คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 เฮนริก ไรลีย์ และจดหมายตอบกลับ
13 สิงหาคม 1981
"เฮนริกลูกรัก แม่มีเรื่องที่ต้องบอกลูกเกี่ยวกับจดหมายฉบับนี้"
"ครับ? จดหมาย?"
"คือจริงๆแล้ว… เอ่อ คือครอบครัวเรา…เป็นพ่อมดน่ะ"
"ห้ะ? ว่าไงนะครับ?
____________________________________
13 ตุลาคม 1990
"เฮนริกลูกรัก พ่อมีเรื่องที่ต้องบอกลูกเกี่ยวกับพินัยกรรมฉบับนี้"
"ครับ? พินัยกรรม?"
"คือจริงๆแล้วลูก… ลูก เอ่อ… ลูกคือหลานชายของเอ็ดเวิร์ด มอร์แกน"
"…"
"…"
"ห้ะ? อะไรนะครับ?"
___________________________________
25 กรกฎาคม 1991
[คุณเฮนริก ไรลีย์ เลขที่ 15 ถนนทาวน์เซนด์ ลอนดอน]
เรียน คุณไรลีย์,
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่คุณให้ความสนใจสมัครตำแหน่งอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่โรงเรียนฮอกวอตส์ และสำหรับความทุ่มเทในการเตรียมตัวสมัครตำแหน่งนี้ เราได้พิจารณาคุณสมบัติของคุณอย่างรอบคอบและเชื่อว่าคุณมีศักยภาพและความสามารถในหลายๆ ด้าน
อย่างไรก็ตาม หลังจากการพิจารณาอย่างละเอียด ทางคณะกรรมการขอแจ้งให้คุณทราบว่าเราขอปฏิเสธการสมัครตำแหน่งนี้ในปีการศึกษานี้ เนื่องจากมีการตัดสินใจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งดังกล่าว
ดังนั้นจึงจะเดินทางไปพบคุณโดยตรงในวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 19:10 น. เพื่อแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจในครั้งนี้และตอบข้อสงสัยที่คุณอาจมี
ขอขอบคุณอีกครั้งที่คุณให้ความสนใจและสมัครเข้าร่วมกับโรงเรียนฮอกวอตส์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตเราจะมีโอกาสร่วมงานกับคุณในโอกาสต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
มิเนอวา แม็กกอนนากัล
รองอาจารย์ใหญ่
____________________________________
เย็นวันหนึ่งในเมืองลอนดอน แสงอาทิตย์ยามเย็นใกล้ลาลับขอบฟ้า แสงสีทองพาดผ่านตึกราอาคารจนเกิดเงาทอดยาวบนถนน ผู้คนเดินเตร็ดเตร่อยู่ริมทาง บ้างเดินจับมือกัน บ้างหยุดฟังเสียงดนตรีจากนักแสดงข้างถนน บรรยากาศอบอุ่นและงดงาม ชวนให้ลืมความวุ่นวายของวันไปชั่วขณะ
แต่ในขณะเดียวกันในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในมุมเงียบสงบของเมือง มีชายคนหนึ่งนั่งทรุดตัวอยู่บนโซฟา ใบหน้าของเขาแสดงถึงความเหนื่อยหน่ายและหนักอึ้ง สายตาเหม่อลอยจับจ้องไปยังจดหมายที่อยู่ในมือ เสียงหัวเราะและความรื่นเริงจากถนนด้านนอกเล็ดลอดเข้ามาเบาๆ แต่ดูเหมือนจะไม่อาจปลุกเขาให้หลุดพ้นจากภวังค์ได้เลย
"เฮ้อ ลำบากจริงนะปู่ ถ้าไม่อยากจะให้มรดกกันก็ไม่ต้องเขียนพินัยกรรมตั้งแต่แรกสิ"
ชายหนุ่มอายุ 20 ปีเศษ ผู้มีใบหน้าที่หล่อเหลา ดูสุขุม ดวงตาคม นัยน์ตาสีน้ำตาลแดง เส้นผมสีเข้มของเขายุ่งเล็กน้อย เขาพูดประชดพลางยกมือขึ้นมากุมขมับที่เริ่มปวดหน่วงจากความเครียด
'เฮนริก ไรลีย์' หรือชื่อเดิม 'กร' ชายหนุ่มอายุ 19 ปีที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ ในชีวิตที่แล้วเขาเป็นเพียงแค่นักศึกษาธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่นชอบและหลงใหลในการดูภาพยนตร์เป็นชีวิตจิตใจ และแน่นอนเลยว่าในฐานะคอหนังอย่างเขาต้องไม่มีทางพลาดภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในตำนานอย่าง 'แฮร์รี่ พอตเตอร์' ทั้ง 7 ภาค
และสำหรับคนที่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้มั่นใจได้เลยว่าไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่เคยคิดอยากจะเป็นหนึ่งในตัวละครเหล่านั้น ซึ่งกรเองก็เช่นกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยก็คือ การที่เขาตายและได้มาเกิดใหม่ในโลกของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ แห่งนี้
ในตอนแรกที่เขาได้มาเกิดใหม่นั้น ครอบครัวของเขาเป็นเพียงครอบครัวธรรมดาทั่วๆไป ที่มีแค่ พ่อ แม่ และลูกชาย 1 คน 'กร' ใช้เวลาปรับตัวไม่นานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะของ 'เฮนริก ไรลีย์' พวกเขาทั้งสามคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในแต่ละวัน แต่ทว่าในวันหนึ่ง ซึ่งเป็นเวลา 2 เดือนก่อนวันเกิดปีที่ 11 ของเฮนริก ก็ได้มีนกฮูกตัวหนึ่งคาบจดหมายบินมาที่บ้านของพวกเขา ภาพนี้นอกจากจะมองดูว่าแปลกแล้ว แต่สิ่งที่แปลกกว่าก็คือ 'จดหมาย' ซึ่งจดหมายฉบับนี้นั้น มีด้านหลังซองที่ประทับตราด้วยขี้ผึ้ง มีตราอาร์มเป็นตัว H ที่มีสัตว์ประจำบ้านทั้งสี่หลัง คือ สิงโต, อินทรี, แบดเจอร์ และงู ล้อมรอบ และพ่อกับแม่ของเขา ก็ได้บอกความจริงกับเฮนริกเรื่องที่ว่า เขาเป็นพ่อมด และโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์อยู่ ซึ่งพ่อมดแม่มดเด็กทุกคนที่มีอายุครบ 11 ปีจะต้องเข้ารับการศึกษาเวทมนตร์อย่างถูกต้องที่โรงเรียนพ่อมดแม่มดฮอกวอตส์
ซึ่งความจริงประการนี้ทำให้เฮนริกตกตลึงเป็นอย่างมากที่ได้รู้ว่าตัวเองได้มาเกิดใหม่ในโลกของภาพยนตร์ที่เขาเคยดู มันทำให้เฮนริกรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะในภาพยนตร์ที่เขาเคยดูนั้นมันไม่ได้มีแค่เรื่องดีๆพวกนี้น่ะสิ มันยังมีตัวร้ายอย่างพวกผู้เสพความตาย และเจ้าแห่งศาสตร์มืดอยู่อีกต่างหากยังไงล่ะ มันทำให้เขาคิดว่าเขาควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเนื้อเรื่องอันตรายพวกนี้ดีหรือเปล่า แต่เขาก็เลิกคิดมันไปในที่สุด "จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวงั้นเหรอ?" เรื่องอะไรล่ะที่เขาต้องทำแบบนั้น เขาไม่ใช่แฮร์รี่ พอตเตอร์ซะหน่อย หนึ่งในตัวเอกก็ไม่ใช่ และเมื่อพิจารณาถึงปีเกิดแล้วนั้น เขาก็มีอายุมากกว่าแฮร์รี่ถึง 10 ปีด้วยกัน กว่าแฮร์รี่จะเข้าเรียน เขาก็คงจบจากฮอกวอตส์ไปหลายปีแล้ว และเขาคงจะพาครอบครัวของเขาไปอาศัยอยู่ที่ไหนสักที่ในโลกมักเกิ้ลในที่ๆห่างไกลจากเรื่องราวเหล่านั้น และคงไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเนื้อเรื่องอันแสนวุ่นวายและยุ่งเหยิงนั่นหรอก มั้ง…
.
.
.
.
.
หลังจากเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ ชีวิตของเฮนริกดำเนินมาเป็นปกติและง่ายดาย เขาเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์โดยถูกคัดสรรให้ไปอยู่ที่บ้านเรเวนคลอ เนื่องจากนิสัยกระตือรือร้นที่อยากจะเรียนรู้ และอยากทำความรู้จักกับเวทมนตร์ของเขา ซึ่งเป็นที่มาของการได้รับไม้กายสิทธิ์ของเขา ซึ่งก็คือ 'ไม้วอลนัทดำ แกนกลางเอ็นหัวใจมังกร ยาว 12 นิ้วครึ่ง'
ในด้านของการเรียนนั้น ในปีที่1 และ ปีที่2 เฮนริกมุ่งความสนใจไปที่วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด แต่ต่อมาในปีที่3 เขากลับถูกดึงดูดจากวิชาการแปลงร่าง ของศาสตราจารย์มักกอลนากัลมากกว่า เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องสมุดเพื่อศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์วิชาการแปลงร่าง และยังรวมไปถึงวิชาอื่นๆด้วย นอกจากนี้เขายังใช้เวลาที่เหลือไปกับการฝึกใช้คาถาต่างๆในห้องต้องประสงค์ ที่เขาค้นพบจากการใช้ความรู้เดิมของชีวิตที่แล้ว และในที่สุดเมื่อเขาอยู่ปีที่5 เขาก็สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งได้ หรือที่เรียกกันว่า 'อนิเมจัส'
เขาจบการศึกษาที่ฮอกวอตส์ด้วยคะแนนที่สูงที่สุด O (ด ดีเยี่ยม)ในทุกวิชา โดยที่ถ้ามีจะยกเว้นก็เพียงวิชาการปรุงยาที่เขาได้เพียงเกรด A หรือก็คือ (พ พอรับได้)ในทุกๆปี แต่ไม่ใช่ว่าเพียงเพราะว่าเขาปรุงยาแย่ แต่มันอาจจะเป็นเพราะเฮนริก มักจะทำตัวกวนบาทาของสเนปบ่อยเกินไปก็เท่านั้น แต่ให้ทำไงได้ในเมื่อนิสัยของพวกเขามันเข้ากันไม่ได้เอาเสียเลย
หลังจากเฮนริกเรียนจบเขาก็กลับมาที่บ้านเขียนหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์การแปลงร่างอยู่สองสามเล่ม ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในโลกเวทมนตร์และต่อมาเขาก็ขอแยกออกมาอยู่คนเดียวที่บ้านหลังหนึ่งที่ถนนทาวน์เซนด์ ลอนดอน ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยลองคุยกับครอบครัวเรื่องที่จะย้ายไปเมืองอื่น แต่เขากลับไม่ได้รับการตอบรับ เฮนริกเลยทำอะไรไม่ได้มาก
ในปีต่อมาพ่อกับแม่มาเยี่ยมเขาที่บ้านเนื่องในโอกาสฉลองวันเกิดปีที่ 20 ของเฮนริก พ่อของเขาก็ได้มาหาเขาพร้อมกับจดหมายพินัยกรรมฉบับหนึ่ง และได้บอกความจริงกับเฮนริกว่าเขาเป็นหลานชายของ 'เอ็ดเวิร์ด มอร์แกน'
'เอ็ดเวิร์ด มอร์แกน' เป็นพ่อมดตระกูลสายเลือดบริสุทธิ์ตระกูลหนึ่ง และยังเป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านของศาสตร์การแปลงร่าง และยังรวมไปถึงตำราหนังสืออีกหลายเล่มเกี่ยวกับศาสตร์นี้ที่เขียนโดย เอ็ดเวิร์ด มอร์แกน ซึ่งเฮนริกได้มีโอกาสพูดคุยและได้รับคำแนะนำในหลายๆเรื่องจากคนคนนี้ตอนที่เดินทางมาเยี่ยมเยียนฮอกวอตส์ในขณะที่เขายังเรียนอยู่ และถึงแม้ว่าเฮนริกจะไม่รู้ว่าเอ็ดเวิร์ด คือปู่ของเขา แต่เขาก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความสนิทใกล้ชิด และความผูกพันบางอย่างที่เขาได้รับจากเอ็ดเวิร์ด แต่อย่างไรก็ตามในตอนที่เฮนริกอายุครบ 20 ปีนี้นั้น เอ็ดเวิร์ด มอร์แกนก็ได้เสียชีวิตลงไปแล้วเป็นเวลา 2 ปี สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก
'เอเดรียน' พ่อของเฮนริกได้เล่าว่า ตัวของเขาเองนั้นได้มีปัญหากับปู่ของเฮนริกเมื่อนานมาแล้ว และได้ออกจากตระกูลมาใช้ชีวิตอยู่ที่โลกมักเกิ้ลในปีที่เฮนริกอายุได้ 1 ขวบ แต่เพื่อแลกกับอิสระนั้น ก็ได้มีข้อตกลงกันว่าหากเฮนริกอายุครบ 20 ปีจะต้องบอกความจริง และให้เขาได้เลือกว่าจะรับมรดกของตระกูลมอร์แกนหรือไม่ และเงื่อนไขในพินัยกรรมนี้ก็คือหากเฮนริกเลือกรับมรดก เขาจะต้องกลับมาที่ฮอกวอตส์ในฐานะศาสตราจารย์ แต่หากไม่! เขาก็ไม่ต้องทำอะไรเลย และในตอนนี้เองเฮนริกก็คิดไม่ตกเป็นอย่างมาก แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจ
การตัดสินใจของเฮนริกนั้นไม่ใช่เพราะเขาหวังในทรัพย์สมบัติ แต่เป็นเพราะความผูกพันที่เขามีต่อปู่ เขาไม่อยากทิ้งมันไปอย่างนี้ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้เขาต้องไปพัวพันกับเนื้อเรื่องเดิมก็ตาม แต่เขาก็จะพยายามหลีกเลี่ยงมันให้ดีที่สุด แต่หากเลี่ยงไม่ได้เขาก็จะหาทางป้องกันให้ดีที่สุดเช่นกัน
ก็อก ก็อก ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปลุกเฮนริกให้ตื่นจากภวังค์ เป็นสัญญาณของการบ่งบอกว่ามีใครคนหนึ่งมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว เฮนริกที่เห็นดังนั้นจึงไม่รอช้ารีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าที่มีรอยยับให้เข้าที่เข้าทางและเดินไปเปิดประตู
"สวัสดีครับ ศาสตราจารย์" เฮนริกเอ่ยทักทายขึ้นอย่างสุภาพ
"สวัสดีเช่นกัน คุณไรลีย์" หญิงสูงอายุคนหนึ่งกล่าวตอบกลับมา ใบหน้าของเธอประทับด้วยริ้วรอยแห่งวัย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าริ้วรอยพวกนี้ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของเธอแย่ลงเลย ดวงตายังคงเปี่ยมไปด้วยความเฉียบคมและแน่วแน่ และแน่นอนว่าไม่ใช่ใครเลยผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูคือ ศาสตราจารย์มักกอลนากัล รองอาจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์ในปัจจุบัน เธอสวมชุดคลุมยาวสีเขียวเข้ม และหมวกทรงแหลมที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว
"เชิญเข้ามาด้านในก่อนครับ" เฮนริกกล่าวเชิญศาสตราจารย์มักกอลนากัลเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับโบกไม้กายสิทธิ์เล็กน้อยเพื่อให้มันนำชามาเสิร์ฟให้
"คุณไรลีย์ คุณคงได้รับจดหมายตอบกลับ..."
"ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ครับศาสตราจารย์ เรียกผมเหมือนที่เคยเรียกเถอะครับ"
"โอ้ ได้สิ งั้น เฮนริก เธอคงได้รับจดหมายตอบกลับแล้วใช่ไหม" มักกอลนากัลตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
"ใช่ครับ จดหมายปฏิเสธสินะครับ" เฮนริกพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม แต่ภายในดวงตากลับดูเศร้าศร้อย
"ฉันเสียใจด้วยเรื่องจดหมายนะ แต่ฉันไม่สามารถตอบรับการสมัครงานของเธอในตำแหน่งนั้นได้เลยจริงๆ" มักกอลนากัลพูดต่อ
เฮนริกที่ได้ฟังดังนั้นก็ทำได้เพียงพยักหน้ายิ้มรับอย่างทำใจ
"ไม่ใช่เพราะว่าฉันไม่เชื่อมั่นหรือกังขาในความสามารถของเธอหรอกนะ แต่ว่าก่อนที่เธอจะได้ส่งใบสมัครมา ศาสตราจารย์ดับเบิลดอร์ ก็ได้รับศาสตราจารย์ควีเรลเข้ามาในตำแหน่งนั้นแล้ว"
"แล้วก็ขอโทษด้วยนะเฮนริก ที่ฉันไม่เคยบอกเธอเลยเรื่องปู่ของเธอ" มักกอลนากัลพูดต่อ
"ไม่เป็นไรครับศาสตราจารย์" เฮนริกพูด
"ส่วนเรื่องเงื่อนไขในพินัยกรรมของปู่เธอ..."
"ผมจะพยายามหาทางต่อไปครับศาสตราจารย์ ผมจะไม่ยอมแพ้ และจะไม่ทิ้งเรื่องของเขาไว้ข้างหลังแน่นอนครับ"
"เธอนี่ช่างเหมือนกับเอ็ดเวิร์ดจริงๆ" มักกอลนากัลพูดขึ้นอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่ยังอบอุ่นเหมือนเดิม
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้พูดคุยถึงเรื่องต่างๆอยู่่ได้สักพักใหญ่ มักกอลนากัลก็พูดขึ้นมา
"เอาล่ะ ใกล้ได้เวลาต้องกลับแล้วล่ะ…"
"แต่ก่อนจะกลับฉันมีเรื่องที่อยากถามเธอเกี่ยวกับใบสมัครของเธออีกสักหน่อยน่ะ" มักกอลนากัลพูดพลางเหลือบมองนาฬิกา
"ถามอะไรเหรอครับ"
"ทำไมเธอถึงเลือกสมัครตำแหน่งศาสตราจารย์สอนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด แทนที่จะเป็นวิชาการแปลงร่างล่ะ"
"นั่นก็เพราะ...คุณ..."
"ฉันสอนอยู่? ใช่มั้ยล่ะ" มักกอลนากัลพูดขึ้นอย่างรู้ทัน
"เธอนี่เป็นเด็กดีจริงๆ… มันก็จริงที่ว่าฉันสอนอยู่" มักกอลนากัลพูดขณะที่ค่อยๆยืนขึ้น เธอเดินไปรอบๆแล้วพูดต่อ
"แต่ว่านะเฮนริก ฉันน่ะมีตำแหน่งเป็นถึงรองอาจารย์ใหญ่ ซึ่งตำแหน่งนี้มันก็ทำให้ฉันงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาว่างเลย แล้วไหนจะต้องดูแลบ้านกริฟฟินดอร์ ไหนจะเรื่องควิชดิชอีก แทบไม่มีเวลาให้ฉันได้พักผ่อนเลย"
"งั้นคุณก็อย่าแย่งงานเขามาทำมากสิครับ ปล่อยให้เขาทำเองบ้างสิ อาจารย์ใหญ่น่ะ" เฮนริกพูด
มักกอนนากัลเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและยิ้มขำ ๆ
"เฮนริก เธอพูดเหมือนฉันจะไปยุ่งกับงานของอาจารย์ใหญ่มากมายเลยนะ ฉันเพียงแค่ช่วยดูแลในส่วนที่จำเป็นเท่านั้นเอง"
“แต่บางทีคุณก็ทำเกินไปนะครับ” เฮนริกตอบกลับพร้อมกับส่ายหน้า
“คุณทำทุกอย่างเองหมด จนเขาแทบไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
"ฮ่าฮ่า ฉันเข้าใจนะว่าเธอไม่ค่อยพอใจเขา แต่อัลบัสเองเขาก็มีงานยุ่งไม่แพ้กันหรอกนะเฮนริก"
เฮนริกไม่พูดอะไรต่อ เขาทำเพียงยังไหล่และกรอกตาเบาๆ
"เอาล่ะ ฉันว่าได้เวลากลับแล้วล่ะ" มักกอลนากัลพูด
เมื่อเห็นดังนั้น เฮนริกก็ลุกขึ้นเดินตามไปส่งเธอที่ประตู
"ไว้พบกันใหม่นะเฮนริก"
"ไว้พบกันใหม่ครับศาสตราจารย์"
เมื่อเห็นศาสตราจารย์หันหลังกลับไป เฮนริกก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าผิดหวังและท้อแท้ออกมา
หลังจากล่ำลากันเสร็จสิ้น ศาสตราจารย์มักกอลนากัลก็เตรียมที่จะจากไป แต่ทันใดนั้นเธอกลับหยุดเดิน
"โอ้ เมอร์ลิน ฉันเกือบลืมไปเลยว่าฉันมีของมาให้เธอด้วยเฮนริก" มักกอลนากัลพูดจบก็หันกลับมาพร้อมกับซองจดหมายในมือ เธอส่งซองจดหมายให้เฮนริก
"นี่จดหมายอะไรหรือครับ" เฮนริกขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
"ลองเปิดดูสิ" มักกอลนากัลพูดพลางส่งยิ้มให้
เมื่อเห็นดังนั้นเฮนริกก็รีบเปิดซองจดหมาย แล้วอ่านข้อความข้างใน
และเมื่อเห็นข้อความที่อยู่ข้างใน ดวงตาของเฮนริกก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
"นี่มัน!"
ความคิดเห็น