ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fanfic] หัวขโมยแห่งบารามอส เรื่องราว หลังจากนั้น

    ลำดับตอนที่ #60 : อ่านเล่นๆ ครึ่งตอนสองของRxFที่สัญญาไว้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.64K
      10
      19 ต.ค. 49

    ปล. อย่าทวงเพราะไม่มีพล็อต

    ครึ่งปีมีแค่นี้จริงๆฮะ

    ข่าวดีคือ..... ไว้รอคุยกับมุยก่อนแล้วจะมาบอกอีกทีฮะ

    ที่มาอัพให้เพราะว่าเห็นเม้นฮะ

    ความคิดเห็นที่ 1387
    อัพเถอะนะคะ อย่าดองถึงปี50 เลยนะคะ
    PS.  เคยมีตำนานเล่าถึงอาทิตย์ไม่เคยดับในดินแดนน้ำแข็งที่หนาวจัดยังมีเกล็ดหิมะงอกงามขึ้นมาได้{{{TT^TT}}}
    Name : เซร่าจอย < My.iD > [ IP : 124.121.72.253 ]
    Email / Msn:
    วันที่: 18 ตุลาคม 2549 / 23:26


    นั่นแหละฮะ มันโดนใจดำ เลยมาอัพให้

    ขอร้องด้วยความจริงใจนะฮะ มีให้แค่นี้จริงๆ

    ขนาดเลทีอาตอนนี้ยังไม่มีพล็อตปั่นเลยฮะ

    ทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องทวงแล้วทวงอีกยังไม่มีให้

    แล้วสาอะไรกับฟิคฮะ

    เอาล่ะฮะ ชื่อตอนก็บอกไว้แล้วว่าอ่านเล่นๆ

    ก็ขอความกรุณาเถอะฮะ อ่านเล่นๆนะฮะ

    อย่าทวงเลย เพราะเราไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     เกวียนสีซีดเล่มเก่ายังคงแล่นปะเลงๆไปตามทางอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน เมื่อเจ้าคนคุมบังเหียนนั้นดันเป็นคนเจ็บเสียเอง ทำให้ไม่อาจเร่งความเร็วได้ดังใจคิด เพราะอาจทำให้บาดแผละได้รับการกระทบกระเทือนได้

     วันนี้ก็ยังเป็นเช่นเมื่อวันก่อนๆ คาโลยังคงอยู่ด้านใน ไม่ยอมออกมาดูโลกอันแสนโสภาข้างนอก หรือพูดอีกที ใช้ความว่า ไม่อาจออกมาได้จะดีกว่า เมื่อเจ้านักฆ่าตัวแสบยึดทำเลทองข้างนอกไว้เสร็จสรรพเสียแล้ว ทำให้เจ้าตัวจึงได้แต่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างในเงียบๆ และถึงแม้ว่าจะเข้ามายังเขตเดมอสแล้ว เพื่อนรักนักฆ่าจอมรักสนุกก็ยังไม่ยอมละไม่จากพื้นที่ด้านหน้าเสียที จนเขาต้องยอมถอดใจไปเสียเอง

     พูดถึงเดมอส ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าคนเจ็บไม่เจียมที่นั่งคุมทางอยู่ข้างหน้านั่นจะรู้จักเดมอสดีราวกับเป็นบ้านของมันเอง เมื่อมันบอกวิธีการผ่านด่านแรกของเดมอสมาอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังก่อนที่จะต้องผ่านด่าน แต่ก็นั่นแหละ ยังไงก็ตามที มันก็มีฉายาพ่วงเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่อยู่แล้ว ถึงมันจะรู้ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจซักเท่าไรนัก แต่ที่น่าแปลกใจกว่าก็คือ มันพาเดินทางโดยที่ไม่กลัวหลง ไม่กลัวโดนสัตว์ประหลาดในป่าหลงลืมทำร้าย หรือพูดง่ายๆ ไม่กลัวอะไรเลย

     เสียงพูดคุยยังคงดังไปตามทาง มีบางครั้งบางคราวที่เขาลองมองผ่านหน้าต่างออกไปข้างนอกบ้าง เมื่อดูวิวทิวทัศน์ของเดมอส ก็ได้พบว่า มันต่างจากทิวทัศน์ที่เขาเคยเห็นในเอเดนโดยสิ้นเชิง แม้จะมองเผินๆดูเป็นป่าโปร่ง แต่ความจริงแล้วนั้นเป็นป่าทึบ ที่ถ้าคนไม่ชำนาญเส้นทางเข้ามาในที่นี้จะต้องหลงป่าอย่างแน่นอน

     ป่าหลงลืม เขาขยับรอยยิ้มบางมุมปาก ช่างสมดังชื่อนัก หากให้เขาเป็นคนคุมทาง แม้จะไม่อยากพูด แต่เขาก็ต้องบอกว่าเขาต้องหลงอย่างแน่นอน หมอนี่ โร เซวาเรส หมอนี่มีอะไรมากกว่าที่เห็นภายนอกแน่ๆ

     เสียงสวบสาบของผ้าที่เสียดสีกันเรียกสติของเขาให้หันไปจนใจกับที่มาของเสียง คิลแทรกตัวผ่านผืนผ้าที่กั้นระหว่างข้างหน้าที่นั่งคนคุมบังเหียน กับภายในตัวเกวียนเข้ามาข้างในที่เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ ใบหน้าฉายแววไม่พอใจอยู่นิดๆ

    “ไอ้บ้านั่นบอกว่าให้ลงมาข้างหลัง ตอนนี้ใกล้เข้าเขตอันตราย” ความไม่พอใจบ่งชัดในน้ำเสียง เมื่อเด็กหนุ่มผมดำเอ่ยคำพูดของคนคุมทางในขณะที แต่ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ ไอ้เจ้าคนเจ็บที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็ร้องสั่งขึ้นมาต่อในทันที

    “ไม่ใช่ให้มานั่งเฉยๆ เตรียมเรียกอาวุธขึ้นมาด้วย ฉันเคลียร์คนเดียวไม่หมดหรอกนะ”สิ้นเสียงคำสั่ง เสียงร้องประหลาดก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก เป็นผลให้พวกเขาทั้งคู่ต้องรีบปฏิบัติตามคำสั่งของคนที่ดูจะเจนทางในเดมอสนี่มากกว่าในทันที

     เสียงกรีดร้องประหลาดที่ฟังดูเหมือนเสียงคนเรียกแววตระหนกจากสองบุรุษผู้นั่งอยู่ภายในเกวียนได้เป็นอย่างดี ดวงตาสองสีมองสบกันอย่างหมายจะถาม แต่ก็ไม่มีใครที่จะตอบที่มาของเสียงนั่นได้นอกจากไอ้คนที่อยู่ข้างนอก เสียงกุกักที่ดังขึ้นใกล้ตัวขึ้นมามากขึ้นเรียกสติของทั้งสองให้กลับมาสู่ความเป็นจริง คิลขยับตัวเข้าไปใกล้ผืนผ้าใบที่เป็นที่มาของเสียงให้มากขึ้น ก่อนที่จะแหวผ้าใบออกแล้วเอามีดเสียบทะลุร่างที่อยู่บริเวณผ้าใบนั่นทันที เสียงร้องแหลมดั่งมนุษย์นั่นทำให้ทั้งสองบุรุษแทบจะร้องอ๋อขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

    “ไอ้ฝูงตัวตะกี้เค้าเรียกตัวลิคู มีมากในแถบนี้ของป่าหลงลืม สู้ไม่หมด ต้องหนีอย่างเดียว อันตรายต่อนักเดินทาง ระวังไว้หน่อยก็ดี” โรอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับไอ้เจ้าตัวประหลาดที่เพิ่งหนีมาเมื่อครู่หลังจากที่กลุ่มของตัวเองอยู่ในเขตปลอดภัยแล้ว สองผู้ฟังนั่งพยักหน้าซึมซาบข้อมูลเข้าไปในหัวสมอง

    “แล้วอีกนานมั้ยกว่าที่เราจะพ้นเขตป่าหลงลืม” คาโลเอ่ยถามเมื่อขณะนี้พวกเขาเดินทางมาได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ โรเลิกคิ้วเมื่อได้รับคำถามจากเจ้าชายน้ำแข็งแสนสงัด ก่อนจะขยับรอยยิ้มตามแบบฉบับ

    “ก็รออีกนิด คงจะซักสองสามวันกว่าเราจะแก้มนตร์ของป่าหลงลืมนี่ได้” ดวงตาสีฟ้าฉายแววประหลาดใจกับคำตอบที่ได้รับก่อนจะปล่อยผ่านไป เมื่อรู้ว่าอย่างไรไอ้คนหวงความลับนี่ก็คงไม่แง้มอะไรให้เขารู้ง่ายๆแน่ถ้ามันไม่คิดจะบอก

     คิลโยนเศษไม้ลงในกองไฟเป็นการเติมเชื้อไฟ แล้วจึงมองหน้าเพื่อนอีกสองคนอย่างหน่ายๆ ก่อนจะเริ่มบทสนทนาเสียเอง

    “ผ่านป่าหลงลืมไปแล้วจะเจออะไร”

    “ก็..... นายจะเอาฉบับรวดเร็วหรือตื่นเต้นล่ะ” โรถามกลับพร้อมรอยยิ้มประหลาด

    “รวดเร็ว/ตื่นเต้น” คำตอบถูกส่งกลับมาพร้อมกันแม้จะเป็นคนละคำตอบ ผู้นำทางหัวเราะพรืด

    “ไปตกลงกันให้ดีก่อนเหอะแล้วค่อยมาคุยกับฉัน” หนึ่งเจ้าชายหนึ่งนักฆ่ามองหน้ากันอยู่ชั่วครู่ ก่อนผู้ที่มีศักดิ์เป็นเจ้าชายแห่งคาโนวาลจะยอมถอนใจ

    “สรุปว่าไง ฮึ” โรย้ำคำถาม คิลมองไปยังคาโลอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่คำตอบของทั้งสองคนจะถูกส่งกลับมา

    “ตื่นเต้น/รวดเร็ว” คราวนี้ไม่ใช่แค่เพียงเสียงหัวเราะที่หลุดออกไป แต่เป็นเสียงหัวเราะดังลั่นออกคนคอยคำตอบ เมื่อทั้งสองคนดูท่าก็เหมือนจะอยากจะตามใจอีกฝ่ายจนสลับคำตอบกันแบบนี้

    “แล้วทีนี้จะเอายังไง” โรถามซ้ำเป็นรอบที่สาม มือป้ายน้ำตาที่เล็ดออกมาจากการหัวเราะมากเกินไปทิ้ง

    “เอาไงก็เอาเหอะ” และนี่เป็นครั้งแรกที่คำตอบของทั้งสองคนตรงกันเสียที เนื่องจากทั้งคู่หมดอารมณ์ที่จะตอบ โรหัวเราะหึๆ ก่อนจะยอมตอบให้เสียที

    “ก็ เอากลางๆแล้วกัน เราจะไปหุบเขาหัวกะโหลก อยู่ที่นั่นสองสามวันเพื่อความตื่นเต้น แล้วเราก็จะไปนครจันทรา แล้วก็เข้าเมืองหลวงเดมอส” คำตอบของโรทำให้คาโลพยักหน้ารับ ในขณะที่คิลสะดุดกับคำว่าอยู่ที่หุบเขาหัวกะโหลกสองสามวันเพื่อความตื่นเต้น

    “ที่หุบเขาหัวกะโหลกมีอะไร โร” บุรุษผู้ถูกถามเงยหน้าขึ้นมองกับผู้ถาม ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ

    “น่าเสียดายที่นายไม่ใช่คนขวัญอ่อน คิล ไม่งั้นมันก็คงจะตื่นเต้นกว่านี้” คำตอบที่ไม่ใช่คำตอบเรียกให้ความสงสัยของคิลพุ่งขึ้นสูง ในขณะที่คาโลหันหน้ามาปราม

    “ก็ขอให้นายคุมให้อยู่ก็แล้วกัน” คำปรามของคาโลเรียกให้คิลยิ่งสงสัยมากขึ้นเข้าไปใหญ่ แต่เมื่อไอ้เพื่อนที่รักทั้งสองมันดันเป็นเหมือนกันทั้งคู่ก็คงได้แต่ปลง

    “โว้ย! ทำไมฉันถึงได้มีเพื่อนเป็นคนแบบนี้วะเนี่ย!” คิลขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ในขณะที่โรขยับรอยยิ้ม

    “ก็นายดันสอบได้คะแนนสูงสุดของป้อมอัศวินทำไมล่ะ” คำตอบที่ไม่ใช่คำตอบอีกครั้งเรียกสายตาวิบวับของเด็กหนุ่มนักฆ่าได้เป็นอย่างดี

    “เออ เพราะฉันมันดันฉลาด ก็เลยซวย ต้องมาติดแหงกกับคนอย่างพวกนายไปอีกเจ็ดปี” คำรับที่คาโลขยับรอยยิ้มให้กับเพื่อนนักฆ่า ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ แล้วหยิบหนังสือเล่มเล็กขึ้นมาอ่านต่อ

    “คิดในแง่ดีไว้คิล เป็นเพื่อนกับเจ้าชายแห่งคาโนวาล สบายไปอีกแปดชาติ ถ้าเกิดนายไม่ไปทำให้คาโลมันตัดเพื่อนก่อนล่ะก็นะ” โรตบหลังเพื่อนนักฆ่าเป็นเชิงปลอบ แล้วจึงหันไปไล่ให้เพื่อนๆเข้านอน

    “นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องรีบเดินทาง เราอยากเร่งการเดินทางกันไม่ใช่เหรอ”

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     ตื่นเต้นคือตื่นเต้นจริงๆ ให้ตายเถอะพระเจ้า ไอ้หมอนี่ไม่เคยพูดผิดซักนิด พอเข้าไปก็เจอเรื่องประหลาดเลย เมื่อคนแคระประหลาดแห่งหุบเขาหัวกะโหลกออกมาต้อนรับพวกเขาแล้วมาบอกให้พวกเขาอยู่เป็นกษัตริย์ที่นี่ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะมีอะไรแอบแฝงมากกว่านั้น

     คนแคระที่หุบเขาหัวกะโหลกกินเนื้อมนุษย์ มิน่า ไอ้โรมันถึงบอกว่า โชคดีที่เขาไม่ใช่คนขวัญอ่อน อยู่ที่นั่นสองวันก็ตื่นเต้นจริงๆนั่นล่ะ แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะตื่นเต้นกว่า

     นครจันทรา เมืองที่ห้ามโกหก แถมยังเป็นเมืองท่องเที่ยว สวยที่สุดในบรรดาเมืองทุกเมือง สถานที่ทุกสถานที่ที่แวะมา

     ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อว่าเมืองนี้จะห้ามพูดโกหก แต่พอลงทะเบียนเข้าเมืองเท่านั้นล่ะ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง พอคิดว่าจะพูดโกหกนิดเดียวมันก็จะกลายเป็นพูดจริงในทันที

     หมอนั่นอธิบายไว้ว่า เป็นเขตอาคมของราชินีจันทรา เพื่อป้องกัน..... อะไรซักอย่างนั่นแหละ เขาลืมไปแล้ว รู้แต่ว่ามันว่าให้ไปเดินเที่ยวได้ เพราะยังต้องรออีกวันกว่าจะผ่านเข้าไปเมืองหลวงได้ แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ขัดศรัทธา รีบออกมาเดินเที่ยวในทันทีที่โยนของใส่โรงแรมที่พักเสร็จ

    “จะไปไหนก็กลับให้ถูกนะคิล ที่นี่หลงทางกันง่ายๆเลยนะ” โรเอ่ยเตือนเมื่อเห็นเพื่อนนักฆ่าแทบจะวิ่งรี่ออกไปสำรวจตัวเมือง

    “เออน่า” คิลรับคำโดยที่ไม่หันกลับมามองคนเตือนเสียด้วยซ้ำ โรถอนหายใจเบา ก่อนที่จะหันกลับมามองเจ้าชายแห่งคาโนวาล

    “แล้วนายล่ะ คาโล” ดวงตาสีฟ้าของเจ้าของชื่อเหลือบขึ้นมองคนถาม

    “ไม่ลงไปเปิดหูเปิดตาหน่อยเหรอ” โรขยายความ คาโลปิดหนังสือในมือแล้วขยับตัวลุกขึ้นช้า

    “ก็ไม่เลว” โรหัวเราะเบา ก่อนที่จะลงไปพร้อมกัน

     เจ้าชายแห่งคาโนวาลแยกย้ายออกไปเดินเที่ยวนครจันทราเพียงคนเดียวเมื่อถึงทางแยกแห่งหนึ่ง คาโลสาวเท้าเข้าไปยังร้านหนังสือที่อยู่ใกล้กับตลาดนัดแห่งหนึ่งในนครจันทรา

     หนังสือของที่นี่นั้นน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เขาหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง แล้วค่อยๆพลิกอ่านทีละหน้าอย่างช้าๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ตัดสินใจซื้อ บางอย่างก็เรียกให้เขาออกมาหน้าร้านเสียก่อน

     ร่างบางระหงในชุดกระโปรงยาวสีขาวกำลังเลือกซื้อแอปเปิ้ลในแผงค้าผลไม้ที่อยู่ติดกันกับร้านหนังสือที่เขายืนอยู่ เรือนผมสีน้ำตาลปลิวสยายไปกับสายลมที่พัดแรงทำให้สาวน้อยคนนั้นต้องเอามือมารวบผมเอาไว้ก่อนที่จะปลิวปรกหน้าปรกตา ร่างบางที่ดูข้างหลังแล้วคล้ายใครคนหนึ่งที่เขาคิดว่ารู้จัก

    “ป้าจ๊ะ เท่านี้เท่าไรจ๊ะ” น้ำเสียงหวานนั้นเรียกให้คุณป้าเจ้าของร้านหันมามอง ก่อนที่จะแย้มรอยยิ้ม แล้วส่ายหน้าช้าๆ

    “ป้าขายให้ไม่ได้หรอกเพคะ เชิญเจ้าหญิงเอาไปเลยเถอะเพคะ ป้าให้ฟรีๆ” คำราชาศัพท์นั้นดูไม่เข้ากันเท่าไรกับสถานการณ์ตรงหน้า หากแต่สาวน้อยในชุดกระโปรงยาวสีขาวนั้นส่ายศีรษะช้าๆ

    “อย่าพูดดังสิจ๊ะป้า ฉันอุตส่าห์แอบท่านพ่อออกมา ถ้ามาเจอคนรู้จักเข้าคงจบกันพอดี” หากแต่สายไปแล้ว คาโลขยับรอยยิ้มบางแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้สาวน้อยที่กำลังคุยกับป้าแผงผลไม้ แล้วจัดการจ่ายเงินค่าแอปเปิ้ลสี่ผลที่เจ้าตัวเลือกเอาไว้ในทันที พร้อมทั้งเอ่ยทักทายสาวน้อยคนนั้นเสียงนิ่ม

    “ดีใจที่เจอกันอีกครั้ง เฟลิโอน่า”

    “เจ้าพี่คาโล”


    “เจ้าพี่มาเดมอสได้ยังไงกันคะ” สาวน้อยผมสีน้ำตาลคนเมื่อครู่ หรือเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล แห่ง เดมอสถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นบุคคลที่ไม่น่าจะมาเจอได้ ณ ที่แห่งนี้

     สาวน้อยเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลยาวสยาย ดวงหน้ารูปไข่อ่อนหวาน ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกาย คิ้วโก่งได้รูป จมูกโด่งรั้นนิดๆ ริมฝีปากบางเรียวอย่างคนสุขภาพดี

     เธอลากเขาออกมาจากสถานที่ที่คนพลุกพล่านแทบจะในทันทีที่เธอจำเขาได้  โดยที่ไม่ลืมคว้าถุงแอปเปิ้ลสี่ลูกนั้นมาด้วย

    “มาทำงานน่ะ” เขาตอบเลี่ยงๆ โดยที่ไม่บอกจุดประสงค์ให้จริงๆกับสาวน้อยตรงหน้าว่าเขามาเชิญเธอให้ไปเรียนที่เอดินเบิร์ก

    “แล้วเสร็จรึยังคะ ถ้าเสร็จแล้วก็มาพักอยู่เป็นเพื่อนหญิงที่เดมอสซักพักนะคะ” เฟลิโอน่าก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม อ่อนหวาน ขี้อ้อน น่ารัก เหมือนสมัยที่เธอไปเที่ยวคาโนวาลไม่มีผิด ที่เปลี่ยนไปก็ดูจะมีเพียงร่างกาย ที่ไม่ใช่เด็กหญิงน่ารัก แต่กลายเป็นสาวน้อยแสนสวยไปเสียแล้ว เขาชักเข้าใจขึ้นมาลางๆแล้วว่าทำไมท่านจ้าวเอวิเดสถึงไม่ยอมให้เฟลิโอน่ามาเรียนที่เอเดน

    “ยังไม่เสร็จหรอก แต่คงไปพักได้ ต้องรอถามเพื่อนพี่อีกสองคนก่อน” เขาตอบเสียงเรียบ สาวน้อยตบมืออย่างดีใจ

    “ดีจังเลยค่ะ หญิงไม่มีเพื่อนคุยด้วยมานานแล้ว ถ้าเจ้าพี่อยู่ได้นานๆก็จะยิ่งดี” เขาขยับรอยยิ้มบางๆรับ

    “แล้วเพื่อนของเจ้าพี่มากันกี่คนคะ หญิงจะได้เตรียมตัวรับแขกถูก”

    “ไหนหญิงว่าแอบหลบท่านจ้าวออกมาไม่ใช่หรือ ถ้าบอกให้ท่านเจ้ารับแขกไม่เป็นการบอกว่าหญิงหนีไปเที่ยวมาจนเจอพี่หรอกหรือไง” เขาถามย้อนพร้อมรอยยิ้มบาง รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าสวยหายไปจนเขาชักคิดว่าไม่น่าพูดเรื่องเมื่อครู่ออกไปเลย

    “จริงด้วย ถ้าท่านพ่อรู้เข้าล่ะก็.....”

    “เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ไปบอกท่านจ้าวเองแล้วกัน หญิงไม่ต้องกังวล พี่รับปากแล้วว่าจะอยู่เป็นเพื่อน”

    “จริงๆนะคะ ห้ามผิดสัญญานะคะ” รอยยิ้มกว้างกลับมาปรากฏที่ดวงหน้าสวยอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เขาพยักหน้ารับคำของสาวน้อย

    “พี่เคยผิดสัญญาด้วยหรือ” เฟลิโอน่าส่ายหน้าช้าๆ เขาลุกยืนขึ้นเป็นเชิงจะเตรียมตัวออกไป

    “เจ้าพี่จะไปแล้วหรือคะ อยู่เที่ยวกับหญิงอีกซักแปบนึงไม่ได้หรือคะ” น้ำเสียงอ่อนหวานนั้นเอ่ยอ้อน น้ำเสียงหวานที่ไม่ว่าสิบปีที่แล้วเคยได้ผลยังไง ก็ยังใช้ได้ผลอยู่เหมือนเดิม คาโลพยักหน้าช้าๆ สาวน้อยผู้เอ่ยอ้อนแทบจะกระโดดตัวลอยเมื่ออีกฝ่ายตอบตกลง

    “เจ้าพี่ใจดีที่สุดเลย”

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    “ดูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เข้ามาน่ะ ไปเจออะไรดีๆมารึไง” เพื่อนร่วมห้องเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห้นอาการอารมณ์ดีผิดสังเกตของเขา

    “ก็งั้นแหละ แล้วนายล่ะ คิล ไปเที่ยวมาเป็นยังไงบ้าง” คาโลรับคำพร้อมทั้งย้อนถามกลับไป คิลพยักหน้ารับแล้วชูขวดแก้วที่ใส่ของเหลวสีม่วงเข้มขึ้นมาโชว์

    “พิษแมงป่องดำไม่นึกว่าที่นี่จะมีขาย” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

    “แล้วนายจะเอามาทำอะไร อย่าบอกนะว่าลอบสังหาร” เสียงถามต่อดังมาจากอีกบุรุษหนึ่งที่เพิ่งกลับเข้ามาถึงห้องพัก

    “วะ นี่ของสะสมฉัน ฉันหามาแทบตาย ไม่นึกว่าจะเจอที่นี่ ไม่เอาไปใช้สุ่มสี่สุ่มห้าอยู่แล้ว” คิลตอบปฏิเสธทันควันพร้อมทั้งเก็บขวดแก้งนั้นกลับลงในกระเป๋าเสื้อตามเดิม

    “แล้วนายล่ะ ดูอารมณ์ดีกลับมาแบบนี้ได้อะไรกลับมา” คิลถามย้อนไปยังขอทานผู้รอบรู้

    “ก็นิดหน่อย” โรตอบแค่นั้น แต่ก็ไม่ได้ขยายความไปมากกว่านั้น เมื่อเจ้าตัวรีบตัดบทเดินเข้าห้องน้ำไปก่อนที่จะโดนซักมากไปกว่านี้

    “อะไรวะ พวกนายไม่เห็นบอกฉันซักคำว่าไปเจออะไรมา ไม่เห็นยุติธรรมเลย”


    “ต้องขออภัยด้วยที่ทำให้ไม่สะดวก” ราชินีจันทรา ลูน่า เกรเดเวล เอ่ยกับพวกเขาเป็นการเปิดบทสนทนาระหว่างรอให้เอาเอกสารไปประทับตรา

    “ไม่เป็นไรครับ” โรตอบกลับพลางค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ราชินีจันทราแย้มยิ้มบาง

    “เราถอนอาคมที่ดูเหมือนที่จะไม่มีผลกับพวกท่านออกแล้ว”

    “เฟลิโอน่าคงดีใจถ้ารู้ว่าพวกเจ้าจะไปหานางถึงที่” ก่อนที่ดวงตาสีดำจะเบือนไปยังคาโล “หรือบางทีอาจจะรู้แล้ว”

    “หญิงสบายดีเหรอครับ” โรถามต่อ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเปิดโอกาสให้พูดได้ตามสบาย

    “ยังสบายดี แต่อารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย” ลูน่าหันมาเน้นคำหลังให้กับผู้ถามเป็นพิเศษ ทำเอาโรนั้นเริ่มหนักใจ

    “งั้นเหรอครับ แล้วหญิง....”

    “ก็ขยันฝึกดี แต่ช่วงนี้เริ่มหน่ายๆ บางทีถ้าพวกเจ้าเอานางออกไปเอเดนบ้างก็คงจะดีต่อนาง” หญิงสาวต่อคำให้โรด้วยน้ำเสียงเรียบ หากแต่แฝงด้วยรอยขบขัน

    “แต่หากท่านพี่ยอมง่ายๆล่ะนะ”

    “แล้วท่านอลิเซียล่ะครับ” โรซักต่อไปถึงคนที่เรียกตัวเองเป็นน้า

    “อลิเซียสบายดี ยังอยู่ช่วยตามท่านพี่ไปทำงานได้” โรหัวเราะเบาๆ เช่นเดียวกับคิล

    “จ้าวปีศาจเป็นคนยังไงกัน”

    “พวกเจ้าได้พบแล้วก็จะรู้เอง”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×