ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรมาจารย์จิตวิญญาณสะท้านภพ3

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่13 ภาค3 เจรจา

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 65


    ทวนวงเดือน วงแหวนหนามสีเลือด ดวงตา ม่านตาซ้อน สายอสนี เลือดลม...

    พลังทั้งห้าชนิดราวกับเคราะห์สังหารไร้เทียมทานห้าสาย เพื่ออานุภาพไม่อาจเทียบเทียมได้ และทั้งหมด เข้าปกคลุมจงหลิงเอ๋อเพียงผู้เดียว

    ขณะนี้หลายคนที่อยู่ไกลออกไปต่างจิตใจหวั่นไหว หลับตาลงอย่างอดไม่ได้

    ระดับห่างกันมากนัก ฝืนดูการต่อสู้ก็รู้สึกหวาดผวา

    ส่วนจงหลิงเอ๋อที่อยู่ภายในนั้นเวลานี้นัยน์ตาดำ เหมือนคบเพลิงคู่หนึ่งกำาลังลุกโชน นั่นคือจิตต่อสู้ที่เดือดพล่านกำลังฉายแสงกล้า

    ต่อสู้มาถึงตอนนี้ถึงทําให้นางถูกกระตุ้นจิตต่อสู้ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ไม่ได้น่าสนใจสำหรับนางเลย!

    “ข้าจะให้พวกเจ้ารู้ว่ารนหาที่ตายเป็นอย่างไร” จงหลิงเอ๋อตะโกนก้อง

    ครืน!

    พลังราวภูเขาถล่มทะเลหวีดร้องโลดแล่นในร่างของนางอวัยวะตันห้ากลวงหกส่งเสียงโครมครามเหมือน ฟ้าร้อง ชั่วพริบตานั้นตัวนางปลดปล่อยอานุภาพดั่งเทพผลาญสวรรค์ ราวกับเตาทองแดงกลียุคเตาหนึ่ง

    “อย่างนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย จะได้ไม่ต้องกดพลังเอาไว้” จงหลิงเอ๋อแสยะยิ้มพึมพำ หยุดเล็กน้อยก่อนตะโกนออกไป

    “เปิด..!!”

    ประกายเย็นเยียบเพิ่มขึ้นฉับพลันในตาจงหลิงเอ๋อ กระบี่หิมะเหิน ส่งเสียงดังซิ้งทะยานตัดห้วงอากาศ

    เคล็ดวิชานี้มีนามว่าเทียบเชิญพญายม

    เปิดเส้นทางแห่งการเกิดตายท่ามกลางการถือกำเนิดและดับสูญ เป็นครั้งแรกที่นางสำแดงขึ้นโดยใช้พลัง เต๋าและมหามรรคทั้งมวล หลังจากจงหลิงเอ๋อสามารถหลอมมรรคตามคำแนะนำของฉินหนานได้สำเร็จ

    ฟ้าดินเหมือนรับไม่ไหว ห้วงอากาศฉีกขาดพันลี้เหมือนผืนแพร มีเพียงกระบี่หิมะเหินเปล่งประกายบดบังแสง เงาทั้งหมด กลายเป็นประกายคมเพียงหนึ่งเดียว

    ตูม..!!

    โครม!

    ชั่วพริบตา ทุกคนในที่นั้นเพียงรู้สึกว่าเบื้องหน้าเป็นสีขาวโพลนไปหมด การรับรู้ภาพและเสียงมลายไปสิ้น จิตวิญญาณตกอยู่ในความหวาดผวา

    ทำได้เพียงอาศัยสัญชาตญาณรับรู้ สังเกตเห็นความไหวคลอนของฟ้าดิน สรรพสิ่งระเบิดกระจุย รวมถึงพลังม้วนตลบกวาดราบยุ่งเหยิง

    ผ่านไปครู่ใหญ่ยามทุกคนได้สติกลับมาต่างมี ท่าทางเหม่อลอยเหมือนตื่นตระหนกเกินไป ในการโจมตีนี้ตกลงใครชนะกันแน่

    จากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าเงาร่างสูงสง่าของ จงหลิงเอ๋อยืนเด่นอยู่เหนือเวิ้งฟ้า

    ในขณะเดียวกันพวกเจียงเฉิง เออปา หลิงซู กลับมีสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่างเว้นท่าท่างยับ เยินไม่มากก็น้อย

    การโจมตีนี้กลับไม่ได้ชี้ชัดถึงผลแพ้ชนะ!

    จงหลิงเอ๋อไม่ได้ถูกกำราบ

    “แม่นางน้อย พลังต่อสู้ของเจ้าเรียกได้ว่าเลิศล้ำจริงๆ ในรุ่นเดียวกันแทบไม่มีใครสู้ได้ แต่ว่าการจู่โจมทำนองนี้เจ้าจะรับไว้ได้อีกกี่ครั้งกัน.?”

    ทันใดนั้นเจียงซือที่อยู่ไกลออกไปก็เอ่ยปาก เสียงพร่าเลือนยากสัมผัสได้ นั่นเป็นเพราะแม้ตนจะเป็นคนไร้ประโยชน์แต่คนเหล่านั้นยังพอใช้งานได้

    “แม่นางหยุดลงมือเถอะ พวกเราไว้หน้ามาตลอด ไม่เคยลงมือกับเจ้ารุนแรง หากเจ้ายังดื้อดึงหลงผิด จะไม่มีที่ให้ถอยกลับอีกแล้วนะ” เจียงซือเอ่ยปาก

    พวกเจียงเฉิง เออปา หลิงซู ซานถงและซานเป่าสีหน้าเหี้ยมเกรียมเย็นชา

    “หึหึ น่าขัน! พวกเจ้าคราแรกคิดจะเอาชีวิตข้ามิใช่หรือ เพียงแค่ข้าหัวเราะ เสียใจที่จะเป็นศัตรูกับข้าจงหลิงเอ๋อ.? ตอนที่รุมโจมตีข้าทําไมถึงไม่กลัวว่าจะทิ้งชีวิตไปเล่า”

    จงหลิงเอ๋อแค่นหัวเราะ ประกายคมในดวงตาปรากฏอยู่รางๆ กลิ่นอายโอหังไร้รูปกำลังพุ่งสูงขึ้น

    “ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เพิ่มการโจมตีเข้ามาอีกแล้วจะเป็นอย่างไร”

    “โง่งมไม่รู้เรื่องราว”

    เจียงเฉิงแค่นหัวเราะหยัน

    “เหอะๆ”

    ใบหน้าจงหลิงเอ๋อเจือแววเสียดสี ทั้งร่างนางพลันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายน่ากริ่งเกรงอย่างไม่เคยเป็นมา ก่อน ส่งผลให้พลานุภาพของนางก็ยิ่งน่าครั่นคร้าม

    “หือ?”

    พวกเจียงเฉิงพลันหน้าเปลี่ยนสี “นังสตรีนี่ กลิ่นอายถึงกับเปลี่ยนไปอีกแล้ว!”

    นี่เป็นไปได้อย่างไร

    หรือก่อนหน้านี้นางไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี

    หากเป็นเช่นนี้จริงก็น่าหวาดผวาเกินไปแล้ว!

    ชั่วขณะนั้นแม้แต่คนอื่นๆยังสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมตึงเครียด

    “ข้าเคยพูดแล้วว่า คราวนี้จะทำให้พวกเจ้าเข้าใจ ว่าอย่างไรเรียกว่ารนหาที่ตาย!”

    ท่ามกลางเสียงอันเฉยชาราบเรียบ จงหลิงเอ๋อเก็บความรู้สึกบนใบหน้า เฉยชานิ่งเรียบ ดวงตาไร้ซึ่งระลอกคลื่นใดๆ อีกแม้แต่น้อย

    ที่มี ก็เพียงความเย็นเยียบถึงที่สุด

    พูดจบนางก็โบกผ้าสะบัดพริ้วเหยียบย่างไปในห้วงอากาศและพลันหายไปจากที่เดิมด้วยเคล็ดวิชาเมฆาไร้ลักษณ์ขั้นสมบูรณ์

    ขณะนี้ในที่สุดจงหลิงเอ๋อก็ไม่ออมมือ ลงมือเต็มกำลังแล้ว

    กลางห้วงอากาศพลันระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ครู่ต่อมาจงหลิงเอ๋อก็ทะลวงมาถึงหน้าเออปา

    ต่อให้เป็นความสามารถในการตอบสนองของเออปาภายใต้อาการไม่ทันตั้งตัวก็ทำได้เพียงเลือกรับมือ ไม่อาจหลบหนีได้

    “โอม!”

    เออปาเปล่งเสียงธรรม ก็เห็นว่าทั้งร่างของเขาปรากฏรัศมีแสงดุจหยกดำชั้นหนึ่ง ดุจดั่งระฆังใหญ่ คว่ำลง ปกป้องร่างของเขาไว้

    เงามายาของจอมมารเงาแล้วเงาเล่าปรากฏขึ้นเหนือรัศมีแสง ส่งเสียงมารอันคลุมเครือออกมา

    “เคล็ดวิชาวิญญาณมารรู้ตน”

    นี่เป็นวิชาพิทักษ์กายที่แกร่งกล้าถึงที่สุดวิชาหนึ่ง มีพลัง สะท้านโลกาที่ “ฟ้าถล่มดินทลาย ตัวข้ายืนเด่นท้าทาย”

    นอกจากนี้แขนของเออปายังแปรเปลี่ยนเป็นใหญ่หนาหาใดเทียบทันตาเห็น ลายเต๋าสีทองเจิดจ้าแน่นขนัดปรากฏขึ้นบนผิวหนังแล้วตบกวาดออกไป

    นี่เป็นอภินิหารสะเทือนโลกอีกอย่างหนึ่ง มีนามว่าแขนพลังมาร ยกมือขว้างภูเขาเทพลูกหนึ่งได้สบายเหมือนหยิบขนนก

    เพียงแต่ฝ่ามือนี้ของจงหลิงเอ๋อน่ากลัวปานไหน

    เป็นการโจมตีที่ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง หลังจากโคจรวิชาเขตแดนเทพสังหารที่ฉินหนานถ่ายทอดให้และโทสะของนางเอง!

    ปัง!

    ได้ยินเพียงเสียงระเบิดหนึ่งดังกึกก้อง

    แขนพลังมารที่ทรงพลังหาใดเทียบระเบิดออก เป็นชิ้นๆ เลือดเนื้อสาดกระเซ็น

    จากนั้นเสียงตุ้บดังขึ้น รัศมีแสงดุจหยกดำนั่นสั่นโคลงรุนแรง รับไว้ไม่อยู่อีกแล้ว ระเบิดออกท่ามกลางเสียงดังลั่น

    เคล็ดวิชาวิญญาณมารรู้ตนที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งในทวีปจิงโจวมากมายปวดหัวหาใดเทียบในยุคบรรพกาลนี้ ถูกจงหลิงเอ๋อทำลายลงอย่างรุนแรงในฝ่ามือเดียว

    ที่ตามมาติดๆ คือร่างกายอันแข็งแกร่งเทียบได้กับยอดศาสตราระดับเต๋าแท้จริงของเออปา ถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างแรงราวกับศรบิน กระเด็นย้อนกลับไปหลายร้อยจั้งถึงขืนตัวหยุดไว้ได้

    ส่วนสีหน้าของเขาก็แดงกร่ำหาใดเทียบ ปากกับจมูกมีแต่เลือดสดๆ ที่ห้ามไว้ไม่อยู่

    ทุกคนต่างค้นพบอย่างหวาดหวั่นว่าที่ทรวงอก ของเขามีรอยฝ่ามือลึกสี่ชุ่นรอยหนึ่งอยู่

    เพียงคิดก็รู้ว่าพลังที่หมัดนี้ปลดปล่อยออกมา ยามพุ่งเข้าไปภายในร่างกายจะก่อให้เกิดความเสียหาย น่ากลัวถึงที่สุด

    เฮือก!

    เสียงสูดหายใจเย็นระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น

    เออปาผู้หลอมกายที่แกร่งกล้าเช่นนี้คนหนึ่ง แทบจะถูกฝ่ามือเดียวทำลายแล้ว!

    ต่อให้เป็นพวกเจียงเฉิง หมิงซูเวลานี้ต่างสีหน้าอึมครึมยิ่งนัก จิตใจสั่นสะท้าน พลังที่จงหลิงเอ๋อสำแดงออกมาทำให้พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามอย่างแท้จริง

    “ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะรับการจู่โจมของข้าได้อีกกี่ครั้งกัน”

    จงหลิงเอ๋อยืนกลางอากาศ บีบนวดฝ่ามืออย่างกรีดกราย ผมดำปลิวไสว แววตาเย็นชาดุจหุบเหว ความแกร่งกล้าของพลานุภาพบนตัวนางกดข่มจนฟ้าอับแสง

    “ฆ่า!”

    พวกเจียงเฉิง หมิงซูก็ออกโจมตี พลังหลายขนาน มืดฟ้ามัวดินประหนึ่งธารดาราม้วนตลบ

    สวบ..!!

    เงาร่างจงหลิงเอ๋อหายลับไป ยามปรากฏตัวขึ้นอีก ครั้งก็มาอยู่ตรงหน้าหมิงซูแล้ว

    ในคนเหล่านี้พลังต่อสู้ของหมิงซูผู้นี้อ่อนแอที่สุด มีภัยคุกคามน้อยที่สุด

    ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ จงหลิงเอ๋อก็ล่วงรู้ตื้นลึกหนาบางของพวกเขานานแล้ว

    “ผนึก!”

    หมิงซูหน้าเปลี่ยนสี ประทับคลื่นพลังเต๋าทะยานขึ้นไปในอากาศแล้วแปรสภาพเป็นเงามายาของเทพอสูรที่โลหิต หลั่งริน ดุจดั่งกระโจนออกมาจากนรก

    แต่ทว่าจงหลิงเอ๋อในตอนนี้ได้ใช้พลังเต็มกำลังแล้ว พลังจะน่าครั่นคร้ามปานไหน

    เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็ทลายเงามายาเทพอสูรนั้นทันที

    โจมตีให้ประทับคลื่นพลังเต๋าแหลกเละ เงาร่างของหมิงซูถูกพลังฝ่ามือไพศาลนั้นกลบมิดไปด้วย ตายอนาถอยู่ภายในนั้น

    แต่ที่เหนือความคาดหมายของจงหลิงเอ๋อคือ ใน บริเวณใกล้เคียงเงาร่างของหมิงซูปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างพิสดาร เพียงแต่สีหน้าของเขาซีดขาวหาใดเทียบ ลมหายใจรวยรินไปแล้ว

    “วิธีรักษาชีวิตเช่นนี้เกรงว่าคงใช้ได้ไม่กี่ครั้งกระมัง” จงหลิงเอ๋อยิ้มหยัน

    หมิงซูสีหน้าพรั่นพรึงไปหมดแล้ว

    ในชั่วพริบตาก่อนหน้านี้เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม แห่งความตาย น่ากลัวเกินไปแล้ว ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังและหมดทางสู้อย่างที่สุด

    “รั้งเขาไว้!”

    ไกลออกไปเจียงเฉิงตะโกนเสียงกังวาน

    เขาไม่อาจปลีกตัวไปได้เพราะกำลังถูกกระบี่หิมะเหิน ของจงหลิงเอ๋อโจมตีเต็มกำลัง

    และหลังจากได้ประมือกับจงหลิงเอ๋ออย่างแท้จริง เขาถึงรับรู้ว่าสตรีผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าหวาดหวั่นมากคนหนึ่ง แม้แต่ยอดวิชาที่เขาภาคภูมิใจอย่างยิ่งยวดยังถูกกำราบไว้ได้

    “ฆ่า!”

    พวกซานถง ซานเป่าพลันกระโจนขึ้นมา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×