ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter เด็กสาวผู้รอดชีวิต

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 : แฮร์รี่ พอตเตอร์

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 63


    แฮร์รี่ พอตเตอร์

     

    เช้าวันนึงอันสงบสุขในบ้านเดอร์สลี่ย์ ร่างเล็กกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้ มือนึงถือตะหลิว อีกมือถือกระทะ ท่ามกลางกลิ่นแดดโชยอ่อนๆกับความเย็นจางๆที่ปะทะผิว

    "เช้านี้มีอะไรแฮร์รี่"เสียงแหลมเล็กของป้าเพ็ตทูเนียเอ่ยขึ้นหลังจากเธอเดินเข้ามาในห้องครัวในสภาพของคุณนาย เด็กสาวหันไปหาญาติที่เหลือเพียงครอบครัวเดียวของเธอแล้วส่งยิ้มให้อย่างสดใส

    "อรุณสวัสดิ์ค่ะป้าเพ็ตทูเนีย วันนี้มีอเมริกันเบรคฟาสต์ค่ะ"แฮร์รี่ตอบพลางตักไข่ใส่จานให้เรียบร้อยสวยงาม เพ็ตทูเนียพยักหน้าก่อนจะหมุนตัวขึ้นไปปลุกสามีและลูก

    "อ่ะ ป้าเพ็ตทูเนียคะ"แฮร์รี่เรียกเธอเอาไว้ก่อน "เมื่อเช้าคุณหมอสเตรนจ์โทรมาบอกว่า จะมีนัดฉุกเฉินอีกสามวันข้างหน้า ให้ลุงเวอร์นอนลดน้ำตาลลงครึ่งนึงในชีวิตประจำวัน ห้ามกินโดนัทค่ะ"

    "แล้วเขาได้บอกอะไรอีกไหม?"

    "ถ้าน้ำตาลในเลือดสูงกว่าเกณฑ์จะถูกกักตัวไว้ที่โรงพยาบาลค่ะ"

    "งั้นกาแฟใส่น้ำตาลก้อนเดียวไม่ต้องใส่นมหรือน้ำผึ้ง และอย่าขโมยของวันนี้วันเกิดดัดลีย์ทุกอย่างต้องเพอร์เฟคเข้าใจไหม"เพ็ตทูเนียเชิดคางขึ้นเล็กน้อยอย่างเย่อหยิ่ง

    "เข้าใจแล้วค่ะ ป้าเพ็ตทูเนีย"แฮร์รี่ตอบอย่างนอบน้อม

    "ฮื่อ...ดี...นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เธอทำเป็น"พูดจบร่างผอมแห้งของเพ็ตทูเนียก็หายไปจากห้องรับแขก แฮร์รี่ก้มมองจานอาหารเช้าสามอย่างบนโต๊ะแล้วถอนหายใจ

    "เอาไปอุ่นหน่อยดีกว่า"

    แฮร์รี่เรียนรู้ที่จะดูแลคนตั้งแต่เธอ 5 ขวบ ป้าเพ็ตทูเนียและลุงเวอร์นอนดูแลดัดลีย์เป็นอย่างดีดังนั้นแฮร์รี่จึงพยายามทำตาม แม้ตอนแรกจะทุลักทุเลจนถูกฟาดหรืออดข้าวก็ตามที แต่แฮร์รี่พยายามมาเรื่อยๆอย่างไม่ยอมแพ้ เธอกระหายที่จะพิสูจน์ตนเอง ป้าเพ็ตทูเนียยอมให้เธอเข้าครัวตอนเจ็ดขวบ และแฮร์รี่มั่นใจ เธอทำอาหารอร่อยที่สุดในบ้าน แฮร์รี่ไม่รู้ว่าต้องทำไปอีกถึงเมื่อไหร่แต่อย่างน้อยเธอก็ได้รับการตอบแทนเป็นชุดน่ารักๆที่ถ้าซื้อคู่กับดัดลีย์จะลดราคาลงครึ่งนึงในทุกๆครึ่งปี ซึ่งเธอและดัดลีย์เห็นพ้องตรงกันว่ามันน่ารัก และปล่อยให้มันคงสภาพในตู้จะดีกว่า

    ดัดลีย์ยังคงเป็นเจ้าอ้วนหน้าเอ๋อตั้งแต่เล็กจนโต และจะเป็นต่อไป เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกหนึ่งอย่างภายในบ้านหลังนี้ แฮร์รี่ชงกาแฟเมื่อได้ยินเสียงลุงเวอร์นอนออกจากห้องน้ำ พร้อมกันนั้นเธอก็นำจานอาหารทุกอย่างไปวางอย่างเรียบร้อย

    "วันนี้เป็นอะไรแฮร์รี่"เสียงเข้มตันของลุงเวอร์นอนดังขึ้นที่หน้าประตู

    "อรุณสวัสดิ์ค่ะลุงเวอร์นอน อเมริกันเบรคฟาสต์กับกาแฟลดน้ำตาลครึ่งนึงตามที่หมอเสตรนจ์สั่งค่ะ"ชายอ้วนท้วมนั่งลงบนเก้าอี้แล้วรับกาแฟกับหนังสือพิมพ์จากแฮร์รี่แล้วเพงิดเพลินกับบรรยากาศยามเช้า

    "แฮร์รี่!!วันนี้มีอะไร!!"เสียงโหวกเหงกของดัดลีย์ดังขึ้นลุงเวอร์นอนรีบส่งซิกให้เธอก่อนจะหันไปนับกล่องของขวัญ

    "วันอาทิตย์?"แฮร์รี่เอ่ยถามหน้าตาใสซื่อขณะเดินย้อนไปที่ห้องใต้หลังคาของเธอ

    "ไม่ใช่"และตามคาดดัดลีย์ยืนค้ำประตูห้องเธอ

    "วันหยุดไปรษณีย์?"

    "ไม่ถูก"

    "วันไข่กับวันเบคอน"

    "ไม่ใกล้เคียงเลยแฮร์รี่!!ยัยโง่!!"แฮร์รี่หัวเราะเมื่อดัดลีย์ดูโมโหได้ที่แล้ว เธอยื่นถุงกระดาษผูกโบว์ให้ลูกพี่ลูกน้องตัวอ้วน

    "แฮปปี้เบิร์ธเดย์พี่ชาย"แฮร์รี่มีเงินไม่มากนักเธอได้มันมาจากการช่วยงานของมิสซิสฟิกส์เวลาที่ป้าเพ็ตทูเนียนำเธอไปฝากไว้เพราะจะไปเที่ยวกับตามภาษา'ครอบครัว' ปีที่แล้วเธอได้ไปบ่อย เลยมีเงินพอซื้อลูกกวาดและช๊อกโกแลตใส่กล่องขนาดพอดีมือห่อของขวัญให้ดัดลีย์ แต่ปีนี้เธอคิดว่ามันคงไม่เยอะพอถ้าเอาเงินเก็บของเธอซื้อ ล่าสุดโชคดีก่อนวันเกิดดัดลีย์ลุงเวอร์นอนพาเธอไปซื้อของด้วยเพราะเธอสามารถทำให้ของราคาแพงถูกลงได้จากการพูดคุยแค่สองนาที

    แฮร์รี่เลยมีโอกาสได้ซื้อสร้องข้อมือหนัง ที่มีสลักเงิน เสียแต่เธอมีเวลาไม่พอมี่จะตกแต่งมันมากนั้น ทั้งหมดทั้งมวลเธอเลยได้แต่ใส่ตัวอักษร D.D แทน ดัดลีย์ เดอสลีย์ไป นั่นเป็นของที่อยู่ภายในห่อ...และตอนนี้มันกำลังทำให้แฮร์รี่หน้าเสีย

     

    "ปีที่แล้วมันใหญ่กว่านี้นี่!!!"ดัดลีย์รับมาพลางโวยวายอย่างเอาแต่ใจ

    "ใครบอกนี่ของขวัญ ของขวัญวันเกิดจากฉันอยู่บนโต๊ะกินข้าวดัดลีย์"แฮร์รี่หัวเราะเมื่อดัดลีย์รีบวิ่งเข้าห้องครัวไปแม้จะพลักจนเธอล้มกระแทกกับประตูก็ตาม

    "มันเจ็บนะดัดลีย์"แฮร์รี่พึมพำเบาๆแล้วกำแขนที่กระแทกกับประตูแน่น ด้วยรอยยิ้มที่ค้างบนริมฝีปาก

    "วันนี้ล้างห้องน้ำด้วยนะแฮร์รี่! ให้เสร็จก่อนฉันจะกลับมาจากสวนสัตว์!!"

    "ค่ะป้าเพ็ตทูเนีย"แฮร์รี่ยิ้มหวานส่งให้รับคำ แม้จะไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าทำไมเธอจึงไม่ได้ไปสวนสัตว์ด้วย แต่ไม่เป็นไร

    เธอไม่เป็นไร






     

     

    แต่เธอไม่คิดว่านี่จะใช้คำว่า'ไม่เป็นไร'ได้

    "แฮร์รี่? ฉันไม่ได้มาเร็วไปปีหรือสองปีใช่ไหม? เธอเอ่อ...ตัวเล็กกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลย"เด็กสาวตัวแข็งทื่ออยู่ข้างเตาผิง เธอมองไปยังปืนของลุงเวอร์นอนที่งอชี้ขึ้นฟ้าแล้วเกร็งเขม็ง

    "มีคนฝากของขวัญมาให้เธอเต็มเลย แต่เราคงต้องเปิดมันหลังจากนี้"ชายร่างใหญ่ยักษ์ทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ก่อนจะจุดไฟจากปลายร่ม

    แฮร์รี่เกือบเป็นลม

    "ขอโทษนะคะ คุณคือใคร"เด็กสาวกลั้นใจถามออกไป

    "โอ้ โทษที เราเคยเจอกันแล้วแต่ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก แฮกริด รูเบอัส แฮกริด ผู้รักษากุญแจและแผ่นดินฮอกวอตส์"ชายร่างใหญ่ยื่นมือให้เธอเชคแฮนด์

    "ผู้รักษากุญแจและแผ่นดิน..อะไรนะคะ?"

    "ฮอกวอตส์ เธอไม่สงสัยรึไงว่าพ่อแม่เธอเรียนมาจากไหน?"เขาพูดบ้าอะไรเนี่ย

    "เรียน?"

    "เวทย์มนต์ ที่รัก เธอเป็นแม่มด"

    "เหลวไหล!!!! ฉันจะไม่มีวันเสียตังให้กับการเรียนมายากลงี่เง่า!!! เพ็ตทูเนียมาพาแฮร์รี่ไป"ลุงเวอร์นอนโกรธจนใบหน้าของเขาแดงเถือก

    "ฉันจะไม่ยอมเสียใครให้เวทย์มนต์งี่เง่านั่นอีกแล้ว น้องสาวฉันก็เพ่งอยู่กับมันจนระเบิดตายไปแล้วคนนึง ฉันจะไม่ยอมอีก..เป็นอันขาด!!!"เพ็ตทูเนียดึงแฮร์รี่ให้เข้ามาใกล้ๆแต่เด็กสาวสะบัดออก

    "ระเบิด?? แต่ป้าบอกหนูว่าพ่อกับแม่ถูกรถชน!!!"แฮร์รี่ตะโกนคอแทบแตก เธอช๊อกมาก มากจนเรียบเรียงไม่ถูก

    "รถชน?! รถชนเนี่ยนะฆ่าลิลี่กับเจมส์?!"แฮกริดร้องถามอย่างหงุดหงิด

    "มันเป็นทางออกที่ดีที่สุด ดีกว่าบอกว่าตายเพราะสงครามประหลาดกับไอ้แก่งี่เง่า"เพ็ตทูเนียเชิดหน้าอีกครั้งอย่าถือตัว

    "อย่า...ได้ดูถูกอัลบัส ดัมเบิลดอร์..ต่อหน้าฉัน"แฮร์กริดยกร่มชี้หน้าสองสามีภรรยา ก่อนจะมองไปทางดัดลีย์แล้วเสกหางหมูใส่ จนเจ้าตัวกรีดร้องวิ่งขึ้นชั้นสองจนพ่อและแม่ต้องวิ่งตามไป

    "ถึงเรื่องของเราล่ะ จะไปกันรึยัง?"แฮกริดหันมาหาแฮร์รี่ ที่พยายามอย่างยิ่งในการกลั้นหัวเราะ

    "ไป?...ไปไหนคะ??"

    "....หรือว่าเธออยากอยู่ที่นี่ต่อล่ะ ก็ได้นะ"

    แฮร์รี่วิ่งตามแทบจะทันที



     



     

    "ตอนนี้เรามี หม้อใหญ่เบอร์หนึ่งสองใบจากศาสตราจารย์ตัวย่อเอส หนังสือครบจากศาสตราจารย์ตัวย่อเอ็ม เสื้อผ้าน่ารักๆสุดยอดจากมาดามพรอมพรีย์และเอ่อ...ฉันจะไม่พูดจากมาดามพรอมพรีย์เช่นกัน เราถอนเงินมาแล้ว ไม่กายสิทธ์พร้อม ผ้าคลุมมี ชุดนักเรียนอยู่ไหน?"แฮกริดถาม

    "ในกระเป๋าค่ะ"แฮร์รี่ตอบ และเธอคิดว่าแฮกริดกำลังทำท่าเป็นคุณแม่จี้จุกจิกอย่างเห็นได้ชัด

    "โอเค งั้น ของครบแล้วนะ ฉันต้องไปแล้ว เฮดวิกดูแลแฮร์รี่ดีๆรู้ไหม"แฮกริดฝากฝังนกฮูก มันร้องขานรับจนแฮร์รี่เคาะจงอยปากมันอย่างหมั่นเขี้ยว

    แฮร์รี่หยิบตั๋วขึ้นมาดูก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นตัวเลขบนกระดาษ

    "แฮกริด มันเขียนว่าชานชลา 9เศษ3ส่วน4 แต่มันไม่มีชานชลาเก้าเศ-..."แฮร์รี่ชะงักไปเมื่อเงยหน้ามาแล้วไม่พบใคร เธอก้มลงมองตั๋วในมืออีกครั้ง ก่อนจะเข็นรถไปที่ชานชลา

    "มักเกิ้ลเยอะจริงๆเลย" มักเกิ้ล? แฮร์รี่หันไปตามเสียง ก่อนจะเจอครอบครัวหัวแดงกลุ่มนึง เด็กสาวยังชั่งใจอยู่เพียงครู่นึงว่ากลุ่มคนตรงหน้าใช่ประเภทที่คุยด้วยได้หรือไม่ ร่างของหัวแดงคนนึงกับรถเข็นของเขาก็หายไปในกำแพง มวลบางอย่างก็ตีขึ้นท้องเธอจนเวียนหัว

    "ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ"แฮร์รี่พึมพำ ก่อนจะเข็นรถตามไปในที่สุด

    แฮร์รี่นิ่งไปเมื่อพ้นขอบกำแพงมา เธออดไม่ได้ที่ร้อง 'ว้าว' ขึ้นมาเบาๆ แตกต่างจากรถไฟฟ้าในอีกฟากของกำแพง รถไฟของที่นี่ยังคงมีกลิ่นอายของกำมถันและถ่านหิน ซึ่งแฮร์รี่ยังสงสัยว่ามันใช้ถ่านหินรึเปล่าอยู่ มีเด็กๆมากมายอยู่ที่นี่ และกว่าครึ่งแต่งตัวประหลาดๆ อย่างพวกเสื้อคลุมหนังสัตว์หรืออะไรที่มันสีฉูดฉาด แฮร์รี่เคยเห็นนานๆครั้งแถวร้านไอศกรีมร้านโปรดของดัดลีย์ พวกเขามักจะซื้อไอติมถ้วยใหญ่ให้เธอ แล้วยืนงงกับแบงค์สิบดอลในมือเกือบครึ่งชั่วโมง

    ปึก

    แฮร์รี่เริ่มคิดแล้วว่าเธอควรจะดื่มนมให้มากกว่านี้สองเท่าพอๆกับขนมปังสามมื้อ มันคงดูน่าสมเพซมากที่เด็กสาวผู้พิชิตจอมมาร ยืนเงยหน้าจนแทบจะสุดคอมองชั้นวางของสลับกับกระเป๋าที่เธอไม่มีปัญญาจะวางมันขึ้นไป

    ลองปีนเก้าอี้ดูละกัน

    สุดท้ายแฮร์รี่ก็ตัดสินใจยกกระเป๋าขึ้นไปวางบนเก้าอี้ก่อนแล้วยืนบนเก้าอี้ตาม และชื้นใจหน่อยๆที่อย่างน้อยๆเธอก็แตะชั้นวางของถึง ก่อนจะยกกระเป๋าเสื้อผ้าที่มาดามพรอมพรีย์จัดให้ขึ้นไปไว้บนชั้น-..ติดก็ตรงที่ว่ามาดามพรอมพรีย์คงจะซื้อเสื้อผ้าเสริมปูนให้เธอหรืออาจจะเหล็ก มันถึงได้หนักขนาดนี้

    วูบนึงแฮร์รี่มีความคิดอยากจะเล่นกล้ามขึ้นมา

    "เอาหน่อยแฮร์รี่ ไม่มีอะไรหนักไปกว่ากระเป๋าขนมของดัดลีย์อีกแล้ว ไม่มี เอาล่ะ....ฮึ๊บ!"แฮร์รี่ยกกระเป๋าขึ้น เพื่อที่จะยกมันไปวางให้ได้ แต่ก่อนที่ขอบกระเป๋าจะแตะราวเหล็กโลกของเธอก็หมุนวูบ

    "กรี๊ดด!!"

    โครม

    ตุบ

    "อูยย"แฮร์รี่มึนไปวูบนึง เธอรีบยันตัวขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเบาะกันกระแทกร้องโอดโอยด้วยเสียงทุ้มต่ำ

    "ข..ขอโทษค่ะ! เป็นอะไรมากไหมคะ?!"แฮร์รี่รีบลุกออกจากตัวอีกฝ่ายแล้วถามอย่างเป็นห่วง

    "ไม่ต้องห่วงสาวน้อยจอร์จแค่ร้องเพราะขาขัดกับประตู"เสียงชายอีกคนดังขึ้น แฮร์รี่มองแล้วทำความเข้าใจว่าพวกเขาคือฝาแฝด

    "บางทีเธออาจอยากให้ช่วย"จอร์จยันตัวลุกขึ้นช้าๆ

    "มีอะไรให้ช่วยไหม? x2"ทั้งสองพูดพร้อมกัน...และในที่สุดเธอก็เอากระเป๋าขึ้นไปวางบนชั้นได้

    แฮร์รี่ได้รับการแนะนำตัวว่าอีกฝ่ายคือเฟร็ดและจอร์จ วิสลีย์ พวกเขาดูตื่นเต้นมากที่รู้ว่าเธอคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้โด่งดั่งบนหน้าหนึ่งเดลี่ย์พรอเฟ็ต หลังจากผ่านการแย่งจับมือกันของสองแฝดแล้วพวกเขาก็บอกเธอเพียงว่า 'แล้วเจอกันที่ฮอกวอตส์' (จอร์จยังแอบถามว่าไม่มีส่วนไหนในร่างกายของเธอหักใช่ไหม "มันเหมือนจะหักได้ไงๆเลย"เขาบอก) ก่อนที่ทั้งสองคนจะกระวีกระวาดไปหานางวิสลี่ย์

    จากนั้นแฮร์รี่ก็ได้นั่งสงบๆในโบกี้รถไฟ และภาวนาว่าอย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

    แล้วรถไฟก็เริ่มเคลื่อนตัว

     

    ห้องอาจารย์ใหญ่,ฮอกวอตส์

    "ปีนี้แฮร์รี่น่าจะมาแล้วนะเซเวอรัส"เสียงชายชราเคราขาวเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ พลางใช้สายตามองอีกฝ่ายแน่นิ่ง

    "ผมทราบครับ"สเนปตอบ เขายังคงยืนอยู่อย่างสงบนิ่ง กุมมือไว้ด้านหลัง และไม่ลืมที่จะเชิดหน้าอย่างเคยชิน

    "เติบโต เป็นเด็กสาวที่น่ารักทีเดียว"ดัมเบิลดอร์ยังคงกล่าวต่อไปอย่างไม่สนใจสีหน้าปานจะจิกเขาด้วยจมูกของศาสตราจารย์ปรุงยา

    "...ผมทราบครับ"เพราะว่าเธอคือลูกสาวลิลี่ สเนปต่อประโยคในใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมตาแก่พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวนี่ถึงได้ใช้ฟ๊อกซ์ไปจิกหัวเขาจากคุกใต้ดินให้รีบมาหา เพื่อพล่ามเรื่องไร้สาระนี่ทำไม

    "นึกว่าเธอจะดีใจกว่านี้ซะอีก"ดัมเบิลดอร์ถอนหายใจ

    "จะดีใจมากเลยหากท่าน..จะกรุณาไม่ใช้ฟินิกซ์ไปจิกผมจากห้องส่วนตัวมาพูดเรื่องไร้สาระ....ผมยังมีเอกสารก่อนเรียนที่จะต้องทำ"สเนปพูดอย่างสุขุม และเน้นคำว่าส่วนตัวดังๆ

    "หรอ...แล้วฉันเห็นเป็นใครกันที่นั่งมองเพดานเพราะว่างงานน่ะ"

    "...."

    "เอาเถอะ แค่จะบอกว่า แฮร์รี่น่าเป็นเด็กสาวที่ส่อเค้าความสวยมาแต่เด็ก ชีวิตเจ็ดปีในฮอกวอตส์คงไม่ง่ายนักโดยเฉพาะช่วงวาเลนไทน์กับคริสมาสต์...ช่วยดูแลหน่อยนะ"สเนปมองอาจารย์ใหญ่ด้วยแววตาที่ไม่สื่อความหมาย

    "ครับ ศาสตราจารย์"

    สเนปปิดประตูอย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินลงบันไดวนอย่างไม่รีนร้อน ทุกจังหวะก้าวของเขาส่งเสียงสะท้อนทั่วทางเดิน เป็นจังหวะ และไม่เร่งรีบ แต่ก็สังเกตุได้ว่าไม่ยืดยาด เขาไม่หยุดคุยกับศาสตราจารย์ควีเรลเหมือนเคย แต่กลับมุ่งลงไปชั้นใต้ดิน ประตูเก่ากึกบานใหญ่ที่มีรอยเท้าของเขาประทับเป็นอนุสรณ์ปิดลง

    ร่างสูงของชายชุดดำพิงประตูนิ่งงัน ก่อนที่ริมฝีปากจะขยับบิดเป็นรูปประหลาดๆจนต้องยกมือปิด ดวงตาเปล่งประกายจนแทบจะเก็บไม่มิด

    มาแล้ว!!!!!

     

    :27/08/60 แก้คำผิดครั้งที่ 1



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×