ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรมาจารย์จิตวิญญาณสะท้านภพ3

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่8 ภาค3 จิตขับเคลื่อน

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 65


    พรวด!

    เจียงซือที่อยู่ไกลออกไปเดิมทีไอสังหารพวยพุ่ง หมายจะใช้พลังแท้จริงกำราบอิเตาเพื่อระบายความแค้นในใจ ทว่าเขาในตอนนี้กลับกระเด็นลอยออกไปเหมือนว่าวที่เชือกขาด ปากกระอักเลือด แม้แต่สีหน้ายังเปลี่ยนเป็นซีดเซียวในบัดดล

    เสียงดังกึ่งหนึ่งครา ร่างของเจียงซือร่วงยุบลงบนพื้น กระแทกจนที่ตรงนั้นแตกเป็นเสี่ยง ฝุ่นควันตลบฟ้า

    “นี่...”

    ทั่วทั้งลานปากอ้าตาค้าง

    หลังจากที่เจียงซือสำแดงอานุภาพโดยมิได้ยับยั้งพลังอีกต่อไป อานุภาพน่าหวาดกลัวนั้นได้สั่นสะท้านหัวใจของทุกผู้คนตั้งแต่ต้นเอาไว้แล้ว ต่างลอบเป็นกังวลแทนอิเตากันถ้วนหน้า

    อย่างไรเสียในตอนนั้นแม้แต่บุคคลชั้นยอดระดับ เต๋าแท้จริงขั้นปลายยังหยุดสามกระบี่ของเจียงซือเอาไว้ไม่ได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อิเตาที่เพิ่งครอบครองพลัง การบ่มเพาะระดับปราณฟ้าจะไหวหรือ

    ทว่าผลลัพธ์กลับทําให้ผู้คนอึ้งงัน ทันทีทีชิงเจ๋อ ปล่อยกระบี่พิฆาตออกไป กลับพ่ายแพ้อย่างสุดจะทนยิ่ง กว่าเมื่อครู่เสียอีก!

    นี่เป็นเพียงความคิดของคนทั่วไปที่มิได้รู้ว่าแท้จริงแล้วมีพลังเทียบเท่ากับเจียงซือ มิหนำซ้ำยังมีคุณภาพที่ดีกว่า แม้กระทั่งยังสามารถหยั่งรู้เข้าใจกฎเกณฑ์พลังแห่งฟ้าดินได้อีกด้วย

    ภาพนี้เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไป

    “สวรรค์ ก่อนหน้านี้พวกเราทึ่มที่เป็นกังวล แทนศิษย์พี่อิเตากันชัดๆ!”

    เหล่าศิษย์ผู้ฝึกปราณที่รู้ความจริงและเชื่อมั่นในตัวอิเตาเวลานี้ต่างตะลึงเล็กน้อย

    แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ทำลายศัตรูอย่างง่ายดายเหมือนพังไม้ผุ ฝีมือเช่นนี้เกรี้ยวกราดเผด็จการเกินไปแล้ว!

    “เป็นไปไม่ได้!”

    บุคคลสำคัญของสำนักอักษรเทียนจงตกใจจนแทบโดด ผลุงขึ้นมา เดิมทีพวกมันมั่นใจเต็มอก กำลังเตรียมชมเรื่องสนุก แต่ไหนเลยจะคาดคิดว่าพริบตาเดียวกลับเป็นเจียงซือที่พ่ายแพ้ไปเสียได้!

    ยังดีที่พวกเขามีบทเรียนจากคราวก่อน ไม่กล้าส่งเสียงออกไป เพราะหลายคนเริ่มจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนมีคนมาบุกรุกทำลายสิ่งปลูกสร้างของสำนัก ตบซัดเจียงซืออัดใส่หน้าผาด้วยการโจมตีเดียวคือชายหนุ่มที่ยื่นอยู่อีกฝั่งของลานประลองนั่นเอง เมื่อพวกตนส่งเสียงไปเกรงว่าชายหนุ่มผู้นั้นหากลงมือเกรงว่าต่อให้ยกกันมาทั้งสำนักก็ไม่อาจต้านไว้ได้

    “ศาสตราจิตวิญญาณ นั่นเป็นถึงศาสตราจิตวิญญาณ…”

    นัยน์ตาผู้แข็งแกร่งหลายคนวับวาว ค่อนข้างไหวหวั่นสะเทือนอารมณ์ จับจ้องไปยังคมกระบี่ขาวแวววาวที่วนอยู่รอบกายอิเตา สีหน้าปรวนแปร

    พวกเขาที่รู้ดีว่าการพ่ายแพ้ครั้งนี้ของเจียงซือนั้น สมควรแล้ว เพราะนั่นเป็นศาสตราจิตวิญญาณขนานแท้! ต่อให้ เป็นในสำนักอักษรเทียนจงก็ยังเป็นสมบัติล้ำที่เรียกได้ว่า มีค่าเหลือล้นพบเห็นได้น้อยมาก

    เพียงแต่... ท้ายที่สุดผลลัพธ์นี้ช่างทำให้ผู้คน หดหู่เหลือเกิน!

    “ฮ่าๆ วะฮะฮ่าๆ...” คังซือหลิงที่อยู่ไกลออกไป หัวเราะจนเหมือนจิ้งจอกเฒ่าที่ขโมยลูกไก่ได้อย่างไร อย่างนั้น

    ส่วนหน้าประตูทางเข้าสำนักอักษรเทียนจง สมาชิกและบุคคลระดับสูงของสำนักที่ยังภักดี ทั้งหมดต่างกู่ร้องขึ้นอย่างเป็นเกียรติ

    “ข้าจะฆ่าเจ้า!”

    ในที่นั้นเจียงซือตะกายขึ้นมาจากพื้น ส่งเสียงตะโกนเดือดดาลเย็นเยียบ เขาไม่ยินยอมในใจโกรธเกรี้ยวเฉียวฉุน ไม่อาจยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้

    ยังไม่ทันงัดพลังทั้งหมดออกมาใช้ก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแล้ว นี่เป็นความอัปยศยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย!

    “พิฆาต!”

    เจียงซือในขณะนี้ไม่อาจรักษาท่วงท่าเป็นเอกเทศวางตัว ตามสบายเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เรือนผมสีเงินของ เขาเต้นพล่านใบหน้าเขียวคล้ำ เงาร่างประหนึ่งภูเขาไฟ ลุกไหม้ เผาทำลายห้วงอากาศ เรียกกระบี่วิญญาณสี เขียวเล่มหนึ่งพุ่งสังหารออกมา

    เวลานี้เจียงซือเขาเหมือนดวงอาทิตย์ลุกโชนสีเขียวดวง หนึ่งกำลังปะทุเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แทบอยากเอาชีวิต อิเตาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

    เพียงแต่อิเตากลับไร้ซึ่งความเกรงกลัวตั้งแต่ต้น!

    ถ้าหากก่อนหน้านี้เจียงซือไม่ใช้วิชาลับวิถีกระบี่นั้น ออกมา บางทียามที่อิเตาต่อสู้กับเขาอาจจะยังชักช้า เสียเวลาอีกหน่อย ทว่าตอนนี้

    ผลลัพธ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว!

    “เจ้าแพ้แล้ว ขัดขืนไปก็เปลืองแรงเปล่า”

    อิเตาเอ่ย กระบี่นภาครามแปรเป็นสายรุ้งขาวกระจ่าง ราวโปร่งแสง ส่งเสียงคำรามก้องกังวาน พุ่งโฉบออกมา แสนมหัศจรรย์

    นี่เป็นวิชาแห่งจิตขับเคลื่อนที่ฝึกฝนมาจากเคล็ดวิชามรรคสงัดนิรันดร์เช่นเดียวกัน ทว่าสิ่งที่อิเตาใช้พลังจิตควบคุมคือศาสตราจิตวิญญาณแท้จริง ส่วนที่เจียงซือใช้กลับเป็นกระบี่ลับที่ควบรวมมาจากพลังจิตวิญญาณ

    นี่จึงจะเป็นความแตกต่างของทั้งสอง ซึ่งส่งผลให้พลานุภาพบังเกิดความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

    เห็นได้ชัดว่าเจียงซือเองก็ตระหนักถึงจุดนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการลงมือครั้งนี้จึงเรียกกระบี่วิญญาณสีเขียวเล่มหนึ่งออกมา

    ชิ้ง!

    การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง กระบี่นภาครามดุจสายรุ้ง ลอย ล่องราวภาพฝัน อัศจรรย์และโปร่งแสง สลายการโจมตี ของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

    ฟืด..!!

    โฮก..!!

    ขณะที่ต่อสู้ อิเตาสูดลมเข้าเต็มปอดสำแดง ‘วิชามังกรคำราม’ที่เรียนรู้มาจากหรงเหวิน คลื่นเสียงสนั่นฟ้าสะเทือนดินแปรเปลี่ยนเป็นมีรูปร่างกลายเป็นคลื่นแผ่ซ่านออกไป ซัดทำลายห้วงอากาศ ปกคลุมทั่วสารทิศ

    พลันเห็นเจียงซือที่ต่อสู้ดุเดือดส่งเสียงร้องอึดอัด ทั่วร่างสั่นเทิ้มไม่รู้จบ

    “ต่ำช้า!”

    นัยน์ตาของเขาน่ากลัว ลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ ก่อนหน้านี้เขาถูกกระบี่นภาครามทำร้ายพลังจิต และตอนนี้ยัง ถูกคลื่นเสียงอันน่ากลัวนั้นพุ่งจู่โจมจิตวิญญาณอีกด้วย พลันรู้สึกรับไม่ไหวขึ้นมาในบัดดล

    “ต่ำช้าหรือไอ้ระยำหมา? นี่คือการต่อสู้ เจ้าเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักอักษรเทียนจง ที่มีการบ่มเพาะสูงส่งอยู่ในขั้นเต๋าแท้จริง ยังต้องให้ข้าสอนเจ้าอยู่หรือ”

    อิเตาพูดไปพลางสำแดงก้าวย่างเมฆาไร้ลักษณ์ไปด้วย โจมตีออกไปอย่างแกร่งกล้า

    อิเตาเขาคิดสยบคู่ต่อสู้ ครั้งนี้จึงไม่ได้ยั้งมือใดๆ หมาย จะพิชิตชัยในอึดใจเดียว ยุติการดวลนี้ไปเสีย

    ตูม!

    เงามายาสีดำทมิฬราวภูติพรายทะยานกลางอากาศ แผดคำรามเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ส่วนความเร็วของอิเตานั้นได้บรรลุถึงระดับที่น่าตกใจ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ผมยาวของเขาปลิวสยายไปด้านหลัง นัยน์ตาดำราวหุบเหว ยามนี้ได้แสดงให้เห็นถึงอานุภาพของตนโดย สมบูรณ์แล้ว ท่วงท่าอันแสนเหยียดหยันไร้เทียมทานนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วลาน

    เจียงซือบันดาลโทสะ แข็งขึ้นสู้ไม่ยอมหลบหลีก

    โครม!

    ห้วงอากาศแถบนี้ราวกับถูกระเบิด กระบี่นภาครามร่าย รำ คมกระบี่ว่ายเวียน แสงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่านแผ่ซ่าน กวาดม้วนทั่วสารทิศราวกับน้ำไหลหลากก็ไม่ปาน

    ผู้ฝึกปราณที่จับตามองศึกครั้งนี้ต่างนิ่งงันไปแล้ว ก่อนหน้านี้ความสามารถของเจียงซือแข็งแกร่งตั้งเท่าไร แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอิเตาในยามนี้ ถึงกับถูกสยบจนเกือบโงหัวไม่ขึ้น!

    ส่วนสีหน้าของเหล่าอาวุโสและเหล่าศิษย์ที่ทรยศล้วนเปลี่ยนเป็นเหยเกถึงขีดสุด ผลลัพธ์นี้ทำให้พวกเขา ยากยอมรับเป็นอย่างยิ่ง ความสามารถของอิเตาเจิดจ้าขึ้นทุกที ยิ่งทำให้พวกเขาหงุดหงิดและอัดอั้นขึ้น เรื่อยๆ นี่มันยากรับไหวเหมือนกินแมลงวันตายชัดๆ!

    “ไอ้เด็กนี่แท้จริงแล้วมีการบ่มเพาะเช่นไร.?”

    ปังๆๆ!

    เจียงซือรู้สึกเพียงว่าเลือดลมพลิกตลบ ถูกซัดสะเทือนจนมือไม้ชาวาบ จิตวิญญาณกวัดแกว่ง มีความรู้สึกโกรธแค้นและอัดอั้นที่บรรยายไม่ถูก

    นี่เป็นไปได้อย่างไร

    เขาไม่อยากเชื่อ

    เขาก้าวสู้อันดับผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในระดับ เต๋าแท้จริงมาสองร้อยกว่าปีแล้ว พลังต่อสู้โดดเด่นน่าทึ่งเหนือ ธรรมดา แม้แต่ในกลุ่มผู้บ่มเพาะทั่วสารทิศยังเรียกได้ว่าเป็นระดับผู้อาวุโส แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับเต๋าแท้จริงขั้นสมบูรณ์ยังไม่อยู่ในสายตาเขา

    ทว่าตอนนี้เขากลับถูกกำราบ ซ้ำยังถูกเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ระดับการบ่มเพาะคนหนึ่งกำราบอีกด้วย!

    สภาพจิตใจของเจียงซือแน่วแน่เสมอมา เพียงแต่ในยามนี้เขากลับรู้สึกเสียหน้าหาที่เปรียบ อึดอัดสุดจะทน ถ้าหากถูกโจมตีจนปราชัย เมื่อข่าวแพร่สะพัด คงทำให้เขาไม่พ้นเป็นตัวตลกอย่างแน่นอน!

    เคร้ง!

    ไม่นานอิเตาก็ขับเคลื่อนกระบี่นภาคราม ปะทะสะบั้น กระบี่วิญญาณของเจียงซือจนเกิดเสียงเล็กแหลม

    ขณะเดียวกันอิเตาสาวเท้าออกมา ชักนำพลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินควบรวมกดฝ่ามือลงกลางอากาศ ประทับ ‘เคล็ดวิชาหนึ่งหัตถ์ประทับดารา’ ที่ควบแน่นสายหนึ่งปลดปล่อยแสงจ้าล้นหลามกดทับบนตัวเจียงซือ

    ตูม!

    เจียงซือถูกซัดจนลอยขว้าง ทรวงอกเว้ายุบ เลือดข้นพุ่งสาด

    ณ ที่นั้นเกิดเสียงฮือฮาโกลาหลในบัดดล เจียงซือถูกกำราบอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ฝึกปราณของสำนักอักษรเทียนจง ต่างรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่

    ทว่าในเวลาเดียวกัน พลังต่อสู้อันกล้าแกร่งที่อิเตาสำแดงออกมา ก็ทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณของสำนักอักษรเทียนจงที่ยังภักดีเลือดร้อนพลุ่งพล่าน รู้สึกถึงความฮึกเหิมและประหลาดใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    แน่นอนใครเลยจะเคยจินตนาการ ว่าเด็กหนุ่มที่เมื่อสามปีก่อนมีระดับการบ่มเพาะแค่ปราณฟ้าคนหนึ่งถึงกับสามารถสยบผู้อาวุโสใหญ่ที่มีชื่อเสียงมาหลายร้อยปีจนโงหัวไม่ขึ้นได้

    นั่นอาจทำให้การยึดอำนาจของเจียงซือและพวก ทำลายเชื้อร้ายจากสำนักมารโลหิตที่แฝงเข้ามากัดกินในสำนักมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นหลายสิบส่วน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×