ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Run in the dead

    ลำดับตอนที่ #5 : ลางบอกเหตุ

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 58


    Run in the dead

        [Knight ACT]

    ผมตื่นขึ้นมาในห้องเรียนแห่งหนึ่งแต่ว่าเพื่อให้สะดวกสบายเลยขนโต๊ะออกไปจนหมดในห้องเลยว่างไม่เหลืออะไรจะมีก็เพียงแค่กระดานและตู้เก็บของด้านหลังที่ถูกเชื่อมติดกับตัวห้องเท่านั้นส่วนตัวห้องก็มีของวางอยู้แต่ก็ไม่ได้มากมายคงจะพึ่งรื้อของออกไปผมที่พึ่งได้สติก็ลุกขึ้นมา ผมเดินไปเปิดประตูแต่ประตูกลับถูกล็อคเอาไว้ ผมกำลังจะขอให้คนมาช่วยแต่ยังไม่ทันจะออกเสียงเมย์ก็เดินเข้ามา

    ไงเมย์ว่าแต่เราอยู่ที่ใหนกันหรอ          ผมพูด

    . . .”          

    เมย์ยืนอยู่ด้านหน้าผมไม่ดพูดอะไรจากตรงนี่หรือไม่รู้เพราะอะไรผมเห็นหน้าเมย์ไม่ค่อยชัดทั้งที่เมย์ตัวสูงกว่า ผมพยายามมองเข้าไปในใบหน้าแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย

    เพราะแก         

    หือ. . .?เพราะอะไรนะ

    ผมที่ฟังเมย์ไม่ชัดเลยพยายามทวนคำพูด แต่ผมก็เริ่มมองหน้าเมย์ชัดแล้ว ใบหน้าเมย์นั้นบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด ผมตกใจผงะหงายหลังลงไป

    เพราะแก !”                 เมย์คำรามออกมา

    เสียงที่ออกมานั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น จากนั้นรูปร่างของเมย์ก็เริ่มที่จะบิดเบี้ยวไป ตอนนี้กลายเป็นสัตว์ประหลาดขนาดสองเมตร เล็บยาวแหลมคม

    ถ้าไม่มีแก ถ้าแกไม่เข้ามาในชีวิตของพวกเรานิ้งคงๆ..   

    เมย์เหมือนจะพูอะไรออกมาแต่กลับเงียบไปซะก่อน จากนั้นเมย์ก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เสียงกรีดร้องของเมย์นั้นแรงขนาดทำให้กระจกในห้องทั้งหมดแตกกระจาย ผมที่โดนเสียงกรีดร้องนั้นก็ลอยละลิ่วไปติดอยู่กับกำแพง แรงกระแทกนั้นทำผมแทบเสียสติจังหวะที่กระแทกนั้นรู้สึกเลยว่ารอบข่งมืดไป ผมสำลักเลือดที่พุ่งออกมา

    เมย์เป็นอะไรไป       

    “….

    เสียงที่พูดไปคงไปไม่ถึงเมย์แล้ว เมย์พุ่งเข้ามาพื้นที่ยืนนั้นก็สั่นใหว ผมใช้กำลังที่มีพุ่งตัวหลบแต่ก็หลบไม่พ้นเล็บที่คมกริบเสียบเข้าเต็มขาซ้าย

    อ้าก! ขา. . .      ผมสบถ

    แล้วเมย์ก็ดึงเล็บออก เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากรูขนาดใหญ่ที่ขา ตอนนี้ผมคงคิดว่าคงไม่รอดแล้วแต่เหลือบไปเห็นมีดทำครัวผมเลยกลิ้งตัวไปหยิบมีดขึ้นมา

    ขอโทษนะเมย์ชั้นจะมาตายตรงนี้ไม่ได้หรอก

                       จากนั้นผมก็พุ่งไปแต่ตอนนี้เมย์ก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปใหน

    ไม่เป็นไรหรอกไนน์

    เมื่อผมได้ยินเสียงเมย์ผมก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของสัตว์ประหลาดนั้นกำลังร้องอยู่ เมื่อผมเห็นอน่างนั้นผมก็ลดมีดลง

    จะว่าไปเราก็ผิดเองซินะทั้งที่ถ้าไม่เข้าไปยุงพวกเธอก็อยู่กันได้

    ขอโทษนะเมย์

    เมื่อผมพูดจบผมก็ปักมีดไว้ตรงกำแพงข้างหัวเมย์แล้วผมก็ถูกเล็บแทงทะลุหน้าอก ตอนนี้คงจะจบแล้วสินะ

     

    ผมสะดุ้งขึ้นมาบนเตียงและมองไปรอบข้างในห้องนี้ก็เป็นบ้านของเมย์และนิ้ง และก็มีเมย์มาฟุบอยู่ข้างๆเตียง ตอนนี้ก็มืดมากด้านนอกในตอนนี้ไม่มีแสงไปเลย พอสำรวจไปก็พบว่าเสื้อผ้าของผมถูเปลี่ยนไปเป็นชุดที่เตรียมมา

    เมื่อกี้ฝันไปสินะ

                       ผมที่ทำความเข้าใจได้แล้วก็มองไปที่มือที่กำลังสั่นเทาของตน

    นี่คงเป็นลางบอกเหตุสินะ ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องไปหยิบสัมภาระของตัวเองจากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก

    ก็พบนิ้งกำลังนั่งอยู่ด้านนอก

    นี่อยู่ด้านนอกมันอันตรายนะ     ผมทักนิ้งไป

    ไม่เป็นไรหรอกว่าแต่นายเหอะฟื้นแล้วหรอ           นิ้งพูด

    อ๋อว่าจะไปแล้วนะ...          ผมพูด

    เอ้าไม่รอไปด้วยกันละ..เราจะเริ่มออกเดินทางตอนรุ่งสางนะ  นิ้งพูด

    ไม่เป็นไรหรอกน่าอยู่สองคนน่าจะสบายกว่านะ   ผมพูด

    ผมได้ยินเสียงคนวิ่งมาจากด้านหลัง ผมเลยหันไปดูนั่นก็คือเมย์นั่นเอง

    อย่าทำอย่างนั้สิไนน์จะปล่อยให้ผู้หญิงสองคนผจญโลกอย่างงั้นหรอ

    ผมอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกก็เป็นอย่างที่เมย์ว่าผมจะให้ผู้กญิงสองคนไปอยู่ในโลกแบบนี้ได้ยังไง แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเป็นแบบฝันขึ้นมาจริงๆละ

    ชั้นไม่แคร์หรอกนะว่านายจะคิดอะไรหรือไปเจออะไรมานแต่อย่าพึ่งไปเลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะเดินไปเคียงข้างกันนะชั้นให้สัญญา

    ผมแอบเขินนิดๆ คำพูดนี้ถ้าเป็นปกติคงจะเป็นคำพูดที่มีไว้บอกรักกันแต่ในตอนนี้มันกลับเป็นคำพูที่ดูมีค่ายิ่ง

    นั่นสินะ           ผมพูด

    ตกลงนายจะไปด้วยกันหรือเปล่าละ    เมย์พูด

    ไปด้วยอยู่แล้วเธอให้สัญญาแล้วนี่       ผมพูด

    งั้นไปนอนกันก่อนดีมั้ยพรุ่งนี้จะได้มีแรงเดินทาง           นิ้งพูด

    จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันไปนอน ตื่นมาตอนนั้นฟ้ายังไม่สาง ผมเดินลงมาช้างล่างก็พบหญิงสาวทั้งสองอยู่ข้างล่างอยู่แล้ว

    ตื่นสายนะเดี๋ยวก็ทิ้งเลยนี่”            เมย์พูด

    ก็มันนอนเพลินไปนิด”                           ผมพูด

    ผมพูดพร้อมกับหยิบสัมภาระขึ้นมา  เมย์และนิ้งก็ทำหน้างงๆหน้ามันสื่อว่าไอ้นี่ทำอะไรของมันเนี่ย

    คือมีอะไรหรอ”                    ผมพูด

    ก็ไม่รอสนาชิกอีกคนนึงของเราหน่อยหรอ           นิ้งพูด

    ใช่ทำไมนายเป็นคนอย่างงี้นะ              เมย์พร้อมกับยิ้ม

    เอ๋! มีอีกคนด้วยหรอแล้วทำไมไม่บอกกันก่อนละ ละ. . .แล้วใครจะไปรู้ละว่าในกลุ่มเธอมีกันกี่คน”           ผมพูดอย่างลนลาน

    คนที่ไม่ถามต่างหากละที่ผิดถ้าถามละก็พร้อมให้คำตอบอยู่แล้ว    เมย์พูด

    ผมรู้สึกขี้เกียจที่จะพูดขึ้นมาเฉยๆเลยทำหน้าบูดใส่และนั่งลงกับพื้น

    แล้วอีกคนเป็นคนยังไงหรอแล้วทำไมถึงไม่อยู่ในกลุ่มละ”       ผมพูด

    พอจะถามก็พูดเป็นต่อยหอยเลยนะช่างเถอะ อีกคนออกแนวเอ๋อๆหน่อยนะนะคงออกไปเดินเล่นเหมือนเดิมนั่นแหละ”        นิ้งพูด

    อืม. . .จะว่าไปเค้ามาที่นี่จะสองวันแล้วนะยังไม่เห็นเลย”            ผมพูด

    อ๋อถ้าเป็นคนนั้นนะจะหายไปทีก็หายไปเป็นสัปดาห์เลยนะ ครั้งแรกๆก็ตกใจเหมือนกันว่าจะเป็นอะไรรึเปล่าแต่พอบ่อยเข้าก็ชินแล้วละอีกอย่างคนคนนั้นนะไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก”                 เมย์พูดอย่างภูมิใจ

    ชั้นคิดว่าอันนั้นมันไมใช่ประเด็นนะ แต่ก็ไม่รู้จะพูดทำไมก็ได้แต่รอต่อไปจะว่าไปตอนนี้ก็น่าจะ 8 โมงแล้วสังเกตจากฟ้าที่เริ่มเป็นสีส้ม ยังไม่มากันอีกแล้วจะให้รอไปถึงไหนเนี่ยจะว่าไปก็ไม่รู้ด้วยนี่จะมากี่โมงแล้วจะรอไปเพื่ออะไรนะ ก็ได้แต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยในหัว ก็มันว่างมากแล่วตอนนี้ในถนนก็ไม่มีวี่แววของคนหรือตัวอะไรเลยด้วย เอ๋จะว่าไปตรงปลายถนนนั่นรถยนต์หรือเปล่านะ มองไม่ค่อยชัดเลย

    มาจนได้นะยัยนั่น              นิ้งพูด

    จากรถที่อยู่ไกลออกไปตอนนี้ก็เริ่มมองเห็นได้ชัดเจน รถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อสีควันบุหรี่ สภาพล่อแล่เข้ามาไหล้ขึ้นเรื่อย ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะขับได้เลยเพราะ กระโปงหน้าไม่รู้หายไปใหนไฟข้างแตก กันชนหลุด ไม่รู้ขับมาได้ยังไงและไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง ในที่สุดหลังจากลุ้นใจแทบขาดว่าจะมาถึงหรือหลุดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อย ในที่สุดรถสภาพยับเยินก็ได้มาจอดอยู่หน้าพวกเราในตอนนี้ กระจกข้างติดฟิมล์ทึบแสงมองไม่เห็นจากด้านนอกจึงไม่รู้ว่าหน้าตาคนขับเป็นอย่างไร กระจกก็เลื่อนลงมาเผยให้เห็นคนในรถ คนแรกเป็นผู้หญิงรุ่นเดียวกันเพราะดูจากชุดที่ใส่คือ เสื้อลายลูกไม่สีแดงที่ไม่ได้เข้ากัเหตุการแต่อย่างใหด กับกางเกงยีนขายาว ส่วนอีกคนเป็นชายน่าจะรุ่นเดียวกัน ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพร้อมกางเกงสีดำสนิท ทุกอย่างล้วนเป็นธรรมชาติที่แต่ที่ข้องใจคือทำไมทั้งสองต้องสวมหน้ากากไม่สีขาวทั้งคู้ด้วย

    อ้าวเจอผู้รอดชีวิตงั้นหรอ”           สาวสวมหน้ากากพูด

    เธอก็เหมือนกันนั่นหละเอิญว่าแต่ใส่หน้ากากกันทำไม”           เมย์ตอบ

                       สาวที่สวมหน้ากากคงจะเป็นคนในกลุ่มอีกคนที่พูดถึงแน่เลย

    อ๋อ...พอดีไปเจอคนนี้มาก็เลยพามาด้วยแต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่เจอกันจนตอนนี้ก็ยังไม่ยอมพูดเลยแม้แต่คำเดียว ส่วนหน้ากากนี้ชั้นก็เป็นคนเจอมันเนี่ยแหละแต่มีแค่สองอันนะก็เลยให้หมอนี่ใส่ไป ส่วนที่เค้าใส่ก็คิดว่ามันเท่ดี             เอิญตอบ

    ให้คนอื่นใส่หน้ากากแล้วยังไม่บอกเหตุผล กับใส่เองเพราะเท่ดีโอย ช่างมันเหอะคิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา

    จะว่าไปนายชื่ออะไรละหาหนุ่มน้อย            เอิญถาม

    ชั้นชื่อไนน์แล้วก็อายุเท่าเมย์ด้วยนะ              ผมตอบ

    ไนน์หรอ...โทษทีนะที่เรียกหนุ่มน้อย           เอิญตอบ

    จะยืนคุยกันอีกนานมั้ยนี่จะเก้าโมงแล้วนะ”             นิ้งพูดแทรกขึ้นมา

    ก็ขึ้นรถมาสิ               เอิญตอบ

    จากนั้นพวกเราก็หยิบสัมภาระซึ่งแต่ละคนก็มีเพียงกระเป๋าและอาวุธเท่านั้น พวกเราขึ้นมานั่งบนรถก็พบว่าไอ้ที่ล่อแล่ไม่ได้เป็นแค่ภายนอกแต่ด้านในก็เละไม่แพ้กัน พอผมปิดประตูก็คงแรงไปหน่อยประตูที่ปิดเลยหลุดออกมาทำให้รถโยกไปมาแต่ไม่แรงมากล้อหลังก็หลุดออกมา เอิญคงจะตกใจมือเลยกระตุกเข้าหาตัวแต่พวงมาลัยก็หลุดตามออกมา นี่รถหรือขยะเนี่ย

    งั้นเดินกันเหอะถ้าจะพังขนาดนี้ เอิญคราวหลังก็เลือกคันที่มันดูดีกว่านี้หน่อยก็ได้นะ          เมย์พูด

    ก็ช่วยไม่ได้นี่แถวนั้นคันนี้ละที่สภาพดีที่สุดนะ”     เอิญตอบ

    ช่างมันเถอะก็อยากจะพูดไปนะแต่ก็เกรงใจ ขับมันมาถึงที่ก็เก่งแล้ว จากนั้นพวกเราก็เดินทางด้วยเท้าไปอย่างไร้จุดหมาย

     

    จบตอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×