ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter เด็กสาวผู้รอดชีวิต

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 : น้ำตา

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 63


    1. ตอนที่ 5 : น้ำตา



    "ทะเลาะกับเดรโกงั้นหรอ?"แฮรืรี่พยักหน้าหงึกหงักยืนยัน แม้เธอจะไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าทำไมศาสตราจารย์ประจำบ้านสลิธีรินถึงจู่ๆมาถามเธอเรื่องนี้

    "เดรโกนิสัยไม่ดีในตอนแรกที่เราทะเลาะกัน...แต่หนูเองก็ทำไม่ถูกด้วยที่เมินเฉยเขาแบบนั้นทั้งๆที่รู้ว่าเขาเอาแต่ใจ"แฮร์รี่ก้มลงมองมือตัวเองขณะที่พูด เธอพลิกมันไปมาราวกับไม่รู้จะเอาตาไปวางไว้ตรงไหน....แน่นอนใครเป็นเธอก็ต้องรู้สึกเหมือนกันว่าไม่รู้จะเอาตาวางไว้ตรงไหน

    แล้วทำไมศาสตราจารย์จอมมืดมนคนนั้นต้องปลดกระดุมเสื้อโชว์แผงอกแน่นๆนั่นตอนคุยกับเธอด้วยล่ะ! ถึงแฮร์รี่จะเป็นเด็กผุ้หญิงและแน่นอนว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับภาพนั้นแต่ก็อดคิดไม่ได้จริงๆว่านี่มันแปลกๆ

    "อ้อ มีปัญหาอะไรก็มาปรึกษาฉันทีหลังได้นะ เข้าเรื่องเลย เรื่องซีกเกอร์น่ะ"สเนปเอ่ยขึ้นเขาเท้าแขนและส่งสายตามาให้เธอ......และแฮร์รี่เริ่มไม่สบายใจและเริ่มคิดว่า เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่ กับเด็ก 11 ขวบ

    "ค่ะ"

    "ตอนแรกฉันรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างเอาแต่ใจไปหน่อย และไม่ได้ถามความเห็นเธอเลย เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้?"สเนปถามเสียงอ่อน แฮร์รี่เม้มปากและคาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนที่ใส่ใจนักเรียนถึงขนาดนี้ เอาจริงๆหรือแฮร์รี่จะดูตื่นเต้นและภาคภูมิใจขนาดไหน แต่เธอเองก็ยังคงกังวล เธอได้ยินที่จอร์จบอก และคำเดียวที่ได้ยินในหัวคือ 'หายหน้าหายตาไปสองสามอาทิตย์' และเธอไม่รู้ควิดดิชเป็นกีฬาประเภทไหน แต่แฮร์รี่อดคิดไม่ได้ว่ามันคงจะเหมือนรักบี้หรือมวยปล้ำ แต่น่าจะเป็นรักบี้มากกว่าเพราะเล่นกันหลายตำแหน่ง เธอย่อมต้องมีหวาดกลัวบ้าง

    "..หนู...หนูไม่ค่อยมั่นใจค่ะ...หนูไม่รู้จักควิดดิช ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ก็เลยกังวล แต่หนูดีใจที่เพื่อนๆเข้ามาชม อาจารย์หรือ...มันน่าตกใจมาก แต่บารอนเลือดชมหนู....หนูกลัวจะทำให้ทุกคนผิดหวัง"สเนปวางมือจากแก้วกาแฟ เขาลุกขึ้นยืนและติดกระดุมเสื้อ ซึ่งทำให้แฮร์รี่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ได้ไม่นานเมื่อถูกสั่ง

    "ลุกขึ้น มีบางอย่างที่เธอต้องดู...ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก"แฮร์รี่แอบมีสีหน้าเบื่อหน่าย นี่เธอต้องวิ่งตามเขาอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย









    "..."แฮร์รี่ยืนนิ่งในไม่กี่นาทีต่อมาอยู่หน้าตู้โชว์ถ้วยรางวัล เธอมองชื่อที่ถูกสลักอยู่บนเหรียญตราสีทองด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่ที่รู้ๆเธอจะร้องไห้

    "ถึงจะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ แต่พ่อเธอเป็นเชสเตอร์ที่เยี่ยมยอด...และมันอยู่ในสายเลือดเธอ"สเนปกล่าว วูบนึงเขามองชื่ออย่างอาฆาตและไม่ชอบเลยที่จะเดินมาตรงนี้  พอเห็นว่าใช้เวลามากพอสมควรแล้ว เขาจึงส่งสัญญาณให้เด็กสาวว่าได้เวลากลับแล้ว

    "ขอ..อยู่อีกนิดไม่ได้หรอคะ?"แฮร์รี่เงยมองศาสตราจารย์ของเธออย่างออดอ้อน และนั่นทำให้สเนปเงียบลง เขาดึงแขนเสื้อที่รุ่มร่ามของตัวเองขึ้นทีละข้างก่อนที่จะ...

    "ว๊าย!! ศาสตราจารย์"แฮร์รี่หวีดร้องขึ้นเมื่อตัวเธอลอยขึ้นจากพื้นและตอนนี้ที่ปรากฏต่อสายตาเธอคือปลายคางของศาสตราจารย์ปรุงยา

    "เธอดื้อเองนะพอตเตอร์"สเนปหัวเราะ และเมินเสียงขอร้องอ้อนวอนให้ปล่อยเธอลงของเด็กสาว ไม่ว่ายังไงใบหน้าตอนที่เกือบจะร้องไห้อยู่แล้วของเด็กสาวก็น่ารักจริงๆนั่นแหล่ะ สเนปแอบถามตัวเองว่าแบบนี้มันดูผิดปกติไหมที่เขาจะอยากเห็นเด็กคนนี้ร้องไห้เพราะเขาไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่ก็ไม่ได้คำตอบ เขาก็เลยตัดสินใจที่จะ 'ช่างมันละกัน' และลองทำตามใจตัวเองดูสักครั้ง

    "หนูจะทำได้แบบพ่อไหมคะ"สเนปชะงักไปเล็กน้อยแต่เขาก็ยังคุมจังหวะการก้าวเดินอย่างสม่ำเสมอ แฮร์รี่เงยหน้ามองเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปและก้มลงมองแผ่นอกอีกฝ่ายเหมือนเดิม แต่นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกอายเพราะระลึกได้ว่าถูกอุ้มอยู่ แฮร์รี่เลยหันเข้าไปมุดกับอกหน้าแทนเพื่อบังทุกๆทรรศนียภาพ ส่วนสเนปกำลังพึงพอใจที่อีกฝ่ายเลิกดิ้นได้สักที

    "ฉันไม่ชอบพ่อเธอ เข้าขั้นเกลียด.....ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนักแต่เธออย่าเหมือนเขาเลยจะดีกว่า"แฮร์รี่นิ่งไป เธอผิดหวังหน่อยๆแต่ก็ตื่นเต้นเมื่อสเนปพูดต่อ "แต่ถ้าเธอเป็นลูกสาวขอลิลลี่เธอจะต้องทำมันออกมาได้ดีแน่ เพราะลิลลี่มักทำทุกอย่างออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือกิจกรรมอื่นๆ เธออ่อนโยน ใจดี มีจิตใจที่บริสุทธิ์เหมือนชื่อของเธอไม่เคยมีอะไรในชีวิตของลิลลี่ที่จะทำให้เธอพบกับความทุกข์ทรมาน...และทันทีที่ฉันเห็นเธอแฮร์รี่.."

    "..."แฮร์รี่เงยขึ้นเมื่อเห็นสเนปเงียบไป และพบว่าเขาก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน สเนปค่อยๆวางเธอลง ในตอนนั้นแฮร์รี่ถึงรู้ว่าตัวเองอยู่หน้าหอนอนแล้ว เธอมองเท้าตัวเองให้แน่ใจว่ายืนบนพื้นมั่นคงแล้วเงยมองศาสตราจารย์ปรุงยาให้ต่อความของเขาให้จบ

    "...."สเนปลูบหน้าของเธอเบาๆ เขามองเข้ามาในตาของเธออยู่นานสองนานก่อนจะพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักหน่วงและแหบพร่า "...เธอคือลูกสาวของลิลลี่"

    แฮร์รี่มองศาสตราจารย์ที่หันหลังเดินออกไปอย่างสับสน เธอไม่ค่อยแน่ใจแต่ราวกับรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายดูเจ็บปวดกับอะไรบางอย่าง และก่อนจะรู้ตัวแฮร์รี่ก็เอ่ยเรียกเขาเอาไว้

    "ศาสตราจารย์คะ"

    "..?"สเนปชะงัก แล้วเขาหันมามองแฮร์รี่ เด็กสาวกำเสื้อคลุมของเธอแน่น  

    "ซีกเกอร์..."สเนปมีสีหน้าคล้ายเข้าใจว่าทำไมเด็กสาวถึงเรียกเขา และยืนนิ่งเพื่อจะรอฟัง และพยักหน้ารับกับคำตอบ"...หนูจะเป็นค่ะ หนูจะไม่ทำให้ศาสตราจารย์ต้องผิดหวัง...และ...ที่พาหนูไปหาพ่อ...ทั้งๆที่คุณไม่อยากไปแท้ๆ..ศาสตราจารย์..เป็นคนที่..อบอุ่นมากเลยค่ะ"

    "..."เอ๊ะ สเนปมีคำนี้ขึ้นในใจ เขาเบิกขึ้นหน่อยๆกับคำนั้น พอๆกับรู้สึกแปลกๆในอก

    "ขอบคุณมากเลยนะคะ!"แฮร์รี่กล่าวจบก็หมุนตัวกลับเข้าไปในหอนอน สเนปยังยืนอยู่ตรงนั้น เขาคอยยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองนิ่งงัน และส่งเสียงครวญครางในลำคอเบาๆเมื่อรู้สึกว่ามันยังไม่หายสักที

    "ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ!!!....อ่าว ศาสตราจารย์ มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะครับ"ฟิลช์ที่กำลังเดินตรวจร้องขึ้น และมีท่าทีผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าเป็นสเนป ก่อนที่เขาจะมีสีหน้าลนลานขึ้น "เป็นอะไรรึเปล่าครับ? ไปห้องพยาบาลไหม? มาดามพรอมพรีย์ยังอยู่ที่นั่น"

    "ฉันไม่เป็นไร"สเนปกล่าวด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิทและหมุนตัวเพื่อกลับห้องทำงาน และเร่งฝีเท้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของอาร์กัสตะโกนไล่หลังมา

    "แต่หน้าคุณแดงมากเลยนะครับ!!!!"









    "เบลส เดรโกอยู่ในห้องรึเปล่า?"แฮร์รี่เอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนชายผิวสีของเดรโกที่กำลังจะกลับห้อง

    "อยู่"กำลังร้องไห้ เบลสกลั้นขำและตัดสินใจว่าไม่บอกเรื่องนี้แก่แฮร์รี่จะดีกว่า อย่างน้อยเขาจะพอช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีในฐานะลูกผู้ชายของเดรโกได้บ้าง "ให้เรียกให้ไหม"

    "...อือ บอกว่าฉันขอเวลาแค่แปปเดียว"แฮร์รี่นั่งลงในห้องรับรอง เวลานี้เด็กส่วนใหญ่ไปอาบน้ำและนั่งเล่นในห้องกันหมดแล้ว จะมีก็แค่รุ่นพี่ไม่กี่คนที่ยังนั่งปรึกษางานกันอยู่ แต่หอนอนของสลิธีรินก็กว้างพอที่แฮร์รี่มั่นใจว่าจะไม่มีใครได้ยินที่พวกเขาคุยกัน

    แฮร์รี่นั่งอยู่ตรงนั้นสักพัก นานพอที่ชามันจะเริ่มเย็นลง และเธอเริ่มจะหงุดหงิดมากด้วย แต่ในที่สุดเดรโกก็มา เขาทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ กอดอก ไขว่ห้าง และมีสีหน้าเชิดหยิ่งตอนที่เขากำลังสูดน้ำมูกและขอบตาก็ดูแดงๆ

    "นายร้องไห้หรอเดรก?"

    "ใครร้อง!!"เดรโกแทบจะเขมือบหัวแฮร์รี่เข้าให้ เด็กสาวหัวเราะเธอเกาท้ายทอย  

    "ขอโทษนะ..ที่ฉันเมินนาย"แฮร์รี่เริ่มพูดก่อน คุณชายมัลฟอยหันมามองเธอก่อนจะพยักหน้า

    "...ฉันก็ขอโทษที่ว่าเธอ"แฮร์รี่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ และคิดได้ว่าอีกฝ่ายคงโดนแพนซี่กับเบลสเทศมาเยอะพอสมควรถึงได้มีคำนี้หลุดออกมาจากปากได้

    "นายขอโทษที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ แต่ไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่นายทำกับเนวิลล์ใช่ไหม?"

    "...."เดรโกเงียบให้เป็นคำตอบ เขามองแฮร์รี่ไม่พูดอะไร แต่เขายืดตัวขึ้นและมองลงต่ำอย่างที่เขาชอบทำ แต่แฮร์รี่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง ในเมื่อเขายังผูกเนกไทสีเขียวนั่นอยู่

    'ฉันคือสลิธีริน'

    "ฉันจะไม่เอาคนอื่นมาทำให้เราทะเลาะกัน...เดรกก็ควรจะทำแบบนั้นด้วยนะ"แฮร์รี่เกลี้ยกล่อม เธอรู้ว่าไม่มีทางที่เดรโกจะเปลี่ยนนิสัยได้เพียงชั่วข้ามคืน ทางเดียวที่จะไม่ให้เุเกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำคือไม่ให้เดรโกหงุดหงิดในเรื่องเดิมอีก

    "เธอพูดถึงอะไร?"

    "เดรกโมโหเพราะฉันไปสนิทกับเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ไม่ใช่หรอ?"แฮร์รี่เอียงคออย่างสงสัย และใช่ นั่นถูก เดรโกจึงได้แต่เงียบ เขานิ่งไปก่อนที่จะเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากันแน่นและแดงเล็กน้อยเมื่อเขาใช้ฟันกัดมัน คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และคล้ายว่าอีกฝ่ายพร้อมจะปล่อยแสงใส่เธอเต็มที

    "แฮร์รี่น่ะ..มีแค่ฉัน...มีแค่ฉันคนเดียวก็พอแล้วนี่"เด็กหนุ่มกำมือแน่นแม้จะเป็นคำพูดที่ฟังดูคล้ายเด็กเอาแต่ใจ แต่มันแฝงความรู้สึกบางอย่างในน้ำเสียง คนที่จะดูแลแฮร์รี่ได้ คนที่จะปกป้อง หรือแกล้งแฮร์รี่ได้ คนที่แฮร์รี่จะเรียกหา คนที่แฮร์รี่จะเล่นด้วย มีแค่เขา แค่เขาก็พอแล้ว เด็กหนุ่มแก้มแดงขึ้นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้น และโล่งใจว่าในที่สุดเขาก็สารภาพออกไปจนได้ เบลสและแพนซี่ที่ต่างก็แอบดูอยู่ก็มีสีหน้าคาดไม่ถึงกับการสารภาพรักอันรวดเร็วนี้ และเบนสายตามาหาแฮร์รี่ในทันที เพื่อดูปฏิกริยาของเด็กสาว

    "เดรโกก็คือเดรโก ฉันไม่มีทางเอาใครมาแทนเดรโกได้อยู่แล้ว"ตอบรับคำสารภาพ?!!! สองคนที่แอบซุ่มอยู่ขนลุกขนชันอย่างตื่นเต้นและคาดไม่ถึง เดรโกมีใบหน้าแดงซ่านและเขาดูทั้งตื่นเต้นและดีใจ


    "งั้นเรา-"


    "ก็เดรโกเป็นเพื่อนคนแรกของฉันเลยนี่นา!!!"

    แฮร์รี่ยิ้มหวานเชื่อมอย่างสดใส ขณะที่เดรโกมีสีหน้าราวกับโลกทั้งโลกพังลงตรงหน้า เขาโงนเงนเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวกับพนักโซฟาแล้วยกมือก่ายหน้าผาก..และหากนี่เป็นการ์ตูนตาหวานก็คงจะเห็นขีดมืดมนสามขีดพร้อมลูกไฟวิญญาณวนอยู่รอบตัวของเขาแล้วแน่ๆ ในขณะที่แพนซี่และเบลสนั้น....

    "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆ โอ๊ย ฮ่าๆๆๆ"ต่างคนต่างกุมท้องขำกันในห้องนอนหลังจากปิดประตูสนิทแล้วกันในทันที คิดไปต่างๆนาๆโดยลืมคิดไปถึงความใสซื่อของแฮร์รี่ ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะซื่อบื้อได้ขนาดนี้


    หลังจากหัวเราะจนพอใจแล้วเบลสก็มองหน้าแพนซี่อย่างครุ่นคิดเลยตัดสินใจเอ่ยถาม

    "เธอ...ไม่เป็นไรหรอ?...ก็เธอชอบเดรโก"แพนซี่ได้ยินคำถามก็ยิ้มออกมาเบาๆ เธอนั่งลงกับพื้นแล้วขยี้ผม

    "เป็นสิ...ไม่ยุติธรรมเลยนะ...มันควรจะเป็นฉันสิ...ก็อยากคิดอย่างนั้นอยู่หรอกนะ" แพนซี่ม้วนปลายผมสั้นๆของเธอเบาๆ ก่อนจะมีสีหน้าอ่อนลงยามที่กล่าว "แต่นั่น แฮร์รี่น่ะ...เลยรู้ว่าสึกว่า 'ช่างมันเถอะ' ขึ้นมาซะได้"

    แพนซี่หัวเราะ เพราะว่าแฮร์รี่มีบรรยากาศบางอย่างไม่เหมือนเด็กผูหญิงคนอื่นที่เข้าหาเดรโก ส่วนใหญ่เข้าหาเขาเพราะตระกูลมัลฟอยเป็นตระกูลผู้บริสุทธิ์ที่เก่าแก่บ้างล่ะ เพราะหน้าตาของเดรโกบ้างล่ะ..แต่แฮร์รี่ไม่ใช่แบบนั้น เธอไม่ได้เข้าหาเดรโก ไม่ได้มองเดรโกจากทรัพย์สมบัติของเขา แต่มองจากการกระทำที่เขาส่งผลต่อเธอ และเป็นเดรโกเองต่างหาก..ที่เข้าหาแฮร์รี่ เบลสนั่งลงข้างๆเธอ แล้วลูบหัวนุ่มๆนั้นเบาๆ เขาดึงเพื่อนสาวเขามากอดเบาๆ แล้วเอ่ยปลอบด้วยถ้อยคำที่ทำให้แพนซี่หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

    "เธอพึ่งอายุ 11 เองนะยัยแก่แดด"


    อายุสิบเอ็ด 11 ปีที่เธอถูกหมายตาเป็นลูกสะใภ้ตระกูลมัลฟอย 8 ปี ที่เธอถูกแม่ชักจูงให้เป็นเพื่อนกับมัลฟอย 6 ปีที่เธอตกหลุมรักเดรโก...และมันจะเป็นอย่างนั้น แพนซี่รู้ดีแก่ใจ 'เดรโกไม่มีวันรักเธอ'

    ยิ่งแพนซี่หัวเราะ เบลสยิ่งกดหัวเธอแนบกับบ่าเล็กๆของตนเองแน่นขึ้น จนรู้สึกได้ถึงความชื้นจางๆบริเวณนั้น และจากนั้นทั้งห้องก็ไม่มีเสียงอะไรอีก นอกจากเสียงหัวเราะเบาๆของแพนซี่

    และเสื้อของเบลสที่เปียกขึ้นเรื่อยๆ

    :27/08/60 แก้คำผิดครั้งที่ 1



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×