ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    การจุติ ณ ดินแดนแห่งใหม่ (hunter x hunter) (hxh)

    ลำดับตอนที่ #11 : หวนคืนที่ผ่านมา

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 67



    ในเช้าวันถัดมา บรรยากาศดูแปลกกว่าปกติ ท้องฟ้าเริ่มมืดลงช้า ๆ ราวกับเวลาหยุดชะงัก นั่นคือสัญญาณของสุริยคราสที่หาดูได้ยาก ฟงหรือ เซกิริว มองท้องฟ้าด้วยสายตาตั้งมั่น เขารู้ว่านี่คือโอกาสสำคัญที่เขารอคอย


    "นี่แหละ ช่วงเวลาที่พลังงานมหาศาลจะก่อตัวขึ้น" เซกิริวพึมพำกับตัวเอง พลางจัดเตรียมพลังออร่าในร่างกาย เขารู้ว่าการใช้สุริยคราสเป็นสะพานข้ามเวลาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็พร้อมที่จะเสี่ยงเพื่อกลับไปยังช่วงเวลาที่เขาต้องการ


    เซกิริวเริ่มปลดปล่อยพลังออร่าผ่านเท็น ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ในเกราะพลังงานอันแข็งแกร่ง เขาหลับตาและจดจ่อกับจังหวะของสุริยคราสที่กำลังมาถึง เสียงลมเริ่มเงียบลง และทุกสิ่งรอบตัวดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ราวกับว่าธรรมชาติเองก็กำลังเฝ้ามองการกระทำของเขา


    ในจังหวะที่แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ถูกบัง เซกิริวรวบรวมพลังออร่าและใช้มันเปิดช่องทางในกาลเวลา เขามุ่งมั่นว่าจะกลับไปยังที่ๆจากมา 


    เพียงชั่วพริบตาอีกฟากหนึ่งของมิติการเวลา ณคฤหาสน์ตระกูลโซลดิ๊ก ตระกูลมือสังหาร 


    สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ที่หายากถ้าประตูมิติที่ถูกเปิดออกส่งผลให้บรรยากาศรอบๆเกิดการสั่นไหวราวกับเกิดพายุขนาดใหญ่ทันใดนั้นเอง 


    ตระกูลมือสังหารก็ได้สัมผัสถึงการมีอยู่ของประตูมิติจึงออกมาเพื่อค้นหา


    เมื่อเซกิริวก้าวออกจากประตูมิติ บรรยากาศรอบตัวที่เคยสั่นไหวเริ่มกลับสู่ความสงบ แต่ความรู้สึกไม่สบายใจยังคงค้างอยู่ ราวกับว่าเขากำลังถูกจับตามอง สัญชาตญาณการต่อสู้ของเขากระตุ้นเตือนถึงการปรากฏตัวของใครบางคน


    ในพริบตาเดียว เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า คนของตระกูลโซลดิ๊ก—กลุ่มนักฆ่าที่มีชื่อเสียงซึ่งมีความสามารถในศิลปะการต่อสู้และการใช้เน็นขั้นสูง 

    สายตาเย็นชาจ้องมองมาที่เซกิริว ร่างเงาในชุดดำสวมหน้ากากครึ่งหน้าเผยออร่าที่ทรงพลังรอบตัวเอง


    "ใครให้เจ้ามาที่นี่?" เสียงของหนึ่งในนักฆ่าดังขึ้น ห้วนและจริงจัง ราวกับจะวัดใจเซกิริว


    เซกิริวยืนนิ่ง สูดลมหายใจและเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยไร้ความหวั่นเกรง


    นักฆ่าจากตระกูลโซลดิ๊กมองตามที่เซกิริวชี้ไป เห็นเพียงเก้าอี้เก่าและหนังสือขาด ๆ บนพื้นหญ้า ใบหน้าภายใต้หน้ากากยังคงแสดงท่าทีเย็นชาและไม่ไว้วางใจ แต่แววตากลับฉายแววสงสัยที่ปะปนไปด้วยความระแวดระวัง


    "เจ้าเพียงนั่งอ่านหนังสือในเขตของพวกข้าก็เท่านั้น?" นักฆ่าถามต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการจับผิด ขณะที่ค่อย ๆ เดินวนรอบเซกิริว สายตาคมคอยจับจ้องท่าทีของเขา


    เซกิริวเพียงยิ้มบางๆ อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว "ใช่แล้ว ข้าก็แค่เดินทางผ่านมา บังเอิญเจอที่เงียบสงบดีเลยพักอยู่ที่นี่ ไม่คิดว่าจะรบกวนใคร" เขาพูดเสียงเรียบ สายตามองไปทางหนังสือเล่มเก่าที่เขาหยิบมาจากมิติอื่นด้วยท่าทีสบาย ๆ


    นักฆ่าหยุดเดิน วินิจฉัยท่าทีของเซกิริวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหรี่ตามองด้วยแววตาที่ท้าทายราวกับต้องการหาคำตอบว่าเซกิริวเป็นใครและมาเพื่ออะไร


    "ถ้าเจ้ามาเพียงเพื่อพักผ่อน ก็ควรออกจากที่นี่ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ" นักฆ่ากล่าวเตือนเป็นครั้งสุดท้าย 


    เซกิริวหัวเราะเบา ๆ ยืนขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะหันกลับไปมองนักฆ่าด้วยสายตานิ่งสงบ "ข้ากำลังจะไปแล้ว ขอบคุณที่มาเตือน" เขาตอบเรียบ ๆ ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยที่ทำให้นักฆ่าจากตระกูลโซลดิ๊กได้แต่สงสัยในตัวตนของเขามากขึ้นไปอีก


    ทันทีที่เสียงของเซโน่ โซลดิ๊กดังขึ้น นักฆ่าที่อยู่เบื้องหน้าเซกิริวรีบถอยไปด้านข้าง เปิดทางให้ผู้อาวุโสของตระกูลเดินเข้ามา เซโน่มีท่าทางสงบเยือกเย็น แต่แฝงด้วยบารมีและพลังออร่าที่แข็งแกร่งจนทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ดูเงียบสงัดไปถนัดตา


    "ข้าเองก็สังเกตเจ้ามาสักพักแล้ว" เซโน่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แฝงไปด้วยความรู้สึกตึงเครียดและสงสัย "ไม่บ่อยนักที่ข้าจะได้เจอคนแปลกหน้าที่เดินออกมาจากประตูมิติ"


    เขาหยุดมองเซกิริวด้วยสายตาเฉียบคม ก่อนจะยกมือเชื้อเชิญ "หากเจ้าไม่มีธุระเร่งด่วน มาแวะดื่มชากับข้า พอจะมีเวลามานั่งพูดคุยกันสักหน่อยไหม?"


    เซกิริวยิ้มเล็กน้อยอย่างพิจารณา เขารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเซโน่และความสนใจในสายตานั้น ดูเหมือนว่าการดื่มชาครั้งนี้จะไม่ใช่เพียงแค่การทักทายธรรมดา แต่เป็นโอกาสในการสำรวจซึ่งกันและกัน


    "ก็น่าสนใจทีเดียว" เซกิริวตอบรับด้วยท่าทีสบาย ๆ "ข้ายังไม่มีธุระด่วนอะไรนัก ข้าจะยินดีมากที่จะร่วมวงสนทนากับท่าน" 


    เซโน่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินนำไปยังคฤหาสน์ของตระกูล โซลดิ๊ก เซกิริวเดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน ท่ามกลางสายตาจับจ้องของเหล่านักฆ่าคนอื่น ๆ ที่ลอบสังเกตอยู่ในเงามืด



    ถึงกระนั้นเซกิริวลอบยิ้มเล็กน้อยภายใต้หน้ากากขณะที่เดินตามเซโน่เข้าสู่คฤหาสน์ของตระกูลโซลดิ๊ก เขาตระหนักดีว่านี่ไม่ใช่เพียงโอกาสสำหรับการสนทนา แต่ยังเป็นโอกาสทองที่จะได้เรียนรู้และอาจดึงความสามารถของเหล่านักฆ่าผู้ชำนาญมาใช้ผ่านหน้ากากของเขา 


    หน้ากากที่เซกิริวสวมมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้เขาสามารถรับรู้และปรับใช้ความสามารถของผู้ที่อยู่รอบตัวได้หากเขาสามารถสัมผัสถึงแก่นแท้ของพลังพวกนั้น นี่จึงเป็นโอกาสที่จะได้ทำความเข้าใจถึงพลังของตระกูลโซลดิ๊ก และถ้าเขามีโอกาสที่เหมาะสมก็อาจจะดึงพลังเหล่านั้นมาผ่านหน้ากากของเขาโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว


    "ชาของข้าคงจะถูกปากเจ้า" เซโน่กล่าวเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้ม แต่แววตาเฉียบคมที่จ้องมองมาไม่ได้ลดทอนความระวังลงแม้แต่น้อย เซกิริวรู้ว่าคนตรงหน้าเองก็กำลังวิเคราะห์เขาอยู่เช่นกัน


    เซกิริวรับถ้วยชาจากเซโน่และจิบเบา ๆ พร้อมทั้งพยายามไม่แสดงท่าทีใด ๆ ที่อาจทำให้เป็นที่สงสัย 

    ขณะนั้นเอง เขาค่อย ๆ เปิดประสาทสัมผัสเพื่อศึกษาพลังงานออร่าที่อบอวลอยู่รอบตัว ภายในคฤหาสน์แห่งนี้มีออร่าหลายสายไหลเวียนจากคนหลายคน แต่ละออร่าสะท้อนถึงพลังและประสบการณ์การต่อสู้ของเหล่านักฆ่าชั้นนำ


    ขณะที่สนทนากัน เซกิริวเริ่มใช้หน้ากากของเขาเพื่อค่อย ๆ ดูดซับข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานออร่าของพวกเขา เซโน่ที่มองเซกิริวอยู่เหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่าง และเอ่ยขึ้นเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแฝงนัยสำคัญ


    "เจ้าคงไม่ได้มาแค่เพื่อจิบชาและสนทนาเท่านั้น...ใช่ไหม?" เซโน่เอ่ยพลางหรี่ตาจับจ้อง 


    เซกิริวรู้ว่าเขาถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด แต่ยังคงนิ่งสงบ "บางครั้งการพบปะผู้คนที่เก่งกาจ ก็เป็นการเรียนรู้ที่ดีไม่ใช่หรือ?" เขายิ้มเล็กน้อย พลางวางถ้วยชาอย่างนุ่มนวล 


    เซโน่ยิ้มบาง ๆ แต่สายตากลับเผยถึงความเยือกเย็น "ข้าเองก็หวังว่าเจ้าจะเข้าใจว่า คนที่เข้ามาในคฤหาสน์นี้ จะออกไปได้ก็ต่อเมื่อเรายอมให้เท่านั้น" 


    เซกิริวยิ้มรับอย่างไม่แสดงความกังวล ขณะนี้เขาสามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของออร่าหลาย ๆ สายที่อยู่ใกล้ ๆ รอให้เขาเข้าไปสำรวจและปรับใช้ เขาตระหนักได้ทันทีว่านี่อาจเป็นโอกาสสำคัญในการทดสอบความสามารถในการใช้พลังของเขาเอง


    เซกิริวส่งพลังผ่านเงาของเขาจนมันขยายตัวออกเป็นบริเวณกว้าง ครั้นเงาเริ่มก่อตัวหนาขึ้น สัตว์คู่ใจของเขา เสือเงาอันทรงพลังที่มีขนาดใหญ่โตเทียบเท่าต้นไม้สูงสี่เมตร ก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่นิ่งเงียบ เสือเงายืนอย่างสง่างาม ขนสีเข้มดูดซับแสงจนแทบกลืนไปกับเงารอบตัว มันจ้องมองพวกตระกูลโซลดิ๊กด้วยดวงตาเยือกเย็นและเต็มไปด้วยพลังที่ไม่ธรรมดา


    เซโน่จ้องมองเสือขนาดมหึมาอย่างไม่แสดงความตกใจ แต่แววตาเต็มไปด้วยความสนใจและสำรวจ เขากล่าวด้วยเสียงที่แฝงความประทับใจเบา ๆ "ข้าคิดไม่ผิดจริง ๆ...เจ้ามีของดีมากกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก"


    เซกิริวยิ้มบาง ๆ ขณะลูบหัวเสือเงาของเขา "ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นศัตรู แค่ต้องการศึกษาและเรียนรู้จากตระกูลผู้แข็งแกร่งเท่านั้น" 


    เสือเงาขู่เสียงต่ำ ๆ ขณะเฝ้ามองทุกความเคลื่อนไหวรอบ ๆ ตัว มันเหมือนเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่าพลังของเซกิริวไม่ควรถูกประเมินต่ำเกินไป ทั้งสองฝ่ายยืนเผชิญหน้ากัน โดยต่างก็ตระหนักถึงพลังที่แท้จริงของอีกฝ่าย


    เซโน่หัวเราะอย่างเต็มเสียง รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความขบขันและลึกลับเขาหันไปมองเซกิริว ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตรแต่แฝงด้วยความระมัดระวัง "ถ้าเช่นนั้นก็คงจะมีเรื่องสนุกๆ รออยู่... ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่ผิดหวัง"


    เซกิริวยิ้มเล็กน้อย แต่เขายังคงยืนกรานไม่แสดงความประหลาดใจใดๆ เขารู้ดีว่าทุกสิ่งในสถานที่นี้มีความซับซ้อนและแฝงไปด้วยอันตราย เขาหยุดคิดชั่วครู่ ก่อนที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "ความสนุกของเราอาจจะต่างกัน แต่ว่าข้าก็จะคอยดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น"


    ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันอยู่อย่างนั้น ท่ามกลางเงาของสัตว์ร้ายที่ยิ่งใหญ่และพลังที่แท้จริงของทั้งสองฝ่ายต่างประจักษ์ให้เห็น แม้แต่ท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะนิ่งเงียบราวกับกำลังจับตามองการเผชิญหน้าในครั้งนี้


    "เรื่องราวนี้คงไม่จบแค่เพียงแค่นี้" เซโน่กล่าวพร้อมหัวเราะอีกครั้ง ก่อนที่จะหันไปหาสมาชิกในตระกูลโซลดิ๊กที่ยืนอยู่รอบๆ "ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ข้าคิด"


    และด้วยการหายไปของการเผชิญหน้าครั้งนี้ เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความลับและการท้าทายก็กำลังจะดำเนินต่อไป...





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×