คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่7 ภาค3 ติดกับ
ฝุ่นควันจางลงหลังการปะทะครั้งล่าสุดระหว่างอิเตาและหลางเทียน
พลันเห็นกลางลาน ผมดำสนิทของอิเตาพลิ้วไสว ทั่วกายรายล้อมด้วยแสงมรรคสุดพิสุทธิ์เปล่งประกายดุจ ภาพมายา ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นประดุจเทพเซียน สันโดษ ทั่วร่างไร้ซึ่งการบาดเจ็บใดๆ
เขาเหลือบมองหลางเทียนแล้วกล่าวว่า
“สำแดงพลัง ทั้งหมดของเจ้าที่สุดแสนจะภูมิใจดีกว่า ไม่เช่นนั้นเจ้าคงต้องพ่ายแพ้อย่างไม่น่าพิสมัยเท่านั้นแล้ว”
ทั่วลานไร้สุ่มเสียง เงียบสงัดหาที่เปรียบ
ไกลออกไป หลางเทียนปาดคราบเลือดตรงมุมปาก ออกเบาๆ สีหน้าเริ่มขาวซีดเล็กน้อย บริเวณไหล่ซ้ายของเขา ประทับรอยฝ่ามือที่กดลึกรอยหนึ่ง มีเลือดสดไหลนองออกมาน่าสยดสยองยิ่ง
ภาพเช่นนี้ทำให้ทุกคนล้วนสะท้านไหว
ก่อนหน้านี้หลางเทียนแสดงออกอย่างถือดีและเหยียดหยามมากเพียงใด ทำเอาผู้ฝึกปราณมากมาย ต่างคิดไปว่าการดวลครั้งนี้อิเตาคงเสียเปรียบ ตกที่นั่งลำบาก และเป็นไปได้ว่าอาจพ่ายแพ้
ทว่าเมื่อการต่อสู้เปิดม่านขึ้น ทั้งสองห้าหั่นกันก็เห็นได้ชัดว่าหลางเทียนไม่อาจเปรียบติด
“หลางเทียนเจ้ากลับมาได้แล้ว..!!” ในที่สุดเจียงซือก็อดรนทนไม่ไหวกับความอับอายที่ศิษย์ของตนสร้างขึ้นก่อนจะก้าวออกไปกล่าวต่อ
“เด็กน้อยเจ้าคิดหรือว่า การที่เจ้ามีฝีมือเช่นนี้จะทำให้เจ้ามีโอกาสแก้ตัวและพ้นโทษจากการที่เจ้าร่วมมีฝือกับอาจารย์ของเจ้าทำร้ายท่านเจ้าสำนัก.?”
“ไอ้ระยำหมาเจียงซือ..!!อย่ามาใส่ร้ายข้ากับอาจารย์ เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจว่าใครเป็นคนลอบทำร้ายท่านเจ้าสำนัก”
“ดี..!! ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับวันนี้ข้าจะสำเร็จโทษเจ้า เพื่อเป็นตัวอย่างให้ศิษย์คนอื่นๆในสำนักดูว่าโทษของคนทรยศคือตาย..!!” เสียงของเจียงซือผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักอักษรเทียนจงที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขั้นเต๋าแท้จริงมากว่าร้อยปีแล้ว
“ผู้อาวุโสใหญ่จัดการมันเลย..!!”
“ฆ่ามันให้ได้..!!”
“ล้างแค้นให้ศิษย์ที่ตายในการตามล่ามัน จับมันมาทรมานจนตายไปเลย..!!”
เสียงโห่ร้องของเหล่าศิษย์ผู้ที่ถือหางเจียงซือดังฮึกเหิม ต่างคาดหวังว่าจะได้ชมผู้อาวุโสใหญ่แสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์
เพียงแต่เสียงโห่ร้องและความฮึกเหิมไม่ได้ดำรงอยู่นานก็ต้องหยุดชะงักทันที บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดและตึงเครียดอีกครั้ง
เหตุผลนั้นอยู่ที่กลิ่นอายของเจียงซือในลานต่อสู้เกิดการ เปลี่ยนแปลง มีกลิ่นอายน่ากลัวอันไร้รูปแผ่ซ่านออกจากรอบกายของเจียงซือ ดุจดังสัตว์ปีศาจบรรพกาลฟื้นตื่น จากการหลับใหล ทำให้ผู้ฝึกปราณสำนักอักษรเทียนจงนับหมื่นทั่วลาน ต่างสั่นงักทั่วสรรพางค์กาย รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันลึกลับ
อิเตาเหลือบมองฉินหนาน ทั้งสองแสยะยิ้มให้แก่กันอย่างเจ้าเล่ห์รู้กันราวกับนัดแนะไว้ก่อน
“ในที่สุดมันก็ติดกับพวกเรา..!!”
เจียงซือในเวลานี้รอบกายรายล้อมด้วยเปลวไฟ ศักดิ์สิทธิ์สีดำพลุ่งพล่าน เรือนผมสีเงินปลิวสยาย เปล่งประกายราวกับน้ำตกสีเงิน นัยน์ตาทั้งคู่ทอแสงศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวออกมา
หากกล่าวว่าเจียงซือก่อนหน้านี้เป็นเหมือนคมดาบ ไร้เทียมทานเล่มหนึ่ง เช่นนั้นเขาในตอนนี้ก็เป็นดั่ง ภูเขาไฟที่เดือดพล่าน บรรจุกลิ่นอายน่ากลัวเหมือนจะ ล้างจักรวาลผลาญพิภพก็ไม่ปาน!
“มีพลังนิดหน่อยทำเป็นได้ใจ ยังไม่รีบมอบชีวิตมา..!!”
เสียงของเจียงซือราบเรียบ ทว่าพลังอำนาจกลับน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาลุกโชนแสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่ง
“เพียงแต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าแค่นี้ก็จะทำให้เจ้าเห็นโอกาสรอดชีวิตได้แล้ว”
ยามเอ่ยวาจาผู้อาวุโสใหญ่เจียงซือก้าวออกมาก้าวหนึ่ง ห้วงอากาศพลับยุบทลายแผดคำราม พลานุภาพปานล้างผลาญ เช่นนั้นทำให้บุคคลชั้นยอดระดับเต๋าแท้จริงอย่างเหล่าพี่น้องของฉินหนานยังสนใจ
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
บางทีนี่จึงจะเป็นพลังแท้จริงที่เจียงซือมีในครอบครอง
อาจเป็นเพราะเขาเหยียบย่างอยู่บนมรรคาของเขตแดนเต๋าแท้จริงมากว่าร้อยปีเป็นไปได้ว่าอาจจะสามารถหยั่งรู้มรรคาที่แข็งแกร่งได้
“ดี!”
ศิษย์ชั้นในแห่งสำนักอักษรเทียนจงที่แปรพักตร์คนหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นในใจ ถึงกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วพลันเจอเข้ากับความไม่พอใจของพวกอิเตาในบัดดล
ศิษย์ทรยศผู้นั้นรู้ว่าเสียกิริยาก็หุบปากทันที แต่ภายในใจกลับหัวเราะเย็นชาขึ้นมา เขารอคอยการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงอย่างยิ่ง
แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับเจียงซือที่แกร่งกล้า อิเตาก็กำลังสาวเท้าเช่นเดียวกัน ไม่ได้หลบเลี่ยง รูปร่างของเขาสูงโปร่ง โดดเด่นไม่แปดเปื้อนมลทิน รอบกายมีกลิ่นอายสูงส่งอันสมบูรณ์ประการหนึ่ง
“ข้าเพียงแต่ไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง เจ้าก่อนหน้านี้ยังคุยโวว่าจะฆ่าข้าเพื่อสำเร็จโทษคิดจะโยนความผิดให้ข้ากับอาจารย์เป็นแพะรับบาป อุตส่าห์ส่งสัตว์เลี้ยงมาจัดการข้าแต่ทว่าไม่สำเร็จ เห็นท่าไม่ค่อยดีกลับนึกเสียใจขึ้นมาคิดจะเปลี่ยนการกระทำ ปลิ้นปล้อนสับปลับหาเรื่องที่จะลงมือกับข้าเองแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเป็นสิ่งเจ้าทำมาตลอด?”
คำพูดอิเตาฟังดูสบายๆ ยิ่งนัก แต่กลับเจือการถากถางทางอ้อม ผู้ที่ชมดูเหตุการณ์ต่างนึกอยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก ได้แต่กลั้นเอาไว้จนอึดอัดยิ่งนัก
แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้เจียงซือ แสดงออกอย่างถือดียิ่งนัก แต่ทว่ามิได้ห้ามปรามศิษย์ของตนในตอนที่จะลงมือกับอิเตาเห็นได้ชัดว่าหากตนเองลงมือในคราแรกก็เกรงว่าชื่อเสียงของตนจะเสื่อมเสีย แต่เวลานี้เขาไม่อาจวางใจให้อิเตามีชีวิตสืบต่อไปได้อีกแล้ว มิเช่นนั้นแผนการหลายปีของตนจะต้องพังไม่เป็นชิ้นดีแน่
“บังอาจ!”
ไกลออกไปแววตาของเจียงซือเย็นเยียบ คิดไม่ถึงว่าอิเตาถึงกับอาศัยโอกาสนี้ค่อยๆเปิดเผยความจริงที่ตนกำลังทำ
เห็นว่าเจียงซือที่อยู่ในลานสีหน้านิ่งขรึม ท่าทางแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวถึงขีดสุด จ้องไปที่อิเตาแล้วกล่าวว่า
“ก่อนหน้านี้เป็นข้าเกรงใจอาจารย์เจ้าที่อย่างน้อยก็เป็นอดีตผู้อาวุโสของสำนักแต่เจ้า กลับไม่รู้คุณค่ายังมาถากถางข้า ดูท่าเจ้าตั้งใจรนหาที่ตายจริงๆสินะ”
ไอสังหารวนเวียนอยู่ภายในใจของเจียงซือ ก่อนหน้านี้ศิษย์เอกที่เขาแสนจะภูมิใจถูกโจมตีจนบาดเจ็บก็ทำให้เขาเสียหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกอิเตาถากถางต่อหน้าธารกำนัลอีก มันทำให้เขาเดือดดาลอย่างสิ้นเชิง
ตูม!
ในดวงตาของเจียงซือถึงกับมีรอยสลักปริศนา ลักษณะเหมือนกระบี่คู่หนึ่งพึ่งยิงออกมา ตัดสลับกันกลางอากาศ คำรามเสียงดังเคร้งคร้าง ปลดปล่อยกลิ่น อายวิถีกระบี่คมกริบไร้เทียมทานออกมา
ฝั่งผู้ฝึกปราณของสำนักอักษรเทียนจงต่างสูดลมหายใจ หนาวเยือก รับรู้ถึงความน่าหวาดกลัวสุดซึ้ง ตระหนักได้ ว่าเจียงซืองัดวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาใช้
“ผู้อาวุโสใหญ่ถึงกับใช้พลังขั้นนี้จัดการกับเจ้านั่นเนี่ยนะ”
…
“พิฆาต!”
ริมฝีปากของเจียงซือพ่นคำหนึ่งออกมา ไอสังหารพุ่ง ทะยาน ถัดจากนั้นก็เห็นสัญลักษณ์รูปกระบี่เปล่ง ประกายสีเขียวเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากนัยน์ตาของเขา อย่างเฉียบพลัน
สวบ!
สัญลักษณ์รูปกระบี่เปล่งแสง สำแดงคมไร้เทียม ทานราวกับสายฟ้าสีเขียว ทำให้ดวงตาของผู้ฝึกปราณในที่นั้นปวดแปลบเหมือนถูกตัดเฉือนด้วยคมกระบี่
“รุ่งสาง!”
เหล่าผู้อาวุโสบางคนร้องอุทานเสียงหลง ด้วยจำการโจมตีนี้ได้
ตอนนั้นในอดีตเจียงซือก็เคยสำแดง มรดกวิถีกระบี่เช่นนี้ ภายใต้กระบี่นี้เผยลำแสงไร้เทียมทานราวกับพระอาทิตย์แรกโผล่พ้นฟ้า ทำลายล้างความมืดมิด!
เพียงแต่กระบี่รุ่งสางในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าน่ากลัวกว่าเดิมเสียอีก ทั้งยังเป็นจิตวิญญาณกระบี่ไร้รูปที่ควบแน่น ขับเคลื่อนด้วยพลังจิต แน่นอนว่าลึกลับสุดหยั่ง พิฆาต กราดเกรี้ยวหาใดเปรียบ!
พลังจิต!
เป็นพลังจิตวิญญาณที่มีแต่ผู้แข็งแกร่งระดับ ต้นกำเนิดเต๋าขึ้นไปเท่านั้นจึงจะควบรวบออกมาได้
และไม่ต้องสงสัยเลย มรดกวิถีกระบี่ที่เจียงซือครอบครองอยู่นี้ ก้าวหน้าไปถึงขั้นเผยความอัศจรรย์ของพลังจิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วิถีกระบี่เช่นนี้ทอดสายตาแลไปทั่วทวีปจิงโจวต่างเรียกได้ว่าหายากและไร้เทียมทาน พบได้น้อยมากอย่างที่สุด!
การโจมตีนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพลังของเจียงซือ น่ากลัวมากเพียงใด
เพียงแต่ทุกผู้คนล้วนไม่ได้สังเกตเห็น ยามเห็นการโจมตีนี้ ในดวงตาของอิเตากลับผุดแววประหลาดเสี้ยวหนึ่ง
สวบ!
ครู่ต่อมาก็เห็นคมกระบี่ปานดาราเรืองสายหนึ่งพุ่ง ออกมาจากกลางหว่างคิ้วของอิเตาเช่นเดียวกัน ฟ้ากระจ่างดุจทะเลสาบกระจก ดูไปจวนเจียนโปร่งแสง ดั่งแสงระยับเย็นยะเยือกเสี้ยวหนึ่ง เสมือนความฝันฟุ้งเฟ้อ
“กระบี่นภาคราม..!!”
นี่คือมรดกอาวุธสมบัติที่ฉินหนานตั้งใจหลอมให้ อิเตาฝึกฝนจนเป็นวิชาลับจิตขับเคลื่อนอย่างแท้จริง แต่ที่แตกต่างจาก้จียงซือคือ สิ่งที่อิเตาควบคุมบังคับอยู่นั้นคือ “ศาสตราจิตวิญญาณ” ที่แท้จริงเล่มหนึ่ง!
ศาสตราจิตคืออะไร
คือสมบัติที่ใช้ “จิตวิญญาณ” ในการขับเคลื่อน สามารถ เฉือนเทพผี สะบั้นจักรวาลปั่นป่วนสุริยันจันทราได้
สมบัติล้ำค่าเช่นนี้แทบไม่มีให้เห็นบนทวีปจิงโจวทุกวันนี้ มันหายากเกินไป แม้แต่ในมือของสัตว์ประหลาดเฒ่า ระดับเต๋าแท้จริงที่มีอายุหลายพันปีหลายหมื่นปียังไม่มีในครอบครอง
ตูม!
ภายใต้ความสนใจของทุกสายตาทั่วลาน ยามที่กระบี่นภาครามพุ่งโฉบออกมา ก็เห็นกระบี่ลับไร้เทียมทานสายนั้น ที่เจียงซือปล่อยออกมาถูกตัดสะบั้นอย่างง่ายดาย ราวกับกระดาษว่าว ระเบิดกลายเป็นละอองแสงปลิวหาย
กระบี่นี้อานุภาพน่าทึ่งไร้เทียมทานเพียงใด แต่ยังไม่รอให้สําแดงฤทธิ์เดช ก็ถูกอิเตาทําลายทิ้งแบบนี้ ทําให้ทั่ว ทั้งลานต่างอึ้งค้างทันที นิ่งงันอยู่ตรงนั้นยากจะเชื่ออย่างยิ่ง
ความคิดเห็น