เวลาแห่งการรอคอย - เวลาแห่งการรอคอย นิยาย เวลาแห่งการรอคอย : Dek-D.com - Writer

    เวลาแห่งการรอคอย

    คุณเคยรู้สึกดี ๆ กับใครบ้างไหม แต่คุณก็ไม่แนใจ ในตัวคุณและเค้า จนคุณถามเค้าไป และแล้วเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง

    ผู้เข้าชมรวม

    806

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    806

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ก.พ. 47 / 22:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2025
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      และแล้วในที่สุด ประโยคนี้ก็ได้หลุดออกจากไป \"เราคบกันอย่างไร\"
      เป็นคำถามที่แสนยากเย็นที่เอ่ย วินาทีแห่งการพูดจา ช่างผ่านไปอย่างยากเย็นเหลือแสน
      วินาทีก่อนเอ่ยวาจาไซร้ ก็ยากเข็ญเต็มที กับการรวบรวมความกล้า หากเพราะ
      ไม่คุ้นเคยกับคำถามเช่นนี้ อีกทั้งพยายามข่มน้ำเสียงให้เป็นปรกติที่สุดเท่าที่
      ชายคนคนหนึ่งจะทำได้ วินาทีหลังคำพูดเล่า กลับกลายเป็นวินาทีแห่งความเงียบงัน
          หัวใจของเขาหรือ ผู้เอ่ยถาม ที่สุดแสนเหงา ยามนี้ร่างกายทั้งร่างนั้นเย็นเยียบเฉียบพลัน
      ยามที่ทุกสิ่งราวกับหยุดนิ่ง โลกกำลังหยุดเคลื่อนไหว เลือดไม่สูบฉีด ราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ
      ในใจร่ำร้องตะโกนเป็นเสียงหากจะเรียบเรียง ก็คงเป็นเพียงว่า ได้โปรด ตอบฉันที

      ใจหนาวเหน็บเจ็บร้าวราวความฝัน
      ทุกสิ่งพลันเงียบสงบจบสิ้นสูญ
      ผู้เอ่ยถามตามหัวใจให้อาดูรย์
      ไร้ข้อมูลเธอเอ่ยเพียงแต่รอ


          ความเงียบได้เข้าครอบงำหัวใจของคนทั้งสอง คนหนึ่งยากจะเอ่ยตอบ
      อีกคนยากจะถามซ้ำ อีกยังต้องกลั้นใจกลั้นตามิให้ร้องไห้ แล้วเธอจะรู้ไหม
      ว่าใครคนหนึ่งเฝ้าคอย ที่จะเอ่ยถามคำถามเช่นนี้ มิใช่เพราะอยากให้ทุกอย่างมันจบ
      หากแต่อยากให้ภาพที่ดูเลือนลางนั้นชัดเจนขึ้นมา ไม่ว่าภาพนั้นจะเป็นเช่นไร
      ก็ตามที
          ภาพที่เห็นเด่นชัด จะเป็นภาพคนสองคนเดินจูงมือไปด้วยกัน มุ่งไปยังทาง
      ข้างหน้าที่อาทิตย์ขอบฟ้าส่องแสงอย่างสวยสด ทั้งสองกุมมือพลางมองหน้า
      ยิ้มสู้แสงแดดอันร้อนแรง ราวกับแสงที่สองมานั้นเป็นดั่งทางสว่าง หาใช่
      ความร้อนรนของอาทิตย์ไม่ ถนนที่อาจดูไม่เรียบไม่สวยงาม แต่หากคนสองคนนั้น
      พร้อม พร้อมใจที่ช่วยกันต่อสู้แล้วหล่ะก็
           ไม่ว่าถนน ณ เบื้องหน้าจะเป็นเช่นไร จะเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ขึ้นอยู่รกเต็มถนน
      หรือ ต้นหนามที่คอยทิ่มแทง หรือเต็มไปด้วยกรวดดินอันสร้างความยุ่งยากใจ
      แต่ สองคนพร้อมใจที่จะร่วมมือกันต่อสู้ต่อไป มั่นใจในอีกฝ่าย มั่นใจในกันและกัน
      มั่นใจในความสัมพันธ์ พร้อมที่จะสู้เคียงกัน
          หรือเป็นภาพถนนสองเส้นที่ทอดยาวดั่งเส้นขนาน บนทางเดินมีคนสองคนเดินไปด้วยกันอยู่ไม่ห่างนัก
      ทีท่านัยว่า มีคำพูดต่าง ๆ มากมายอัดอั้นใจอยากจะเอ่ย แต่ด้วยความห่างของ
      ขอบถนน ทำให้คนทั้งสองเดินต่อไป พร้อมเว้นระยะห่างความสัมพันธ์แต่พองาม
      มิให้รอยน้ำตาที่นองอยู่บนพื้นสามารถเห็นได้ชัดเจนจนเกินไป
          คนหนึ่งเดินไปด้วยรอยยิ้ม และเพียงปรายตามองไปยังอีกฟากฝั่งถนน พร้อมกล่าว
      ทักทายอย่างคุ้นเคย แล้วก็เดินหน้าต่อไป เดินไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเส้นทางที่มาบรรจบกัน
      และจะแยกออกไปเป็นเส้นขนานเส้นแล้วเส้นเล่า
         อีกคนอาจมีรอยยิ้มที่เปียกโชก ด้วยความเศร้าใจ แต่ก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป เมื่อถึงครา
      ที่คนบนถนนอีกเส้นที่ขนานกัน เอ่ยปากทักทายคราใด ก็ยังคอยส่งยิ้มตอบกลับไป
      พร้อมคำทักทายเช่นเดิม หากแต่ในใจนั้น เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ที่กำลังถูกลบเลือนด้วยน้ำตาหยดใหม่
      จากนั้นก็เดินต่อไป เดินไปเรื่อย ๆ พร้อมกับระมัดระวังเส้นทางที่มาบรรจบกันเส้นใหม่ มิให้
      เกิดเส้นขนานเส้นใหม่ ที่จะสร้างทะเลน้ำตาภายในใจ ต่อไป
          ชีวิตมิได้สิ้นสุดเพียงคำตอบนั้น หากแต่ยังมีหนทางอีกไกลลิบ ให้เดินต่อไป
      ไม่ว่าจะเป็นถนนที่เรียบแสนเรียบ หรือขรุขระสุดแสนลำบาก ก็ต้องเดินต่อไป
      ตราบจนกว่าจะหมดแรงเดิน เขาเฝ้าบอกตัวเองอย่างนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งถนนของเขามี
      ถนนอีกสายมาบรรจบ แต่ทุกอย่างบอกเขา ถนนสายนี้อาจเป็นเส้นขนานอีกครั้งก็ได้
      เพราะถนนสายนี้ คือ ถนนของเธอ ผู้ถูกถาม

      ภาพฝันวันวานยังหลอนจิต
      ภาพความคิดหนหลังยังเฝ้าหลอน
      ภาพจางจางทางเดินดั่งขาดตอน
      เหมือนตัดรอนทางคิดลิขิตเดิน


          เวลาแห่งการรอคอย ช่างเดินไปช้ายิ่งนัก ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เวลานั้น
      ผันผ่านไปเพียงไม่กี่นาที แต่ในใจของคนที่รอคอยนั้นเล่า ยาวกว่านัก ไหนจะความรู้สึก
      ที่อัดอั้นอยู่ในใจ ที่ไม่อาจเผยให้ใครได้รับรู้ เพราะมันดึกแล้วนั่นเอง ไม่รู้เหมือนกันนะ
      ว่าทำไมเหตุการณ์ที่สำคัญต่อจิตใจของคน มักเกิดขึ้นในเวลากลางคืน
          หรือเพราะกลางคืนนั้นเงียบ กลางคืนนั้นเหงา กลางคืนนั้นอ้างว้างไร้ซึ่งเสียง
      กลางคืนนั้นไร้ซึ่งมิตรที่จะให้ปรึกษา กลางคืน... มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะตอบได้
      เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ การที่โลกของเขาจะหมุนต่อไปในทิศทางใดย่อมขึ้น
      อยู่กับคำตอบของเธอ
          โลกจะหมุนด้วยความเร็วที่คงที่ แต่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดน้ำตา หรือโลกจะหมุน
      ไปด้วยความเร็วที่ช้าลงจนแทบหยุดนิ่ง พร้อมกับการเกิดของมหาสมุทร ที่เกิดจากน้ำตา
      หรือโลกจะหมุนไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจนยากจะหยุดอยู่ แต่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
          คำตอบเพียงไม่กี่คำ แต่มีความหมายมากมาย คำตอบที่เป็นดั่งกุญแจที่กุมหัวใจ
      ของโลกทั้งใบเอาไว้ ผู้เอ่ยได้แต่นับเวลารอผู้ถูกถาม ว่าเมื่อใดนะ คำตอบจึงจะเปิดเผย
      เมื่อใดนะ ที่ผู้เอ่ยจะได้รู้ว่า ตัวเองจะได้หัวเราะหรือร้องไห้
          ผู้เอ่ยปากเพียงหวังให้เวลาเช่นนี้จบลงไปโดยเร็ว โดยที่คำตอบจะเป็นเช่นไรก็ตามที
      แต่ในใจของผู้ถูกถามเป็นเช่นไรในเวลาเช่นนี้ จะตื่นเต้น จะรำคาญ จะสับสน จะวุ่นวาย
      หรือจะพูดไม่ออก เพียงเพราะไม่อยากทำร้ายอีกฝ่าย คำถามมากมายอยู่ในห้วงความคิดของผู้เอ่ยถาม
          ผู้ถูกถามอาจวาดฝันไว้ไกลกว่านั้น โดยที่มิได้คาดฝันว่าจะได้ยินคำถามเช่นนี้เกิดขึ้น
      เธอคงวาดฝันไว้อย่างงดงาม แต่ฝันนั้นเป็นเช่นไร มิมีผู้ใดตอบได้ ในฝันนั้นมีภาพของ
      เขาหรือผู้เอ่ยปากหรือไม่ มิอาจตอบได้เช่นกัน ในฝันนั้นเป็นผู้อื่นหรือใคร
          อีกครั้ง กับคำตอบ ที่มิอาจรู้ คำตอบที่เป็นดั่งคำที่กำหนดขีดเส้นของชะตากรรม
      ใครหนาจะรู้ ว่าเวลาแห่งการรอคอยนั้น มันยากเย็นเพียงใด เวลาแห่งการรอคอยที่สุดแสน
      เงียบงัน เวลาที่ความหนาวเหน็บเข้าจับกุมหัวใจ เวลาที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำตอบ
      เวลาที่โลกทั้งโลกกำลังเผชิญชะตากรรมแห่งหัวใจ
          วันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ มิอาจตอบได้ เพราะเวลาในใจเขานั้น เดินไปอย่างช้ายิ่ง
      แต่หากเป็นเวลาแห่งความเป็นจริงแล้วหล่ะก็ หนึ่งวันหรือสองวัน แต่มันก็ช่างยาวนานยิ่งนัก
      สำหรับเธอนั้นเล่า เวลาคงผ่านไปอย่างรวดเร็วและสวยงาม เพราะอะไรนะหรือ นั่นเป็นเพราะ
      เธอนั้นใช้เวลาอย่างมีความสุข อยู่กับคนของเธอ คนอีกคนที่ผ่านเข้ามาในระยะห่าง
      ระหว่างคนสองคน
          ก่อนที่จะสิ้นสุดการสนทนาหลังจากวินาทีของการเอ่ยถามผ่านไป เธอบอกกับเขาว่า
      เธอกำลังจะกลับบ้านต่างจังหวัด แต่ไม่ทันที่ความคิดของเขาจะตามทัน จึงได้วางโทรศัพท์
      ไป โดยมิได้ถามว่า เธอจะกลับมาเมื่อไหร่ ทุกสิ่งราวกับทิ้งไว้ให้เขาคิดและตัดสินใจ
      เวลาผ่านพ้นไปอีกวันหนึ่ง
          ยามเย็นของวันต่อมา ด้วยความรู้สึกลึก ๆ ที่มิอาจเผยได้ ทำให้เขาตัดสินใจโทรไปอีกครั้ง
      และเช่นกัน ความรู้สึกของเขานั้นถูกต้อง เพราะเธออยู่กับเขาอีกคน ครั้นพอสิ้นเสียงคำทักทาย
      เธอกลับเงียบงัน ราวกับเขานั้นรู้ได้อย่างไรกัน ว่าเธออยู่ไหน กับใคร ก่อนที่คำพูดอื่นใด
      นอกเหนือไปจากคำทักทายผ่านสายโทรศัพท์ สัญญานก็ถูกตัดไปอย่างรวดเร็ว เขาจึงตัดสินใจ
      โทรกลับไปอีกหลายครั้ง และทุกครั้งก็เป็นดั่งเดิมนั่นคือกดตัดสายทิ้ง และในครั้งสุดท้าย
      ก็มีเสียงตอบรับกลับมา หากแต่ว่า ไม่ใช่เสียงของเธอ ผู้ถูกถาม แต่เป็นเสียงเธอที่บอกว่า
      สัญญาณที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
          ค่ำคืนผ่านไปอย่างยากเย็น ลมหนาวพัดผ่าน ราวกับพายุหิมะ ที่เกิดขึ้นในใจของเขา
      เขาจึงตัดสินใจโทรไปยังห้องพักของเธอ ถึงแม้รู้ว่าเธอไม่อยู่ก็ตาม หากแต่อยากสอบถาม
      เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมห้องของเธอ แต่เพื่อนของเธอนั้นก็ตามแต่เพียงไม่รู้
      และไม่ทราบ เขาได้ฝากคำถามและคำเอื้อนเอ่ยไว้เพียงว่า คำถามที่เขาได้ถามไปนั้น บัดนี้คำตอบ
      ได้กระจ่างชัดอยู่ในใจของเขาแล้ว และฝากอวยพรเธอด้วย ว่าขอให้เธอโชคดี
           จากเครื่องชาเขียวเพื่อสร้างสุขภาพที่อยู่ในแก้วสวยใบโต เริ่มกลับกลายเป็นเครื่องดื่ม
      ในขวดสีเขียวเพื่อทำลายสุขภาพแทนที่ พร้อมเค้าเมฆฝนแห่งน้ำตาที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้า
      ภายในใจ แก้วแล้วแก้วเล่าที่ผ่านไป หมดแล้วก็เติม มิได้พร่อง จนกว่าเครื่องดื่มจะหมดจากขวด
      เพลงก็บรรเลงเสียงดัง ราวกับตอกย้ำหัวใจของเขา ทุกเพลงที่ดั่งขึ้นเป็นดั่งหยดน้ำ ที่คอย
      ระเหยและก่อตัวเป็นเมฆฝน
           เขาพร่ำบอกกับตนเองและเพื่อนของเขาที่อยู่ในสาย ความหวังให้เก็บไว้และอย่าหยุดหวัง
      แต่เพียงอย่าคาดหวังอะไรกับความหวังนั้น เพราะมิอย่างนั้นแล้ว เราจะไม่เหลือใจไว้ให้กับ
      ความผิดหวังอันอาจจะเกิดขึ้นตามมาภายหลังได้ ชายสองคนนั่งคุยกันไปพลาง อ่านหนังสือ
      เตรียมตัวสอบไปพลาง อย่างไม่รู้เวลา ขณะนั้นเข็มยาวชี้เลขใดมิอาจทราบ แต่เข็มสั้นชัดเจน
      ชี้ไปยังเลขสอง
           เข็มนาฬิกายังมีวันครบรอบ เช่นกัน เพื่อนของเขาก็มีเวลาที่ต้องพักผ่อน สายจึงวางไป
      แต่เขา ผู้เอ่ยถาม มิอาจข่มตาให้หลับลงได้ ด้วยเค้าเมฆฝนที่ก่อตัวขึ้นอยู่ภายในใจ เขาจึง
      ปลดปล่อยตัวเอง ไปยังอีกโลกหนึ่ง โลกที่เขาสามารถมีความสุขได้ โดยไม่มีความทุกข์ตามมา
      รบกวน เขาหันไปเล่นเกมส์แทนนั่นเอง ความเงียบยังคงครอบงำจิตใจของเขาอยู่ดี
           เวลาเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง เช่นเดียวกับเขาที่นั่งเล่นต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดพัก
      จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงที่มากระทบโสตหูของเขา คือ เสียงไก่เสียงนกร้อง บอกเวลา
      ว่าเช้าแล้ว เขาจึงปิดเกมส์เพื่อพักเครื่องมือทำมาหากินของเขา เขาเดินไปมาอย่างล่องลอย
      ราวร่างที่ไร้จิตวิญญาณ ครั้นจะหันไปเปิดโทรทัศน์ แต่เวลาเช้าแบบนี้ก็คงมีแต่ข่าวเท่านั้น
      เขาจึงเดินไปยังใต้ผ่าห่ม เพื่อจะซุกตัวนอน เพียงเพื่อให้กายอบอุ่นอีกสักนิด ก่อนจะต้อง
      ออกจากบ้าน เพื่อไปสอบในยามเช้า
           เสียงเพลงดังขึ้นเป็นท่วงทำนองช้า ๆ เศร้าๆ จากโทรศัพท์มือถือ ปลุกให้เขาตื่นขึ้น
      ช่วงเวลาสอบก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่งตกบ่ายวันนั้น โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง
      เป็นเบอร์ที่เขาไม่คุ้นเป็นอย่างยิ่ง พอรับสาย เสียงที่ดังจากอีกฝั่งเป็นเสียงของเธอ
      แต่ด้วยเขาเรียนอยู่จึงมิอาจคุยได้ จึงบอกเพียงว่า เดี๋ยวโทรกลับนะ แล้วก็วางไป
           ตกเย็นเขาโทรไปหาเธอ ตามเบอร์ที่ขึ้นอยู่ แต่ก็ไม่ติดเนื่องด้วยเป็นโทรศัพท์สาธารณะ    
      เขาจึงโทรหาเธออีกครั้ง ไปยังเบอร์ของชายอีกคน ผู้ที่คั่นอยู่ในระยะห่างระหว่างคนสองคน
      เมื่อโทรศัพท์ได้รับการตอบรับ เป็นเสียงของเธอตอบ แล้วเขาก็ถามเธอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
      แต่สิ่งที่ออกจากปากเธอ กลับเป็นว่า เธอไม่รู้ เธอไม่อยู่ เธอพึ่งมาเอง
           เขาพูดคุยกับเธอด้วยความรู้สึกที่เย็นเยียบ ราวกับขั้วโลก และก็วางสายไป และโทรไปพูดคุย
      สอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จากคำตอบที่เธอเอ่ย ว่าเธอไม่รู้ แล้วเสียงที่เขาได้ยินนั้นเล่า เป็นเสียงใคร
      แล้วสิ้นคำทักทายของเสียงนั้นเล่า ใยจึงเงียบไปโดยไม่มีเหตุผล เธอก็ตอบเพียงว่าเธอไม่รู้
      เธอไม่อยู่เช่นเดิน อีกครั้งที่วางสายไป เขาคิดอะไรอีกนิด เขาโทรไปหาเธออีกครั้ง แต่ทว่า
      เสียงที่รับเป็นเสียงของเขาคนนั้น ผู้อยู่ระหว่างกลาง ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก เขาจึงขอสายเธอ
      แต่ผู้รับสายกลับตอบอย่างรวดเร็วว่าไม่อยู่ ราวกับไม่ยอมให้คุย ได้ยินเช่นนั้นเขาจึงถามต่อไปว่า
      แล้วเธอไปไหน ผู้รับสายตอบกลับอีกเช่นกันว่าไม่รู้ ทั้งที่ระยะเวลาระหว่างการวางสายและโทรไป
      ในแต่ละครั้งนั้น ห่างกันไม่ถึงนาที แล้วเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรว่าเธอไม่อยู่
          เขาเปิดคอมพิวเตอร์และตรวจดูจดหมาย เขาพบว่าเธอได้ส่งมาหาเขาสองฉบับ ฉบับหนึ่งเธอ
      ใช้บริการของเว็บแห่งหนึ่งส่งเพลงมาให้ และเพลงนั้น คือ ขอเป็นคนห่วงเธอ ขับร้องโดย อาร์ม
      ซึ่งเนื้อหาของเพลงนั้น ก็ตรงใจเป็นที่สุด แต่ว่าเนื้อหาของเพลงนั้น ราวกับตอกย้ำเขา
      มากกว่าความรู้สึกที่เธอต้องการจะเอ่ยกับเขา เพราะเนื้อเพลงนั้น บอกเล่าว่า ห่างกันไปแสนนาน
      แต่ก็ยังคิดถึงอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับฉัน แต่ฉันยังเหมือนเดิม ความรู้สึกนี้ตรงกับของเขาอย่างยิ่งนัก
          ส่วนจดหมายอีกฉบับนั้น เนื้อความอันอาจจะสรุปได้ว่า เธอบอกว่าเขาว่า เธอนั้นยังเหมือนเดิม ทุกอย่าง
      ยังไม่เปลี่ยนไป แต่ทว่าในห้วงความคิดของเขา ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว และเพลงที่ส่งมานั้นราว
      กับตอกย้ำความรู้สึกของเขา เป็นอย่างยิ่ง เสียงเพลงดังก้องอยู่ในใจของเขา เนื้อเพลงทุกคำราวกับ
      หนามแหลมคมที่ทิ่มแทงใจเขา
          อีกครั้งที่เขาหันไปหาเครื่องดื่มเพื่อทำลายสุขภาพในขวดสีเขียว ระยะเวลาผ่านไปนาน แต่ก็ช้าเต็มที
      จนถึงเวลาเที่ยงคืน เขาจึงโทรไปหาเพื่อนเธอยังห้องพัก แล้วถามกับเพื่อนเธอด้วยอย่างเอาจริง
      ในที่สุดความจริงทุกอย่างก็เปิดเผย กับคำถามที่เฝ้ารอ กับภาพจาง ๆที่ดูเลือนลาง กลับชัดขึ้นมาอย่าง
      น่าแปลกใจ
           เขาถามเพื่อนของเธอด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว ราวกับคนที่พึ่งว่ายน้ำในหน้าหนาวยามค่ำคืน คำถามนั้น
      ง่ายแสนง่าย แต่แทงใจนัก สิ้นคำถามที่ว่า ตกลงแล้วไอ้หมอนั่นเป็นแฟนใหม่ของเธอใช่หรือไม่ เพื่อนของ
      เธอตอบกลับมาอย่างเรียบง่ายว่า ใช่ คำถามต่าง ๆ มากมายพรั่งพรูอยู่ในความคิดราวกับ แย่งกันเอ่ยขึ้น
      คำถามต่อมาจึงเป็นเพียงว่า แล้วทำไมเธอไม่บอกเราแต่แรก เห็นเราเป็นอะไร เธอผู้เพื่อนตอบกลับด้วย
      เสียงที่สั่นไหวเช่นกันว่า ก็เพื่อนขอไว้ว่าอย่าบอก
            ทุกอย่างสิ้นสุด โลกหยุดหมุน มีเพียงคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบ เห็นเราเป็นแค่ของเล่นหรือไร
      เห็นเป็นเรื่องสนุกใช่ไหม กับความรู้สึก แล้วบอกกับเราทำไมว่าขอเวลาก่อนได้ไหม เมื่อเธอมีเขาอยู่ข้างกาย
      แล้วเธอเก็บฉันเอาไว้ทำไม เธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอสนุกใช่ไหม กับการที่ทำแบบนี้ เธอรู้ไหมว่า เธอกำลัง
      ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งที่มีแต่ความจริงใจ กำลังเปลี่ยนแปลงไป
            ทั้งที่ทุกครั้งที่เขาคบหรือดูใคร เขาก็ทำเพียงครั้งละคนเดียวเท่านั้น และทำไปด้วยความจริงใจ มิได้
      เสแสร้ง หรือคาดหวังว่าจะได้กายเธอมาครอบครองอย่างที่หลายคนคิด แต่วันนี้เขาบอกกับหัวใจตัวเอง
      ว่า พอดีกว่าไหมนะใจ กับความรัก พอดีกว่าไหมกับความรู้สึกที่จริงใจ การที่จะคบกับใครถึงแม้ว่าเป็นแค่
      เพียงเพื่อนกัน ยังต้องใช้ใจแลกใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งเพื่อนที่จริงใจและคบกันได้ยาวนาน เพราะหากขาด
      ความจริงใจแล้วทุกอย่างก็ไร้ความหมาย
            ทุกคำพูด ทุกคำถาม ทุกความรู้สึก ต่างต่อแถวรอคอย เขาเอ่ยบอกกับเพื่อนของเธอ ราวคนบ้าที่กำลัง
      มีน้ำตานองหน้า คนอกหักที่โดนหลอกลวง คนที่มอบความจริงใจให้แต่กลับโดนหลอกลวง คนที่กำลังสูญสิ้น
      ความหวัง คนที่กำลังหมดใจ คนที่โลกหันหลังให้ เพื่อนของเธอต่างเห็นด้วยทุกอย่าง แต่เพื่อนของเธอ
      ยังคงยืนยันคำเดิมว่า เพื่อนเธอขอไว้ และแล้วทุกอย่างก็จบลงพร้อมกับโทรศัพท์ตัดไป เหลือทิ้งแต่เพียง
      ภาพต่าง ๆ คอยหลอกหลอนอยู่ในวังวันแห่งความคิดของอย่างสับสน ระยะเวลาที่ยาวนานเกือบ 1 ปี
      กับความสัมพันธ์ที่จาง ๆ และเลือนลาง
            วันต่อมา เขาตื่นขึ้นพร้อมความเจ็บช้ำ และเสียงเพลงที่เธอส่งมาให้ ดังอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับความ
      คิดในหัวใจของเขา ราวกับเป็นคำสัญญาของปีใหม่ ว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่มอบความจริงใจให้ใครอย่างเต็มที่
      เช่นคราวนี้ และคราวที่ผ่านมาอีก และปีใหม่นี้เขาจะขอทิ้งความรู้สึกแบบนี้ไป และทิ้งความจริงใจที่จะมอบ
      ให้กับมิตรภาพใหม่ๆ เขาขอหยุด เขาขอเลิก เขาขอรักตัวเองให้เพียงอย่างเดียว หลังจากแบ่งปันความรัก
      ไปอย่างมากมาย โดยสิ่งที่ได้รับกลับเป็นการหลอกลวงกัน

      (ถนนของชีวิต)
      ทุกความคิดขีดไว้ในกระดาษ
      คอยขีดวาดความฝันอันสดใส
      ระบายภาพความคิดจากข้างใน
      จากหัวใจสู่กระดาษเป็นคำกลอน
      อาจมีบ้างพลั้งพลาดขาดความคิด
      รู้สึกผิดแต่เก็บไว้ต่างคำสอน
      ทุกอย่างเก็บไว้เป็นดั่งพร
      คอบบอกตอนชีวิตพลัดทางเดิน
      ถนนสายใหญ่เรียบหรูหรือขรุขระ
      มิอาจละล้มเลิกเพิกหยุดเหิน
      มิอาจปล่อยหัวใจให้เพลิดเพลิน
      อาจหมางเมินต่อเธอคนร่วมทาง
      ถนนกว้างหลายเส้นอาจเป็นคู่
      ฉันพบเธอเดินร่วมอยู่เคียงข้าง
      แต่ถนนร้อยหลากเส้นเว้นให้ห่าง
      ทางอาจร้างใครเล่าจะโทษเธอ
      กับอดีตผ่านผันมันย่อมเปลี่ยน
      ทุกสิ่งเวียนหมุนวนจนฉันเผลอ
      หากแก้วตาโทรมาแล้วไม่เจอ
      อยากบอกเธอที่แล้วมาฉันเสียใจ
      ปัจจุบันยังมีที่ให้เว้น
      ทุกสิ่งเป็นดั่งนธีที่เคลื่อนไหล
      แม้นวันนี้เราสองต้องห่างไกล
      จงรู้ไว้ใจฉันยังเหมือนเดิม
      อนาคตใครเล่าเขาจะรู้
      ทุกสิ่งคู่ล้วนมีแต่สร้างเสริม
      หากเธอนั้นไม่คิดจะเพิ่มเติม
      จงอย่าเริ่มทำลายที่ผ่านมา


      ---------------------------
      ชื่อเพลง: ขอเป็นคนห่วงเธอ
      ศิลปิน: อาร์ม
      อัลบั้ม: ไทยมุง

      จากกันไปก็นานแล้วแต่ใจยังไม่ลืม
      เธอยังคงยังลึกซึ้งอยู่ในใจฉันเธอ
      จะเป็นอย่างไรจะมีใครแล้วหรือยัง
      แต่ว่าฉันยังคงผูกพันอยู่เสมอ

      * ก็ไม่รู้ตอนนี้ เธอจะคิดกับฉันยังไง
      เท่าที่รู้ ฉันยังรักเธอหมดใจ

      ** เมื่อไม่ได้เป็นคนที่เธอห่วงใย
      แต่ขอให้ฉันเป็นคนห่วงเธอ
      เมื่อไม่ได้เป็นคนที่ยืนเคียงข้างเธอ
      คนที่เธอคอยละเมอไม่เป็นไรรู้ไว้คนดี
      ว่ายังรักเธอว่ายังรักเธอ
      โว้..โฮ้..โฮ

      ใจเธออยู่กับใคร
      ฉันไม่ต้องการจะรู้ แต่ขอได้เพียงแค่เฝ้าดู อยู่ไกลๆ
      เธอไม่ต้องสับสนและเธอไม่ต้องตกใจ
      ฉันไม่ทำให้วุ่นวาย อะไรกับเธอทั้งนั้น

      (*)

      เมื่อไม่ได้เป็นคนที่เธอห่วงใย
      แต่ขอให้ฉันเป็นคนห่วงเธอ
      เมื่อไม่ได้เป็นคนที่ยืนเคียงข้างเธอ
      คนที่เธอคอยละเมอไม่เป็นไรรู้ไว้คนดี
      รู้ไว้คนดี

      (**)

      อ่านก่อนนะอย่าพึ่งลบ
         พี่ได้ฟังเพลงที่เราส่งมาให้แล้วหล่ะนะ แต่พี่อยากบอกว่า เพลงที่เราส่งมาให้หน่ะ
      พี่ว่าเนื้อเพลงมันตรงกับความรู้สีกพี่ที่มีต่อเรามาก ๆ อ่ะ โดยเฉพาะท่อนนี้อ่ะ

      จากกันไปก็นานแล้วแต่ใจยังไม่ลืม
      เธอยังคงยังลึกซึ้งอยู่ในใจฉันเธอ
      จะเป็นอย่างไรจะมีใครแล้วหรือยัง
      แต่ว่าฉันยังคงผูกพันอยู่เสมอ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×