คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 เดินทางสู่ฮอกวอตส์
"นี่มัน" ดวงตาของเฮนริกเบิกโพลงด้วยความตะลึงเมื่อเห็นเนื้อความข้างในจดหมาย
_______________________
เรียน คุณไรลีย์,
ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะแจ้งให้คุณทราบว่า ทางโรงเรียนฮอกวอตส์ได้พิจารณาแต่งตั้งให้คุณดำรงตำแหน่งอาจารย์ผู้ช่วยสอนสำหรับวิชาการแปลงร่างในปีการศึกษานี้ เราเชื่อมั่นว่าความรู้และความเชี่ยวชาญของคุณจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักเรียนของเรา
การเริ่มต้นปฏิบัติหน้าที่ของคุณจะเป็นวันที่ 1 กันยายนนี้
ขอแสดงความนับถือ
มิเนอวา มักกอนนากัล
รองอาจารย์ใหญ่
_______________________
ในตอนนี้เฮนริกนั้นเขาไม่สามารถที่จะซ่อนรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาได้เลย มันรู้สึกเหมือนกับว่านี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเขาในปีนี้เลย
"ขอบคุณ ขอบคุณมากๆเลยครับศาสตราจารย์" เฮนริกพูด
"เรื่องเล็กน้อยน่ะเฮนริก แล้วก็อย่างที่บอก ฉันน่ะงานยุ่งมาก เลยต้องการผู้ช่วยอยู่พอดี"มักกอลนากัลตอบกลับ
"ส่วนเรื่องหนังสือเรียน หรือข้าวของต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ในการสอน เธอสามารถส่งรายละเอียดผ่านทางจดหมายมาได้เลยนะ ตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน ไว้พบกันใหม่วันเปิดภาคเรียนนะ 'ศาสตราจารย์ไรลีย์' "
"ไว้พบกันใหม่ครับ ศาสตราจารย์"
.
.
.
วันที่ 1 กันยายน 1991
[ชานชาลา 9¾ สถานีคิงส์ครอส]
บรรยากาศของชานชาลา 9¾ ที่สถานีคิงส์ครอสเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา มีเสียงพูดคุยดังไปทั่วบริเวณ บ้างหัวเราะยิ้มแย้ม บ้างร้องไห้ร่ำลา
เหล่านักเรียนเก่าและนักเรียนใหม่ รวมไปถึงผู้ปกครองของนักเรียนหลายๆคนต่างก็ตื่นเต้นและกระตือรือร้นกับการเปิดภาคเรียนในวันนี้
"ว้าว ที่นี่ยังคึกคักเหมือนเดิมเลยแฮะ" เฮนริกพูดขึ้น
ถึงแม้ว่าวันนี้เฮนริกจะไม่ได้มาในฐานะนักเรียนเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม แต่เมื่อมองไปยังภาพสถานการณ์อันแสนวุ่นวายตรงหน้า เขาก็รู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างกัน ภาพของนักเรียนกำลังเข็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ภาพของเพื่อนใหม่ที่ได้พบปะกันครั้งแรก รวมไปถึงภาพของผู้ปกครองหลายคนที่โอบกอดลูกๆของพวกเขา ก่อนที่จะปล่อยให้ขึ้นรถไฟไป
'รถไฟฮอกวอตส์เอ็กซ์เพรส' หัวรถจักรรุ่น GWR 4900 Class 5972 Olton Hall รถไฟขบวนสีแดงสดที่มีสัญลักษณ์หมายเลข 5972 ติดอยู่ด้านหน้า มันจอดรออยู่ที่ชานชาลา ราวกับพร้อมเสมอจะพานักเรียนทุกคนออกเดินทางสู่โรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์
"ทำเอาคิดถึงเมื่อก่อนเลยจริงๆ" เฮนริกพูดพลางเดินแหวกฝูงชนมาขึ้นรถไฟ
ใช้เวลาไม่นานนัก เฮนริกก็ได้เดินข้ามาในห้องโดยสารที่ยังว่างอยู่ เขานั่งลงบนเบาะที่อยู่ติดหน้าต่างแล้วหยิบหนังสือที่เขาซื้อมาจากตรอกไดอากอนก่อนที่จะมาที่นี่ขึ้นมาอ่าน ระหว่างที่รถไฟกำลังออกตัว ซึ่งหนังสือที่เขาเอามาอ่านนั่นก็คือ 'หนังสือนิทาน'
'???'
'ได้ยินผิดหรือเปล่า?'
'หนังสือนิทาน?'
'ไม่หรอก'
'ไม่ได้ได้ยินผิดหรอก'
'มันคือ 'หนังสือนิทาน''
ถ้าถามว่าทำไมเป็นหนังสือนิทาน แทนที่จะเป็นหนังสือการเตรียมสอน หรือหนังสือศาสตร์ต่างๆอย่างที่เด็กเรเวนคลอทั่วไปมักจะอ่านกันเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม
คำตอบนั้นก็ธรรมดามาก คุณลองคิดดูสิ ถ้าคุณเป็นคนนึงที่เคยเสพติดการดูภาพยนตร์มาทั้งชีวิตต้องเข้ามาอยู่ในโลกเวทมนตร์ที่ไม่มีเทคโนโลยีคุณจะทำอะไรแก้เบื่อได้
ถึงในโลกมักเกิ้ลจะมีของพวกนี้อยู่ก็จริงแต่ตอนนี้เขากำลังไปที่ฮอกวอตส์ ที่ซึ่งไม่สามารถนำเทคโนโลยีเข้าไปได้ ดังนั้นการอ่านนิทานและนิยายก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเหมือนกัน
'ก็อกๆ'
เสียงเคาะประตูตู้โดยสารดังขึ้น เฮนริกเบนสายตาออกจากหนังสือ เงยหน้าขึ้นมองลอดผ่านเลนส์แว่นตาสำหรับอ่านหนังสือไปยังประตูตู้โดยสาร มีเด็กชายตัวเล็กผอมบางคนหนึ่ง ผมยุ่งสีดำสนิทไม่เรียบเป็นทรง มีแว่นตากลมหนาๆ ที่ดูเหมือนจะใหญ่เกินใบหน้าของเขา และมีดวงตาสีเขียวสดใสที่เด่นชัด แต่ที่โดดเด่นยิ่งกว่าก็คงจะเป็นแผลเป็นรูปสายฟ้าบนหน้าผาก ซึ่งโผล่ออกมาให้เห็นเล็กน้อยผ่านเส้นผม 'แฮร์รี่ พอตเตอร์'
'แต่เขามาที่นี่ทำไมกัน?'
"เอ่อ ผมขออนุญาตนั่งด้วยได้ไหมครับ พอดีตู้อื่นเต็มหมดแล้วน่ะครับ" เด็กชายเอ่ยถาม
'อ่า นี่เขามาแย่งตู้ตัวเอกนั่งเองหรือนี่' เฮนริกคิดขึ้นในใจอย่างเงียบๆ
"โอ้ ได้สิ เชิญเลยครับ" เฮนริกตอบพลางหันกลับไปก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
"ขอบคุณครับ" ว่าจบเด็กชายก็เดินเข้ามานั่งลงที่เบาะฝั่งตรงข้าม
หลังจากนั่งได้พักหนึ่ง เฮนริกก็สังเกตเด็กชายก็ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็กลับลังเลที่จะพูด แต่เมื่อเขากำลังจะอ้าปากพูดแต่ทันใดนั้นก็มีเด็กอีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาก่อน
"โทษที ขอนั่งด้วยได้ไหม ตู้อื่นเต็มหมดแล้ว"
ด้วยเส้นผมสีแดงเป็นเอกลักษณ์อันยุ่งเหยิง สวมชุดเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ดูเหมือนตกทอดกันมา และนอกจากนี้ในมือยังถือหนูที่เป็นสัตว์เลี้ยงมาอีกตั้งหาก และใช่เด็กคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกจาก 'โรนัลด์ บิลิอัส วีสลีย์' หรือที่มักจะรู้จักกันในชื่อ 'รอน วีสลีย์'
"เอ่อ..." แฮร์รี่อ้ำอึ้งไปเล็กน้อย พลางส่งสายตาเป็นเชิงขอความเห็นจากเฮนริก แต่เมื่อเห็นว่าเฮนริกไม่ได้สนใจ เขาก็ตอบเด็กคนนั้นไปว่า
"ได้สิ เชิญเลย"
"ขอบใจ" เด็กคนนั้นเอ่ยก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างแฮร์รี่และแนะนำตัวต่อ
"สวัสดี ฉันรอน รอน วีสลีย์"
"ฉันแฮร์รี่ แฮร์รี่ พอตเตอร์"
เมื่อได้ยินชื่อ รอนก็แสดงสีหน้าตกใจ และถามต่อด้วยคำถามที่ออกจะดูไร้มารยาทตามเนื้อเรื่องเดิม
"งั้น...ก็จริงสิ แบบว่า...นายมีไอ้นั่น จริงๆเหรอ? แผลเป็น"
"มีสิ" แฮร์รี่ก็ตอบกลับด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ พลางเปิดแผลเป็นให้เห็นชัดยิ่งขึ้น
"ร้ายกาจ"
ทั้งสองพูดคุยกันได้สักพัก รอนก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้
"ว่าแต่นะแฮร์รี่ คนคนนี้คือใครเหรอ?" รอนกระซิบถามแฮร์รี่พลางแอบมองมาที่เฮนริก ซึ่งเฮนริกที่ได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งในใจเล็กน้อย เพราะเขามัวแต่นั่งฟังตัวละครทั้งสองคุยกัเพลินไปหน่อย
"อยากได้อะไรจากรถเข็นไหม" ก่อนที่แฮร์รี่จะทันได้ตอบ ป้าที่เข็นรถขายของก็ถามขึ้นมาก่อน ทำเอาเฮนริกที่แอบฟังอยู่อดไม่ได้ที่จะขำอยู่ในใจ เพราะวันนี้ตั้งแต่เขาเจอกับแฮร์รี่ เด็กคนนี้ก็ดูเหมือนจะถูกขัดเวลาที่จะพูดอะไรก่อนเสมอ
"ไม่ล่ะ ผมมีไอ้นี่แล้ว" แล้วก็เป็นรอนอีกเช่นเดิมที่มักจะทำตัวเสียมารยาท
"…" และดูเหมือนว่ารอนจะรู้ตัวว่าเขาได้พูดอะไรไร้มารยาทออกไป
"…" พวกเด็กๆ มองหน้ากันอย่างอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งพูดขึ้นทำลายบรรยากาศนั้น
"เอาให้ผมทั้งคันรถเลยครับ" แต่แทนที่จะเป็นแฮร์รี่ที่พูดขึ้นตามเนื้อเรื่องเดิม กลับเป็นเฮนริกที่นั่งเงียบมาตลอดทางพูดขึ้น
'มันคงดูไม่ดีเท่าไหร่หากจะให้เด็กอายุ11 เหมาของหมดรถเข็นคนเดียวโดยที่มีผู้ใหญ่อย่างเขานั่งดูอยู่เฉยๆ' เฮนริกคิดขึ้น
.
.
.
รถไฟยังคงแล่นไปเรื่อยๆ
"ขอบคุณครับ ว่าแต่ให้พวกเราหมดเลยเหรอ" รอนถามขึ้นขณะที่ในปากยังเต็มไปด้วยขนม
เฮนริกพยักหน้า
คราวนี้เป็นแฮร์รี่ที่พูด
"ขอบคุณนะครับ คุณ…"
"เฮนริก เฮนริก ไรลีย์ ฉันเป็นศาสตราจารย์คนใหม่ของฮอกวอตส์ เรียกฉันศาสตราจารย์ก็ได้นะ"
"ศาสตราจารย์?"
"ศาสตราจารย์?"
"ศาสตราจารย์?"
ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกันกับเด็กผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ด้านนอกตรงทางเดินรถไฟ?
"เธอใครเนี่ย?" รอนถามขึ้น
"คุณคือศาสตราจารย์เฮนริก ไรลีย์?" รอนโดนเมิน
"เสียมารยาทจริง!" รอนพูด
แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่สนใจเขา พร้อมกับเดินเข้ามานั่งในตู้โดยสาร
"โอ๊ะ เธอคือแฮร์รี่ พอตเตอร์" เธอพูดเมื่อเห็นแฮร์รี่
"ฉันเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ " เด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลหยักศกหนาและชี้ฟูเป็นลอนๆ เธอใส่เสื้อคลุมแบบแม่มดสีดำตามแบบของโรงเรียนฮอกวอตส์กล่าวแนะนำตัว
"ฉันรอน วีสลีย์" รอนพูด
"ยินดี" เฮอรไมโอนี่ตอบด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ
"ว่าแต่คุณคือศาสตราจารย์เฮนริกใช่…" เฮอร์ไมโอนี่ที่พูดยังไม่ทันจบก็โดนรอนพูดแทรกขึ้นมา
"คุณเป็นศาสตราจารย์คนใหม่จริงๆเหรอ คุณยังดูเด็กอยู่เลยเด็กกว่าชาร์ลีอีกมั้ง" รอนพูดกับเฮนริก
"เสียมารยาทน่ะรอน!" แฮร์รี่พูด
"เขาคือศาสตราจารย์คนใหม่จริงๆ และเขาสอนเราด้วย เธอไม่เห็นชื่อเขาหรือไงในหนังสือศิลป์และศาสตร์การแปลงร่างในรายการของที่ต้องซื้อ" เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางกรอกตา
"แต่เขาดูเด็กมากเลยนะ!" รอนไม่ยอม
"ฉันเป็นศาสตราจารย์จริงๆ แล้วชาร์ลีน่ะ เป็นรุ่นน้องฉันสองปีนะคุณวีสลีย์" เฮนริกยิ้มตอบรอน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยหน่ายกับความรั้นของรอน
"แล้วฉันก็ยังรู้จักคุณด้วยนะ คุณพอตเตอร์" เฮนริกพูด หันไปมองที่แฮร์รี่
"ศาสตราจารย์คะ" เฮอร์ไมโอนี่เรียกเฮนริก
"หนูชื่นชมคุณมากเลยค่ะ หนูอ่านหนังสือของคุณจบไป 2 รอบได้แล้ว แต่มีบางส่วนที่หนูอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ…"
"เอ่อ ขอบคุณนะคุณเกรนเจอร์ที่ชื่นชม สำหรับเรื่องที่คุณอ่านไม่เข้าใจฉันจะเอาไว้สอนในคาบให้นะ แต่ฉันคิดว่าก่อนหน้านี้น่าจะมีอีกเรื่องที่เป็นสาเหตุที่คุณมาที่นี่นะ" เฮนริกรีบพูดตัดบทเฮอร์ไมโอนี่ เพราะเขาคิดว่าถ้าปล่อยให้เธอพูดพล่ามต่อไปคงไม่จบแน่
"จริงด้วย! ขอบคุณค่ะศาสตราจารย์" เฮอรไมโอนี่พูดขอบคุณ พร้อมกับหันไปถามอีกสองคนข้างๆ
"มีใครเห็นคางคกบ้างไหม คนที่ชื่อเนวิลทำหาย"
"ไม่เห็นนะ" ทั้งคู่ตอบพร้อมส่ายหัว
"ฉันคิดว่าคุณน่าจะลองไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รถไฟนะคุณเกรนเจอร์ เผื่อว่าพวกเขาจะช่วยหาได้" เฮนริกพูดขึ้น
หลักจากกล่าวขอบคุณเฮนริกอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนีก็เดินออกไปจากตู้โดยสารไปยังทางเดิน
"ส่วนพวกเธอสองคนรีบสวมเสื้อคลุมได้แล้วล่ะรถไฟใกล้ถึงแล้ว" เฮนริกพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อหันกลับมาหารอนและแฮร์รี่
.
.
.
[ณ ห้องโถงของฮอกวอตส์]
ห้องโถงใหญ่ของฮอกวอตส์ส่องสว่างด้วยแสงเทียนลอยเหนือหัว เพดานถูกเสกให้เหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดาว นักเรียนทั้งสี่บ้านนั่งเรียงกันที่โต๊ะยาว คุยกันอย่างตื่นเต้น ส่วนโต๊ะอาจารย์มีศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์นั่งอยู่ตรงกลาง
พิธีคัดสรรบ้านดำเนินไปได้ด้วยดี หลังจากที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์แนะนำตัวเฮนริกในฐานะศาสตราจารย์ผู้ช่วยคนใหม่ของมักกอลนากัลเสร็จเรียบร้อย ก็ไม่มีอะไรผิดแปลก หรือเปลี่ยนแปลงไปจากภาพยนตร์ที่เฮนริกเคยดู
แต่ถ้าจะมีอะไรที่แตกต่างออกไปจากเนื้อเรื่องเดิม ก็คงจะเป็นการที่เฮนริกถูกศาสตราจารย์ฟลิตวิกที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือชวนคุยเกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่เลิก มิหนำซ้ำทางด้านขวามือของเขายังเป็นศาสตราจารย์สเนปที่นั่งทำหน้าเหม็นบูดทุกครั้งเมื่อมองมายังเฮนริกด้วยหางตา
"หึ ดูสินี่ใครกัน ฉันยังจำได้ขึ้นใจอยู่เลยว่าเมื่อ 4 ปีก่อนมีนักเรียนเรเวนคลออวดดีคนหนึ่งบอกกับฉันว่าเขาจะไม่มีวันกลับมาที่นี่อีก" สเนปพูดขึ้น
"ก็แหม ศาสตราจารย์ กาลเวลาผ่านไปอะไรๆก็เปลี่ยนกันได้นะครับศาสตราจารย์"เฮนริกพูดขึ้นอย่างหน้าด้านๆ
"แต่โอ๊ะ จริงสิตอนนี้ผมเป็นศาสตราจารย์เหมือนกันแล้วนี่นา ต่อจากนี้ไปผมคงไม่จำเป็นต้องเรียกคุณว่าศาสตราจารย์อีกแล้วใช่ไหม? เซเวอรัส"
"นายนี่มันเหมาะจะอยู่กับพวกบ้านกริฟฟินดอร์ซะจริงๆ" สเนปพูดประชด
"แต่เสียใจด้วยที่ผมอยู่เรเวนคลอ แต่แค่การที่ผมชอบการเรียนรู้มากกว่า มันไม่ได้แปลว่าผมต้องขี้ขลาดนี่จริงไหม? เซเวอรัส"
"หยุดเรียกชื่อฉันห้วนๆได้แล้ว เฮนริก ไรลีย์"
"อ้อ หรืออยากให้ผมเรียกคุณหินเซเวอรัสดีล่ะ?"
"ไรลีย์!"
ตึง!
สเนปที่โกรธจัดจนหน้าแดงควันออกหู ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วสะบัดผ้าคลุมเดินออกไปจากห้องโถงโดยไม่ได้สนใจเลยว่ามีสายตาของเหล่าอาจารย์และนักเรียนนับร้อยกำลังจับจ้องมา ซึ่งเฮนริกที่นั่งอยู่ที่เดิมก็ทำเพียงยักไหล่เบาๆเป็นเชิงว่าไม่รู้เรื่อง
แต่แน่นอนว่าเฮนริกรู้เรื่องดีที่สุดว่าทำไมสเนปถึงโกรธขนาดนี้ เขายังจำวันนั้นได้ดี เมื่อ 4 ปีก่อนวันที่เขาเรียนจบจากฮอกวอตส์ เขาเดินเข้าไปในห้องทำงาน ขอดวลกับสเนป เพื่อระบายความอัดอั้นตลอดเวลาที่เรียนมาและสุดท้ายเขาก็ได้เสกคาถาที่ทำให้สเนปแข็งเป็นหินชั่วคราว แล้วเขาก็พูดว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก
ทั้งที่จริงๆ แล้วสเนปนั้นเป็นหนึ่งในตัวละครสุดโปรดของเขาในชีวิตที่แล้วเลยด้วยซ้ำ แต่ว่านะพอมาเจอกับนิสัยลำเอียงและชอบเหยียดของสเนปในชีวิตจริงแล้วมันก็ทำให้เขาอารมณ์เสียได้เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ถึงกับเกลียดแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะญาติดีกันได้
ส่วนที่เขาพูดว่าจะไม่กลับมาอีกนั่นก็เพราะว่าทีแรกเขากะจะพาครอบครัวไปใช้ชีวิตไกลๆ โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง แต่ในตอนนี้มันต่างกัน เพราะตอนนี้เขาจำเป็นต้องกลับมาเพื่อรับมรดกของปู่
หลังจากสเนปเดินออกไป บรรยากาศในห้องโถงก็กลับมาคึกคักเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะมีก็เพียงแต่หัวข้อการสนทนาของนักเรียนที่เปลี่ยนไป
เด็กนักเรียนหลายคนเริ่มหันมาคุยกันถึงเรื่องสเนป และ เฮนริก อย่างเช่น ฝาแฝดวีสลีย์
"ฉันว่าฉันชักจะถูกใจศาสตราจารย์คนใหม่แล้วล่ะ นายคิดงั้นไหมเฟร็ด"
"ฉันก็คิดงั้นจอร์จ"
"แจ๋ว" เฟร็ดและจอร์จพูดพร้อมกัน
หรือแม้แต่ แฮร์รี่และรอนก็ไม่พลาด
"นายคิดว่าศาสตราจารย์ไรลีย์กับสเนปไม่ถูกกันหรือเปล่าแฮร์รี่?" รอนถาม
"ไม่รู้สิ ตอนอยู่บนรถไฟเขาก็ดูใจดีนะ" แฮร์รี่ตอบ
.
.
.
หลังจากทานอาหารเสร็จสิ้น เหล่านักเรียนต่างพากันเริ่มทยอยจัดแถวเพื่อไปยังหอพัก
"ส ส สวัส ด ดีครับ คุณเฮน ร ร ริกใช่ ม ไหมครับ" เสียงพูดติดอ่างของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น เขาเดินเข้ามาหาเฮนริก
'ศาสตราจารย์ควีเรล' สมุนของลอร์ดโวลเดอมอร์ เขาเป็นชายที่มีรูปร่างผอมบาง ท่าทางขี้อายและดูประหม่า เขาสวมผ้าโพกศีรษะสีม่วงอยู่บนหัวตลอดเวลา ตัวของเขามีกลิ่นอับ และกลิ่นกระเทียมผสมกันอยู่จนเหม็นอบอวนไปหมด ภายใต้รูปลักษณ์อันน่าสงสาร และน่าสมเพชนี้ใครจะไปคิดว่าเขาจะใจกล้าซ่อนโวลเดอมอร์ไว้ที่หลังหัวกัน
"เอ่อใช่ครับ" เฮนริกตอบ
"ค ค ค คือผม ด ได้ยินมาว่า ค ค คุณ ส สมัคร ม มา ป ป เป็น…"
"เป็นศาสตราจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด" เฮนริกพูดคำที่เหลือแทน
"ใช่ครับ ผมเคยสมัครมา แต่ถูกปฏิเสธเพราะพวกเขาได้คนสอนแล้ว ดังนั้นผมเลยมาเป็นศาสตราจารย์วิชาการแปลงร่างแทน คุณคงจะคือศาสตราจารย์ควีเรลสินะครับ ศาสตราจารย์สอนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด" เฮนริกพูดพลางหรี่ตามองไปยังควีเรล
"ช ช ใช่ค ครั…" ควีเรลตอบอย่างเลิ่กลั่ก
"งั้นผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมแพ้กลิ่นกระเทียม" ยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ถูกเฮนริกชิงพูดตัดบทเสียก่อน เพราะกลิ่นที่เหม็นออกมาจากตัวควีเรลทำเอาเฮนริกแสบจมูกขึ้นมา และอีกอย่างถ้าเลือกได้ เขาก็ไม่อยากจะไปตัวสนิทสนมกับลูกสมุนของโวลเดอมอร์สักเท่าไหร่หรอกนะ
ว่าจบเฮนริกก็ลุกออกจากที่นั่ง แล้วเดินออกจากห้องโถงไป โดยปล่อยให้ควีเรลยืนอ้าปากเหวอยู่อย่างนั้นคนเดียว…
ความคิดเห็น