ตอนที่ 12 : 11
ตอนนี้พวกเรากำลังนั่งรถม้าอยู่บนทางที่จะไปยังเมืองต่อไป จริงๆถ้าพวกเราเร่งความเร็วของรถเราสามารถไปยังเมืองต่อไปภายในหนึ่งวัน แต่เนื่องจากพวกเราไม่ได้รีบร้อนรวมถึงชั้นก็ยังอยากซึมซาบบรรยากาศตามทาง ทำให้พวกเราไม่ได้รีบเดินทาง พวกเรากะว่าจะใช้เวลาประมาณสามสี่วันจึงจะเดินทางไปถึงเมืองต่อไป ตอนนี้พวกเราสามคนกำลังนอนอยู่เตียงนอนในห้องนอนของชั้นที่อยู่บนชั้นสองของรถม้า รถม้าคันนี้ออกแบบมาให้หลังคาสามารถเปิดได้แต่ก็มีกระจกกั้นอยู่กระจกเป็นกระจกด้านเดียวที่ข้างในสามารถมองเห็นข้างนอกได้ แต่ข้างนอกไม่สามารถมองเห็นข้างในได้ แอนริต้าบอกว่ากระจกชนิดนี้เป็นกระจกที่สั่งทำมาเป็นพิเศษ ตัวกระจกสามารถทนการโจมตีของสัตว์อสูรแรงค์เอสได้ ยิ่งได้ฟังแอนริต้าเล่าถึงวัสดุที่ใช้สร้างรถม้าคันนี้ ชั้นยิ่งรู้สึกทึ่งกับความทุ่มเทในการผลาญเงินท่านพ่อของเธอจริงๆ
“คืนนี้พระจันทร์สวยจังนะคะพี่เบลล่า”
“ใช่จ๊ะ ดาวก็มองเห็นเต็มท้องฟ้าเลยนะ”
“ตอนอยู่ที่บ้านพวกเราไม่ทีโอกาสทำอย่างนี้กันเลยนะคะ”
“เป็นธรรมดาถ้าอยู่บ้านพวกเราก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ แถมพวกเรายังยุ่งกันจะตายจะมีเวลามาทำอย่างนี้ได้ยังไง”
“ว่าแต่ตอนเรานอนเราต้องจัดเวรยามกันมั้ยจ๊ะริต้า”
“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่เบลล่า นอกจากระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแล้ว รถคันนี้ยังมีระบบป้องกันอัตโนมัติด้วย ถ้ามีใครหรืออะไรโจมตีใส่รถ มันจะทำการโจมตีกลับแบบอัตโนมัติเลยนะคะ แถมมันยังสามารถเก็บของมีค่าหลังจากจัดการกับศัตรูได้อีกด้วย “
โห นี่มันโคตรจะไฮเทคเลยไม่ใช่เหรอ สมเป็นนิยายจริงๆที่อะไรก็เกิดขึ้นได้นี่ถ้ารถนี่บินได้ด้วยชั้นจะไม่แปลกใจเลย ชั้นคิดในใจหลังจากแอนริต้าพูดจบ
“ริต้า น้องคงไม่บอกพี่ว่ารถคันนี้บินได้ด้วยนะ”
“แหม มันจะเป็นไปได้ยังไงคะพี่เบลล่า จริงๆตอนแรกน้องตั้งใจจะให้เขาติดตั้งระบบบินให้ด้วย แต่พอดีงบที่ท่านพ่อตั้งให้หมดซะก่อนน่ะค่ะ”
“อ๋อ”ชั้นพยักหน้าพลางคิดในใจ ถ้างบไม่หมดซะก่อนเธอคงทำให้มันบินได้ด้วยสินะ
“ว่าแต่ระบบของรถคันนี้ดีจริงๆนะเนี่ยทั้งๆที่รถวิ่งอยู่แต่พี่รู้สึกเหมือนมันอยู่เฉยๆเลยนะ”
“เพราะว่าน้องให้เขาติดตั้งระบบปรับสภาพภายในรถให้เหมือนกับอยู่บ้านน่ะค่ะ”
“ริต้า น้องนี่รอบคอบจริงๆเลยนะ”
“ฮ้าว”
“ริต้า น้องง่วงแล้วเหรองั้นน้องควรนอนได้แล้วนะ”
“งั้นคืนนี้น้องขอนอนกับท่านพี่นะคะ”
ชั้นหันไปมองเธอที่เอาหัวมาซบไหล่ชั้นแล้วทำหน้าออดอ้อน
“ได้สิจ๊ะ”
“งั้นดิฉันคงต้องขอตัวกลับห้อง”
“อ๊ะ พี่แอนพูดผิดอีกแล้วนะคะ”
แอนหันมายิ้มให้ชั้น
“งั้นพี่คงต้องกลับห้องตัวเองก่อนล่ะ”
หลังจากที่แอนกลับห้องไปชั้นก็ปิดหลังคาและนอนหลับโดยมีแอนริต้า นอนอยู่ข้างๆ ตอนเช้าหลังจากพวกชั้นตื่นและทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยพวกเราก็ลงมาทานข้าวเช้ากัน อาหารเช้าวันนี้เป็นอาหารง่ายๆ นั่นคือข้าวต้มเนื้ออ็อค
“เนื้ออ็อคนี่มันอร่อยดีจริงๆนะ รสชาติคล้ายเนื้อหมูแต่รสชาติดีกว่าเนื้อหมูเยอะเลย”ชั้นออกปากชมข้าวต้มเนื้ออ็อค
“ถ้าเบลล่าชอบไว้พี่จะแวะเข้าไปในป่าไปล่าพวกอ็อคมาเตรียมไว้ดีมั้ย”
“ใช่ เขาบอกว่าเนื้อมิโนทอร์นี่ก็รสชาติคล้ายเนื้อวัวแต่อร่อยกว่าเนื้อวัวอีก พี่แอนอย่าลืมล่ามันมาด้วยนะคะ”แอนริต้าหันมากำชับแอน
แอนหันมายิ้มให้พวกเราทั้งคู่
“ถ้าพวกเจ้าอยากลองทานล่ะก็ไว้พี่จะล่ามาฝากนะ”จากนั้นพวกเราก็ทานกันไปคุยกันไปจนข้าวต้มหมดหม้อ
ขณะที่พวกเรากำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขกอยู่นั้นก็มีสัญญาณเตือนดังขึ้นพอแอนริต้าได้ยินจึงเข้าไปที่ห้องบังคับรถ ผ่านไปสักพักเธอก็เดินออกมา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอริต้า“ชั้นหันไปถามเธอ
“อีกประมาณครึ่งกิโลมีต้นไม้ล้มขวางถนนอยู่ค่ะ หนูใช้เครื่องสำรวจตรวจสอบดูแล้วพบว่ามีคนซ่อนอยู่รอบๆประมาณ20คน”
“คนพวกนั้นอาจจะเป็นโจรก็ได้ เดี๋ยวพี่จะออกไปดูเอง”เสียงแอนพูดขึ้น
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะว่าพวกนั้นเป็นโจรหรือเปล่า”
“ไม่ต้องห่วง บัตรนักผจญภัยนี่สามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมได้ถ้าพวกนั้นเป็นโจรบัตรนี้จะแสดงประวัติให้เรารู้ แถมพอเราจัดการพวกนั้นแล้วเรายังสามารถใช้บัตรนี่แสกนพวกนั้นเพื่อรับรางวัลจากกิลด์ได้อีกด้วยนะ”
“งั้นพี่แอนระวังตัวนะคะ”
จากนั้นแอนก็ออกจากรถและมุ่งหน้าไปยังถนนที่ต้นไม้ล้มอยู่
“ริต้าพี่อยากเห็นภาพพี่แอนรถคันนี้สามารถฉายภาพให้ดูได้มั้ย”
“ได้สิคะ แต่เราต้องเคลื่อนที่ไปให้อยู่ใกล้กว่านี้หน่อย”
“ถ้าเราเคลื่อนที่ไปพวกนั้นจะไม่รู้เหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวน้องจะเปิดโหมดซ่อนตัวแล้วค่อยๆเคลื่อนเข้าไป”
จากการอธิบายของแอนริต้าโหมดซ่อนตัวก็คือการใช้การหักเหของแสง ทำให้รถดูกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นตัวรถบวกกับการเคลื่อนไหวโดยไร้เสียงทำให้รถคันนี้มีสภาพเหมือนรถล่องหน เมื่อเราเข้าไปใกล้ในระยะห้าสิบเมตร ในห้องบังคับการก็ฉายภาพแอนและพวกโจรที่ซุ่มอยู่ออกมา พวกเราเห็นแอนยกบัตรนักผจญภัยขึ้นมาดูแล้วหันไปมองพวกนั้นพร้อมกับผงกศรีษะ
“ดูท่าพวกนั้นจะเป็นโจรจริงๆนะคะ”
“นั่นสิ ดูสิแอนเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”พวกเราเห็นแอนชักมีดสั้นออกมาแล้วพุ่งเข้าไปข้างหลังโจรคนหนึ่งแล้วเอามีดเชือดคอโจรคนนั้นทิ้ง
พวกชั้นเห็นภาพที่คนโดนเชือดคอตายต่อหน้าต่างพากันหน้าซีดด้วยความตกใจ
“พี่เบลล่าไม่เป็นไรนะคะ”แอนริต้าที่หน้าซีดไม่แพ้กันหันมาถามชั้น
“พี่ไม่เป็นไรจ๊ะ ต่อไปพวกเรายังต้องเจอภาพอย่างนี้อีก พวกเราควรรีบสร้างความคุ้นเคยไว้นะจ๊ะ”ชั้นเอื้อมมือไปจับมือของเธอไว้แล้วหันไปดูภาพหน้าจอต่อ หลังจากที่แอนจัดการโจรไปหลายคนดูเหมือนพวกนั้นจะรู้ตัวแล้ว ทำให้พวกนั้นออกมาจากที่ซ่อนและหันมาล้อมแอนไว้ เราสองคนเห็นว่าทั้งสองฝ่ายพูดอะไรกันสักพัก แอนก็ชักดาบออกมา จากนั้นพวกโจรก็เข้าจู่โจมใส่แอน ชั้นเห็นแอนใช้ดาบด้วยมือขวา และร่ายเวทย์ด้วยมือซ้ายโจมตีใส่พวกโจร แอนเริ่มสังหารโจรทิ้งไปทีละคน พวกโจรเมื่อเห็นพวกเดียวกันตายลงก็เริ่มโหมโจมตีแอนรุนแรงขึ้น แต่ด้วยความห่างชั้นของฝีมือทำให้พวกนั้นล้มลงทีละคนๆ จนเหลือโจรอีกสองสามคนที่พากันวิ่งหนี ชั้นเห็นแอนพุ่งตามโจรคนหนึ่งที่พุ่งเข้าไปในป่า ส่วนโจรอีกสองคนนั้นพุ่งมาทางรถที่พวกเราจอดอยู่
“อ๊ะ พวกโจรพุ่งมาทางนี้แล้ว ริต้าน้องหยุดพวกนั้นได้มั้ย”
“ได้ค่ะ”จากนั้นชั้นเห็นเธอเอามือสัมผัสกับลูกกลมที่ใช้บังคับรถ จากนั้นโจรที่หนีมาทางรถของเราก็โดนสายฟ้าสองสายที่ออกมาจากรถพุ่งเข้าใส่จนล้งไป
“สองคนนั้นตายมั้ยริต้า”
“ไม่ตายหรอกค่ะแค่สลบเท่านั้น”จากนั้นเราสองคนก็ลงจากรถเพื่อจะเข้าไปดูโจรทั้งคู่ ตอนที่พวกเราลงจากรถพอดีกับที่แอนกลับมาพอดี เมื่อแอนเห็นโจรทั้งสองคนนั้นก็เข้าไปตรวจดู เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังไม่ตายแอนก็ยกดาบเชือดคอทั้งสองทันที
“เดี๋ยวแอน”ชั้นพยายามร้องห้ามเธอแต่ไม่ทัน เธอได้จัดการทั้งสองคนนั้นไปแล้ว จากนั้นแอนก็ยกบัตรนักผจญภัยทำการสแกนไปที่ใบหน้าของพวกโจร พอเสร็จแล้วเธอก็ลากศพพวกนั้นมารวมกันแล้วร่ายเวทย์เผาร่างพวกนั้นจนหมด หลังจากที่เคลียเส้นทางเรียบร้อยพวกเราก็ขึ้นรถแล้วออกเดินทางต่อ แอนหันมามองหน้าชั้นที่มีสีหน้าไม่พอใจ และแอนริต้าที่ทำสีหน้านิ่ง
“ทั้งสองคนคงไม่พอใจที่ทำไมพี่ถึงฆ่าพวกโจรที่ไม่มีทางสู้สินะ”เมื่อเห็นเราสองคนยังนิ่งอยู่แอนก็อธิบายต่อ
“เหตุผลข้อแรก พวกเราคงไม่คิดจะพาพวกนั้นขึ้นรถของพวกเราและพาไปส่งที่เมืองนะ”พอชั้นคิดตามคำพูดของแอนมันก็จริงมันเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะพาพวกนั้นไปส่งที่เมืองถัดไป
“เหตุผลข้อที่สอง ที่พี่ต้องจัดการพวกนั้นทั้งหมด เพราะว่าเจ้าพวกโจรกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่โหดเหี้ยมมาก ถูกขึ้นบัญชีดำว่าถ้าใครพบให้ฆ่าทิ้งได้เลย เพราะแต่ละครั้งที่ออกปล้น เจ้าพวกนี้ทันฆ่าเจ้าทรัพย์ทิ้งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ ผู้หญิง หรือเด็ก เจ้าพวกนี้ไม่เคยปล่อยให้ใครรอดชีวิต คนโหดเหี้ยมอย่างนี้ตายไปคนนึงก็ลดคนชั่วไปคนนึง”
พอฟังคำพูดของแอน ก็ทำให้ชั้นคิดได้ว่า ที่นี่คือโลกใหม่ไม่ใช่โลกเดิม คนทำผิดร้ายแรงไม่จำเป็นต้องโดนจับไปขึ้นศาล และบางทีถ้าพวกเราใจอ่อน เราอาจจะเป็นคนที่ตายซะเอง
“พวกเราเข้าใจแล้วค่ะ พี่แอน”
แอนส่งยิ้มให้เราสองคน
“ถ้าหายโกรธแล้วพวกเราก็ออกเดินทางกันต่อเถอะ”จากนั้นรถม้าของเราก็ออกเดินทางไปยังเมืองต่อไป
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
