สิปปณัฐ กับ มรดกตึกผี - นิยาย สิปปณัฐ กับ มรดกตึกผี : Dek-D.com - Writer
×

    สิปปณัฐ กับ มรดกตึกผี

    เมื่อ "ตึกมรดก" ไม่ใช่ "เซฟโซน" เป็นที่พักอาศัย เมื่อ "คน" ต้องอยู่กับ "สังคมผี" มาทำ "อัปรีย์" ใส่ที่กู อย่าหวังจะได้อยู่อย่างสบายในที่แห่งนี้

    ผู้เข้าชมรวม

    168

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    16

    ผู้เข้าชมรวม


    168

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน :  6 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.ย. 67 / 08:45 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

        บทนำ

         สิปปณัฐ หรือ นพ เด็กน้อยที่เกิดมาพร้อมกับความมีกินมีใช้ ครอบครัวของนพ ได้ประกอบธุรกิจหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะธุรกิจส่งสินค้าออกนอกประเทศ กิจการร้านอาหาร ฯลฯ ที่ ตึกพาณิชย์ที่เป็น มรดก ของคุณปู่มอบให้ ณดล ซึ่งเป็นพ่อของ ยูซากุ 

         ตึกพาณิชย์ของคุณปู่ จะอยู่ตรงทางสามแพร่ง โดยทางด้านหน้าติดถนนริมคลอง  ส่วนของทางชั้นล่างสุด ณดล แบ่งกั้นห้องออกเป็น 3 ห้องไว้สำหรับเช่า 2 ห้อง อีกห้องเอาเป็นที่พักอาศัยในกรณีที่ ณดล กับ ภานิดา ไม่ได้กลับบ้าน ส่วนชั้นอื่น ๆ ด้านบนทำเป็นหอพักนักเรียน นักศึกษา ส่วนทางด้านหลังที่อยู่ในซอย ณดล กับ ภานิดา ภรรยาของณดล ได้เปิดธุรกิจ ร้านเกมหยอดเหรียญ ชั้นสองเปิดเป็นโต๊ะสนุ๊ก

         ตอน นพ อายุได้ 5 ปี ทางบ้านตัดสินย้ายมานอนที่ตึกแห่งนี้ เนื่องจากงานล้นมือ กลัวจะดูแลลูกชายและแม่ของณดลไม่ทั่วถึง จึงพาทั้งสองคนมานอนด้วยชั่วคราว คืนหนึ่งที่ฝนฟ้าตกกระหน่ำ ภานิดา ได้ปูผ้าผืนใหม่สำหรับนอนรวมกัน ระหว่างที่ ภานิดา กำลังนอนหลับ อยู่ ๆ ร่างกายของเธอได้กระตุกอย่างแรง แขนเหยียดตรง มือเกร็งหยิกหงิกงอเหมือนคนเป็นอัมพฤษ์ ขาดิ้นพล่านหน้าสะบัดอย่างแรง

         “ช่วยด้วย แม่จ๋า ช่วยหนูด้วย อย่าให้มันเอาตัวหนูไป แม่ ช่วยด้วยยยยยย กรี๊ดดดด”

         เสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือสลับกับเสียงกรี๊ด ทำให้ณดลตื่นตกใจ แต่ขณะที่ นพ กลับทำสีหน้าที่เฉยเมย จ้องมองไปทางหน้าต่างตลอดเวลา และสะกิดคุณย่า ผู้เป็นแม่ของณดล

         “ย่า ย่าครับ มีคนมาอยู่ที่หน้าต่าง เปิดประตูกันครับ”

         นพพูดพร้อมกับชี้ไปทางหน้าต่าง แต่คุณย่า ไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของใคร ระหว่างจะบอกหลานว่าไม่มีใคร นพได้ลงจากเตียงและเดินไปที่ประตู คุณย่าดึงแขนนพไว้ 

         “อย่าเปิดลูก ข้างนอกไม่มีใครนะ”

         “มีคนมา มีคนกวักมือ ต้องรับแขก เปิดประตู”

         นพไม่ฟัง ไม่รู้เด็กอายุ 5 ขวบทำไมเรี่ยวถึงเยอะนัก ทางภานิดายังชักพร้อมกรีดร้องตลอดเวลา ทางหลานตัวน้อยก็ไม่ฟัง จะไปให้ได้ ณดลเห็นสถานการณ์แปลกไม่สู้ดี ตัดสินใจเอาพระที่ตนคล้องคอ มาสวมให้กับผู้เป็นภรรยา ภรรยาของณดล กรีดร้องออกมาดังลั่นบ้านแล้วชักกระตุกเล็กน้อย ณดลตัดสินใจ จะพาภานิดาไปหาหลวงพ่อที่วัด 

         “คุณแม่ครับ ผมฝากดูแลนพหน่อยนะครับ ผมจะพาเมียไปหาหลวงพ่อ ให้หลวงพ่แรดน้ำมนต์ให้”

         ณดลพูดจบ ก็อุ้มตัวภรรยาของตนขึ้นแล้วรีบพาขึ้นรถออกจากบ้านมุ่งสู่วัดทันที 

         เวลา เที่ยงคืน 45 นาที ท่ามกลางฝนตกหนัก รถยนต์โตโยต้าสีฟ้าจอดหน้ากุฏิเจ้าหลวงพ่อท่านหนึ่ง ณดลอุ้มภานิดาลงจากลง เคาะประตูกุฏิหลวงพ่อให้ดังยิ่งกว่าฝนที่กระหน่ำลงมา

         “หลวงพ่อ หลวงพ่อครับ ช่วยเมียผมด้วย หลวงพ่อ”

         “อะไร มีอะไรโยม รู้ไหมมันกี่โมงกี่ยามแล้ว มาทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ ป่านนี้”

         หลวงพ่อเปิดประตูพร้อมคำถาม ยังไม่ทันสิ้นคำถาม ณดลรีบเข้ากุฏิวางตัวภานิดาลงโดยภานิดายังมีอาการชักเกร็งพร้อมคำขอความช่วยเหลือตลอดเวลา

         “หลวงพ่อครับ ภรรยาผมนอน ๆ อยู่ก็ชัก แล้วก็ร้องช่วยด้วยๆ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยพามาหาหลวงพ่อให้รดน้ำมนต์ให้ภรรยาผมหน่อยครับ ข่วยภรรยาผมด้วยนะครับหลวงพ่อ”

         ณดลคุกเข่าก้มกราบพร้อมทั้งน้ำตา กลัวจะเสียภรรยาผู้เป็นที่รักไป หลวงพ่อยืนหน้าประตูจ้องมองไปที่รถ แล้วบอกกับณดล 

         “มีคนจะมาพาภรรยาของโยมไปอยู่ด้วยน่ะ เหมือนว่าภรรยาของโยมจะหลงเข้าไปอีกมิติหนึ่งนะ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวอาตมาจะช่วยโยมเอง”

         หลวงพ่อ หยิบขันน้ำมนต์ พร้อมสวดคาถาทำพิธีอยู่สักพัก นำไม้มาพรมน้ำมนต์ให้กับตัวภานิดา พร้อมทั้งให้ภานิดาดื่มน้ำมนต์จนหมดขัน สักพักร่างกายของภนิดาก็สงบลง หลับตามปกติ ไม่มีอาการชักอีก

         พายุได้ผ่านไป ณดลกราบไหว้ขอบคุณหลวงพ่อ แล้วขอตัวลาพาภานิดากลับบ้านพักผ่อนตามปกติ โดยคงตั้งคำถามไว้ในใจ หากภานิดาตื่นขึ้น ต้องถามซักหน่อย ว่าภรรยาของเขาไปเจออะไรมากันแน่ 

         เวลา 11 นาฬิกาของอีกวัน ภานิดา ได้สติตื่นขึ้น ท่ามกลางความดีใจของผู้เป็นสามีและแม่ยาย ณดลรินน้ำให้ภานิดาได้ดื่มและพักต่ออีกเล็กน้อย พออาการดีขึ้น รดล รีบเข้าเรื่อง

         “คุณจำได้ไหม ว่าเมื่อคืน เกิดอะไรขึ้น คุณไปอยู่ที่ไหน”

         “จำได้สิ จำได้อย่างดี เมื่อคืนหลังที่ฉันหลับไป…”

         ภาณิดาเริ่มเล่าสิ่งที่ตนเองเจอ

         “หลังจากที่หลับไป ฉันฝันว่า ฉันไปเจอคนกลุ่มหนึ่ง กำลังเดินต่อแถวไปไหนก็ไม่รู้ แต่มองที่เท้า ปรากฎว่าคนพวกนี้ไม่เท้า ตอนนั้นฉันนึกว่าฉันตายไปแล้วเหรอ ก็เดินเข้าขบวนไปกับคนพวกนั้น พอเดินได้สักพัก ก็นึกได้ว่า เรายังไม่ตายนี่ ฉันก็รีบออกจากแถวแล้ววิ่งหนี ทีนี้ ก็เหมือนมีผู้คุม ร้องตะโกนทำนองว่า อย่าให้มันหนีไป แล้วฉันก็โดนวิ่งไล่ ประมาณนั้นแหละ”

         ณดลพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วค่อย ๆ เล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ภรรยาฟังอย่างช้า ๆ สีหน้าของภานิดาตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็พยักหน้ารับเรื่องราวอย่างเข้าใจ ทั้งสองโอบกอดกันและกัน ก่อนณดลจะหันไป นพ ลูกชายของตน

         “นพ แล้วลูก เมื่อคืนลูกทำอะไร ลูกจะเปิดประตูให้ บอกพ่อหน่อยได้รึเปล่า”

         นพพยักหน้า แล้วตอบคำถามผู้เป็นพ่อ

         “เมื่อคืน ผมเห็นคนเยอะแยะเลย มาที่ตรงประตูกับหน้าต่าง เขากวักมือให้เปิดประตูบ้าน นพก็คิดว่าเป็นแขก เลยจะเดินไปเปิดประตูให้ครับ”

         “แล้วลูกเห็นหน้าตาของคนเหล่านั้นมั๊ย”

         ณดลถามต่อ นพส่ายหน้าแล้วตอบ

         “ไม่เห็นหน้าตาครับ เห็นแต่เป็นเงารูปร่างคนตัวไม่เท่ากันยืนเรียงกันเป็นแถว”

         คำตอบที่ได้สร้างความฉงนให้กับคนในครอบครัวมาก ไม่รู้ว่าที่ภานิดาไปนั้นไปที่ไหน กลุ่มคนที่มายืนคือใคร? ไม่มีคำตอบใด ๆ ให้กับเรื่องนี้ รู้แค่ว่า หลังจากนั้น ทั้งครอบครัวก็ไม่เคยพบกับเหตุการณ์แบบนี้อีกเลย เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

         ….สำหรับ ณดล กับ ภานิดาได้หมดลง…แต่สำหรับ เด็กชายนพ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น…..

         

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น