คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : Ep.2 Chapter 1 - เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปี
Chapter 1
Fifteen-Year-Old Boy
เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปี
ในตอนนี้ปราสาทสแตนฟอร์ดกำลังวุ่นวายกันยกใหญ่
“ทำไมต้องเป็นตอนนี้นะ”
เนลลี่ถอนหายใจออกมาพร้อมกับวิ่งออกไปตามทางเดินคดเคี้ยวของปราสาท
“เนลลี่ มีอะไรรึวิ่งตื่นมาแต่เช้าเชียว” ฮะการ์นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขาพร้อมกับเอกสารจำนวนมากที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
“มีรายงานจากตระกูลเครเมอร์ค่ะ พบเห็นมังกรทำผิดกฏร้ายแรงกำลังจะเข้ามาในอาณาเขตของเราในไม่ช้า”
เนลลี่อธิบายไปซึ่งพอฮะการ์ได้ยินแบบนั้นเขาก็วางปากกาที่กำลังถืออยู่ทันที
“ทำผิดกฎอะไร”
“สังหารมังกรเลี้ยงของเซ็นทรัลไปทั้งหมดสองตัวค่ะ
ในตอนนี้เขากำลังหลบหนีอยู่”
เนลลี่พูดออกมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักซึ่งสาเหตุของความตึงเครียดนั้นมาจากเรื่องอื่น
“เจ้าเอลเลียตก็ไม่อยู่ซะด้วยสิ”
ฮะการ์พูดจบก็กุมคางครุ่นคิด เนลลี่พยักหน้าเล็กๆเพราะนั่นแหละคือสิ่งที่เธอกำลังกังวลอยู่ในตอนนี้
“เอายังไงกันดีคะ
จะให้ติดต่อตระกูลอื่นเพื่อมาช่วยจัดการแทนมั้ยคะ” เนลลี่ถามไป
การขอความช่วยเหลือจากนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับเหล่าตระกูลใหญ่เพราะหลายๆครั้งก็มักจะมีสาเหตุที่ทำให้ปราสาทแต่ละปราสาทไม่มีนักรบมังกรอยู่บ่อยครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นการออกไปทำงานข้างนอกหรือว่าในตอนนั้นปราสาทยังว่างจากการมีนักรบในสังกัด
ที่สำคัญในบางครั้งนั้นมังกรที่เป็นเป้าหมายอาจจะมีความแข็งแกร่งเกินกว่าที่นักรบที่ประจำอยู่ในปราสาทตอนนั้นจะรับมือได้
“รายละเอียดของมังกรตัวนั้นล่ะ”
“เป็นมังกรดั้งเดิม ประเภทมังกรไฟ
เพศผู้ ขนาดสิบสองเมตรค่ะ” เนลลี่อธิบายรายละเอียดอย่างว่องไวสมเป็นมืออาชีพ
“สิบสองเมตรเลยงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ
ถ้าเป็นขนาดนี้ปกติแล้วเราจะให้ท่านเอลเลียตช่วยปราบแต่ว่า...”
“เจ้านั่นดันไม่อยู่น่ะสิ” ฮะการ์ถอนหายใจ
“ถ้าเอลเลียตอยูก็ไม่น่ามีปัญหา เจ้านั่นรับมือได้อยู่แล้ว”
“นั่นสินะคะ”
“ช่างมันเถอะ
สรุปว่าข้าต้องรีบตัดสินใจสินะ...งั้นก็คงต้องเลือกวิธีนี้ล่ะนะ”
“สรุปว่าจะให้ติดต่อไปทางตระกูลอื่นสินะคะ”
เนลลี่ถามย้ำเพราะเธอเองก็รู้อยู่แล้วว่าเอลเลียตน่าจะพอรับมือกับเป้าหมายได้แต่เมื่อเจ้าตัวไม่อยู่มันก็ช่วยไม่ได้
เธอจึงคิดว่าแบบนี้ดีที่สุดแล้วแต่ฮะการ์กลับส่ายหน้า
“นี่เป็นโอกาสดีที่จะทดสอบเจ้านั่นล่ะนะ”
ฮะการ์กล่าว “เราจะจัดการงานนี้เอง”
“คะ?” เนลลี่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ไปตามเลสเตอร์มา”
เลสเตอร์ เอลมอล
ในวัยสิบห้าปีกำลังงุนงงและสับสน หลังจากพึ่งถูกปลุกให้ตื่นนอนมาแบบหยกๆ
เป็นเวลาสามปีแล้วที่เขาอยู่ประจำที่ปราสาทสแตนฟอร์ดแห่งนี้
แต่ดูเหมือนว่านิสัยชอบทำอะไรแบบฉุกละหุกของฮะการ์จะยังคงทำให้เขารับมือไม่ถูกเสมอ
“สิบสองเมตรเหรอ?”
“ใช่”
ฮะการ์ที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานพูดกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะมาถึงที่นี่
ที่ด้านหลังเนลลี่กำลังยกชุดเกราะเหล็ดขนาดพอดีตัวขึ้นสวมเข้าตัวเด็กหนุ่ม
“อารมณ์ไหนล่ะนั่น
ปกติปู่บอกว่าผมยังไม่ควรจะรับมือกับพวกขนาดเกินสิบเมตรคนเดียวนี่”
เลสเตอร์หยิบถุงมือปลอกเหล็กขึ้นสวมที่ข้อมือพร้อมสะบัดไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถขยับได้สะดวก
“อืม ปกติข้าจะให้เอลเลียตจัดการล่ะนะแต่เจ้านั่นดันไม่อยู่ซะได้
หน้าที่เลยต้องตกเป็นของเจ้าไงล่ะ”
“หน้าที่ตัวสำรองงั้นสินะ”
เลสเตอร์กล่าวประชด
“จะทำหรือไม่ทำล่ะ” ฮะการ์ถาม
“ไม่ต้องคิดว่านี่เป็นหน้าที่ภาระอะไรก็ได้นะเพราะถ้าเจ้าไม่ทำทางเราก็แค่ส่งเรื่องไปให้ตระกูลอื่นเท่านั้นเอง”
เลสเตอร์ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
เขาได้แต่คิดในใจว่าเจ้าตัวสั่งให้เนลลี่ช่วยใส่เกราะให้เขาซะแบบนี้แล้วยังดันจะถามความเห็นเขาอีกเหรอ
“เรียบร้อยแล้วล่ะ”
เนลลี่จัดการจัดระเบียบชุดเกราะของเด็กหนุ่มให้กระชับแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“เกราะนี้เป็นเกราะที่ทำมาจากชิ้นส่วนมังกรไฟเพราะงั้นมันต้องช่วยได้มากแน่”
เนลลี่ยังไม่จบเท่านั้น
หญิงสาวหยิบของบางอย่างขึ้นมาก่อนจะยื่นให้เลสเตอร์
มันคือขวดยาขนาดเล็กสีเขียวสดใสสองขวดและอีกอย่างคืออะไรบางอย่างที่คล้ายกับพลุไฟ
“นี่ยาสมานแผลสองขวด
แล้วพลุไฟไว้ยิงขึ้นฟ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน” เนลลี่พูดขึ้น
อย่างที่เธอบอกนั่นแหละขวดยาสีเขียวที่ว่านั่นคือยาสมานแผลซึ่งสกัดมาจากสมุนไพรประหลาดๆทั้งหลายแหล่ของแอนทีค
แย่หน่อยที่เขาไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ ส่วนอีกอย่างคือพลุไฟซึ่งไว้ยิงขอความช่วยเหลือจากตระกูลอื่นในกรณีที่รับมือไม่ไหวซึ่งเลสเตอร์คิดว่ามันเป็นของที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ซักเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่มักจะต้องวัดดวงเอาว่าจะมีนักรบเห็นมันจากจุดที่ยิงรึเปล่า
ถ้าพลาดก็อันตรายถึงชีวิต
นี่แหละคือความเป็นจริงที่นักรบมังกรทุกคนจะต้องเจอ
“ขอบคุณครับ พี่เนลลี่”
เลสเตอร์หันไปพยักหน้าให้ก่อนจะหันหน้ากลับมาทางฮะการ์
“การที่ปู่ส่งผมไปแปลว่าคิดว่าผมจะรับมือไหวเหรอ”
“แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองจะรับมือไหวมั้ยล่ะ”
ฮะการ์พูดจบเลสเตอร์ก็กลอกตาเพราะไอ้นิสัยชอบตอบคำถามด้วยคำถามนี่ก็เป็นอะไรที่เขาทำตัวให้ชินไม่ค่อยได้เหมือนกัน
“รายละเอียดล่ะ”
เลสเตอร์เลิกสนใจแล้วถามคำถามสำคัญไป
“มังกรไฟสีน้ำตาลเพศผู้ ขนาดสิบสองเมตร
กระทำผิดโดยการสังหารมังกรเลี้ยงของเซ็นทรัลไปสองตัว
กำลังจะเข้าอาณาเขตของเราในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”
“สังหารมังกรเลี้ยง? พวกอารมณ์แปรปรวนเหรอ”
เลสเตอร์ถามเพราะจากที่เขาสังเกตมานี่ก็เป็นหนึ่งในกรณีที่เกิดค่อนข้างบ่อยในช่วงไม่กี่ปีมานี้
“ยังไม่รู้ว่าจุดมุ่งหมายคืออะไรแต่ทำผิดกฎแน่นอน
แค่นั้นก็เพียงพอที่เราจะต้องจัดการแล้ว”
เลสเตอร์พยักหน้าในทันที ในเวลาเร่งด่วนแบบนี้เขาไม่คิดจะถามซักไซ้มากไปกว่านี้แล้ว
สิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือไปจัดการงานให้จบแล้วเรื่องหลังจากนั้นค่อยว่ากัน
ยังไงซะเขาก็เป็นนักรบมังกรและนี่คือหน้าที่ของเขา
“ข้าจะไปด้วย
อยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้าพัฒนาไปถึงไหนแล้ว” ฮะการ์พูดจบก็ลุกขึ้นยืน เลสเตอร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“เอางั้นเหรอ
ก็ดีถ้าผมพลาดอะไรปู่จะได้หาทางช่วยผมได้” เลสเตอร์หัวเราะแห้งๆ “อ้อ ดาบของผมล่ะ”
“เนลลี่ เตรียมไว้ที่สถานีแล้ว”
ฮะการ์พูดถึงสถานีซึ่งเปรียบเสมือนลานจอดมังกร
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ
เวลาเหลือน้อยแล้ว” เลสเตอร์พูดจบก็เดินออกไปนอกห้องโดยมีฮะการ์เดินตาม
เขาเดินผ่านทางเดินคดเคี้ยวของปราสาทที่ตอนนี้นั้นแทบจะเหมือนบ้านของเขาไปแล้วอย่างสบายๆก่อนที่จะออกไปทางลานกว้างด้านนอกและเดินต่อไปทางสถานี
ดาบขนาดใหญ่เล่มหนึ่งถูกจัดวางไว้ข้างๆโดยมีดีเลียยืนอยู่ข้างๆสถานี
ข้างตัวของหญิงวัยกลางคนนั้นคือมังกรขนาดใหญ่สีน้ำตาลหนึ่งตัว
“เจ้าอากิลเป็นยังไงบ้าง ป้า”
เลสเตอร์พูดชื่อของมังกรตัวนั้นออกมา
อากิล
เป็นมังกรเลี้ยงขนาดใหญ่ตัวหนึ่งของปราสาทสแตนฟอร์ดซึ่งมันแทบจะเป็นเหมือนคู่หูของเลสเตอร์เวลาเด็กหนุ่มออกไปไหนมาไหน
“ก็พร้อมบินทุกเมื่อนั่นแหละ”
ดีเลียกล่าวสั้นๆ “แล้วต้องให้บอกกี่หนว่าอย่าเรียกฉันว่าป้าน่ะ ไอ้เด็กเวร”
“คิดเล็กคิดน้อยเหมือนเดิม”
เลสเตอร์พูดจบก็หยิบดาบของตัวเองขึ้นมาก่อนจะเหน็บมันไว้กับกระเป๋าหนังขนาดใหญ่ที่ผูกติดไว้กับตัวเจ้าอากิล
เสร็จแล้วเขาก็เดินไปลูบคางของเจ้ามังกรซึ่งเจ้าตัวก็ค่อยๆโน้มตัวลงมาเป็นสัญญาณให้ขึ้นขี่
“ท่านฮะการ์จะไปด้วยเหรองั้นเหรอคะ”
ดีเลียถามชายชราที่อยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่ม
“ไปดูผลลัพธ์ของการฝึกหน่อยน่ะ”
ฮะการ์ตอบสั้นๆแล้วเดินขึ้นหลังของอากิลตามเลสเตอร์ไป
เลสเตอร์อยู่ด้านหน้า
เขาใช้มือขวาจับแผงคอของอากิลแน่นก่อนจะสะบัดมันเบาๆ ทันใดนั้นเจ้ามังกรสีน้ำตาลก็กางปีกออกก่อนจะเริ่มบินออกไปสู่ฟากฟ้า
เลสเตอร์ยิ้มเล็กๆเพราะเมื่อก่อนนั้นฮะการ์หรือเนลลี่มักจะเป็นคนพาเขาบินไปไหนมาไหนเสมอแต่ในตอนนี้การขี่มังกรแทบจะเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันของเขาไปแล้ว
อากิลแหวกสายลมแล้วพุ่งไปด้วยความเร็วสูง ลมแรงพุ่งเข้ากระแทกหน้าของเด็กหนุ่มจนผมสะบัดไปมา
“กำหนดพิกัดของเป้าหมายได้รึเปล่า” ฮะการ์ส่งเสียงถาม
“เป้าหมายมาจากทางปราสาทเครเมอร์
ถ้าใช้ความเร็วขนาดนี้ก็น่าจะเจอกันแถวๆทุ่งหญ้าทางตะวันตกในอีกซักสิบห้านาที”
“ไม่เลว”
ฮะการ์พยักหน้าอย่างพอใจเพราะนั่นค่อนข้างใกล้เคียงกับที่เขาคิดไว้มากเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปอย่างว่องไวแต่ถึงอย่างงั้นสายตาของเลสเตอร์ก็ยังคงสอดส่องหาเป้าหมาย
ไม่เพียงแต่สายตาของเลสเตอร์เท่านั้น
เจ้าอากิลซึ่งเป็นมังกรที่เขาขี่นั้นก็ถูกฝึกมาให้ช่วยสอดส่องเป้าหมายด้วย
แม้ดวงตาของนักรบมังกรนั้นถูกปรับสภาพจนดีกว่าดวงตามนุษย์ทั่วไปแต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังดีไม่เท่ากับมังกรจริงๆอยู่ดี
ในตอนนั้นอยู่ดีอากิลก็ส่งเสียงครางเบาๆในลำคอจนเป็นสัญญาณให้เลสเตอร์ก้มลงไปมองมังกรที่เขาขี่
“เจอแล้วงั้นเหรอ อากิล”
เลสเตอร์เข้าใจในทันทีว่ามังกรของเขาต้องการจะสื่ออะไร ไม่นานเจ้าอากิลก็ส่งเสียงร้องแล้วเปลี่ยนทิศทางบินทันที
“ดูเหมือนจะเจอแล้วนะ”
ฮะการ์ที่อยู่ด้านหลังพูดขึ้น
“อืม เหมือนผมจะเห็นตัวมันแล้วแหละ”
เลสเตอร์เพ่งสายตาไปด้านหน้า ดวงตาของเขาสะท้อนภาพจุดเล็กๆท่ามกลางผืนฟ้าและมันกำลังใหญ่ขึ้นๆในทุกช่วงวินาที
เมื่อจุดๆนั้นเข้าใกล้มาจนถึงระยะๆหนึ่งมันก็บินเบี่ยงตัวไปในทิศทางอื่นทันที
เลสเตอร์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่หรี่ตาลง
“บินหนีแบบนี้...คงเป็นเป้าหมายของเราไม่ผิดแน่
เร่งความเร็วตามไปเลยอากิล” เลสเตอร์ออกแรงบีบแผงคอของอากิลแล้วออกคำสั่ง
อากิลนั้นเป็นมังกรเลี้ยงชั้นดีของสแตนฟอร์ด
ถ้าไม่นับสเปียร์แล้วล่ะก็มังกรตัวนี้ก็จัดเป็นมังกรที่ดีที่สุดของตระกูล
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของความเร็ว มันย่อมต้องว่องไวกว่ามังกรธรรมดามากแน่ๆ
สายลมที่แรงกว่าเดิมพุ่งผ่านทั้งสองร่างที่อยู่บนตัวของมังกร
ถ้าเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้ขี่มังกรมาจนเชี่ยวชาญอย่างสองคนนี้แล้วคงไม่พ้นถูกกระแสลมพัดปลิวตกไปแน่
ระยะห่างจากเป้าหมายค่อยๆลดลงเรื่อย
จุดเล็กๆตอนแรกบนท้องฟ้าเริ่มปรากฏให้เห็นรูปร่างอันชัดเจนมากขึ้นทุกวินาที
‘สีน้ำตาลขนาดราวสิบเมตร
ตามข้อมูลที่ได้มาทุกอย่าง...ระยะห่างขนาดนี้คงไล่ทันในหนึ่งนาที’
เลสเตอร์คิดในใจจบก็หยิบหันไปหยิบดาบเล่มใหญ่ที่เก็บไว้ในกระเป๋าหนังติดตัวอากิลขึ้นมาเตรียมพร้อม
ด้วยขนาดที่ยาวกว่าสองเมตรนั้นถ้าเป็นคนปกติคงไม่สามารถยกมันได้อย่างแน่นอนแต่ด้วยพลาน่าพื้นฐานของเขาในตอนนี้ทำให้มันไม่ต่างอะไรกับแท่งไม้เบาๆแท่งหนึ่ง
เจ้ามังกรเป้าหมายเริ่มลดระดับของตัวเองลงเรื่อยๆจนระยะห่างจากพื้นดินกับพวกเขาในตอนนี้นั้นห่างกันราวสิบเมตรเท่านั้น
ระยะห่างของมังกรทั้งสองตัวหดมาจนแทบจะไม่ถึงสิบเมตร
เลสเตอร์สั่งให้อากิลบินขึ้นสูงขึ้นไปเหนือตัวเป้าหมาย
ในไม่ช้าเจ้ามังกรสีน้ำตาลแดงก็อยู่ด้านล่างปีกของอากิลแล้ว
“พวกนักรบ...น่ารำคาญเสียจริง”
เมื่อมังกรผู้ถูกไล่ล่ารู้ตัวว่าถูกไล่ตามมาจนหนีไม่ได้แล้ว
มันก็ตัดสินใจหยุดตัวเองกลางอากาศแล้วชะเง้อคอยาวของมันไปด้านหลัง
หน้าอกของมันเปร่งแสงสีแดง
“มันจะพ่นไฟล่ะ! ไม่มีเวลาแล้ว ปู่! ผมฝากเจ้าอากิลหน่อย”
“เข้าใจแล้ว” ฮะการ์รับคำเรียบๆ
ในวินาทีเดียวกันเลสเตอร์ก็กระโดดพุ่งลงไปกลางอากาศพุ่งเข้าใส่เป้าหมายของเขาอย่างว่องไว
จนเจ้ามังกรถึงกับเบิกตากว้าง มันรีบเปลี่ยนเป้าหมายจากอากิลเป็นเลสเตอร์ที่พุ่งเข้าใส่ทันทีในตอนนั้นกระสุนเพลิงขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากลำคอของมัน
เมื่อเห็นลูกไฟกำลังพุ่งเขามา
เลสเตอร์ก็หันมาจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างแล้วสะบัดดาบสร้างแรงเหวี่ยงหมุนตัวพุ่งผ่านลูกไฟนั้นไป
ลูกไฟลูกใหญ่แตกกระจายออกเหมือนลูกโป่งที่โดนดาวกระจายพุ่งทะลุ
“อะไรกัน...” เจ้ามังกรเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าตกใจ
“ไอ้การยิงลูกไฟแบบนั้นน่ะ
ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ไอ้จิ้งเหลน” เลสเตอร์พูดจบก็ยกดาบฟาดลงไปที่หัวของเจ้ามังกรแล้วส่งมันลงไปกระแทกกับพื้นด้านล่างทันที
ที่เขาใช้คือเทคนิคในการใช้ดาบสร้างกระแสลมที่เหมือนกับพายุหมุนรอบตัวเพื่อใช้ปัดเปลวไฟที่เข้ามาใกล้
เลสเตอร์เติบโตขึ้นในฐานะนักรบมังกรแห่งตระกูลสแตนฟอร์ด
ตระกูลที่เชี่ยวชาญในการรับมือกับมังกรไฟมากที่สุดในดินแดนแห่งนี้เพราะแบบนั้นวิธีการรับมือเปลวไฟต่างๆมันแทบจะสลักเสลาเข้าไขกระดูกของเขาไปแล้ว
เลสเตอร์ตวัดดาบฟาดเข้าไปที่เป้าหมายซึ่งกระเด็นลงไปกับพื้นด้านล่าง
เจ้ามังกรรีบยกแขนขึ้นป้องกันจนเกิดเสียงการปะทะระหว่างกรงเล็บกับใบดาบดังลั่น
หลังจากนั้นเลสเตอร์ก็รีบทิ้งระยะห่างออกมาชั่วขณะแล้วชี้ดาบไปที่เป้าหมายของตัวเอง
“สังหารมังกรเลี้ยงของเซ็นทรัล
มีความผิดร้ายแรงรู้ใช่รึเปล่า” เลสเตอร์กล่าวเรียบๆ “จะยอมมอบตัวดีๆหรือจะต้องให้ฉันลากตัวนายไปที่เรือนจำมังกร”
“หุบปาก…พวกมนุษย์อย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งอะไรกับข้า”
“งั้นก็เลือกข้อหลังสินะ”
เลสเตอร์ได้ข้อสรุปในทันที ต่อจากนี้จะไม่มีการคุยเจรจาอีกต่อไปแล้ว
น่าเศร้าที่สิ่งที่จะแก้ปัญหาต่อจากนี้ไปได้มีเพียงความรุนแรงและการต่อสู้เท่านั้น
เลสเตอร์ไม่รอช้า เขารีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝั่งแบบฉับพลันก่อนจะตวัดดาบที่เป็นดุจเขี้ยวเล็บของตนเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
ใบดาบฟาดเข้าใส่ช่วงขาจนเกิดเสียงดังลั่น
เกล็ดสีน้ำตาลแดงที่อยู่รอบๆจุดที่ถูกฟันแตกร้าว เจ้ามังกรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วตวัดกรงเล็บของตัวเองไปมารอบๆตัวจนเลสเตอร์ต้องรีบยกดาบขึ้นป้องกัน
แรงกระแทกที่ส่งผ่านใบดาบมาแทบจะทำให้แขนของเขาชาแต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะบ่นเพราะถ้าหากเขาสมาธิหลุดในตอนนี้แม้แต่นิดเดียวล่ะก็ฝ่ามือขนาดใหญ่นี้คงซัดเขาจนปลิวแน่
‘ตะกี้เราฉวยจังหวะฟาดไปแรงขนาดนั้นแล้วแท้ๆแต่กลับทำได้แค่เกล็ดร้าวแปลว่าเจ้านี้คงใช้พลาน่าป้องกันได้ทันงั้นสินะ
สมแล้วที่เป็นขนาดเกินสิบเมตร’ เลสเตอร์คิดในใจ
ขนาดของมังกรไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่งเสมอไปถึงแม้ว่าส่วนใหญ่มังกรที่มีขนาดใหญ่โตนั้นมักจะแข็งแกร่งก็ตาม
หากให้เปรียบแล้วล่ะก็พลาน่าพื้นฐานนั้นเป็นเหมือนเกราะและดาบของทั้งมังกรและนักรบมังกรต่อให้พลาน่าพิเศษนั้นพิเศษและทรงพลังมากแค่ไหนแต่สุดท้ายสิ่งที่จะตัดสินการต่อสู้ได้ดีที่สุดจริงๆก็คือการควบคุมพลาน่าพื้นฐาน
หลังจากมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับมังกรมาหลายๆครั้งเลสเตอร์ก็รู้เลยว่าเมื่อสามปีก่อนตอนการทดสอบรอบสุดท้ายนั้นฟูโรออมมือให้พวกเขามากขนาดไหน
การที่พวกเขาสร้างบาดแผลให้กับมังกรลมตัวนั้นได้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความโชคดี
แต่ตอนนี้เขาจะทำแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ความผิดพลาดของนักรบมังกรครั้งหนึ่งอาจหมายถึงชีวิตเพราะแบบนั้นเขาจึงจะมาเสียเวลาพึ่งคำว่าโชคดีไม่ได้อีก
“เอาล่ะนะ”
เลสเตอร์เสริมพลาน่าพิเศษของตัวเองลงไปที่ขาแล้วเปลี่ยนเท้าของตัวเองให้กลายเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ยึดพื้นไว้
ในขณะที่ใส่พลาน่าพื้นฐานของตัวเองทั้งหมดไปที่ต้นแขน แทนที่จะป้องกันเขากลับกัดฟันแน่นแล้วออกแรงง้างดาบไปข้างหลังแล้วฟาดกลับไปอย่างเต็มแรง
เปรี้ยง!
เสียงกระแทกนั้นดังสนั่นหวั่นไหว
แขนของเจ้ามังกรที่สะบัดใส่เด็กหนุ่มในตอนนี้กลับถูกฟาดกลับไปด้านหลัง
กรงเล็บอันแหลมคมและเกล็ดอันมันวาวแตกละเอียดจากแรงกระแทกพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายไปทั่ว
“ฟู่…” เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมา
การโจมตีเมื่อกี้นั้นค่อนข้างจะกินแรงของเขาพอสมควรแต่พอได้เห็นเสียงกรีดร้องแสบหูของเจ้ามังกรที่กำลังกุมแขนของตัวเองด้วยความเจ็บปวดนั้นก็พอที่จะทำให้เขาโล่งใจได้บ้าง
“แย่จริง ดูท่ามังกรตัวนี้จะไม่อยู่ในระดับที่หวังไว้ซะแล้วสิ”
ฮะการ์ที่อยู่บนหลังของอากิลมองดูภาพการต่อสู้นั้นจากระยะห่าง
สำหรับคนอย่างฮะการ์แล้วถ้าไม่จำเป็นจริงๆเขาไม่คิดจะส่งนักรบในปราสาทของตัวเองเข้าไปสู้โดยไม่มีความมั่นใจว่านักรบของเขาจะมีโอกาสชนะ
ฝีมือของเลสเตอร์ในตอนนี้นั้นเรียกได้ว่ารับมือกับขนาดต่ำกว่าสิบเมตรส่วนใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็นแล้วเพราะงั้นเขาถึงหวังว่ามังกรขนาดสิบสองเมตรตัวนี้จะมีฝีมือมากพอที่จะช่วยเขาในการทดสอบเจ้าหนูนี่แต่ดูเหมือนว่าระดับของมังกรตัวนี้จะต่ำกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้
“ใกล้จบแล้วสินะ” ฮะการ์กล่าวเบาๆ
เลสเตอร์พุ่งเข้าใส่เป้าหมายต่อโดยไม่รีรอ
เจ้ามังกรที่ยังไม่ทันได้จัดการกับบาดแผลของตัวเองต้องกัดฟันรับความเจ็บปวด
สัตว์ร้ายคำรามลั่นเป็นการข่มขู่ซึ่งน่าเสียดายที่มันไม่ทำให้เลสเตอร์หวาดกลัวเลยซักนิด
การฉกฉวยโอกาสจากจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามถือเป็นพื้นฐานของการต่อสู้
เลสเตอร์พุ่งเข้าจู่โจมทางด้านขวาซึ่งเป็นด้านของแขนที่บาดเจ็บซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ยอมง่ายๆมันอ้าปากแล้วพุ่งคอเข้าใส่หวังกัดเขาให้ขาดเป็นสองท่อน
“ปิดฉากล่ะ”
เลสเตอร์พูดแบบนั้นในขณะที่สไลด์หลบการกัดนั่นไปในระดับเส้นยาแดงผ่าแปด
ตัวเขาในตอนนี้อยู่ตรงหน้าขาอันใหญ่โตของมังกรร้าย
เด็กหนุ่มกู่ร้องออกมาเพื่อเรียกเรี่ยวแรงแล้วยกดับสะบัดเข้าไป
ใบดาบคมกริบหมุนพุ่งผ่านเกล็ดแล้วผ่านเข้าสู่เนื้อด้านในราวกับมีดร้อนผ่าเนยส่งผลแขนข้างขวาของเจ้ามังกรในตอนนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของมันอีกแล้ว
“จบแล้วล่ะ”
เลสเตอร์พูดเรียบพร้อมกับมองร่างที่ทรุดลงไปเพราะแขนข้างขวาที่หลุดหาย
มันกัดฟันแล้วร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
“ก...แก เจ้าพวกมนุษย์
ถ้าไม่มีพวกแกอยู่แล้วล่ะก็...!”
เจ้าสัตว์ร้ายมองมาที่เขาด้วยความชิงชัง เลสเตอร์หรี่ตาลงแล้วในตอนนั้นเขาก็ผุดความคิดนึงขึ้นมาในสมอง
‘ความเกลียดชังในตัวมนุษย์ขนาดนี้
บางทีเจ้านี่อาจจะเป็น...ไม่สิ ช่างเถอะ”
เลสเตอร์คิดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดความคิดเพราะถึงคิดไปตอนนี้เขาก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
หน้าที่ของเขาในตอนนี้คือควบคุมเจ้ามังกรนี่ไม่ให้หนีไปไหนจนกว่าเจ้าหน้าที่จับกุมของเซ็นทรัลที่พวกเขาแจ้งไปก่อนเดินทางจะมาถึง
เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีหันไปมองเจ้าอากิลที่บินอยู่บนฟ้าและเพ่งสายตาไปยังชายชราที่อยู่บนหลังของมัน
“แบบนี้ถือว่าผ่านมั้ยล่ะ ปู่”
เลสเตอร์ส่งเสียงถามไป
ฮะการ์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มจางๆพร้อมกับความคิดหนึ่งในหัว
‘เจ้าหนูนี่เติบโตขึ้นแล้วจริงๆ’ ชายชราคิดแบบนั้น
ความคิดเห็น