ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อยู่ดีๆก็มีสามีโผล่มา (รีไรท์) Mpreg

    ลำดับตอนที่ #5 : ทำความรู้จัก

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 66


    “เธอชื่อปัณณ์ใช่ไหม ฉันชื่อเจโรมี่เรียกฉันว่าเจโรม เธอคงจำคืนนั้นได้ใช่มั้ย?" ผมมองเด็กตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ความรู้สึกผิดกำลังเกาะกุมหัวใจชายวัยใกล้เลขสี่อย่างผมเป็นอย่างมาก ยิ่งพอได้มองคนตัวเล็กตรงหน้าใกล้ๆแล้วก็ยิ่งคิดไปถึงสิ่งที่ได้ทำเอาไว้ ตอนนั้นเด็กคนนี้จะต้องแตกสลายขนาดไหน ตัวคนเดียวหนีออกจากบ้านมาหางานทำ หนำซ้ำมาเจอกับผมในคืนนั้นอีก

    "ฉันขอโทษในสิ่งที่ฉันเลวร้ายกับเธอในคืนนั้น ฉันรู้สึกแย่กับสิ่งที่ทำลงไปจริง ๆ และขอโทษแทนคนของฉันด้วย จะมีทางไหนบ้างไหมที่ฉันจะแก้ไขให้มันดีขึ้นหรือชดเชยให้เธอได้" เจโรมกล่าวขอโทษเด็กตรงหน้าด้วยใจจริง ดวงตาคมสีอำพันฉายแววสำนึกผิดในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป

    ...

    ปัณรวีย์

    ผมมองคนตัวโตตรงหน้าที่กำลังพูดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ที่ทำให้ผมมาอยู่กับเขาตรงจุดนี้ น้ำตาผมค่อยๆ ไหลริน...

    ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นแล้วตัวสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด เสียงสะอื้นหลุดออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ ในดวงตาของผมที่สะท้อนออกมาจากนัยน์ตาสีอำพันฉายแววเจ็บปวด ผมยังตัวสั่นเทาพยายามสะกดกั้นความขมขื่นที่อยู่ในใจ กัดริมฝีปากจนห้อเลือด คุณเจโรมเห็นผมร้องไห้ไม่หยุดก็ดึงผมเข้ามากอด อ้อมแขนที่ครั้งหนึ่งเคยกระทำสิ่งที่เลวร้ายกับผม แต่ตอนนี้มันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เขาลูบหลังผมไปมาเป็นการปลอบโยน ผมที่ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนก็ปล่อยให้เขากอดปลอบซับน้ำตา ไหล่สั่นสะท้านสะอื้นไห้นานนับชั่วโมง หยาดน้ำตาอุ่น ๆ ยังคงไหลรินภายใต้อกแกร่ง แต่ความหวาดหวั่นในใจยังไม่เลือนหายไป มันยากที่จะทำให้ผมลืมค่ำคืนที่แสนทรมานนั่น แต่อ้อมกอดของผู้ชายคนเดียวกันนี้กลับทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น น่าแปลกที่ผมยอมให้เขากอดปลอบผมอยู่แบบนี้...

    หรืออาจจะเป็นเพราะผมได้ฟังเรื่องที่เขาเล่ามาก็เป็นได้ เขาก็ไม่ใช่คนผิดอะไร มีแต่ผมเองที่อยู่ผิดที่ผิดทางเองในตอนนั้น...

    ผมค่อย ๆ ขยับออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งคู่นั้นอย่างขัดเขิน อันที่จริงเราก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนี้แต่อ้อมกอดของคนตัวโตกลับทำให้ผมไม่อยากจะผละออกจากความอบอุ่นนั่นเลย ผมสบสายตาคมกริบที่มองมาหัวใจพลันกระตุกวาบราวกับถูกสายฟ้าผ่า หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเหมือนดังกลองเพล ใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจจ้องมองผมอย่างไม่ละสายตาไปไหน ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบไปหมด

    ในตอนนั้นเอง ผมเห็นบอดี้การ์ดสองคนที่คอยติดตามคุณเจโรมเดินเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าผม พลางพูดกล่าวขอโทษกับสิ่งที่ทำกับผมไว้ 

    "พวกเราต้องขอโทษคุณปัณรวีย์ด้วยนะครับ" พวกเขาพูดออกมาพร้อมกัน 

    “พวกพี่ลุกขึ้นก่อนเถอะครับ” ผมรู้สึกแปลก ๆ ที่พวกพี่เขาต้องมานั่งคุกเข่าให้ผม ถึงแม้ในอดีตสิ่งที่พวกเขาทำมันเป็นสิ่งเลวร้ายสำหรับผม แต่ผมก็ผ่านมันมาได้แม้ว่าจะยากลำบากหน่อยก็ตาม ถามว่าผมโกรธกับสิ่งที่พวกพี่เขาทำกับผมมั้ย แน่นอนว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงโกรธมาก แต่ตอนนี้ผมว่าผมปลงได้แล้วเวลาช่วยเยียวยาผมได้จริง ๆ และผมก็ไม่มีเวลามานั่งเศร้าให้กับอดีตเพราะผมมีเจ้าก้อนอ้วนที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้ผมได้ใช้ชีวิตอยู่รอดมาจนถึงวันนี้

    “ออกไปได้แล้ว” เขาสั่งให้ลูกน้องออกไป ทำให้ตอนนี้เขากับผมอยู่กันลำพัง ผมที่ไม่รู้ตัวว่าขึ้นมานั่งตักเขาตั้งแต่ตอนไหนก็รีบยันตัวออกจากเขาทันทีด้วยความเขิน ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาตอนนี้กลายเป็นสีแดงระเรื่อลามไปถึงใบหู

    “นั่งเฉยๆ” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดดุ

    “เอ่อ.. ผมนั่งไม่ถนัด ให้ผมลงไปนั่งดีๆ เถอะครับ”

    “แล้วนั่งตักฉันไม่ดีตรงไหน ตักฉันก็ดูกว้างเหมาะกับก้นน้อย ๆ ของเธออยู่นะ”

    โอ๊ย! อีตาลุงฝรั่งบ้า!! กล้าพูดออกมาได้ยังไง ผมเห็นเขาไม่ยอมปล่อยก็ดิ้นลงจนหัวเสยคางเขาอย่างแรง

    "อึก!!" เขาส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ

    “โอ๊ะ! คุณเป็นอะไรไหมครับ ผะ..ผม ไม่ได้ตั้งใจก็คุณไม่ปล่อยผมลงเองอ่ะ” ผมรีบถามอย่างกระวนกระวาย ถ้าเกิดเขาโมโหแล้วสั่งให้บอดี้การ์ดซ้อมผม ผมคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีก

    “ผมขอโทษนะครับ อย่าเอาเรื่องผมเลยนะครับ” ผมยกมือไหว้คนตรงหน้าพลางกัดปากตัวเอง ช้อนตามองคนตรงหน้า รู้สึกถึงน้ำตาที่กำลังจะปริ่มออกมาจากหางตาหวังว่าเขาจะไม่โมโหผมมาก ถึงขนาดฆ่าแกงกันเลยนะ

    “ยังไม่ได้จะว่าอะไรซะหน่อย เธอนี่นอกจากจะดื้อรั้น แล้วยังขี้แยอีกนะ”

    “ผมไม่ได้จะร้องซะหน่อยผมแค่กลัว ถ้าเกิดคุณสั่งให้ลูกน้องคุณซ้อมผมล่ะ ผมจะไปสู้อะไรไหว!”

    “เด็กน้อย... ใครจะไปสั่งซ้อมแม่ของลูกฉันกัน เอาล่ะ! หืมมม....เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีไหม? เธอพร้อมจะฟังสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า? “

    เขาถามพลางจับมือผมไปกุมไว้ทั้งสองข้าง ผมมองมือใหญ่ที่กุมมือผมไว้ ตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด

    “ฉันจะพาเธอกับลูกมาอยู่ด้วยกันกับฉัน แล้วพรุ่งจะพาเธอไปจดทะเบียนสมรส ลูกจะต้องใช้นามสกุลและเป็นทายาทคนโตของตะกูล 'มากัสโซ่' ของฉันเธอมีอะไรจะโต้แย้งมั้ย..”

    “ห๊ะ!! จดทะเบียนสมรส” ผมอุทานออกมาเสียงดังหลังจากได้ฟังข้อเสนอของเขา นี่มันเรื่องห่าเหวอะไรอีกวะเนี่ยะ!

    “คะ...คุณ ถ้าคุณอยากรับผิดชอบเรื่องลูกคุณแค่จดทะเบียนรับปาแปงเป็นลูกก็พอมั้งครับ ส่วนเรื่องจดทะเบียนสมรส ผมว่า”

    “นั่นเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำและฉันคิดมาดีแล้ว เธอคงไม่คิดว่าคนอย่างฉันจะมาเล่นอะไรไร้สาระอยู่หรอกใช่ไหม เธอลองกลับไปคิดดูอีกทีแล้วกัน แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ ฉันยอมรับการตัดสินใจของเธอ แต่ฉันขอถามเธออีกข้อหนึ่ง”

    “อ่าา... ครับ”

    “ตอนนี้ที่ฉันจับมือเธออยู่แบบนี้เธอรู้สึกยังไง!”

    “ก็เออ..มันดูอบอุ่นดีครับ” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มหน้าร้อนผ่าว ก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่อยู่ในมือใหญ่ของคนตัวโตเอาจริง ๆ ใครไม่เขินคนตรงหน้าก็บ้าแล้ว

    “แล้วเธอรังเกียจฉันมั้ย” เขาบีบมือของผมเบาๆ มองสบตาอย่างแน่วแน่ ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาเหมือนจะตกเข้าไปในหลุมพลางของคนตัวโตที่วางไว้

    “ไหนว่าจะถามข้อเดียวไงครับ” ผมถามคนโตกว่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกกลัวคนตรงหน้าเท่าไรแล้ว อาจเพราะผมไม่ได้ถูกคุกคามเหมือนครั้งที่แล้วก็ได้ จึงทำให้ไว้ใจคนตรงหน้ามากกว่าเดิม ก็ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกผมก็ไม่ได้จะดึงดันเอาลูกไปฝ่ายเดียวแถมยังเข้าหาผมด้วยความจริงใจ

    อันที่จริงคนตรงหน้านี้ก็ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นในฝันของใครหลายๆ คนเลยทีเดียวถ้าไม่ติดว่าเจ้าตัวจะดูดุ วางมาดอย่างกับมาเฟียก็ตาม ผมเพ่งพิศมองคนตรงหน้าที่เริ่มจะมีริ้วรอยปรากฏหางตาเล็กน้อย แต่ยังคงมีเสน่ห์อย่างเหลือล้น 

    'โห... โคตรหล่อ หล่อเหมือนพระเอกหนังฝรั่งเลยอ่ะ'

    “เธอ..เธอ ปัณณ์ เป็นอะไร ได้ยินที่ฉันพูดไหม?” เสียงทุ้มลอยมาไกลๆ ในตอนที่กำลังจะเคลิ้มๆก็โดนพ่อฝรั่งตรงหน้าจับตัวผมเขย่าจนหัวคลอน

    “อ่ะ...เห้ย!! คุณ คุณว่าอะไรนะครับ พอดีเมื่อกี้ผมไม่ทันฟัง” เขาถามกลับไปใหม่พลางยกมือเกาแก้มแก้เก้อ ผมโดนคนตรงหน้าตกเข้าอย่างจัง

    “ฉันบอกให้เธอไปคิดอีกทีแล้วอาทิตย์หน้าฉันจะไปเอาคำตอบ ส่วนตอนนี้ฉันจะพาเธอไปส่งเธอโอเคไหม”

    “ครับ...ครับ ผมโอเค คุณให้คนขับรถไปส่งผมก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องลำบาก” ผมดึงมือที่เขากุมออกแล้วขอตัวกลับทันที

    เขาก็ไม่ได้ดึงดันที่จะมาส่งผม ผมเห็นว่าบอดี้การ์ดเอาแฟ้มเอกสารถือเข้ามาส่งให้เขาหลายแฟ้ม น่าจะเป็นงานด่วน เขาเลยให้คนขับรถมาส่งผมแทน อย่างว่าอะนะ เป็นถึงเจ้าของธุรกิจมากมายขนาดนั้น คงไม่ได้ว่างนัก จริงๆ แล้วผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของลูกเขาทำธุรกิจอะไรแบบไหนบ้าง แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องของเขาไม่ได้เกี่ยวกับผมสักหน่อย

     

    ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ผมคุยกับคนตัวโต วันนี้แล้วที่ผมจะต้องให้คำตอบพ่อของลูก ผมไปปรึกษาพี่พีชกับคุณคิมเรื่องที่เขามาขอให้ผมไปจดทะเบียนสมรส พี่พีชนี่กรี๊ดดีใจอย่างกับได้จดทะเบียนเสียเอง แถมสนับสนุนผมให้ตอบรับ ส่วนคุณคิมก็สนับสนุนเห็นด้วยกับคุณพีช อย่างว่าอะนะ   เมียว่าอะไรผัวก็ว่าตาม คุณคิมเขาถือคติเมียเป็นช้างเท้าหน้า ถ้าไม่อยากโดนช้างเหยียบก็ไม่ควรขัด แต่ทั้งสองคนก็เคารพในการตัดสินใจของผม ถ้าผมไม่อยากจด พวกเขาก็ไม่ได้ขัดแต่ก็พูดจาหว่านล้อมผมว่าเป็นเมียลูกชายคนโตตระกูล 'มากัสโซ่' เจ้าพ่อมาเฟียอิตาลีเลยนะ 

    'เห้อ...แล้วผมจะทำอะไรได้ ถ้าลูกผมนามสกุลต่อท้ายด้วย 'มากัสโซ่' อย่างนี้แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้จะมีเรื่องวุ่นวายแค่ไหน' ผมสลัดความคิดที่ตีรวนวุ่นวายในหัวผม ผมกับเจ้าก้อนอ้วนมานั่งรอคนตัวโตในห้องทำงานพี่พีชเพื่อให้คำตอบเขาในสิ่งที่ตัวเองทบทวนมาดีแล้ว

    “ม่ะ มี๊ เย่น...ยด บรึ๊นๆ” ผมปล่อยเจ้าก้อนนั่งเล่นรถอยู่ในห้องทำงาน ซึ่งตอนนี้ทั้งพี่พีชคุณคิมก็มารอพ่อของลูกผมพร้อมกัน อยู่เป็นสักขีพยานกับการตัดสินใจของผม

    ก๊อก ก๊อก

    ผมเดินออกไปเปิดประตู เห็นพ่อฝรั่งตัวโต พ่วงมาด้วยบอดี้การ์ดคู่กายกับอีกคนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคน เดินถือเอกสารตามกันเข้ามา

    “เชิญทุกคนนั่งก่อนครับ” พี่พีชพูดขึ้นแทนผมที่ยังนั่งทำตัวลีบอยู่ข้างๆ กัน ตอนนี้เจ้าก้อนอ้วนที่เห็นมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาก็รีบเดินเหยาะแหยะมานั่งตักผม เงยหน้าจ้องมองฝรั่งตัวโตตรงหน้าไม่วางตา ผมเห็นนัยน์ตาสีอำพันของทั้งสองจ้องมองกัน อย่างไม่ละสายตา เจ้าก้อนของผมไม่มีวี่แววจะทำท่าทางเกรงกลัวคนตรงหน้าแต่อย่างใด แถมยังจะเอามือเอื้อมไปหาคนตรงหน้าอีก หึ!! นี่สินะสายสัมพันธ์พ่อลูก เหมือนฝรั่งตัวโตจะมีอิทธิพลกับลูกชายผมน่าดูทีเดียว

     

    “เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ฉันมาเอาคำตอบจากเธอ” พ่อฝรั่งนั่งลงข้าง ๆ ผมจนหัวเข่าแทบจะชนกันทั้ง ๆ ที่เก้าอี้ว่ายังมีตั้งเยอะแยะ เขาพูดกับผมพลางเอื้อมแขนแข็งแกร่งมาอุ้มเจ้าก้อนอ้วนที่ยื่นแขนไปทำท่าจะกระโดดเข้าหาเขา

    “มาครับเบบี๊ วันนี้แด๊ดมีของเล่นมาให้ด้วย” เขาหันไปรับของเล่นจากบอดี้การ์ดข้างหลัง แต่แหม เจอหน้ากันไม่ทันไรก็บอกว่าตัวเองเป็นพ่อเลยหรือ ไม่เร็วไปหน่อยไหมแต่ใครจะพูดขัดคนตรงหน้าได้ ผมปล่อยเลยตามเลยมองคนตัวโตที่เอาของเล่นมาหลอกล่อเจ้าก้อน

    'โอ้โห.. รถยนต์หุ่นแปลงร่างตัวใหญ่สุด ๆ ตั้งแต่ผมเคยซื้อของเล่นให้ลูกเลย คงไม่ต้องพูดถึงราคาสินะ'

    เจ้าก้อนอ้วนทันทีที่เห็นของเล่นที่คนตัวโตส่งให้ก็ทำท่าดี๋ด๊า จับรถโยกไปโยกมานั่งเล่นบนตักของเขาพลางชูอวดผมทำเหมือนกับรู้จักกับเจ้าของตักมาเนิ่นนาน

    “มะ มี้ ยด...ยดคันยั่ยย”

    “อ่าาา... เจ้าอ้วนเอ๊ยย!!” ผมหยิกแก้มอ้วนตรงหน้าส่ายไปมาด้วยความเอ็นดู

    “อย่าแกล้งลูก” เขาดึงมือผมออกจากแก้มอ้วนของลูกแล้วกุมมือผมไว้แทน

    'อ่าาา... อีตาฝรั่งบ้า!! ทำเขาเขินอีกแล้วนะ..'

    “คำตอบของเธอ” เขาถามผมกลับอีกครั้ง ผมหันหน้าไปทางพี่พีชกับคุณคิมที่นั่งข้างๆ กัน

    ทั้งสองคนพยักหน้าให้ผม ตอบในสิ่งที่เตรียมคำพูดมา

    “ครับ ผมตกลง”

    “อ่าา...ครับ ดีมาก ๆ เลย นี่เป็นเอกสารใบทะเบียนสมรส ใบนี้เอกสารรับรองบุตร คุณปัณณ์เซ็นตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ได้เลยครับ ผมเป็นทนายของครอบครัวคุณเจโรมครับ “

    ทนายความที่มากับคุณเจโรมม ยื่นเอกสารพร้อมชี้ช่องลายเซ็นที่ผมต้องเซ็นให้ครบทุกช่อง ผมส่งเอกสารให้พี่พีชกับคุณคิมช่วยอ่านรายละเอียด หลังจากทั้งสองคนได้อ่านแล้วก็พยักหน้าพอใจ พลางยื่นเอกสารกลับมาให้ผมเซ็น ผมเซ็นเอกสารครบทุกใบเสร็จก็ยื่นให้กับคนตัวโตตรงหน้า เขายื่นมือมารับเอกสารยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วจรดปรายปากกาลงชื่อเขาอีกฝั่งหนึ่งส่งเอกสารต่อให้ทนายของเขา ส่วนทนายพอได้รับเอกสารเสร็จก็รีบลุกกลับออกไปทันทีเหมือนกลัวผมจะปฏิเสธทีหลังยังไงยังงั้น เอาเป็นว่าคุณทนายทำงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างรวดเร็ว ทำผมนึกทึ่งในใจ

    “เป็นอันว่าตอนนี้เธอเป็นเมียและแม่ของลูกฉันโดยสมบูรณ์ เธอไปเตรียมตัวเก็บของเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะมารับ” เขาพูดจบทั้งหมดก็ลุกออกไปทันทีโดยที่ผมไม่มีโอกาสได้โต้แย้งใดๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×