คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : Ep.2 Chapter 6 - ตกผลึก
Chapter 6
Crystalize
ตกผลึก
“อย่าส่งเสียงเด็ดขาด”
ดอรันกล่าวเบาๆกับทุกคนซึ่งถึงแม้ไม่ต้องบอกยังพวกเขาก็ไม่คิดจะส่งเสียงอยู่แล้ว
ด้านหน้าของพวกเขาคือถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งมีทางเข้าอยู่ข้างทะเลสาบแห่งนี้ซึ่งจากที่ดูแล้วดูเหมือนถ้ำแห่งนี้นั้นจะเป็นเหมือนโพลงขนาดใหญ่ที่ลึกลงไปด้านล่างเสียมากกว่า
“ตัวที่ใหญ่ที่สุด...ขนาดราวสิบเจ็ด ไม่สิ
สิบแปดเมตรได้ ตึงมือเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย”
เมสกล่าวหลังจากมองลงไปข้างล่างแม้ขนาดจะไม่ต่างกันมากแต่ก็มีมังกรอยู่ตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่และดูทรงพลังกว่ามังกรตัวอื่นๆในระดับที่สังเกตเห็นได้
“ท่าทางจะเป็นหัวหน้าของพวกนี้ล่ะนะ”
ฮาร์ทให้ความเห็น
“ผมจะรับมือกับเจ้าตัวนั้นเอง” ดอรันกล่าวสั้นๆ
“จะดีเหรอ ถึงจะเป็นนายแต่ถ้ารับมือคนเดียว...”
เมสถามอย่างกังวลแต่ดอรันกับส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ ผมรับมือได้แน่”
ดอรันบอกก่อนจะกล่าวต่อ “จากที่เห็นตรงนี้ดูเหมือนมังกรพวกนี้จะมาจากหลายๆที่เพราะงั้นจึงเจาะจงประเภทชัดเจนไม่ค่อยได้...แต่ว่านะเท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นมังกรไฟล่ะนะ”
“ก็สมเป็นพวกภาคีดี”
เมสตอบเพราะยังไงชื่อเต็มขององค์อันตรายที่ว่านี่ก็คือภาคีเพลิงแดงการที่มังกรส่วนใหญ่จะเป็นมังกรไฟก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
“แต่ว่าน่าแปลกอยู่นะครับ”
นักรบคนนึงในทีมของเมสพูดขึ้นซึ่งทุกคนก็หันไปฟังอย่างไม่คิดจะว่าอะไร
ดวงตาของเขามองไปยังเหล่ามังกรด้านหลังซึ่งกำลังนอนเท้าคางพร้อมกับดวงตาที่ปิดใกล้
“พวกมันมารวมตัวกันที่นี่เพื่ออะไรกันแน่
เท่าที่ผมเห็นพวกนี้เหมือนแค่มาตั้งแคมป์พักกันอยู่เฉยๆเท่านั้นเอง”
“ที่พูดมามันก็ถูก...แต่ว่าถึงพวกมันจะคิดอะไรอยู่ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีทางคิดออกหรอก
ที่สำคัญเจ้าพวกนี้เป็นอาชญากรไม่ว่าตอนนี้มันจะมีเจตนาทำเรื่องร้ายหรือไม่อย่างไรพวกเราก็ต้องกำจัดพวกมันอยู่ดี
ใช่มั้ยล่ะดอรัน” เมสหันหน้าไปยังดอรันซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มเล็กๆเป็นการตอบ
“พวกเรานอกจากผมมีเก้าคน
ส่วนฝั่งนั้นนอกจากเจ้าตัวใหญ่ที่ผมจะรับมือแล้วก็มีสิบสองตัว”
ดอรันทำท่าทางครุ่นคิดชั่วครู่
“งั้นเอาเป็นห้าต่อเจ็ดก็น่าจะดี...ทีมทิศเหนือจะรับผิดชอบเจ็ดตัว
ส่วนทีมทิศใต้นอกจากผมจะรับมือห้าตัวที่เหลือแบบนี้คิดว่าไงครับ”
“ทางฉันไม่มีปัญหาหรอก
แต่จะดีเหรอทางฝั่งนายมีแค่สามคนจะให้รับมือมังกรห้าตัวมันก็ยากเอาการอยู่นะ”
เมสพูดจบก็หันไปมองสมาชิกทีมทิศใต้โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่ง
“ที่สำคัญทีมนายยังมีเจ้าเด็กใหม่ที่ประสบการณ์น้อยอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้ายังไงส่งทีมฉันไปช่วยอีกซักคนมั้ย”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ
ถึงจะฟังดูอวดดียังไงก็เถอะแต่ผมค่อนข้างมั่นใจในฝีมือของคนในทีมผมอยู่เหมือนและที่สำคัญถึงเจ้าหนูจะยังอ่อนประสบการณ์แต่เขาก็เป็นนักรบของสแตนฟอร์ดนะครับ
เรื่องรับมือกับมังกรไฟน่ะของถนัดของเขาอยู่แล้ว”
“ดอรันถึงยังไงก็เถอะ...”
ฮาร์ทกำลังจะพูดแย้งขึ้นมา
ตัวเขาเองนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรสำหรับเรื่องนี้แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังกังวลเรื่องของเลสเตอร์อยู่ดี
“งั้นถ้ายังไงให้เจ้าตัวตัดสินใจเองดีกว่ามั้ยครับ”
ดอรันหันหน้าไปหาเลสเตอร์พร้อมกับเลิกคิ้ว เด็กหนุ่มที่เห็นแบบนั้นเองก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วหันหน้าลงไปมองกลุ่มมังกรที่ดอรันหวังจะมอบหมายหน้าที่ให้
“ถ้าคุณดอรันอยากให้ผมทำ
ผมก็จะทำเต็มที่นั่นแหละครับ”
เลสเตอร์ตอบกลับไปแบบนั้นซึ่งดอรันก็ยักไหล่เบาๆจนทุกคนตัดสินใจไม่ท้วงแย้งอะไรอีก
“งั้นก็ตกลงตามนี้ ทางทีมของฉันจะแยกกลุ่มของพวกมังกรให้ก่อน
ที่เหลือหลังจากนั้นทีมพวกนายก็จัดการกันเองก็แล้วกัน”
เมสบอกพร้อมกับหันไปมองลูกน้องในทีมที่เหลือซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันพยักหน้ารับคำสั่งแต่โดยดี
“ฝากด้วยครับ
ถ้าทีมไหนจัดการเสร็จแล้วก็ขอให้มาช่วยเหลืออีกทีมทันทีนะครับ” ดอรันพูดปิดท้าย ในตอนนั้นทุกๆคนก็เข้าใจพร้อมกันในทันที
การโจมตีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
“เจ้าหนู พร้อมแล้วใช่รึเปล่า”
ฮาร์ทหันมาถามเลสเตอร์ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มรับเบาๆ
การที่ฮาร์ทเป็นห่วงเขาบ่อยๆมันเริ่มทำให้เขารู้สึกขอบคุณชายคนนี้ขึ้นมานิดหน่อย
“ถึงไม่พร้อมก็ต้องพร้อมนั่นแหละครับ”
เลสเตอร์ตอบไปแบบนั้น
“ตอบได้ดี”
ฮาร์ทแค่นเสียงประชดแต่มันก็เป็นอย่างที่เด็กหนุ่มว่าจริงๆนั่นแหละ
“เตรียมตัวให้พร้อมทุกคน...เราจะเริ่มจู่โจมกันในอีก...”
ดอรันพูดขึ้นในขณะที่นักรบทุกคนมายืนพร้อมกันอยู่ที่ปากหลุมด้านหน้าและในที่สุดดอรันก็เริ่มนับถอนหลัง
“สาม...สอง...หนึ่ง...”
“โจมตี!”
สิ้นเสียงนั้นนักรบทุกคนก็กระโดดลงไปในปากหลุม
เหล่ามังกรทั้งหลายที่เหมือนจะได้ยินเสียงแปลกปลอมซึ่งดังขึ้นมาก็ถูกปลุกจากการใกล้แล้วหันหน้าขึ้นมายังต้นเสียงทันที
“พวกนักรบ!”
มังกรตัวหนึ่งส่งเสียงดังลั่นเพียงพริบตาเดียวพวกมันของพวกมันก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับสีหน้ากราดเกรี้ยว
“นักรบทุกคน
ภารกิจคือกำจัดเหล่าภาคีเพลิงแดงในที่นี้ให้สิ้น! ขอให้ทุกคนโชคดี” ดอรันตะโกนบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลงจอดที่ใกล้มังกรตัวใหญ่สุดในที่นี้
ดอรันกระชากสร้อยคอรูปไม้กางเขนที่แขวนอยู่คอเสื้อออกแลวโยนขึ้นไปข้างตัวไม่นานมันก็เปลี่ยนเป็นดาบเล่มใหญ่เล่มหนึ่ง
ดอรันคว้ามันมาอย่างคล่องมือแล้วชี้มันไปยังเป้าหมาย
“อาวุธกัลลิเวอร์”
คือชื่อของอาวุธประหลาดที่สามารถเปลี่ยนขนาดของตัวเองได้
มันถูกตีขึ้นมาโดยนักตีดาบแห่งตระกูลกัลลิเวอร์ซึ่งเป็นตระกูลนักตีดาบชื่อดังโดยกล่าวกันว่าอาวุธชนิดนี้นั้นจะถูกหลอมด้วยพลาน่าหายากชนิดหนึ่งซึ่งใช่ว่าร่างกายของคนในตระกูลนี้ทุกคนจะสามารถรองรับพลาน่านี้ได้และตระกูลกัลลิเวอร์จะสร้างอาวุธชิ้นนี้ให้กับนักรบที่ถูกเลือกโดยหัวหน้าตระกูลเท่านั้นเพราะงั้นบางทีในก็จะมีช่วงหลายช่วงในประวัติศาสตร์ที่อาวุธชนิดนี้ไม่ถูกสร้างออกมาเลยซักชิ้น
ด้วยความหายากของมัน
นักรบส่วนใหญ่ที่ถือครองมันมักจะได้รับอาวุธชนิดนี้จากตระกูลชื่อดังซึ่งดอรันเองก็เหมือนกัน
เขาได้รับอาวุธชนิดนี้มาจากตระกูลที่เขาสังกัดอยู่
“เบริล” คือชื่อของดาบเล่มนี้
มันเป็นดาบสีขาวสว่างใสที่ขอบใบดาบเป็นเหล็กสีเขียวพร้อมกับลวดลายสวยงาม
ดอรันถือดาบเล่มใหญ่คู่ใจของเขาไว้ด้วยมือสองข้าง
ด้านหน้าของเขาคือมังกรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในถ้ำแห่งนี้
ชายหนุ่มมองไปรอบๆก็พบว่าด้านข้างของเขาในตอนนี้นั้นไม่มีมังกรตัวอื่นๆอยู่เลยเห็นแบบนั้นเขาก็ได้แต่แอบยิ้มอย่างพอใจที่นักรบคนอื่นๆล่อความสนใจของมังกรตัวอื่นได้อย่างยอดเยี่ยม
“พวกแกมาทำอะไรที่นี่ พวกนักรบ”
มังกรขนาดสิบแปดเมตรข้างหน้าเขากล่าวซึ่งดอรันก็ยิ้มรับก่อนจะชี้ดาบไปยังเป้าหมาย
“มาสับพวกแกเป็นชิ้นไงล่ะ”
ดอรันตอบแบบนั้นเรียกรอยยิ้มจากเจ้ามังกรตัวโตได้เป็นอย่างดี
มันหันซ้ายหันขวาไปรอบๆตัวเพื่อประเมินสถานการณ์โดยรอบ
“อวดดีเหลือเกินนะ
เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าสู้ตัวต่อตัวกับข้าได้”
เจ้ามังกรพูดหลังจากเห็นสภาพรอบๆตัวของมัน
“ได้สิ” ดอรันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ในขณะเดียวกันการต่อสู้ของนักรบกับมังกรที่เหลือก็เริ่มขึ้นแล้วแต่ชายหนุ่มหาได้ใส่ใจไม่เขารู้ดีว่านักรบคนอื่นจะรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้แน่
สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้นั้นมีเพียงศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ตรงหน้าเท่านั้น
นักรบไม่ควรคุยกับเป้าหมายที่ต้องกำจัดนั่นเป็นสิ่งที่นักรบมังกรมืออาชีพทำกัน
แต่ดอรันไม่ใช่แบบนั้นเขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ทำตัวสมเป็นมืออาชีพเท่าไหร่นักจึงไม่แปลกใจที่นิสัยขี้เล่นติดตัวของเขาจะยังคงอยู่แม้จะอยู่ในการต่อสู้
เจ้ามังกรกัดฟันแน่นด้วยความไม่พอใจ
มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่ามังกรของภาคี
พวกเขาเกลียดชังมนุษย์เสียยิ่งกว่าอะไรเพราะงั้นการที่ดอรันตรงหน้าทำท่าทีเล่นลิ้นอยู่ตรงหน้าจึงเป็นการยั่วโมโหที่ดียิ่งกว่าอะไร
มังกรขนาดสิบแปดเมตรไม่รอช้า
กรงเล็บขนาดใหญ่ของมันพุ่งเข้าใส่นักรบหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่มีการยั้งแรงเป้าหมายทั้งหมดมีเพียงบดขยี้เป้าหมายตรงหน้าเท่านั้น
เคล้ง!
เสียงดังกังวานจากโลหะดังขึ้น
ดอรันใช้สองมือยกดาบขึ้นรับการโจมตีนั้นจนเจ้ามังกรต้องเบิกตากว้างเพราะการโจมตีของตัวเองนั้นแทบไม่ได้ทำให้ขยับเขยื้อนไปจากที่เดิมเลย
“อะไรกัน
นอกจากใหญ่แต่ตัวแล้วยังเก่งแต่ปากอีกงั้นเหรอเนี่ย”
ดอรันกล่าวแบบนั้นก่อนจะใส่พลาน่าพิเศษของตัวเองเข้าไปในดาบ
ช็อคเวฟ
บรึ้ม!
ในตอนนั้นคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ก็ถูกแผ่ออกมาจากดาบของชายหนุ่ม
ส่งผลให้ฝ่ามือของเจ้ามังกรถูกผลักกระเด็นออกไป
ดอรันไม่รอช้าเขาใช้ช่วงเวลานั้นพุ่งเข้าไปใกล้ลำตัวของเป้าหมายแล้วใช้ใบดาบฟาดเข้าใส่เป้าหมายทันที
ในตอนที่ใบดาบกระแทกเป้าหมายคลื่นกระแทกแบบเดิมก็กระจายออกมาอีกครั้งส่งผลให้มังกรยักษ์ขนาดเกือบยี่สิบเมตรกระเด็นไปไกล
“คลื่นกระแทกนั่น…พลาน่าของเจ้างั้นเหรอ”
เจ้ามังกรที่ถูกผลักไปไกลค่อยๆลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด เจ้าสัตว์ร้ายมองเกล็ดของตัวเองที่แตกละเอียดตรงบริเวณที่ถูกโจมตีอย่างตะลึง
“ผิวหนาใช้ได้เลยนี่” ดอรันพูดเรียบๆ
อย่างที่เจ้ามังกรบอก
คลื่นกระแทกเมื่อครู่เกิดจากพลาน่าพิเศษของเขาซึ่งมาจากมังกรดินตัวหนึ่งนามว่า
คามอล พลาน่าของคามอลนั้นทำให้ดอรันมีความสามารถในการปล่อยคลื่นกระแทกออกจากฝ่ามือของตัวเองได้แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ดอรันทำเมื่อครู่นี้ไม่ใช่แบบนั้น
สิ่งที่เขาทำเมื่อครู่คือการใส่พลาน่าลงในอาวุธ
เทคนิคที่เปลี่ยนให้อาวุธของนักรบมีคุณสมบัติของพลาน่านั้นๆ
อาวุธของนักรบมังกรนั้นมักจะถูกทำขึ้นจากชิ้นส่วนของมังกรเพราะแบบนั้นทำให้เหล่านักรบมังกรสามารถส่งถ่ายพลาน่าของตัวเองลงไปในอาวุธและให้มันแสดงผลออกมาผ่านอาวุธได้
แม้จะฟังดูเป็นเรื่องง่ายๆแต่การใส่พลาน่าลงอาวุธนั้นเป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยการฝึกฝนบ่อยๆมันไม่ใช่เรื่องที่นักรบจะทำได้โดยง่ายแต่สำหรับนักรบมากประสบการณ์อย่างดอรันนั้น
นี่เป็นเรื่องที่เขาทำได้แทบไม่ต่างกับการหายใจเข้าออกแล้ว
ด้วยความสามารถของดอรันทำให้เบริลเล่มนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับดาบติดระเบิดที่จะบดขยี้เป้าหมายทุกๆการโจมตี
ในตอนนั้นเองที่สีหน้าของเจ้ามังกรขนาดสิบแปดเปลี่ยนไป
มันไม่มองมนุษย์ตรงหน้าด้วยสายตาดูแคลนอีกต่อไปที่มีทั้งหมดมีเพียงแต่ความเกลียดชังเท่านั้น
มนุษย์คนนี้นั้นอันตราย
นี่เป็นสิ่งที่สัญชาตญาณของมันได้บอกไว้
ไม่ถึงนาทีก่อนหน้านี้
เหล่านักรบทุกคนกระโดดลงมาพร้อมกัน
เลสเตอร์เองก็เช่นกันเขาจับดาบเล่มใหญ่ของตัวเองพร้อมโรมรันกับศัตรู
เหล่านักรบแยกกันออกเป็นสามกลุ่มโดยกลุ่มแรกคือ
เขา ซีกฟรีด และฮาร์ท กลุ่มที่สองคือนักรบในทีมของเมส
ส่วนที่เหลือก็คือดอรันที่รับมือกับมังกรที่เก่งที่สุดในที่นี้
ฮาร์ทกับซีกฟรีดพุ่งเข้ามามังกรกลุ่มหนึ่งก่อนจะล่อมันไปอีกฟากนึง
ในขั้นตอนนี้เลสเตอร์เพียงเกาะกลุ่มอยู่กับทั้งสองคนเท่านั้นเนื่องจากการรับมือกับมังกรเยอะๆยังไม่ใช่อะไรที่เขาชำนาญนัก
“เจ้าหนู...ฝากระวังหลังให้พวกฉันด้วยล่ะแต่ถ้าเห็นโอกาสดีที่จะโจมตีก็โจมตีได้เลย
เข้าใจนะ” ฮาร์ทหันมาสั่งการ
“ครับ” เลสเตอร์ตอบรับสั้นๆ
ในตอนนี้พวกเขาสามคนกำลังถูกล้อมไปด้วยมังกรทั้งหมดห้าตัว
เห็นแบบนี้แล้วเด็กหนุ่มก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
‘ไม่น่าปากดีไปเลยเรา’
เลสเตอร์ได้แต่คิดแบบนั้นแม่ในใจของเขาจะคิดว่าตัวเองไหวแต่พอเจอสถานการณ์จริงแล้วมันต่างออกไปเลย
“ฉันคาดหวังนะ อันดับสองของสแตนฟอร์ด”
ฮาร์ทพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันไปมองศัตรูเบื้องหน้า
“ทำไมพวกนักรบถึงรู้ว่าเราอยู่ที่นี่กัน”
มังกรตัวแรกกล่าวขึ้นมา
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ว่านะ
สามคนเหรอ...ดูถูกพวกเราน่าดูเลยนี่” มังกรอีกตัวหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ช่างหัวพวกมันสิ ในเมื่อพวกมันดูถูกเรานัก...”
มังกรตัวที่สามพูดขึ้นช้าก่อนจะชะเง้อคอขึ้น ลำคอของมันเปล่งแสงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ระวังกระสุนไฟครับ!” เลสเตอร์ร้องเตือนซึ่งคนอื่นก็รู้ตัวดีอยู่แล้ว
“ก็ฆ่าพวกมันให้หมดก็จบเรื่อง!”
เจ้ามังกรตัวที่ว่าพูดจบกระสุนไฟก็พุ่งออกจากปากของมันพุ่งเข้าใส่
“ฉันจัดการเอง” ฮาร์ทพูดขึ้นยกขวานขนาดใหญ่ของตัวเองขึ้น
ในตอนนั้นสายลมแรงก็ออกมาจากขวานเล่มใหญ่ของฮาร์ท
‘พลาน่าลมเหรอของพวกมังกรลมสินะ คล้ายของอาจารฟูโรเลย”
เลสเตอร์คิดในใจหลังจากเห็น
พลาน่าพิเศษนั้นแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นพลาน่าเฉพาะตัวของมังกรแต่ละตัวแต่ก็มีหลายครั้งที่พลาน่าพวกนั้นมีลักษณะคล้ายกันจนแทบจะแยกไม่ออก
ยกตัวอย่างเช่นพลาน่าเรียกลูกไฟที่มาเอลใช้
ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมาเลสเตอร์เคยเห็นคนหลายคนที่มีพลาน่าที่ใช้เรียกลูกไฟเหมือนกันเพียงแต่มันมีความแตกต่างกันตรงขนาด
ความร้อนและความเร็วในการเรียกใช้ซึ่งของพวกนี้ก็ทดแทนได้ด้วยการฝึกฝนพลาน่าเพราะงั้นแล้วมันจึงแทบไม่มีความแตกต่างกันเลยซักนิด
พลาน่าลมเป็นก็ถือเป็นพลาน่าที่พบเห็นได้บ่อยเนื่องจากเป็นพลาน่าที่ควบคุมได้ง่ายและสามารถใช้รับมือกับพวกมังกรไฟได้ดี
เรื่องยังไม่จบง่ายๆแค่นั้นเพราะเมื่อมังกรที่เหลือเห็นว่าลูกไฟถูกปัดออกไปได้
พวกมันก็ไม่รอช้าพุ่งเข้าโจมตีต่อทันที
ซีกฟรีดรีบยกดาบขึ้นไปปัดป้องได้อย่างไม่ยากเย็น
เขาหลบการโจมตีของมังกรตัวแรกแบบฉิวเฉียดแล้วลอดเข้าไปใต้ท้องของมังกรอีกตัวหนึ่งแล้วใช้ดาบของเขาทิ่มไปที่ท้องของมัน
ซวบ!
การโจมตีนั้นทำให้เลสเตอร์ที่มองอยู่ถึงกับเบิกตากว้างเพราะร่างกายของมังกรนั้นมีการป้องกันด้วยเกล็ดที่แข็งแกร่งต่อให้ตัวมังกรไม่ได้ใช้พลาน่าป้องกันก็ไม่น่าจะโจมตีเข้าได้ง่ายๆเหมือนมีดร้อนผ่าเนยแบบนั้น
เจ้ามังกรกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เลือดสีแดงของมันสาดกระเด็นไปทั่ว
‘ดูท่าที่คุณดอรันบอกว่าฝีมือดีคงไม่ได้ล้อเล่นซะแล้ว’
เลสเตอร์คิดในใจแต่ไม่นานเขาก็ต้องหยุดคิดเพราะในเวลานี้เขาก็มีหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบเช่นกัน
มังกรอีกสองตัวที่เหลือกำลังใช้ช่องว่างนั้นโจมตีซีกฟรีดซึ่งฮาร์ทที่ว่างอยู่ก็รับหน้าที่เข้าไปป้องกันมังกรให้หนึ่งตัว
เลสเตอร์เองก็ไม่คิดจะอยู่เฉยๆเขาวิ่งเขาไปจู่โจมใส่มังกรอีกตัวที่เหลือทันที
ดาบเล่มใหญ่ของเลสเตอ์พุ่งเป็นเส้นตรงเข้าใส่เป้าหมายซึ่งเจ้ามังกรก็เอี้ยวตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียดจนเลสเตอร์ถึงกับเลิกคิ้ว
‘ความเร็วระดับนี้...ไม่ผิดแน่ เจ้าพวกนี้ถือกว่าแข็งแกร่งกว่ามังกรที่เราสู้มาตามปกติ’
ถึงจะประหลาดใจแต่เลสเตอร์ก็ไม่คิดจะประมาทคู่ต่อสู้ตั้งแต่แรกอยู่
ดวงตาสีดำของเขารีบหันตามเป้าหมายที่พึ่งหลบของการโจมตีของเขาไปแล้วกระโดดถีบพื้นพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง
เจ้ามังกรที่เหมือนจะตกใจกับปฏิกิริยาที่ว่องไวของเด็กหนุ่ม
จากความเร็วในการพุ่งเข้ามาหาของเลสเตอร์ในครั้งนี้ทำให้มันไม่สามารถขยับร่างกายขนาดใหญ่ของมันเพื่อหลบได้ทัน
มันจึงยกแขนของมันขึ้นรับการโจมตีแทน
ด้วยเวลาขนาดนี้แม้จะหลบไม่ได้แต่กะอีกแค่ใส่พลาน่าเข้าที่แขนเพื่อเพิ่มพลังป้องกันล่ะก็ทำได้แน่
เจ้ามังกรคิดแบบนั้น
เลสเตอร์เองก็รู้ดีว่าต่อให้การโจมตีของเขาในตอนนี้คงไม่ทะลุเกล็ดอันแข็งแกร่งของมันเป็นแน่
แต่สำหรับนักรบมังกรนั้นการโจมตีตรงๆไม่ใช่วิธีการเดียวที่ใช้ล้มฝ่ายตรงข้าม
เด็กหนุ่มรีดเร้นพลาน่าพิเศษของตัวเองก่อนจะส่งผ่านมันไปที่ดาบเล่มใหญ่ในมือของเขา
ในตอนนั้นที่ปลายของใบดาบก็เริ่มมีเกล็ดหินผุดออกมา
นี่คือการถ่ายพลาน่าลงอาวุธของเลสเตอร์
แม้เขาจะยังทำได้ไม่คล่องนักถ้าเทียบกับนักรบมืออาชีพคนอื่นๆในทีมของเขาก็เถอะ
อาวุธของเลสเตอร์นั้นต่างจากเบริลของดอรัน
เบริลนั้นเป็นดาบที่ถูกสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนของมังกรทั้งโครงสร้างจึงกระจายคุณสมบัติของพลาน่าพิเศษได้ทั่วทั้งใบดาบแต่ดาบของเขานั้นแม้จะเป็นดาบชั้นดีแต่ก็ไม่ใช่อาวุธชั้นเลิศขนาดนั้น
ตลอดโครงสร้างของมันมีเพียงแค่แกนด้ามจับกับบริเวณขอบใบดาบเท่านั้น
ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะฮะการ์ไม่มีปัญญาหาอาวุธชั้นเลิศให้เขาแต่เพราะศักยภาพของเขาในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะถ่ายทอดพลาน่าลงทั่วทั้งตัวดาบ
แน่นอนว่าถึงจะยังไม่สมบูรณ์แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ในการต่อสู้จริงได้
มีเรื่องน่าประหลาดที่ไม่มีใครรู้สาเหตุอยู่เรื่องหนึ่งนั่นคือเหล่านักรบมักจะตั้งชื่อให้เองเทคนิคการถ่ายทอดพลาน่าลงอาวุธของตัวเองและแน่นอนว่าเลสเตอร์เองก็ตั้งชื่อให้กับเทคนิคนี้ของตัวเองเช่นกัน
เขาเรียกมันว่า...
คริสตัลไลซ์ : ใบเลื่อย!
เกล็ดหินงอกเงยออกมาจากใบดาบจนเหมือนมีก้อนดินขนาดใหญ่มาพอกใบดาบไว้
ทันใดนั้นเกล็ดหินก็แตกออกแล้วหลุดร่วงลงมาเหลือแต่หินแหลมที่งอกเงยออกมาจากใบดาบจนกลายเป็นเหมือนใบเลื่อย
เจ้ามังกรดูเหมือนจะตกใจกับรูปร่างของใบดาบที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เลสเตอร์ไม่สนใจปฏิกิริยาของอีกฝั่ง เขาใช้ดาบโจมตีไปที่มือของเจ้ามังกรอย่างไม่ลังเล
แน่นอนว่าด้วยการป้องกันของพลาน่านั้นทำให้ใบดาบไม่สามารถฟังเข้าไปที่เนื้อของเจ้ามังกรได้
เจ้าสัตว์ร้ายฉีกยิ้มอย่างพอใจแต่มันก็ต้องหุบยิ้มลงภายหลังเมื่อเห็นใบหน้าของเลสเตอร์
“ยิ้มอะไรของแก” เลสเตอร์ฉีกยิ้มกลับไป
ในตอนนั้นเจ้ามังกรไม่ทันได้สังเกตเลยว่าหินแหลมเล็กๆที่เหมือนกับใบเลื่อยนั้นได้ฝังเข้าไปในช่องว่างระหว่างเกล็ดของมัน
“แกได้เจ็บหนักแน่งานนี้!”
เลสเตอร์พูดจบก็ออกแรงรูดลงมาอย่างสุดแรง
ในตอนนั้นใบมีดก็ถูกลากลงมาผ่านเกล็ดทั้งหลายที่กระเด็นไปตามทาง
เลือดสีแดงของเจ้ามังกรพุ่งออกมาจากแผลยาวขนาดใหญ่
“ไม่เลวนี่ ขูดเกล็ดออกงั้นสินะ” ซีกฟรีดที่รับมือกับมังกรสองตัวอยู่เหล่สายตามามองชั่วขณะ
“อันดับสองของสแตนฟอร์ด พวกฉันจะรับมือกับพวกที่เหลือตอนนี้ให้
นายรีบจัดการเจ้าตัวนั้นให้เสร็จๆแล้วรีบมาสมทบพวกฉันทันทีโอเคมั้ย?”
“รับทราบครับ!” เลสเตอร์ตะโกนตอบโดยไม่หันไปมอง
“แก...ทำอะไร!” เจ้ามังกรตะโกนถามพร้อมกับมองรอยบาดที่ฝ่ามือ
ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังตกตะลึงนั้นเลสเตอร์วิ่งอ้อมไปด้านข้างแล้วใช้ดาบโจมตีขาขวาหลังของเป้าหมาย
เจ้ามังกรรีบใช้พลาน่าป้องกันร่างกายอีกครั้งแต่ผลก็เป็นเช่นเดิมหินแหลมที่ฝังอยู่ที่ใบดาบของเลสเตอร์นั้นได้ขูดเกล็ดที่ใช้ป้องกันนั้นออกไปจนหมด
เลสเตอร์พุ่งไปพุ่งมาด้วยความเร็วที่เหนือขวาแล้วโจมตีต่อไปเรื่อยๆเรียกบาดแผลเล็กๆมากมายจากเจ้ามังกรได้เป็นอย่างดี
“ก็แค่แผลเล็กๆเท่านั้นแหละ”
เจ้ามังกรกัดฟันกรอดถึงแม้จะพูดแบบนั้นแต่แผลเล็กๆที่ว่ากลับกระจายไปทั่วจนร่างกายของมันชุ่มเลือดไปหมด
‘ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่…’ เจ้ามังกรคิดแบบนั้นหลังจากเห็นบาดแผลเต็มกาย
จริงอยู่ที่ว่าการโจมตีของเด็กหนุ่มอาจจะไม่ได้รุนแรงอะไรมากมายแต่ว่ามันกลับป้องกันไม่ได้และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปความเสียหายจากการโจมตีเล็กๆนั่นคงสั่งสมกันและสร้างปัญหาให้แก่มันเป็นแน่
สัตว์ร้ายตัดสินใจกำหมัดแล้วรวบรวมแรงทั้งหมดของมันเหวี่ยงเข้าใส่เด็กหนุ่มตรงหน้าทางที
‘หากป้องกันไม่ได้แล้วล่ะ ก็ขยี้มันตรงๆเนี่ยแหละ!’
เลสเตอร์เบิกตากว้างเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีตรงๆแบบนี้แต่ในวินาทีต่อมาเขาก็รีบหันกลับมาตั้งสติแล้วจัดดาบด้วยมือทั้งสองข้างไว้แน่
เด็กหนุ่มยกดาบขึ้นแล้วง้างไปด้านหลังเมื่อเห็นแบบนั้นเจ้ามังกรก็ยิ้มเยาะขึ้นมา
“คิดจะฟาดกลับมางั้นเหรอ โอหังนัก!” เจ้ามังกรพูดแบบนั้นในขณะที่ฝ่ามือของมันใกล้เข้ามาทุกที
ในขณะเดียวกันเลสเตอร์ก็ได้ส่งถ่ายพลาน่าพิเศษของตัวเองเข้าไปที่ตัวดาบ
เกล็ดหินเริ่มก่อตัวกันที่ปลายดาบเหมือนผลึกแก้วที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนกล้ายเป็นก้อนหินทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่
คริสตัลไลซ์ : ค้อน!
ณ
บัดนี้ใบดาบของเลสเตอร์ได้กลายเป็นเหมือนด้ามจับของค้อนขนาดใหญ่
เช่นเดียวกับพลาน่าพิเศษที่ถูกส่งไปที่ดาบ
เลสเตอร์ได้รีดเร้นพลาน่าพื้นฐานแทบทั้งหมดของร่างกายมารวมกันไว้ที่แขนก่อนจะเหวี่ยงสุดแรงเพื่อหวดค้อนหินขนาดใหญ่เข้าที่ฝ่ามือของสัตว์ร้าย
กร๊อบ!
เสียงบางอย่างที่แตกหักดังขึ้น
ค้อนหินที่ปลายดาบของเขาเกิดรอยร้าวจากแรงกระแทกสวนกันแต่ถึงอย่างงั้นเสียงที่แตกหักนั่นกลับไม่ได้มาจากตัวค้อนของเขาแต่เป็นกระดูกแขนของมังกรร้ายที่แตกละเอียด
สติของเจ้ามังกรหลุดลอยออกไปชั่วขณะพร้อมๆกับพร้อมกับแขนของที่ถูกสะบัดออกไปจากแรงกระแทก
เลสเตอร์คิดจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปอย่างแน่นออน
‘สลาย’ เลสเตอร์คิดจบก้อนหินขนาดใหญ่ที่ปลายค้อนรวมถึงหินแหลมที่ยังค้างอยู่ตรงใบดาบก็ค่อยๆแตกออกและหลุดออก
ในที่สุดค้อนหินขนาดใหญ่ก็กลับมาเป็นดาบคมกริบเล็มเดิม
เด็กหนุ่มรีบจับมันไว้แน่นแล้วพุ่งเข้าไปประชิดลำตัวของอีกฝั่งในทันที
“จบกันที”
เลสเตอร์พูดทิ้งท้ายก่อนจะจรดปลายดาบพุ่งเข้าใส่หน้าอกของเจ้ามังกร
สัตว์ร้ายที่ไม่ได้สติชั่วขณะนั้นไม่สามารถแม้แต่จะใช้พลาน่าป้องกันตัวเองเพราะฉะนั้นใบดาบจึงทะลุไปในเนื้อของมันอย่างง่ายได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการต่อสู้ของนักรบมังกร
คือ การหารูปแบบการต่อสู้ที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
นั่นคือสิ่งที่ฮะการ์สอนเขาไว้เสมอๆ
ใบดาบของเลสเตอร์พุ่งทะลุเนื้อเยื่อของเจ้ามังกรก่อนจะผ่านไปยังหัวใจ
สัตว์ร้ายชักกระตุกไปวูบหนึ่งก่อนจะแน่นิ่งไป
เมื่อเห็นแบบนั้นเลสเตอร์ก็ค่อยดึงดาบของตัวเองออกมาช้าๆ
ทั้งพลาน่า,ทักษะการคิดอ่าน รวมถึง ทักษะการต่อสู้ ทั้งหมดสามารถสั่งสมได้จากการฝึกฝนและประสบการณ์การต่อสู้จริง
ท้ายที่สุดทักษะเหล่านั้นจะตกผลึกเป็นรูปแบบการต่อสู้เฉพาะตัวของนักรบคนนั้นๆ
และนี่แหละ คือการต่อสู้ของเลสเตอร์เอลมอล
ชอบหรือถูกใจยังไงอย่าลืมกดให้กำลังใจหรือคอมเมนต์กันนะครับ - Noirgard
ความคิดเห็น