คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : Ep.1 Chapter 30 - การทดสอบสุดท้าย
Chapter 30
Final Test
การทดสอบสุดท้าย
“เซ็งๆๆๆ” เลสเตอร์บ่นออกมาเสียงดัง
“เงียบซะทีน่า
โอดครวญไปตอนนี้นายก็ย้อนกลับไปไม่ได้หรอก”
เอลเลียตที่นั่งอยู่ข้างๆถอนหายใจเพราะหมอนี่เอาแต่บ่นแบบนี้ไม่ได้เกือบสิบห้านาทีแล้ว
“นายไม่เป็นเหมือนฉันก็พูดได้สิ”
เวลานี้เป็นเวลาหกโมงเย็นสิบห้านาที
พวกเขาสี่คนกำลังนั่งพักรอระหว่างการทดสอบวิชาสุดท้าย
ที่นี่คือห้องพักด้านในของสนามประลองผืนทรายซึ่งเป็นสนามประลองขนาดใหญ่ที่อยู่ชั้นที่ห้าสิบซึ่งปกติแล้วเป็นสถานที่ที่ไม่อนุญาตให้นักเรียนของที่นี่เข้ามาแต่ที่นี่ในตอนนี้เหล่านักรบทั้งสิบสองคนได้อนุญาตให้มาที่นี่เพื่อรับการทดสอบสุดท้ายเป็นกรณีพิเศษ
เนื่องจากพวกเขาถูกพามายังห้องพักด้านในนี้ทันทีทำให้พวกเขายังไม่เคยได้เห็นตัวสนามประลองที่ว่าจริงๆเพียงแค่รู้ว่ามันเป็นสนามประลองขนาดใหญ่ที่ถูกใช้งานในการฝึกฝนของนักรบมังกรระดับแนวหน้า
การทดสอบที่ผ่านๆมาก็ออกมาค่อนข้างเรียบง่าย
ส่วนใหญ่เนื้อหาในการสอบก็จะอยู่ในที่เรียนกัน
จะมีความรู้รอบตัวบ้างซึ่งในส่วนนี้เลสเตอร์แทบจะตายแล้วตายรอดกับมันให้ได้เนื่องจากเด็กจากเวย์แลนด์อย่างเขานั้นแทบจะมีความรู้รอบตัวเกี่ยวกับแอนทีคอยู่ในระดับติดลบ
วิชาแรกอย่างวิชาดูแลและฝึกฝนมังกรนั้น
ในส่วนแรกทดสอบปฏิบัตินั้นเลสเตอร์ได้ทดสอบกับมังกรไฟตัวนึงที่ชื่อ ชิลลี่
โดยคำถามก็จะมีตั้งแต่การออกคำสั่งให้มันหันหน้าไปทางซ้ายทางขวาหรือถามประเภทและลักษณะของมันซึ่งเขาเองก็ตอบไปทุกข้อแต่ส่วนใหญ่นั้นก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไหร่ซึ่งมันก็ทำให้เขากังวลพอควรแต่ในส่วนที่สองที่เป็นข้อเขียนนั้นต้องบอกเลยว่าไม่มีปัญหา
ตรงจุดนี้ต้องยอมรับว่าร็อกแซนด์ติวเขามาดีมาก
ในวิชาที่สอง
วิชาดูแลและซ่อมอาวุธนั้นเป็นข้อสอบปฏิบัติทั้งหมดโดยอาจารย์อันเดรจะสุ่มแจกอาวุธให้นักเรียนทุกคนให้นักเรียนซ่อมแซมคนละหนึ่งถึงสองชิ้นตามแต่ความยากของอาวุธแต่ละชิ้น
ถือเป็นข้อสอบง่ายๆที่ทำจริงไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะของพวกนี้นอกจากต้องใช้ประสบการณ์มากพอสมควรซึ่งแม้จะเป็นอาวุธง่ายๆแต่เวลาแค่ครึ่งปีมันไม่ได้มากพอที่จะทำให้พวกเขาทำงานออกมาได้อย่างมีคุณภาพ
แย่หน่อยที่อาจารย์อย่างอันเดรไม่ได้สนใจเรื่องนั้นและโยนข้อสอบหินๆมาให้พวกเขาทำแต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังคิดว่าตัวเองทำออกมาได้ถูไถอยู่
ในวิชาที่สาม วิชาสมุนไพรนั้นสำหรับเลสเตอร์แล้วถือเป็นหายนะอย่างแท้จริงเพราะความจริงเขาไม่ค่อยจะถนัดวิชานี้อยู่แล้วแถมข้อสอบก็ยังออกซะโหดหินในระดับที่ว่าตอนเขาเข้าห้องสอบไปต้องนั่งอ้าปากค้าง
ข้อสอบของวิชานี้เป็นข้อสอบเขียนทั้งหมด มีตั้งแต่วิธีปลูกดอกทรัมเป็ต วิธีรีดน้ำต้นแมนเดรกจนไปถึงวิธีปรุงยารักษา
แม้นีลจะโทษตัวเองว่าเขาเป็นคนสอนไม่ดีเองแต่เลสเตอร์รู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความผิดของนีลเลยแม้แต่น้อยแต่มันเป็นความผิดของเขาที่เตรียมตัวมาไม่พอกับข้อสอบสุดโหดหินต่างหาก
วิชาสุดท้ายหรือวิชาประวัติศาสตร์มังกรนั้นเรียกได้ว่าเป็นวิชาเดียวที่ทำให้เลสเตอร์หายใจหายคอได้บ้างเพราะเนื้อหาวิชานี้เป็นอะไรที่เขาค่อนข้างจะชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
หลังจากทำรายงานเรื่องมารามอสเสร็จเขาก็ชอบไปหยิบหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ต่างๆมานั่งอ่านเล่นซึ่งมันก็เหมือนการทบทวนบทเรียนไปในตัวนั่นแหละเพราะงั้นนี่เป็นวิชาเดียวที่เขาพอจะกล้าพูดได้ว่าตัวเองทำได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
แต่ความโล่งอกนี้ก็เทียบไม่ได้กับความหนักใจที่วิชาสมุนไพรได้ให้เขาไว้หรอก
“บ้าเอ๊ย วิชาสมุนไพรเฮงซวย”
เลสเตอร์ยังคงสบถคำหยาบออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนจนเอลเลียตที่นั่งอยู่ข้างๆต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเพราะเท่าที่ดูแล้วยังไงๆเลสเตอร์ก็คงไม่หยุดบ่นแน่ๆ
“ท่าทางจะใกล้ได้เวลาทดสอบแล้วนะ”
เอลเลียตเลิกสนใจคนขี้บ่นแล้วหันไปพูดกับนีลข้างๆ
“อืม จะออกมาในรูปแบบไหนกันนะ
การทดสอบสุดท้ายเนี่ย” นีลพูด
“ไม่รู้เหมือนกันสินะ
แต่ว่าให้แยกกลุ่มออกเป็นสามคนแบบนี้...”
เอลเลียตมองไปยังรอบๆห้องก็เห็นเหล่านักรบทั้งสิบสองคนถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มสามคนสี่กลุ่ม
ตั้งแต่ที่พวกเขามาห้องนี้
เอลวินและลินเดลซึ่งเป็นผู้คุมสอบในครั้งนี้ก็ตัดสินใจแบ่งกลุ่มให้พวกเขาซึ่งร็อกแซนด์ที่โดนแยกกลุ่มออกไปก็แอบไม่พอใจเบาๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
‘ให้แบ่งกลุ่มแบบนี้ต้องเป็นการทดสอบแบบกลุ่มแน่นอน
บางทีอาจจะเป็นการทดสอบที่พวกเราคุ้นเคยก็ได้’
เอลเลียตคิดอย่างงั้นในใจโดยไม่กล้าพูดออกมาเพราะถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆแล้วล่ะก็มันคงเป็นการทดสอบที่ลำบากเชียวล่ะ
“พวกนายยังใจเย็นอยู่ได้ยังไงกัน หา?”
“ก็เพราะพวกฉันไม่ได้มีปัญหาทำข้อสอบไม่ได้เหมือนที่นายเป็นไงเล่า”
ในที่สุดเอลเลียตก็ดูเหมือนจะไม่ไหวกับท่าทีของเลสเตอร์จนต้องพูดออกมาอย่างเหลืออด
“ให้ตายเถอะ เลิกตื่นตระหนกซักทีได้มั้ย อะไรที่มันก็แก้ไขไม่ได้มันก็แก้ไขไม่ได้
การทดสอบสุดท้ายจะเริ่มแล้ว ตั้งสติอยู่ตรงนั้นก็พอ”
แม้เอลเลียตจะพูดอย่างงั้นเลสเตอร์ก็ดูจะยังตื่นตระหนกไม่เลิก
เขายังคงโอดครวญต่อไปจนกระทั่งเสียงของเอลวินดังขึ้นมา
“การทดสอบของสุดท้ายจะเริ่มขึ้นแล้ว
ตั้งสติกันดีแล้วรึยัง” เอลวินพูดขึ้นจนทุกคนถึงกับเกร็ง
อาจารย์ผมทองหันไปยังเด็กกลุ่มแรกแล้วพูดต่อ “มาเจอรี่ บอยย์ เดเมี่ยน เลเบอร์ไนท์
ร็อกแซนด์ เดนเวิร์ส ทั้งสามคนจะเข้าไปเป็นกลุ่มแรก”
“ร็อกแซนด์ได้เข้าไปเป็นกลุ่มแรกล่ะ”
นีลพูดอย่างตื่นเต้นแทน
เด็กสาวพร้อมกับกลุ่มของเธออีกสองคนค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินมาทางเอลวินโดยเหลือลินเดลไว้คอยเฝ้าดูเด็กๆที่เหลือ
“ฉันไปก่อนล่ะ”
ร็อกแซนด์พูดให้กับทั้งสามคนที่เธอเดินผ่านระหว่างทาง
“เต็มที่นะ” นีลชูนิ้วโป้งให้กำลัง
“อืม พยายามเข้าล่ะ”
เอลเลียตพยักหน้าให้สั้นๆ
“หมอนั่นยังไม่เลิกบ้าอีกเหรอ”
ร็อกแซนด์เบ้ปากเมื่อมองไปยังเด็กหนุ่มอีกคนที่ดูท่าทีจะยังไม่เปลี่ยนไปจากตอนที่เธอยังไม่แยกกลุ่มออกไป
“ปล่อยไปเถอะ” เอลเลียตยักไหล่
“เดี๋ยวพอถึงเวลาหมอนี่ก็คงได้สติเองแหละ”
“หวังว่าจะเป็นอย่างงั้นนะ”
ร็อกแซนด์ยักไหล่แล้วเดินไปหาเอลวินซึ่งพาทั้งสามคนเดินออกไปจากห้องพักเงียบๆ
ทิ้งเด็กที่เหลือไว้กับความรู้สึกหนักอึ้งในจิตใจ
“คนอื่นๆที่เหลือก็เตรียมตัวไว้ให้พร้อมซะล่ะ
การทดสอบสุดท้ายนี้น่ะไม่หมูหรอกนะ”
ลินเดลพูดทิ้งท้ายเรียบๆทำเอาเด็กๆกลืนน้ำลายดังเอื้อกไปตามๆกัน
หลังจากนั้นผ่านไปราวยี่สิบนาทีเอลวินก็กลับมาพร้อมพากับกลุ่มที่สองซึ่งเป็นกลุ่มของมาเอลไป
กาลเวลาผ่านไปขณะเดียวกันความเงียบก่อตัวขึ้นในห้องพักแห่งนี้
เลสเตอร์นั่งกอดเข่าเงียบๆดูเหมือนในตอนนี้เขาจะเลิกโวยวายแล้วในตอนนี้สมาธิของเขาดูเหมือนจะตั้งไปที่การทดสอบต่อไปอย่างที่เอลเลียตบอกแล้ว
‘การทดสอบสุดท้ายงั้นสินะ’
เพียงแค่คิดถึงคำนี้เลสเตอร์ก็ถึงกับเหงื่อตกออกมา
ผ่านไปซักพักหนึ่งเอลวินก็ได้เดินกลับในห้อง
พร้อมกับเอ่ยชื่อกลุ่มที่สามออกไป ในตอนนี้ทั้งห้องเหลือเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น
“เอลเลียต สแตนฟอร์ด นีลโลว์ ลอว์เรนซ์
เลสเตอร์ เอลมอล พวกเธอสามคนจะเป็นกลุ่มสุดท้าย ออกมาได้แล้ว”
ในที่สุดหลังจากผ่านไปกว่าชั่วโมงหลังจากกลุ่มของร็อกแซนด์ออกไป
ชื่อของพวกเขาก็ถูกเรียก
เด็กหนุ่มทั้งสามพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเอลวิน
ในระหว่างทางในขณะที่เอลเลียตจะเดินผ่านประตูไป
ลินเดลก็พูดอะไรบางอย่างทิ้งท้ายเบาๆข้างหูเอลเลียตซึ่งมันทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างเล็กๆ
“เธอเหมือนพ่อเธอนะ เอลเลียต
สแตนฟอร์ด” ลินเดลว่าแบบนั้น
เอลเลียตไม่ได้ตอบอะไรเขาเพียงเดินตามเอลวินออกจากห้องไปเงียบๆ
เอลวินพาพวกเขาเดินผ่านทางเดินคดเคี้ยวซึ่งไม่รู้ว่าจะพาพวกเขาไปไหนแต่ถ้าให้เดาก็คงพาไปยังสนามประลอง
“รู้มั้ยว่าทำไมพวกเธอสามคนถึงถูกจัดไว้ให้อยู่กลุ่มเดียวกัน”
อยู่ดีๆเอลวินก็พูดขึ้นจนเด็กทั้งสามเลิกคิ้ว
“ไม่รู้เหมือนกันครับ
ว่าแต่มันมีเหตุผลอะไรด้วยเหรอ” เลสเตอร์ถามด้วยสีหน้าซื่อๆจนเอลวินหัวเราะออกมา
“ไม่ต้องห่วงหรอก การทดสอบนี้น่ะแม้จะเป็นการทดสอบกลุ่มแต่การให้คะแนนก็ให้เป็นคะแนนเดี่ยวๆอยู่ดี
ที่ให้พวกเธออยู่กลุ่มเดียวกันก็เพราะว่าเราคาดหวังในตัวพวกเธอสูงไงล่ะ”
“คาดหวัง?” เด็กหนุ่มทั้งสามทวนคำ
ในขณะนั้นพวกเขาก็ได้มายืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่งซึ่งพวกเขารู้สึกกดดันแปลกๆเมื่อได้เห็นมัน
“อย่าทำให้พวกเขาผิดหวังล่ะ”
“พวกเขา?”
เลสเตอร์เอ่ยคำนั้นเบาๆพร้อมๆกับวินาทีที่เอลวินเปิดประตูออก
แสงสว่างจ้าฉายออกมาจากประตูเผยให้เห็นถึงสนามประลองขนาดใหญ่ซึ่งพื้นสนามทำจากกรวดทรายสีเทาสมชื่อสนามประลองพื้นทราย
เอลวินค่อยๆนำเด็กทั้งสามเดินออกไปกลางสนามประลอง
“นี่มันอะไร…”
เลสเตอร์พูดขึ้นเบาๆในขณะที่สายตาของเขามองไปยังรอบๆ
สนามแห่งนี้ถูกล้อมลอบด้วยที่นั่งคนดูซึ่งยกตัวสูงขึ้นมารอบๆ
หากให้พูดจริงๆลานประลองนี้มันดูเหมือนสนามกีฬาที่เขาเคยเห็นเป็นประจำๆ
แต่ที่น่าประหลาดคือคนดูที่นั่งอยู่บนที่นั่งพวกนั้นต่างหาก
“อาจารย์ครับ คนพวกนี้คือ…”
เลสเตอร์ถามเอลวินออกไปทันทีเพราะในตอนนี้มีสายตาจำนวนมากรอบๆสนามประลองกำลังมองพวกเขาจากระยะไกลอยู่
ซึ่งในตอนนั้นเลสเตอร์ก็บังเอิญเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาเข้า
“ปู่?”
เลสเตอร์เบิกตากว้างเพราะฮะการ์ก็เป็นหนึ่งในผู้ชมที่นั่งอยู่ในสนามนั้นเช่นกัน
“ท่านปู่?” เอลเลียตเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน
ชายชราที่เห็นหันสายตาทั้งสองมาอย่างตื่นตกใจนั้นก็ยกมือขึ้นมาทักทายเบาๆ
ข้างๆของเขาคือเนลลี่ที่นั่งโบกมือให้เด็กหนุ่มทั้งสองเบาๆ
“ท่านพ่อ ท่านแม่?”
ดูเหมือนนีลเองก็เห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาเข้าเหมือนกัน
เขาเห็นคู่ชายหญิงสองคนที่กำลังมองเขามาด้วยสายตาคาดหวัง
ในตอนนั้นเลสเตอร์พอจะรู้คำตอบแล้วว่าคนเกือบร้อยคนที่อยู่นั่งอยู่บนรอบๆนี่เป็นใคร
“สี่สิบสี่ตระกูลนักรบมังกร”
เอลเลียตพูดคำตอบนั้นออกมาเบาๆ
“ใช่แล้ว
ราวเดอร์คือสนามทดสอบที่สำคัญยิ่งสำหรับการคัดเลือกนักรบมังกรเข้าสังกัดเพราะงั้นเราจึงมีการเปิดให้เหล่าตระกูลทั้งหลายได้เข้าชมการทดสอบสุดท้ายนี้ด้วย”
เอลวินยิ้มแล้วอธิบาย
“ถึงมันจะไม่ได้มีประโยชน์สำหรับนักรบที่มีสังกัดอย่างพวกเธอก็เถอะนะ
แต่ดูเหมือนชื่อของสแตนฟอร์ดจะยังคงพอจะดึงดูดให้พวกเขาสนใจที่จะนั่งดูต่อได้ล่ะนะ”
ทั้งสามคนมองไปรอบๆโดยไม่รู้จะทำหน้ายังไงไม่แม้แต่เอลเลียตที่ถึงกับตึงเครียดขึ้นมาเพราะนี่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่แค่การทดสอบธรรมดาๆซะแล้ว
มันเป็นการทดสอบที่มีชื่อเสียงตระกูลของเขาเป็นเดิมพัน
“และบททดสอบที่พวกเธอจะได้รับก็คือ…” เอลวินพูดทิ้งท้ายแล้วสะบัดหน้าไปอีกด้านของสนามประลอง
ที่สุดปลายนั้นเงาดำประหลาดๆกำลังค่อยๆเดินออกมาจากมุมมืดของสนาม
“อาจารย์ฟูโร?”
ทั้งสามคนทวนชื่อร่างที่ค่อยๆเดินออกมานั้นเบาๆ
‘ให้ตายสิ เป็นอย่างที่เราคิดจริงๆเหรอเนี่ย’ เอลเลียตที่มองร่างของฟูโรอยู่ถอนหายใจออกมา
ใช่แล้ว
มันเป็นบททดสอบที่พวกเขาคุ้นเคยกันดี
“บททดสอบสุดท้ายของพวกเจ้าก็คือข้าเนี่ยแหละ
น่าคิดถึงจริงๆนะเจ้าพวกเด็กๆตัวแสบ”
มังกรสีเขียวตัวนั้นยิ้มออกมาจนเห็นเขี้ยวสีขาวที่เรียงกันสวยงาม
เมื่อฟูโรพูดจบเอลวินก็ยื่นบางอย่างที่เขาเดินไปหยิบมาจากข้างๆของสนามให้พวกเขา
เด็กหนุ่มทั้งสามรีบรับมันไว้อย่างทุลักทุเล
สำหรับเลสเตอร์มันคือดาบเล่มยาวขนาดใหญ่ที่เขาคุ้นชินเพียงแต่ว่มันไม่ใช่ดาบไม้ที่พวกเขาเคยใช้ซ้อมกันแต่กลับเป็นใบดาบที่ทำมาจากโลหะของจริง
“อาวุธใช้งานจริงที่อาจารย์อันเดรเตรียมไว้ให้พวกเธอไงล่ะ
ถ้าอยากใช้ชิ้นอื่นก็บอกมาข้าจะเปลี่ยนให้”
พอได้ยินแบบนั้นยิ้มแบบนั้นเลสเตอร์ก็ยิ้มแหยๆออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียว
ความรู้สึกหนักอึ้งจากใบดาบโลหะนั้นแทบไม่ต่างอะไรกับสภาพจิตใจของเขาในตอนนี้
ดูเหมือนการทดสอบสุดท้ายนี้จะเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายสำหรับเขาไปพอสมควร
นั่นสินะ
สำหรับนักรบมังกรแล้วจะมีบททดสอบอะไรที่ดีไปกว่าการสู้กับมังกรอีกล่ะ
“แต่พวกเรายังไม่เคยทดลองใช้อาวุธจริงมาก่อนเลยนะครับ”
นีลมองดาบคู่ในมือตัวเองก่อนจะพูดออกมา
“นอกจากน้ำหนักแล้วก็ไม่มีอะไรต่างจากที่พวกเจ้าใช้ตามปกตินี่”
“ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นครับ…”
นีลพูดจบก็หันไปมองมังกรสีเขียวที่อยู่ด้านหน้า
พอเอลวินเห็นแบบนั้นเจ้าตัวก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“เป็นห่วงอาจารย์ฟูโรงั้นเหรอ
เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอก หากพวกเจ้ามีโอกาสหวดดาบได้ก็หวดไปให้สุดแรง
ถ้ามีโอกาสแทงได้ก็แทงไปอย่าได้ลังเล” เอลวินมองเด็กทั้งสามคนพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ
แต่นั่นมันอาจารย์ฟูโรนะครับ” เลสเตอร์ชี้นิ้วไป แม้อีกฝ่ายจะเป็นมังกรแต่ว่าการที่จะให้ฟาดดาบจริงๆอันคมกริบเข้าใส่อาจารย์ที่สอนตัวเองมาแบบนี้มันเป็นอะไรที่เขาทำไม่ลงจริงๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก
เพราะถ้าจะเป็นห่วงอาจารย์ ฉันแนะนำให้เลิกคิดไปเลย แล้วเอาเวลาไปห่วงตัวเองจะดีกว่า”
เอลวินกล่าวแบบนั้น
“ใช่แล้ว เจ้าพวกหนูๆทั้งหลาย
จงโจมตีข้าโดยคิดไปเลยว่าข้าคือศัตรูของพวกเจ้า”
ฟูโรที่เหมือนจะได้ยินบทสนทนาของพวกเขากล่าวขึ้นมาบ้างก่อนจะมองเด็กทั้งสามด้วยสายตาที่จริงจัง
“อย่าคิดว่ามีดาบจริงแล้วมันจะทำให้พวกเจ้าฆ่าข้าได้เชียวล่ะเพราะว่าข้าเอง…ก็จะเอาจริงเหมือนกัน”
สิ้นคำพูดนั้นเด็กหนุ่มทั้งสามก็ขนลุกซู่เพราะดวงตาคู่นั้นมันไม่ใช่ดวงตาแสนเอ็นดูของอาจารย์ที่คอยมองและสั่งสอนลูกศิษย์เหมือนที่พวกเขาเคยเห็นกัน
แต่เป็นดวงตาของสัตว์ร้ายที่พร้อมจะขย้ำตรงหน้าทุกเมื่อ
สายตาแบบเดียวกับที่เขาเห็นที่ชายหาดในตอนนั้น
“ณ บัดนี้
เราจะเริ่มการทดสอบของนักรบมังกรกลุ่มที่สี่”
เอลวินตะโกนขึ้นมาเสียงดังให้เหล่าตระกูลทั้งหลายได้ยินโดยพร้อมเพรียงก่อนจะผายมือไปยังเด็กแต่ละคน
“นักเรียนที่เข้าร่วมการทดสอบมีดังนี้ เอลเลียต สแตนฟอร์ด นีลโลว์ ลอว์เรนซ์
เลสเตอร์ เอลมอล”
เสียงฮือฮาดังขึ้นมาตอนชื่อของพวกเขาถูกเอ่ยโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เอ่ยชื่อของเอลเลียต
“การทดสอบเริ่มขึ้น…ณ บัดนี้”
สิ้นเสียงของเอลวิน ฟูโรก็คำรามออกมาดังลั่นจนพวกเขาสะดุ้งโหยงไปตามๆกัน
แต่เมื่อได้สติพวกเขาก็รีบยกดาบขึ้นมาตั้งประจำท่า
ในพริบตานั้น
ฟุโรก็ได้หายไปจากสายตาของพวกเขาและในพริบตาต่อมาสิ่งที่พวกเขาได้ยินก็คือเสียงของอะไรบางอย่างที่แหวกอากาศเข้ามาใกล้
ตูม!
เอลเลียตกระโดดหลบออกไปด้านข้างตามสัญชาตญาณแล้วรีบวิ่งทิ้งระยะห่างออกมาจากพื้นที่ที่ตัวเองเคยอยู่ซึ่งเด็กหนุ่มอีกสองคนที่เหมือนพึ่งจะรู้ตัวก็รีบทิ้งระยะห่างตามเอลเลียตไปติดๆ
เอลเลียตคิดไม่ผิดที่ทำแบบนั้นเพราะสิ่งที่เพิ่งพัดผ่านเขาไม่เมื่อครู่คือแขนของมังกรที่เกือบจะได้ฟาดลงมาที่ตัวเขาแล้วถ้าไปเขาไม่กระโดดหลบไปเมื่อครู่
สิ่งที่ยืนยันได้ก็คือหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับทรายสีเทาที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว
“เอาจริงเหรอเนี่ย” เลสเตอร์ยังคงไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ตรงหน้านี่ซักเท่าไหร่
มือทั้งสองของกำชับด้ามดาบในมือแน่น
“ตั้งสติเลสเตอร์!” เอลเลียตคำรามลั่น
ด้านหน้าของเขาคือฟูโรที่ค่อยๆยกแขนของตัวเองขึ้นมาแล้วมองมาทางพวกเขาช้าๆ
ในตอนนั้นผู้สืบทอดแห่งสแตนฟอร์ดก็รู้ตัวทันทีว่าเขาไม่มีเวลามาลังเลอีกต่อไปแล้ว
เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นจรดดาบชี้ไปทางฟูโร
ภายในดวงตาสีน้ำตาลแดงนั้นไม่มีอะไรอยู่นอกจากมังกรตัวสีเขียวด้านหน้าเท่านั้น
“สมแล้ว
ที่เป็นผู้สืบทอดของฮะการ์คนนั้น เข้าใจสถานการณ์ได้เร็วดีนี่”
ฟูโรเปรยตาขึ้นมามองชายชราบนที่นั่งคนดูชั่วครู่
“พวกนายสองคนสนับสนุนฉันที!” เอลเลียตตะโกนออกมาก่อนจะวิ่งเข้าหาฟูโรอย่างทันทีทันใด
“เข้าใจแล้ว”
พอได้ยินแบบนั้นนีลเองก็ตั้งสติกลับมาได้
เขายกดาบคู่ของตัวเองขึ้นมาก่อนจะวิ่งตามไป
“ไอ้เจ้านั่น
ให้เวลาฉันตั้งตัวเป็นบ้างมั้ยเนี่ย” เลสเตอร์บ่นออกมาแล้วพุ่งตามไปเป็นคนสุดท้าย
‘พลาน่าของอาจารย์เป็นพลาน่าเกี่ยวกับการควบคุมสายลมรอบตัว อรรถประโยชน์แต่ไม่ได้เด่นไปในด้านในด้านนึงมาก เรามีจำนวนมากกว่าเน้นเข้าโจมตีระยะประชิดพร้อมๆกันดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ปัญหาก็คือ…’
เอลเลียตวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าออกมา
อีกไม่กี่วินาทีการปะทะกันระหว่างเขากับมังกรสีเขียวตนนี้ก็จะเริ่มขึ้นเพราะงั้นไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีเวลาเปลี่ยนแผนอะไรแล้ว
ปัญหาอย่างเดียวที่ติดอยู่ในใจ คือ
สิ่งที่ทำให้การโจมตีเลสเตอร์กับนีลไปไม่ถึงตัวฟูโรนั่น…ระเบิดสายลมที่กระแทกออกมารอบๆตัวนั่น
เอลเลียตวิ่งเข้ามาหาถึงตัวของฟูโร
มังกรลมตวัดกรงเล็บของมันเข้าหาเป้าหมายอย่างว่องไว
เอลเลียตถึงกับตกใจในความเร็วนั้นพราะสำหรับนักรบฝึกหัดอย่างเขานี่น่าจะเป็นการโจมตีที่เร็วที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา
ในตอนแรกเขากะจบหลบการโจมตีที่เข้ามาแต่พอถึงเวลาจริงๆแล้วเหมือนมันจะไม่เป็นแบบนั้น
เอลเลียตรีบยกดาบขึ้นป้องกัน
“อึก!” เอลเลียตกัดฟัน
แรงกระแทกที่ส่งผ่านมาแทบจะทำให้ใบดาบสั่นไหว
ในขณะนั้นนีลและเลสเตอร์ก็เข้าจู่โจมบ้าง
ทั้งสองคนตวัดดาบออกไปสุดแรงใส่แขนของฟูโรที่เข้าปะทะกับดาบของเอลเลียต
เคร้ง!
เสียงที่เหมือนใบดาบเข้าปะทะโลหะนั่นทำให้ทั้งสองคนต้องเบิกตากว้าง
ดาบที่เขาใช้ฟาดเข้าใส่ฟูโรไม่ใช่ดาบไม้แต่เป็นดาบโลหะของจริงมิหนำซ้ำแรงที่พวกเขาใช้ฟาดนั้นก็เป็นแรงที่เสริมพลังด้วยพลาน่าพื้นฐานไปแล้ว
ทำไมผลลัพธ์ที่ออกมาถึงเป็นเพียงแค่รอยขีดข่วนบนเกล็ดสีเขียวของฟูโรกัน
ยังไม่ทันจะได้คิดอะไร
ฟูโรก็ใช้หลังฟาดเข้าไปที่ลำตัวของเลสเตอร์ที่กำลังตื่นตกใจอย่างแรง
ร่างกายของเด็กหนุ่มกระเด็นออกไปเป็นสิบเมตรแล้วกระแทกพื้นทรายเข้าอย่างจัง
“เลสเตอร์!”
นีลตะโกนออกมาหลังจากเห็นเพื่อนของตัวเองโดนดีดกระเด็น
“เจ้านั่นประมาทอีกแล้ว”
เอลเลียตถอนหายใจ
แผนของพวกเขาคือการเข้าจู่โจมพร้อมกันถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่
“ถอนกันก่อนเถอะนีล ถอยไปตั้งหลักแล้วค่อยโจมตีใหม่…!”
กรงเล็บของฟูโรเฉี่ยวตัวของเอลเลียตไปอีกครั้ง
ดูท่าว่ามังกรตัวนี้จะไม่ปล่อยให้พวกเขาพักหายใจไปแม้แต่วินาทีเดียว
“พวกเจ้า…คิดหรือว่าข้าจะปล่อยไปง่ายๆแบบนั้น”
“ขี้เหนียวจังนะ” เอลเลียตพูดติดตลกกลับไปแม้ในตอนนี้เขาจะตลกไม่ออกก็ตาม
‘ดูท่าจะไม่มีเวลาไปรับหมอนั่นแล้ว
คงต้องสู้ทั้งอย่างงี้แหละ’ เด็กหนุ่มผมสีช็อกโกแลตถอนหายใจ
“เอายังไงดี จะให้ผมล่อความสนใจไว้ให้นายโจมตีมั้ย
ยังไงอาวุธของผมเหมาะกับการเคลื่อนไหวในที่แคบมากกว่า”
นีลหันไปถามเอลเลียตอย่างรวดเร็ว
เอลเลียตส่ายหน้า
แผนล่อความสนใจแล้วลอบโจมตีเป็นแผนที่ดีแต่เขาไม่คิดว่าฟูโรในตอนนี้จะเผยช่องว่างให้พวกเขาเหมือนในตอนนั้น
“จริงอยู่ที่เราต้องโจมตีที่เผลอแต่ว่าถ้าอยู่เงียบๆคอยหาช่องว่างน่ะอาจารย์รู้ตัวแน่
เราจะเข้าไปพร้อมๆกันและกระจายความสนใจของพวกเราแต่ละคนไปพร้อมๆกัน ใครหาโอกาสโจมตีได้ก็โจมตีไปเลย”
เอลเลียตตอบสั้นๆ “เราสองคนจะเข้าไปก่อน ส่วนเลสเตอร์
หมอนั่นไม่มีทางโดนฟาดทีเดียวจอดแบบนี้หรอกอีกซักพักก็คงลุกขึ้นมาสมทบเอง”
“เข้าใจแล้ว” นีลพยักหน้าในตอนนี้ไม่มีเวลามาเถียงกันเรื่องแผนแล้ว
เขาจึงเลือกเคารพแผนที่เอลเลียตพูดมาในทัทนที
“ผมจะรับผิดชอบหาช่องโจมตีจากด้านข้างเอง”
“ฝากด้วยล่ะ”
เอลเลียตพูดจบนีลก็แยกตัวออกไป ทิ้งเขาไว้อยู่กับฟูโรที่กำลังเตรียมโจมตีมาทางเขาอีกครั้ง
“เอาล่ะนะ”
เอลเลียตพ่นลมหายใจออกจากปากแล้ววิ่งเข้าไปโรมรันกับมังกรสีเขียวตรงหน้า
ในขณะเดียวกันเลสเตอร์ที่กระเด็กอยู่ห่างออกไปก็ค่อยๆลุกขึ้นมาช้า
มือข้างขวาของเขากุมท้องของตัวเองแน่น
‘เจ็บ’
นั่นคือความรู้สึกอย่างเดียวที่เลสเตอร์สัมผัสได้ในตอนนี้
หากร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นจากการกินดวงตามังกรการโจมตีเมื่อกี้คงส่งเขาไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
เลสเตอร์ค่อยๆปรับสายตาอันแสนเบลอของตัวเองตอนนี้ให้เข้าที่
ภาพของเอลเลียตกับนีลที่กำลังต่อสู้กับฟูโรอยู่นั้นปรากฏบนสายตาของเขา
ทำไมการโจมตีตะกี้ถึงไม่ผล?
คำถามนั้นค้างอยู่ในหัวของเขาจนกระทั่งถึงเมื่อกี้จนกระทั่งเขาพึ่งได้คำตอบเมื่อกี้
การถ่ายเทพลาน่าเพื่อป้องกันเฉพาะจุดของมังกร
เหมือนกับร่างกายของนักรบมังกร
มังกรเองนั้นก็สามารถถ่ายเทพลาน่าในร่างกายของตัวเองได้เช่นกัน
ถึงแม้ปกติพลาน่าที่อยู่ตามปกติในร่างกายนั้นจะทำให้ร่างกายของมังกรมีเกราะคุ้มกันอยู่แล้วแต่ถ้าหากมังกรเสริมพลาน่าขึ้นมาเฉพาะจุดแล้วล่ะก็เกราะป้องกันนั้นก็จะยิ่งหนาขึ้นเป็นทวีคูณ
มันไม่ต่างอะไรกับการที่พวกเขาถ่ายเทพลาน่าไปที่มือเพื่อเพิ่มพลังโจมตีเลย
ซึ่งดูเหมือนว่าเกราะป้องกันของฟูโรนั้นจะแข็งแกร่งกว่าการโจมตีของพวกเขาอยู่มากโข
เลสเตอร์มองไปรอบๆตัวของมังกรสีเขียวแล้วก็ต้องยิ้มประชดออกมา
เนื่องจากพวกเขามาที่นี่เป็นกลุ่มสุดท้าย
ดังนั้นบางทีฟูโรอาจจะต่อสู้กับนักรบกลุ่มอื่นๆมาแล้วแต่กลับไม่มีบาดแผลอะไรใดๆบนตัวเขาเลยนอกจากรอยขีดข่วน
‘พลาน่าของเราในตอนนี้ยังไม่พอที่จะเจาะการป้องกันนั่นได้
เราไม่รู้ด้วยว่าการป้องกันด้วยพลาน่าของอาจารย์มีขีดจำกัดแค่ไหนแต่จากที่เห็นตอนนี้อาจารย์ยังคงป้องกันการโจมตีของทั้งสองคนได้อย่างไม่มีข้อบกพร่องแปลว่าการควบคุมพลาน่าของเขานั้นสามารถทำได้พร้อมๆกันหลายจุดถ้าเป็นแบบนั้นจริงหากเขาเห็นการโจมตีเพียงเสี้ยววินาทีก็คงป้องกันได้อยู่ดี’ เลสเตอร์ลุกขึ้นมายืนได้สำเร็จ
เขากำลังวิเคราะห์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหัว
“งั้นจะโจมตีเข้าได้ก็มีแต่ต้องโจมตีตอนอาจารย์ไม่รู้ตัวงั้นสินะ”
เลสเตอร์สรุปแบบนั้นถึงแม้เขาไม่รู้ว่าจะมีโอกาสนั้นรึเปล่า
ฟูโรรู้อยู่แล้วว่าการจะโจมตีเขาให้เขาได้นั้นมีแต่ต้องโจมตีตอนที่เขาไม่รู้ตัวเพราะงั้นมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาสามคนจะใช้แผนเบี่ยงแบนความสนใจ
เอลเลียตรู้เรื่องนั้นดีถึงได้รู้ว่าฟูโรระวังตัวเองมากแค่ไหน หากมีใครหายจากสายตาสัตว์ร้ายไปเสี้ยววินาที
ฟูโรก็คงรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังจะโดนลอบโจมตี
แทนที่จะใช้แผนซึ่งอีกฝั่งรู้อยู่แล้ว
พวกเขาสู้เข้าไปสู้อย่างเต็มกำลังพร้อมๆกันยังจะดีกว่าเพราะยังไงมังกรก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้ความคิดได้จำกัดหากรับมือกับศัตรูพร้อมๆกันแล้วล่ะก็ย่อมต้องมีช่องโหว่ซักที่แน่และนั่นคือสิ่งที่เอลเลียตหวังไว้
ฟูโรสะบัดหางฟาดเข้าใส่เอลเลียตที่กำลังพุ่งเข้ามาหาตัวเอง
เด็กยกดาบขึ้นมากันหางนั้น แรงกระแทกที่พุ่งเข้าใส่แทบจะทำให้ใบดาบสั่นไหว
ในตอนนั้นเขาก็ตัดสินใจย่อตัวแล้วผ่อนแรงที่ดาบในเสี้ยววินาทีปล่อยให้หางหนาของมังกรผัดผ่านไป
“ผ่อนแรงปะทะโดยการย่อตัวเหรอ…ยอดเยี่ยม” ฟูโรพูดชมจากใจจริง
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กอายุสิบสองปีจะทำได้ขนาดนี้แต่ถึงอย่างงั้นเขาเองก็ไม่คิดปล่อยให้อีกฝั่งโจมตีเข้ามาได้ง่ายๆ
“เอลเลียต!”
นีลกระโดดออกมาจากด้านข้างๆพร้อมๆยิงพลาน่าคลื่นเสียงของตัวเองเข้าไปที่ดวงตาข้างซ้ายของฟูโร
ดวงตาข้างซ้ายของฟูโรเห็นภาพของโลกเบลอในทันที
ไวเท่าความคิดเอลเลียตเบี่ยงตัวเองไปทางซ้ายซึ่งเป็นจุดบอด
ฟูโรเองก็ไม่คิดจะอยู่เฉยๆในเมื่อมองไม่เห็นเขาก็จัดการสะบัดกรงเล็บทั้งสองข้างไปมาอย่างโกลาหลแต่แล้วตอนนั้นผู้สืบทอดแห่งสแตนฟอร์ดได้แสดงสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ
เขาใช้ดาบเล่มใหญ่ปัดป้องการโจมตีอันรวดเร็วและไร้ทิศทางพวกนั้นได้จนหมดแล้วพุ่งเข้าไปข้างหน้าเรื่อยๆและเรื่อยๆ
เป็นความจริงที่น่าเศร้าแต่พลาน่าของเฮเบรัสนั้นเป็นพลาน่าที่ไม่เหมาะที่จะใช้ตรงๆในการต่อสู้แน่นอนว่ามันมีวิธีที่สามารถใช้งานมันได้จริงในการต่อสู้แต่ว่าเขาในตอนนี้ยังไม่มีฝีมือมากพอที่จะทำแบบนั้นได้เพราะงั้นเขาเลยไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากใช้ฝีมือดาบของตัวเองล้วนๆเข้าต่อสู้
ฟูโรที่สัมผัสจากดาบที่โดยกรงเล็บของตัวเองแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญ
เด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังใช้ดาบขนาดใหญ่เทอะทะปัดป้องการโจมตีอันบ้าคลั่งของเขาจนหมด
“อีกข้างนึง!”
นีลโผล่เข้ามาในสายตาข้างขวาที่ยังปกติดีของฟูโร
แล้วยกมือขึ้นเล็งจะปล่อยคลื่นเสียงใส่ดวงตาอีกข้างของเหลืออยู่ของอาจารย์ผู้เป็นมังกร
ฟูโรยกแขนข้างหนึ่งซึ่งใช้โจมตีอยู่คว้าตัวนีลแล้วกว้างออกไปไกลซึ่งมันก็เป็นการเปิดช่องโหว่ให้กับเอลเลียตอย่างดี
หากแขนทั้งสองข้างหยุดเขาไม่ได้แล้วแขนข้างเดียวจะหยุดอะไรเขาได้
‘ตาข้างซ้ายของเรายังมองเห็นได้ไม่ชัดดี...พลาน่าคลื่นเสียงนั่นน่ารำคาญเสียจริง’
ฟูโรพูดออกมาในตอนนี้ดวงตาข้างซ้ายของเขาเริ่มเห็นทุกอย่างชัดขึ้นทีละนิดๆ
แต่ว่าเอลเลียตกลับหายไปจากสายตาของเขาเสียแล้ว
เด็กหนุ่มใช้เสี้ยววินาทีนั้นอ้อมไปยังส่วนข้อเท้าขอฟูโรซึ่งเป็นมุมบอดอีกจุดแล้วง้างดาบหวดเข้าไปสุดแรง
‘อาจารย์คงจะเอาพลาน่าคลุมร่างกายไว้แต่ว่าถ้าหากไม่รู้ว่าถูกโจมตีตรงไหน
การป้องกันนั่นก็จะเป็นการป้องกันรอบๆทั่วร่างกายซึ่งประสิทธิภาพน้อยกว่าการป้องกันเฉพาะจุดอยู่แล้ว’ เอลเลียตคิดแบบนั้น
เขาไม่รู้หรอกว่าการป้องกันของฟูโรในครั้งนี้จะมากแค่ไหน การโจมตีของเขาจะสร้างความเสียหายให้ร่างกายของฟูโรมากแค่ไหนแต่ที่แน่ๆเขาไม่คิดจะออกแรงไว้แม้แต่เพียงนิดเดียว
‘ต้องบินขึ้นไป’
นั่นคือความคิดเดียวที่ฟูโรคิดได้หลังจากที่เอลเลียตหายไปจากสายตาของเขา
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ตรงจุดไหนของร่างกายแต่ก็คงไม่พ้นส่วนล่างของเขาเป็นแน่
ปีกของฟูโรกางออกตามสัญชาตญาณพร้อมจะบินขึ้นไป
“อย่างหวังเลย!” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านบน
ฟูโรเบิกตากว้างเพราะเขารู้ดีว่าเสียงนั่นคือใคร
เลสเตอร์ที่ฟื้นตัวแล้วกระโดดขึ้นไปแล้วใช้ดาบฟาดลงมาเต็มแขนของฟูโรซึ่งเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะหยุดอีกฝ่ายไม่ให้บินขึ้นไปได้
เพียงเสี้ยววินาทีการโจมตีของเอลเลียตก็จะเข้าถึงตัวฟูโร
เรื่องทั้งหมดเหมือนจะเป็นแบบนั้น
“พวกเจ้าต่างหากที่อย่าหวังเลย!” ฟูโรตะโกนออกมาพร้อมกับคำรามลั่น
สายลมแรงระเบิดขึ้นรอบตัวของมังกรสีเขียวตนนี้ผลักเลสเตอร์ปลิวกระเด็นไปอีกครั้งส่วนเอลเลียตกำลังจะโจมตีนั่นถึงกับถึงกับถูกแรงลมนั้นกดลงกับพื้นก่อนที่วินาทีต่อมามันจะพัดเขาปลิวห่างออกไปจากตัวฟูโร
สิ่งที่เอลเลียตกังวลที่สุดได้เกิดขึ้นจนได้
ระเบิดสายลมที่เคยทำให้เลสเตอร์กับนีลพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในตอนนั้นได้กลับมาเล่นงานพวกเขาอีกครั้ง
แถมในครั้งนี้มันยังรุนแรงกว่าครั้งก่อนเกือบจะเท่าตัว
เลสเตอร์ที่โจมตีจากบนในตอนนั้นถูกสายลมพัดขึ้นถึงเพดาน
เขาเกือบจะหมดสติไปจากแรงระเบิดนั่นแต่สุดท้ายเด็กหนุ่มจากเวย์แลนด์ก็กัดฟันรับมัน
เขาใช้ขาข้างขวาถีบเพดานด้านบนก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งไปกระแทกกับมันแล้วใช้แรงถีบผลักตัวเองลงมาด้านล่างอีกครั้ง
เลสเตอร์จับดาบทิ่มลงไปในแนวตั้งแล้วใช้พลาน่าเปลี่ยนแขนของตัวเองให้เป็นหินเพื่อให้แรงโน้มถ่วงดึงเขาลงไปด้านล่างเร็วขึ้น
ตัวเขาในตอนนี้เป็นเหมือนกระสุนที่พุ่งลงมาจากฟากฟ้าเพื่อพุ่งทะลวงเป้าหมาย
ฟูโรรีบผนึกพลาน่าไว้ที่แผ่นหลังในส่วนที่เลสเตอร์กำลังจะโจมตี
กระสุนเด็กหนุ่มพุ่งลงมายังจุดเป้าหมายจนเกิดแรงกระแทกเสียงดัง
“ยังไม่มากพออีกเหรอเนี่ย”
เลสเตอร์กล่าวออกมา
เกล็ดของฟูโรในบริเวณนั้นแตกละเอียดจากแรงทิ่มของดาบของเขาแต่มันกลับทิ่มเข้าไปไม่ถึงเนื้อในของอีกฝั่ง
สัตว์ร้ายรีบสะบัดตัวและเนื่องจากปลายดาบที่ติดค้างอยู่ในเกล็ดที่แตกนั้นทำให้เลสเตอร์ถูกเหวี่ยงลงมาและด้านความโชคร้ายอะไรซักอย่างจุดที่เขาถูกเหวี่ยงลงมาดันเป็นด้านหน้าของฟูโร
“พวกเจ้าเก่งขึ้นมากจริงๆแต่ยังไม่มากพอที่โค่นข้าหรอกนะ”
ฟูโรกล่าวอย่างชื่นชมแล้วตวัดกรงเล็บของเขาเข้าใส่เด็กหนุ่ม
เลสเตอร์รีบยกดาบขึ้นมาเพื่อป้องกัน เขารีบเปลี่ยนขาให้เป็นหินเพื่อเพิ่มน้ำหนักโดยสร้างหินแหลมทิ่มกับตัวพื้นไว้เพื่อยึดตัวเองไว้อีกที
“อ๊าก!” เลสเตอร์ร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัต
เนื่องจากการที่เขาสร้างหินยึดตัวเองไว้กับพื้นนั้นทำให้แรงกระแทกส่วนใหญ่ส่งผลกับแขนของเขาเพราะแบบนั้นความเจ็บปวดที่แผ่ซ่ายไปทั่วกระดูกแขนของเขานั้นมันจึงมากมายจนบรรยายไม่ถูก
ผลสุดท้ายกรงเล็บของฟูโรไม่สามารถผลักเลสเตอร์ให้กระเด็นออกไปได้แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ดันเลสเตอร์ไถลไปตามพื้นทรายได้ราวสองเมตร
เลสเตอร์ทรุดลงไปกับพื้นแม้การโจมตีของฟูโรจะจบลงแล้วแต่ความรู้สึกที่เหมือนมีค้อนทุบอยู่ในกระดูกยังคงดำเนินต่อเนื่อง
“จบกันซะที”
อาจารย์ผู้เป็นมังกรกล่าวเบาๆก่อนจะยกแขนขึ้นเตรียมโจมตีซ้ำ
ในตอนนั้นเลสเตอร์แทบจะหลงลืมไปแล้วว่านี่คือการทดสอบ
ความรู้สึกของเขาในตอนนี้แทบไม่ต่างอะไรกับตอนที่เขาพบมังกรตัวนั้นทีชายหาดบนเมืองบ้านเกิดของเขา
นี่คือการต่อสู้ของจริงและเขากำลังจะถูกจัดการ
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นแบบนั้นจนกระทั่งอยู่ดีๆฟูโรก็บิดตัวอย่างรวดเร็วแล้วใช้กรงเล็บของเขาคว้าอะไรบางอย่างที่อยู่กลางอากาศ
“ดันรู้ตัวซะได้…” นีลพูดอย่างเจ็บใจ
ในขณะที่เขานั้นกำลังเตรียมที่จะใช้ดาบคู่ของตัวเองโจมตีอีกฝั่งแต่ดูเหมือนมันจะล้มเหลวไปซะได้
“เล็งมาที่แผลบนหลังของข้าสินะ” ฟูโรหมายถึงบริเวณบนหลังของเขาที่เกล็ดแตกละเอียดเนื่องจากการโจมตีของเลสเตอร์
“ฉลาดไม่เบาแต่น่าเสียดาย”
“งั้นก็ไม่ควรหันหลังให้ผมนะ อาจารย์”
เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ในทันทีที่ฟูโรบิดตัวเข้าไปจับตัวนีล
เอลเลียตก็โผล่ขึ้นมาจากด้านข้างตัวของเลสเตอร์แล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังของฟูโรแล้วง้างดาบใส่รอยแผลที่เลสเตอร์สร้างไว้ทันที
ใบดาบพุ่งผ่านเกล็ดที่แตกละเอียดพุ่งเข้าสู่ผิวหนังของมังกรสีเขียวตนนี้เพียงแต่ว่า…
“บัดซบ” เอลเลียตสบถออกมา
ใบดาบของเขานั้นพุ่งเข้าไปสู่เนื้อหนังของฟูโรได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะฟูโรป้องกันเฉพาะจุดทันหรืออะไรใดๆ
เพียงแค่แรงของเขาที่ใช้มาตลอดการต่อสู้มันเหลือไม่มากพอแล้วต่างหาก
“นี่ก็น่าเสียดายเหมือนกัน”
ฟูโรแสยะยิ้มกว้าง “คราวนี้ดูท่าจะจบจริงๆแล้วสินะ”
“ใครใช้ให้จบกัน!” เลสเตอร์คำรามออกมาเป็นคำตอบ เขาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในชีวิตดันตัวขึ้นมา
ถ้าเป็นปกติเขาคงเลือกที่จะนอนแผ่ลงไปกับพื้นทรายตรงนั้นแต่ในตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กน้อยที่เคยทำอะไรไม่ได้บนหาดทรายในวันนั้นอีกแล้ว
เขาคือนักรบมังกรแห่งตระกูลสแตนฟอร์ด เลสเตอร์ เอลมอล
เลสเตอร์คว้าดาบของเขาแล้วกระโดดขึ้นไปตรงจุดที่เอลเลียตอยู่โดยไม่สนใจแขนทั้งสองช้างที่กำลังกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
เด็กหนุ่มจากเวย์แลนด์กรีดร้องแล้ววาดดาบลงไป โดยเป้าหมายของเขาไม่ใช่บาดแผลของฟูโรแต่เป็นดาบของเอลเลียตที่อยู่ตรงบาดแผลนั่น
ดาบของเลสเตอร์หวดเข้าเป้าหมายนั้นอย่างจัง แรงฟาดของเขาถูกส่งผ่านไปสู่ดาบของเอลเลียต ใบดาบที่ฝังอยู่ผิวเนื้อนั้นพุ่งเข้าไปถึงเนื้อในพร้อมเลือดที่สาดกระจายออกมา
ความคิดเห็น