับนี้ ที่ผ่านมาล้วนยากจะได้พบเห็นสักครั้ง ใครจะไปจินตนาการว่าปุบปับจะมีผู้แข็งแกร่งนับร้อยคนข้ามเคราะห์พร้อมกัน
วู้ๆๆ.!!
กลางฟ้าดินมืดสลัวชวนกดดันหาใดเปรียบ ลมกระโชกพัดแรง โหยหวนกลางฟ้าดิน ประหนึ่งเสียงมาร
พรึบ..!!
จางเต๋าที่ขัดสมาธิหลับตาอยู่พลันลืมตาขึ้น สะบัดข้อมือเรียกหอคอยท้าอัสนีที่ฉินหนานเคยมอบให้ออกมาจากแหวนมิติเตรียมถ่ายเทพลังวิญญาณเพื่อเปิดใช้งาน
“พี่ใหญ่ไม่ต้องรบกวนท่าน สายฟ้าเหล่านี้เดี๋ยวข้าจัดการเองขอรับ.!!”
ฉินหนานที่เห็นท่าทีของจางเต๋ารีบเอ่ยปากห้ามปรามเอาไว้ทันท่วงที
ครืน..!!
เปรี้ยง..!!
อัสนีทัณฑ์สวรรค์สีแดงฉานราวกับสีของโลหิตฟาดฟันลงมาจากท้องฟ้า เหล่าบรรดาศิษย์ที่ยังมิได้ถึงช่วงก้าวข้ามทะลวงเขตแดนทันทีที่ได้เห็นปรากฎการณ์ประหลาดบนท้องฟ้าต่างพากันขวัญหนีดีฝ่อยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ
ถึงแม้ว่ายามเมื่ออยู่ในสำนักเจ็ดนิรันดร์ที่ทวีปหลงซาน จะได้พบเห็นสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์อยู่บ่อยครั้ง ทว่ายังไม่เคยพบเห็นการก้าวข้ามเขตแดนพร้อมกันมากถึงเพียงนี้
ตู้ม..!!
ท่ามกลางเมฆาเคราะห์ มีเสียงฟ้าคำรามก้องกระหึ่ม ณ ที่นี้ สะเทือนฟ้าสะท้านดิน พาให้สิบทิศสั่นสะเทือน
สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า อสนีเคราะห์สีเงินหนาใหญ่ไร้ทัดเทียมสายแล้วสายเล่าพลิกตลบ ประหนึ่ง มังกรอสนีตัวแล้วตัวเล่ากำลังพลิกม้วนลำตัว สว่างจ้า พร่าตา แผ่กลิ่นอายประหนึ่งทำลายล้างโลกหล้าออกมา
ผู้ฝึกปราณภายนอกป่ามรณะ และเหล่าศิษย์ของสำนักเจ็ดนิรันดร์ที่มิได้ทะลวงเขตแดนมากมายต่างสั่นเทิ้มไปทั้งตัว รู้สึกถึงความหวาดผวาและหดหู่หาใดเปรียบ
นี่คือเคราะห์สวรรค์ เป็นคณาเคราะห์จากแดนสวรรค์!
ภายใต้คณาเคราะห์ สรรพชีวิตดุจมดน้อย!
“มาแล้ว!”
จางเต๋าเงยหน้าขึ้นขวับ สีหน้ามุ่งมั่น
ขณะเดียวกันศิษย์พี่น้องคนอื่นๆ และศิษย์ของฉินหนานอีกสิบเอ็ดคนต่างก็เงยหน้ามองเวิ้งฟ้า
ภายในใจต่างคิดว่าทัณฑ์สวรรค์ที่รุนแรงเช่นนี้ ต่อให้เป็นหอคอยท้าอัสนีก็ไม่แน่ว่าจะทนไหว พากันมีสีหน้าเคร่งขรึม มองความตายประหนึ่งหวนสู่ถิ่นเดิม
บนเวิ้งฟ้าเมฆาเคราะห์หอบม้วน อัสนีเคราะห์สีเงินสว่างวาบก้องกระหึ่ม จวนเจียนจะมาเยือนแล้ว!
พวกที่จะทะลวงเขตแดนต่างไม่พูดไม่จา ไม่มีคนชะล่าใจ
ตูม!
เสียงกึกก้องสายหนึ่งดังขึ้น พาให้สรรพชีวิตหวาดผวา ยังคิดว่าเคราะห์สวรรค์เริ่มมาเยือนแล้ว
ในใจพวกจางเต๋าและเหล่าศิษย์คนอื่นๆเองก็เต้นกระหน่ำ กำลังตั้งท่าจะกรูออกไปรับเคราะห์สวรรค์
เพียงแต่สิ่งที่ทําให้ผู้ที่จะทะลวงเขตแดนต่างตั้งตัวไม่ทันก็คือ เสียงคำรามสนั่นสายนี้หาได้มาจากเวิ้งฟ้า แต่มาจากตัวของฉินหนาน.!
เขาในเวลานี้แหงนหน้าขึ้นมองเวิ้งฟ้า เรือนผมสีดำทั่วศีรษะโบกสะบัด เงาร่างสูงเด่นราวกับหอก ไม่รู้ถูกแสงรัศมีเจิดจ้าพร่าตาห้อมล้อมตั้งแต่เมื่อไหร่
ทั่วทั้งตัวราวกับหุบเหวใหญ่ที่พาดขวางกลางฟ้าดินเสมือนจะกลืนกินแปดทิศ
เรือนผมยาวของฉินหนานโบกสะบัด นัยน์ตาดำลุ่มลึกและเยียบเย็น ทอประกายวาววับชวนสยอง เงาร่างของเขาหยัดยืนสันโดษ อาภรณ์สะบัด สีหน้าสงบนิ่ง ถึงขีดสุดจนผิดธรรมดา ที่มุมปากฉินหนานผุดเส้นโค้งเย็นยะเยือกขึ้นมา
พรึบ..!!
วืด..!!
ฉินหนานสาวเท้าเยื้องย่างไปด้านหน้า พริบตาเดียวก็ไปปรากฎตัวอยู่กลางอากาศด้วยพลังแห่งห้วงมิติ
เปรี้ยง..!!
ตูม..!!
อัสนีเคราะห์สายแรกฟาดฟันลงมา เสียงกึกก้องสายนั้นทำให้ห้วงอากาศแตกกระจุย
แต่ทว่าเห็นเพียงฉินหนานยื่นมือออกไปลวกๆ สายฟ้าสีเงินตามมาด้วยสีแดงฉานพุ่งเข้าไปที่ฝ่ามือขวาของฉินหนานราวกับถูกพลังลึกลับดึงดูดเข้าไป
เหล่าพี่น้องของฉินหนานและศิษย์สาวกสำนักเจ็ดนิรันดร์คนอื่นๆที่ได้เห็นเหตุการณ์ต่างพากันตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่ฉินหนานยื่นมือออกไปก็สามารถช่วยสลายเคราะห์อัสนีแบ่งเบาการทะลวงด่านให้พวกตนได้อย่างง่ายดาย
“ไข่มุกอัสนีเก้าชั้นฟ้า..!!”
สหายทั้งสามของฉินหนานเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าถึงกับกล่าวออกมาอย่างลืมตัว
ภายในกายของฉินหนานยามนี้ปรากฎกระแสพลังที่อบอุ่นไหลเวียนทั่วทั้งร่าง ไข่มุกอัสนีเก้าชั้นฟ้าส่งสัญญาณกระปรี้กระเปร่าราวกับมีชีวิต เสมือนปลาที่ได้น้ำอีกครั้งประหนึ่งพืชพรรณที่แห้งแล้งได้รับน้ำในฤดูฝน
“ยืนเหม่ออะไรกัน รีบตั้งสมาธิทะลวงด่านดูดซับพลังฟ้าดิน..!!” ฉินหนานที่เห็นทุกคนตกอยู่ในภวังค์จนลืมสิ่งที่ทำรีบกล่าวเตือนสติในทันที
เปรี้ยง..!!!
เปรี้ยง..!!
อัสนีเคราะห์อีกสองสายผ่าลงมาติดกันแต่ก็ถูกฉินหนานใช้เพียงมือเปล่าสลายคลี่คลายไปได้ทั้งหมดอย่างง่ายดาย
เหล่าศิษย์ที่เห็นพากันลอบคิดในใจกันอย่างวุ่นวาย
“นะ นี่ นี่ท่านเจ้าสำนักนั้นพลังฝีมือระดับใดกัน..??”
“นั่นอัสนีเคราะห์ระดับทัณฑ์สังหารเชียวนะ ใช้มือเปล่าเนี่ยนะ..!!”
ความคิดเห็น