ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อยู่ดีๆก็มีสามีโผล่มา (รีไรท์) Mpreg

    ลำดับตอนที่ #3 : ลูกชาย

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 66


     เจโรม พาร์ท

    ผั๊วะ!...ตุบ!..อั๊ก!

    ผั๊วะ!...ตุบ!..

    ผมซัดหมัดไปที่หน้าของบอดี้การ์ดทั้งสองคนอย่างไม่ออมแรง จนทั้งสองล่วงลงไปกองกับพื้น

    “พวกมึงมีอะไรจะพูดแก้ตัวมั้ย!!” แววตาเย็นเยียบจ้องไปที่บอดี้การ์ดคนสนิททั้งสองที่กำลังยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า

    “ไม่มีครับ//ไม่มีครับ” ดลกับชัยพูดขึ้นมาพร้อมกัน ไม่กล้าเงยหน้ามองสบตาเจ้านายที่ตอนนี้กำลังข่มอารมณ์อยู่

     

    พวกเขาไม่มีอะไรต้องแก้ตัวในเมื่อหลักฐานปรากฏอยู่บนใบหน้าคุณหนูตัวน้อยซะขนาดนั้น ยิ่งผลตรวจดีเอ็นเอออกก็ยิ่งเป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเด็กน้อยหัวทองที่เจ้านายเขาอุ้มไปโรงพยาบาลเป็นลูกชายท่านอย่างแน่นอนไม่ผิดเพี้ยน

     

    ย้อนไปในอดีต...พวกเขาจำวันที่จับหนุ่มน้อยหน้าหวานคนหนึ่งมาปรนเปรอเจ้านายได้ดี วันนั้นเจ้านายเขาโดนยาปลุกเซ็กซ์อย่างแรง พวกเขาจำเป็นจะต้องหาเด็กมาปรนเปรออย่างเร็วที่สุด เขาได้ตกลงกับนายหน้าว่ารีบให้จัดหาเด็กสะอาดๆ มาให้เจ้านายของเขา แต่พอพวกเขาจะไปรับ นายหน้าเสือกบอกพวกเขาว่าเด็กไม่พอ อ้างนู้น อ้างนี่ทำพวกเขาพากันหัวเสีย ช่วงที่กำลังคิดหาทางออกว่าจะไปหาเด็กที่ไหนให้เจ้านาย สายตาก็เหลือบไปเห็นหนุ่มน้อยหน้าหวานกำลังเดินอยู่ริมฟุตบาท ด้วยความที่เป็นห่วงเจ้านายมากจนไม่คิดถึงศีลธรรมอันดี พวกเขาจึงจับเด็กคนนั้นมาให้เจ้านายเขาทันที เขาเอาเด็กไปส่งให้เจ้านายที่กำลังนอนกระสับกระส่ายทุรนทุรายด้วยฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กซ์  เขาวางเด็กน้อยหน้าหวานลงบนเตียงแล้วรีบพากันออกจากห้องมายืนรออยู่นอกห้อง ปล่อยให้เจ้านายระบายอารมณ์กับเด็กหนุ่มหน้าหวานจนถึงเช้า 

     

    รุ่งเช้าเจ้านายเขาเดินออกมาจากห้องด้วยสภาพปกติ และดูพึงพอใจอย่างมากกับหนุ่มน้อยในห้องแถมยังสั่งให้เขาวางเช็คเงินสดสามแสนให้กับคนตัวเล็กหน้าหวานด้วย ตอนเขาเข้าไปในห้องเอาเช็คเงินสดไปวางเห็นสภาพหนุ่มน้อยหน้าหวานก็นึกสงสารอยู่ในใจ ดูสภาพก็รู้ว่าเมื่อคืนเจ้านายเขารุนแรงกับเด็กมันขนาดไหน เขารีบเอาเช็คไปวางข้างเตียงแล้วออกจากห้องทันที วันนั้นพวกเขารีบบินกลับไปที่อิตาลี เพราะเจ้านายติดงานด่วน โดยไม่รู้เลยว่าสามปีต่อมาจะมีหนึ่งชีวิตเกิดมาแบบไม่ได้ตั้งใจ ผลมาจากการกระทำดีแล้วระยำของพวกเขา

     

    ผมมองหน้าบอดี้การ์ดสองคนด้วยดวงตาตาแข็งกร้าว ไม่นึกมาก่อนเลยว่าพวกมันได้ทำเลวระยำโดยที่มีผมร่วมเป็นฝ่ายกระทำ มันน่ากระทืบให้ตายนัก ถ้าไม่ติดว่าพวกมันทำงานรับใช้ผมมานาน แล้วไม่เคยทำงานพลาดมาก่อนละก็ พวกมันได้ไปนอนในหลุมแล้ว แต่ผมก็รู้ดีว่าพวกมันก็หวังดีกับผม

      ในคืนนั้นเมื่อเกือบจะสามปีก่อนผมจำได้ดี ตอนนั้นเด็กน้อยหน้าหวานที่นอนใต้ร่าง ร้องครวญครางขอความเมตตาจากผมตลอดทั้งคืน แต่ด้วยความที่ผมโดนยาปลุกเซ็กซ์ที่ออกฤทธิ์แรงจากคู่ค้าทางธุรกิจที่หวังจะต่อยอดธุรกิจดดยการวางยาผมให้มีอะไรกับลูกสาวตัวเอง จะได้เป็นการผูกมัดผมกะจะรวมธุรกิจเข้าด้วยกัน แต่ยังดีที่ตอนนั้นผมยังมีสติโทรหาบอดี้การ์ดให้มาพาตัวผมออกไป ทั้งที่ตอนนั้นก็แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ พอเจอกับเด็กน้อยคนนั้นทั้งใบหน้าน่ารักเกลี้ยงเกลาดูสะอาดสะอ้าน ทำให้อดใจไม่อยู่รู้แต่ว่าต้องการปลดปล่อยให้ยาที่ออกฤทธิ์มันหายไปก็เท่านั้น  ทั้งๆ ที่รู้ว่าเด็กมันไม่เคย ผมก็ยังกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างรุนแรงตลอดทั้งคืน กระทำกับเด็กคนนั้นไม่ต่างจากสัตว์กว่าตัวยาจะหมดฤทธิ์ เด็กคนนั้นก็สลบไปหลายรอบ แถมตอนเช้ามาก็ไม่ได้ดูดำดูดีรีบบินกลับประเทศตัวเองอีก จะว่าไปผมก็คงเลวไม่ต่างกัน

     

    'ปึก!' ผมกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะจนมันสะเทือนไปทั้งโต๊ะ ถ้าไม่ติดว่าแก้วเหล้าชั้นดี ป่านนี้คงแหลกคามือไปแล้ว

    “พวกมึงไปสืบเรื่องของเด็กคนนั้นมาให้กู  ให้เวลาหนึ่งพวกมึงหนึ่งชั่วโมง ”

    “ครับ//ครับ” ดลและชัยโค้งตัวรับคำสั่งและรีบออกจากห้องทันที

     

    ผมหยิบบุหรี่กลิ่นโปรดออกมาสูบ หลับตาสูดรับกลิ่นคุ้นเคย ผมเดินออกมายืนรับลมที่ระเบียงคอนโดหรูใจกลางเมือง สายตาเหม่อมองไปไกลตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 39 ปีมีชีวิตสุขสบาย มีทั้งอำนาจเงินทอง มีธุรกิจขยายไปไกลทั่วโลก และประเทศไทยคือหนึ่งในนั้น เป็นประเทศที่ผมเลือกลงทุนเปิดบริษัทที่นี่อีกแห่งหนึ่ง เพราะมีแม่ที่เป็นคนไทย ท่านเป็นคนที่อบอุ่นและอ่อนโยนมาก ตอนนี้อพยพย้ายไปอยู่กับพ่อที่อิตาลีใช้ชีวิตที่นู่นในบั้นปลายของชีวิต

    ที่ผมเลือกที่นี่ก็เพราะเป็นประเทศที่แม่เกิด ผมอยากมาสัมผัสประเทศที่แม่อาศัยอยู่และด้วยความชอบส่วนตัว ตอนเด็ก ๆ แม่ชอบพามาเยี่ยมคุณตาคุณยายตลอด ตอนท่านมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้ท่านทั้งสองได้จากไปแล้ว แม่ก็ไม่ค่อยได้กลับบ่อยนัก  แต่ผมที่หลงเสน่ห์ความเป็นไทยก็ชอบไปๆ มาๆ ที่นี่บ่อยครั้ง แต่มีสามปีให้หลังนี่แหละไม่ค่อยได้มาเท่าไรเพราะบริษัทที่นี่อยู่ตัวดี แล้วมีน้องชายช่วยดูแลอีกทอดหนึ่ง ทำให้ไม่ต้องกังวลเท่าไร แต่ที่ต้องมาในตอนนี้ก็เพราะตอนนี้น้องชายกำลังจะแต่งงาน ผมที่เพิ่งบินมาถึงยังไม่ทันจะถึงเพนท์เฮ้าส์ก็มาเจอกับอุบัติเหตุซะก่อน

    ตอนที่รถติดไฟแดงอยู่นั้น ผมเห็นเด็กหนุ่มหน้าหวานคนหนึ่งอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบสองหรืออาจจะยี่สิบสามอุ้มเด็กหัวทองอ้วนจ้ำม่ำ อ้อมแขนเล็กๆ นั่นเกร็งจนเห็นได้ชัดอาจเพราะผู้ชายคนนั้นดูตัวเล็กด้วย ในตอนที่ทั้งคู่กำลังจะเดินข้ามถนนผ่านหน้ารถไปพอดี ผมเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างก็รู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน แต่ดูจากการแต่งกายที่แสนจะธรรมดาแล้วก็ไม่คิดว่าจะได้เจอหนุ่มน้อยคนนั้นตามงานเลี้ยงธุรกิจใดๆ อย่างแน่นอน ผมมองสองพ่อลูกคุยกันด้วยสายตาสงสัย พลันได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งแซงรถผมที่จอดติดไฟแดงอยู่ ทำให้รถเฉี่ยวไปที่สองพ่อลูกนั่นทันที ผมเห็นเด็กคนนั้นผวาตกใจกอดลูกชายไว้ในอ้อมกอด เอาตัวเองล้มกระแทกลงพื้นเป็นเกราะกำบังให้ลูกชาย อาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อก็ได้ ทำให้เด็กน้อยไม่ล้มฟาดพื้นไปด้วย เด็กน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมกอดเล็กๆ นั่นร้องไห้จ้าออกมาด้วยความตกใจ ส่วนผมที่มองอยู่ก่อนก็ตกใจไม่แพ้กัน รีบเปิดประตูออกไปช่วยเหลือสองพ่อลูกทันที แต่พอได้สบตากับเจ้าเด็กอ้วนหัวทองตรงหน้าถึงกับตะลึง ชะงักกับนัยน์ตากลมโตสีเดียวกันตรงหน้า แต่เสียงร้องไห้จ้าที่ยังแผดเสียงดังลั่นอยู่ทำให้ผมได้สติจึงรีบอุ้มทั้งสองคนขึ้นรถสั่งให้บอดี้การ์ดพามาโรงพยาบาลทันที พอมาถึงทั้งแพทย์และพยาบาลที่รออยู่แล้วก็พาทั้งสองคนเข้าห้องตรวจโดยไม่ต้องรอคิว เพราะบอดี้การ์ดได้แจ้งไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว

     ในระหว่างที่หมอทำการรักษาทั้งสองคน ผมก็สั่งให้บอดี้การ์ดคนสนิทบอกหมอให้ตรวจดีเอ็นเอเด็กอ้วนผมทองไปด้วย ถึงแม้จะมั่นใจเกินครึ่งไปแล้วว่าเด็กคนนั้นคือลูกชายอย่างแน่นอน เพียงแค่สบนัยน์ตาเด็กสีอำพันของเด็กคนนั้นแค่นั้น ก็มันชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร รูปถ่ายตอนเด็กที่แม่ผมติดผนังไว้แทบจะทุกส่วนของคฤหาสน์ เจ้าเด็กคนนั้นแทบจะก๊อบปี้ตัวผมในตอนเด็กออกมาเลยทีเดียว

     ผมทิ้งก้นบุหรี่ในมือที่มอดไหม้ใกล้จะหมดลงที่เขี่ยบุหรี่ แล้วหยิบเอกสารที่เป็นหลักฐานยืนยันดีเอ็นเอแน่นจนมันยับยู่ยี่ เขาผู้ที่ประสบความสำเร็จมากมาย มีอำนาจล้นเหลือ ไม่มีใครไม่รู้จัก 'เจโรมมี่ มากัสโซ่' ผู้นำตระกูลมากัสโซ่ที่โด่งดัง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่ไม่นึกเลยว่าได้ทำให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งเกิดมา ลูกชายที่เขาไม่ได้ตั้งใจ แถมชีวิตความเป็นอยู่ก็แตกต่างจากผมผู้เป็นพ่ออย่างสิ้นเชิง  ต้องอาศัยอยู่ในห้องเล็กเท่ารูหนู ในตอนที่เข้าไปเห็นห้องที่ลูกชายอาศัยอยู่แล้วก็รู้สึกหน่วงในใจ ผมหลับตาลงสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่ดวงตา นึกถึงสภาพแวดล้อมที่ลูกชายเติบโตมาขนาดห้องน้ำที่เพนท์เฮาส์นี้ยังกว้างกว่าห้องนั้นเลย เขาไม่รู้ว่าเด็กน้อยหน้าหวานคนนั้นเจออะไรมาบ้าง ต้องลำบากขนาดไหนกับการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโต โดยที่ตัวเองก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยด้วยซ้ำ  เขาขยำกระดาษในมือจนยับเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ

     

    ก๊อก ก๊อก

     “ขออนุญาตครับ” บอดี้การ์ดทั้งสองคนนำเอกสารประวัติของเด็กน้อยคนนั้นมาให้เจ้านายแล้วขอตัวออกไป

    เจโรมหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านทันที

    'ปัณรวีย์ เกริกไกร' เด็กกำพร้าที่ออกมาใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวอาศัยอยู่กับเจ้าของร้านอาหารตั้งแต่ออกมาจากสถานรับเลี้ยง บลา บลา

     

    ผมวางเอกสารที่อ่านแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ต่อสายไปหามารดาทันที

    “มัม ไอมีเรื่องจะบอก” ผมเล่าเรื่องลูกที่เกิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้ท่านทั้งสองคนได้รับรู้ พวกท่านพอได้ฟังว่าผมมีลูกชายก็ดูจะตื่นเต้นกับหลานชายคนแรกของตระกูลไม่ใช่น้อย ให้ผมพาหลานไปหาพวกท่านให้ได้ ถึงขนาดว่าจะขอมาหาเองเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะผมห้ามปรามขอเวลาเคลียร์กับแม่ของลูกก่อนแล้วจะพาไปแนะนำตัวที่หลัง นั่นแหละแด๊ดกับมัมถึงยอมวางสายไป

    ผมยังไม่รู้เลยว่าเด็กน้อยคนนั้นจะรู้สึกยังไง ถ้ารู้ว่าผมเป็นคนข่มเหงรังแกในคืนนั้น จนมีเด็กน้อยเกิดมา

     

     

     

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×