ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรมาจารย์จิตวิญญาณสะท้านภพ3

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3 ภาค3 คนคุ้นเคย

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 65


    ทั้งสี่พากันเหาะเหินด้วยความเร็วปานสายฟ้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังใจกลางป่าแห่งหนึ่ง โดยที่ฉินหนานไม่ยอมใช้พลังกฎเกณฑ์แห่งห้วงมิติในการเดินทาง เหตุผลก็คือเพื่อให้สหายทั้งสามได้ขับเคลื่อนพลังภายในและทำให้ชินกับระดับเขตแดนปัจจุบัน

    “ฉินหนานนี่เจ้าจะพาพวกเราไปยังที่ใดกัน?”

    อิเตาถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่ออกเดินทางมาฉินหนานยังไม่ได้บอกวัตถุประสงค์เลยแม้แต่น้อย

    ฉินหนานอมยิ้มกล่าวกับอิเตา “เจ้าตามข้ามาให้ดีเถอะแต่ว่าข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าห้ามร้องไห้ก็แล้วกัน”

    “อย่างข้าเนี่ยนะจะหลั่งน้ำตา.? ฝันไปเถอะ..!!”

    “ถ้าเช่นนั้นเจ้ากล้าพนันกับข้าไหมเล่า ว่ายังไงเจ้าก็หลั่งน้ำตา”

    “ได้ข้าพนันว่าข้าจะไม่ร้องแน่นอน”

    “เช่นนั้นคนละหนึ่งแสนหินปราณเทวะเป็นยังไง.?”

    “ตกลง.!!”

    ในขณะที่ทั้งสองทุ่มเถียงกัน ทางต้วนอี้และต้วนเทาก็ถึงกับหัวเราะ“ฮ่า ฮ่า” พร้อมกับส่ายหัวให้ทั้งสองคน

    “พวกเจ้าเล่นสนุกกันอยู่สองคนได้อย่างไรกัน พวกข้าทั้งสองขอพนันด้วยว่าเจ้าจะต้องร้องไห้แน่นอน”ต้วนอี้กล่าวพลางชี้ไปที่อิเตา

    “เพ้ย..!! แทนที่พวกเจ้าจะช่วยลงพนันฝั่งข้า นี่คิดจะรวมหัวกันแกล้งข้าใช่ไหม.?”

    ต้วนเทาเหาะเข้ามาตบไหล่อิเตากล่าวว่า

    “เอาจริงๆนะ เรื่องแบบนี้พวกเข้าหน่ะเชื่อมั่นในตัวฉินหนานมากกว่าเจ้าเสียอีก”

    “นี่เจ้าจะบอกว่าข้านั้นบ่อน้ำตาตื้นอย่างนั้นสินะ ดี..!!ข้าจะทำให้พวกเจ้าเสียเงินก้อนโต คอยดูกันได้เลย.!!”

    อิเตาพูดจบเพียงอึดใจ ทั้งสี่ก็พากันหัวเราะออกมา

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

    ใช้เวลาถึงสี่ชั่วยาม ทั้งสี่ก็พากันเหาะมาถึงป่าใหญ่แห่งหนึ่งที่มีสภาพรกชื้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังฟ้าดินและสัตว์อสูรจำนวนมหาศาล ทั้งยังมีภูเขาสูงตระหง่านนับพันลูกหุบเหวนับร้อยแห่ง

    ฉินหนานพาทั้งสามมุ่งไปยังหุบเขาใจกลางป่าลึกเก่าแก่ที่คนธรรมดายากจะเข้าถึง ไม่นานทั้งสี่ก็หยุดอยู่ตรงเหวลึกที่มีน้ำตกขนาดใหญ่ เป็นน้ำตกที่สวยงามตระการตาอย่างยิ่ง ละอองน้ำจากม่านน้ำตกฟุ้งกระจายหักเหกับแสงอาทิตย์จนทำให้เกิดสายรุ้งพาดผ่าน ประหนึ่งว่าที่นี่คือแดนเซียน

    “พวกเราเข้าไปกันเถอะ”

    พูดจบฉินหนานโคจรพลังโบกสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ม่านน้ำตกที่อยู่เบื้องหน้าของทั้งสี่ถูกพลังลึกลับสายหนึ่งแหวกออกเผยให้เห็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่าประตูใหญ่บานหนึ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลังม่านน้ำตก

    “นี่เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหลังน้ำตกนี่มีจวนถ้ำอยู่ หรือว่าเจ้าเป็นคนมาสร้างเอาไว้”อิเตากล่าวพลางเอามือถูคางใช้ความคิดมิกล้าวู่วามพุ่งเข้าไป แม้แต่ต้วนอี้และต้วนเทาก็ยังยั้งใจไปผลีผลามเข้าไปเช่นกัน

    นั่นก็เป็นเพราะทั้งสามเมื่อเหยียบย่างเข้าสู่เขตแดนเต๋าแท้จริงก็มีดวงตาที่เฉียบคมมากขึ้น มีสัมผัสที่ล้ำลึกมากขึ้นทำให้สังเกตเห็นว่ารอบๆทางเข้าถ้ำนี้เต็มไปด้วยรูปแบบค่ายกลวิญญาณมากมาย ทั้งยังสลักผนึกอักขระวิญญาณสำหรับป้องกันระดับสูงไว้อีกด้วย มิหนำซ้ำยังสัมผัสได้อีกว่าภูเขาลูกนี้ทั้งลูกมีกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังกว่ากฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินปกคลุมอยู่

    “เป็นข้าเคยมาล่าสัตว์บังเอิญมาพบที่นี่เข้า จึงตัดสินใจสร้างฐานทัพลับซ่อนเอาไว้ที่นี่ เผื่อว่าสักวันจะได้ใช้ประโยชน์”ฉินหนานตอบ

    ต้วนอี้ที่สงสัยว่ามีพลังลึกลับใดที่ทรงพลังกว่าพลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินปกคลุมที่แห่งนี้เอาไว้จึงได้ลองควบรวมพลังเต๋าแฝงพลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินไว้ที่ปลายนิ้วจนเกิดเป็นประกายแสงสีขาวนวล แผ่กลิ่นอายทำลายล้างจนน่าสะพรึงกลัว

    ฟุบ..!!

    เปรี๊ยะ..!!

    ประกายแสงสีขาวพุ่งออกไปห้วงอากาศถูกฉีกกระชากแหวกออกเป็นทางยาวกำลังจะเข้าชนเข้ากับภูเขา พริบตานั้นพลังบังเกิดอักขระสีทองเรืองรองอร่ามราวกับหมู่ดาวเจิดจรัสเปล่งแสงออกมาห้อหุ้มปกป้องภูเขาเอาไว้อย่างแน่นหนาประหนึ่งปราการเหล็กที่มิอาจสั่นคลอน

    ตูม..!!

    พลังของต้วนอี้ในตอนนี้ที่สามารถทำลายเมืองใหญ่ได้ทั้งเมือง และถล่มเทือกเขาได้ทั้งเทือกด้วยการโจมตีเดียว

    ทว่าทันทีที่พลังการโจมตีของต้วนอี้สัมผัสโดนคลื่นพลังจากอักขระสีทองนั้นทั้งที่มีเสียงระเบิดออกแต่ความเป็นจริงกลับหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ราวกับว่าถูกกักขังเอาไว้ประหนึ่งลูกสัตว์อสูรที่ตกลงไปในบ่อโคลนดูด ที่ไม่ว่าจะดิ้นรนเช่นไรก็ไม่อาจสลัดหลุดได้

    “หืม ถึงกับกดทับพลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินได้เชียวหรือนี่” ต้วนอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจแม้ว่าจะพอคาดเดาผลลัพธ์ได้ตั้งแต่แรกแล้ว

    อิเตาที่ดู การทดสอบของตัวแทนอีกมาตั้งแต่แรกเหลือบหันมาถามฉินหนาน “พลังกฎเกณฑ์นี้ทรงพลังขนาดไหนกัน.?”

    “อืมก็ถ้าเชี่ยวชาญพลังกฎเกณฑ์ชนิดนี้อย่างรู้แจ้ง ก็สามารถบดขยี้ทวีปจิงโจวได้ด้วยเพียงความคิดเดียว พลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินเมื่อเอามาเทียบกับพลังกฎเกณฑ์นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเศษผงธุลีกับดาวดาว”

    “ถ้าเช่นนั้นพลังกฎเกณฑ์นี้คือกฎเกณฑ์อะไร.?”

    ฉินหนานกล่าวตอบด้วยความเรียบง่าย “พลังกฎเกณฑ์แห่งจักรวาล”

    “หืม..!! พลังกฎเกณฑ์แห่งจักรวาล” สหายทั้งสามถึงกับอุทานพูดออกมาโดยพร้อมเพรียง

    “นั่นคือกฎเกณฑ์เช่นไรกัน.?” ต้วนอี้ถามซ้ำอีกครั้งเผื่อว่าตนจะสามารถเรียนรู้ซึมซับพลังกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้บ้าง

    “ถ้าให้ข้าจำกัดความก็ พลังนี้คือพลังแห่งสรรพสิ่ง เป็นพลังต้นตอที่ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งในจักรวาลทุกแดนดารา ซึ่งดำรงอยู่เหนือทุกกฎเกณฑ์ทั้งปวง”

    เสียงคำตอบของฉินหนานกระทบโสตของทั้งสามคนพาให้หัวใจเต้นรัวคล้ายจะระเบิดออกมา เพราะหวังว่าพลังนี้จะทำให้พวกตนแข็งแกร่งขึ้น

    “อย่าหาว่าข้าดับฝันของพวกเจ้าเลยนะ พวกเจ้าอยากเรียนรู้ก็ย่อมได้ แต่ว่าจะต้องบ่มเพาะให้มีพลังจิตวิญญาณอยู่ในขั้นไร้ขอบเขตให้ได้เสียก่อน”

    “โห่..!!”

    เมื่อฉินหนานกล่าวเช่นนั้นทำให้ทั้งสามโห่ร้องทำหน้าเศร้าใจออกมา

    สาเหตุที่ฉินหนานนั้นสามารถเรียนรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพลังกฎเกณฑ์แห่งจักรวาลได้ก่อนที่พลังจิตวิญญาณจะถึงขั้นไร้ขอบเขตได้ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือจากสมบัติวิเศษระดับฟ้าสวรรค์อย่างดวงเนตรดาราเก้าพิภพ

    “พวกเจ้าจะมาทำหน้าเศร้าอะไรกัน ถ้าขยันฝึกฝนบ่มเพาะเดี๋ยวก็ถึงวันนั้นเองแหละ มัวรออะไรกันอยู่เข้าไปกันเถอะ” ฉินหนานเหาะนำหน้าสหายทั้งสามเข้าสู่ปากทางเข้าจวนถ้ำไป

    ไม่นานฉินหนานก็นำทางสหายทั้งสามเข้ามาถึงด้านใน สาดส่ายสายตาไปก็พบว่าภายในเป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่สามารถบรรจุคนได้ถึงสามพันคนเป็นอย่างน้อย ราวกับเป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง

    มีทั้งจวนที่พักเรียงรายกันอยู่ ห้องครัว ลานฝึกยุทธ์ ห้องเก็บเสบียง สระน้ำที่มีศาลาอยู่ตรงกลาง รวมถึงห้องบ่มเพาะอีกด้วย ในตอนที่สร้างฉินหนานไม่ปล่อยให้ผนังถ้ำเปล่าประโยชน์ได้ขุดสร้างห้องพักเอาไว้กว่าสองพันห้อง

    อีกทั้งยังมีระบบระบายอากาศที่ดีและระบบน้ำเพียบพร้อม ทั้งค่ายกลป้องกัน ค่ายกลรวบรวมพลังฟ้าดินก็วางไว้อย่างเป็นระบบ

    “โอโหนี่เจ้ามาแอบสร้างไว้ตั้งแต่เมื่อใดกันเนี่ย”

    อิเตาอดมิได้ที่จะเอ่ยปาก เพราะภายในถ้ำแห่งนี้มีสภาพและความพร้อมที่ดีกว่าสำนักที่โด่งดังหลายแห่งจนสำนักเหล่านั้นเทียบไม่ติด

    “สร้างก่อนที่ข้าจะพบกับเจ้าไม่นาน” ฉินหนานตอบ

    ในขณะที่อิเตาจะกล่าวต่อ ทันใดนั้นทั้งสามคนก็หันมาสบตากันด้วยความตื่นตระหนก ยกเว้นเพียงฉินหนานที่คิดในใจ

    “รู้สึกกันได้แล้วสินะ”

    ต้วนอี้รีบหันไปมองฉินหนานถามออกมาอย่างเป็นกังวลเพราะไม่คาดคิดว่าจะมีคนอื่นอาศัยอยู่ในที่ที่พิเศษแห่งนี่

    “ที่นี่นอกจากพวกเรายังมีคนอื่นอีกหรือไม่.?”

    “อืม ก็มีนะเดี๋ยวข้าจะพาพวกเจ้าไปพบคนผู้นั้นเอง” ไม่รอช้าฉินหนานเดินนำหน้าสหายทั้งสามไปยังศาลากลางน้ำใจกลางฐานทัพลับ

    ทั้งต้วนอี้และต้วนเทาก็เดินตามฉินหนานไปอย่างรวดเร็ว จะมีก็แต่อิเตาผู้เดียวที่ยังไม่ขยับตัวหรือเอ่ยปากใดๆ กำลังมีสีหน้าตื่นตระหนกปนเศร้าสร้อยมือไม้สั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด

    “กลิ่นอายนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน จะใช่จริงๆหรือ.?” อิเตาพึมพำกับตนเองก่อนที่จะเดินตามทุกคนไป

    ฉินหนานที่สังเกตเห็นท่าทีของอิเตาก็แอบอมยิ้มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จนเดินมาถึงศาลากลางน้ำ

    “ผู้อาวุโสข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว”

    ฉินหนานประสานมือทำความเคารพชายกลางคนผู้หนึ่งหนึ่งที่กำลังนั่งหันหลังตกปลาอยู่บนศาลา

    ชายกลางคนผู้นั้นก็คือคังซือหลิงอาจารย์ของอิเตาที่ฉินหนานไปแอบช่วยไว้ตอนพบกับอิเตาใหม่ๆนั่นเอง

    “สหายยุทธ์น้อย..! ในที่สุดเจ้าก็มา” คังซือหลิงหันมากล่าวกับฉินหนานในทันทีที่ได้ยินเสียง เพราะว่าชาตินี้คังซือหลิงจะไม่ลืมเสียงของผู้มีพระคุณอย่างฉินหนานเป็นอันขาด

    ในวินาทีที่คังซือหลิงกล่าวพร้อมหันกลับมามองยังฉินหนาน ก็ถึงกับตัวแข็งทื่อพูดอะไรไม่ออก

    ตุบ..!!

    เสียงคุกเข่าโขกศรีษะของอิเตาดังขึ้นพร้อมกับกล่าวเสียงสั่นมีน้ำตาไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก

    “อาจารย์ศิษย์อกตัญญูไม่อาจช่วยเหลือท่านได้ ทิ้งให้ท่านต้องเผชิญกับความเลวทรามและแผนชั่วของไอ้ผู้อาวุโสสุนัขเจียงซือ..!!”

    คังซือหลิงค่อยๆเดินมาหาอิเตา ด้วยสีหน้าแววมาเปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาก่อนจะค่อยๆค้อมตัวลงไปหาอิเตา

    โป๊ก..!!

    โอ๊ย..!!

    ทุกคนในที่นั่นต่างตกใจ เมื่อได้เห็นสิ่งที่ชายกลางคนทำแทนที่คังซือหลิงจะประคองอิเตาให้ยืนขึ้น แต่กลับมะเหงกศรีษะอิเตาไปหนึ่งครั้งอย่างถนัด

    “ไอ้ศิษย์ซื่อเบื้อ ร้องไห้ทำไมข้ายังไม่ตายเสียหน่อย..!!”

    กล่าวจบคังซือหลิงก็หัวเราะออกมา ทำเอาสหายทั้งสามของอิเตาถึงกับหัวเราะตาม

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×