ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter เด็กสาวผู้รอดชีวิต

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 : อ้อมกอด

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 60



    อ้อมกอด



    แฮร์รี่ใบหน้าแดงก่ำไปจนถึงหู ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความลำบากใจ คิ้วเรียวเล็กนั้นผูกกันเป็นโบว์เสียจนแผลเป็นสายฟ้าของเธอผิดรูปไปเล็กน้อย มือเล็กสั่นเทาและจับของในมืออย่างไม่ค่อยมั่นใจ

     


    “ถ้าเธอยังไม่ตัดสินใจ...ฉันจะบุก แล้วนะ”เสียงเย่อหยิ่งของมัลฟอยกล่าวขึ้น เป็นครั้งแรกที่เขากดคางต่ำลง แต่กลับมองเด็กสาวอย่างเหนือกว่า แฮร์รี่ส่งเสียงประท้วงในลำคอ ดวงตาเธอรื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความอึดอัดใจ เดรโกอาจจะสงสารหากมันเป็นสถานการณ์อื่น แต่พอเป็นสถานการณ์นี้...เขาพึงพอใจ

     


    “เร็วสิแฮร์รี่”เดรโกกระตุ้นไปเล็กน้อย แฮร์รี่ลนลาน เธอดูเหมือนจะร้องไห้ออกมาจริงๆ เดรโกยื่นมือที่มีของที่แฮร์รี่จะต้องการแน่ๆออกมา สเนปนั่งมองอยู่บนโซฟา ข้างๆกับลูเซียส นาร์ซิสซ่านั้นขอตัวไปนอนตั้งแต่ชั่วโมงก่อนเพราะไม่อยากให่ร่างกายทรุดลงไปกว่าเดิม ผู้ใหญ่สองคนเปลี่ยนคลาสจากไวน์ชั้นเลิศเป็นบรั่นดีอะไรก็ได้ในห้องครัวแทนเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว แพนซี่กับเฮอร์ไมโอนี่ที่เผยความลับของพวกเธอออกมาแล้วก็หันไปสนใจกับคุกกี้อยู่ ส่วนน๊อตกลับบ้านไปแล้ว และเบลสกำลังฝึกปาหิมะอยู่

     


    ฟึบ

     


    “กรี๊ดดดด”แฮร์รี่ปาไพ่ลงบนพื้นและกรีดร้องอย่างขัดใจ

     


    “รอบที่สิบล่ะ”ลูเซียสพึมพำขึ้นเบาๆอย่างขำขัน เขายกบรั่นดีขึ้นจิบแล้วเสตามองเพื่อนชายที่ตั้งแต่จับจองที่นั่งริงไซต์ตรงนี้ได้ก็ไม่ขยับไปไหนเลย พอดูสายตาที่เขากระดากปากจะบรรยายนั่นแล้ว ลูเซียสอยากวนกลับไปห้องหนังสือแล้วหยิบ เรื่องเล่าจากอัซคาบัน มาเป็นของขวัญคริสมาสต์ชิ้นที่สองเหลือเกิน

     


    “แฮร์รี่พึ่งเคยเล่นเกมแบบนี้”สเนปแก้ต่างให้สาวน้อยของเขา โดยที่สายตาไม่ละไปจากภาพหยาดน้ำตาบนใบหน้าที่น่าสงสารของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

     


    “เซเวอรัส”ลูเซียสเรียกขึ้น เสียงของเขาเบาลงพอสมควร มากพอที่จะบอกให้ครู่สนทนารู้ถึงความเป็นส่วนตัวของเนื้อหาต่อไปนี้ “นายจะทำยังไงถ้าเขากลับมา”

     


    “...”สเนปชะงัก เขาเหลือบตาไปมองคู่สนทนา ลูเซียสไม่ได้ถามลอยๆหรือเพียงต้องการหาเรื่องคุยเจ้าบ้านตระกูลมัลฟอยมีสีหน้าเคร่งเครียดและจริงจัง ตระกูลมัลฟอยเป็นผู้เสพความตายมาหลายรุ่นแล้วรับใช้จอมมารทั้งสองรุ่นมาอย่างเลื่อมใส ถูกปลูกฝังอยู่กับมัน สเนปคิดว่าต่อให้มีโอกาสอีกมากเท่าใด ถ้าทำได้ เพื่อนของเขาคนนี้ก็จะคุกเข่าน้อมรับบัญชาจากดาร์คลอร์ดอยู่ดี

     


    “เขาต้องกลับมาแน่”ดวงตาสีเทาหันกลับมาสบกับนัยน์ตาสีดำสนิท มันไม่ใช่แววตาของความหนักใจ หรือความทรมานของคนที่รับภาระอันหนักอึ้ง...มันคือแววตาของผู้ที่เลื่อมใสในศัรทธาอย่างแรงกล้า คือแววตาของผู้ที่มีความตั้งใจแน่วแน่

     


    “แฮร์รี่เป็นหัวใจของฉันแล้วลูเซียส”ประโยคเดียวทำให้ทุกๆคำตอบสมบูรณ์ เด็กสาวเป็นตัวแปรหนึ่งเดียวของม้วนกระดาษอันแสนเกราะกรังแผ่นนี้ หากเธอเลือกที่จะอยู่กับแสงสว่าง แล้วถูกจดบันทึกเป็นผู้กล้าความตายนับหมื่นจะยืนรอคอยเธอไปตลอดทาง หรือ หากเธอเลือกอยู่กับความมืด ความหวังอันน้อยนิดที่ราชาผู้นั้นจะยินยอมให้รับใช้ เธอก็จะกลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ที่วันนึงในอนาคต อาจจะถูกเกลียดชังไปจนสิ้นธรณี

     


    ไม่ว่าเธอจะเลือกอะไร เซเวอรัส สเนปจะปกป้องเธอ

     


    “แม้ว่าหัวใจจริงๆของนาย อาจจะต้องแน่นิ่งไป?”ลูเซียสถามย้ำ ต้องขอบคุณบรั่นดีที่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้กินเอาเพียงอบอุ่นร่างกาย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางได้ยินคำตอบเหล่านี้ออกมาจากชายผู้ปากแข็งที่สุดในฮอกวอตส์

     


    “หากมันทำให้หัวใจของเธอเต้นต่อ...แม้มันจะเป็นแบบนั้นก็ตาม”สเนปเลือกข้างแล้ว เขาเคยเปลี่ยนข้างไปมาหลายต่อหลายครั้ง เขาเคยสับสนว่าเขาควรอยู่ฝ่ายแสงสว่างอันจอมปลอม หรือฝ่ายมืดมิดแสนโหดร้าย เขาเคยภักดีต่อลอร์ดจนรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ ยินยอมเป็นหมากแก่ดัมเบิลดอร์จนสูญเสียโลกทั้งใบ แต่ยังไงก็ตาม ตอนนี้ วินาทีนี้ ในคฤหาสน์มัลฟอย วันคริสมาสต์ โดยที่เบื้องหน้ามีเด็กสาวกำลังหน้าดำคร่ำเครียกกับตัวเลขบนพลาสติดสี่เหลี่ยม สเนปเลือกข้างไปแล้ว

     


    ลูเซียสมองเลยไปยังเด็กสาวแฮร์รี่กำลังมีสีหน้าเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่ใสสะอาดปราศจากหน้ากากใดๆ....นั่นเป็นเหตุผลที่อีกฝ่ายแพ้ได้อยุ่ทุกตาด้วยล่ะ ไม่รู้จักเล่ห์เหลี่ยม ไม่รู้จักการสวมหน้ากาก ไม่รู้จักการล่อหลอก ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเห็นลูกกระต่ายขาวตัวน้อยที่ไม่เคยถูกล่า สัตว์ที่เคยถูกล่ามักไม่หวาดกลัวต่อใครทั้งสิ้น ลูเซียสมองใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเด็กสาวด้วยแววตานิ่งสงบ มือแกร่งเต็มไปด้วยแหวนประดับอัญมณียกขึ้นกุมใบหน้าด้วยความรู้สึกท้อแท้

     


    ให้ตายสิ อยากทำให้แปดเปื้อนชะมัด

     


    “มา เดี๋ยวลุงคนนี้จะช่วยเอง”สเนปลุกขึ้น เขาเดินไปนั่งซ้อนด้านหลังของแฮร์รี่ เอื้อมมือจัดไพ่ให้เธอ และนั่นทำให้แฮร์รี่มองเขาราวกับพระเอกขี่ม้าขาว ส่วนเดรโกมองเขาราวกับเขาเป็นราชาปีศาจที่พึ่งเผาคฤหาสน์มัลฟอยไปหมาดๆ

     


    “ไม่ยุติธรรม อาเซฟไม่ยุติธรรม!!!!”เดรโกตวัดสายตาไปหาพ่อของเขา แต่กลับเห็นเป็นภาพของชายแก่กำลังมึนบรั่นดีฟุบหน้าลงกับมือ เขาจึงหันไปหาเบลสที่ปลีกตัวออกไปนานแล้วแทน

     


    และการแข่งขันของสองทีมก็เริ่มต้นขึ้น สเนปพยายามจะไม่คิดมากกับการที่เห็นเด็กสี่คนรุมมองไพ่ชุดเดียวตรงหน้าเขา แต่ใส่ใจที่จะช่วยแฮร์รี่โดยไม่แตะเนื้อต้องตัวเธอมากไปจนเด็กสาวอึดอัดเสียมากกว่า และเหมือนแฮร์รี่จะไม่ได้ใส่ใจมันเพราะเธอกำลังตั้งสมาธิอยู่กับการจั่วไพ่จากมือของคู่ต่อสู้

     


    ไพ่หนึ่งสำรับมีทั้งหมด 53  ใบหลังจากนำไพ่โจ๊กเกอร์ออกแล้วหนึ่งใบโดยเหลือโจ๊กเกอร์ขาวดำเอาไว้ พวกเขาเล่นไพ่จับคู่กันมาจนถึงลาสต์แบทเทิลที่ในมือของแฮร์รี่มีไพ่หนึ่งใบ และ เดรโกมีสอง ใบเท่ากับว่าไพ่ที่มีคู่ออกไปแล้วถึง 25 คู่ แฮร์รี่ไม่มีไพ่โจ๊กเกอร์อยู่ในมือ ส่วนตาที่แล้วเดรโกไม่ได้ทิ้งไพ่ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าไพ่ของเขาและเธอจะขัดคู่กันอยู่ แฮร์รี่แค่ต้องระวังไม่ให้ตัวเองไปจั่วโดนโจ๊กเกอร์ของอีกฝ่าย

     


    เมื่อแฮร์รี่เลื่อนมือไปที่ไพ่ใบขวาสุด เดรโกมีสีหน้ายิ้มเย้ยหยันและสบตามองกับเธอ แฮร์รี่ขยับมือไปทางซ้ายรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของเขาเจื่อนลงเล็กน้อย แฮร์รี่เชิดหน้าและภูมิใจที่ในที่สุดเธอก็อ่านสีหน้าเขาออกและในตอนที่แฮร์รี่จะหยิบใบนั้น มือหนาอบอุ่นของศาสตราจารย์ปรุงยาก็วางบนแผ่นหลังของเธอเบาๆ แม้เขาไม่พูดอะไรแต่แฮร์รี่กลับขมวดคิด

     


    เธอต้องคิดให้ลึกขึ้นเดรโกเป็สลิธีรินเต็มตัว เขาเกิดมาอย่างสลิธีรินและโตมาอย่างสลิธีริน เรื่องการบังคับสีหน้าเป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ง่ายแฮร์รี่เห็นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วยามที่เขาแย้มยิ้มแต่ในใจกลับเกรี้ยวกราด เดรโกไม่มีทางแสดงสีหน้าออกมาให้เธอเห็นง่ายๆแบบนั้นแน่ๆ ดังนั้นมันคือกลโกง ไพ่ที่ถูกต้องคือ!!

     


    ฟึบ

     


    “อ่ะ....เย้!!! ชนะแล้ว!! ศาสตราจารย์ ชนะแล้ว!!”แฮร์รี่กรีดร้อง เธอชูเลขสามกับเลขเจ็ดในมือโชว์ให้กับศาสตราจารย์ด้านหลังเธอดู ขณะที่เดรโกมีใบหน้าเหวอไปอย่างงุนงง

     


    “ทำไมเธอถึงรู้ว่าเป็นใบนั้น!!”เดรโกเค้นคอถามแทบจะในทันที เขาว่าเขาวางกลอุบายเอาไว้ดีแล้วว่าจะแผนซ้อนแผน โดยทำให้เห็นสีหน้าเล็กน้อย เพื่อให้อีกฝ่ายคิดว่ามันเป็นแผน แต่ความจริงเป็นการแสดงสีหน้าตรงกับไพ่ใบนั้นๆ “ทำไมเธอถึงเลือกใบซ้าย!!

     


    “ก็เดรโกฉลาดน่ะสิ”

     


    “ห๊ะ?”เดรโกชะงักไป ไอจะฟินเขาก็ฟินที่ถูกชมระดับ HD ขนาดนี้ แต่ก็ยังงุนงงอยู่กับการสื่อสารอันน่าสับสนของเด็กสาว

     


    “ก็เดรโกฉลาด เดรโกมักจะมีสองแผนไว้ในเสมอเลยนี่ ก็เลยคิดทำนองว่า ถ้าเป็นเดรโกล่ะก็.... น่ะ”แฮร์รี่ตอบหน้าตาใสซื่อและดูสดชื่นขึ้นมากหลังจากที่เธอพ่ายแพ้มานับครั้งไม่ถ้วน “อีกครั้งนะ”

     


    “เอ๊ะ”

     


    “เล่นอีกตา”แฮร์รี่ฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส เดรโกที่จะปฏิเสธก็กลายเป็นพยักหน้าตกลงอย่างว่าง่าย ก่อนจะกลายเป็นรูปปั้นหินในเวลาต่อมา

     


    “ศาสตราจารย์คะ”แฮร์รี่ลุกขึ้น เธอเขยิบเล็กน้อยและผายมือไปยังที่ที่เธอพึ่งนั่งไปเมื่อครู่ให้กับศาสตราจารย์ปรุงยาที่อยู่ในท่ากึงนั่งกึ่งนอนและท่าทางจะเมื่อยน่าดู “นั่งเลยค่ะ”

     


    “เอ๊ะ...เอ่อ...อืม”สเนปดูงุนงง เขานั่งลงในท่าขัดสมาธิ และพองอกเล็กน้อยเมื่อเห็นแฮร์รี่มีสีหน้าพึงพอใจแม้เขาจะไม่เข้าใจเลยก็ตามที

     


    ฟึบ

     


    !!!!!!!!!

     


    สเนปเกือบหลุดกัดลิ้นตัวเองและเดรโกเหมือนสติหลุดออกจากร่าง เมื่อแฮร์รี่ตัดสินใจนั่งลงบนที่นั่งเดิมของเธอที่อยู่ใต้ตักของเซเวอรัส หรือก็คือตอนนี้แฮร์รี่อยู่ในท่าเด็กน้อยหลงทางกับหมีใจดี(หรือก็คือนั่งตัก) แฮร์รี่เร่งเร้าให้เดรโกแจกไพ่ ในตอนที่เด็กชายดูเหมือนจะมีเลือดออกจากทหารทั้งห้าด้วยความริษยา

     


    สเนปผ่อนคลายลงเมื่อแฮร์รี่นั่งได้ซักพัก เธอนั่งบนตักของเขาได้พอดีโดยที่ไม่เกะกะมือหรือบังสายตา จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายช่างตัวเล็กจริงๆ กลิ่นสบู่ก้อนเด็กราคาถูกที่โชยออกมากลายเป็นกลิ่นหอมฟุ้งไปด้วยสเน่ห์เหนือคำบรรยาย ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากโตกว่านี้แล้วจะสวยมากขนาดไหน สเนปฉวยปอยผมเล็กๆขึ้นมาลองลูบดูและพบว่าถึงแม้จะยุ่งไปบ้างแต่ก็ยังคงนุ่มและลื่นมืออยุ่

     


    แฮร์รี่เงยมองคนที่เธอนั่งตักอยู่เมื่อรู้สึกเหมือนถูกเขาสะกิดและเอียงคอถาม

     


    ปรี๊ดด

     


    สเนปมองสีหน้านั้นด้วยใบหน้านิ่งเฉย เขาเบนสายตาไปยังไพ่ที่เด็กสาวชูขึ้นมาให้ดูและช่วยเธอจัดให้เรียบร้อย แม้ว่าตอนนี้ปรอทวัดอารมณ์ของเขามันจะติดขอบและแดงเถือกอยู่ก็ตามที แฮร์รี่ดูพอใจเมื่อยิ่งมานั่งท่านี้และทำอะไรๆง่ายขึ้น เธอผ่อนคลายจนเอนหลังพิงกับอกแกร่ง

     


    พรวด

     


    ขอบคุณที่รอดชีวิตมาถึงวันนี้เซเวอรัส

     

     

     









     

     

     

     

    “อ่ะ...ดูเหมือนจะหลับแล้วล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่พูด ตาของเธออ่อนล้ามากและแพนซี่ก็ชิงหลับไปแล้ว แฮร์รี่ดูบ้าคลั่งมากตั้งแต่เธอชนะหนึ่งครั้งนั้นหลังจากเธอแพ้มาตลอด กลายเป็นพวกเขาไม่อาจจะนับได้แล้วว่ามันผ่านไปทั้งหมดกี่ตา เดรโกมีสีหน้าเหนื่อยล่าสุด และเธอเกือบจะไชโยขึ้นมาตอนที่เห็นแฮร์รี่สัปหงก

     


    “เอนพิงมาก็ได้นะ”เสียงทุ้มเย็นๆที่ปลายเสียง เป็นรสชาติเสียงที่สัญชาติญาณแฮร์รี่บันทึกเอาไว้ว่ามันเป็นมิตร เด็กสาวเอนตัวพิงอกเขาครุ่นึงก่อนจะไหลลงไปซบกับแขนด้วยความง่วงงุน สเนปวางไพ่ในมือ และเดรโกเก็บมันอย่างรวดเร็ว

     


    “งื้อ~~”แฮร์รี่ครางเบาๆเมื่อเธอได้พบกับความอบอุ่นสบายของอ้อมอกมนุษย์ที่เธอไม่เคยสัมผัสยามนอนหลับมาก่อน เด็กทุกคนมักจะเคยชินเวลาที่พวกเขานอนบนรถ และถึงแม้จะถึงบ้านแล้วพวกเขาก็จะยังแกล้งหลับต่อ เพื่อให้พ่อหรือแม่ของเขาอุ้มพวกเขาเอาไว้แนบอกในตอนที่พาเข้าบ้าน มันเป็นความอบอุ่นที่อธิบายได้ยากและเฉพาะสถานการณ์ 



    แต่แฮร์รี่ไม่เคยสัมผัสมันเลยสักครั้งเพราะเธอไม่เคยนอนหลับบนรถ น้อยครั้งมากที่แฮร์รี่จะได้ขึ้นรถของลุงเวอร์นอนและเธออยากจะมองวิวของโลกภายนอกมากกว่าจะหลับฝันร้ายสร้างความรำคาญให้เดอร์สลีย์ ยังไงก็ตาม แฮร์รี่คิดว่าเด็กเหล่านั้นน่าจะรู้สึกราวๆนี้ นั่นทำให้แฮร์รี่หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างมีความสุข

     



    กินได้ไหมครับ!!!x3

     



    “ไม่ได้ค่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ตบมุขเสียงเย็นกลบกระแสความคิดอกุศลของสองคนที่กำลังจะกลายเป็นอาชญากรกับอีกคนที่กำลังจะกลายเป็นโรคจิต หรือบางทีอาจจะเป็นโรคจิตทั้งสามคน เด็กสาวหันไปปลุกแพนซี่กับเบลสให้ขึ้นไปนอนบนห้องรับรองที่มัลฟอยจัดให้ดีๆเพื่อจะได้ลงมาแกะของขวัญพร้อมกันในวันพรุ่งนี้เช้า

     


    “ห้องรับรองมันอาจจะไม่ค่อยสบาย พวกเราทุกคนนอนด้วยกันในห้องฉันก็ได้นะ เตียงฉันใหญ่จะตาย”เดรโกชวน และโอ้อวดเตียงของเขาเต็มที่ แต่กลับเจอเป็นสายตาเหยียดหยามของแพนซี่ที่กำลังสะลึมสะลือ

     


    “ให้แฮร์รี่นอนห้องเดียวกับนาย นั่นเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมาเลย”แพนซี่พูดทะลุกลางปล้อง จนเดรโกต้องเงียบสงบปากสงบคำในทันที ลูเซียสอาศาจะนำพวกเขาไปส่งที่ห้องรับรองเองเพราะจะกลับห้องไปนอนแล้วเช่นกัน ศาสตราจารย์สเนปมีหน้าที่อุ้มแฮร์รี่ที่กำลังซุกตัวอุ่นสบายอยู่ในอ้อมอกไปวางอย่างถนุถนอมบนเตียง แพนซี่พยายามจะไม่ชักสีหน้าเธอเลยแก้ปัญหาโดยการมองว่าศาสตราจารย์ปรุงยาผู้น่าเกรงขามคนนี้เป็นนกกระสาที่คาบทารกตามเรื่องเล่าแทน มันช่วยเธอได้เยอะเลยเพราะจมูกของเขามีลักษณะที่ดี

     


    สเนปเกือบจะล้อมตัวลงนอนข้างๆแฮร์รี่แล้วถ้าลูเซียสไม่คว้าหลังเสื้อเขาแล้วลากออกจากห้องไปและปล่อยให้เด็กๆนอนกันสักที

     


    “เธอมีสเน่ห์โดยธรรมชาติเลย ถึงแม้ว่าเธอจะอายุแค่สิบเอ็ดปี”ลูเซียสกล่าวขึ้นหลังจากที่เขาเดินไกลออกมาจากห้องของเด็กๆ และเขาก็ไม่ได้มีสีหน้าล้อเล่น

     


    “ฉันถึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อฆ่าพวกตัวผู้พวกนั้น”สเนปปัดเสื้อของเบาและดึงมันให้ตึง ดวงตาคมเงยมองเพื่อนสนิทก่อนจะยิ้มหยัน “รวมถึงลูกนาย และหวังว่าคงจะไม่ต้องทำอะไรนาย”

     


    “...ประกาศสงครามรึไง”ลูเซียสหัวเราะเบาๆ ที่เพื่อนของเขาดูจะทำตัวเด็กลงทั้งๆที่จากเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา พวกเขาเรียกได้ว่าใช้ชีวิตผู้ใหญกันคุ้มเกินคุ้มหรืออาจจะมากไปด้วยซ้ำ “ฉันยังมีนาร์ซิสซ่าต้องดูแล”

     


    “พูดเหมือนถ้าไม่มีแล้วฉันต้องระวังนายอย่างนั้นล่ะ”สเนปหรี่ตา และได้คำตอบเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่ไร้คำตอบของอีกฝ่าย จู่ๆเขาก็รู้สึกรำคาญให้หัวเมื่อมๆนั่นจนอยากจะดึงให้ขาดซักกระจุกนึงจริงๆ แต่คำพูดของลูเซียสน่าคิด แม้มันจะดูแปลก เขาคิดอยู่แล้วว่าแฮร์รี่น่ารัก แต่ถ้าจะให้พูดถึงการมีสเน่ห์นั้น...ตอนแรกสเนปไม่แปลกใจถ้าแฮร์รี่จะมีเด็กปีเดียวกันหรือปีสองมาจีบ เพราะเธอน่ารัก แต่กระทั่งดังในหมู่ปีเจ็ดนี่มัน่อนข้างจะเกินไปหน่อย....และเธอก็ยังเป็นเด็กอายุสิบเอ็ดขวบที่ไม่ค่อยจะประสีประสาด้วย

     


    เพิ่มคาถาลงทัณฐ์เวลากักบริเวณด้วยจะดีไหมนะ




    talk: เลือกเรือลงกันให้ดีนะ เดี๋ยวได้พายกันแขนหลุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×