ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Raid of Drachen

    ลำดับตอนที่ #37 : Ep.2 Chapter 1 - เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 438
      35
      20 ส.ค. 62

    Chapter 1

    Fifteen-Year-Old Boy

    เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปี

     

     

     

    ในตอนนี้ปราสาทสแตนฟอร์ดกำลังวุ่นวายกันยกใหญ่

    “ทำไมต้องเป็นตอนนี้นะ” เนลลี่ถอนหายใจออกมาพร้อมกับวิ่งออกไปตามทางเดินคดเคี้ยวของปราสาท

    “เนลลี่ มีอะไรรึวิ่งตื่นมาแต่เช้าเชียว” ฮะการ์นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขาพร้อมกับเอกสารจำนวนมากที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

    “มีรายงานจากตระกูลเครเมอร์ค่ะ พบเห็นมังกรทำผิดกฏร้ายแรงกำลังจะเข้ามาในอาณาเขตของเราในไม่ช้า” เนลลี่อธิบายไปซึ่งพอฮะการ์ได้ยินแบบนั้นเขาก็วางปากกาที่กำลังถืออยู่ทันที

    “ทำผิดกฎอะไร”

    “สังหารมังกรเลี้ยงของเซ็นทรัลไปทั้งหมดสองตัวค่ะ ในตอนนี้เขากำลังหลบหนีอยู่” เนลลี่พูดออกมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักซึ่งสาเหตุของความตึงเครียดนั้นมาจากเรื่องอื่น

    “เจ้าเอลเลียตก็ไม่อยู่ซะด้วยสิ” ฮะการ์พูดจบก็กุมคางครุ่นคิด เนลลี่พยักหน้าเล็กๆเพราะนั่นแหละคือสิ่งที่เธอกำลังกังวลอยู่ในตอนนี้

    “เอายังไงกันดีคะ จะให้ติดต่อตระกูลอื่นเพื่อมาช่วยจัดการแทนมั้ยคะ” เนลลี่ถามไป การขอความช่วยเหลือจากนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับเหล่าตระกูลใหญ่เพราะหลายๆครั้งก็มักจะมีสาเหตุที่ทำให้ปราสาทแต่ละปราสาทไม่มีนักรบมังกรอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการออกไปทำงานข้างนอกหรือว่าในตอนนั้นปราสาทยังว่างจากการมีนักรบในสังกัด ที่สำคัญในบางครั้งนั้นมังกรที่เป็นเป้าหมายอาจจะมีความแข็งแกร่งเกินกว่าที่นักรบที่ประจำอยู่ในปราสาทตอนนั้นจะรับมือได้

    “รายละเอียดของมังกรตัวนั้นล่ะ”

    “เป็นมังกรดั้งเดิม ประเภทมังกรไฟ เพศผู้ ขนาดสิบสองเมตรค่ะ” เนลลี่อธิบายรายละเอียดอย่างว่องไวสมเป็นมืออาชีพ

    “สิบสองเมตรเลยงั้นเหรอ”

    “ใช่ค่ะ ถ้าเป็นขนาดนี้ปกติแล้วเราจะให้ท่านเอลเลียตช่วยปราบแต่ว่า...”

    “เจ้านั่นดันไม่อยู่น่ะสิ” ฮะการ์ถอนหายใจ “ถ้าเอลเลียตอยูก็ไม่น่ามีปัญหา เจ้านั่นรับมือได้อยู่แล้ว”

    “นั่นสินะคะ”

    “ช่างมันเถอะ สรุปว่าข้าต้องรีบตัดสินใจสินะ...งั้นก็คงต้องเลือกวิธีนี้ล่ะนะ”

    “สรุปว่าจะให้ติดต่อไปทางตระกูลอื่นสินะคะ” เนลลี่ถามย้ำเพราะเธอเองก็รู้อยู่แล้วว่าเอลเลียตน่าจะพอรับมือกับเป้าหมายได้แต่เมื่อเจ้าตัวไม่อยู่มันก็ช่วยไม่ได้ เธอจึงคิดว่าแบบนี้ดีที่สุดแล้วแต่ฮะการ์กลับส่ายหน้า

    “นี่เป็นโอกาสดีที่จะทดสอบเจ้านั่นล่ะนะ” ฮะการ์กล่าว “เราจะจัดการงานนี้เอง”

    “คะ?” เนลลี่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

    “ไปตามเลสเตอร์มา”

     

     

     

    เลสเตอร์ เอลมอล ในวัยสิบห้าปีกำลังงุนงงและสับสน หลังจากพึ่งถูกปลุกให้ตื่นนอนมาแบบหยกๆ

    เป็นเวลาสามปีแล้วที่เขาอยู่ประจำที่ปราสาทสแตนฟอร์ดแห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่านิสัยชอบทำอะไรแบบฉุกละหุกของฮะการ์จะยังคงทำให้เขารับมือไม่ถูกเสมอ

    “สิบสองเมตรเหรอ?

    “ใช่” ฮะการ์ที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานพูดกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะมาถึงที่นี่ ที่ด้านหลังเนลลี่กำลังยกชุดเกราะเหล็ดขนาดพอดีตัวขึ้นสวมเข้าตัวเด็กหนุ่ม

    “อารมณ์ไหนล่ะนั่น ปกติปู่บอกว่าผมยังไม่ควรจะรับมือกับพวกขนาดเกินสิบเมตรคนเดียวนี่” เลสเตอร์หยิบถุงมือปลอกเหล็กขึ้นสวมที่ข้อมือพร้อมสะบัดไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถขยับได้สะดวก

    “อืม ปกติข้าจะให้เอลเลียตจัดการล่ะนะแต่เจ้านั่นดันไม่อยู่ซะได้ หน้าที่เลยต้องตกเป็นของเจ้าไงล่ะ”

    “หน้าที่ตัวสำรองงั้นสินะ” เลสเตอร์กล่าวประชด

    “จะทำหรือไม่ทำล่ะ” ฮะการ์ถาม “ไม่ต้องคิดว่านี่เป็นหน้าที่ภาระอะไรก็ได้นะเพราะถ้าเจ้าไม่ทำทางเราก็แค่ส่งเรื่องไปให้ตระกูลอื่นเท่านั้นเอง”

    เลสเตอร์ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เขาได้แต่คิดในใจว่าเจ้าตัวสั่งให้เนลลี่ช่วยใส่เกราะให้เขาซะแบบนี้แล้วยังดันจะถามความเห็นเขาอีกเหรอ

    “เรียบร้อยแล้วล่ะ” เนลลี่จัดการจัดระเบียบชุดเกราะของเด็กหนุ่มให้กระชับแล้วยิ้มอย่างพอใจ “เกราะนี้เป็นเกราะที่ทำมาจากชิ้นส่วนมังกรไฟเพราะงั้นมันต้องช่วยได้มากแน่”

    เนลลี่ยังไม่จบเท่านั้น หญิงสาวหยิบของบางอย่างขึ้นมาก่อนจะยื่นให้เลสเตอร์ มันคือขวดยาขนาดเล็กสีเขียวสดใสสองขวดและอีกอย่างคืออะไรบางอย่างที่คล้ายกับพลุไฟ

    “นี่ยาสมานแผลสองขวด แล้วพลุไฟไว้ยิงขึ้นฟ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน” เนลลี่พูดขึ้น

    อย่างที่เธอบอกนั่นแหละขวดยาสีเขียวที่ว่านั่นคือยาสมานแผลซึ่งสกัดมาจากสมุนไพรประหลาดๆทั้งหลายแหล่ของแอนทีค แย่หน่อยที่เขาไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ ส่วนอีกอย่างคือพลุไฟซึ่งไว้ยิงขอความช่วยเหลือจากตระกูลอื่นในกรณีที่รับมือไม่ไหวซึ่งเลสเตอร์คิดว่ามันเป็นของที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ซักเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่มักจะต้องวัดดวงเอาว่าจะมีนักรบเห็นมันจากจุดที่ยิงรึเปล่า

    ถ้าพลาดก็อันตรายถึงชีวิต นี่แหละคือความเป็นจริงที่นักรบมังกรทุกคนจะต้องเจอ

    “ขอบคุณครับ พี่เนลลี่” เลสเตอร์หันไปพยักหน้าให้ก่อนจะหันหน้ากลับมาทางฮะการ์ “การที่ปู่ส่งผมไปแปลว่าคิดว่าผมจะรับมือไหวเหรอ”

    “แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองจะรับมือไหวมั้ยล่ะ” ฮะการ์พูดจบเลสเตอร์ก็กลอกตาเพราะไอ้นิสัยชอบตอบคำถามด้วยคำถามนี่ก็เป็นอะไรที่เขาทำตัวให้ชินไม่ค่อยได้เหมือนกัน

    “รายละเอียดล่ะ” เลสเตอร์เลิกสนใจแล้วถามคำถามสำคัญไป

    “มังกรไฟสีน้ำตาลเพศผู้ ขนาดสิบสองเมตร กระทำผิดโดยการสังหารมังกรเลี้ยงของเซ็นทรัลไปสองตัว กำลังจะเข้าอาณาเขตของเราในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”

    “สังหารมังกรเลี้ยง? พวกอารมณ์แปรปรวนเหรอ” เลสเตอร์ถามเพราะจากที่เขาสังเกตมานี่ก็เป็นหนึ่งในกรณีที่เกิดค่อนข้างบ่อยในช่วงไม่กี่ปีมานี้

    “ยังไม่รู้ว่าจุดมุ่งหมายคืออะไรแต่ทำผิดกฎแน่นอน แค่นั้นก็เพียงพอที่เราจะต้องจัดการแล้ว”

    เลสเตอร์พยักหน้าในทันที ในเวลาเร่งด่วนแบบนี้เขาไม่คิดจะถามซักไซ้มากไปกว่านี้แล้ว สิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือไปจัดการงานให้จบแล้วเรื่องหลังจากนั้นค่อยว่ากัน

    ยังไงซะเขาก็เป็นนักรบมังกรและนี่คือหน้าที่ของเขา

    “ข้าจะไปด้วย อยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้าพัฒนาไปถึงไหนแล้ว” ฮะการ์พูดจบก็ลุกขึ้นยืน เลสเตอร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

    “เอางั้นเหรอ ก็ดีถ้าผมพลาดอะไรปู่จะได้หาทางช่วยผมได้” เลสเตอร์หัวเราะแห้งๆ “อ้อ ดาบของผมล่ะ”

    “เนลลี่ เตรียมไว้ที่สถานีแล้ว” ฮะการ์พูดถึงสถานีซึ่งเปรียบเสมือนลานจอดมังกร

    “งั้นเราก็ไปกันเถอะ เวลาเหลือน้อยแล้ว” เลสเตอร์พูดจบก็เดินออกไปนอกห้องโดยมีฮะการ์เดินตาม เขาเดินผ่านทางเดินคดเคี้ยวของปราสาทที่ตอนนี้นั้นแทบจะเหมือนบ้านของเขาไปแล้วอย่างสบายๆก่อนที่จะออกไปทางลานกว้างด้านนอกและเดินต่อไปทางสถานี

    ดาบขนาดใหญ่เล่มหนึ่งถูกจัดวางไว้ข้างๆโดยมีดีเลียยืนอยู่ข้างๆสถานี ข้างตัวของหญิงวัยกลางคนนั้นคือมังกรขนาดใหญ่สีน้ำตาลหนึ่งตัว

    “เจ้าอากิลเป็นยังไงบ้าง ป้า” เลสเตอร์พูดชื่อของมังกรตัวนั้นออกมา

    อากิล เป็นมังกรเลี้ยงขนาดใหญ่ตัวหนึ่งของปราสาทสแตนฟอร์ดซึ่งมันแทบจะเป็นเหมือนคู่หูของเลสเตอร์เวลาเด็กหนุ่มออกไปไหนมาไหน

    “ก็พร้อมบินทุกเมื่อนั่นแหละ” ดีเลียกล่าวสั้นๆ “แล้วต้องให้บอกกี่หนว่าอย่าเรียกฉันว่าป้าน่ะ ไอ้เด็กเวร”

    “คิดเล็กคิดน้อยเหมือนเดิม” เลสเตอร์พูดจบก็หยิบดาบของตัวเองขึ้นมาก่อนจะเหน็บมันไว้กับกระเป๋าหนังขนาดใหญ่ที่ผูกติดไว้กับตัวเจ้าอากิล เสร็จแล้วเขาก็เดินไปลูบคางของเจ้ามังกรซึ่งเจ้าตัวก็ค่อยๆโน้มตัวลงมาเป็นสัญญาณให้ขึ้นขี่

    “ท่านฮะการ์จะไปด้วยเหรองั้นเหรอคะ” ดีเลียถามชายชราที่อยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่ม

    “ไปดูผลลัพธ์ของการฝึกหน่อยน่ะ” ฮะการ์ตอบสั้นๆแล้วเดินขึ้นหลังของอากิลตามเลสเตอร์ไป

    เลสเตอร์อยู่ด้านหน้า เขาใช้มือขวาจับแผงคอของอากิลแน่นก่อนจะสะบัดมันเบาๆ ทันใดนั้นเจ้ามังกรสีน้ำตาลก็กางปีกออกก่อนจะเริ่มบินออกไปสู่ฟากฟ้า

    เลสเตอร์ยิ้มเล็กๆเพราะเมื่อก่อนนั้นฮะการ์หรือเนลลี่มักจะเป็นคนพาเขาบินไปไหนมาไหนเสมอแต่ในตอนนี้การขี่มังกรแทบจะเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันของเขาไปแล้ว อากิลแหวกสายลมแล้วพุ่งไปด้วยความเร็วสูง ลมแรงพุ่งเข้ากระแทกหน้าของเด็กหนุ่มจนผมสะบัดไปมา

    “กำหนดพิกัดของเป้าหมายได้รึเปล่า” ฮะการ์ส่งเสียงถาม

    “เป้าหมายมาจากทางปราสาทเครเมอร์ ถ้าใช้ความเร็วขนาดนี้ก็น่าจะเจอกันแถวๆทุ่งหญ้าทางตะวันตกในอีกซักสิบห้านาที”

    “ไม่เลว” ฮะการ์พยักหน้าอย่างพอใจเพราะนั่นค่อนข้างใกล้เคียงกับที่เขาคิดไว้มากเลยทีเดียว

    เวลาผ่านไปอย่างว่องไวแต่ถึงอย่างงั้นสายตาของเลสเตอร์ก็ยังคงสอดส่องหาเป้าหมาย

    ไม่เพียงแต่สายตาของเลสเตอร์เท่านั้น เจ้าอากิลซึ่งเป็นมังกรที่เขาขี่นั้นก็ถูกฝึกมาให้ช่วยสอดส่องเป้าหมายด้วย แม้ดวงตาของนักรบมังกรนั้นถูกปรับสภาพจนดีกว่าดวงตามนุษย์ทั่วไปแต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังดีไม่เท่ากับมังกรจริงๆอยู่ดี

    ในตอนนั้นอยู่ดีอากิลก็ส่งเสียงครางเบาๆในลำคอจนเป็นสัญญาณให้เลสเตอร์ก้มลงไปมองมังกรที่เขาขี่

    “เจอแล้วงั้นเหรอ อากิล” เลสเตอร์เข้าใจในทันทีว่ามังกรของเขาต้องการจะสื่ออะไร ไม่นานเจ้าอากิลก็ส่งเสียงร้องแล้วเปลี่ยนทิศทางบินทันที

    “ดูเหมือนจะเจอแล้วนะ” ฮะการ์ที่อยู่ด้านหลังพูดขึ้น

    “อืม เหมือนผมจะเห็นตัวมันแล้วแหละ” เลสเตอร์เพ่งสายตาไปด้านหน้า ดวงตาของเขาสะท้อนภาพจุดเล็กๆท่ามกลางผืนฟ้าและมันกำลังใหญ่ขึ้นๆในทุกช่วงวินาที

    เมื่อจุดๆนั้นเข้าใกล้มาจนถึงระยะๆหนึ่งมันก็บินเบี่ยงตัวไปในทิศทางอื่นทันที เลสเตอร์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่หรี่ตาลง

    “บินหนีแบบนี้...คงเป็นเป้าหมายของเราไม่ผิดแน่ เร่งความเร็วตามไปเลยอากิล” เลสเตอร์ออกแรงบีบแผงคอของอากิลแล้วออกคำสั่ง

    อากิลนั้นเป็นมังกรเลี้ยงชั้นดีของสแตนฟอร์ด ถ้าไม่นับสเปียร์แล้วล่ะก็มังกรตัวนี้ก็จัดเป็นมังกรที่ดีที่สุดของตระกูล ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของความเร็ว มันย่อมต้องว่องไวกว่ามังกรธรรมดามากแน่ๆ

    สายลมที่แรงกว่าเดิมพุ่งผ่านทั้งสองร่างที่อยู่บนตัวของมังกร ถ้าเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้ขี่มังกรมาจนเชี่ยวชาญอย่างสองคนนี้แล้วคงไม่พ้นถูกกระแสลมพัดปลิวตกไปแน่

    ระยะห่างจากเป้าหมายค่อยๆลดลงเรื่อย จุดเล็กๆตอนแรกบนท้องฟ้าเริ่มปรากฏให้เห็นรูปร่างอันชัดเจนมากขึ้นทุกวินาที

    สีน้ำตาลขนาดราวสิบเมตร ตามข้อมูลที่ได้มาทุกอย่าง...ระยะห่างขนาดนี้คงไล่ทันในหนึ่งนาที เลสเตอร์คิดในใจจบก็หยิบหันไปหยิบดาบเล่มใหญ่ที่เก็บไว้ในกระเป๋าหนังติดตัวอากิลขึ้นมาเตรียมพร้อม ด้วยขนาดที่ยาวกว่าสองเมตรนั้นถ้าเป็นคนปกติคงไม่สามารถยกมันได้อย่างแน่นอนแต่ด้วยพลาน่าพื้นฐานของเขาในตอนนี้ทำให้มันไม่ต่างอะไรกับแท่งไม้เบาๆแท่งหนึ่ง

    เจ้ามังกรเป้าหมายเริ่มลดระดับของตัวเองลงเรื่อยๆจนระยะห่างจากพื้นดินกับพวกเขาในตอนนี้นั้นห่างกันราวสิบเมตรเท่านั้น

    ระยะห่างของมังกรทั้งสองตัวหดมาจนแทบจะไม่ถึงสิบเมตร เลสเตอร์สั่งให้อากิลบินขึ้นสูงขึ้นไปเหนือตัวเป้าหมาย ในไม่ช้าเจ้ามังกรสีน้ำตาลแดงก็อยู่ด้านล่างปีกของอากิลแล้ว

    “พวกนักรบ...น่ารำคาญเสียจริง” เมื่อมังกรผู้ถูกไล่ล่ารู้ตัวว่าถูกไล่ตามมาจนหนีไม่ได้แล้ว มันก็ตัดสินใจหยุดตัวเองกลางอากาศแล้วชะเง้อคอยาวของมันไปด้านหลัง หน้าอกของมันเปร่งแสงสีแดง

    “มันจะพ่นไฟล่ะ! ไม่มีเวลาแล้ว ปู่! ผมฝากเจ้าอากิลหน่อย”

    “เข้าใจแล้ว” ฮะการ์รับคำเรียบๆ ในวินาทีเดียวกันเลสเตอร์ก็กระโดดพุ่งลงไปกลางอากาศพุ่งเข้าใส่เป้าหมายของเขาอย่างว่องไว จนเจ้ามังกรถึงกับเบิกตากว้าง มันรีบเปลี่ยนเป้าหมายจากอากิลเป็นเลสเตอร์ที่พุ่งเข้าใส่ทันทีในตอนนั้นกระสุนเพลิงขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากลำคอของมัน

    เมื่อเห็นลูกไฟกำลังพุ่งเขามา เลสเตอร์ก็หันมาจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างแล้วสะบัดดาบสร้างแรงเหวี่ยงหมุนตัวพุ่งผ่านลูกไฟนั้นไป ลูกไฟลูกใหญ่แตกกระจายออกเหมือนลูกโป่งที่โดนดาวกระจายพุ่งทะลุ

    “อะไรกัน...” เจ้ามังกรเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าตกใจ

    “ไอ้การยิงลูกไฟแบบนั้นน่ะ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ไอ้จิ้งเหลน” เลสเตอร์พูดจบก็ยกดาบฟาดลงไปที่หัวของเจ้ามังกรแล้วส่งมันลงไปกระแทกกับพื้นด้านล่างทันที

    ที่เขาใช้คือเทคนิคในการใช้ดาบสร้างกระแสลมที่เหมือนกับพายุหมุนรอบตัวเพื่อใช้ปัดเปลวไฟที่เข้ามาใกล้

    เลสเตอร์เติบโตขึ้นในฐานะนักรบมังกรแห่งตระกูลสแตนฟอร์ด ตระกูลที่เชี่ยวชาญในการรับมือกับมังกรไฟมากที่สุดในดินแดนแห่งนี้เพราะแบบนั้นวิธีการรับมือเปลวไฟต่างๆมันแทบจะสลักเสลาเข้าไขกระดูกของเขาไปแล้ว

    เลสเตอร์ตวัดดาบฟาดเข้าไปที่เป้าหมายซึ่งกระเด็นลงไปกับพื้นด้านล่าง เจ้ามังกรรีบยกแขนขึ้นป้องกันจนเกิดเสียงการปะทะระหว่างกรงเล็บกับใบดาบดังลั่น

    หลังจากนั้นเลสเตอร์ก็รีบทิ้งระยะห่างออกมาชั่วขณะแล้วชี้ดาบไปที่เป้าหมายของตัวเอง

    “สังหารมังกรเลี้ยงของเซ็นทรัล มีความผิดร้ายแรงรู้ใช่รึเปล่า” เลสเตอร์กล่าวเรียบๆ “จะยอมมอบตัวดีๆหรือจะต้องให้ฉันลากตัวนายไปที่เรือนจำมังกร”

    “หุบปากพวกมนุษย์อย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งอะไรกับข้า”

    “งั้นก็เลือกข้อหลังสินะ” เลสเตอร์ได้ข้อสรุปในทันที ต่อจากนี้จะไม่มีการคุยเจรจาอีกต่อไปแล้ว น่าเศร้าที่สิ่งที่จะแก้ปัญหาต่อจากนี้ไปได้มีเพียงความรุนแรงและการต่อสู้เท่านั้น

    เลสเตอร์ไม่รอช้า เขารีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝั่งแบบฉับพลันก่อนจะตวัดดาบที่เป็นดุจเขี้ยวเล็บของตนเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ใบดาบฟาดเข้าใส่ช่วงขาจนเกิดเสียงดังลั่น เกล็ดสีน้ำตาลแดงที่อยู่รอบๆจุดที่ถูกฟันแตกร้าว เจ้ามังกรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วตวัดกรงเล็บของตัวเองไปมารอบๆตัวจนเลสเตอร์ต้องรีบยกดาบขึ้นป้องกัน

    แรงกระแทกที่ส่งผ่านใบดาบมาแทบจะทำให้แขนของเขาชาแต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะบ่นเพราะถ้าหากเขาสมาธิหลุดในตอนนี้แม้แต่นิดเดียวล่ะก็ฝ่ามือขนาดใหญ่นี้คงซัดเขาจนปลิวแน่

    ตะกี้เราฉวยจังหวะฟาดไปแรงขนาดนั้นแล้วแท้ๆแต่กลับทำได้แค่เกล็ดร้าวแปลว่าเจ้านี้คงใช้พลาน่าป้องกันได้ทันงั้นสินะ สมแล้วที่เป็นขนาดเกินสิบเมตร เลสเตอร์คิดในใจ ขนาดของมังกรไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่งเสมอไปถึงแม้ว่าส่วนใหญ่มังกรที่มีขนาดใหญ่โตนั้นมักจะแข็งแกร่งก็ตาม

    หากให้เปรียบแล้วล่ะก็พลาน่าพื้นฐานนั้นเป็นเหมือนเกราะและดาบของทั้งมังกรและนักรบมังกรต่อให้พลาน่าพิเศษนั้นพิเศษและทรงพลังมากแค่ไหนแต่สุดท้ายสิ่งที่จะตัดสินการต่อสู้ได้ดีที่สุดจริงๆก็คือการควบคุมพลาน่าพื้นฐาน

    หลังจากมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับมังกรมาหลายๆครั้งเลสเตอร์ก็รู้เลยว่าเมื่อสามปีก่อนตอนการทดสอบรอบสุดท้ายนั้นฟูโรออมมือให้พวกเขามากขนาดไหน การที่พวกเขาสร้างบาดแผลให้กับมังกรลมตัวนั้นได้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความโชคดี

    แต่ตอนนี้เขาจะทำแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ความผิดพลาดของนักรบมังกรครั้งหนึ่งอาจหมายถึงชีวิตเพราะแบบนั้นเขาจึงจะมาเสียเวลาพึ่งคำว่าโชคดีไม่ได้อีก

    “เอาล่ะนะ” เลสเตอร์เสริมพลาน่าพิเศษของตัวเองลงไปที่ขาแล้วเปลี่ยนเท้าของตัวเองให้กลายเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ยึดพื้นไว้ ในขณะที่ใส่พลาน่าพื้นฐานของตัวเองทั้งหมดไปที่ต้นแขน แทนที่จะป้องกันเขากลับกัดฟันแน่นแล้วออกแรงง้างดาบไปข้างหลังแล้วฟาดกลับไปอย่างเต็มแรง

    เปรี้ยง!

    เสียงกระแทกนั้นดังสนั่นหวั่นไหว แขนของเจ้ามังกรที่สะบัดใส่เด็กหนุ่มในตอนนี้กลับถูกฟาดกลับไปด้านหลัง กรงเล็บอันแหลมคมและเกล็ดอันมันวาวแตกละเอียดจากแรงกระแทกพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายไปทั่ว

    “ฟู่” เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมา การโจมตีเมื่อกี้นั้นค่อนข้างจะกินแรงของเขาพอสมควรแต่พอได้เห็นเสียงกรีดร้องแสบหูของเจ้ามังกรที่กำลังกุมแขนของตัวเองด้วยความเจ็บปวดนั้นก็พอที่จะทำให้เขาโล่งใจได้บ้าง

    “แย่จริง ดูท่ามังกรตัวนี้จะไม่อยู่ในระดับที่หวังไว้ซะแล้วสิ” ฮะการ์ที่อยู่บนหลังของอากิลมองดูภาพการต่อสู้นั้นจากระยะห่าง

    สำหรับคนอย่างฮะการ์แล้วถ้าไม่จำเป็นจริงๆเขาไม่คิดจะส่งนักรบในปราสาทของตัวเองเข้าไปสู้โดยไม่มีความมั่นใจว่านักรบของเขาจะมีโอกาสชนะ

    ฝีมือของเลสเตอร์ในตอนนี้นั้นเรียกได้ว่ารับมือกับขนาดต่ำกว่าสิบเมตรส่วนใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็นแล้วเพราะงั้นเขาถึงหวังว่ามังกรขนาดสิบสองเมตรตัวนี้จะมีฝีมือมากพอที่จะช่วยเขาในการทดสอบเจ้าหนูนี่แต่ดูเหมือนว่าระดับของมังกรตัวนี้จะต่ำกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้

    “ใกล้จบแล้วสินะ” ฮะการ์กล่าวเบาๆ

    เลสเตอร์พุ่งเข้าใส่เป้าหมายต่อโดยไม่รีรอ เจ้ามังกรที่ยังไม่ทันได้จัดการกับบาดแผลของตัวเองต้องกัดฟันรับความเจ็บปวด สัตว์ร้ายคำรามลั่นเป็นการข่มขู่ซึ่งน่าเสียดายที่มันไม่ทำให้เลสเตอร์หวาดกลัวเลยซักนิด

    การฉกฉวยโอกาสจากจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามถือเป็นพื้นฐานของการต่อสู้ เลสเตอร์พุ่งเข้าจู่โจมทางด้านขวาซึ่งเป็นด้านของแขนที่บาดเจ็บซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ยอมง่ายๆมันอ้าปากแล้วพุ่งคอเข้าใส่หวังกัดเขาให้ขาดเป็นสองท่อน

    “ปิดฉากล่ะ” เลสเตอร์พูดแบบนั้นในขณะที่สไลด์หลบการกัดนั่นไปในระดับเส้นยาแดงผ่าแปด ตัวเขาในตอนนี้อยู่ตรงหน้าขาอันใหญ่โตของมังกรร้าย เด็กหนุ่มกู่ร้องออกมาเพื่อเรียกเรี่ยวแรงแล้วยกดับสะบัดเข้าไป

    ใบดาบคมกริบหมุนพุ่งผ่านเกล็ดแล้วผ่านเข้าสู่เนื้อด้านในราวกับมีดร้อนผ่าเนยส่งผลแขนข้างขวาของเจ้ามังกรในตอนนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของมันอีกแล้ว

    “จบแล้วล่ะ” เลสเตอร์พูดเรียบพร้อมกับมองร่างที่ทรุดลงไปเพราะแขนข้างขวาที่หลุดหาย มันกัดฟันแล้วร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

    “ก...แก เจ้าพวกมนุษย์ ถ้าไม่มีพวกแกอยู่แล้วล่ะก็...!” เจ้าสัตว์ร้ายมองมาที่เขาด้วยความชิงชัง เลสเตอร์หรี่ตาลงแล้วในตอนนั้นเขาก็ผุดความคิดนึงขึ้นมาในสมอง

    ความเกลียดชังในตัวมนุษย์ขนาดนี้ บางทีเจ้านี่อาจจะเป็น...ไม่สิ ช่างเถอะ” เลสเตอร์คิดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดความคิดเพราะถึงคิดไปตอนนี้เขาก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา หน้าที่ของเขาในตอนนี้คือควบคุมเจ้ามังกรนี่ไม่ให้หนีไปไหนจนกว่าเจ้าหน้าที่จับกุมของเซ็นทรัลที่พวกเขาแจ้งไปก่อนเดินทางจะมาถึง

    เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีหันไปมองเจ้าอากิลที่บินอยู่บนฟ้าและเพ่งสายตาไปยังชายชราที่อยู่บนหลังของมัน

    “แบบนี้ถือว่าผ่านมั้ยล่ะ ปู่” เลสเตอร์ส่งเสียงถามไป

    ฮะการ์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มจางๆพร้อมกับความคิดหนึ่งในหัว

    เจ้าหนูนี่เติบโตขึ้นแล้วจริงๆ ชายชราคิดแบบนั้น

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×