คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ต้องการเจอหน้า
ปัณรวีย์ พาร์ท
วันนี้ผมได้รับแจ้งจากพี่พีชว่ามีคนเหมาร้านอาหารทั้งโซนให้ผมคอยดูแลลูกค้าให้ดี และยังบอกมาด้วยอีกว่าให้เอาเจ้าก้อนอ้วนไปเล่นที่ร้านได้ ผมถึงกับ งง เพราะปกติพี่พีชจะให้พี่เลี้ยงอยู่กับปาแปงหรือไม่ก็เล่นอยู่ที่ออฟฟิศของตัวเองเท่านั้น เพราะกลัวเจ้าก้อนจะซนวิ่งไปชนอะไรที่ทำให้เกิดอันตราย ผมลงมาตรวจดูความเรียบร้อย ยืนรอต้อนรับลูกค้าวีไอพีที่จองไว้ สักพักมีรถซีดานสีดำคันหรูคุ้นตาเข้ามาจอดโซนที่จอดวีไอพี ผมเห็นคนขับรถลงเดินอ้อมมาออกมาเปิดประตู “โอ๊ะโห ท่าจะเป็นคนใหญ่คนโตจริงๆ ด้วยแฮะ!” ผมเผลอพูดออกมาเตรียมเดินไปต้อนรับ แต่พอเห็นคนตัวสูงก้าวออกมาจากรถทำให้ผมถึงกับชะงัก ขาแทบก้าวไม่ออกก็ลูกค้าวีไอพีที่ผมต้องมารับก็คือพ่อฝรั่งตัวโตที่ช่วยเขากับลูกไว้นี่เอง ผมทำใจกล้าเดินขาสั่นเข้าไปทักทายคนตัวโตที่แต่งกายดูภูมิฐานนั่น
“สวัสดีครับ คุณลูกค้าที่เหมาร้านวันนี้ใช่ไหมครับ” ผมหันไปถามบอดี้การ์ดข้างกายคนตัวสูง ใครจะไปกล้าพูดกับคนที่มีรังสีกดดันคนนี้กันเล่า
“ครับ วันนี้เจ้านายเหมาร้านไว้ครับ”
“จะมากันจำนวนกี่ท่านครับ พอดีเจ้าของร้านแจ้งว่าเหมาร้านแต่พวกคุณยังไม่ได้แจ้งรายละเอียดเรื่องจำนวนคนมาให้ทราบ ผมขอทราบจำนวนคนที่มาเพิ่มด้วยนะครับ”
“สองที่ครับ” ผมได้ยินถึงกับชะงัก
“อ่อ โอเคครับ สองที่นะครับ” สงสัยพ่อคนตัวโตจะนัดเดทกับสาว และต้องการความเป็นส่วนตัวกระมัง เหอะ! คนรวยก็ยังนี้แหละคงไม่รู้จะเอาเงินไปเก็บไว้ไหนละสิ ถึงได้เอามาละลายไปทั่ว หึ! ลงทุนจริงๆ ...
“งั้น เชิญตามผมมาทางนี้เลยครับ” ผมพาพ่อฝรั่งตัวโตกับบอดี้การ์ดเขามาด้านในพาไปยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้
“เชิญนั่งครับ ส่วนนี่เมนู คุณผู้ชายสามารถสั่งอาหารรอคุณผู้หญิงไว้ก่อนได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมไปรอรับคุณผู้หญิงให้ครับ”
“ผู้หญิงอะไร!” คนตัวโตถามผมเสียงทุ้มต่ำอย่างไม่สบอารมณ์ ก็คุณไม่ได้นัดผู้หญิงมาทานข้าวเหรอครับ” ผมเอ่ยถามทันที
“เชิญนั่ง!” พูดฝรั่งตัวโตพูด พลางพยักหน้าใส่ผม เสมือนว่าเป็นการอนุญาตให้ผมนั่งตรงนั้น
“ห๊ะ!” ผมกางนิ้วชี้แล้วหันชี้เข้ามาหาตัวเองด้วยความไม่แน่ใจ “ผม...นั่ง...ตรง...นี่” พลางย้ำสิ่งที่คนตัวโตพูดออกมาช้าๆ ชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ แล้วยกนิ้วชี้กลับมาที่ตัวเอง
“หูหนวกเหรอ?” เอ้าาา...ว่าผมอีกอีตาลุงฝรั่งบ้านี่
“ครับ” คำเดียวรู้เรื่อง ผมรีบเข้าไปนั่งตัวเกร็งตรงบนเก้าอี้ทันที
“ลูกล่ะ” เขาถามผมพลางสอดส่ายสายตามองหา
“เล่นอยู่หลังร้านครับ”
“ใครดู” เขาพูดส่งเสียงดุออกมาทำผมสะดุ้งตาม จะดุทำไมก๊อนนนน สนิทกันตอนไหนแล้วเป็นอะไรกัน
“พี่เลี้ยงครับ พี่พีชจ้างมาดูแล”
ผมพูดพลางจ้องไปที่เขา สงสัยเหลือเกินว่าเขาต้องการอะไรจากผม
“คุณคงมีธุระจะคุยกับผมใช่ไหมครับ แต่ไม่เห็นต้องลำบากเหมาร้านเลย”
"ฉันมีเงิน”
“อ่าา...ครับ” จบสิครับคุยกับคนรวยนี่มันยากจริงแฮะ!
“ตกลงคุณมีอะไรจะคุยกับผมกันแน่ครับ” ผมทำใจกล้าเอ่ยถามเขาไป ในเมื่อเขาต้องการคุยกับผมก็แสดงว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับผมอย่างแน่นอน
ผมเห็นบอดี้การ์ดวางแผ่นกระดาษสองสามแผ่นลงตรงหน้าผม ผมยกเอกสารมาอ่าน พออ่านจบผมถึงกลับมือไม้อ่อน ร่างกายสั่นเทาด้วยความกลัว ประสานสายตามองคนตรงหน้าอย่างตะลึงลาน ประสาทสัมผัสทุกส่วนตื่นตัวระวังภัยเต็มที่ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว ฝรั่งนักธุรกิจแต่งตัวภูมิฐานปรากฏตรงหน้าผม หนำซ้ำยังแสดงหลักฐานการเป็นพ่อของลูกผมอีก เมื่อผมได้เพ่งมองคนตรงหน้าชัด ๆ ทำไมก่อนหน้านั้นผมถึงได้ไม่เอะใจอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ฝรั่งตรงหน้ากับลูกชายผม หน้าตาเหมือนกันอย่างกับโคลนนิ่งกันมาเลยทีเดียว เขาเป็นพ่อของลูกผม ถึงจะเป็นลูกที่เกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมก็รักของผมและเลี้ยงดูมาอย่างดี ตอนนี้น้ำตาผมไหลออกมาอย่างกับเขื่อนทะลัก หัวใจเต้นรัวแรงและความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกแทงเกิดขึ้นเพราะอะไร มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ดีแก่ใจ ฝรั่งตรงหน้าที่เคยกระทำย่ำยีเขาในคืนนั้น แล้วตอนนี้ก็นั่งอยู่ตรงนี้ ต่อหน้าผม แถมจะมาเอาลูกชายผมไปอีก แต่คนตรงหน้าจะมาพรากลูกไปจากผมไม่ได้ ผมไม่ยอม
“ไม่!! คุณจะมาเอาลูกของผมไปไม่ได้ ผมไม่ยอม!! ได้ยินมั้ย!!!” ผมตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลทะลักลงมาไม่ขาดสาย ผมผลุนผลันลุกจากเก้าอี้จนมันล้มตึง แต่ผมก็ไม่สนใจรีบวิ่งออกไปหาลูกผมทันทีด้วยสายตาที่พร่าเบลอจากหยาดน้ำตา เขาจะมาเอาลูกผม ผมยอมไม่ได้ ผมวิ่งเข้าไปหลังร้านอุ้มเจ้าก้อนที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับพี่เลี้ยง จนลูกตกใจผวากอดคอผมแน่นผมกอดลูกชายซบอกเตรียมจะหันหลังวิ่งออกมา โดยไม่สนใจเสียงพี่เลี้ยงที่ร้องเรียกไล่หลังอย่างตกใจกับความบ้าคลั่งของผม
ปึก!
“เด็กดี...อย่าวิ่ง! ได้โปรด อุ้มลูกแล้ววิ่งแบบนี้มันอันตราย” ไอ้ฝรั่งตัวโตเดินเข้ามาดักหน้าผมพลางดึงผมเข้าไปในอ้อมกอด ไม่ให้ผมดิ้นออก ทั้งที่ผมออกวิ่งแต่ไอ้ฝรั่งตรงหน้ากลับเดินเพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เข้ามาขวางผมไว้ได้แล้ว
“ปล่อย!! “ผมตะโกนเสียงดังใส่เขาพร้อมด้วยน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุด
“ชู่วว์..เด็กดีไม่ร้อง เงียบก่อน ดูสิ!ลูกตกใจหมดแล้ว” คนตัวโตพูดปลอบผมพลางเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ ต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับทำเอาผมตกใจกับปฏิกิริยาที่แสนจะนุ่มนวลนั่น
“มาเด็กดี ส่งลูกให้ฉัน ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่ทำอะไรเธอกับลูกแน่นอน ฉันสัญญา” เขาพูดปลอบพลางอุ้มเจ้าก้อนส่งไปให้พี่พีชที่วิ่งตามเข้ามาดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ
“คุณพีช ผมฝากดูเจ้าตัวเล็กหน่อยครับ” เขาหันไปพูดกับเจ้านายผม
“ส่วนเธอ ไปกับฉันก่อนเรายังคุยไม่จบ” เขาดึงมือผมเตรียมลากจูงตามเขา
“ไม่ ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ ผมไม่ไป...ปล่อย! พี่พีช...พี่พีชครับ ช่วยปัณณ์ด้วย...เขาจะมาเอาลูกปัณณ์ไป อึก!!” ผมร้องไห้ออกมาส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากพี่พีชพยายามดึงมือออกจากคนตัวโตแต่ก็เหมือนจะทำอะไรไม่ได้มาก ขนาดผมทุบตีไปที่ไหล่แข็งๆ นั่นก็เหมือนจะไม่สะเทือนเป็นผมเองที่เจ็บมือแทน
“น้องปัณณ์ครับ! น้องปัณณ์ไปคุยกับคุณเจโรมเขาก่อนนะครับ เขาไม่ได้จะมาเอาลูกน้องปัณณ์ไปครับ เดี๋ยวพี่ดูเจ้าก้อนอ้วนให้เอง ไม่ต้องห่วงนะ” พี่พีชพูดปลอบพลางเอามือลูกหัวผม ส่วนเจ้าก้อนก็เหมือนจะหายตกใจแล้วแต่พี่พีชคงกลัวว่าเจ้าก้อนจะเห็นความรุนแรงที่ผมแสดงกับคนตัวโตเลยรีบอุ้มเจ้าก้อนส่งให้คุณคิมพาเข้าหลังร้านไป
“ส่วนคุณ คุยกับน้องผมดีๆ นะครับผมฝากด้วย”
'เห้อ!! คุณเขาไม่ได้จะมาเอาลูกปัณณ์ไปหรอก เขาจะมาเอาเมียไปด้วย ปัณณ์เอ๊ย!!' พีชพ่นระบายลมหายใจออกมา
“คุณ...อึก!! ปะ...ปล่อย...ปล่อยมือผมสักที ผมเดินเองได้ แล้วนี่จะพาผมไปไหน “ผมถามด้วยน้ำเสียงขุ่นปนด้วยเสียงสะอึกสะอื้น..ขืนดึงมือออกจากฝรั่งตัวโตที่จูงมือผมออกมาจากร้าน
“เดินตามมา ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก แล้วก็เลิกร้องได้แล้ว ถ้าคุยรู้เรื่องจะกลับมาส่งหรือจะต้องให้ฉันอุ้มล่ะ! “น้ำเสียงทุ้มต่ำถามอย่างไม่สบอารมณ์คงกำลังข่มอารมณ์กับผมเต็มที่แล้วกระมัง ทำเอาผมต้องเงียบหลงเหลือเพียงแค่เสียงสะอื้นน้อยๆ แค่นั้น
เขาพาผมมาที่เพนท์เฮ้าส์หรูหรา ที่ผมไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะได้เข้ามาเหยียบ บอดี้การ์ดตามมากดลิฟต์ให้ จนตอนนี้เข้าก็ยังไม่ปล่อยมือจากผม กุมมือจนมือผมชื้นไปด้วยเหงื่อก็ยังไม่ปล่อย ผมเงยหน้าขึ้นมามองด้านข้างเขา ผมกลายเป็นคนแคระไปเลยเมื่อยืนเทียบกับเขา ขนาดผมสูงถึง 170 ตามมาตรฐานชายไทยแล้วนะ แต่ไอ้ลุงฝรั่งบ้านี่มันตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ เทียบขนาดกันไม่ได้เลยแถมบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนขนาบข้างซ้ายขวา ขนาดก็ตัวใหญ่ไม่แพ้กันอีก ผมรู้สึกกลายเป็นคนแคระในหมู่ยักษ์ไปโดยปริยาย
'ติ๊งง' เสียงลิฟต์ดังขึ้นแสดงถึงชั้นที่เขาพามา ผมเห็นว่าชั้นนี้เป็นชั้นบนสุดของเพนท์เฮาส์หรูย่านใจกลางเมือง
เขาพาผมเข้ามานั่งโซฟาสุดตัวใหญ่ที่มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่ามันคงจะแพงมาก ผมที่ไม่กล้าหย่อนก้นนั่งก็ทำได้แค่เพียงนั่งตรงขอบโซฟาเท่านั้น
“นั่งดีๆ ไม่ต้องเกร็ง “อยู่ๆ เขาดึงผมขึ้นมานั่งข้างกันจนตัวผมแทบเกยตัก
“ครับ” ผมพูดอ้อมแอ้มกลับไป พลางค่อย ๆ เขยิบตัวเองออกห่างจากคนข้าง ๆ
“ทีนี้เราจะคุยกันได้หรือยัง เธอพร้อมที่จะรับฟังฉันมั้ยเด็กน้อย”
“ครับ” ผมพูดตอบกลับโดยไม่เงยหน้า แต่สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าสายตาแรงกล้าจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าผมอย่างไม่วางตา
ผมรู้สึกแปลก ๆ ใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกทำอะไรไม่ถูกมือไม้ก็ไม่รู้จะเอาวางไว้ตรงไหนทำไมมันดูเกะกะไปหมดก็ไม่รู้
...
เจโรม พาร์ท
ผมมองเด็กตรงหน้าที่นั่งตัวเกร็งไหล่ลีบเล็กด้วยความเห็นใจ แก้มแดง ๆ นั่นทำให้ผมอดเอ็ดดูไม่ได้ ดวงตาทั้งสองข้างฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำตา ดื้อเสียจริง ยังไม่ทันได้ฟังความอะไรก็ตีโพยตีพายคิดไปเองไปว่าผมจะมาเอาลูกไป ดูไปเด็กคนนี้แตกต่างจากเมื่อสามปีก่อนมาก เขาจำได้รางๆ ว่าตอนนั้นเด็กคนนี้รูปร่างโปร่งเพรียวบาง ดูเก้งก้างกว่านี้มาก ตอนนี้ถึงแม้จะดูไม่อ้วน แต่ก็ดูมีน้ำมีเนื้อมีหนังมากกว่าเดิม ถึงแม้หน้าตาจะไม่ได้น่ารักจิ้มลิ้ม แต่ก็มีใบหน้าหวานที่ชวนมองไม่รู้เบื่อ หากพิศดูให้ดีเด็กคนนี้ดูมีเสน่ห์ดึงดูดมากเลยทีเดียว
บทที่ 4 ทำความรู้จัก
“เธอชื่อปัณณ์ใช่ไหม ฉันชื่อเจโรมี่เรียกฉันว่าเจโรม เธอคงจำคืนนั้นได้ใช่มั้ย?" ผมมองเด็กตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ความรู้สึกผิดกำลังเกาะกุมหัวใจชายวัยใกล้เลขสี่อย่างผมเป็นอย่างมาก ยิ่งพอได้มองคนตัวเล็กตรงหน้าใกล้ๆ แล้วก็ยิ่งคิดไปถึงสิ่งที่ได้ทำเอาไว้ ตอนนั้นเด็กคนนี้จะต้องแตกสลายขนาดไหน ตัวคนเดียวหนีออกจากบ้านมาหางานทำ หนำซ้ำมาเจอกับผมในคืนนั้นอีก
"ฉันขอโทษในสิ่งที่ฉันเลวร้ายกับเธอในคืนนั้น ฉันรู้สึกแย่กับสิ่งที่ทำลงไปจริง ๆ และขอโทษแทนคนของฉันด้วย จะมีทางไหนบ้างไหมที่ฉันจะแก้ไขให้มันดีขึ้นหรือชดเชยให้เธอได้" เจโรมกล่าวขอโทษเด็กตรงหน้าด้วยใจจริง ดวงตาคมสีอำพันฉายแววสำนึกผิดในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป
...
ปัณรวีย์
ผมมองคนตัวโตตรงหน้าที่กำลังพูดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ที่ทำให้ผมมาอยู่กับเขาตรงจุดนี้ น้ำตาผมค่อยๆ ไหลริน...
ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นแล้วตัวสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด เสียงสะอื้นหลุดออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ ในดวงตาของผมที่สะท้อนออกมาจากนัยน์ตาสีอำพันฉายแววเจ็บปวด ผมยังตัวสั่นเทาพยายามสะกดกั้นความขมขื่นที่อยู่ในใจ กัดริมฝีปากจนห้อเลือด คุณเจโรมเห็นผมร้องไห้ไม่หยุดก็ดึงผมเข้ามากอด อ้อมแขนที่ครั้งหนึ่งเคยกระทำสิ่งที่เลวร้ายกับผม แต่ตอนนี้มันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เขาลูบหลังผมไปมาเป็นการปลอบโยน ผมที่ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนก็ปล่อยให้เขากอดปลอบซับน้ำตา ไหล่สั่นสะท้านสะอื้นไห้นานนับชั่วโมง หยาดน้ำตาอุ่น ๆ ยังคงไหลรินภายใต้อกแกร่ง แต่ความหวาดหวั่นในใจยังไม่เลือนหายไป มันยากที่จะทำให้ผมลืมค่ำคืนที่แสนทรมานนั่น แต่อ้อมกอดของผู้ชายคนเดียวกันนี้กลับทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น น่าแปลกที่ผมยอมให้เขากอดปลอบผมอยู่แบบนี้...
หรืออาจจะเป็นเพราะผมได้ฟังเรื่องที่เขาเล่ามาก็เป็นได้ เขาก็ไม่ใช่คนผิดอะไร มีแต่ผมเองที่อยู่ผิดที่ผิดทางเองในตอนนั้น...
ผมค่อย ๆ ขยับออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งคู่นั้นอย่างขัดเขิน อันที่จริงเราก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนี้แต่อ้อมกอดของคนตัวโตกลับทำให้ผมไม่อยากจะผละออกจากความอบอุ่นนั่นเลย ผมสบสายตาคมกริบที่มองมาหัวใจพลันกระตุกวาบราวกับถูกสายฟ้าผ่า หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเหมือนดังกลองเพล ใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจจ้องมองผมอย่างไม่ละสายตาไปไหน ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบไปหมด
ในตอนนั้นเอง ผมเห็นบอดี้การ์ดสองคนที่คอยติดตามคุณเจโรมเดินเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าผม พลางพูดกล่าวขอโทษกับสิ่งที่ทำกับผมไว้
"พวกเราต้องขอโทษคุณปัณรวีย์ด้วยนะครับ" พวกเขาพูดออกมาพร้อมกัน
“พวกพี่ลุกขึ้นก่อนเถอะครับ” ผมรู้สึกแปลก ๆ ที่พวกพี่เขาต้องมานั่งคุกเข่าให้ผม ถึงแม้ในอดีตสิ่งที่พวกเขาทำมันเป็นสิ่งเลวร้ายสำหรับผม แต่ผมก็ผ่านมันมาได้แม้ว่าจะยากลำบากหน่อยก็ตาม ถามว่าผมโกรธกับสิ่งที่พวกพี่เขาทำกับผมมั้ย แน่นอนว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงโกรธมาก แต่ตอนนี้ผมว่าผมปลงได้แล้วเวลาช่วยเยียวยาผมได้จริง ๆ และผมก็ไม่มีเวลามานั่งเศร้าให้กับอดีตเพราะผมมีเจ้าก้อนอ้วนที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้ผมได้ใช้ชีวิตอยู่รอดมาจนถึงวันนี้
“ออกไปได้แล้ว” เขาสั่งให้ลูกน้องออกไป ทำให้ตอนนี้เขากับผมอยู่กันลำพัง ผมที่ไม่รู้ตัวว่าขึ้นมานั่งตักเขาตั้งแต่ตอนไหนก็รีบยันตัวออกจากเขาทันทีด้วยความเขิน ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาตอนนี้กลายเป็นสีแดงระเรื่อลามไปถึงใบหู
“นั่งเฉยๆ” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดดุ
“เอ่อ.. ผมนั่งไม่ถนัด ให้ผมลงไปนั่งดีๆ เถอะครับ”
“แล้วนั่งตักฉันไม่ดีตรงไหน ตักฉันก็ดูกว้างเหมาะกับก้นน้อย ๆ ของเธออยู่นะ”
โอ๊ย! อีตาลุงฝรั่งบ้า!! กล้าพูดออกมาได้ยังไง ผมเห็นเขาไม่ยอมปล่อยก็ดิ้นลงจนหัวเสยคางเขาอย่างแรง
"อึก!!" เขาส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ
“โอ๊ะ! คุณเป็นอะไรไหมครับ ผะ..ผม ไม่ได้ตั้งใจก็คุณไม่ปล่อยผมลงเองอ่ะ” ผมรีบถามอย่างกระวนกระวาย ถ้าเกิดเขาโมโหแล้วสั่งให้บอดี้การ์ดซ้อมผม ผมคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีก
“ผมขอโทษนะครับ อย่าเอาเรื่องผมเลยนะครับ” ผมยกมือไหว้คนตรงหน้าพลางกัดปากตัวเอง ช้อนตามองคนตรงหน้า รู้สึกถึงน้ำตาที่กำลังจะปริ่มออกมาจากหางตาหวังว่าเขาจะไม่โมโหผมมาก ถึงขนาดฆ่าแกงกันเลยนะ
“ยังไม่ได้จะว่าอะไรซะหน่อย เธอนี่นอกจากจะดื้อรั้น แล้วยังขี้แยอีกนะ”
“ผมไม่ได้จะร้องซะหน่อยผมแค่กลัว ถ้าเกิดคุณสั่งให้ลูกน้องคุณซ้อมผมล่ะ ผมจะไปสู้อะไรไหว!”
“เด็กน้อย... ใครจะไปสั่งซ้อมแม่ของลูกฉันกัน เอาล่ะ! หืมมม....เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีไหม? เธอพร้อมจะฟังสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า?”
เขาถามพลางจับมือผมไปกุมไว้ทั้งสองข้าง ผมมองมือใหญ่ที่กุมมือผมไว้ ตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด
“ฉันจะพาเธอกับลูกมาอยู่ด้วยกันกับฉัน แล้วพรุ่งจะพาเธอไปจดทะเบียนสมรส ลูกจะต้องใช้นามสกุลและเป็นทายาทคนโตของตะกูล 'มากัสโซ่' ของฉันเธอมีอะไรจะโต้แย้งมั้ย..”
“ห๊ะ!! จดทะเบียนสมรส” ผมอุทานออกมาเสียงดังหลังจากได้ฟังข้อเสนอของเขา นี่มันเรื่องห่าเหวอะไรอีกวะเนี่ยะ!
“คะ...คุณ ถ้าคุณอยากรับผิดชอบเรื่องลูกคุณแค่จดทะเบียนรับปาแปงเป็นลูกก็พอมั้งครับ ส่วนเรื่องจดทะเบียนสมรส ผมว่า”
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำและฉันคิดมาดีแล้ว เธอคงไม่คิดว่าคนอย่างฉันจะมาเล่นอะไรไร้สาระอยู่หรอกใช่ไหม เธอลองกลับไปคิดดูอีกทีแล้วกัน แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ ฉันยอมรับการตัดสินใจของเธอ แต่ฉันขอถามเธออีกข้อหนึ่ง”
“อ่าา... ครับ”
“ตอนนี้ที่ฉันจับมือเธออยู่แบบนี้เธอรู้สึกยังไง!”
“ก็เออ..มันดูอบอุ่นดีครับ” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มหน้าร้อนผ่าว ก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่อยู่ในมือใหญ่ของคนตัวโตเอาจริง ๆ ใครไม่เขินคนตรงหน้าก็บ้าแล้ว
“แล้วเธอรังเกียจฉันมั้ย” เขาบีบมือของผมเบาๆ มองสบตาอย่างแน่วแน่ ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาเหมือนจะตกเข้าไปในหลุมพลางของคนตัวโตที่วางไว้
“ไหนว่าจะถามข้อเดียวไงครับ” ผมถามคนโตกว่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกกลัวคนตรงหน้าเท่าไรแล้ว อาจเพราะผมไม่ได้ถูกคุกคามเหมือนครั้งที่แล้วก็ได้ จึงทำให้ไว้ใจคนตรงหน้ามากกว่าเดิม ก็ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกผมก็ไม่ได้จะดึงดันเอาลูกไปฝ่ายเดียวแถมยังเข้าหาผมด้วยความจริงใจ
อันที่จริงคนตรงหน้านี้ก็ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นในฝันของใครหลายๆ คนเลยทีเดียวถ้าไม่ติดว่าเจ้าตัวจะดูดุ วางมาดอย่างกับมาเฟียก็ตาม ผมเพ่งพิศมองคนตรงหน้าที่เริ่มจะมีริ้วรอยปรากฏหางตาเล็กน้อย แต่ยังคงมีเสน่ห์อย่างเหลือล้น
'โห... โคตรหล่อ หล่อเหมือนพระเอกหนังฝรั่งเลยอ่ะ'
“เธอ..เธอ ปัณณ์ เป็นอะไร ได้ยินที่ฉันพูดไหม?” เสียงทุ้มลอยมาไกลๆ ในตอนที่กำลังจะเคลิ้มๆ ก็โดนพ่อฝรั่งตรงหน้าจับตัวผมเขย่าจนหัวคลอน
“อ่ะ...เห้ย!! คุณ คุณว่าอะไรนะครับ พอดีเมื่อกี้ผมไม่ทันฟัง” เขาถามกลับไปใหม่พลางยกมือเกาแก้มแก้เก้อ ผมโดนคนตรงหน้าตกเข้าอย่างจัง
“ฉันบอกให้เธอไปคิดอีกทีแล้วอาทิตย์หน้าฉันจะไปเอาคำตอบ ส่วนตอนนี้ฉันจะพาเธอไปส่งเธอโอเคไหม”
“ครับ...ครับ ผมโอเค คุณให้คนขับรถไปส่งผมก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องลำบาก” ผมดึงมือที่เขากุมออกแล้วขอตัวกลับทันที
เขาก็ไม่ได้ดึงดันที่จะมาส่งผม ผมเห็นว่าบอดี้การ์ดเอาแฟ้มเอกสารถือเข้ามาส่งให้เขาหลายแฟ้ม น่าจะเป็นงานด่วน เขาเลยให้คนขับรถมาส่งผมแทน อย่างว่าอะนะ เป็นถึงเจ้าของธุรกิจมากมายขนาดนั้น คงไม่ได้ว่างนัก จริงๆ แล้วผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของลูกเขาทำธุรกิจอะไรแบบไหนบ้าง แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องของเขาไม่ได้เกี่ยวกับผมสักหน่อย
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ผมคุยกับคนตัวโต วันนี้แล้วที่ผมจะต้องให้คำตอบพ่อของลูก ผมไปปรึกษาพี่พีชกับคุณคิมเรื่องที่เขามาขอให้ผมไปจดทะเบียนสมรส พี่พีชนี่กรี๊ดดีใจอย่างกับได้จดทะเบียนเสียเอง แถมสนับสนุนผมให้ตอบรับ ส่วนคุณคิมก็สนับสนุนเห็นด้วยกับคุณพีช อย่างว่าอะนะ เมียว่าอะไรผัวก็ว่าตาม คุณคิมเขาถือคติเมียเป็นช้างเท้าหน้า ถ้าไม่อยากโดนช้างเหยียบก็ไม่ควรขัด แต่ทั้งสองคนก็เคารพในการตัดสินใจของผม ถ้าผมไม่อยากจด พวกเขาก็ไม่ได้ขัดแต่ก็พูดจาหว่านล้อมผมว่าเป็นเมียลูกชายคนโตตระกูล 'มากัสโซ่' เจ้าพ่อมาเฟียอิตาลีเลยนะ
'เห้อ...แล้วผมจะทำอะไรได้ ถ้าลูกผมนามสกุลต่อท้ายด้วย 'มากัสโซ่' อย่างนี้แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้จะมีเรื่องวุ่นวายแค่ไหน' ผมสลัดความคิดที่ตีรวนวุ่นวายในหัวผม ผมกับเจ้าก้อนอ้วนมานั่งรอคนตัวโตในห้องทำงานพี่พีชเพื่อให้คำตอบเขาในสิ่งที่ตัวเองทบทวนมาดีแล้ว
“ม่ะมี้ เย่น...ยด บรึ๊นๆ” ผมปล่อยเจ้าก้อนนั่งเล่นรถอยู่ในห้องทำงาน ซึ่งตอนนี้ทั้งพี่พีชคุณคิมก็มารอพ่อของลูกผมพร้อมกัน อยู่เป็นสักขีพยานกับการตัดสินใจของผม
ก๊อก ก๊อก
ผมเดินออกไปเปิดประตู เห็นพ่อฝรั่งตัวโต พ่วงมาด้วยบอดี้การ์ดคู่กายกับอีกคนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคน เดินถือเอกสารตามกันเข้ามา
“เชิญทุกคนนั่งก่อนครับ” พี่พีชพูดขึ้นแทนผมที่ยังนั่งทำตัวลีบอยู่ข้างๆ กัน ตอนนี้เจ้าก้อนอ้วนที่เห็นมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาก็รีบเดินเหยาะแหยะมานั่งตักผม เงยหน้าจ้องมองฝรั่งตัวโตตรงหน้าไม่วางตา ผมเห็นนัยน์ตาสีอำพันของทั้งสองจ้องมองกัน อย่างไม่ละสายตา เจ้าก้อนของผมไม่มีวี่แววจะทำท่าทางเกรงกลัวคนตรงหน้าแต่อย่างใด แถมยังจะเอามือเอื้อมไปหาคนตรงหน้าอีก หึ!! นี่สินะสายสัมพันธ์พ่อลูก เหมือนฝรั่งตัวโตจะมีอิทธิพลกับลูกชายผมน่าดูทีเดียว
“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ฉันมาเอาคำตอบจากเธอ” พ่อฝรั่งนั่งลงข้าง ๆ ผมจนหัวเข่าแทบจะชนกันทั้ง ๆ ที่เก้าอี้ว่ายังมีตั้งเยอะแยะ เขาพูดกับผมพลางเอื้อมแขนแข็งแกร่งมาอุ้มเจ้าก้อนอ้วนที่ยื่นแขนไปทำท่าจะกระโดดเข้าหาเขา
“มาครับเบบี๋ วันนี้แด๊ดดี้มีของเล่นมาให้ด้วย” เขาหันไปรับของเล่นจากบอดี้การ์ดข้างหลัง แต่แหม เจอหน้ากันไม่ทันไรก็บอกว่าตัวเองเป็นพ่อเลยหรือ ไม่เร็วไปหน่อยไหมแต่ใครจะพูดขัดคนตรงหน้าได้ ผมปล่อยเลยตามเลยมองคนตัวโตที่เอาของเล่นมาหลอกล่อเจ้าก้อน
'โอ้โห.. รถยนต์หุ่นแปลงร่างตัวใหญ่สุด ๆ ตั้งแต่ผมเคยซื้อของเล่นให้ลูกเลย คงไม่ต้องพูดถึงราคาสินะ'
เจ้าก้อนอ้วนทันทีที่เห็นของเล่นที่คนตัวโตส่งให้ก็ทำท่าดี๋ด๊า จับรถโยกไปโยกมานั่งเล่นบนตักของเขาพลางชูอวดผมทำเหมือนกับรู้จักกับเจ้าของตักมาเนิ่นนาน
“มะ มี้ ยด...ยดคันยั่ยย”
“อ่าาา... เจ้าอ้วนเอ๊ยย!!” ผมหยิกแก้มอ้วนตรงหน้าส่ายไปมาด้วยความเอ็นดู
“อย่าแกล้งลูก” เขาดึงมือผมออกจากแก้มอ้วนของลูกแล้วกุมมือผมไว้แทน
'อ่าาา... อีตาฝรั่งบ้า!! ทำเขาเขินอีกแล้วนะ..'
“คำตอบของเธอ” เขาถามผมกลับอีกครั้ง ผมหันหน้าไปทางพี่พีชกับคุณคิมที่นั่งข้างๆ กัน
ทั้งสองคนพยักหน้าให้ผม ตอบในสิ่งที่เตรียมคำพูดมา
“ครับ ผมตกลง”
“อ่าา...ครับ ดีมาก ๆ เลย นี่เป็นเอกสารใบทะเบียนสมรส ใบนี้เอกสารรับรองบุตร คุณปัณณ์เซ็นตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ได้เลยครับ ผมเป็นทนายของครอบครัวคุณเจโรมครับ”
ทนายความที่มากับคุณเจโรมม ยื่นเอกสารพร้อมชี้ช่องลายเซ็นที่ผมต้องเซ็นให้ครบทุกช่อง ผมส่งเอกสารให้พี่พีชกับคุณคิมช่วยอ่านรายละเอียด หลังจากทั้งสองคนได้อ่านแล้วก็พยักหน้าพอใจ พลางยื่นเอกสารกลับมาให้ผมเซ็น ผมเซ็นเอกสารครบทุกใบเสร็จก็ยื่นให้กับคนตัวโตตรงหน้า เขายื่นมือมารับเอกสารยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วจรดปรายปากกาลงชื่อเขาอีกฝั่งหนึ่งส่งเอกสารต่อให้ทนายของเขา ส่วนทนายพอได้รับเอกสารเสร็จก็รีบลุกกลับออกไปทันทีเหมือนกลัวผมจะปฏิเสธทีหลังยังไงยังงั้น เอาเป็นว่าคุณทนายทำงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างรวดเร็ว ทำผมนึกทึ่งในใจ
“เป็นอันว่าตอนนี้เธอเป็นเมียและแม่ของลูกฉันโดยสมบูรณ์ เธอไปเตรียมตัวเก็บของเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะมารับ” เขาพูดจบทั้งหมดก็ลุกออกไปทันทีโดยที่ผมไม่มีโอกาสได้โต้แย้งใดๆ
ความคิดเห็น