ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Raid of Drachen

    ลำดับตอนที่ #25 : Ep.1 Chapter 24 - ความจริงอันน่าตกใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 658
      62
      19 มิ.ย. 62

    Chapter 24

    The Shocking Truth

    ความจริงอันน่าตกใจ

     

     

     

    ผ่านไปอีกสองเดือนหรือก็คือสี่เดือนที่เลสเตอร์ได้มาอยู่ที่เวสปาร์ทาวเวอร์มีความจริงอย่างหนึ่งที่เขาพึ่งตระหนักได้หลังจากมานั่งวิเคราะห์ดีๆ

    อาจารย์เอลวินเคยบอกไว้ว่าเขาจะให้โอกาสนักเรียนสามสิบคนเท่านั้นในการเรียนขี่มังกรโดยจะคัดเลือกก่อนเริ่มราวเดอร์ได้ไม่นานและนั่นหมายความว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่การเรียนขี่มังกรจะเริ่มหลังราวเดอร์ซึ่งเกิดหลังจากช่วงเวลาที่ฮะการ์ตกลงกับโจเซฟให้พวกเขาสองคนอยู่ที่เวสปาร์ทาวเวอร์

    ในตอนแรกๆเขาก็แทบเซ็งจนไม่เป็นอันเรียนแต่ดูเหมือนว่าการเอาชนะมาเอลในราวเดอร์ที่จะถึงนี่จะเป็นแรงกระตุ้นที่ฉุดเขากลับมาตั้งใจเรียนวิชานี้ได้อยู่ ถ้าให้มองโลกในแง่ดีแล้วล่ะก็ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเรียนขี่มังกรที่นี่ได้แต่บางทีเขาอาจจะขอให้ฮะการ์หรือดีเลียสอนให้เขาก็ได้

    "ภาพนี้น่าจะเป็น...มังกรไฟ ถิ่นที่อยู่ก็น่าจะเป็นทุ่งหญ้าไรมอลล่ะมั้ง” เลสเตอร์มองภาพของมังกรตัวหนึ่งแล้วพูดขึ้นมา

    “มังกรไฟน่ะถูกแต่ถิ่นที่อยู่น่ะภูเขาหินวอลลี่ต่างหาก ดูที่เกล็ดสิมันไม่ได้หยาบขนาดนั้นซักหน่อย” ร็อกแซนด์ถอนหายใจแล้วดึงภาพในมือของเลสเตอร์ออกมา

    “เธอเติบโตมาอีท่าไหนถึงได้รู้ไปหมดแบบนี้เนี่ย” เลสเตอร์เบ้ปากเพราะเด็กผู้หญิงคนข้างๆนี้เพียงแค่มองภาพเธอก็ตอบได้หมดไม่ว่าจะเป็นชนิดของมังกรหรือว่ามันมีถิ่นที่อยู่อยู่ที่ใดบนโลก

    “ก็แค่เก่ง” เด็กสาวตอบสั้นๆ

    “ฮะๆๆ ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลยนะ” เลสเตอร์หัวเราะแห้งๆ “ว่าแต่เอาภาพของมังกรมาแล้วก็ให้บอกประเภทของมังกรเนี่ยยังพอว่า...แต่ไอ้ถึงขั้นบอกถิ่นที่อยู่นี่มันไม่เวอร์เกินไปหน่อยเหรอไง ฉันคิดว่าการทดสอบไม่น่าจะโหดขนาดนั้นนะ”

    “เป็นถึงลูกศิษย์ฉันการทำให้ได้ถึงขนาดนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดา ที่สำคัญลองไว้ก่อนก็ไม่เสียหายใช่มั้ยล่ะ”

    ร็อกแซนด์ เป็นลูกสาวของผู้ดูแลมังกรธรรมดาๆคนหนึ่งในฟาร์มมังกรที่ขึ้นตรงกับเซ็นทรัล ด้วยการที่พ่อของเธอทำอาชีพนี้ทำให้เด็กสาวในวัยเด็กได้มีโอกาสสัมผัสกับมังกรแทบจะทุกวันและนั่นทำให้แมวมองของเซ็นทรัลเล็งเห็นว่าเธอมีคุณสมบัติพอที่จะกินดวงตามังกรดั้งเดิมได้และพาเธอมาเป็นนักรบมังกรในที่สุด

    ถึงพ่อของร็อกแซนด์จะเป็นผู้ดูแลมังกรของฟาร์มแต่นั่นก็ไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โตอะไรใดๆเหมือนที่เลสเตอร์คิดในตอนแรก ความจริงแล้วครอบครัวของเธอค่อนข้างจะยากจนด้วยซ้ำเพราะงั้นจึงไม่แปลกถ้าครอบครัวของเธอจะเห็นดีเห็นงามกับการที่ลูกสาวจะได้เป็นนักรบมังกร...ถึงแม้เจ้าตัวเองจะไม่ค่อยอยากเป็นซักเท่าไหร่ก็เถอะ

    ที่น่าตกใจคือเธอกลับมีความรู้ในด้านมังกรในระดับที่คนอื่นๆในเวสปาร์ทาวเวอร์เทียบไม่ติดจนเลสเตอร์แอบคิดว่าพ่อของเธอสอนเธอแบบไหนกันถึงได้เก่งขนาดนี้

    และนับเป็นโชคดีของเลสเตอร์ด้วยซ้ำที่เขามีคนสอนเรื่องมังกรที่เก่งถึงขนาดนี้...ถ้าไม่นับเรื่องค่าขนมที่เขาต้องจ่ายให้เธอเป็นการแลกเปลี่ยนอะนะ

    “กระตือรือร้นจังเลยนะ” นีลพูดยิ้มในขณะที่เห็นเพื่อนทั้งสองคนนั่งติวหนังสือกันอยู่ พวกเขาสี่คนกำลังนั่งอยู่ที่พื้นที่ว่างที่ชั้นสิบสี่ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจของนักเรียน

    “บ่ายนี้อาจารย์เอลวินจะทำการทดสอบแล้วน่ะสิ ฉันก็เลยต้องมานั่งช่วยหมอนี่แบบนี้ น่าเบื่อจริง” ร็อกแซนด์พูดจบอ้าปากกว้างงับขนมสายไหมในมือ

    “พูดแบบนั้นในขณะที่ขนมเต็มปากเนี่ยนะ” เลสเตอร์ชัดจะหนักใจกับเงินในกระเป๋าที่ร่อยหรอลง

    “ว่าแต่นายสองคนเถอะ ไม่คิดจะเตรียมตัวมั่งเลยเหรอ” ร็อกแซนด์หันไปถามนีลกับเอลเลียตซึ่งกำลังนั่งตากลมอย่างสบายใจอยู่

    “ผมอ่านเตรียมตัวมาบ้างแล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหานะ” นีลตอบยิ้มๆ

    “ฉันไม่ได้ใส่ใจนักหรอก กะอีแค่เป็นหนึ่งในสามสิบคนไม่ต้องอ่านก็ทำได้” เอลเลียตตอบปัดๆจนทั้งร็อกแซนด์กับเลสเตอร์ถึงกับย่นหน้าด้วยความหมันใส้

    “ตะกี้นายบอกว่าฉันหลงตัวเองใช่มั้ย” เด็กสาวแค่นหัวเราะให้เลสเตอร์ “ดูเหมือนเจ้าผู้สืบทอดคนนี้จะหนักกว่ากันเยอะเลย”

    “ฉันไม่ขอปฏิเสธเลย” เด็กหนุ่มจากเวย์แลนด์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    “ยังไงก็เถอะ นี่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีนะเลสเตอร์” เอลเลียตพูดขึ้นมา

    “หือ?

    “การทดสอบของอาจารย์เอลวินในครั้งนี้น่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เห็นว่านายพร้อมแค่ไหนกับราวเดอร์ที่กำลังจะมาถึงเพราะถ้าแค่เป็นหนึ่งในสามสิบคนไม่ได้ นายก็อย่าหวังจะชนะมาเอลในวิชานี้เลย”

    “รู้อยู่แล้วล่ะน่า” เลสเตอร์ถอนหายใจ คำพูดนั้นของเอลเลียตแม้จะฟังดูเสียดสีเหมือนเช่นเคยแต่ก็เป็นความจริงที่เขาปฏิเสธไม่ได้ “หัวเด็ดตีนขาดฉันก็จะไม่มีวันแพ้ให้ไอ้บัดซบนั่นเด็ดขาดเพราะงั้นฉันถึงได้เต็มที่กับทุกอย่างถึงขนาดนี้ไงล่ะ”

    ใช่แล้ว ช่วงเวลาตัดสินของเขาหรือราวเดอร์นั้นกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์

    “ผมเชื่อนะว่าความพยายามของนายต้องส่งผลลัพธ์แน่”

    “ขอบใจ นีล” เลสเตอร์ยิ้มบางให้กับการให้กำลังใจนั้นเพราะเขาเองก็ได้แต่หวังให้เป็นอย่างนั้น

     

     

     

     

    หลังจากนั้นไปราวสามชั่วโมงเสียงกริ่งก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณเรียกเข้าชั้นของเอลวิน เด็กๆทั้งสี่คนโดยเฉพาะเลสเตอร์รู้ดีว่าเวลาทดสอบได้มาถึงแล้ว พวกเขารีบเดินไปตามที่ๆนัดหมายไว้ทันที

    สถานที่ที่เอลวินนัดไว้คือห้องเรียนขนาดใหญ่ที่อยู่ที่ชั้นสาม ในห้องนั้นมีโต๊ะเรียนวางเรียงรายไว้มากมายแต่ก่อนที่ทุกคนจะได้ไปนั่งประจำที่เอลวินก็เรียกเด็กทุกคนมารายงานตัวก่อน

    “สวัสดี นักเรียนทุกคน” เอลวินยิ้มเล็กๆต้อนรับ “อย่างที่เคยบอกไว้เมื่อคาบที่แล้ว รู้ใช่มั้ยว่าคาบนี้เป็นเราจะทำอะไรกัน”

    “ทดสอบเพื่อคัดเลือกนักเรียนที่จะได้เรียนการขี่มังกรครับ” เด็กชายคนหนึ่งตอบเสียงอ่อยๆ

    “ใช่แล้ว แต่ก่อนที่เราจะเริ่มทดสอบกัน ฉันอยากจะอธิบายเรื่องเกณฑ์ที่ฉันใช้คัดเลือกเสียก่อน” เอลวินพูดจบเขาก็ผายมือไปทางคุณนายเพนเทลที่ยืนอยู่ข้างๆ หญิงชราชูสมุดโน้ตเล่มหนึ่งขึ้นมาให้เด็กทุกคนเห็น

    “ผู้ที่จะได้รับเลือกสามสิบคนนั้นจะถูกคัดเลือกจากการประเมินสองทางใหญ่ๆ อย่างแรกคือคะแนนประเมินที่เธอจะได้จากการทดสอบในครั้งนี้” คุณนายเพนเทลพูดอธิบายก่อนจะสะบัดสมุดโน้ตเล่มนั้นไปมา “และอย่างที่สองคือคะแนนคุณสมบัติที่ฉันและอาจารย์เอลวินได้จับตาดูพวกเธอมาโดยตลอดจะทั้งเทอมและคะแนนคุณสมบัติที่ว่านั้นก็อยู่ในสมุดโน้ตเล่มนี้”

    คำพูดของเพนเทลแทบจะทำให้เด็กหลายคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจเพราะการที่พูดแบบนี้หมายถึงว่าหากพวกเขาทำตัวแหลกเหลวมาตลอดทั้งเทอมต่อให้ได้คะแนนดีในการทดสอบครั้งนี้ก็มีสิทธิที่จะไม่ได้รับเลือกอยู่ดี

    “โชคดีที่ฉันไม่เคยโดดคาบนี้” ร็อกแซนด์เป่าปากโล่งอกออกมา

    “มันควรจะภูมิใจมั้ยล่ะนั่น” เลสเตอร์ถอนหายใจอย่างอ่อนใจกับเพื่อนผู้หญิงคนนี้

    “การทดสอบในครั้งนี้จะเป็นข้อสอบเขียนล้วนๆ ส่วนคะแนนการทดสอบปฏิบัติฉันถือว่าเป็นคะแนนเดียวกับคะแนนคุณสมบัติที่พวกฉันประเมินมาตลอดทั้งเทอมแล้ว ถ้าเข้าใจแล้วก็ขอให้ทุกคนไปนั่งประจำที่กันเดี๋ยวนี้เลย เราจะเริ่มแจกข้อสอบกันแล้ว” เอลวินพูดจบเด็กทุกคนก็เดินไปจับจองที่นั่งที่เตรียมไว้พร้อมกับทำใจให้สงบเพื่อเตรียมตัวรับการทดสอบที่กำลังจะมาถึง

    “นายทำได้สิ เลสเตอร์ เอลมอล” เลสเตอร์หายใจเข้าออกเพื่อให้ตัวเองไม่ตื่นตระหนกเกินไป นี่มันช่างดูเหมือนการสอบปลายเทอมที่โรงเรียนที่เวย์แลนด์เหลือเกิน

    ที่ไม่อยากจะคิด เขาดันสอบตกประจำเสียด้วยนี่สิ

    แต่ที่เวย์แลนด์ก็เป็นส่วนของที่เวย์แลนด์ สำหรับโรงเรียนของแอนทีคอย่างเวสปาร์ทาวเวอร์แล้ว นี่เป็นที่ๆแรกที่เขาตั้งใจเรียนมาตลอดทั้งเทอม

    กระดาษข้อสอบถูกแจกมา ความรู้สึกเหมือนตอนที่อยู่ที่โรงเรียนหวนย้อนกลับมาหาเขา ต่างกันตรงที่ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจกับพวกคะแนนอะไรมากนักซึ่งตรงกันข้ามกับที่นี่

    ชิ้นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของมังกร...กระดูก มังกรที่นิสัยดุร้ายที่สุด...มังกรไฟ... สถานที่ที่พบมังกรดินได้มากที่สุด...ที่ราบสูงนาร์ช่าของมาราม เลสเตอร์ค่อยๆไล่กาคำตอบในกระดาษอย่างไม่เร่งรีบ แม้จะมีข้อที่ติดขัดบ้างแต่โดยรวมก็ไม่ได้ออกเกินไปจากที่เขาติวกันมากับร็อกแซนด์

    ที่เหลือก็แค่ภาวนาให้ความตั้งใจที่ทำมาตลอดนั้นไม่ทรยศเขาก็พอ

     

     

     

     

    เลสเตอร์ออกจากห้องสอบมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้มีความรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้หรืออะไรแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีเยี่ยมเช่นกัน

    โดยรวม เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะติดหรือไม่ติดหนึ่งในสามสิบคนที่ว่ารึเปล่า

    “เป็นยังไงบ้าง” นีลถามเขาเป็นคนแรกหลังจากออกมาจากห้องสอบ

    “นิ่งเชียว คงไม่ใช่ทำไม่ได้หรอกนะ” ร็อกแซนด์ถามอย่างเป็นห่วงซึ่งปกติแล้วเธอไม่ค่อยแสดงนิสัยใจดีออกมานักแต่การทดสอบของเลสเตอร์ในครั้งนี้เธอเองก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกันเพราะงั้นเธอถึงรู้ดีว่าเลสเตอร์พยายามมากแค่ไหน

     “อ๋อ เปล่าหรอก ก็พอทำได้อยู่หรอก” เลสเตอร์รีบตอบเพื่อคลายความกังวลของทุกคนก่อนจะยักไหล่เบาๆ “แต่ไม่รู้ว่าทำได้ดีแค่ไหนนี่สิ”

    “ฟังดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจเลยนะ” เอลเลียตพูดเรียบๆอย่างไม่ค่อยเกรงใจเหมือนเดิม

    “อย่ากังวลไปเลยน่า” นีลเดินมาตบหลังเขาเบาๆ “อย่างที่ผมบอกก่อนหน้านี้นั่นแหละ นายพยายามอย่างเต็มที่แล้วเพราะงั้นความพยายามของนายต้องส่งผลลัพธ์แน่

    “ไม่ต้องห่วงหรอกนีล ฉันไม่ได้กังวลอะไรมากขนาดนั้นหรอก” เลสเตอร์พูดจากใจจริง “ก็แค่คิดว่าจบแล้วเหรอไรงี้มากกว่า”

    “ยังไม่จบง่ายๆหรอก นายยังเหลือราวเดอร์กับมาเอลอยู่ไม่ใช่เหรอไง” เอลเลียตพูดเตือนจนเลสเตอร์หัวเราะออกมา

    “นั่นสินะ...เหลือแค่ราวเดอร์แล้วสิเนี่ย” เลสเตอร์พูดเสียงอ่อยๆจนทุกคนถึงกับมองหน้ากันอย่างสงสัย

    “นาย...เป็นอะไรของนายน่ะ” เอลเลียตขมวดคิ้วแน่น

    “ไม่สบายรึเปล่า” ร็อกแซนด์เองก็ไม่ต่างกันเพราะนี่มันไม่ใช่ตัวของเลสเตอร์เลย ปกติเจ้าตัวแสบนี่ต้องพูดมากแล้วโวยวายกว่านี้สิ

    “ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละแค่อยากจะอยู่เงียบๆซักพักก็เท่านั้น” เลสเตอร์พูดเบาๆก่อนจะเดินแยกจากกลุ่มเพื่อนๆไป

    เลสเตอร์เดินไปเรื่อยเปื่อยตามทางเดิน เขาเดินเข้าห้องสมุดซึ่งเป็นสถานที่ที่นั่งสบายและสงบที่สุดของหอคอยแห่งนี้เพื่อนั่งเงียบๆอยู่คนเดียว

    “เหลือแค่ราวเดอร์แล้วสินะ” เลสเตอร์ฟุบลงบนแขนของตัวเองแล้วพึมพำออกมาเบาๆ ในตอนนี้เขารู้สึกว่างเปล่าซะเหลือเกิน

    ราวเดอร์กำลังจะมาถึงในไม่ช้า แน่นอนว่านั่นคือเวลาตัดสินระหว่างเขากับมาเอลแต่ในตอนนี้เขากลับแทบไม่ได้นึกถึงเรื่องนั้นเลยด้วยซ้ำ

    ในตอนนี้เขามีความสุข

    น่าประหลาดที่แม้ช่วงเวลาที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มันเป็นช่วงเวลาที่เขาเหนื่อยยากที่สุดในช่วงชีวิตแต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกว่ามันมีค่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    ช่วงเวลาที่ไม่น่าเบื่อ ช่วงเวลาที่ให้ความรู้สึกน่าจดจำ ช่วงเวลาที่เขาจะไม่มีวันให้มันหายไปจากความทรงจำ นั่นคือสิ่งที่หอคอยแห่งนี้ให้กับเขา

    แต่อีกไม่นานมันจะจบลงแล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังมีเวลาอีกครึ่งปีให้เขาตื่นตาตื่นใจกับดินแดนแห่งนี้ หลังจากนั้นเขาก็จำเป็นต้องกลับไป...

    กลับไปสู่เมืองเล็กๆอันแสนน่าเบื่อ กลับไปสู่หนังสือเรียนที่เขาไม่สนใจมันและได้แต่วาดรูปเล่นลงไปบนกระดาษ กลับสู่ชีวิตอันจำเจที่ดินแดนของเขา...กลับสู่เวย์แลนด์

    “ทำไมเราถึงได้มีความคิดแบบนี้กันนะ” เลสเตอร์หลับตาลงอย่างไม่เข้าใจในตัวเอง ที่เขาต้องมานั่งเบื่อๆอยู่คนเดียวแทนที่จะอยู่กับเพื่อนๆนั้นก็เพื่อให้ตัวเองไม่คิดถึงเรื่องนี้แท้ๆ

    “เบื่ออยู่งั้นเหรอ”

    “เอ๊ะ?” เลสเตอร์สะดุ้งเบาๆเมื่อเสียงๆหนึ่งที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีผู้มาใหม่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขา

    ชายหนุ่มที่มีดวงตาสีเขียวสดใส

    “โทษทีๆ ไม่ได้คิดจะทำให้ตกใจหรอกนะ” ชายหนุ่มคนนั้นยกมือขอโทษ “แค่เห็นเธอนั่งเบื่อๆอยู่แล้วคิดถึงตัวเองเมื่อก่อนน่ะ”

    “ตัวเองเมื่อก่อน? คุณเคยเป็นนักเรียนที่นี่เหรอครับ”

    “อืม ปีนี้ฉันอายุสิบแปด...ถ้านับดูก็จบไปได้สี่ปีได้แล้วมั้ง” ชายหนุ่มคนนั้นตอบกลับมาพร้อมกับสีหน้าหวนคิดถึงความหลัง “น่าคิดถึงจังเลยนะ เวลาผ่านไปเวสปาร์ทาวเวอร์ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ห้องสมุดนี่ก็ด้วย”

    “แล้วกลับมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอครับ” เมื่อเห็นอีกฝั่งพยายามชวนคุย เลสเตอร์เองก็ไม่ได้รังเกียจอะไร บางทีมันอาจจะเป็นการดีกว่ามานั่งเซ็งๆอยู่คนเดียวก็ได้

    “หาหนังสืออ่านน่ะสิ พึ่งอ่านจบตะกี้นี้เอง” ชายคนนั้นยกหนังสือเล่มหนึ่งที่ถือไว้ข้างตัวขึ้นมาก่อนจะทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก “อ้อ จริงสิ ยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย ฉันชื่อ ไนลิก ยินดีที่รู้จัก”

    “ผม เลสเตอร์ ครับ” เลสเตอร์แนะนำตัวเองกลับไปแต่ในตอนนั้นเขาเองก็กลับไปสนใจกับหนังสือที่อยู่ในมือของไนลิกเข้า

    “อ้อ นี่เหรอ” ไนลิกที่เห็นเลสเตอร์สนใจหนังสือในมือเขาพูดขึ้นมา “เป็นหนังสือเกี่ยวกับการจู่โจมของรอธฟัลเมื่อสิบปีก่อนน่ะ”

    “รอธฟัล ดราเชนตัวร้ายนั่นน่ะเหรอครับ” เลสเตอร์ถามด้วยความสนใจเพราะเขาได้ยินชื่อของมังกรตัวนี้มาบ่อยแล้วเหมือนกัน

    “อืม ใช่สิ” ไนลิกยิ้มบางเมื่อเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างของเด็กหนุ่ม “เธอชอบดราเชนรึเปล่าล่ะ”

    “เอ๋?” เลสเตอร์กะพริบตาปริบๆเหมือนกับกำลังงงคำถามไปชั่วครู่ “ชอบ...ชอบสิครับ แค่มังกรปกติก็ชอบอยู่แล้วยิ่งเป็นมังกรระดับตำนานก็ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ มันเท่จะตายไป”

    “งั้นเหรอ ฉันก็เหมือนกัน” ไนลิกหรี่ตาลงมองเด็กหนุ่มตรงหน้าเรียบๆ “สิ่งมีชีวิตในตำนานที่ถูกหลงลืมไปนานแสนนานจนปัจจุบันแทบไม่เหลือตัวตนให้เห็นอยู่แล้ว ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคนถึงไม่สนใจเรื่องพวกนี้กัน”

    “ใช่เลยครับ อาจารย์ของผมก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน” เลสเตอร์พยักหน้าเห็นด้วย

    “อาจารย์ที่ว่านี่ใช่ศาสตราจารย์เจอรัลรึเปล่า”

    “อ๊ะ ใช่ครับ รู้ได้ยังไง”

    “ตอนฉันเรียนอยู่เขาก็เป็นอาจารย์เหมือนกัน ว่าแต่ว่านะตอนนี้ศาสตราจารย์ยังทำตัวเหมือนคนเบื่อโลกอยู่รึเปล่าล่ะ” ไนด์ลิตพูดแม่นเหมือนตาเห็น เลสเตอร์หัวเราะแห้งๆก่อนจะพยักหน้ารับ

    “เบื่อโลกตลอดเวลาเลยครับ”

    “ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” ชายหนุ่มยิ้มเพราะสิ่งที่เขาคิดไว้ดันถูกต้องเสียด้วยสิ “แล้วถ้าเดาไม่ผิดเธอคงต้องทำรายงานเรื่องดราเชนปึกหนาส่งด้วยล่ะสิ”

    “ใช่เลยครับ” เลสเตอร์หัวเราะแห้งๆออกมาอีกรอบ

    “แล้วสรุปทำรายงานของมังกรตัวไหนกันล่ะ

    “มารามอส น่ะครับ” เลสเตอร์ตอบสั้นๆแต่มันทำให้อีกฝั่งถึงกับเบิกตากว้างเบาๆด้วยความแปลกใจ

    “มารามอสเหรอ...ช่างบังเอิญจังเลยนะ” ไนลิกหัวเราะเบาๆให้กับความบังเอิญอันน่าเหลือเชื่อนี่ก่อนจะพูดพึมพำเบาๆกับตัวเอง

    “เอ๋?” เลสเตอร์ดูงุนงงดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินคำพูดตะกี้ของอีกฝ่าย

    “เปล่าหรอก ก็แค่ประหลาดใจกับชื่อนิดหน่อยน่ะ”

    “นั่นสินะครับ จะไม่รู้จักก็ไม่แปลก” เลสเตอร์คาดเดาอีกฝั่งคงไม่รู้จักชื่อนี้เป็นแน่ ไนลิกยิ้มบางราวกับรู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคิดอะไรอยู่

    “มารามอส มังกรแห่งความฝัน...อเมทิสต์แห่งรุ่งตะวัน...ราชินีผู้ชักใยมนุษย์...บุตรีผู้นอกคอกแห่งอิกนิส...ช่างเป็นชื่อที่ไม่ได้ยินจากปากคนอื่นมาเสียนาน”

    “รู้จักด้วยเหรอครับ” เลสเตอร์ถึงกับตกตะลึงเพราะอีกฝ่ายไม่เพียงแต่รู้จักชื่อแต่ถึงขั้นร่ายฉายาออกมาได้หลายฉายา

    “อืม รู้จักดีเลยล่ะ ฉันเองก็เคยศึกษาข้อมูลของมังกรตัวนี้มานิดหน่อย” ไนลิกพูดด้วยรอยยิ้มจางๆอันดูมีลับลมคมใน

    “ทำรายงานเหรอครับ?

    “เปล่าหรอก ก็แค่ศึกษามานิดหน่อยน่ะ”

    “แต่เท่าที่ฟังดูเมื่อตะกี้ดูไม่เหมือนศึกษามานิดหน่อยเลยนะครับ”

    “ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ ฉันก็แค่สนใจเท่านั้น” ชายหนุ่มพูดจบก็หันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่ตรงผนังของห้องสมุด “ดูเหมือนฉันจะต้องไปแล้วล่ะนะ น่าเสียดายจริง ฉันเองก็อยากจะคุยกับเธอต่อให้มากกว่านี้แท้ๆ”

    “ผมเองก็อยากคุยเหมือนกันครับ” เลสเตอร์ยิ้มรับ เขาเองก็มีความสุขกับการพูดคุยในครั้งนี้เหมือนกัน

     “ไม่ต้องห่วง เลสเตอร์” ไนลิกหันดวงตาสีเขียวนั้นมามองเด็กหนุ่มตรงหน้า “เราจะได้เจอกันอีกแน่ๆ ในไม่ช้านี้แหละ”

    “ครับ?

    “งั้นหนังสือเล่มนี้...ฉันอ่านจบแล้ว เธอสนใจจะอ่านต่อมั้ย” ไนลิกพูดขึ้นโดยไม่สนท่าทีงุนงงของอีกฝั่ง

    “ก็ดีเหมือนกันครับ” เลสเตอร์รับหนังสือเรื่องของรอธฟัลมาจากอีกฝ่ายมา ไหนๆก็ว่างแล้วหาอะไรอ่านฆ่าเวลาหน่อยก็ดี

    “งั้นไว้เจอกันใหม่นะ เลสเตอร์ เอลมอล” ไนลิกพูดจบก็โบกมือลาแล้วเดินหายไปจนเลสเตอร์ถึงกับครุ่นคิดไปชั่วขณะว่าเขาไปบอกนามสกุลของตัวเองตอนไหนแต่สุดท้ายเขาก็เลิกใส่ใจเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะเผลอพูดไปตอนแนะนำตัวในตอนนั้น

    “หนังสือเกี่ยวกับรอธฟัลเหรอ” เลสเตอร์มองอย่างสนใจต้องยอมรับว่าการพูดคุยกับไนด์ลิตเมื่อครู่ทำให้เขาอารมณ์ดีมากขึ้นทีเดียว “จริงสิ อาจารย์ลินเดลเองก็เป็นหนึ่งในผู้ปราบรอธฟัลนี่นา น่าจะมีประวัติในตอนนั้นอยู่ลองเปิดดูดีกว่า”

    เลสเตอร์คิดจบก็มองหาหัวข้อตัวอย่างในสารบัญ เมื่อเจอแล้วเขาก็รีบพลิกกระดาษไปยังหน้าที่ว่าทันที ในหน้านั้นมีเหล่านักรบสิบสามคนยืนเรียงราย ทั้งหมดคือเหล่านักรบที่ร่วมมือกันปราบรอธฟัลครั้งนั้น

    “นี่ไง เจออาจารย์แล้ว หน้าตาเด็กเชียว” เลสเตอร์แอบหัวเราะเบาๆเพราะใบหน้าของชายในรูปนั้นไม่เหมือนกับตอนนี้เลยซักนิด

    ใช่แล้ว ทุกอย่างคงจะเต็มไปด้วยอารมณ์ขันหากเขาไม่บังเอิญไปเห็นชื่อๆหนึ่งเข้าซักก่อน

    “ชื่อนี่มัน...”

    ลูเธอร์ สแตนฟอร์ท...เสียชีวิต

    เลสเตอร์เบิกตาค้างนี่คือชื่อที่เขาเคยเห็นครั้งหนึ่งที่ปราสาทแสตนฟอร์ทในกรอบรูปครอบครัวของตระกูลสแตนฟอร์ด

    “ไม่จริงน่ะ” เลสเตอร์ไม่เคยคาดฝันเลยด้วยซ้ำว่าวันนี้เขาจะได้พบกับความเป็นจริงอันน่าตกใจอันนี้

    ชื่อของชายผู้เสียชีวิตกับการต่อสู้กับรอธฟัลคนนั้นคือพ่อของเอลเลียต



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×