คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 14 : หมาป่า
เช้าวันนี้อากาศดีมาก
แฮร์รี่เงยหน้ามองหมู่เมฆที่จับกันเป็นก้อนสีขาวราวกับก้อนสายไหมขนาดใหญ่ บนท้องฟ้าสีฟ้าสดใส บางก้อนเป็นรูปทรงประหลาดๆ และบางก้อนก็มีแฉกออกมาราวกับหูแมว ตอนนี้ก็ใกล้เป็นสิ้นเดือนสิงหาแล้ว วันเปิดเทอมที่เธอนับถอยหลังรอคอยเหลือเพียงอีกแค่ไม่ถึงอาทิตย์
เช้าวันนี้อากาศดีจัง
เซเวอรัส สเนป พับหนังสือพิมพ์ที่เขาอ่านจนจบแล้ววางไว้บนโต๊ะไม้เก่าๆของบ้าน กลิ่นสมุนไพรที่เขาต้มไว้ตั้งแต่เมื่อคืนลอยโชยออกมาจากในห้องทำงาน จวนเจียนจะสุกในไม่ช้า
"เซเวอรัส นั่นรูปงู"
แฮร์รี่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งเขาก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าเด็กสาวในวัยนี้จะสูงเร็วกว่าผู้ชาย แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสูงกว่าตอนปีหนึ่งถึงฝ่ามือครึ่งขนาดนี้ ใจนึงสเนปภาวนาให้แฮร์รี่ไม่สูงไปกว่านี้ และอีกใจก็อย่างให้สูงขึ้นอีกนิดในปีสี่หรือปีห้า อย่างน้อยนั่นก็เป็นความปราถนาของแฮร์รี่
"มันคือก้อนเมฆแฮร์รี่ กลุ่มก้อนไอน้ำที่ก่อตัวขึ้นและจะตกลงมาเป็นฝนในไม่ช้า" สเนปจิบชาอย่างผ่อนคลาย แม้ชาจะมีรสชาติที่ขมและฝาดเฝื่อนมากก็ตามที แต่ถ้าเป็นฝีมือแฮร์รี่ เขาก็ผ่อนคลายกับมันได้...ขอบคุณที่อย่างน้อยใบชาที่นาร์ซิสซ่าให้มานั้นมีกลิ่นหอมมากอยู่แล้ว "ไปเก็บผ้า"
"คุณไม่มีจินตนาการเลยค่ะ" แฮร์รี่มุ่ยหน้า เธอยกตะกร้าผ้าขึ้นวางบนเก้าอี้แล้วดึงผ้าขาวผืนใหญ่ใส่ตระกร้าหวาย ก่อนจะอุ้มมันไปเก็บในห้องของเธอ
ใช่ ห้องของเธอ
ในตอนแรกแฮร์รี่คิดว่าเธอคงจะอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวจนกว่าจะหาทางแก้ไขปัญหาของเธอได้ แต่ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาศาสตราจารย์สเนปได้พาเธอไปซื้อของมาเติมเต็มห้องนอนที่เคยเป็นสีเทาหม่นๆ และหยากใย่ จนตอนนี้เต็มไปด้วยข้าวของของเด็กสาวที่กำลังจะขึ้นปีสอง แฮร์รี่คิดว่าสเนปไม่ค่อยชอบห้องของเธอเท่าไหร่ เขามักหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้หรือเดินผ่าน ในคราแรก แฮร์รี่คิดว่าศาสตราจารย์คงอยากให้ความเป็นส่วนตัวเธอ แต่มาคิดอีกทีศาสตราจารย์น่าจะเอียนกับสีชมพูในห้องของเธอมากกว่า
"แฮร์รี่" ศาสตราจารย์สเนปวางถ้วยชาหลังจากนั่งมองเด็กสาวพับผ้าของตนใส่ตระกร้าเตรียมเข้าห้องนอน..ที่สเนปเดาว่าจะออกมาอีกทีก็คงจะเป็นยามบ่าย
"คะ?"
"มาวัดส่วนสูงกัน" แฮร์รี่พยักหน้าหงึกหงัก สเนปสะบัดเสื้อคลุมเบาๆก่อนจะเดินไปหยิบไม้กายสิทธิ์ที่วางอยู่ที่เคาท์เตอร์ ช่วงนี้เขามักลืมมันไว้ที่เคาท์เตอร์บ่อยๆจากการชงกาแฟ หรือทำอาหารในตอนเช้า ส่วนวันนี้เขาลืมไว้เพราะต้องรีบไปช่วยแฮร์รี่ยกกาต้มน้ำออกจากเตา
แฮร์รี่แนบหลังของเธอกับกำแพงห้องนั่งเล่น บ้านของเซเวอรัสไม่ใช่บ้านหลังใหญ่อะไร อยู่หลังสุดท้ายของตรอกช่างปั่นฝ้าย ติดริมแม่น้ำ บ้านโทนนี้ดูอึมครึม และมันอยู่ในเขตมักเกิ้ลที่ๆป้าเพ็ตทูเนียมักบอกว่าไม่ควรคบค้าสมาคมมากที่สุด เป็นบ้านสองชั้น และที่ประจำของเธอและศาสตราจารย์คือห้องหนังสือในชั้นสอง แม้แฮร์รี่จะชอบห้องหนังสือ-หรือห้องนั่งเล่น-ของชั้นหนึ่งมากกว่าเพราะมันติดกับห้องครัว
"สูงขึ้นจริงๆด้วย"
สเนปพึมพำเบาๆในตอนที่เขาใช้ปลายไม้ขีดลงสัญลักษณ์กำแพงปูนพร้อมกับเขียนส่วนสูงกำกับที่ข้างๆเส้นนั้น
"ไปตัดเสื้อคลุมกันเถอะ เธอใส่ของปีหนึ่งไม่ได้แล้ว"
"ขอขนมหนึ่งถุงค่ะ!!" แฮร์รี่ชูมือในทันทีที่เธอได้ยินว่ากำลังจะได้ออกไปข้างนอก สเนปมีสีหน้าครุ่นคิด
"หนึ่งถุงเท่านั้น ตกลงไหม?"
"ตกลงค่ะ ไม่มากกว่านั้นแน่นอน!"
แฮร์รี่สวมชุดลำลองสีอ่อน เป็นเสื้อฮู้ดสีฟ้าสว่างของสีท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยก้อนเมฆ กับกางเกงยีนส์ขาสามส่วน เชื่อว่าถ้ามาดามพรอมพรีย์มาเห็น สเนปคงจะโดนบ่นไปอีกสองเทอมที่ไม่ยอมให้แฮร์รี่แต่งตัวน่ารักกว่านี้ แต่สำหรับเขา แค่เพียงเท่านี้ก็น่ารักมากแล้ว และเขาไม่อยากให้ใครมาเห็นสาวน้อยของเขาน่ารักไปกว่านี้
ผมที่ฟูฟ่องของแฮร์รี่ถูกบำรุงอย่างดีด้วยน้ำยาที่สเนปบรรจงปรุงให้ ปรับสูตรเล็กน้อยจากน้ำยายืดผมเงางาม ของ ฟลีมอนต์ พอตเตอร์ หรือก็คือปู่ของแฮร์รี่ เพราะเขารู้สึกว่าแฮร์รี่มีสเน่ห์มากกับผมหยักศกของเธอ...แค่ให้มันฟูน้อยลงหน่อยก็พอ
ส่วนเขา เขาก็แต่งตัวเดิมๆ ทุกอย่างเน้นไปโทนดำตั้งแต่หัวจรดเท้า จริงๆเขาคงใส่แจ๊คเก็ตอย่างที่แฮร์รี่แนะนำ แต่เขาไม่อยากบังเอิญไปเจอนักเรียนฮอกวอตส์ปีไหนก็ตามในตรอกไดแอกอนด้วยสภาพนั้น แค่เดินกับแฮร์รี่ เขาก็ยังระแวงถึงคำครหาที่แฮร์รี่จะเผชิญแทบแย่แล้ว
"เซเวอรัสคะ เดรโกก็มาวัดตัวด้วยค่ะ! " แฮร์รี่แหงนหน้าเล็กน้อย เพื่อมองสีหน้าที่ดูจะลอยไปไกลจากที่นี่ของศาสตราจารย์ปรุงยา และเมื่อเธอเห็นว่าอีกคนกลับมาแล้วก็ชี้เข้าไปในร้านตัดเสื้อคลุมทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้นให้เห็นผมสีสว่างวาบที่ทะลุสีอึมครึมของร้านออกมา
" เอาไงดี ไปกินไอศกรีมกันก่อนไหม?" สเนปก้มไปถามความเห็นของเด็กสาว เพราะดูท่าเหมือนตระกูลมัลฟอยน่าจะเพิ่งมาถึง คงใช้เวลาวัดชุดสักพักใหญ่ๆเลย
"ไม่เป็นไรค่ะ หนูรอได้!" สเนปเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อยที่แฮร์รี่ปฏิเสธไอศกรีมหลากรส ทั้งๆที่ก่อนออกมายังรบเร้าให้เขาซื้อขนมให้หนึ่งถุงอยู่เลย
"เอางั้นหรอ"
"เราค่อยไปกินหลังจากวัดชุดก็ได้ค่ะ" แฮร์รี่มุ่งมั่น "เผื่อลุงลูเซียสจะเลี้ยงด้วย!!"
สเนปหลุดหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ เขางอนิ้วเคาะลงไปบนหน้าผากอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา จนไม่แม้แต่เจ็บเสียด้วยซ้ำ " หลักแหลมนัก"
"เดรโกกก" ร่างของเด็กสาวลอยลิ่วดันประตูร้านเข้าไปทันที
เสียงกระดิ่งดังอย่างเชื่องช้าก้องกังวาลอย่างไพเราะ พร้อมกับร่างของเด็กสาวที่ส่งยิ้มอย่างสดใส วิ่งตรงมาที่พวกเขา เรือนผมสีน้ำตาลเข้มสะบัดเล็กน้อยพริ้วไปตามแรงลมจางๆจากประตูโชยกลิ่นหอมอ่อนๆที่แสบจมูกเล็กน้อย แต่กลับทำให้เจ้าของชื่อกัดปากแน่นมาก
"แฮร์รี่" เดรโกขานรับอย่างสุขุม-อย่างที่เขาพยายามอย่างมาก- เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตัวแข็งทื่อเมื่อเด็กสาวคนดังกล่าวสวมกอดเขาอย่างแนบแน่น
"คิดถึงจัง!!!!"แฮร์รี่หัวเราะร่า สำหรับแฮร์รี่ที่ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน เดรโกเป็นเพื่อนคนแรกของเธอ นั่นทำให้เดรโกเป็นเพื่อนคนพิเศษ-น้อยกว่าแพนซี่-การมาเจอกันก่อนที่จะคาดไว้ทำให้ความคิดถึงของแฮร์รี่ทวีคูณ และเธอดีใจมากๆ...มากๆ
"..." และชายวัยกลางคนยืนมองด้วยสายตาราวกับโลกทั้งใบกำลังถล่ม
"...อือ... คิดถึงเหมือนกัน" ใบหูเดรโกแดงขึ้นเล็กน้อย และเนื่องจากผิวของเขาขาว มันจึงชัดเจนมาก แม้จะแดงขึ้นแค่เล็กน้อยก็ตาม
แบบนี้นับว่าเป็นแฟนกันได้ยัง
เดรโกยิ้มราวกับคนโง่ และเริ่มอยู่ในโลกแห่งจินตนาการของเขา
"คุณลุงลูเซียสคะ " แฮร์รี่ผละออกจากเพื่อนชายของเธอ แล้วกวักมือเรียกให้ชายที่ยืนหม่นหมองข้างๆให้ย่อตัวลงมาหาเธอ
ลูเซียสเลิกคิ้ว เขาย่อตัวลงตามที่อีกฝ่ายต้องการ ก่อนจะนิ่งไปเมื่อเด็กสาวคนนั้นกอดเขาอย่างที่เธอทำกับลูกชายเขา
"คิดถึงนะคะ!!"
สเนปมีสีหน้าราวกับกำลังจะฆ่าคนคาร้านตัดเสื้อนี่ล่ะ เขามั่นใจว่าเขาร่ายคาถาเซกตัมเซมปร้าได้สามครั้งก่อนอีกฝ่ายจะสวนอะไรมา
โชคดีที่การปรากฏตัวของมาดามมัลกิ้นหยุดโศกนาฏกรรมและหนทางสู่อัซคาบัน...ในทุกความหมาย ได้ทัน เธอเรียกเดรโกไปวัดตัวก่อน เพราะสำหรับแฮร์รี่แล้ว เธอมีหลายอย่างที่ต้องวัดเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้หญิง
"...จะว่าไป...ตอนที่มาบ้านฉันครั้งแรก เธอเรียกฉันว่าอานี่...ใช่ไหม?" ลูเซียสชวนคุย เมื่อเห็นแฮร์รี่นั่งอย่างไม่มีอะไรทำ
"ค่ะ!..แต่ศาสตราจารย์สเนปบอกว่า คุณลุงแก่กว่าพ่อกับแม่ เลยเป็นคุณลุงค่ะ!" แฮร์รี่ตอบอย่างฉะฉาน
"แต่เธอเรียกภรรยาฉันว่า...น้า?"ลูเซียสเอ่ยความสงสัยขึ้นมา เพราะถ้านับจริงๆนาร์ซิสซ่าภรรยาของเขาต้องเป็นป้าของอีกฝ่ายเช่นกัน
"เพราะน้าซิสซ่าร์บอกว่าให้เรียกว่าน้าค่ะ!!...ผู้หญิงมีอภิสิทธิ์ในการลดอายุนะคะ!" แฮร์รี่ส่งยิ้มอย่างขี้เล่นให้ ทำให้ชายสองคนหัวใจจะวาย
ดอกไม้บาน ดอกไม้บานเต็มไปหมดแล้ว
"..แล้ว...เซเว-....ศาสตราจารย์สเนปกับลุงลูเซียสอยู่ปีเดียวกันหรอคะ?...แต่ศาสตราจารย์สเนปเข้าเรียนปีเดียวกับแม่.." แฮร์รี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ตอนฉันเข้าปีหนึ่ง หมอนี่ก็เป็นพรีเฟคแล้ว" สเนปพยักพเยิดไปทางชายหัวเหม่งข้างๆ ลูเซียสเชิดหน้าเล็กน้อยแล้วสะบัดผมของเขาอย่างภาคภูมิใจ
"ฉันเป็นพี่นาย จริงๆนายควรเคารพฉันนะ" ลูเซียสเลิกคิ้วใส่สเนป แล้วยิ้มมุมปาก
"ไม่ล่ะ" แน่นอนล่ะ เขาตอบแบบแทบไม่คิดเลย
"มิสพอตเตอร์ ตาของเธอแล้ว มาเร็วเถอะ มีหลายอย่างต้องวัดเลยทีเดียวล่ะ"
"ค่าาาา"
"ยังคิดว่าเด็กคนนั้นจะเป็นจ้าวแห่งศาสตร์มืดได้หรอ?" สเนปหันไปมองลูเซียส อีกฝ่ายไม่แสดงสีหน้าอะไร
"เธอจะปลอดภัยถ้าผู้เสพตายยังคิดแบบนั้น" ผู้นำตระกูลตอบอย่างเป็นกลาง แม้ในใจของเขาจะปฏิเสธเสียงดังเพียงใดก็ตาม เขาเคาะไม้เท้าเบาๆ "เธอจะปลอดภัย...ถ้าเป็นพวกเดียวกับท่านผู้นั้น"
" ฉันจะปกป้องเธอไม่ว่ายังไง" สเนปนั่งลงที่นั่งรออย่างผ่อนคลาย เขาจะปกป้องเธออย่างสุดความสามารถและไม่ลังเลแม้แต่น้อย
"นายปกป้องเธอตลอดไปไม่ได้หรอกเซเวอรัส...ไม่ว่าจะเป็นทางกาย หรือทางใจ" ลูเซียสกล่าวข้อเท็จจริง "ตอนนี้เธอยังเป็นเด็กน่ารัก...แต่วันนึงเธอจะโบยบินออกไปอย่างอิสระ...และนายจะตามไปปกป้องเธอไม่ทันหรอก"
"...." สเนปเงียบ...นั่นเป็นข้อเท็จจริงที่เขาเองก็คิดถึงอยู่หลายครั้งแล้ว " กว่าจะถึงตอนนั้น...ฉันก็จะปกป้องเธอ "
"...เกินศิษย์เกินครูไปแล้วนะ" ลูเซียสยิ้มล้อเล็กน้อย
"ให้ย้อนไหม?" แน่นอนสเนปไม่ยอม อีกฝ่ายหนักกว่าเขาอีกในบางครั้ง
"....เธอสูงขึ้น นายให้เธอกินอะไร?" ลูเซียสเปลี่ยนเรื่อง
"หึ"ศาสตราจารย์ส่งเสียงขันในลำคอเมื่ออีกฝ่ายเถียงเขาไม่ออก "ก็ปกติ...อาหารครบห้าหมู่ ข้าวสามมื้อ แล้วก็ดื่มนม"
"....เดรโกยังไม่สูงเพิ่มขึ้นขนาดนั้นเลย"
"เด็กผู้หญิงวัยนี้ก็สูงไวแบบนี้ล่ะ....ร่างกายก็จะเปลี่ยนไป...หลายๆอย่าง" จริงๆสเนปกังวล ผู้หญิงมีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมากกว่าผู้ชาย ซึ่งถึงแม้เขาจะรู้ทุกอย่าง แต่เพราะเขาเองก็เป็นผู้ชาย ก็ยังลำบากใจที่จะคอยแนะนำอีกฝ่ายทีละขั้น...จริงๆเขาเองก็เขินอายเหมือนกัน....มันคงง่ายถ้าเขามองแฮร์รี่ในฐานะเด็กคนนึง
แต่ล่าสุดแค่แฮร์รี่ชวนเขาอาบน้ำเพราะอยากสัมผัสบรรยากาศอาบน้ำกับพ่อ เขาก็ปฏิเสธและนอนไม่หลับไปทั้งคืนแล้ว
"....ให้เธอมาอยู่บ้านฉันไหม" สเนปจับไม้กายสิทธิ์ด้วยสีหน้าทะมึนทึงเมื่อคิดถึงจุดประสงค์แอบแฝงของอีกฝ่าย "หมายถึง อย่างน้อยบ้านฉันก็มีผู้หญิง.."
"....ฉันจะลองถามแฮร์รี่ดู...เธอก็เริ่มมีหน้าอกแล้วด้วย"
"....."
"....."
ชายวัยกลางคนทั้งสองหน้าขึ้นเรื่อยๆ และหนึ่งในนั้นทำท่าจะควักไม้กายสิทธิ์ออกมาสาปอีกฝ่ายจริงๆ และถ้าไม่ได้อยู่ในที่สาธารณะ คงจะมีการฟาดฟันทั้งฝีปากและฝีมือไปแล้วแน่ๆ แต่เพราะยังอยู่ในร้านตัดเสื้อ ทั้งสองจึงหันหน้าไปคนละทางเพื่อซ่อนสีหน้ากระดากอายแทน
" แล้ว...นาร์ซิสซ่าเป็นยังไงบ้าง " สเนปเริ่มเบี่ยงประเด็น..แต่เหมือนเขาจะไปทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีขึ้นมา สีหน้าของลูเซียสเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดแทบจะในทันที
"แย่ขึ้นมาก...สองปีมานี้อาการทรุดลงหนัก ตอนนี้ฉันไม่อยากให้ออกไปไหนเลย" นาร์ซิสซ่า มัลฟอย หรือคุณนายมัลฟอย เป็นที่รู้กันว่าหลายปีมานี้มีอาการป่วยออดๆแอดๆอยู่บ่อยครั้ง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายเป็น'โรคต้นไม้' เป็นโรคที่มักเกิ้ลก็เป็นกันได้หากสัมผัสถูกวัตถุเวทย์มนตร์ที่ผิดปกติ ความแตกต่างกับผู้วิเศษคือ การงอกของต้นไม้ผู้วิเศษนั้นจะเชื่องช้ากว่า...และอาการจะรุนแรงกว่า
มันเกิดจากกาฝากวิเศษชนิดนึงที่จะถูกปลูกถ่ายเมื่อสัมผัสกับสิ่งมีชีวิต มันเติบโตโดยการกัดกินเลือดเนื้อของร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้นคือ 'เวทย์มนตร์' เหล่าผู้วิเศษนั้นแตกต่างจากมักเกิ้ลเพราะในร่างกายมี 'แกนพลังงาน' ซึ่งพลังเวทย์จะถูกบรรจุลงในนั้น แต่ละคนมีรูปร่างและขนาดของภาชนะต่างกัน ส่งผลให้ความสามารถในเวทย์มนตร์ต่างกัน ซึ่งเหล่าสควิปเองก็มี เพียงแต่เพราะความผิดพลาดทางพันธุกรรม ทำให้ภาชนะนั้นไม่สามารถถ่ายพลังเวทย์ออกมาได้ จึงไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ กาฝากชนิดนี้จะค่อยๆกัดกินภาชนะนั้นไปทีละเล็กน้อย และเมื่อไม่เหลือพลังเวทย์แล้ว ผู้วิเศษก็จะตกอยู่ในห้วงนิทรา จนกว่าพลังเวทย์จะถูกเติมเต็ม..แต่กว่าจะถึงตอนนั้น กาฝากก็กัดกินร่างกายและอวัยวะภายในไปจนหมดแล้ว
ลูเซียสเคยพานาร์ซิสซ่าไปรักษาทุกที่ แม้แต่ในต่างประเทศ หรือเวทย์มนตร์นอกรีตต่างๆ...ทั้งหมดที่ช่วยได้ คือ รักษาไม่ให้เธอหลับไหลไปเพียงเท่านั้น...เมื่อต้นไม้นั้นเติบโตจนกลืนกินอวัยวะภายในแม้แต่ส่วนเดียวไป ก็คงจะไม่พ้นสภาวะช๊อค และเธอก็คงจะจากไป
"ฉันบอกให้ไปผ่าตัด"สเนปแนะนำ นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก่อนหน้านี้
"โอกาสที่จะเอาเชื้อออกไม่หมดมันสูงมาก ต่อให้ตัดขาเธอออกก็ตาม...นาร์ซิสซาเองก็เป็นคนบอก...ว่าเธออยากจะไป แบบที่ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่หายไป"
สเนปเงียบลง เขามองสีหน้าของเพื่อนที่รู้จักกันมาเป็นยี่สิบกว่าปีแล้วก็อดเวทนาไม่ได้
"แฮร์รี่อยากกินไอศกรีม" เขายอมให้แค่ครั้งนี้ สเนปหมายมั่น
"...." ลูเซียสเลิกคิ้วอย่างคิดไม่ถึง ก่อนจะยิ้มจางๆที่มุมปาก " เข้าใจแล้ว"
"สตรอเบอรี่ก็น่าอร่อยนะคะ แต่ตอนนี้อยากกินของหวานๆอย่างช๊อกโกแลต แต่วานิลลาก็หอมมากเลย" แฮร์รี่วิ่งไปมาอยู่หน้าตู้ไอศกรีมตักที่เรียงรายหลายสิบรส ในร้านไอศกรีมของฟลอเรียน ฟังจากประโยคแล้วแน่นอนว่าเธอตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกกินรสไหนดี "นี่รสอะไรคะ เรนโบว์หรอ รสชาติเป็นยังไงคะ"
ลูเซียสมองเด็กสาววิ่งไปมาซ้ายทีขวาทีด้วยความเพลิดเพลิน...ความสดใสของเธอทำให้ทั้งตรอกสว่างสไวกว่าที่เคยเป็นมา
"คุณลุงลูเซียสกินไหมคะ ศาสตราจารย์กินไหมคะ เขาว่ามีรสหวานพิศวงด้วยค่ะ กินไหมคะ?" แฮร์รี่วิ่งมาหาคนจ่ายตังอย่างกระตือรือร้น เธอย่ำเท้ากับพื้นส่งสายตาเป็นประกายสาดแสงใส่ชายผู้อึมครึมทั้งสอง
"ฉันไม่-"
"กินนะคะ! " ไม่ทันที่จะมีใครได้ปฏิเสธแฮร์รี่ก็วิ่งกลับไปที่หน้าตู้อีกครั้ง สเนปกลัวเหลือเกินว่าแฮร์รี่จะกินเยอะเกินไปจนปวดท้อง
"หนึ่งถ้วยเล็กใส่ได้แค่สามรส สี่ถ้วยก็สิบสองรสพอดี..แฮร์รี่แค่อยากจะชิมทุกรส แต่กลัวกินไม่หมดก็เลยมาถามว่าเราจะกินไหม" สเนปอธิบายให้ลูเซียสฟัง ผู้นำตระกูลมัลฟอยร้อง ขานรับรู้ในลำคอ ก่อนจะมองไปยังเด็กทั้งสองคนที่ถือไอติมมาคนละถ้วย
"อันนี้ของลุงค่ะ เป็นรสชาเขียวกับรสชาเย็น แล้วก็รวมเบอรี่ค่ะ มีผลมัลเบอรี่ด้วยค่ะ" แฮร์รี่ยื่นไอศกรีมให้ชายร่างสูงพร้อมบรรยาย " อันนี้ของเซเวอ-..ศาสตราจารย์ค่ะ เป็นรสกาแฟ วานิลลากับรสกล้วยค่ะ"
ของแฮร์รี่เป็นรสหวานพิศวง เรนโบว์ กับรสสตรอเบอรี่ ส่วนเดรโกเป็นรสเลือด ช๊อกโกแลต และฟักทอง แฮร์รี่ตื่นเต้นมากเพราะร้านไอศกรีมของฟลอเรียนจะเปลี่ยนรสในทุกๆวัน และเธอโชคดีที่มาเจอในวันที่มีรสหวานพิศวง เขาว่ากันว่ามันจะเปลี่ยนรสไปในทุกคำที่กิน เดรโกโชคดีเช่นกัน เพราะพักหลังๆมาเขาชอบกินอมยิ้มรสเลือดมากเป็นพิเศษ การได้ลองชิมมันในขนมอื่นๆเป็นเรื่องที่เขาคิดว่าท้าทายทีเดียว
"นี่ค่ะ อ้าาา" แฮร์รี่บริการตักรสสตรอเบอรี่ป้อนให้กับลูเซียส เธอเขย่งสุดขา จนลูเซียสโค้งตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่องับไอศกรีมจากช้อนของเธอ และทันทีที่แฮร์รี่เห็นมันหายเข้าไปในปากอีกฝ่ายแล้วเธอก็ถามในทันที "อร่อยไหมคะ?"
"อืม..ก็ไอศกรีม " ลูเซียสพยักหน้า เขาไม่ค่อยจะสันทัดเรื่องของหวานสักเท่าไหร่นัก แต่การที่ได้กินไอศกรีมที่แฮร์รี่เป็นคนป้อน บอกเลยว่ามันหวาน..หวานมากจริงๆ
"อ้าาา" แฮร์รี่อ้าปาก พร้อมกับหลับตา ลูเซียสเข้าใจในทันที เขาตักรสชาเขียวที่อยู่บนสุด เนื้อไอศกรีมค่อนข้างเหนียวเล็กน้อยจนเขาต้องปาดกับขอบถ้วย เมื่อคิดว่ามันพอดีคำแล้ว เขาก็ป้อนให้เด็กสาวอย่างถนุถนอม...และไม่ลืมที่จะมองริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้นขยับไปมาด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบในอก
"ศาสตราจารย์คะ! อ้ามมม"
และเมื่อแฮร์รี่ได้ชิมทุกรสจนสาแก่ใจแล้วนั้น เธอก็ตัดสินใจว่าเธอชอบรสหวานพิศวงที่สุด และรู้สึกทึ่งกับไอศกรีมรสเลือดที่มันอร่อยกว่าที่เธอคิดหลายเท่านัก มันมีความหวาน และกินก็ไม่ค่อยคาวนัก แต่ก็ยังมีความรู้สึกคล้ายกับเลือดอยู่หน่อยๆ กลับกันเธอรู้สึกหอมอย่างน่าทึ่ง มันน่าอัศจรรย์มาก ส่วนรสหวานพิศวง รสหวานเปลี่ยนไปในทุกคำที่เธอกิน บางครั้งก็หวานเปรี้ยวเหมือนมะนาว บางครั้งก็หวานละมุนแบบวานิลลา หรือจะหวานจางๆปนขมเล็กน้อยแบบชาเขียว แต่เธอชอบมันมากจริงๆ
และใช่ เธอได้รสหวานพิศวงกลับบ้านมากล่องนึง
"ศาสตราจารย์คะ..คือ...หนูอยากไปที่ๆนึงก่อนกลับน่ะค่ะ " แฮร์รี่เงยหน้ามองผู้ปกครองจำเป็นของเธอให้หยุดเดิน ลูเซียสกับเดรโกจึงชะงักตาม
" เอาสิ " สเนปไม่ถามอะไรเพิ่มเติม ถ้าเป็นอะไรที่ซื้อไม่ได้เขาก็พอยั้งทันอยู่แล้ว
แฮร์รี่เหล่ไปมองครอบครัวมัลฟอย ก่อนจะมีสีหน้าลำบากใจ เจือด้วยความกระดากอายเล็กน้อย ใบหน้าของเธอขึ้นสีอ่อนๆ และนั่นน่าดูมากทีเดียว
"ยังไงก็..เดี๋ยวฉันกลับก่อนแล้วกัน " ลูเซียสรับรู้ได้ถึงความอึดอัดนั้น เขาจึงถอนตัวก่อน ยังไงซะวันนี้เขาก็ได้กำไรอย่างมหาศาลแล้ว..ในทุกๆแง่ "แล้วเจอกันนะแฮร์รี่"
"แล้วเจอกันค่ะลุงลูเซียส แล้วเจอกันนะเดรก" แฮร์รี่โบกมือ
"แล้วเจอกันนะแฮร์รี่ อย่าลืมส่งจดหมายมานะ" เดรโกโบกมือหยอยๆขณะที่โดนพ่อลากออกห่างไปเรื่อยๆ แฮร์รี่หันกลับมาหาศาสตราจารย์ปรุงยาที่กอดอกมองอยู่...จริงๆเธอก็อายที่จะให้เขาเป็นคนพาไป แต่เธอไม่สามารถไปคนเดียวได้จริงๆ...ไม่ใช่ในขณะที่เธอไม่มีเงินปอนด์ติดตัวเลย
"แล้วจะไปไหนล่ะ" สเนปเลิกคิ้ว
"ไปที่ศูนย์การค้าได้ไหมคะ ระหว่างทางกลับ" แฮร์รี่ก้มงุดๆ เธอขยำเสื้อเล็กน้อยอย่างประหม่า เธอไม่กล้าพูดออกมาชัดๆว่าเธอต้องการจะซื้ออะไร...ไปใช่กลางผู้คนแบบนี้
"..."
"...." อา...สเนปเข้าใจแล้วว่าทำไมแฮร์รี่ถึงมีสีหน้าแบบนั้น จริงอยู่ที่แฮร์รี่ไม่ได้บอกอะไรเขา และก็ไม่ได้พาเขาไปที่ร้าน อีกฝ่ายเพียงแค่ของแลกเงินกับเขาจำนวนนึง แล้วหายเข้าไปในโซนเสื้อผ้า ให้เขารออยู่ไม่ไกลกันนัก ตอนแรกสเนปไม่อยากให้ไปคนเดียว ยังไงซะเธอก็เป็นเพียงเด็กอายุสิบสอง แต่พอเห็นโซนที่แฮร์รี่วิ่งไปแล้ว
เขายืนรออยู่เฉยๆจะดีกว่า
จะให้เขาเข้าไปยืนท่ามกลางผู้หญิงแบบนั้น...เขาเองนี่ล่ะที่จะทนไม่ได้และหนีออกมาด้วยความอับอายซะก่อน
พอมาคิดดูแล้ว อีกไม่กี่ปีแฮร์รี่ก็จะโตเป็นสาวแล้ว และยิ่งวัยนี้ก็เริ่มที่จะสนใจในเพศตรงข้าม ที่ผ่านมาแฮร์รี่อาจจะไม่ได้คิดมากเรื่องการอยู่กลุ่มเดียวกับมัลฟอย หรือซาบินี่ แต่พอโตขึ้น ขอบเขตของการอยู่ร่วมกันก็จะแคบลง ทั้งเรื่องของการถึงเนื้อถึงตัว บทสนทนา ไหนจะอารมณ์ที่อ่อนไหวต่างๆ
ให้ตาย เขาต้องอกแตกตายแน่ถ้าแฮร์รี่มี...แ..ฟ..น..ขึ้นมา
ลองเพิ่มบทลงโทษระหว่างกักบริเวณด้วยดีไหมนะ
"ศาสตราจารย์คะ เงินทอนค่ะ" แฮร์รี่กลับมาพร้อมกับถุงกระดาษใบนึง และเงินทอนในมือขวา สเนปรับมาใส่กระเป๋าก่อนที่จะมองเด็กสาวเงียบๆ
"แฮร์รี่" เขาย่อตัวลงเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่จริงจัง "ผู้ชายทุกคนคือหมาป่าเข้าใจไหม!"
"คะ?!"
ความคิดเห็น