ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SFic Yaio SJ [Kang xTeuk]] **..!!เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้!!..**

    ลำดับตอนที่ #4 : เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ : No.2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 246
      0
      2 พ.ค. 51

    Title : [SFic] เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ : No.2
    Author : NoOTallNoi
    Pairings : KangIn X LeeTeuk
    Rating : ???
    Credite Song : เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ วง Prince
    Note : ไม่รู้ว่ามันเศร้ารึเปล่า แต่คนแต่งนั่งแต่งไปร้องไห้ไป ฮ่าๆๆ ตอนนี้เริ่มจะงงอีกละ เพราะเนื้อเรื่องมันไม่ค่อยสอดคล้องกับชื่อเรื่องสักเท่าไหร่ ยังไงก็ไปอ่านกันต่อเลยเน้อ
     
    ปล. คอมเม้นท์ คือ กำลังใจของคนแต่ง คร่ะ^^
     
     
    ----------------------------------------
     
     
    เธอคงจะเหงาใจ และ บังเอิญว่าชั้นนั้นใกล้เธอ
     
    และแล้วเธอคงจะเผลอ ข้ามเส้นบางตรงกลางนั้นไป
     
    เธอลืมว่ามันอาจทำร้าย คนที่คิดไปไกล คิดไปเอง และฝันไปเองผู้เดียว....
     
     
    ในเช้าอันแสนสดใสของอีกวันหนึ่ง ณ.ห้องครัวที่เงียบสงบ ร่างบางของใครสองคนกำลังนั่งกินข้าวเช้ากันอยู่ พร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย คนตาสวยที่นั่งอยู่ด้านในสุดสะดุดเข้ากับร่างหนาของรุ่นน้องตัวโต ที่เดินผ่านห้องครัวไปด้วยความเร่งรีบ ไม่แม้แต่จะหยุดทักทายหรือเดินเข้ามากินข้าวด้วยกันเสียก่อน เสียงใสร้องเรียกทันที เมื่อร่างหนานั้นกำลังจะเดินผ่านประตูที่เปิดอ้าทิ้งอยู่ไป
     
    อ๊ะ คังอิน นายจะไปทำงานแล้วหรอ ไม่กินข้าวเช้าก่อนละ รอยยิ้มอบอุ่นถูกฉาบอยู่บนใบหน้าสวยนั้นไม่เคยเลือนหาย คังอินเพียงแค่ชำเลืองหางตามามองเท่านั้น
     
    ไม่ล่ะครับ ผมขอตัวเท้าเรียวหยุดตัวลงชะงัก คังอินตอบคำถามของอีทึกกลับไป ทั้งๆที่ไม่คิดจะหันหน้าคุยกันดีๆด้วยซ้ำ ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกเดินอีกครั้ง ไม่ใส่ใจร่างของรุ่นพี่ทั้งสองคนที่นั่งหัวโด่กันอยู่อีกเลย เสียงประตูไม้ถูกปิดลงดัง ปัง ความเงียบสงบเข้ามาครอบคลุมบริเวณห้องสี่เหลี่ยมกว้างอีกคราหนึ่ง
     
    อีทึก นายกับคังอินทะเลาะกันรึเปล่า ทำไมคังอินถึงดูแปลกๆไป ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ หลังจากที่คังอินได้เดินจากไปแล้ว ฮีซอลที่นั่งเงียบอยู่นานก็ทักถามขึ้น เขานั่งสังเกตเหตุการณ์ระหว่างเพื่อนสนิทกับรุ่นน้องหน้าหมีมานานแล้ว แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรออกไป เพราะดูจากหน้าตาของคังอินในตอนนั้นแล้ว มันบ่งบอกชัดเจนเลยว่า เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่เหมาะจะพูดคุยด้วย ใบหน้าสวยละจากจานข้าวตรงหน้า ก่อนจะช้อนขึ้นมามองเพื่อนสนิทอย่างต้องการคำตอบอีทึกส่ายหน้าพรืด
     
    ไม่หนิ ก็ปกติดี
     
    หรอ อืมม กินข้าวต่อเถอะ ชั้นคงคิดไปเองอ่ะโอเค เขาคงจะคิดไปเองจริงๆ ก็ในเมื่ออีทึกยืนยันมาแบบนั้น เขาก็จะไม่คิดอะไรมาก แต่ท่าทางของคังอินเมื่อครู่นี้ สีหน้าหล่อคมนั้นแสดงออกถึงความหมองเศร้า เลื่อนลอย ดวงตาคมที่เคยฉายแววสดใสอยู่ตลอดเวลา บัดนี้มันกลับกลายเป็นว่าได้ล่องลอยไปที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ที่ที่ไกลแสนไกล มันฉายแววเจ็บปวดแสนสาหัส ยากที่จะเข้าใจ บวกกับคำพูดคำจาที่ดูห่างเหินนั้นอีก เป็นอะไรของเขากันแน่นะ?
     
    ฮีซอลชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนสนิทคนสวยข้างตัวอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าอีทึกยังคงมีท่าทีสบายใจ เขาก็ไม่อยากจะสงสัยอะไรไปมากกว่านี้ จึงจำใจต้องหันกลับมากินข้าวเงียบๆตามเดิม
     
    ถึงแม้ว่าการแสดงออกภายนอกของอีทึกจะทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความจริงแล้ว ภายในจิตใจของเขามันกลับวิตกกังวลอย่างน่าประหลาด แววตาเย็นชาคู่นั้นของคังอิน มันยังคงฝังลึกอยู่ในหัวสมองของเขา  ทั้งๆที่คังอินเองไม่เคยมีท่าทีแบบนั้นมาก่อน ก็เมื่อคืนยังร่าเริงดีๆอยู่เลย หรือว่า อาจจะเป็นคำพูดของเขาเมื่อคืน แต่.........ไม่ใช่หรอกมั้ง ช่างมันเถอะ..........
     
    คนตาสวยเหลือบมองประตูห้องที่ถูกปิดสนิทอยู่ หลังจากที่ใครคนนั้นออกไปแล้ว ในใจก็อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ว่า คังอินเป็นอะไรไป? ท่าทางแบบนั้นของเจ้าหมี มันทำให้เขาไม่ชอบมันเอาเสียเลย มันดูห่างเหินกันยังไงก็ไม่รู้ มือหนายกขึ้นมากุมขมับที่ปวดตุบๆของตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม โดยมีฮีซอลที่นั่งมองปฏิกิริยาของอีทึกอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่กล้าจะถามอะไรออกไป เอาเป็นว่าเงียบไว้น่าจะเป็นการดีกว่า..........
     
     
     
     
     
    ณ. ห้องซ้อมเต้น
     
     
    ระหว่างการซ้อมเต้นของเหล่าหนุ่มๆเอสเจ เพื่อขึ้นคอนเสิร์ตในอาทิตย์หน้านี้ คังอินเป็นคนเดียวที่ดูจะเต้นผิดสเต็ปบ่อยกว่าคนอื่นๆ เต้นผิดท่าบ้าง พลาดบ้าง ร้องเพลงก็ยังร้องคร่อมจังหวะบ้าง ร้องเสียงเพี้ยนบ้าง ราวกับคนไม่มีสติสตังหลงเหลืออยู่ในตัวเอง สายตาดูเลื่อนลอย ไม่สนใจต่อสิ่งใดๆรอบตัว วันๆเอาแต่นั่งซึม ใครเข้าไปคุยด้วยก็จะปิดปากเงียบ ทำเหมือนกับตัวเองเป็นคนใบ้ขึ้นมาชั่วขณะยังไงยังงั้น เผลอๆยังแสดงสีหน้ารำคาญใจใส่ซะด้วยซ้ำ เขาดูอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ถ้ามีใครมาหาว่าเขาว่าเต้นไม่ดี หรือร้องเพลงไม่ดี ถึงขั้นจะจับหัวใครที่กล้ามาปากดีกับเขาคนนั้นมากินหัวได้เลยก็ว่าได้
     
    อาการบ้าๆบอๆแบบนั้นของคังอิน ทำให้สมาชิกคนอื่นๆที่เหลือตัดสินใจพากันมาปรึกษากับอีทึก หวังว่าจะได้วิธีแก้ไขดีๆกลับมาได้บ้าง ซึ่งไม่ได้รู้กันเลยว่า คนตาสวยเองก็หมดปัญญาที่จะช่วยเหลือเหมือนกัน
     
    พี่อีทึกฮะ พี่คังอินเป็นอะไรก็ไม่รู้ฮะ เอาแต่นั่งเหม่อ ไม่ยอมพูดคุยกับใครเลยฮะซองมินเป็นคนแรกที่เอ่ยถามขึ้น หลังจากที่พาเพื่อนๆคนอื่นๆเข้ามานั่งล้อมวงอีทึกเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนตาสวยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงกว่ากวาดตามองน้องๆของตัวเองที่นั่งกระจุมปุ๊กอยู่บนพื้นอย่างขำๆ นี่จะมาคุยด้วย หรือจะมาตั้งวงเล่นไพ่กันแน่เนี่ย?
     
    ใช่ฮะ พี่อีทึก ตอนที่ผมเข้าไปแกล้งแหย่ พี่คังอินก็ไม่ว่าอะไรผมเลยฮะ แถมยังไม่วิ่งไล่เตะผมอีกต่างหาก ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่คังอินคงเอาผมตายไปแล้วละฮะ คราวนี้เป็นฝ่ายของฮยอกแจที่เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง โดยมีสมาชิกคนอื่นๆพยักหน้าสนับสนุนอยู่รอบๆอย่างเห็นด้วย สายตาทุกคู่จ้องแป๊วไปที่คนตาสวยกันเป็นตาเดียว หวังว่าจะได้ความคิดเห็นดีๆมาจากท่านหัวหน้าวงของพวกเขาบ้าง
     
    พี่อีทึกลองเข้าไปถามพี่เค้าดูทีสิฮะ เผื่อพี่เค้าจะยอมบอกก็ได้ เมื่อเห็นว่าอีทึกยังไม่พูดอะไรออกมาเสียทีดงเฮก็เริ่มเสริมต่อ เจ้าปลาน้อยเสนอหนทางให้กับคนตาสวย อีทึกเพียงรับฟังเอาไว้เท่านั้น แต่ก็ยังไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร
     
    อืมจ้ะ ทุกคนไปซ้อมเต้นกันต่อเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเองเสียงหวานกล่าวสั่งราวกับประกาศิต พยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่า อืม พวกนายไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก อะไรประมาณนั้น เจ้าลิงซนทั้งหลายเลยลดความวิตกกังวลลงได้บ้าง ก่อนจะพากันลุกขึ้นไปซ้อมเดินต่ออย่างว่าง่ายตามคำสั่งของรุ่นพี่ตาสวย
     
    คนตาสวยเดินไปหยิบน้ำเปล่า และผ้าขนหนูที่ทางบริษัทจัดเอาไว้ แล้วเดินตรงมาหาร่างสูงที่กำลังนั่งเหม่ออยู่คนเดียวตรงมุมห้องด้านใน ก้นงอนหย่อนตัวนั่งลงข้างๆคังอิน แต่เจ้าหมีกลับเขยิบถอยหนีเขาออกไปเล็กน้อย ทิ้งระยะห่างเอาไว้พอสมควร มีแต่เพียงแผ่นพื้นไม้อัดขัดเงาที่เป็นตัวกั้นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเท่านั้น คนตาสวยไม่ได้คิดอะไร พร้อมกับยื่นขวดน้ำกับผ้าขนหนูในมือไปให้
     
    คังอิน พี่เอาน้ำมาให้
     
    อ๊ะ ขอบคุณครับ คังอินเอื้อมมือไปรับมันมาทั้งๆที่ยังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่ด้วยซ้ำ คนยิ่งไม่อยากจะเห็นหน้าอยู่ด้วย ไม่รู้จะโผล่มาให้เห็นทำไมกันยิ่งเป็นเขาคนนี้แล้วด้วย ยิ่งไม่อยากเห็นใหญ่ กลัวใจตัวเอง กลัวว่ามันจะทำตามที่ได้สัญญาเอาไว้กับตัวเองไม่สำเร็จ สัญญาว่าจะตัดใจ สัญญาว่าจะเลิกรักคนตาสวยนี้ให้ได้ คิดแล้วก็ปวดหัวจี๊ด ใบหน้าคมก้มลงต่ำกว่าเดิมจนปลายคางแทบจะติดกับลำคอยาว ไม่กล้าสบตากับคนข้างตัว
     
    นายเป็นอะไรรึเปล่า ดูแปลกๆไปนะ พวกน้องๆให้พี่มาถาม เจ้าพวกนั้นมันเป็นห่วงนายมากเลยนะ ตอนแรกที่ได้ยินคนตาสวยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเป็นห่วงเป็นใยก็อดดีใจไม่ได้ ดีใจที่คนที่เขาแอบรักยังคงเป็นห่วงเขาอยู่เหมือนเดิม แต่ความสุขนั้นกลับดับวูบลงทันทีอย่างน่าใจหาย เมื่อได้ยินสองประโยคหลังต่อมา ใช่สินะ เขาคงจะแค่เป็นห่วงเราเพราะน้องๆสั่งให้มาดูเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่คนตาสวยจะเป็นห่วงเขาด้วยตัวของเขาเอง ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเป็นห่วงเขา ถ้าคนอื่นไม่ได้ร้องขอให้ช่วย ไม่เคยเลยสักครั้งแม้แต่ที่จะคิดเป็นห่วงเขาจากใจจริงของตัวเอง คังอินครุ่นคิดอย่างตัดพ้อ หยดน้ำตาใสลอบหลั่งรินออกมาจากดวงตาคมคาย แต่เจ้าตัวกับรีบปาดมันออกทันที เพราะกลัวคนข้างตัวจะสังเกตเห็น
     
    ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ตอบกลับไปแบบนั้น ทั้งๆที่ในใจแสนเจ็บปวดทรมานราวกับคนตายทั้งเป็น อีทึกมองหน้ารุ่นน้องคนสนิทด้วยความห่วงใย แต่น่าเสียดายที่คังอินไม่ทันที่จะได้สังเกตเห็นมัน มือบางวางลงบนหัวไหล่กว้างเพื่อให้กำลังใจ แต่คังอินกลับไม่กล้าตอบรับความหวังดีนี้นั้นได้เลย ความหวังดีที่ทำให้เขาเจ็บปวด มันไม่จำเป็น ไม่จำเป็นจริงๆ
     
    มีอะไรก็บอกพี่ได้นะ
     
    จะให้ผมบอกงั้นหรอ?
     
    จะให้ผมบอกว่า ผมรักพี่งั้นเหรอ? 
     
    พี่ยังอยากจะฟังมันอยู่อีกงั้นหรอ? 
     
    ก็ในเมื่อ พี่ไม่เคยคิดอะไรกับผม มากเกินคำว่า เพื่อน
     
     
    ....................
     
    ดูสิ นายคงจะเหนื่อยมากใช่มั้ย เหงื่อออกเต็มหน้าเลย มา เดี๋ยวพี่เช็ดหน้าให้ละกัน คนตาสวยแย่งผ้าขนหนูจากมือของคังอินไป ก่อนจะบรรจงเช็ดเม็ดเหงื่อที่เปรอะอยู่เต็มใบหน้าคมนั้นออกให้อย่างเบามือถ้าเป็นเมื่อก่อนร่างสูงคงจะรู้สึกดีไม่ใช่น้อยเลยที่อีทึกทำแบบนี้ให้ เขาคงจะงอแงอ้อนให้อีทึกเช็ดให้อีกเป็นแน่ แต่ในตอนนี้......ความรู้สึกเหล่านั้นมันไม่มีอีกต่อไปแล้ว คังอินปัดมือบางออกไปทันที อย่างไร้เยื่อใย แต่เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นเลยสักนิดจิตใต้สำนึกมันพาเขาไปเอง
     
    อ๊ะ.....คนตาสวยตาโตด้วยความตกใจ ดวงตาแสนฉายแววผิดหวังอยู่ภายใจคาดไม่ถึงกับการกระทำราวกับจะตัดรอนของร่างสูง คังอินเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ดวงตาคมฉายแววร้อนรนอยู่ไม่น้อย
     
    เอ่อ............ และในที่สุด คังอินก็ตัดสินใจไม่กล่าวคำขอโทษออกไป ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายผิด แต่เขากับพูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว มันเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอยังไงยังงั้น ร่างสูงลุกพรวดออกจากตรงนั้นทันที ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องซ้อมไป เสียงปิดประตูดัง ปัง ทำให้ทุกคนหยุดเต้นแล้วหันไปมองที่ต้นเสียงกันเป็นตาเดียว เห็นหลังไวๆของเจ้าหมีหายลับออกไป
     
    คังอิน......คังอินอีทึกร้องเรียกเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ก็ร่างสูงเดินจากไปแล้ว แล้วมันจะมีความหมายอะไรถ้าเขาจะร้องเรียกไป แต่เขาคนนั้นก็ไม่ย้อนกลับคืนมาอยู่ดี ฮีซอลผู้อยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลาเดินเข้ามาหาเพื่อนตาสวยของตัวเองที่กำลังนั่งกุมขมับตัวเองอยู่อย่างกลัดกลุ้ม
     
    อีทึก นายไม่เป็นอะไรนะฮีชอลเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง นึกสงสารคนตาสวยขึ้นมาจับใจ ตลอดเวลาที่เขายืนสังเกตการณ์อยู่นั้น เขาสัมผัสได้ถึงกระแสอะไรบางอย่างกระแสความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเจ็บใจ ไอพลังงานที่แสดงถึงความเสียใจยังคงลอยคละคลุ้ง มือบางเอื้อมมาแตะหัวไหล่เล็กของอีทึกเพื่อให้กำลังใจ คนอื่นๆที่เหลือก็เข้ามาดูอาการของหัวหน้าวงคนสวยเช่นกัน
     
    อืม......ชั้นไม่เป็นไรคนตาสวยส่ายหัวให้น้อยๆแทนคำตอบ ทำให้คนอื่นๆอดเป็นห่วงไปด้วยไม่ได้ อีทึกคิดอย่างเจ็บปวด แววตาที่ดูแสนเย็นชาของคังอินคู่นั้น ยังคงติดตาของเขาอยู่ มันดูไม่เหมือนเดิม มันช่างดูห่างเหินจนเกินจะไขว่คว้าถึง มันเจ็บปวดแสนสาหัส เจ็บปวดมาก มากเสียจนเกือบจะทำให้น้ำตาไหล แววตาคู่นั้นของคังอิน นายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะคังอิน? ถ้าฉันมีความสามารถอ่านใจคนได้ มันก็คงจะดีหน่ะสิ.........
     
     
     
     
    ดาดฟ้าของบริษัท
     
     
     
    โธ่เว้ย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยว่ะ ทำไม!!!!”
     
    หลังจากที่ผละออกมาจากบริเวณนั้น บริเวณนั้นที่มีใครบางคนนั่งอยู่ได้แล้ว คังอินก็ขึ้นมายังดาดฟ้าของตึกเพื่ออยากระบายอารมณ์ เขาตะโกนออกมาสุดเสียงจนมันสะท้อนแตกกระจายไปทั่วทุกทิศทาง เขาไม่สนใจหรอกว่า จะมีใครได้ยินคำพูดของเขาบ้าง มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า เมื่อเราเครียด ให้เราตะโกนออกมาจนสุดเสียงก็จะหายเครียดได้ ท่าจะเป็นความจริง ลมหนาวพัดเอือยๆผ่านใบหน้าหล่อคมของเขาไป ทำให้คังอินรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้บ้าง แต่ไม่ใช่กับจิตใจ มันยังคงร้อนรุ่ม รอวันแผดเผามอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน ขอบตาสั่นระริก คล้ายกับน้ำตามันกำลังจะไหลรินออกมา
     
    ฮึ่ก ทำไม ทำมายยยยย ฮือๆๆๆท่อนขาแกร่งทรุดลงคุกเข่าลงบนพื้นปูนอันแข็งกระด้าง ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ สภาพของเขาตอนนี้มันคงจะดูน่าสมเพชมากเลยสินะ เป็นลูกผู้ชายแท้ๆ กลับต้องมานั่งร้องไห้เหมือนเด็กปัญญาอ่อนแบบนี้ เขาคงจะดูอ่อนแอมาก อ่อนแอมากจนใครคนนั้นคงไม่อยากร่วมชีวิตด้วย เขาคงไม่เข้มแข็งพอที่จะปกป้องเขาคนนั้นได้สินะ มิน่าล่ะ เขาคนนั้นจึงไม่เคยมองเห็นคุณค่าในตัวของเขาเสียที คุณค่าที่ไร้ความหมาย คุณค่าที่ไม่เคยมีใครต้องการมัน
     
     
    ทำไมผมต้องไปรักพี่ด้วย?
     
    ทำไมผมต้องไปรักคนใจร้ายอย่างพี่ด้วย? 
     
    ยิ่งผมทำตัวออกห่างพี่เท่าไหร่........ 
     
    พี่ก็ยิ่งเข้าใกล้ผมมากเท่านั้น........ 
     
    พี่ก็ยิ่งทำดีกับผมมากเท่านั้น..........
     
     
    ทำไมสวรรค์ต้องแกล้งผมด้วย ทำไมสวรรค์ถึงไม่เข้าข้างผม ทำไมสวรรค์จะต้องให้ผมไปรักพี่ด้วย ทำไม ฮือๆๆ
     
    ฮึ่ก...ผมอุตส่าห์จะเลิกรักพี่แล้ว ผมอุตส่าห์ตัดใจจากพี่แล้ว พี่จะมาทำดีกับผมอีกทำไม ฮึ่ก....พี่จะมาทำให้ผมรักพี่อีกทำไม...ฮือๆๆคังอินร่ำไรอยู่อย่างนั้นราวกับคนเสียสติ น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคมคู่นั้นไม่ขาดสาย ร้องไห้จนน้ำตาแทบจะกลายเป็นสายเลือด ร้องไห้จนกลัวว่าคราวหน้าคงจะไม่มีน้ำตาให้ร้องไห้อีกต่อไป ทรมาน ทรมานเหลือเกิน ทรมานอะไรขนาดนี้? พระผู้เป็นเจ้าครับ โปรดบอกผมที โปรดบอกผมทีว่าผมควรจะทำยังไงดี โปรดบอกผมทีว่าผมควรจะทำอะไรต่อไป รักหรือเกลียด แอบรักหรือทนเจ็บปวด ยิ้มหรือร้องไห้ดี ฮือๆๆ ช่วยบอกผมที ได้โปรด............
     
     
    พี่อีทึกพี่บอกผมทีสิ ว่าผมควรจะทำยังไง 
     
    ผมควรจะทำยังไง ถึงจะเลิกรักพี่ได้
     
    ผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว 
     
    ผมกลัวจะหลุดคำๆนั้นออกไป คำที่ผมรู้ดีว่าไม่ควรจะพูดมันออกมา
     
    ผมกลัวกับคำตอบที่จะได้รับกลับมา
     
    ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า คำตอบของพี่นั้น มันคืออะไร...........
     
     
     
    มันเกินกว่าเพื่อนกันมากไป ที่เธอทำทุกอย่าง
     
    ไม่คิดอะไรหรือยังไง บอกฉันให้รู้อีกครั้ง
     
    ว่าเธอนั้นตั้งใจหรือไม่ ฉันจะได้ไม่หวัง
     
    อย่างนี้นานไปกลัวจะช้ำ เพราะ เพื่อนกัน ของฉันไม่ใช่แบบนี้....
     
     
     
    -----------------------------------------
     
     
    ภายในห้องนั่งเล่นที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา กลางความมืดมิดในยามค่ำคืน ร่างบางของใครคนหนึ่งกำลังนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนโซฟาตัวสวย สีหน้าแสดงถึงความร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสวยเหลือบมองนาฬิกาแขวนเรือนใหญ่บนผนังห้องอีกครั้ง หลังจากที่นั่งดูอย่างนี้มาแล้วมากกว่ายี่สิบรอบ ในหัวสมองหวนคิดถึงใบหน้าหล่อคมของรุ่นน้องคนสนิทที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนเที่ยง หายไปตั้งแต่ตอนนั้น จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าตัวจะกลับมาเลย
     
    แอ๊ดดดดดดดดด เวลาผ่านไปไม่นานนัก ประตูไม้ที่ปิดสนิทอยู่ก็ถูกเปิดออกโดยฝีมือของใครบางคน ร่างสูงประคองตัวเองเข้ามาในห้องยากลำบาก กลิ่นของแอลกอฮอล์ยังคงติดอยู่ตามเสื้อผ้าและเนื้อตัวที่ชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ บ่งบอกได้เลยว่าร่างสูงคนนี้เพิ่งเสร็จจากการดื่มเหล้าอย่างหนักมาหมาดๆ
     
    อึ่ก....นี่ คง จา นอน กาน หมด แล้ว ล๊า สิ   เอิ๊กกก เสียงทุ้มเพ้ออยู่ในลำคอเบาๆ พูดไปก็สะอึกไป เพราะปริมาณของแอลกอฮอล์ที่ยังคงไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดเป็นจำนวนมาก คนตาสวยที่ได้ยินเสียงตะกุกตะกักมาจากหน้าประตูห้องก็รีบลุกออกไปดูทันที เป็นอย่างที่คิด ร่างสูงของคังอินกำลังเดินโซเซจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่เข้ามาด้านในมือหนาก็พยายามคลำทางไปเรื่อยๆ จนอีทึกอดนึกสงสารขึ้นมาไม่ได้ จึงรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวคนเมาไม่ได้สติคนนั้นทันที
     
    คังอินนายหายไปไหนมา เสียงหวานเอ่ยถาม ขณะที่ค่อยๆพยุงพาเจ้าหมีเดินเข้ามาในห้องนอนของเจ้าตัวด้วยความยากลำบาก เนื่องมาจากน้ำหนักตัวของคังอินค่อนข้างจะเยอะอยู่มากโขเลยทีเดียว
     
    อ๊าาาาา คายย กาน ลา เนี่ย อ่าวว เพ่ น่าน เอง เอิ๊กกกเพ้อเจ้อไปอย่างนั้นตามภาษาคนเมาไม่ได้สติ มือไม้ก็ปัดป่ายอากาศไปมา เหมือนเด็กทารกกำลังเล่นอ้อแอ้ๆอยู่คนเดียว ก่อนจะค่อยๆเลื่อนมาดึงเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มของคนข้างตัวเล่นอย่างสนุกสนาน อีทึกปัดมือแสนกวนใจนั้นออกไปด้วยความรำคาญใจ
     
    นี่นายไปดื่มมาอีกแล้วใช่มั้ย ทำไมถึงได้ทำตัวเหลวไหลแบบนี้ หะ คังอิน
     
    อย่า มา ยุ่ง กาบ โผมม โผมม จะ ไป ไหน มัน ก็ เรื่อง ของ โผมม   ม่ายย เกี่ยว กาบ เพ่ ซ้าก หน่อย
     
    นายเมาแล้วนะคังอิน อ๊ะ เดินดีๆสิ เดี๋ยวก็ล้มลงไปหรอก
     
    ปล่อย โผมมม โผม ม่าย ด้าย มาววว เอิ๊กก โผม เดิน เอง ด้าย อย่ามายุ่ง!!!” ว่าแล้วก็ผลักคนตาสวยออกไปให้ไกลตัว ก่อนจะพยายามทำเป็นเก่งเดินโซซัดโซเซไปด้วยตัวเอง อีทึกมองตามหลังไปอย่างรู้สึกเวทนาเสียเหลือเกิน เดินไม่ไหวแล้วยังจะทำเป็นเก่งอีก มันน่าจับมาตีก้นจริงๆเล้ย........
     
    เห้ออ เดี๋ยวพี่จะพานายไปนอนนะคนตาสวยว่าพร้อมกับเดินเข้าไปช่วยพยุงเจ้าหมีแสนหัวรั้นอีกครั้ง แล้วค่อยๆพาเดินเข้าไปในห้องนอน
     
    ....................... คังอินเองก็เดินตามเข้าไปอย่างง่ายดาย
     
     
     
    ในห้องนอนของคังอิน
     
     
    หลังจากที่พยุงคังอินเข้ามาในห้องนอนได้เรียบร้อยแล้ว อีทึกก็พาเจ้าตัวดีตรงดิ่งไปที่เตียงทันที ก่อนจะค่อยๆวางคนตัวใหญ่ให้นอนราบลงกับที่นอนด้วยความยากลำบาก เมื่อหัวถึงหมอนปั๊บ เจ้าหมีก็ดูเหมือนว่าจะหลับไปในทันที ถ้าคนตาสวยไม่ร้องเรียกเอาไว้ซะก่อน ป่านนี้คงได้ไปเข้าเฝ้าท่านเทวดาเรียบร้อยแล้วเป็นแน่
     
    อ๊ะ นอนรอพี่ตรงนี้นะ เดี๋ยวจะเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เสียงหวานกำชับเสียงเข้ม พร้อมกับลุกออกไปเข้าห้องน้ำในนาทีต่อมา
     
    ......................คังอินไม่ได้ว่าอะไร ร่างหนานอนดิ้นพล่านไปมาอยู่บนเตียง ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มันทำให้เขารู้สึกร้อนวาบชาไปทั้งตัว ดวงตาคมพยายามเบิกขึ้นอย่างยากลำบาก ไม่อยากขัดคำสั่งของคนตาสวย
     
    ไม่นานนัก อีทึกกลับออกมาพร้อมกับกะละมังและผ้าชุบน้ำผืนเล็กภายในมือ คนตาสวยค่อยๆวางกะละมังนั้นลงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆคนที่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม มือเล็กบิดผ้าชุบน้ำออกพอหมาดๆ ค่อยๆบรรจงเช็ดตัวให้คังอินอย่างเบามือที่สุด ร่างหนาดิ้นพล่านจนผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ไปหมด
     
    อื้อออออ มือใหญ่ปัดมือของคนตาสวยออกไปอย่างไม่ใยดี เรียกอารมณ์หงุดหงิดจากอีทึกได้ไม่น้อยเลย
     
    คังอินอยู่เฉยๆสิ พี่เช็ดตัวไม่ถนัดนะเสียงหวานว่า ขณะที่มือเล็กพยายามจะลากผ้าขนหนูไปตามใบหน้าคมที่ส่ายไปมานั้น มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ จับใบหน้าของคังอินเอาไว้แน่นไม่ให้เจ้าตัวได้หันหน้าหนีไปไหนอีก
     
    หมับบ ทันใดนั้นเอง ฝ่ามือหนาของร่างสูงก็คว้าหมับเข้ากับข้อมือบางที่กำลังเช็ดตัวให้เจ้าตัวอยู่ ก่อนจะกุมมันเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปไหนได้ ราวกับกลัวว่าถ้าเขาปล่อยมือจากคนนี้ๆไป คนตาสวยจะไม่มีวันกลับคืนมาหาเขาอีกเลย
     
    ฮึ่ก..........ฮึ่กคังอินร้องไห้ออกมาโดยไม่มีสาเหตุ ร่างกายสั่นระริก ไม่ใช่เพราะว่าหนาว แต่สั่นเพราะแรงสะอื้น อีทึกมองดูปฏิกิริยาของเจ้าหมีด้วยความสงสารจับใจ เขาไม่เคยเห็นตอนไหนที่คังอินอ่อนแอขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจมารึป่าว? ถึงได้เสียใจจนร้องไห้ออกมาแบบนี้? คนตาสวยได้แต่ตั้งคำถามกลับตัวเองอยู่ในใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า คนที่ทำให้ร่างสูงต้องเป็นแบบนี้ ก็คือตัวของเขาเอง
     
    คังอิน......เสียงหวานร้องเรียกแสนแผ่วเบา อุ้งมือเล็กลูบไล้อยู่ที่ใบหน้าคมซีดเผือกนั้นเพื่อปลอบใจ คังอินสะอื้นหนักเข้าไปใหญ่
     
    ฮึ่ก พี่มาทำดีกับผมทำไม ฮือๆๆๆเจ้าหมีเพ้อถามไปพร้อมๆกับร้องไห้ไปด้วย อีทึกสงสารคนตรงหน้าจับใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงดี
     
    คังอิน นายเป็นอะไร
     
    พี่มาทำให้ผมรักพี่ทำไม ฮือๆๆๆ
     
    คังอิน นายพูดอะไรหน่ะ นายเมาแล้วนะ
     
    ฮึ่ก ผมไม่ได้เมา ผมรู้สึกตัวอยู่ตลอด ผมรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ว่า   ผมรักพี่ ฮึ่ก........ที่ผ่านมา ผมรักพี่มาตลอด รักในแบบ คนรัก ไม่ใช่ เพื่อนร่วมวง หรือ พี่น้องฮือออ ผมรักพี่ พี่ได้ยินมั้ย พี่อีทึก ผมรักพี่ ผมรักพี่....ฮือๆๆๆร่างสูงพร่ำบอกอยู่แบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คนตาสวยรู้สึกได้ว่าขณะนี้คนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้เมาเสียด้วย คำบอกรักที่ดูแสนหนักแน่นและจริงใจของคังอิน มันทำให้อีทึกถึงกับทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก คังอินยังคงพร่ำเพ้ออยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน หยดน้ำตามากมายไหลรินออกมาจากดวงตาที่ถูกปิดสนิทอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล ไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะสงบลง มือหนากุมมืออันอบอุ่นข้างนั้นเอาไว้แน่น ส่งผ่านความรู้สึกรักไปให้
     
    รักพี่......หมดหัวใจ
     
    คังอิน......เอ่อ...พี่....คนตาสวยรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีตอนนี้ ดวงตาคมเข้มคู่นั้นค่อยๆปรือขึ้นช้าๆด้วยความยากลำบาก ขอบตาทั้งสองข้างบวมซ้ำเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
     
    พี่ไม่ต้องพูดอะไรหรอกครับ ผมเข้าใจ ผมเข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว ฮือๆๆๆนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากสวยที่กำลังจะขยับพูดอะไรบางอย่าง เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ น้ำตาระรอกใหม่ก็หลั่งรินออกมาอีกรอบ เจ็บเหลือเกิน ตรงนี้ ตรงกลางหัวใจ เหมือนกับร่างบางตรงหน้าเอามีดมาทิ่มแทงมันด้วยตัวของเขาเอง ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งได้ยินเสียงก็ยิ่งทรมาน ทรมานยิ่งกว่าถูกผลักตกลงไปในเหวลึก
     
    เอ่อ........คังอิน......ดวงตาพราวสั่นระริก สองขอบตาเริ่มมีกลุ่มหยดน้ำตามาเกาะรวมกัน เจ็บปวดอย่างน่าแปลกประหลาด เจ็บที่ได้ยินที่ร่างสูงพูดแบบนั้น เจ็บที่เห็นร่างสูงร้องไห้เสียน้ำตา เหมือนตัวเองเป็นคนทำให้ร่างสูงต้องร้องไห้ เหมือนกับว่าตัวเองเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ร่างสูงเปลี่ยนไป คนตาสวยนิ่งเงียบไปนาน ขยับตัวเล็กน้อยราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอย่างไรดีตอนนี้ ขอโทษ ปลอบใจ สองคำนี้มันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด
     
    ผมบอกให้ออกไปไง ออกไป!!!!” เสียงทุ้มตวาดลั่นดัง แต่คนตาสวยกลับไม่รู้สึกตกใจอะไรใดๆ ความรู้สึกเดียวในตอนนี้ คือ สับสนและสงสาร สับสนกับความรู้สึกของตัวเอง สับสนกับคำบอกรักที่แสนโศกเศร้าของคังอิน สงสารที่เห็นคังอินเสียใจ สงสารที่ตัวเองเป็นตัวต้นเหตุทำให้เรื่องทั้งหมดมันบานปลาย ถ้าเขามีความสามารถอ่านความรู้สึกของคนอื่นๆ เขาก็อยากจะใช้มัน ใช้มันเพื่อจะได้ไม่ต้องทำให้คังอินต้องมาเจ็บปวดเพราะตัวเองแบบนี้
     
    ปังงงงงงงงบานประตูไม้เนื้อดีถูกปิดสนิทลง อีทึกยอมออกไปจากห้องแต่โดยดี ขืนอยู่ต่อไปก็ยิ่งทำให้อีกคนเจ็บปวดมากขึ้น ขืนอยู่ไปก็ยิ่งทำให้ตัวเองสับสน ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นตอนนี้ ความรู้สึกมันนัวเนียตีกันไปหมด มันจับต้นชนปลายกันไม่ถูก ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว แต่ที่เจ็บกว่านั้น คือตรงนี้ ที่อกด้านซ้าย
     
    ฮือๆๆ ฮืออออ พี่อีทึก ผมรักพี่ ผมรักพี่ ฮือๆๆๆ 
     
    น่าสงสารเหลือเกิน คนดีของพี่ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจ ถ้านายอยากเกลียดพี่ อยากหนีไปจากพี่ พี่ก็จะไม่ขัดใจนาย แต่ขอเพียงอย่างเดียว พี่ขอให้นายมีความรู้สึกแบบนั้นกับพี่ต่อไป อย่าลืม อย่าทอดทิ้ง อย่าเปลี่ยนใจ พี่ขอร้อง ได้โปรดเถอะ..............
     
     
     
    -------------------------------------------------------------TBC----------------------------------------------------------------------


    ขอโทษนะคะที่มาลงให้ช้าอะ  เอาคอมมาได้สักวัน สองวันละ  แต่ที่เพิ่งเอาลงมาได้ก้เพราะว่า

    นั่งแต่งใหม่อยุ่พอดีว่าที่แต่งไว้มันหายหมด  เพราะต้องล้างเครื่องใหม่เลย

    ส่วนอีกเรื่องนะคะ รออีกแปปเน้อ  ขอเวลาอีกสักวันสองวันจะเอามาลงให้แน่นอนคระ สัญญา ^^

    เอาเป็นว่าขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ.......................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×