ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter เด็กสาวผู้รอดชีวิต

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 17 ช่างทำหม้อ

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 61




    สุดท้ายแล้วเจ้ากระต่ายนั่นก็ชื่อเพเนโลปี้


    แฮร์รี่ไม่รู้ความหมาย หรือมันอาจจะไม่มีด้วยซ้ำ แต่เธอก็ชอบชื่อนี้ เธอคิดว่ามันน่ารักดี เช้าวันแรกของการเปิดเทอมแฮร์รี่ต้องเรียนประวัติศาสตร์กับศาสตราจารย์บินส์-ที่ยังไงก็ตาม-ทุกคนรู้กันดีว่าเขา'ทิ้งร่างของตัวเองไว้เบื้องหลังแล้วมาสอน' เป็นคาบเรียนที่น่าเบื่อที่สุดที่เธอเคยเรียนในฮอกวอตส์ และสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชั้นเรียนนี้คือตอนที่ศาสตราจารย์บินส์เดินทะลุกระดานดำเข้ามาสอน และเขาก็ไม่สนใจเมื่อมีนักเรียนคนใดคนนึงนอนหลับ แต่ยังไงเสียการบ้านและข้อสอบก็มาจากที่เขาสอนอยู่ดี


    " นั่งด้วยนะ" เสียงทุ้มนุ่มของเดรโกดึงแฮร์รี่ออกจากภวังค์


    "อื้ม" แฮร์รี่พยักหน้า แล้วไม่ลืมที่จะขยับเล็กน้อยให้กับร่างของเพื่อนชายได้ขยับมานั่ง และอดสงสัยไม่ได้ที่อีกฝ่ายเปลี่ยนที่นั่งเอาตอนนี้ "ไม่นั่งกับเบลสหรอ?"


    ปกติแล้วที่นั่งของพวกเธอนั้นจะค่อนข้างชัดเจน เธอกับแพนซี่จะนั่งข้างหน้า และพวกผู้ชายจะนั่งข้างหลัง มีสองสามครั้งที่เบลสมานั่งข้างหน้ากับแพนซี่ แต่นอกจากนั้นก็นั่งข้างหลังมาโดยตลอด


    "ฉันเรียนไม่รู้เรื่อง เธอรู้เรื่องไหม?" เดรโกถามเสียงเบา เพราะทั้งห้องมีแต่เสียงของศาสตราจารย์บินส์ที่กำลังเล่าสงครามก๊อบลินที่ดุเดือดด้วยน้ำเสียงโทนเดียวจนหายเดือดไปหมดสิ้น


    "ฉันจดเอาไว้ เดี๋ยวเดรกเอาไปอ่านนะ" แฮร์รี่พยักหน้า เธอเข้าใจหากจะมีคนไม่เข้าใจในสิ่งที่ศาสตราจารย์บินส์พูด เพราะเขาเพิ่งพูดถึงจุดจบของสงครามนั้นโดยที่มีน้ำเสียงเดียวกับตอนที่สงครามเริ่ม ถ้าเธอไม่ได้อ่านมาก่อนบางทีเธออาจจะนั่งงงเหมือนคนอื่นๆว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดนั้นหายไปไหน


    "เก่งจัง" เดรโกเท้าแขนบนโต๊ะแล้วตะแคงใบหน้ามองเด็กสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เสียงชื่นชมแผ่วเบาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกทำให้แฮร์รี่รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งอก และสายตาที่เดรโกมองมาทำให้ใบหน้าของเธอแดงระเรื่ออย่างน่ามองเป็นที่สุด


    "ฉันจะเรียนไม่รู้เรื่องนะเดรก " แฮร์รี่พูดงุบงิบกึ่งดุอีกฝ่ายที่ปลายเสียง เดรโกมัลฟอยเพียงแต่เลิกคิ้วขึ้น


    "ฉันแค่ชมว่าเธอเก่งเอง" แฮร์รี่มีสีหน้าขัดใจ


    "ห้ามชม" เธอบอก


    "เข้าใจแล้วครับคนเก่ง"


    "ห้ามชมไง! ห้ามพูดด้วย เงียบไปเลย" แฮร์รี่แยกเขี้ยวใส่เขาด้วยใบหน้าที่ขึ้นสี 


    เดรโกเงียบตามคำสั่งเขาเอียงใบหน้าและจดจ้องเด็กสาวไม่วางตา เพียงปีเดียวแฮร์รี่กับโตขึ้นมา เธอมีริมฝีปากเป็นกระชับสีชมพูอ่อน จมูกได้รูปโด่งและลาดเรียบเนียนมาจนถึงปลายจมูกที่กลมมนน่าสัมผัส แพขนตางอนยาวธรรมชาติ พอมันผสมไปกลับกลิ่นหอมๆของสมุนไพรที่โชยออกมาจากเรือนผมนุ่มที่หยักศกนั่นแล้วทำให้ชวนนึกถึงป่าไพรที่อุดมสมบูรณ์ และเธอก็คือนางไม้ที่แสนงดงามผู้ซึ่งกำเนิดจากป่านั้น 


    "ห้ามมองด้วย!!!" แฮร์รี่ตีเขาอย่างแรง







    "คาบต่อไปเป็นวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ให้ตายฉันตื่นเต้นเป็นบ้าเลยแฮร์รี่" แพนซี่กรีดร้องในลำคอ เธอมีดวงตาเป็นประกายและใบหน้าที่ขวยเขิน นั่นทำให้แฮร์รี่มีสีหน้างงที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ จะว่าไปแล้วปีที่แล้วคนที่สอนวิชานี้คือศาสตราจารย์ควีเรลล์ ซึ่งอย่างที่รู้กัน เขาลงไปนอนคุยกับรากต้นมะม่วงแล้ว และแฮร์รี่คิดมากเรื่องเดรโกเกินกว่าที่เธอจะทันสนใจว่าใครจะเป็นคนมาสอนเธอในปีนี้


    "ใครมาสอนหรอ?" แฮร์รี่เอียงคอถาม เพราะเห็นแพนซี่ตื่นเต้นขนาดนี้น่าจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงไม่น้อยเลยทีเดียว


    "กิลเดอรอย ล๊อกฮาร์ท เคราเมอร์ลิน ฉันต้องมองหน้าเขาจนลืมเรียนแน่ๆเลย " การปรากฏตัวของเฮอร์ไมโอนี่ทำแฮร์รี่เบิกตากว้าง เพื่อนสาวทั้งสองคนของเธอมีสีหน้าเคลิ้มฝัน แม้แต่เฮอร์ไมโอนี่ที่รู้กันดีว่าเป็นเด็กเรียนคนดีคนเดียวของกริฟฟินดอร์


    "เขาหล่อหรอ?" แฮร์รี่เอ่ยถามอีกครั้งด้วยความสนใจ เดรโกที่ได้ยินก็หันมาจากการเมาท์เรื่องควิดดิชกับเบลสแล้วหน้าหงิกใส่บทสนทนาของสาวๆในทันที


    "ไม่ใช่แค่หล่อนะแฮร์รี่ เขาหล่อ มีสเน่ห์ แถมยังเก่งกาจมากด้วยเป็นพ่อมดที่หน้าตาดีอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้" แพนซี่รีบยัดข้อมูลให้เพื่อนของเธอในทันที


    "ฝีมือเขาน่ะไม่ธรรมดาเลย เขาปราบปีศาจสาวแบนชีจนได้รับเหรียญตราเมอร์ลินชั้นที่สาม ฮืออออ การที่จะได้เรียนกับคนแบบนั้นฉันก็จะคลั่งตายแล้ว" เฮอร์ไมโอนี่ดูท่าทางหวีดสุดพลัง ส่วนแฮร์รี่กันหันไปหาเดรโกที่ทำหน้าหงิกอยู่


    "แบนชี?"แฮร์รี่เอ่ยถามถึงสิ่งที่ไม่คุ้นหูก่อนอันดับแรก เดรโกโล่งใจที่คำถามแรกของแฮร์รี่ไม่ใช่ล๊อกฮาร์ทหล่อจริงรึเปล่า


    "เป็นปีศาจชนิดนึง มันจะส่งเสียงกรีดร้องเมื่อได้กลิ่นความตาย ส่วนใหญ่จะตามติดครอบครัวครอบครัวนึง และถ้ามีคนในบ้านจะตายมันก็จะส่งเสียงร้องโหยหวน" เดรโกอธิบายให้ฟังอย่างรู้หน้าที่


    " ฟังดูสยองอีกแล้ว " แฮร์รี่ทำหน้ายี้ แล้วหันไปหาสองสาว "แค่ปราบแบนชีก็ได้เหรีญตราเมอลินเลยหรอ? "


    " มันไม่ใช่แค่นั้นนะ เขาปราบอีกตั้งหลายอย่าง มีหนังสือด้วย " แพนซี่แก้ต่าง


     "เขาปราบ...หนังสือ? "


    "เขาเขียนหนังสือถึงเรื่องที่ปราบมันต่างหาก"เฮอร์ไมโอนี่แก้ความเข้าใจผิด ตอนนั้นเองที่แฮร์รี่หมดความสนใจในอาจารย์คนดังกล่าวไปเลย


    "ฉันว่าเขาก็เฉยๆนะ " คำตอบของแฮร์รี่ทำให้เดรโกยิ้มกว้างอย่างผ่อนคลาย ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นหน้างอคอหักในประโยคต่อมา "ศาสตราจารย์สเนปหล่อกว่าอีก "









    "เธอจะไปไหนนะแฮร์รี่? " แพนซี่เอ่ยถามเมื่อเพื่แนสาวของเธอไม่ได้เดินไปทางหอนอน แม้พวกเธอจะเพิ่งวิ่งหนีเจ้าตัวพิกซี่ออกมา ทิ้งให้เกรนเจอร์ผู้เรียนดีต่อสู้กับพวกมันอย่างห้าวหาญ


    เดรโกดูไม่พอใจตั้งแต่เช้า เขาไม่คุยกับเธออีกเลย ดูท่าทางงอนแก้มป่องอย่างเห็นได้ชัดและลากเด็กผู้ชายหนีไปอีกทางจนตอนนี้ไม่เห็นตัวแล้ว


    "ห้องสมุด" แฮร์รี่ตอบ " การบ้านวิชาประวัติศาสตร์"


    " ไม่เราไม่มีการบ้านวิชาประวัติศาสตร์" แพนซี่ร้องเสียงสูง เธอจำไม่ได้เลยว่ามีการบ้านวิชาประวัติศาสตร์....หรือเพราะน้ำเสียงโทนเดียวนั้นเธอเลยแยกงานที่เขาสั่งกับเรื่องที่เขาเล่าไม่ออกกัน


    " เรามีการบ้านวิชาประวัติศาสตร์ หาประวัติของครอบครัวตัวเอง ลุงลูเซียสบอกว่ามันมีบันทึกเอาไว้ สักที่ในห้องสมุด " แฮร์รี่ลากแขนแพนซี่ที่กรีดร้องตรงไปยังห้องสมุด


    เดรโกปรากฏตัวขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนเขาจะกลับถึงหอนอนแล้ว แต่ออกมาตามหาเธออีกครั้งเมื่อเธอไม่ยอมกลับหอ


    และเบลสก็มาหิ้วแฟนสาวที่ดูท่าทางหมดอาลัยตายอยากกลับหอด้วย


    " เธอทำอะไรยัยเปี๊ยก " เดรโกเอ่ยถามด้วยความสงสัย ที่ยังเจือด้วยความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย


    "การบ้านวิชาประวัติ-"


    "เราไม่มีการบ้าน"


    "มี แพนซี่ก็พูดแบบนั้นตอนแรก แล้วดูเธอสิ " แฮร์รี่ชี้ไปที่ของเหลวบนหลังของเบลส " ประวัติครอบครัว ต้นตระกูล ส่งอาทิตย์หน้า"


    "เจ๋ง ต้นตระกูลฉันเจ๋งมากๆ " เดรโกยืดอกอย่างภาคภูมิใจมากๆ และนั่นทำให้แฮร์รี่หลุดยิ้มออกมา 


    "จ้าๆ" เธอลูบหัวเดรโกเบาๆ และนั่นทำให้ทั้งสองคนชะงัก


    "พระเจ้าเธอสูงกว่าฉันแล้ว" เดรโกพึมพำราวกับกำลังเพ้อฝันอยู่ และนั่นทำให้แฮร์รี่เลือดลมสูบฉีดไปทั้งร่าง 


    เธอสูงกว่าเดรโกแล้ว!!!


    ถึงจะแค่ไม่กี่เซนต์ก็เถอะ


    "แฮร์รี่ เจอรึยัง?" เบลสเอ่ยถามขึ้นเมื่อทั้งสองไม่มีทีท่าจะออกมาจากตรงนั้นสักที แฮร์รี่ที่มีสีหน้าเปี่ยมสุขที่สุดในชีวิตเธอยิ้มกว้างและพยักหน้า ทั้งเบลสและแพนซี่ต่างตื่นตะลึงกับรอยยิ้มนั้น ก่อนที่เบลสจะต้องคว้าเอวดึงแพนซี่ที่ทำท่าจะพุ่งไปกระชากหัวสีบลอนด์สว่างของเดรโกเอาไว้


    " ฉันเจอหนังสือน่าสนุกเล่มนึงด้วย"แฮร์รี่ว่าก่อนที่จะหอบหนังสือทั้งสองเล่มไปที่เคาท์เตอร์เพื่อทำเรื่องยืม เธอภาวนาให้มันยืมได้ เพราะกว่าเธอจะทำการบ้านเสร็จ คงไม่ดีแน่ๆถ้าจะต้องมาห้องสมุดทุกวัน โดยเฉพาะวันที่มีวิชาปรุงยาเป็นวิชาสุดท้าย และมันก็ไม่ได้มีแค่ตระกูลเธอตระกูลเดียวด้วยในเล่มนี้ คิดว่าเพื่อนคงจะยืมต่อ


    "ต้นตระกูลเธอคือใคร?"เดรโกที่กำลังหอบหนังสือแทนแฮร์รี่เอ่ยถามขึ้น เขาหายช๊อคเรื่องที่แฮร์รี่สูงก่าเขาไม่กี่เซนต์เมื่อนึกได้ว่าตอนนี้พวกเขาอายุแค่ 12 ปีหน้า หรือปีต่อไปเขาสูงนำแฮร์รี่แน่ๆ 


    "ไม่รู้อ่ะ ยังไม่ได้อ่านเลย เห็นผ่านๆ"แฮร์รี่ว่า เธอกำลังกางหนังสือ 'สัตว์วิเศษและถิ่นที่อยู่' อ่านอย่างสนอกสนใจ และอดตัดพ้อกับตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเธอไม่เจอมันเร็วกว่านี้ เนื้อหาในเล่มนี้น่าสนุกมาก มีสัตว์วิเศษมากมายที่เธอไม่เคยได้ยิน และเธอแปลใจมากที่มันไม่ได้ถูกยืมจนชำรุด แต่กลับเหมือนเพิ่งตีพิมพ์มาไม่นานและไม่มีใครไปยุ่งกับมัน ถึงแม้เธอจะเห็นปีที่ตีพิมพ์ออกมาแล้วก็ตาม


    "พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าต้นตระกูลของฉันมาจากฝรั่งเศษ" เดรโกเกริ่น แน่นอนว่าตระกูลที่ภาคภูมิใจในสายเลือดอย่างมัลฟอย ย่อมมีต้นตระกูลที่มีเกียรติ พ่อเล่าเรื่องต้นตระกูลให้เขาฟังตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เขาจำได้ไม่แม่นนัก แต่จำได้ว่ามันเจ๋งมาก


    "อ้อ..มิน่าล่ะ" แฮร์รี่พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นความเป็นไปได้ มันไม่ได้ดูเกินจริงเลยถ้านึกถึงสภาพของตระกูลมัลฟอยแล้ว


    "....รหัสอะไรนะ" แฮร์รี่ชะงักอยู่หน้าประตูหอสลิธีริน แน่นอนอย่างที่ใครๆก็รู้ว่ามันอยู่ 'ที่ใดที่หนึ่ง' ในห้องใต้ดิน ซึ่งถ้าให้เจาะจงจริงๆมันก็สังเกตุได้ไม่ยากนัก เพียงแต่ห้องใต้ดินเป็นที่อยู่ของค้างคาวยักษ์ที่สอนวิชาปรุงยา ที่โหดที่สุดในโรงเรียน ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครมาเดินส่องหาอย่างจริงจัง...ที่จริงๆแล้วแฮร์รี่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะหายากอะไรนัก


    "ลูกอมรสเลือดในถ้วยใส่น้ำ" เดรโกเป็นคนบอกรหัส ก่อนที่ประตูจะเปิดออก เพื่อนๆส่วนใหญ่และรุ่นพี่นอนกลิ้งไปมาอยู่ในห้องนั่งเล่น และปีหนึ่งบางคน แน่นอนว่าส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยกล้าที่จะออกมานอนก่ายทับไปมาเหมือนที่รุ่นพี่เป็นในตอนนี้จึงยังอยู่กันแต่ในห้องพัก


    "เคราเมอลิน นั่นแฮร์รี่พอตเตอร์" เสียงเด็กปีหนึ่งคนนึงพึมพำขึ้นอย่างตื่นเต้น ส่งผลให้ปีสองที่กำลังนอนก่ายกองพร้อมกับการบ้านผงกหัวขึ้นมาแล้วทำปากจุ๊ๆใส่น้องคนนั้น


    "ถ้าเธอตื่นเต้น มัลฟอยจะฆ่าเธอ" และอาจจะเพราะสีหน้าจริงจังเกินไปของรุ่นพี่ ทำให้เด็กปีหนึ่งคนนั้นมีสีหน้าซีดเซียวอย่างน่าสงสาร กิตติศัพท์ของตระกูลมัลฟอยไม่ใช่น้อยๆ แม้ไม่แน่ชัด แต่เขารู้สึกว่ามันสามารถทำได้จริงๆ


    "เฮ้" แฮร์รี่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นเพื่อนๆนอนดูว่างๆไม่มีอะไรทำ และเมื่อคิดถึงแพนซี่กับเดรโกแล้วเธอจึงตัดสินใจกล่าวออกไป "พวกเธอรู้ใช่ไหมว่าเรามีการบ้านวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์"


    "ไม่มีทาง!!" ปีสองทั้งหมดหยัดตัวขึ้นและพูดพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย


    แฮร์รี่กลอกตา " หาประวัติต้นตระกูลมา ส่งอาทิตย์หน้า" แฮร์รี่เลือกที่จะนั่งบนโต๊ะเพราะเหมือนบนพื้นจะไม่มีที่ให้เธอแล้ว


    "ไม่มีทาง ฉันจำไม่เห็นได้เลยนะว่าเขาสั่ง"


    "ฉันว่า..ฉันคลับคลาอยู่นะ แต่ไม่แน่ใจ"


    "มีการบ้านจริงหรอวะ เอาจริงดิ จริงจังปะเนี่ย"


    "ให้ตาย แค่วิชาปรุงยาก็ยาวตั้งสามฟุตแล้วนะ"


    "ฉันอยากร้องไห้"


    และท่ามกลางเสียงร้องครวญครางของเพื่อน แฮร์รี่ก็กางหนังสือหาประวัติตระกูลพอตเตอร์ เพื่ออ่านคร่าวก่อนๆ


    "ไหนเล่าให้ฟังหน่อย" เดรโกนั่งเท้าคางอยู่ตรงข้ามกับเด็กสาวแล้วมีสีหน้าตั้งใจฟัง เบลสกับแพนซี่ก็นั่งอยู่ไม่ไกล แครบกับกอยล์นั่งเล่นไพ่อยู่กับนอตและพี่ปีสาม


    "ในสมัยก่อนยังไม่มีนามสกลุกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเรียกตามอาชีพที่ทำ หรือชื่อพ่อ ในที่นี้ 'พอตเตอร์' ได้เพี้ยนมาจาก ' เดอะ พอตเตอร์เรอร์' หรือผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผา ตระกูลผู้วิเศษ พอตเตอร์ สืบเชื้อสายมาจากพ่อมดในศตวรรษที่สิบสอง นาม....ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้ " แฮร์รี่ขมวดคิ้วก่อนที่จะหรี่ตาเล็กน้อย " ลินเฟรดแห่งสตินช์คอมบ์ "


    "ฉันก็ไม่เคยได้ยิน" เดรโกยักไหล่


    "ลินเฟรดเป็นช่างทำหม้อที่น่ารักในหมู่บ้านมักเกิ้ล ทุกๆคนรักเขาและเรียกหายามที่ต้องการรักษาโรคประหลาด อย่างโรคฝีดาษและอาการไข้จับสั่น โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขารักษามันด้วยเวทย์มนตร์ มักเกิ้ลไม่ได้มีความกลัวเกรงลินเฟรด เพราะเขาเป็นเพียงชายแก่น่ารักที่มีความสุขกับพืชผลนานาพันธุ์และสวนที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ที่บางทีพวกเขาก็ไม่เคยรู้ว่ามันคืออะไร 


    และหลังประตูที่ปิดไว้ ลินเฟรดได้ทำการทดลองสูตรยาต่างๆ อันเป็นรากฐานของตระกูลพอตเตอร์ นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า สูตรยาเหล่านั้นของลินเฟรดได้รับการพัฒนามาและยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน อย่างยาปลูกไขกระดูกและยาพริกไทยสูตรพิเศษ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาสามารถส่งทอดทองก้อนโตๆให้ลูกชายทั้งเจ็ดคนได้จากการขายยาดังกล่าวแก่พ่อมดแม่มด" แค่ได้ยินเดรโกก็ร้องอ๊าวขึ้นมา


    "ตระกูลเธอทำยาบ้านั่นขึ้นมาจริงดิ " เดรโกเคยแขนหัก พ่อให้เขาดื่มยานั่นแล้วเขาก็ร้องไห้ไปตลอดทั้งวันเพราะความเจ็บปวดของมัน โดยที่นายมัลฟอยไม่ด่าเขาสักคำ


    "มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ?" แฮร์รี่เลิกคิ้ว


    "มันเลวร้ายมาก"


    "ลูกชายคนโตของลินเฟรดชื่อ ฮาร์ดวิน แต่งงานกับแม่มดสาว อีโอแลนธี เพพเวอเรลล์ ผู้ซึ่งมาจากหมู่บ้าน...ก๊อดดิก ฮอลโลว์?" แฮร์รี่มีสีหน้าประหลาดๆ "พวกเธอรู้จักไหม?"


    สามสหายมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกดีไหม แต่ยังไงเดรโกก็เป็นคนที่เริ่มพูด


    "รู้จัก มันเป็นหมู่บ้านที่ก๊อดดริกอยู่ ผู้มีชื่อเสียงหลายคนอยู่ที่นั่น...ดัมเบิ้ลดอร์ก็ด้วย"เดรโกอธิบายข้อมูลที่รู้โดยทั่วกัน และในตอนที่เขาตัดสินใจจะบอกอีกเรื่อง แพนซี่ก็ถลึงตาใส่เขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ ทำให้เดรโกหุบปากลง


    "อะไร?" แฮร์รี่มีสีหน้าสงสัยเมื่อเดรโกทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด เธอหันกลับไปหาแพนซี่ เพื่อนสาวของเธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และเอนซบเบลสอย่างเบี่ยงเบนความสนใจ "เฮ้ นี่จริงจังนะ มีอะไร?"


    "เปล่าหรอก ฉันไม่รู้ว่ามันจริงไหม แต่มันก็มีข่าวลืมมาว่ากรินเดลวัลก็อยู่ที่หมู่บ้านเดียวกัน" เดรโกเปลี่ยนเรื่อง


    "กรินเดลวัล?" แฮร์รี่เลิกคิ้ว


    "จ้าวแห่งศาสตร์มืดคนแรก"คราวนี้แพนซี่มาร่วมวงด้วย


    "หมายถึง...จ้าวแห่งศาสตร์มืดคนแรก กับคนที่ปราบจ้าวแห่งศาสตร์มืดคนแรก มาจากหมู่บ้านเดียวกัน?" แฮร์รี่พยายามเรียบเรียง


    "ข่าวลือน่ะนะ นานจนจะเป็นข่าวลืมแล้วด้วย" เบลสย้ำอีกครั้งว่ามันอาจจะไม่เป็นความจริง ส่วนแฮร์รี่มีสีหน้าเหลือเชื่อ


    "ฉันอ่านต่อดีกว่า" เธอพยายามไม่คิดอะไร "อีโอแลนธี เป็นหลานสาวของอิกโนตัส เพพเวอเรลล์ เนื่องจากขาดทายาทฝ่ายชาย เธอที่เป็นลูกสาวคนโตจึงได้รับมรดก...ผ้าคลุมล่องหนจากปู่ของเธอมา และมันเป็นความลับของตระกูล เธอจึงไม่สามารถแบ่งให้กับสามีได้ ซึ่งสามีของเธอก็เข้าใจ ผ้าคลุมล่องหนจะถูกส่งต่อให้ผู้อาวุโสสุดของทายาทแต่ละรุ่น....หมายถึงลูกคนโต?"


    "ไม่ใช่...สมมุติว่ายายเธอมีลูกสามคน พี่คนโตก็จะได้ไป และในสามคนนี้ ถ้าน้องคนที่สามมีลูกก่อน พี่คนโตมีลูกคนสอง และพี่คนที่สองมีลูกคนสุดท้าย ผ้าคลุมจะถูกส่งต่อให้ลูกของน้องคนที่สาม เพราะในรุ่นหลานเขาโตที่สุด" เดรกอธิบาย


    "แสดงว่าในรุ่นของฉัน ฉันโตที่สุด?" แฮร์รี่เลิกคิ้ว "..อ่อ...ไม่งั้นก็มีแค่ฉันคนเดียว"


    "มันแสดงว่าเธอโตที่สุดในรุ่นนี้" แพนซี่ย้ำ ไม่ให้เด็กสาวดีเพรสไปกว่านี้


    "ตระกูลพอตเตอร์แต่งงานกับเพื่อนบ้านของเขาไปเรื่อยๆ บางครั้งคือมักเกิ้ล และอาศัยอยู่ในเขตตะวันออกของอังกฤษมาโดยตลอด และเพิ่มพูนทรัพย์สินในตระกูลขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของพวกเขาเอง


     บางครั้งพอตเตอร์ก็ได้กรุยทางตัวเองมาถึงลอนดอน มีสมาชิกตระกูลพอตเตอร์สองคนที่ได้นั่งภายในศาลสูงวินเซนต์กาม๊อต หนึ่งคือ รอลสตัน พอตเตอร์ เป็นสมาชิกในปี 1612-1652ผู้ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักในการร่างบทบัญญัติเกี่ยวกับความรับของพ่อมดแม่มด ในฐานะฝ่ายค้านการเริ่มสงครามกับมักเกิ้ลอย่างที่พวกหัวรุนแรงต้องการจะทำ


    และสอง เฮนรี่ พอตเตอร์ วงเล็บ หรือแฮร์รี่ที่เพื่อนสนิทมักจะเรียกกัน ผู้ซึ่งเป็นทายาทสายตรงของฮาร์ดวินและอีโอแลนธี เข้ารับตำแหน่งในศาลสูงวินเซ็นกาม๊อตในปี 1913-1921 เฮนรี่สร้างความปั่นป่วนไม่น้อยเมื่อเขาไม่เห็นด้วยอย่างเปิดเผย กับการที่รัฐมนตรีสมัยนั้น อาร์เชอร์ เอเวอร์มอนท์ ได้สั่งไม่ให้ผู้คนในชุมชนวิเศษยื่นมือเข้าไปช่วยมักเกิ้ลในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และการประกาศอย่างเปิดเผยของเขาทำให้ตระกูลพอตเตอร์ถูกคัดออกจาก ยี่สิบแปดตระกุลศักดิ์สิทธิ์"


    "...นั่นน่าสงสารจัง " แพนซี่พึมพำ เธอขยับไปนั่งข้างๆแฮร์รี่แล้วพิงเธออย่างให้กำลังใจ


    "นี่ไม่ยุติธรรมเลย" แฮร์รี่ขมวดคิ้ว


    "ตรงไหนที่ว่าไม่ยุติธรรม? ถ้าผู้วิเศษยื่นมือเข้าไปช่วยสู้ แบบนั้นจะไม่ดูโกงไปสำหรับประเทศอื่นหรือ เดี๋ยวก็กลายเป็นสงครามพ่อมดแม่มดแทนหรอก"เดรโกพยายามอธิบาย


    "นั่นฉันรู้ แต่ถ้าการยื่นมือไปช่วยคือการรักษาล่ะ เดรกรู้ไหมอะไรที่จะมาพร้อมสงคราม...โรคระบาด โรคภัยไข้เจ็บ ในส่วนนั้นคนธรรมดาที่ไม่ได้ยุ่งกับสงครามก็พลอยได้รับโรคพวกนั้นโดยที่ไม่ต้องการ ถ้าผู้วิเศษยื่นมือไปช่วยรักษา พวกเขาก็คงไม่ตายไปอย่างน่าสงสาร" แฮร์รี่โต้แย้ง เดรโกเห็นสีหน้าของเด็กสาวเขาก็ไม่เถียงอะไรอีก แม้เขาจะคิดว่ามันอาจจะไม่แฟร์กับมักเกิ้ล แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะการที่ตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผย มันก็เป็นการดึงความเสี่ยงมาสู่ตัวเองเช่นกัน ซึ่งตรงนี้เดรโกก็แอบรู้สึกไม่แฟร์พอๆกัน


    "ลูกชายของเฮนรี่ชื่อ ฟลีมอนด์ พอตเตอร์ แม่ของเฮนรี่หรือคุณย่าของฟลีมอนด์ได้ขอเอาไว้ก่อนที่เธอจะตายว่าให้ใช้ชื่อนี้ เพราะไม่อย่างนั้นนามสกุลของเธอจะหายไป ฟลีมอนด์ใช้ชื่อนี้อย่างสมเกียรติ เขาต่อสู้กับนักเรียนในฮอกวอตส์อยู่หลายครั้งเมื่อถูกล้อชื่อของเขา และฟลีมอนด์ได้ใช้ทองของครอบครัวต่อยอดคืนมาได้ถึงสี่เท่าด้วยการผลิตน้ำยาวิเศษยืดผมเงางาม เขาขายบริษัทและได้กำไลมหาศาลในตอนที่เขาเกษียญจากการทำงาน แต่เขาและภรรยายูฟีเมีย ต้องทนทุกข์กับเรื่องที่ไม่มีลูกสักทีจนตัดใจจากการมีบุตรไปแล้ว แล้วจู่ๆภรรยาของเขาก็ตั้งท้องขึ้นมา นั่นคือ เจมส์ พอตเตอร์ ทั้งสองมีชีวิตอยู่ยาวนานพอที่เห็นลูกชายแต่งงาน แต่ไม่นานพอที่จะเห็นหลานของตน ทั้งคู่พ่ายแพ้ให้กับโรคฝีมังกรและจากไปด้วยวัยที่ชรามากของพวกเขา


    เจมส์ พอตเตอร์ ได้แต่งงานกับ ลิลี่ เอฟเว่น พวกเขาอยู่ในแนวร่วมต่อต้านศาสตร์มืด และได้ต่อสู้กับผู้เสพความตาย ทั้งสองถูกสังหารจากสงคราม-"


    "แฮร์รี่" แพนซี่คว้าแขนเพื่อนสาวเอาไว้ "เธอไม่ต้องเขียนมันลงไปก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องอ่านเลย"


    "....ในสงครามพ่อมดแม่มดศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาได้ต่อสู้จนสุดกำลังเพื่อปกป้องลูกน้อย แฮร์รี่น่า ลิลี่ พอตเตอร์ และถูกจ้าวแห่งศาสตร์มืดสังหาร และทำให้จ้าวแห่งศาสตร์มืดนั้นจากไปเช่นเดียวกัน พวกเขาคือวีรบุรุษและเหยื่อผู้น่าสงสาร ลูกสาวของเขาแฮร์รี่น่า ได้รับการจดจำในฐานะเด็กสาวผู้รอดชีวิต เป็นเพียงผู้เดียวที่เผชิญหน้ากับจ้าวแห่งศาสตร์มืดและสามารถรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ได้ แม้จะอายุเพียงหนึ่งขวบก็ตาม ปัจจุบันเรียนอยู่ปีสองที่ฮอกวอตส์" แฮร์รี่อ่านจนจบ "หนังสือเล่มนี้ถูกอัพเดตอยู่ตลอด" 


    "คงจะมีคนคอยอัพเดตนั่นล่ะ ลายมือมันไม่เหมือนกัน" เดรโกชี้ที่มุมกระดาษ เรื่องราวใหม่ๆที่ถูกบันทึกมีหมึกที่เข้มกว่า และลายมือก็อ่านง่ายกว่า 


    "เธอรวยมากแฮร์รี่" แพนซี่จับบ่าเพื่อนสาวของเธอด้วยสีหน้าจริงจัง


    "ไม่เท่าเดรกหรอก" แฮร์รี่หัวเราะกับสีหน้าประหลาดๆของเพื่อน


    "ถ้าอยากรวยเหมือนฉันก็แต่งงานกับฉันสิแฮร์รี่"เดรโกยิ้มหวาน


    "ไม่ล่ะ" และโดนแฮร์รี่ปฏิเสธในทันที ทำเอาทั้งเบลสและแพนซี่ขำลั่นจนคนในห้องพักหันมามองกันหมด และพอเห็นสีหน้าบูดๆของเดรโก พวกเขาก็หัวเราะตามเหมือนกัน ดูเหมือนวันนี้เดรโกก็จะแห้วอีกแล้ว


    "ถ้าแต่งงานกัน เดรโกยินดีจะใช้นามสกุลพอตเตอร์ไหมล่ะ" แฮร์รี่เลิกคิ้ว เธอรู้ดีกว่าเดรโกไม่มีทางยอม มัลฟอยคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา และพอตเตอร์ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างของเธอเช่นกัน


    "...ไม่แต่งก็ได้" เดรโกมีสีหน้าเหมือนเวลาที่โดนศาสตราจารย์สเนปสั่งกักบริเวณ นั่นสร้างความเบิกบานให้เบลสอย่างหาที่สุดไม่ได้


    "พอตเตอร์"เสียงที่ไม่ค่อยคุ้นหูเอ่ยขึ้น ก่อนที่แฮร์รี่จะรีบขานรับเมื่อเห็นว่าเป็นฟลินต์


    "คะ พี่ฟลินต์" การที่แฮร์รี่ขานรับเสียงหวานแบบนั้นทำเอาเดรโกอยากกระโดดงับหัวรุ่นพี่ตรงหน้าเอามากๆ แน่นอน มีหลายคนเลยที่เชียร์อยู่


    "เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นไปหาพี่ที่ลานควิดดิชหน่อยนะ เราจะประชุมวางแผนการซ้อมกันแล้ว และก็จะดูเรื่องการยืมสนามด้วย เธอน่าจะช่วยขอศาสตราจารย์สเนปได้...ใช่ไหม?" ฟลินต์มีสีหน้าเกรงใจ แต่ภายในตาของเขาเป็นประกายเต็มไปด้วยความหวัง


    "อ่อ...ค่ะ เดี๋ยวพอประชุมเสร็จเดี๋ยวหนูจะไปขอศาสตราจารย์ให้" แฮร์รี่พยักหน้ารับ


    "เด็กดีของพี่ งั้น เจอกันพรุ่งนี้นะ" ฟลินต์แทบจะกระโดดไชโยตรงนั้น ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ต้องไปซ้อมริมทะเลสาปและในแนวป่าไม้เพราะศาสตราจารย์สเนปขี้เกียจแย่งสนามซ้อมกับอาจารย์ประจำบ้านคนอื่นอีกแล้ว


    "เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ" ฟลินต์กลับไปด้วยความอิ่มเอม เขาได้คุยกับแฮร์รี่ แถมยังได้สนามซ้อมอีก จะมีอะไรดีกว่านี้ไหมนะ ยอดจริงๆ


    "ให้เราไปด้วยไหม?"แพนซี่เอ่ยถาม


    "ก็..ถ้าไม่มีการบ้านนะ" แฮร์รี่พยักหน้า 


    "ถึงมีการบ้านก็จะไปทำบนอัฐจรรย์" เดรโกบอก "ให้แฮร์รี่ห่างตาไปอยู่กับรุ่นพี่พวกนั้นไม่เอาหรอก....ฉันหวง"


    ".....เงียบปากไปเลยเดรก!!!!!!!" และแฮร์รี่ก็ค้นพบว่าเธอวิ่งไวมากจากโต๊ะทำงานมาจนถึงห้องพัก


    และเสียงหัวเราะของคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้นมาถึงเธอเลยด้วย


    เธออุตส่าห์พยายามทำทุกอย่างเหมือนมันไม่มีอะไรผิดปกติแล้วเชียว แต่เดรกไม่ให้ความร่วมมือกับเธอเลยแม้แต่น้อย บ้าที่สุด!











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×