ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพื่อนร่วมบ้านล่องหน (อยู่ในช่วงรีไรท์)

    ลำดับตอนที่ #1 : Who are you! (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 65


     

     

    แสงไฟหลากสีจากตึกสูงมากมายที่ถูกเปิดในเวลากลางคืนความสว่างไม่ต่างจากแสงยามเช้าของธรรมชาติเพียงเมื่อตะวันลับขอบฟ้าก็ถูกแทนที่ด้วยแสงประดิษฐ์ในทันที ณ ใจกลางกรุงปารีส เมืองมหานครนิวยอร์กที่เลื่องลือว่าเป็นที่สุดของวงการผู้นำแฟชั่น และคงจะจริงดั่งคำลือว่านั้น  แสงประดิษฐ์มากมายทั้งภายในและภายนอกอาคารที่ยังคงถูกเปิดอยู่     โดยเฉพาะ ห้องเสื้อหรือในภาษาฝรั่งเศษที่เรียกว่า โอต์ กูตูย์ ของแบรนด์ ST-P ที่่ยังคงมีการประชุม แต่จะเรียกว่า     โอต์ กูตูย์ เต็มปากก็คงจะไม่ได้

     

    “เราจะกลับไปที่สำนักงานใหญ่ที่ไทยเพื่อหาอินสไปเรชั่นกันเพราะปีนี้เป็นอีกปีที่เราได้รับเชิญให้นำเสนอคอลเล็กชั่นกูตูย์ในฐานะ เมมเบอร์ เป้าหมายปีนี้คือพา ST-P ให้เป็นแบรนด์ที่สิบหกของ โอต์ กูตูย์”

     

    “ค่ะคุณสิงโต พวกเราเชื่อมั่นว่าปีนี้คุณสิงโตนำจะต้องทีมพวกเราไปถึงเป้าหมายแน่นอน” หนึ่งในหญิงสาวในทีมเอ่ยขึ้นเพื่อกระชับความเชื่อมั่นให้ผู้ก่อตั้งอีกครั้ง ก่อนการประชุมจะจบลง

     

    “ขอบคุณทุกคนครับ แล้วเจอกันที่ไทย” ใช่ครับ ผม สิงโต ปราชญา ห้องเสื้อเพียงหนึ่งเดียวจากเอเชีย หรือประเทศไทยนั่นแหละครับที่เป็นสำนักงานหลักของแบรนด์


    โอต์ กูตูย์ คงเป็นความฝันสูงสุดของคนทำแบรนด์แฟชั่น และพวกผมก็เช่นกันในตอนนี้ห้องเสื้อชนชั้นสูงหรือที่เรียกว่าโอต์ กูตูย์ มีเพียง สิบห้าแบรนด์ในโลก ที่สามารถเรียกตัวเองแบบนั้นได้เต็มปากไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่คิดจะเปิดห้องเสื้อแล้วมาเรียก แบรนด์ตัวเองว่าเป็นห้องเสื้อชนชั้นสูง เพราะการจะประกาศว่าตนเป็นกูตูริเยร์จะต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรมฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ซึ่งในแต่ละปีแฟชั่นเฮาส์ทั้งสิบห้าแห่งจะต้องนำเสนอคอลเล็กชั่นกูตูร์ของตนเองในสัปดาห์กูตูร์ปีละ สองหนคือ Spring/Summer และ Autumn/Winter และผู้เป็นเมมเบอร์ที่ยังไม่ได้ถูกขนานนามว่าเป็นกูตูริเยร์จะถูกคัดเลือกให้ได้เข้าร่วมเช่นกัน 


    " ไอสิงมึงจะมาไทยจริงดิ "
    เสียงปลายสายจากประเทศที่ผมกำลังจะเดินทางไปถามย้ำจนผมรำคาญ


    " เออดิ มึงจะถามย้ำอะไรขนาดนั้น " 


    " อ้าวก็ดีใจไงที่เพื่อนจะมา มึงไม่ได้มาที่ไทยตั้งนานแล้วนะรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำงานตามฝันหนักขนาดไหน พ่อกูตูริเยร์ "


    " ก็ทำเพื่อเป็นกูตูริเยร์สมพรปากมึงนั่นแหละไอเชี่ยออฟ "


    "แหนะ กูก็ทักทายดีๆขึ้นหยาบเลยนะครับคุณสิงโต "


    " สรุปยังไงหาบ้านเช่าให้กูได้หรือยัง ครั้งนี้กูคงต้องไปเก็บอินสไปเรชั่นหลายเดือนหน่อย "


    "เรียบร้อยครับคุณสิงโต กระผมออฟจุมพลจัดสรรให้เรียบร้อยตามลิสความพึงประสงของคุณสิงแล้วครับ"ออฟจงใจใช้สรรพนามและนำเสียงในเชิงก่อกวนๆตามนิสัยเพื่อยุให้เพื่อนมาดสุขุมและจริงจังอย่างสิงโต เหมือนเคยด้วยเหตุผลเพียงเพราะหมั่นไส้เพื่อนสนิทที่จริงจังไปสะทุกเรื่องแต่ความมุ่งมั่นในงาน และความจริงใจที่มีกับเพื่อนแถมยังพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกครั้งแม้ไม่ได้ร้องขอเป็นสิ่งที่พวกผมมีเหมือนกัน แต่ที่ไม่ร้องขอเพราะไม่มีนั่นแหละ ปัญหาที่เยอะที่หนึ่งมันคือผม จนต้องเป็นสิงโตเสียมากกว่าที่มาตามรับรู้รับทราบแทน สเมือนผู้ปกครองอีกคนไปแล้วโดยเฉพาะสมัยเรียนมหาลัยวิ่งเข้าวิ่งออกห้องทะเบียนนักศึกษาเป็นว่าเล่นแต่ด้วยความแตกต่างของนิสัยพวกเราก็กลายเป็นเข้ากันได้โดยปริยาย เห็นสุขุมแบบนี้มันก็กวนตีนแหละครับไอสิงอะ แต่คงแค่กับคนที่สนิทด้วยมากกว่า


    "กวนตีน เออก็แค่นี้แหละไฟลท์บินกูมีวันมะรืน"


    "กูไม่ได้ถามครับ"


    "กูบอกให้รับทราบเพื่อให้มึงเตรียมรถมารับครับ ! เพื่อนออฟ ! "

     

    " เป็นเบ้มึงอีกละ " คนปลายสายทำเสียงจิปาก


    " ตลอดกาล!! " ว่าจบสิงโตกดตัดสายทันทีเพื่อก่อกวนกลับให้คนปลายสายทุรนทุรายกับการต้องยอมรับในความเป็นเบ้ตลอดกาล ถึงปากมันจะพูดแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วไอออฟมันก็เป็นเพื่อนน้ำดีมากคนหนึ่งเลยถ้าไม่นับที่มันกวนตีนเก่งที่หนึ่งด้วย

     

    สองเท้าที่เหยียบถึงพื้นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของประเทศไทยไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงสิงโตต้องนั่งเครื่องบินต่อเพื่อไปจังหวัดเชียงใหม่เป้าหมายปลายทางของอินสไปเรชั่นที่เจ้าตัวและทีมงานต้องไปเก็บและขลุกตัวเตรียมพร้อมสำหรับงานใหญ่ในครั้งนี้


    "  ไงครับคุณสิงโต "  กระจกรถคันหรูถูกเลื่อนลงให้เห็นว่าต้นเสียงคือเพื่อนจอมกวนที่สิงโตไลน์ไปบอกว่ามาถึงแล้ว ให้มารับได้เลย รถคันหรูคันนี้ก็ขับเคลื่อนมาจอดเทียบด้านหน้าประตูทางออกทันทีเหมือนรออยู่ก่อนแล้ว


    " ตรงเวลาดี " สิงโตขยับแว่นตากันแดดสีดำมาแนบที่ปกเสื้อพร้อมทักทายเพื่อนจอมกวนก่อนจะเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันที


    "คุณมึงจะไม่ให้คุณกูตรงเวลาได้ยังไง ก็มึงเล่นไลน์มาบอกว่าถึงแล้วแต่ไม่บอกว่าถึงสุวรรณภูมิไอกูก็เป็นห่วงเพื่อนจะรอนานรีบออกมานึกว่าอยู่สนามบินเชียงใหม่ ขับรถมารับมึงเมื่อกี้ก็แทบจะได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงอยู่แล้วดีนะกูเบรกทันไอห่า"


    "ไม่เจอตั้งนานบ่นเยอะจังวะไอออฟ เออๆไว้กูเลี้ยงเหล้า" ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่แกล้งเล่นถึงจะไม่รู้สึกผิดก็ตาม รู้แบบนี้ไลน์บอกมันตอนพักเครื่องอยู่ญี่ปุ่นคงจะดีให้มันรอไปสิ หมั่นไส้จริงๆ

     

    " มึงเห็นกูเป็นเพื่อนยังไงวะจะฟาดกูด้วยวิธีนี้ไม่ได้หรอกนะมึง "


    " งบไม่อั้น " พนันได้เลยว่านับหนึ่งไม่ถึงสามหรอกไอออฟอะ รู้จักกันมาตั้งกี่ปี สอบเสร็จแต่ละทีเอะอะร้านเหล้า " หนึ่ง....สอง "


    " เฮ้ๆ หยอกเล่นเองหน่า ใจกูไปตั้งแต่มึงเอ่ยปากบอกเลี้ยงเหล้าแล้วครับเพื่อน "


    " ก็แค่นั้น " ตามคาด ถ้าไม่นับว่ามันทำบริษัทเกี่ยวกับเนื้อผ้าคงจะนึกว่าเปิดร้านเหล้าไปแล้วเถอะ


    " ไหนๆ ก็มาเชียงใหม่มึงคงไม่คุ้นสถานที่เหมือนกรุงเทพหรอกเรื่องร้านเดี๋ยวกูเลือกเองรับรองแจ่มแมว ไว้ใจกู "


    "เต็มที่เถอะมึง " สิงโตพูดด้วยเสียงระอากับเพื่อนคนนี้แต่อย่างน้อยข้อดีมันก็มีมากพอให้หยวนๆกับการกินเหล้าอย่างกับน้ำหวานได้ในแต่ครั้ง


    ไม่นานรถคันหรูกเคลื่อนตัวเข้ามาในซอยท้ายหมู่บ้านของอำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ที่ไม่ได้ห่างไกลความเจริญหรือตัวเมืองมากขนาดนั้นแต่สองข้างทางระหว่างมาหมู่บ้านแห่งนี้ก็ร่มรื่นไปด้วยต้นยางที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของที่นี่และต้นไม้นานาพันธุ์ของเมืองเหนือ


    แสงไฟจากรถดับลงเมื่อมาจอดหน้าบ้านที่เพื่อนจอมกวนอย่างออฟได้เตรียมไว้ให้ตั้งแต่สิงโตติดต่อไปว่าต้องการหาบ้านพักหลังเดี่ยวมีพื้นที่ส่วนตัวในสัดส่วนที่พอให้ตัวสิงโตเองมีสมาธิในการร่างแบบของชุดต่างๆและไม่ต้องการ การรบกวนของเพื่อนบ้านในปริมาณที่มากขนาดนั้น ถึงแม้การมาที่นี่ก็เพื่อเข้าใจและเก็บแรงบันดาลใจจากผู้คน วัฒนธรรม และการเป็นอยู่ของคนโดยรอบก็ตาม แต่ด้วยลักษณะนิสัยการทำงานที่ต้องอาศัยความสันโดษในการตกตะกอนแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เจอมาก็จำเป็นต้องแลกกันด้วยการออกไปเก็บบรรยากาศ วัฒนธรรม ไกลจากตัวบ้านสักหน่อยแต่มันก็ไม่ใช่ปัญหา


    รั้วหน้าบ้านเป็นไม้ไผ่ที่ถูกจัดเรียงให้ยึดติดเป็นแผ่นๆ แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าความสูงประมาณหน้าอกล้อมรอบตัวบ้านประตูถูกทำจากไม้อัดแบบเปิดปิดได้สะดวกสิงโตเดินเข้าไปเพื่อสำรวจภายในกลับพบว่าตัวบ้านไม่ได้ทำจากไม้เหมือนรั้วแต่เป็นปูนฉาบเพื่อความแข็งแรงและยกสูงเล็กน้อยพอให้มีพื้นที่ใต้ถุนไว้ใช้สอย


    " โอเคไหมมึงอยู่ได้ปะ ข้างในครบเซ็ททั้งแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องปรับอากาศเผื่อแพ้ฝุ่นหรืออะไรหายห่วงได้ "


    " โอเคมากๆ มึงหาบ้านแบบนี้ได้ยังไงมันออกแบบมาได้น่าอยู่มากเลยทีเดียว "  หลังจากสำรวจโดยคร่าวๆที่นี่หน้าอยู่แบบลงตัวเหมือนถูกออกแบบมาให้เป็นบ้านที่อยู่แล้วเหมือนวางงานหนักอึ้งไว้แค่ข้างนอกเพราะบรรยากาศข้างในมันคือความผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก


    " ความจริงบ้านหลังนี้น้องกูซื้อไว้ตกแต่งเองด้วยเห็นว่าตอนแรกจะย้ายเข้ามาอยู่แต่ก็สอบติดมหาลัยที่กรุงเทพทิ้งก็ไม่ได้เลยปล่อยเช่าไม่อยากปล่อยให้ร้าง แต่มันยังไม่ถูกเช่าสักทีจนมึงบอกอยากได้บ้านนี่แหละ "


    " น้องมึงเทสดีเหมือนกันนะ ไม่เห็นเหมือนพี่มันวะ " สิงโตยกยิ้มมุมปาก


    " เดี๋ยวๆอะไรไม่เหมือนพี่ กูก็คนธรรมดาไม่ได้สายแฟชั่นแบบมึงจะได้รู้ว่าหยิบจับอะไรมาแล้วมันแม่งลงตัวไปหมด "  จากหลายๆงานที่ออฟเคยไปดูห้องเสื้อสิงโตที่ปารีสเวลาออกงานยอมรับเลยว่าผลงานของเพื่อนคนนี้คือของจริง เพราะสิงโตทำงานของมันด้วยความคลั่งไคล้ เหมือนมีมนต์ขลังพลังของห้องเสื้อ(ไอสิงบอกว่ามันเชื่อว่ามีพลังมนต์ขลังของห้องเสื้อมีอยู่จริงๆและมันก็ถือคตินี้ในการทำงานมาตลอด)แต่นั่นแหละที่ทำให้มันหยิบแรงบันดาลใจลมๆที่อยู่ในหัวมันออกมาโลดแล่นบนรันเวย์ได้เปล่งประกายทุกครั้ง


    " มึงกลับไปได้แล้วกูจะพักผ่อน" สิงโตเอ่ยจบไม่ทันที่ออฟจะเถียงอะไรต่อประตูก็ถูกปิดลงเพื่อเป็นการย้ำกับเพื่อนสนิทว่า มึงไปได้แล้วกูจะนอน! แต่ถึงยังไงนี่ก็ไม่ใช่ประตูที่จะเก็บเสียงอะไรได้จึงไม่แคล้วได้ยินเสียงของคนที่บ่นอยู่หน้าประตูอยู่ดี


    " เอ้าไอนี่ ที่งี้แล้วมาปิดประตูไล่กู " ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนนะมึง กูจะ จะ.. จะทำอะไรมันได้ว้าที่ผ่านมาก็พึ่งมันมาตลอด เห้อกูนะกู เอาวะอย่างน้อยก็ชนะไอสิงเรื่องหน้าตาแหละวะกูที่หนึ่งครับที่หนึ่ง ฮ่าๆ สบายใจ


    "เออ กูไปก็ได้ เอ้อไอสิงกูลืมบอกไป ตีห้าจะมีป้าแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดบ้างห้องแล้วก็ดูแลเรื่องอาหารการกินให้มึงนะอย่าไปเผลอตกใจนะเว้ย กูไปละ" ออฟจงใจตะโกนให้ดังกว่าเดิมเพื่อต้องการให้คนที่ไล่เขากลับด้วยการกระแทกประตูใส่หน้าได้ยินก่อนจะหันกลับไปที่รถเพื่อกลับไปพักผ่อนบ้าง เนื่องจากอีกไม่กี่นาทีก็จะขึ้นวันใหม่แล้ว


    'กรุ๊งกริ๊งๆ '  เสียงโมบายแบบแขวนฉบับดีไอวาย กระทบกับลมอันแผ่วเบารอบตัวบ้าน ใบไม้ไหวๆตามแรงลมที่ผัดผ่านจากหน้าบ้านเคลื่อนตัวมาในตัวบ้าน ผ้าม่านริมหน้าต่างทุกบานกระพือเบาๆ ลมรอบบ้านสงบลงเหลือเพียงห้องนอนของสิงโตที่เจ้าตัวยังนอนหลับใหลโดยไม่รู้เลยว่ามีสิ่งใดกำลังมา ในห้องที่เปิดแอร์แต่แรงลมพัดผ้าม่านเปิดไหววูบได้ มันเกินกว่าจะเป็นแรงลมจากแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ แสงเล็ดลอดผ่านหน้าต่างมายังคนที่นอนอยู่จนเจ้าตัวต้องปรือตาด้วยความสว่าง


    'ใครเปิดม่าน เสียงความคิดแทรกเข้ามาในหัวสิงโต ตนจำได้ว่าปิดม่านอย่างดีก่อนล้มตัวลงนอนแล้ว'สิงโตหันไปควานหาโทรศัพท์ที่หัวเตียงเพื่อดูเวลาในตอนนี้ อาจจะเป็นแม่บ้านที่จะเข้ามาทำความสะอาดตามที่เพื่อนบอกไว้หรือเปล่า หน้าจอโทรศัพท์แสดงเวลาตีสามสิบนาที แม่บ้านจะมาทำงานก่อนเวลาเป็นชั่วโมงมันก็จะเว่อร์ไปไหมแต่หรืออาจจะจริงที่ว่าคนเหนือตื่นเช้ามาทำงานเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะชุมชนแถวนอกเมืองแบบนี้


    สิงโตพึ่งจะนอนไปได้เพียงสองชั่วโมงเลยเลือกที่จะเมินเฉยเพราะต้องการพักผ่อนจึงขยับตัวไปปิดผ้าม่านให้สนิทแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้งหวังว่าค่อยไปตกลงเวลาทำงานของแม่บ้านในตอนเช้าอีกครั้ง


    " อ้าว ไม่ได้ผลแฮะเค้านอนต่อแล้วอะเจ้าคุณปู่ " เสียงแผ่วเบาเจาะแจะอยู่กับใครสักคนในห้องที่มีสิงโตนอนอยู่


    " ซนนักนะเราเจ้าคริส ไหนว่าจะแค่มาดูพี่เค้าแขกคนแรกของบ้านหลังนี้กลับมาแกล้งเขาจนตื่นซะนี่" เสียงเจ้าคุณปู่คู่สนทนาที่ถูกเอ่ยถึงตอบกลับ


    แสงแดดยามสายสาดส่องผ่านม่านเข้ามายังในห้อง เสียงแอร์ที่ทำงานอย่างหนักดังขึ้นเมื่ออากาศข้างนอกเริ่มร้อน สิงโตรู้สึกตัวตื่นขยับร่างกายแกร่งพิงหัวเตียงเพื่อปรับสายตาก่อนดูนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลา เก้าโมงครึ่ง มีอาการเจ็ทแลคเล็กน้อยเพราะเวลาที่ไม่ตรงกันสักเท่าไหร่ของปารีสและที่นี่ งั้นก็คงจะไม่แปลกกับอาการหูเพี้ยนที่ได้ยินเมื่อคืนนี้ เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นได้ยินแผ่วเบาเหมือนตัวเองกำลังถูกนินทราจากใครสักคนที่มุมห้อง


    สิงโตลุกไปจัดการธุรส่วนตัวแล้วออกไปที่ห้องนั่งเล่น ขนาดตัวบ้านไม่ใหญ่มากแต่มีสัดส่วนที่ชัดเจนว่ามีห้องนั่งเล่นทีวีและโซฟา โต๊ะเล็กๆน้อยๆสำหรับวางของอยู่ ถ้าเดินเข้ามาจากประตูห้องนั่งเล่นที่ว่าจะอยู่ทางขวามือกั้นด้วยกำแพงสั้นๆประดับด้วยของตกแต่งนิดหน่อยแล้วก็เป็นบาร์สำหรับทำอาหารกับโต๊ะทานข้าวเล็กๆเหมาะสำหรับสองคน ซ้ายมือเป็นพื้นที่ว่างและตรงข้ามกันเป็นห้องนอนของผมที่มีห้องน้ำในตัว ถึงข้างนอกจะดูสไตล์เหนือๆตามพื้นที่แต่ข้างในกลับโมเดิลสะอย่างงั้นแถมยังคุมตีมภายในได้แบบลงตัวไม่มีหลุดแม้แต่ต้นไม้ประดับเล็กๆ บ่งบอกว่าบ้านหลังนี้ถูกออกแบบมาเพื่อยู่คนเดียวหรืออย่างมากก็ไม่เกินสองคนเท่านั้น แถมยังเป็นคนละเอียดใส่ใจในการเลือกสีที่เลือกใช้ทั้งบ้านก็สบายตาน่าอยู่ น้องไออฟมันมีเทสที่ดีมากกว่าพี่จริงๆนั่นแหละแถมดีกว่ามากๆ เลยด้วยซ้ำ


    " คุณสิงโตเจ้า ป้านิ่มจัดการทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมหื้อแล้วเน้อเจ้า อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งวางอยู่บนโต๊ะป้านิ่มบ่รู้ว่าคนกรุงเปิ้นกิ๋นอยังตอนเช้าพ่องนอกจากกาแฟแต่ป้านิ่มชงกาแฟบ่ลำเลยทำข้าวต้มแทน"


    " อ้อข้าวต้มก็ได้ครับ ขอบคุณนะครับป้านิ่มผมาทานได้ครับ " ผมค่อนข้างไม่เข้าใจในภาษาเหนือเท่าไหร่แต่ก็พอจับใจความได้เพราะมันไม่ใช่คำเฉพาะคนเหนือขนาดที่จะฟังไม่ออกขนาดนั้นเลยพอตอบกลับไปได้บ้าง


    "ป้านิ่มครับเมื่อคืน..เอ่อเมื่อเช้ามาทำงานกี่โมงหรอครับผมนึกว่าป้านิ่มมาทำงานตั้งแต่ตีสาม " ผมถามป้านิ่มไปเมื่อนึกถึงเหตุการณ์แปลกๆเมื่อคืนได้


    "หา ตีสามป้ายังบ่าตื่นเลยเจ้าคุณสิงโต ป้ามาที่บ้านนี้ตอนตีห้าที่คุณออฟเปิ้นบอกไว้" ป้านิ่มตอบด้วยสีหน้าตกใจจากคำถามของสิงโต "หรือว่าคุณสิงโตอาจจะเจอเจ้าคุณปู่มาต้อนฮับเจ้า !!"


    "ใครคือเจ้าคุณปู่หรอครับป้านิ่ม" ผมคิดว่าสรรพนามเจ้าคุณปู่มันคุ้นๆเหมือนผมเคยได้ยินที่ไหนสักที่


    "เจ้าคุณปู่ก็คือคนดูแลบ้านเจ้าก็เหมือนพ่อปู่แม่ย่าที่ดูแลบ้านหื้อปลอดภัยเปิ้นคงมาอวยพรกับงานของคุณสิงมั้งเจ้า"


    "ป้านิ่มรู้ด้วยหรอครับว่าผมมาทำงาน" ผมถามกลับไปด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงรู้แต่ให้เดาก็คงเป็นไอออฟที่อาจจะเป็นคนบอก


    "คุณออฟเปิ้นบอกมาเจ้า กำชับป้าตวยว่าหื้อจัดหาอาหารและของหวานหื้อครบทุกมื้อหรือเลยสามมื้อก่อได้เจ้าเพราะคุณสิงเวลาทำงานจะบ่อยอมกินข้าวเจ้า" ป้านิ่มตอบผมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนเต็มใจรับภาระหน้าที่จากคำสั่งเสียของไออฟก่อนโดนผมปิดประตูไล่มันไปเมื่อคืน สงสัยคงต้องโทรไปขอบคุณหรือขอโทษดีที่เป็นห่วงแต่โดนผมกระแทกเต็มหน้า แต่ถึงไม่เลือกอย่างไหนในสองย่างนี้พวกเราสองคนก็ผลัดกันตีผลัดกันดีมาแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว


    " เป็นภาระป้านิ่มเหมือนมานั่งเลี้ยงลูกชายเลยขอโทษด้วยนะครับ " ผมละเกรงใจจริงๆ


    " โอ้ย บ่อเป็นหยังพอคุณสิงโตเอาเมียมะใดป้าก็วางใจ๋แล้วเจ้าแต่ตอนนี้ก่อหื้อป้านิ่มดูแลก่อนเนาะเดี๋ยวป้าตกงาน ฮ่าๆ "


    "เอ่อ..ครับ" เจอป้านิ่มตอบมาแบบนี้ผมก็เงิบสิครับคุณผู้ชม


    "ตอนนี้งานป้านิ่มหมดแล้วป้านิ่มขอไปทำงานที่สวนก่อนเน้อเจ้ามีอยังโทรเข้าเบอร์ป้าได้เลยติดไว้บนตู้วางเครื่องปรุงเน้อเจ้า"


    "ครับขอบคุณครับ" หลังจากนั้นป้านิ่มแกก็ออกไปสวนที่บอกเอาไว้ ส่วนผมยังไม่มีความคิดอยากออกไปไหนเพียงเพราะถูกบ้านหลังนี้ดึงดูดให้ต้องการอยู่เรื่อยๆเฉื่อยๆปล่อยเวลากับการอ่านหนังสือหรือหาอินสไปเรชั่นเฉดสียุคเก่าๆในอินเตอร์เน็ตเว็บต่างๆมากกว่าแดดร้อนๆที่ยังไม่ชิน


    แกร๊ง !


    ผมหลุดออกจากวังวนของตัวเองกับเสียงที่เกิดขึ้นในครัวทำให้ต้องรีบลุกไปดูกลับพบว่าแก้วน้ำที่วางไว้บนตู้เย็นก่อนหน้านี้ตกลงมา


    วูบ วูบ


    เอ๊ะหรือผมตาฝาดเห็นอะไรสักอย่างผ่านตัวผมไปฉับพลัน


    " ไปแกล้งพี่เค้าอีกแล้วนะเราหนะ ออกมานี่เลย " เสียงแหบยานเหมือนชายอายุสูงยิ่งกว่ารุ่นพ่อดุวิณญาณตัวแสบของบ้าน


    " แหะๆ ขอโทษครับเจ้าคุณปู่ คนโดนแกล้งไม่เห็นว่าอะไรเลยเจ้าคุณปู่อย่าดุสิคริสสิครับ "


    น้ำเสียงเดียวกับเมื่อคืน !! สิงโตรีบหันหลังกลับไปหาต้นเสียงนั้นทันที


    " พวกคุณเป็นใครครับ "

     

    คริสสะดุ้งเฮือก "อะ..เอ่อ คุณเห็นหรอ" เอไอคุณแขกคนนี้ที่ป้านิ่มเรียกชื่อว่าสิงโตจะเห็นผมกับเจ้าคุณปู่หรอบ้าหน่า หรือมีซิกแพค เอ้ย ซิกเซ้น เอ๋หรือมีไลน์แพคด้วยน้า เอ้ยไม่ใช่ๆกลับมาๆคิดไปไกลเกินละสิไอคริสเมื่อคืนเห็นเขาแค่ด้านหลังเปลือยเปล่าตอนจะอาบน้ำก็ทำให้จินตนาการได้ขนาดนี้เลยหรอวะ ทุกคนอย่าพึ่งมองผมเป็นคนแบบนั้นนะผมพูดจริงๆว่าเห็นแค่ข้างหลังเท่านั้นแล้วก็โดนเจ้าคุณปู่เรียกตัวเลยไม่ทันได้เห็นอย่างอื่นจริงจริ๊งง  


    "เห็นสิ ทนโท่กับตาอยู่ตรงนี้ ขโมยหรือยังไง !"


    "เห้ๆ บ้าหน่าขโมยอะไรหล่อเหลาแถมไม่ปิดบังใบหน้าแบบนี้ด้วย" โถ่ๆใครจะยอมถูกกล่าวหาจากผีเป็นขโมยวะเสียศักดิ์ศรีผีหมด


    "แล้วเป็นใครมาอยู่ในบ้านผมได้ยังไง"


    "เจ้าคุณปู่อธิบายให้ไอคุณสิงหน้าจืดอะไรนี่ฟังหน่อยสิครับ อะ..อ่าวไปไหนแล้วอะ" หันมาเจ้าคุณปู่จากผีปู่ย่ากลายเป็นนินจาหายไปแล้วอะทิ้งผมไว้เผชิญปัญหาอันใหญ่หลวงขอหายตัวไปอีกคนได้ไหมอะแง้


    "เห้ยแล้วเจ้าคุณปู่อะไรของนายหายไปไหนทำไมไวอย่างกับหายตัวได้"


    "ก็หายตัวนั่นแหละคุณ โอเคๆ บอกก็ได้จะได้เลิกกล่าวหาสักที ผมชื่อคริส และคริสเท่ากับผีประจำบ้านดังนั้นเจ้าคุณปู่ก็คือผีปู่ย่าที่นี่ ทีนี้เข้าใจยังว่าไม่ใช่ขโมย " หวังดีเป็นผีคุ้มบ้านไหงกลายเป็นขโมยเห้อไอคริสเศร้าาเจ้าคุณปู่ลากคริสไปด้วยเส้!


    " อ้อ ผี ห๊ะผี!!! "

     






    ฮัลโหลสวีสดีทุกคนนะคะครั้งนี้เรากลับมารีไรท์ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะเนื่องจากว่าการรีไรท์ของเราครั้งนี้เหมือนแต่งใหม่ทั้งหมดด้วยซ้ำดังนั้นคนที่เคยอ่านกลับมาอ่านใหม่ได้นะคะเพราะเราวางอะไรใหม่ๆลงไปเยอะเท่ากับแต่งใหม่ดีๆนี่เอง5555เรากลับไปย้อนอ่านอันเดิมที่แต่งไว้สมัยละอ่อนเด็กน้อยทำให้รู้ว่าพลาดหนักมากกับนิยายเรื่องนี้ดังนั้นเราขอกลับมาแก้ตัวฝากให้อภัยกันด้วยน้าา555แล้วเจอกันตอนต่อไปป



     

     

     

    "

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×