ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Raid of Drachen

    ลำดับตอนที่ #42 : Ep.2 Chapter 6 - ตกผลึก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 319
      32
      21 ต.ค. 62

    Chapter 6

    Crystalize

    ตกผลึก

     

     

    “อย่าส่งเสียงเด็ดขาด” ดอรันกล่าวเบาๆกับทุกคนซึ่งถึงแม้ไม่ต้องบอกยังพวกเขาก็ไม่คิดจะส่งเสียงอยู่แล้ว

    ด้านหน้าของพวกเขาคือถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งมีทางเข้าอยู่ข้างทะเลสาบแห่งนี้ซึ่งจากที่ดูแล้วดูเหมือนถ้ำแห่งนี้นั้นจะเป็นเหมือนโพลงขนาดใหญ่ที่ลึกลงไปด้านล่างเสียมากกว่า

     “ตัวที่ใหญ่ที่สุด...ขนาดราวสิบเจ็ด ไม่สิ สิบแปดเมตรได้ ตึงมือเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย” เมสกล่าวหลังจากมองลงไปข้างล่างแม้ขนาดจะไม่ต่างกันมากแต่ก็มีมังกรอยู่ตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่และดูทรงพลังกว่ามังกรตัวอื่นๆในระดับที่สังเกตเห็นได้

    “ท่าทางจะเป็นหัวหน้าของพวกนี้ล่ะนะ” ฮาร์ทให้ความเห็น

    “ผมจะรับมือกับเจ้าตัวนั้นเอง” ดอรันกล่าวสั้นๆ

    “จะดีเหรอ ถึงจะเป็นนายแต่ถ้ารับมือคนเดียว...” เมสถามอย่างกังวลแต่ดอรันกับส่ายหน้าช้าๆ

    “ไม่มีปัญหาหรอกครับ ผมรับมือได้แน่” ดอรันบอกก่อนจะกล่าวต่อ “จากที่เห็นตรงนี้ดูเหมือนมังกรพวกนี้จะมาจากหลายๆที่เพราะงั้นจึงเจาะจงประเภทชัดเจนไม่ค่อยได้...แต่ว่านะเท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นมังกรไฟล่ะนะ”

    “ก็สมเป็นพวกภาคีดี” เมสตอบเพราะยังไงชื่อเต็มขององค์อันตรายที่ว่านี่ก็คือภาคีเพลิงแดงการที่มังกรส่วนใหญ่จะเป็นมังกรไฟก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

    “แต่ว่าน่าแปลกอยู่นะครับ” นักรบคนนึงในทีมของเมสพูดขึ้นซึ่งทุกคนก็หันไปฟังอย่างไม่คิดจะว่าอะไร ดวงตาของเขามองไปยังเหล่ามังกรด้านหลังซึ่งกำลังนอนเท้าคางพร้อมกับดวงตาที่ปิดใกล้ “พวกมันมารวมตัวกันที่นี่เพื่ออะไรกันแน่ เท่าที่ผมเห็นพวกนี้เหมือนแค่มาตั้งแคมป์พักกันอยู่เฉยๆเท่านั้นเอง”

    “ที่พูดมามันก็ถูก...แต่ว่าถึงพวกมันจะคิดอะไรอยู่ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีทางคิดออกหรอก ที่สำคัญเจ้าพวกนี้เป็นอาชญากรไม่ว่าตอนนี้มันจะมีเจตนาทำเรื่องร้ายหรือไม่อย่างไรพวกเราก็ต้องกำจัดพวกมันอยู่ดี ใช่มั้ยล่ะดอรัน” เมสหันหน้าไปยังดอรันซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มเล็กๆเป็นการตอบ

    “พวกเรานอกจากผมมีเก้าคน ส่วนฝั่งนั้นนอกจากเจ้าตัวใหญ่ที่ผมจะรับมือแล้วก็มีสิบสองตัว” ดอรันทำท่าทางครุ่นคิดชั่วครู่ “งั้นเอาเป็นห้าต่อเจ็ดก็น่าจะดี...ทีมทิศเหนือจะรับผิดชอบเจ็ดตัว ส่วนทีมทิศใต้นอกจากผมจะรับมือห้าตัวที่เหลือแบบนี้คิดว่าไงครับ”

    “ทางฉันไม่มีปัญหาหรอก แต่จะดีเหรอทางฝั่งนายมีแค่สามคนจะให้รับมือมังกรห้าตัวมันก็ยากเอาการอยู่นะ” เมสพูดจบก็หันไปมองสมาชิกทีมทิศใต้โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่ง “ที่สำคัญทีมนายยังมีเจ้าเด็กใหม่ที่ประสบการณ์น้อยอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้ายังไงส่งทีมฉันไปช่วยอีกซักคนมั้ย”

    “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ถึงจะฟังดูอวดดียังไงก็เถอะแต่ผมค่อนข้างมั่นใจในฝีมือของคนในทีมผมอยู่เหมือนและที่สำคัญถึงเจ้าหนูจะยังอ่อนประสบการณ์แต่เขาก็เป็นนักรบของสแตนฟอร์ดนะครับ เรื่องรับมือกับมังกรไฟน่ะของถนัดของเขาอยู่แล้ว”

    “ดอรันถึงยังไงก็เถอะ...” ฮาร์ทกำลังจะพูดแย้งขึ้นมา ตัวเขาเองนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรสำหรับเรื่องนี้แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังกังวลเรื่องของเลสเตอร์อยู่ดี

    “งั้นถ้ายังไงให้เจ้าตัวตัดสินใจเองดีกว่ามั้ยครับ” ดอรันหันหน้าไปหาเลสเตอร์พร้อมกับเลิกคิ้ว เด็กหนุ่มที่เห็นแบบนั้นเองก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วหันหน้าลงไปมองกลุ่มมังกรที่ดอรันหวังจะมอบหมายหน้าที่ให้

    “ถ้าคุณดอรันอยากให้ผมทำ ผมก็จะทำเต็มที่นั่นแหละครับ” เลสเตอร์ตอบกลับไปแบบนั้นซึ่งดอรันก็ยักไหล่เบาๆจนทุกคนตัดสินใจไม่ท้วงแย้งอะไรอีก

    “งั้นก็ตกลงตามนี้ ทางทีมของฉันจะแยกกลุ่มของพวกมังกรให้ก่อน ที่เหลือหลังจากนั้นทีมพวกนายก็จัดการกันเองก็แล้วกัน” เมสบอกพร้อมกับหันไปมองลูกน้องในทีมที่เหลือซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันพยักหน้ารับคำสั่งแต่โดยดี

    “ฝากด้วยครับ ถ้าทีมไหนจัดการเสร็จแล้วก็ขอให้มาช่วยเหลืออีกทีมทันทีนะครับ” ดอรันพูดปิดท้าย ในตอนนั้นทุกๆคนก็เข้าใจพร้อมกันในทันที

    การโจมตีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

    “เจ้าหนู พร้อมแล้วใช่รึเปล่า” ฮาร์ทหันมาถามเลสเตอร์ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มรับเบาๆ การที่ฮาร์ทเป็นห่วงเขาบ่อยๆมันเริ่มทำให้เขารู้สึกขอบคุณชายคนนี้ขึ้นมานิดหน่อย

    “ถึงไม่พร้อมก็ต้องพร้อมนั่นแหละครับ” เลสเตอร์ตอบไปแบบนั้น

    “ตอบได้ดี” ฮาร์ทแค่นเสียงประชดแต่มันก็เป็นอย่างที่เด็กหนุ่มว่าจริงๆนั่นแหละ

    “เตรียมตัวให้พร้อมทุกคน...เราจะเริ่มจู่โจมกันในอีก...” ดอรันพูดขึ้นในขณะที่นักรบทุกคนมายืนพร้อมกันอยู่ที่ปากหลุมด้านหน้าและในที่สุดดอรันก็เริ่มนับถอนหลัง “สาม...สอง...หนึ่ง...”

    “โจมตี!

    สิ้นเสียงนั้นนักรบทุกคนก็กระโดดลงไปในปากหลุม เหล่ามังกรทั้งหลายที่เหมือนจะได้ยินเสียงแปลกปลอมซึ่งดังขึ้นมาก็ถูกปลุกจากการใกล้แล้วหันหน้าขึ้นมายังต้นเสียงทันที

    “พวกนักรบ!” มังกรตัวหนึ่งส่งเสียงดังลั่นเพียงพริบตาเดียวพวกมันของพวกมันก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับสีหน้ากราดเกรี้ยว

    “นักรบทุกคน ภารกิจคือกำจัดเหล่าภาคีเพลิงแดงในที่นี้ให้สิ้น! ขอให้ทุกคนโชคดี” ดอรันตะโกนบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลงจอดที่ใกล้มังกรตัวใหญ่สุดในที่นี้

    ดอรันกระชากสร้อยคอรูปไม้กางเขนที่แขวนอยู่คอเสื้อออกแลวโยนขึ้นไปข้างตัวไม่นานมันก็เปลี่ยนเป็นดาบเล่มใหญ่เล่มหนึ่ง ดอรันคว้ามันมาอย่างคล่องมือแล้วชี้มันไปยังเป้าหมาย

    “อาวุธกัลลิเวอร์” คือชื่อของอาวุธประหลาดที่สามารถเปลี่ยนขนาดของตัวเองได้ มันถูกตีขึ้นมาโดยนักตีดาบแห่งตระกูลกัลลิเวอร์ซึ่งเป็นตระกูลนักตีดาบชื่อดังโดยกล่าวกันว่าอาวุธชนิดนี้นั้นจะถูกหลอมด้วยพลาน่าหายากชนิดหนึ่งซึ่งใช่ว่าร่างกายของคนในตระกูลนี้ทุกคนจะสามารถรองรับพลาน่านี้ได้และตระกูลกัลลิเวอร์จะสร้างอาวุธชิ้นนี้ให้กับนักรบที่ถูกเลือกโดยหัวหน้าตระกูลเท่านั้นเพราะงั้นบางทีในก็จะมีช่วงหลายช่วงในประวัติศาสตร์ที่อาวุธชนิดนี้ไม่ถูกสร้างออกมาเลยซักชิ้น ด้วยความหายากของมัน นักรบส่วนใหญ่ที่ถือครองมันมักจะได้รับอาวุธชนิดนี้จากตระกูลชื่อดังซึ่งดอรันเองก็เหมือนกัน เขาได้รับอาวุธชนิดนี้มาจากตระกูลที่เขาสังกัดอยู่

    “เบริล” คือชื่อของดาบเล่มนี้ มันเป็นดาบสีขาวสว่างใสที่ขอบใบดาบเป็นเหล็กสีเขียวพร้อมกับลวดลายสวยงาม

    ดอรันถือดาบเล่มใหญ่คู่ใจของเขาไว้ด้วยมือสองข้าง ด้านหน้าของเขาคือมังกรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในถ้ำแห่งนี้ ชายหนุ่มมองไปรอบๆก็พบว่าด้านข้างของเขาในตอนนี้นั้นไม่มีมังกรตัวอื่นๆอยู่เลยเห็นแบบนั้นเขาก็ได้แต่แอบยิ้มอย่างพอใจที่นักรบคนอื่นๆล่อความสนใจของมังกรตัวอื่นได้อย่างยอดเยี่ยม

    “พวกแกมาทำอะไรที่นี่ พวกนักรบ” มังกรขนาดสิบแปดเมตรข้างหน้าเขากล่าวซึ่งดอรันก็ยิ้มรับก่อนจะชี้ดาบไปยังเป้าหมาย

    “มาสับพวกแกเป็นชิ้นไงล่ะ” ดอรันตอบแบบนั้นเรียกรอยยิ้มจากเจ้ามังกรตัวโตได้เป็นอย่างดี มันหันซ้ายหันขวาไปรอบๆตัวเพื่อประเมินสถานการณ์โดยรอบ

    “อวดดีเหลือเกินนะ เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าสู้ตัวต่อตัวกับข้าได้” เจ้ามังกรพูดหลังจากเห็นสภาพรอบๆตัวของมัน

    “ได้สิ” ดอรันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันการต่อสู้ของนักรบกับมังกรที่เหลือก็เริ่มขึ้นแล้วแต่ชายหนุ่มหาได้ใส่ใจไม่เขารู้ดีว่านักรบคนอื่นจะรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้แน่

    สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้นั้นมีเพียงศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ตรงหน้าเท่านั้น

    นักรบไม่ควรคุยกับเป้าหมายที่ต้องกำจัดนั่นเป็นสิ่งที่นักรบมังกรมืออาชีพทำกัน แต่ดอรันไม่ใช่แบบนั้นเขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ทำตัวสมเป็นมืออาชีพเท่าไหร่นักจึงไม่แปลกใจที่นิสัยขี้เล่นติดตัวของเขาจะยังคงอยู่แม้จะอยู่ในการต่อสู้

    เจ้ามังกรกัดฟันแน่นด้วยความไม่พอใจ มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่ามังกรของภาคี พวกเขาเกลียดชังมนุษย์เสียยิ่งกว่าอะไรเพราะงั้นการที่ดอรันตรงหน้าทำท่าทีเล่นลิ้นอยู่ตรงหน้าจึงเป็นการยั่วโมโหที่ดียิ่งกว่าอะไร

    มังกรขนาดสิบแปดเมตรไม่รอช้า กรงเล็บขนาดใหญ่ของมันพุ่งเข้าใส่นักรบหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่มีการยั้งแรงเป้าหมายทั้งหมดมีเพียงบดขยี้เป้าหมายตรงหน้าเท่านั้น

    เคล้ง!

    เสียงดังกังวานจากโลหะดังขึ้น ดอรันใช้สองมือยกดาบขึ้นรับการโจมตีนั้นจนเจ้ามังกรต้องเบิกตากว้างเพราะการโจมตีของตัวเองนั้นแทบไม่ได้ทำให้ขยับเขยื้อนไปจากที่เดิมเลย

    “อะไรกัน นอกจากใหญ่แต่ตัวแล้วยังเก่งแต่ปากอีกงั้นเหรอเนี่ย” ดอรันกล่าวแบบนั้นก่อนจะใส่พลาน่าพิเศษของตัวเองเข้าไปในดาบ

    ช็อคเวฟ

    บรึ้ม!

    ในตอนนั้นคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ก็ถูกแผ่ออกมาจากดาบของชายหนุ่ม ส่งผลให้ฝ่ามือของเจ้ามังกรถูกผลักกระเด็นออกไป ดอรันไม่รอช้าเขาใช้ช่วงเวลานั้นพุ่งเข้าไปใกล้ลำตัวของเป้าหมายแล้วใช้ใบดาบฟาดเข้าใส่เป้าหมายทันที

    ในตอนที่ใบดาบกระแทกเป้าหมายคลื่นกระแทกแบบเดิมก็กระจายออกมาอีกครั้งส่งผลให้มังกรยักษ์ขนาดเกือบยี่สิบเมตรกระเด็นไปไกล

    “คลื่นกระแทกนั่นพลาน่าของเจ้างั้นเหรอ” เจ้ามังกรที่ถูกผลักไปไกลค่อยๆลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด เจ้าสัตว์ร้ายมองเกล็ดของตัวเองที่แตกละเอียดตรงบริเวณที่ถูกโจมตีอย่างตะลึง

    “ผิวหนาใช้ได้เลยนี่” ดอรันพูดเรียบๆ

    อย่างที่เจ้ามังกรบอก คลื่นกระแทกเมื่อครู่เกิดจากพลาน่าพิเศษของเขาซึ่งมาจากมังกรดินตัวหนึ่งนามว่า คามอล พลาน่าของคามอลนั้นทำให้ดอรันมีความสามารถในการปล่อยคลื่นกระแทกออกจากฝ่ามือของตัวเองได้แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ดอรันทำเมื่อครู่นี้ไม่ใช่แบบนั้น

    สิ่งที่เขาทำเมื่อครู่คือการใส่พลาน่าลงในอาวุธ เทคนิคที่เปลี่ยนให้อาวุธของนักรบมีคุณสมบัติของพลาน่านั้นๆ

    อาวุธของนักรบมังกรนั้นมักจะถูกทำขึ้นจากชิ้นส่วนของมังกรเพราะแบบนั้นทำให้เหล่านักรบมังกรสามารถส่งถ่ายพลาน่าของตัวเองลงไปในอาวุธและให้มันแสดงผลออกมาผ่านอาวุธได้ แม้จะฟังดูเป็นเรื่องง่ายๆแต่การใส่พลาน่าลงอาวุธนั้นเป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยการฝึกฝนบ่อยๆมันไม่ใช่เรื่องที่นักรบจะทำได้โดยง่ายแต่สำหรับนักรบมากประสบการณ์อย่างดอรันนั้น นี่เป็นเรื่องที่เขาทำได้แทบไม่ต่างกับการหายใจเข้าออกแล้ว

    ด้วยความสามารถของดอรันทำให้เบริลเล่มนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับดาบติดระเบิดที่จะบดขยี้เป้าหมายทุกๆการโจมตี

    ในตอนนั้นเองที่สีหน้าของเจ้ามังกรขนาดสิบแปดเปลี่ยนไป มันไม่มองมนุษย์ตรงหน้าด้วยสายตาดูแคลนอีกต่อไปที่มีทั้งหมดมีเพียงแต่ความเกลียดชังเท่านั้น

    มนุษย์คนนี้นั้นอันตราย

    นี่เป็นสิ่งที่สัญชาตญาณของมันได้บอกไว้

     

     

     

     

    ไม่ถึงนาทีก่อนหน้านี้

    เหล่านักรบทุกคนกระโดดลงมาพร้อมกัน เลสเตอร์เองก็เช่นกันเขาจับดาบเล่มใหญ่ของตัวเองพร้อมโรมรันกับศัตรู

    เหล่านักรบแยกกันออกเป็นสามกลุ่มโดยกลุ่มแรกคือ เขา ซีกฟรีด และฮาร์ท กลุ่มที่สองคือนักรบในทีมของเมส ส่วนที่เหลือก็คือดอรันที่รับมือกับมังกรที่เก่งที่สุดในที่นี้

    ฮาร์ทกับซีกฟรีดพุ่งเข้ามามังกรกลุ่มหนึ่งก่อนจะล่อมันไปอีกฟากนึง ในขั้นตอนนี้เลสเตอร์เพียงเกาะกลุ่มอยู่กับทั้งสองคนเท่านั้นเนื่องจากการรับมือกับมังกรเยอะๆยังไม่ใช่อะไรที่เขาชำนาญนัก

    “เจ้าหนู...ฝากระวังหลังให้พวกฉันด้วยล่ะแต่ถ้าเห็นโอกาสดีที่จะโจมตีก็โจมตีได้เลย เข้าใจนะ” ฮาร์ทหันมาสั่งการ

    “ครับ” เลสเตอร์ตอบรับสั้นๆ ในตอนนี้พวกเขาสามคนกำลังถูกล้อมไปด้วยมังกรทั้งหมดห้าตัว เห็นแบบนี้แล้วเด็กหนุ่มก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

    ไม่น่าปากดีไปเลยเรา เลสเตอร์ได้แต่คิดแบบนั้นแม่ในใจของเขาจะคิดว่าตัวเองไหวแต่พอเจอสถานการณ์จริงแล้วมันต่างออกไปเลย

    “ฉันคาดหวังนะ อันดับสองของสแตนฟอร์ด” ฮาร์ทพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันไปมองศัตรูเบื้องหน้า

    “ทำไมพวกนักรบถึงรู้ว่าเราอยู่ที่นี่กัน” มังกรตัวแรกกล่าวขึ้นมา

    “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ว่านะ สามคนเหรอ...ดูถูกพวกเราน่าดูเลยนี่” มังกรอีกตัวหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ

    “ช่างหัวพวกมันสิ ในเมื่อพวกมันดูถูกเรานัก...” มังกรตัวที่สามพูดขึ้นช้าก่อนจะชะเง้อคอขึ้น ลำคอของมันเปล่งแสงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

    “ระวังกระสุนไฟครับ!” เลสเตอร์ร้องเตือนซึ่งคนอื่นก็รู้ตัวดีอยู่แล้ว

    “ก็ฆ่าพวกมันให้หมดก็จบเรื่อง!” เจ้ามังกรตัวที่ว่าพูดจบกระสุนไฟก็พุ่งออกจากปากของมันพุ่งเข้าใส่

    “ฉันจัดการเอง” ฮาร์ทพูดขึ้นยกขวานขนาดใหญ่ของตัวเองขึ้น ในตอนนั้นสายลมแรงก็ออกมาจากขวานเล่มใหญ่ของฮาร์ท

    พลาน่าลมเหรอของพวกมังกรลมสินะ คล้ายของอาจารฟูโรเลย” เลสเตอร์คิดในใจหลังจากเห็น

    พลาน่าพิเศษนั้นแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นพลาน่าเฉพาะตัวของมังกรแต่ละตัวแต่ก็มีหลายครั้งที่พลาน่าพวกนั้นมีลักษณะคล้ายกันจนแทบจะแยกไม่ออก ยกตัวอย่างเช่นพลาน่าเรียกลูกไฟที่มาเอลใช้ ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมาเลสเตอร์เคยเห็นคนหลายคนที่มีพลาน่าที่ใช้เรียกลูกไฟเหมือนกันเพียงแต่มันมีความแตกต่างกันตรงขนาด ความร้อนและความเร็วในการเรียกใช้ซึ่งของพวกนี้ก็ทดแทนได้ด้วยการฝึกฝนพลาน่าเพราะงั้นแล้วมันจึงแทบไม่มีความแตกต่างกันเลยซักนิด

    พลาน่าลมเป็นก็ถือเป็นพลาน่าที่พบเห็นได้บ่อยเนื่องจากเป็นพลาน่าที่ควบคุมได้ง่ายและสามารถใช้รับมือกับพวกมังกรไฟได้ดี

    เรื่องยังไม่จบง่ายๆแค่นั้นเพราะเมื่อมังกรที่เหลือเห็นว่าลูกไฟถูกปัดออกไปได้ พวกมันก็ไม่รอช้าพุ่งเข้าโจมตีต่อทันที

    ซีกฟรีดรีบยกดาบขึ้นไปปัดป้องได้อย่างไม่ยากเย็น เขาหลบการโจมตีของมังกรตัวแรกแบบฉิวเฉียดแล้วลอดเข้าไปใต้ท้องของมังกรอีกตัวหนึ่งแล้วใช้ดาบของเขาทิ่มไปที่ท้องของมัน

    ซวบ!

    การโจมตีนั้นทำให้เลสเตอร์ที่มองอยู่ถึงกับเบิกตากว้างเพราะร่างกายของมังกรนั้นมีการป้องกันด้วยเกล็ดที่แข็งแกร่งต่อให้ตัวมังกรไม่ได้ใช้พลาน่าป้องกันก็ไม่น่าจะโจมตีเข้าได้ง่ายๆเหมือนมีดร้อนผ่าเนยแบบนั้น เจ้ามังกรกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เลือดสีแดงของมันสาดกระเด็นไปทั่ว

    ดูท่าที่คุณดอรันบอกว่าฝีมือดีคงไม่ได้ล้อเล่นซะแล้ว เลสเตอร์คิดในใจแต่ไม่นานเขาก็ต้องหยุดคิดเพราะในเวลานี้เขาก็มีหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบเช่นกัน

    มังกรอีกสองตัวที่เหลือกำลังใช้ช่องว่างนั้นโจมตีซีกฟรีดซึ่งฮาร์ทที่ว่างอยู่ก็รับหน้าที่เข้าไปป้องกันมังกรให้หนึ่งตัว เลสเตอร์เองก็ไม่คิดจะอยู่เฉยๆเขาวิ่งเขาไปจู่โจมใส่มังกรอีกตัวที่เหลือทันที

    ดาบเล่มใหญ่ของเลสเตอ์พุ่งเป็นเส้นตรงเข้าใส่เป้าหมายซึ่งเจ้ามังกรก็เอี้ยวตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียดจนเลสเตอร์ถึงกับเลิกคิ้ว

    ความเร็วระดับนี้...ไม่ผิดแน่ เจ้าพวกนี้ถือกว่าแข็งแกร่งกว่ามังกรที่เราสู้มาตามปกติ

    ถึงจะประหลาดใจแต่เลสเตอร์ก็ไม่คิดจะประมาทคู่ต่อสู้ตั้งแต่แรกอยู่ ดวงตาสีดำของเขารีบหันตามเป้าหมายที่พึ่งหลบของการโจมตีของเขาไปแล้วกระโดดถีบพื้นพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง

    เจ้ามังกรที่เหมือนจะตกใจกับปฏิกิริยาที่ว่องไวของเด็กหนุ่ม จากความเร็วในการพุ่งเข้ามาหาของเลสเตอร์ในครั้งนี้ทำให้มันไม่สามารถขยับร่างกายขนาดใหญ่ของมันเพื่อหลบได้ทัน มันจึงยกแขนของมันขึ้นรับการโจมตีแทน

    ด้วยเวลาขนาดนี้แม้จะหลบไม่ได้แต่กะอีกแค่ใส่พลาน่าเข้าที่แขนเพื่อเพิ่มพลังป้องกันล่ะก็ทำได้แน่ เจ้ามังกรคิดแบบนั้น

    เลสเตอร์เองก็รู้ดีว่าต่อให้การโจมตีของเขาในตอนนี้คงไม่ทะลุเกล็ดอันแข็งแกร่งของมันเป็นแน่ แต่สำหรับนักรบมังกรนั้นการโจมตีตรงๆไม่ใช่วิธีการเดียวที่ใช้ล้มฝ่ายตรงข้าม

    เด็กหนุ่มรีดเร้นพลาน่าพิเศษของตัวเองก่อนจะส่งผ่านมันไปที่ดาบเล่มใหญ่ในมือของเขา ในตอนนั้นที่ปลายของใบดาบก็เริ่มมีเกล็ดหินผุดออกมา

    นี่คือการถ่ายพลาน่าลงอาวุธของเลสเตอร์ แม้เขาจะยังทำได้ไม่คล่องนักถ้าเทียบกับนักรบมืออาชีพคนอื่นๆในทีมของเขาก็เถอะ

    อาวุธของเลสเตอร์นั้นต่างจากเบริลของดอรัน เบริลนั้นเป็นดาบที่ถูกสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนของมังกรทั้งโครงสร้างจึงกระจายคุณสมบัติของพลาน่าพิเศษได้ทั่วทั้งใบดาบแต่ดาบของเขานั้นแม้จะเป็นดาบชั้นดีแต่ก็ไม่ใช่อาวุธชั้นเลิศขนาดนั้น ตลอดโครงสร้างของมันมีเพียงแค่แกนด้ามจับกับบริเวณขอบใบดาบเท่านั้น ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะฮะการ์ไม่มีปัญญาหาอาวุธชั้นเลิศให้เขาแต่เพราะศักยภาพของเขาในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะถ่ายทอดพลาน่าลงทั่วทั้งตัวดาบ

    แน่นอนว่าถึงจะยังไม่สมบูรณ์แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ในการต่อสู้จริงได้

    มีเรื่องน่าประหลาดที่ไม่มีใครรู้สาเหตุอยู่เรื่องหนึ่งนั่นคือเหล่านักรบมักจะตั้งชื่อให้เองเทคนิคการถ่ายทอดพลาน่าลงอาวุธของตัวเองและแน่นอนว่าเลสเตอร์เองก็ตั้งชื่อให้กับเทคนิคนี้ของตัวเองเช่นกัน เขาเรียกมันว่า...

    คริสตัลไลซ์ : ใบเลื่อย!

    เกล็ดหินงอกเงยออกมาจากใบดาบจนเหมือนมีก้อนดินขนาดใหญ่มาพอกใบดาบไว้ ทันใดนั้นเกล็ดหินก็แตกออกแล้วหลุดร่วงลงมาเหลือแต่หินแหลมที่งอกเงยออกมาจากใบดาบจนกลายเป็นเหมือนใบเลื่อย

    เจ้ามังกรดูเหมือนจะตกใจกับรูปร่างของใบดาบที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เลสเตอร์ไม่สนใจปฏิกิริยาของอีกฝั่ง เขาใช้ดาบโจมตีไปที่มือของเจ้ามังกรอย่างไม่ลังเล

    แน่นอนว่าด้วยการป้องกันของพลาน่านั้นทำให้ใบดาบไม่สามารถฟังเข้าไปที่เนื้อของเจ้ามังกรได้ เจ้าสัตว์ร้ายฉีกยิ้มอย่างพอใจแต่มันก็ต้องหุบยิ้มลงภายหลังเมื่อเห็นใบหน้าของเลสเตอร์

    “ยิ้มอะไรของแก” เลสเตอร์ฉีกยิ้มกลับไป ในตอนนั้นเจ้ามังกรไม่ทันได้สังเกตเลยว่าหินแหลมเล็กๆที่เหมือนกับใบเลื่อยนั้นได้ฝังเข้าไปในช่องว่างระหว่างเกล็ดของมัน “แกได้เจ็บหนักแน่งานนี้!

    เลสเตอร์พูดจบก็ออกแรงรูดลงมาอย่างสุดแรง ในตอนนั้นใบมีดก็ถูกลากลงมาผ่านเกล็ดทั้งหลายที่กระเด็นไปตามทาง เลือดสีแดงของเจ้ามังกรพุ่งออกมาจากแผลยาวขนาดใหญ่

    “ไม่เลวนี่ ขูดเกล็ดออกงั้นสินะ” ซีกฟรีดที่รับมือกับมังกรสองตัวอยู่เหล่สายตามามองชั่วขณะ “อันดับสองของสแตนฟอร์ด พวกฉันจะรับมือกับพวกที่เหลือตอนนี้ให้ นายรีบจัดการเจ้าตัวนั้นให้เสร็จๆแล้วรีบมาสมทบพวกฉันทันทีโอเคมั้ย?

    “รับทราบครับ!” เลสเตอร์ตะโกนตอบโดยไม่หันไปมอง

    “แก...ทำอะไร!” เจ้ามังกรตะโกนถามพร้อมกับมองรอยบาดที่ฝ่ามือ

    ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังตกตะลึงนั้นเลสเตอร์วิ่งอ้อมไปด้านข้างแล้วใช้ดาบโจมตีขาขวาหลังของเป้าหมาย

    เจ้ามังกรรีบใช้พลาน่าป้องกันร่างกายอีกครั้งแต่ผลก็เป็นเช่นเดิมหินแหลมที่ฝังอยู่ที่ใบดาบของเลสเตอร์นั้นได้ขูดเกล็ดที่ใช้ป้องกันนั้นออกไปจนหมด เลสเตอร์พุ่งไปพุ่งมาด้วยความเร็วที่เหนือขวาแล้วโจมตีต่อไปเรื่อยๆเรียกบาดแผลเล็กๆมากมายจากเจ้ามังกรได้เป็นอย่างดี

    “ก็แค่แผลเล็กๆเท่านั้นแหละ” เจ้ามังกรกัดฟันกรอดถึงแม้จะพูดแบบนั้นแต่แผลเล็กๆที่ว่ากลับกระจายไปทั่วจนร่างกายของมันชุ่มเลือดไปหมด

    ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่…’ เจ้ามังกรคิดแบบนั้นหลังจากเห็นบาดแผลเต็มกาย จริงอยู่ที่ว่าการโจมตีของเด็กหนุ่มอาจจะไม่ได้รุนแรงอะไรมากมายแต่ว่ามันกลับป้องกันไม่ได้และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปความเสียหายจากการโจมตีเล็กๆนั่นคงสั่งสมกันและสร้างปัญหาให้แก่มันเป็นแน่

    สัตว์ร้ายตัดสินใจกำหมัดแล้วรวบรวมแรงทั้งหมดของมันเหวี่ยงเข้าใส่เด็กหนุ่มตรงหน้าทางที

    หากป้องกันไม่ได้แล้วล่ะ ก็ขยี้มันตรงๆเนี่ยแหละ!’

    เลสเตอร์เบิกตากว้างเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีตรงๆแบบนี้แต่ในวินาทีต่อมาเขาก็รีบหันกลับมาตั้งสติแล้วจัดดาบด้วยมือทั้งสองข้างไว้แน่

    เด็กหนุ่มยกดาบขึ้นแล้วง้างไปด้านหลังเมื่อเห็นแบบนั้นเจ้ามังกรก็ยิ้มเยาะขึ้นมา

    “คิดจะฟาดกลับมางั้นเหรอ โอหังนัก!” เจ้ามังกรพูดแบบนั้นในขณะที่ฝ่ามือของมันใกล้เข้ามาทุกที

    ในขณะเดียวกันเลสเตอร์ก็ได้ส่งถ่ายพลาน่าพิเศษของตัวเองเข้าไปที่ตัวดาบ เกล็ดหินเริ่มก่อตัวกันที่ปลายดาบเหมือนผลึกแก้วที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนกล้ายเป็นก้อนหินทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่

    คริสตัลไลซ์ : ค้อน!

    ณ บัดนี้ใบดาบของเลสเตอร์ได้กลายเป็นเหมือนด้ามจับของค้อนขนาดใหญ่

    เช่นเดียวกับพลาน่าพิเศษที่ถูกส่งไปที่ดาบ เลสเตอร์ได้รีดเร้นพลาน่าพื้นฐานแทบทั้งหมดของร่างกายมารวมกันไว้ที่แขนก่อนจะเหวี่ยงสุดแรงเพื่อหวดค้อนหินขนาดใหญ่เข้าที่ฝ่ามือของสัตว์ร้าย

    กร๊อบ!

    เสียงบางอย่างที่แตกหักดังขึ้น ค้อนหินที่ปลายดาบของเขาเกิดรอยร้าวจากแรงกระแทกสวนกันแต่ถึงอย่างงั้นเสียงที่แตกหักนั่นกลับไม่ได้มาจากตัวค้อนของเขาแต่เป็นกระดูกแขนของมังกรร้ายที่แตกละเอียด

    สติของเจ้ามังกรหลุดลอยออกไปชั่วขณะพร้อมๆกับพร้อมกับแขนของที่ถูกสะบัดออกไปจากแรงกระแทก เลสเตอร์คิดจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปอย่างแน่นออน

    สลาย เลสเตอร์คิดจบก้อนหินขนาดใหญ่ที่ปลายค้อนรวมถึงหินแหลมที่ยังค้างอยู่ตรงใบดาบก็ค่อยๆแตกออกและหลุดออก ในที่สุดค้อนหินขนาดใหญ่ก็กลับมาเป็นดาบคมกริบเล็มเดิม เด็กหนุ่มรีบจับมันไว้แน่นแล้วพุ่งเข้าไปประชิดลำตัวของอีกฝั่งในทันที

    “จบกันที” เลสเตอร์พูดทิ้งท้ายก่อนจะจรดปลายดาบพุ่งเข้าใส่หน้าอกของเจ้ามังกร สัตว์ร้ายที่ไม่ได้สติชั่วขณะนั้นไม่สามารถแม้แต่จะใช้พลาน่าป้องกันตัวเองเพราะฉะนั้นใบดาบจึงทะลุไปในเนื้อของมันอย่างง่ายได้

    สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการต่อสู้ของนักรบมังกร คือ การหารูปแบบการต่อสู้ที่เหมาะกับตัวเองที่สุด นั่นคือสิ่งที่ฮะการ์สอนเขาไว้เสมอๆ

    ใบดาบของเลสเตอร์พุ่งทะลุเนื้อเยื่อของเจ้ามังกรก่อนจะผ่านไปยังหัวใจ สัตว์ร้ายชักกระตุกไปวูบหนึ่งก่อนจะแน่นิ่งไป เมื่อเห็นแบบนั้นเลสเตอร์ก็ค่อยดึงดาบของตัวเองออกมาช้าๆ

    ทั้งพลาน่า,ทักษะการคิดอ่าน รวมถึง ทักษะการต่อสู้ ทั้งหมดสามารถสั่งสมได้จากการฝึกฝนและประสบการณ์การต่อสู้จริง

    ท้ายที่สุดทักษะเหล่านั้นจะตกผลึกเป็นรูปแบบการต่อสู้เฉพาะตัวของนักรบคนนั้นๆ

    และนี่แหละ คือการต่อสู้ของเลสเตอร์เอลมอล

     

     




    ชอบหรือถูกใจยังไงอย่าลืมกดให้กำลังใจหรือคอมเมนต์กันนะครับ - Noirgard



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×