ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Last Fantasy : Another Story

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 : ลาก่อน......

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 48


    ตอนที่ 1 : ลาก่อน......







    \"ว้าว!!\"



    ทั้งคณะเดินทางผ่านเข้ามาทางอุโมงที่เป็นทางเข้าหลักของนครเสีย งกระซิบ ซึ่งเมื่อได้มาเห็นนครขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาอย่างมิดชิดก็ทำให้ เบล, ทีโอ, นูที่อยู่บนไหล่ทีโอ และ คุกิ ที่เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกต้องทึ่งโดยเฉพาะเบลที่อุทานออกมา เสียงดัง



    \"ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยแฮะ มีเมืองใหญ่ขนาดนี้อยู่ในภูเขาจริงๆด้วย ตอนได้ฟังทีแรกยังนึกว่าตาครูซโม้เสียอีกนะเนี่ย\"



    \"เฮอะ! เห็นมั้ยล่ะ แล้วมาหาว่าเราโม้\" ครูซทำเสียงขึ้นจมูกขณะยืนกอดอกมองไปทางเมืองที่ไม่ได้เห็นเสีย นาน



    \"ยอดเยี่ยมจริงๆ แค่ดูเฉยๆก็บอกได้เลยว่ามีการวางแบบแผนผังการสร้างเมืองเอาไว้เ ป็นอย่างดี ฉันก็เคยศึกษาดูผังเมืองมาบ้างแต่ก็ไม่เคยเห็นเมืองไหนสร้างได้ ดีขนาดนี้เลยนะเนี่ย\" คุกิกล่าวชมขณะที่ทั้งกลุ่มเดินเข้าไปใกล้



    \"เออนี่ เซโร่\" ทีโอหันมาหาเซโร่ \" ทำไมพวกยามตรงทางเข้าพอเห็นหน้านายก็รีบตะเบ๊ะใส่ทันทีแถมคนนึง ยังรีบวิ่งเข้าไปโทรศัพท์รายงานอะไรก็ไม่รู้วุ่นวายไปหมดเลยล่ะ ?\"



    คำถามของทีโอเล่นเอาเซโร่เหงื่อตกแล้วหันไปมองหน้าอีฟกับครูซ \"คือว่า....\"



    แต่ก่อนที่เซโร่จะทันได้ตอบทั้งคณะก็หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงเสียง ฝีเท้าของคนจำนวนมากมุ่งมา เมื่อมองดูก็เห็นแถวคนใส่เครื่องแบบทหารเดินสวนสนามตรงมาทางพวก เขา เล่นเอาพวกทีโอกับนูตั้งท่าเตรียมพร้อมแต่ก็โดนครูซยกมือขึ้นห้ ามไว้



    \"ใจเย็นไว้ นี่พวกเดียวกัน\"



    ทีโอกับเบลมองครูซอย่างงงๆส่วนคุกิหันไปมองเซโร่ที่ยิ้มเขินๆให ้



    ทันใดนั้นทหารที่สวนสนามมาก็หยุดแล้วทำวันธยาวุทธ์พร้อมกล่าวเส ียงดังฟังชัดว่า



    \"ขอต้อนรับท่านผู้นำเซโร่กลับสู่นครเสียงกระซิบครับผม!\"



    ตานี้ทั้งสามคนหันสายตางงงวยสุดๆมามองเซโร่ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมื อนจะแทรกแผ่นดินหนีขณะที่ครูซทำท่าทางกลั้นหัวเราะเต็มที่ ส่วนอีฟก็เช่นเดียวกับทุกครั้ง เฉยสนิท...



    \"ท่านผู้นำ...เหรอ!?\" เบลกล่าวเสียงแผ่วแบบไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่ตัวเพิ่งได้ยินมากั บหู



    \"นี่นายไปเป็นผู้นำของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?\" ทีโอถามบ้าง



    \"ไม่นึกว่าจะเจ๋งขนาดนี้แฮะ\" คุกิกล่าวทึ่งๆ



    \"บอสครับ!\"



    ทุกคนหันไปตามเสียงเรียกเห็นชายสองคนเดินเข้ามาหา



    \"ดิค! อิงโฮ!\" เซโร่ร้องเรียกด้วยความดีใจพร้อมเข้าไปทักทายทั้งสองคน



    \"พวกนั้นใครเหรอ?\" เบลหันมาถามครูซกับอีฟ



    \"คุณดิคเป็นผู้ควบคุมดูแลเมืองนี้ค่ะ ส่วนคุณอิงโฮรับหน้าที่เป็นเสนาธิการของที่นี่ค่ะ ทั้งสองคนรับหน้าที่ดูแลเมืองนี้ตอนคุณเซโร่ไม่อยู่ค่ะ\" อีฟตอบ



    \"แล้วเจ้าเหม่งอิงโฮนั่นก็เป็นต้นคิดและคนดำเนินการแผน\"ราชาเงา\"ที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ด้วย\" ครูซพูดเสริม



    \"ราชาเงา? หมายถึงราชาเงาแห่งนครเสียงกระซิบที่กำลังสร้างความปวดหัวให้กั บ BG อยู่นั่นน่ะเหรอ?\"



    \"ช่ายแล้ว นครเสียงกระซิบที่ว่าก็คือที่นี่นั่นแหละ ส่วนราชาเงาที่ว่าก็คือไอ้เจ้าโร่ของเรานี่แหละ ถึงแม้มันจะมีกรรมได้นั่งบัลลังค์เมืองนี้อยู่ได้ไม่ถึงวันเท่า นั้นก็เหอะนะ\"



    เมื่อเซโร่กับพวกดิคทักทายกันเสร็จแล้วก็พากันมาหาพวกครูซที่ยื นตะลึงกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาอยู่



    \"สวัสดีครับทุกท่าน\" ดิคกล่าวสวัสดีแขกใหม่ทั้งสามคน ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญ \"เพื่อนของบอสก็คือแขกผู้มีเกียรติ์สูงสุดของเรา เชิญทางนี้เลยครับ\"







    *********







    \"ก็หมายความว่าที่บอสกลับมาครั้งนี้ก็เพราะว่าได้เบาะแสเรื่อง Rare อะไรที่ว่านี่งั้นหรือครับ?\"



    ที่ห้องประชุมสภาของนครเสียงกระซิบ ทั้งคณะของเซโร่รวมทั้งดิคและอิงโฮกำลังนั่งประชุมกันอยู่พร้อม กับทานอาหารเย็นไปด้วย



    \"ใช่แล้ว เราได้เบาะแสมาว่าราชาแห่งเผ่า Orc มีสมบัติที่ตกทอดกันมาซึ่งดูจากที่บรรยายลักษณะแล้วก็ใกล้เคียง กับ Rare มาก แต่ในตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้แล้วว่าพวกนั้นอพยพไปอยู่ที่ไหน เราเลยตัดสินใจกันว่าจะกลับมาเริ่มสืบจากที่นี่เผื่อจะมีอะไรให ้คลำทางต่อไปได้บ้าง\"



    \"แล้วท่านผู้นำกะว่าจะอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ล่ะครับ?\" อิงโฮถามขณะตักอาหารใส่ปาก



    \" อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ก็กะว่ายิ่งตรวจสอบเสร็จเร็วเท่าไ หร่ก็ยิ่งดี เพราะถ้าฉันอยู่นานอาจเกิดเรื่องขึ้นมาอีกก็ได้\"



    คำพูดของเซโร่ทำเอาทุกคนนิ่งไป เพราะทุกคนก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าเซโร่หมายความถึงอะไร



    “เห็นบอสกลับมาก็อุตส่าห์นึกดีใจอยู่นะเนี่ย” ดิคถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเงยหน้ามองเซโร่อีกครั้ง “ตกลงครับ เราจะช่วยสนับสนุนทุกอย่างที่เราทำได้”



    “ขอบใจนะดิค” เซโร่กล่าวขอบคุณดิคด้วยรอยยิ้ม



    “ อันที่จริงตอนที่เราก่อสร้างเมืองเราก็ขุดเจอของประเภทจารึกหรื อบันทึกอยู่พอสมควรเหมือนกัน เราเห็นว่าอาจมีประโยชน์ในตอนหลังก็ได้เลยเก็บรวบรวมไว้ที่หอสม ุดของเมืองน่ะครับ”



    พอได้ยินเรื่องนี้เข้าคุกิก็ตาเป็นประกายขึ้นมาเลย



    “จริงๆรึ? งั้นมัวช้าอยู่ทำไมรีบไปกันเดี๋ยวนี้เลย!” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นคว้าแขนดิคแล้วลากไปเลย



    “เอ่อ....เดี๋ยวครับ มันเขียนด้วยภาษา Orc นะครับ เราอ่านไม่ออกหรอก”



    “ไม่ต้องห่วง ฉันเชี่ยวเรื่องภาษาโบราณอยู่แล้ว ภาษา Orc น่ะเด็กๆ ไป! นำทางไปเลย!”



    ทุกคนนั่งมองคุกิที่ลากดิคออกประตูไปอย่างอึ้งๆ ยกเว้นอิงโฮที่ยังกินอาหารอยู่หน้าตาเฉย กับอีฟที่นั่งซดกาแฟแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ( ผมไม่ทราบว่าจริงๆอีฟเธอกินอาหารได้หรือเปล่าแต่เอาเป็นว่าในฟิ คนี้เธอกินได้แล้วกันนะครับ) “เพื่อนใหม่ของท่านผู้นำคนนี้น่าสนใจดีนะครับ” อิงโฮพูดขึ้นมาทั้งๆที่อาหารยังเต็มปาก



    เซโร่หันมามองอิงโฮแล้วบอกยิ้มๆ “ถ้านายรู้จักเขามากกว่านี้ล่ะก็ จะรู้ว่ายังมีที่เจ๋งกว่านี้อีกเยอะ\"



    อิงโฮพยักหน้าหงึกๆแล้วก็วางช้อนส้อมลง สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา



    \"ที่จริงผมมีเรื่องที่อยากจะให้ท่านผู้นำรับทราบอยู่เรื่องนึง\"







    *********







    กลางดึกคืนนั้นเซโร่เดินออกมายืนทอดอารมณ์อยู่ที่ระเบียงห้องพั ก มองดูแสงไฟจากในเมือง



    \"ยังคิดเรื่องที่เจ้าเด็กหัวเหม่งนั่นรายงานให้ฟังอยู่เหรอ?\" เสียงไทโรดังขึ้นอยู่ในหัวเซโร่



    \"อืม\"



    เซโร่นึกย้อนไปถึงเรื่องที่อิงโฮรายงานให้ฟัง ว่าจากรายงานของสายที่แทรกซึมอยู่ในบ็อกการ์ด ตอนนี้อารูกันกำลังมีการติดต่อกับใครบางคนอยู่ลับหลังฝ่ายนครเห นือซึ่ง จากที่อิงโฮวิเคราะห์แล้วนั้นความเป็นไปได้ที่คนที่อารูกันกำลั งติดต่ออยู่ด้วยคือซินฮะนั้นสูงมากทีเดียว ซึ่งเซโร่เองก็เห็นด้วยเพราะแต่เดิมทั้งสองคนนี้ก็เคยเป็นพันธม ิตรกันมาก่อนเมื่อครั้งที่ BG บุกนครเหนือ แม้ว่าจะมีเรื่องมีราวต่อกันจนต้องตัดความสัมพันธ์กันไปครั้งหน ึ่งแต่สองคนนี้ก็เหมือนปลาร้ายกับน้ำเน่ายังไงก็ตัดกันไม่ขาดอย ู่แล้ว ขอแค่ผลประโยชน์ที่จะได้มันคุ้มค่าเท่านั้นแหละทั้งสองคนย่อมยิ นดีโยนความบาดหมางเล็กๆน้อยๆนั่นทิ้งแล้วกลับมาจับมือกันอีกอย่ างแน่นอน โดยเฉพาะในเมื่อตอนนี้ซินฮะก็เป็นผู้ครอง \"อะคีนนาดีน\" ประเทศขั้วอำนาจใหม่ที่ผนวกดินแดนทางใต้ทั้งหมดของทวีปตะวันตกเ อาไว้ ซึ่งขนาดนั้นเรียกว่าเป็นรองเพียงจักรวรรดิ์กัสคาลเท่านั้น และยิ่งเมื่อพูดถึงแสนยานุภาพทางทหารแล้วนั้นก็พูดได้ว่าไม่ได้ ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้อารูกันไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธการเป็นพันธม ิตรกับซินฮะ เพราะหากสองฝ่ายนี้ร่วมมือกันจักรวรรดิ์กัสคาลก็ต้องรับศึกทั้ง เหนือและใต้และมีโอกาสสูงที่จะเพลี่ยงพล้ำ และแม้เซโร่จะเกลียดชังกัสคาลเพียงไรก็รู้ว่าเมื่อใดที่กัสคาลแ ตกก็จะไม่มีใครที่จะต่อกรกับอะคีนนาดีนได้อีก ประเทศอื่นๆที่ยังเหลืออยู่ก็คงไม่พ้นต้องยอมสวามิภักดิ์หรือไม ่ก็ถูกทำลายจนย่อยยับ ซึ่งนั่นก็รวมถึงนครเสียงกระซิบ รวมทั้งนครเหนือ กับกลุ่มประเทศ F.A.I.L. ด้วย พอคิดถึงตรงนี้เซโร่ก็เริ่มคิดขึ้นมาว่าตนเองควรจะทำอะไรต่อไปจ ากนี้ดี เพราะก่อนหน้านี้ที่เขาคิดกลับมาที่นี่ก็เพียงเพราะต้องการจะหา ร่องรอยของ Rare เท่านั้น  แต่ตอนนี้เมื่อสถานการณ์ของโลกมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรงเช่น นี้แล้วเขายังควรที่จะทำเช่นนั้นอยู่อีกหรือ จะออกตามหาสิ่งที่แม้จะหาพบก็ยังไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไรได้ในขณ ะที่สภาวะของโลกกำลังก้าวเข้าสู่ขั้นวิกฤตแบบนี้มันจะถูกต้องห รือ



    คำตอบมันรู้ๆกันอยู่แล้ว



    แต่เขาจะทำอะไรได้ล่ะ ตอนนี้เขาเองก็ยังต้องคอยหลบการตามล่าของสมุนของเอรีสที่ไม่รู้ จะโผล่มาอีกเมื่อไหร่ แม้ว่าในช่วงหลังๆมานี้มันดูจะหายๆไปแต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่ามัน จะเป็นอย่างนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน



    ถึงตรงนี้เซโร่ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



    บางทีลึกๆลงไปในใจของเขาก็อาจคิดใช้การตามหา Rare เป็นข้ออ้างเพื่อจะได้เดินทางไปเรื่อยๆจะได้ใช้เป็นที่หลบเพื่อ ไม่ต้องคอยพะวงเรื่องอื่นๆในชีวิต เพียงเดินทางค้นหาไปวันๆ



    \"นี่ไทโร\"



    \"อะไรรึ\"



    \"บางทีตอนนี้ฉันอาจจะแค่กำลังหนีความจริงอยู่ก็ได้นะ\" เซโร่พูดพลางเอื้อมมือไปจับเศษผ้าของมายาที่รัดผมอยู่ ส่วนไทโรก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา







    \"เซโร่....\"



    ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากอีกฟากของระเบียงที่เซโร่ยืนอยู่ และเมื่อเซโร่หันไปมองก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ



    \"มีอา!?\" ไม่มีทางผิดพลาดไปได้ ผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเจ้าหญิงแห่งนครเหนือ เพื่อนนักเรียนสมัยอยู่สถาบันเกรแฮม และเพื่อนหญิงที่เขาผูกพันด้วยที่สุด แต่ที่ทำให้เขาพิศวงงงงวยอยู่ตอนนี้ก็คือ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?



    \"เซโร่\" มีอาโผเข้ากอดเซโร่ซึ่งเซโร่ที่ยังทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่ยืนนิ่ง







    ในขณะเดียวกันนั้นเองที่ห้องของเบล เบลที่กำลังนอนหลับอยู่ก็ผุดลุกขึ้นมา



    \"อะไรกัน...ความรู้สึกนี่...ปีศาจหรือ? ไม่สิ มันคล้ายแต่ก็ไม่เหมือน..\"



    เบลรีบแต่งตัวออกจากห้องแล้วตามทิศทางที่ความรู้สึกประหลาดแผ่อ อกมาแล้วก็ต้องตกใจเพราะมันมาจากทางห้องที่เซโร่พักอยู่ !







    เซโร่ยืนนิ่งมองดูมีอาที่กำลังกอดเขาอยู่ แต่ในใจเขาเต็มไปด้วยคำถาม ทำไมมีอาถึงได้มาอยู่ที่นี่? ดิคบอกเธอว่าเขาอยู่ที่นี่หรือ? หรือเพราะเธอสัมผัสถึงพลังจิตของเขาได้? อันนี้อาจใช่เพราะที่นี่กับนครเหนือก็ไม่ได้ห่างไกลกันมากนักด้ วยพลังจิตของมีอาจะสัมผัสได้ก็ไม่น่าแปลก แต่ถ้างั้นแล้วทำไมคนสำคัญระดับมีอามาถึงที่นี่แต่กลับไม่มีใคร มาบอกให้เขารู้เลยทั้งๆที่นครเสียงกระซิบนี่ก็มีการวางเวรยามหน าแน่นตลอดเวลา?



    ไทโรเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันแล้วก็ออกเสียงเตือนเซโร่ในใจ \"เซโร่ นี่มันแปลกๆอยู่นะ\"



    \"ฉันรู้แต่นี่คือมีอาตัวจริงแน่นอน\" เซโร่ตอบไทโรไปในใจเช่นกัน แล้วคิดต่อ \"ทั้งความรู้สึก กลิ่นอาย ไออุ่นนี่...\"  เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เซโร่ก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป เขาโอบกอดมีอาไว้ในวงแขน ซึมซับความรู้สึกอบอุ่นที่เขาไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนาน ต่อให้มีอะไรแอบแฝงอยู่เขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว



    แต่การกอดของเขาทำให้มีอาสัมผัสอะไรบางอย่างได้ \"เซโร่ แขนขวาเธอ...\"



    \"อ๋อ นี่น่ะเหรอ?\" เซโร่ยกมือขวาที่ตอนนี้มีเสื้อแขนยาวกับถุงมืหนังหุ้มอยู่ขึ้น \"เธอนี่ความรู้สึกไวเหมือนเคยนะ\"



    \"เกิดอะไรขึ้นน่ะ?\"



    เซโร่รู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถปิดมีอาได ้แล้วก็ไม่ได้คิดปิดบังอยู่แล้ว จึงถอดถุงมือออกแล้วถลกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นแขนขวาที่บัดนี้ดูแปลกประหลาด เพราะเกินกว่าครึ่งของมันมีผลึกสีดำประหลาดห่อหุ้ม ไม่สิ มันกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับเนื้อที่แขนจนเกือบไม่เห็นส่วนที่เป็น รอยต่อของผลึกกับเนื้อแขนจริงๆ



    มีอาจ้องอย่างตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก



    \"แหม อย่าจ้องซะขนาดนั้นสิ มันไม่ได้เจ็บปวดอะไรหรอก แถมพอเป็นแบบนี้แล้วหมัดฉันก็หนักขึ้นด้วยนะ\" เซโร่พยายามพูดติดตลกแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นมีอายกมือข้างนั้ นขึ้นมาอังกับใบหน้า น้ำตาใสๆรินอาบแก้ม



    \"ขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ\"



    \"เฮ้ มันไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย! มันเป็นความผิดของฉันเองต่างหาก\"



    ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดผางออก







    *********







    เบลนิ่งอึ้งอยู่ตรงประตูอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะทำอะไรดีกับสิ่งท ี่เห็นตรงหน้า ที่ระเบียงของห้องนั้นเธอเห็นเซโร่กำลังยืนอยู่กับผู้หญิงที่เธ อไม่รู้จัก ผู้หญิงคนนั้นกำลังเอามือข้างที่เป็นผลึกหินของเซโร่อังกับแก้ม แล้วเธอก็กำลังร้องไห้อยู่ด้วย



    \"เบล...\"



    เซโร่หันมาเรียกชื่อเธอซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็เงยหน้ามามองแล้วส่ง ยิ้มให้เธอทั้งน้ำตา



    \"คุณชื่อคุณเบลหรือคะ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมีอา บราวน์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ\"



    \"สะ...สวัสดีค่ะ\" เบลกล่าวตอบอย่างงงๆแต่ทันใดนั้นก็นึกธุระที่นำเธอมาที่นี่ขึ้น มาได้



    \"จริงด้วยสิ! แย่แล้วล่ะเซโร่ ฉันรู้สึกถึงไอปีศาจแปลกๆได้ มันอ่อนมาก แถมยังพิลึกๆด้วย มันเหมือนใช่เหมือนไม่ใช่ บอกไม่ถูก! แถมมันแผ่ออกมาจากที่นี่ด้วย!\"



    \"งั้นเธอคงหมายถึงฉันล่ะมั้ง\"



    ทุกคนในห้องหันไปมองทางอีกด้านของระเบียงที่เป็นมุมมืดเมื่อเจ้ าของเสียงก้าวเดินออกมาจากมุมมืด ซึ่งก็ทำให้เซโร่เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร



    \"ฟ๊อก!?\"



    \"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเซโร่ ครั้งสุดท้ายมันตอนที่เจอกันที่ออซซินะ\" เมื่อพูดจบฟ๊อกก็หันมามองเบล \"เก่งนี่นาคุณหนู นี่ขนาดฉันว่าฉันพรางตัวได้มิดชิดแล้วเธอยังอุตส่าห์รู้อีก เจ้าเซโร่มันเข้าใจหาพรรคพวกดีเหมือนกันนี่\"



    \"ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?\"



    ก่อนที่คำถามของเซโร่จะได้รับคำตอบ มือของมีอาก็มาสัมผัสที่แก้มเขา แล้วก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรมีอาก็จูบเขาที่ริมฝีปาก!



    ถึงตรงนี้ทั้งเซโร่ทั้งเบลต่างก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก แต่ทางฟ๊อกนั้นกลับดูอยู่เฉยๆ แต่ในแววตาของเขากลับมีประกายเศร้าๆอยู่



    เมื่อมีอาถอนริมฝีปากออกจากเซโร่ก็พูดขึ้นว่า \"ทั้งจูบนี้ ไออุ่นของเธอ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเธอ ฉันจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด\"



    แล้วมีอาก็หันมามองเบลแล้วส่งสายตาที่สื่อความหมายลึกๆมาให้แล้ วพูดว่า \"คุณเบลคะ ฉันฝากเซโร่ด้วยนะคะ\"



    เมื่อเห็นมีอาเดินผละจากเซโร่ หัวสมองของเบลก็สั่งการทันทีแล้วตะโกนว่า



    \"เซโร่! จับเธอไว้! อย่าให้เธอไปเป็นอันขาดนะ!!\"



    เมื่อสิ้นเสียงของเบล สมองของเซโร่ก็เหมือนจะเริ่มทำงานอีกครั้ง เขาเริ่มพุ่งตามมีอาที่กำลังเดินไปหาฟ๊อกทันทีแต่เขาก็ถูกวัตถุ ประหลาดที่คล้ายหมอกสีขาวขุ่นยึดเอาไว้ และเมื่อเขามองไปทางเบลก็พบว่าเธอก็ถูกหมอกแบบเดียวกันยึดไว้อย ู่เช่นกัน



    \"ขอโทษนะ\"



    เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากมุมมืดเดียวกับที่ฟ๊อกอยู่เมื่อครู่ก่อน เป็นผู้หญิงที่เซโร่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาหยุดอยู่ข้างๆฟ๊อก แววตาของเธอดูเศร้าเหมือนๆกับฟ๊อก



    \"แย่ล่ะสิเซโร่! นี่มันเอ็กโตพลาสซึ่ม ไอวิญญาณที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่าง ต้องเป็นฝีมือของยายผู้หญิงนั่นแน่\" ไทโรร้องบอกอยู่ในหัวเซโร่



    ขณะที่เซโร่กำลังดิ้นรนให้หลุดจากการยึดกุม มีอาที ตอนนี้เดินไปถึงตรงหน้าฟ๊อกแล้วก็หันมามองเซโร่แล้วกล่าวว่า



    \"ลาก่อน....เซโร่\"



    เมื่อสิ้นเสียงของมีอาประตูมิติก็เปิดขึ้นด้านหลังฟ๊อกแล้วทั้ง สามคนก็เดินเข้าไปแล้วมันก็ปิดลง หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกับหมอกสีขาวที่ยึดกุมเบลกับเซโร ่ไว้ก็หายไปด้วย เบลทรุดนั่งลงกับพื้น ส่วนเซโร่ก็ยืนนิ่งอย่างตกตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่



    \"เซโร่...\" เบลพูดขึ้นทำให้เซโร่ต้องหันไปมอง แล้วก็เห็นน้ำตากำลังปริ่มที่ขอบตาเธอ



    \"ฉันไม่รู้ว่าพวกนั้นกับเธอเกี่ยวข้องกันยังไง แต่ฉันรู้อยู่เรื่องนึง จูบ...นั่น มันคือจูบลา ไม่ว่าเธอคนนั้นกำลังจะไปทำอะไร มันจะต้องอันตรายร้ายแรงมากจนเธอไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอด และที่เธอมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกลานาย\"



    เมื่อพูดจบเบลก็เอามือนึงปิดหน้าแล้วร้องไห้เบาๆ ส่วนเซโร่เมื่อได้ยินคำพูดของเบลก็นิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนจะหั นไปมองจุดที่มีอาหายไปเมื่อครู่นี้แล้วตะโกนออกมาสุดเสียง



    \"มีอาาาาาาาา!!!!!!!!!!!\"







    จบตอน







    หมายเหตุ : ทำไมมือขวาของเซโร่ถึงเป็นแบบนั้นน่ะรึ? รับรองว่าผมจะเฉลยในบทต่อๆไปแน่นอน แถมมือขวานี่แหละจะเป็นทีเด็ดใหม่ของเซโร่ด้วย (แต่นั่นก็ ถ้าเผื่อมีคนจะอ่านฟิคของผมต่อน่ะนะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×