คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 19 : Side?
Side?
“เกิดอะไรขึ้นกับไม้กายสิทธิ์ของเขา?” แฮร์รี่ขมวดคิ้วอย่างงุนงง หลังจากที่รอนโดนเพื่อนหามไปหามาดามพรอมพรีย์โดยที่เขาอ้วกเป็นทากไปตลอดทาง แต่แฮร์รี่ไม่ได้ถามด้วยความเป็นห่วง แน่นอนว่าไม่มีทาง ในเมื่อรอนเป็นคนเข้ามาหาเรื่องเฮอร์ไมโอนี่ พูดจาหยาบคายใส่เธอ และลามมาเหน็บแนมแฮร์รี่เรื่องคำทำนายด้วย
“เขาฝ่าฝืนกฏโรงเรียน เขาขี่รถมาโรงเรียนเอง ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่จริงๆแล้วเขาสมควรถูกไล่ออก” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเดือดดาล “ศาสตราจารย์มักกอนนากัลไม่ทำแบบนั้น เหลือเชื่อเลย เธอแค่กักบริเวณ เหมือนว่าสมองอย่างหมอนั่นจะรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกินพายไปกี่ชิ้นจนอ้วกแตก”
เดรโกปิดหูแฮร์รี่ไปตั้งแต่เฮอร์ไมโอนี่หลุดคำหยาบคำแรกออกมา แม้ว่าหลังจากนั้นจะตามมาเป็นพรวน เมื่อแฮร์รี่หันไปหาเขาด้วยความสงสัย เดรโกก็ได้แต่ส่งยิ้มเทพบุตรให้ราวกับว่ามันไม่มีอะไรที่ควรฟัง
“ไม้กายสิทธิ์ของเขาโดนต้นวิลโล่ว์จอมหวด หวดจนหัก” กว่าจะได้คำตอบ แฮร์รี่ต้องถูกปิดหูอยู่เกือบสองนาที
พวกเขาอยู่ระหว่างทางไปรับครูกแชงค์ เจ้าแมวผู้น่าสงสารที่ตอนนี้น่าจะโดนแฮกริดขุนจนอ้วนพีอยู่ที่กระท่อมใกล้ๆป่า โอ้ ใช่แล้ว แฮร์รี่ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ปาราวตี พาติลตอนที่เธอสวมเสื้อคลุมที่ศาสตราจารย์ล๊อกฮาร์ตโยนให้อวดทั่วทางเดิน
เดรโกกับแพนซี่กรีดร้องอย่างรับไม่ได้
รับไม่ได้เรื่องเสื้อคลุมหรอ
รับไม่ได้เรื่องสีหน้าของแฮร์รี่ต่างหาก
เวลาลูกสาวโตเร็วเกินไปมันรู้สึกแบบนี้นี่เอง พวกเขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะสามารถทนฟังคำหยาบคำแรกของแฮร์รี่ได้ไหม พวกเขาเดินออกมานอกตัวอาคาร ไปตามสนามหญ้าที่ทีโอดอร์คอยบอกทุกคนทุกๆสามวินาทีให้เดินระวังๆ เขาไม่อยากกลิ้งลงเนินไปราวกับก้อนอะไรสักอย่าง
และแน่นอนว่าทุกคนวิ่งกรูกันลงไปตามแรงโน้มถ่วง ไม่สนเสียงจู้จี้ของน๊อตแม้แต่น้อย
“เรามาจัดขบวนต้อนรับครูกแชงค์กันดีกว่า”เดรโกกระแอม เขาถกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยแล้วชูไม้กายสิทธ์ไปข้างหน้า ชี้ขึ้นฟ้า ให้ได้ 45 องศาเบลสทำเช่นเดียวกันกับอีกข้างอย่างรับมุก แฮร์รี่หัวเราะชอบใจ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่หนีเข้าไปหาแฮกริดด้วยความอับอาย
“....”
“....”
“....”
“โอเค เราไม่ควรทำแบบนั้น” เดรโกเป็นคนแรกที่เอาไม้ลง เขาปิดหน้าแล้วนั่งยองๆลงด้วยความอับอาย นั่นทำให้แฮร์รี่หัวเราะเสียงใสดังขึ้นกว่าเดิม
“อะไรทำให้นายคิดอะไรปัญญาอ่อนขนาดนั้นออกมากันเดรก” แพนซี่กุมท้องหัวเราะอยู่ข้างๆเพื่อนสาวตัวน้อย
“เฮ้ เราอายุสิบสองนะ บางทีก็อยากลองทำอะไรติ๊งต๊องแบบนั้นบ้าง”เบลสแก้ตัวแทนแล้วนั่งยองๆลูบหลังปลอบคุณหายหัวทองด้วยสีหน้ากลั้นขำสุดชีวิต น๊อตที่เพิ่งวิ่งตามมาถึงก็ได้แต่งง
ก่อนที่เขาจะได้ถามถึงสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ประตูกระท่อมแฮกริดก็เปิดขึ้นอีกครั้งด้วยความร้อนรนของเด็กสาวหัวฟูแห่งบ้านกริฟฟินดอร์
“ครูกแชงก์หายไป!!”
“อะไรนะ!!” แพนซี่ผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ
“มันอาจจะไปตามหาฉันที่ตึกเรียน มันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉันกลัวว่ามันจะไปที่หอนอน ล่าสุดมันโดนปาแก้วใส่ ฉันกลัวว่ามันจะเป็นอันตราย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างร้อนรน เธอพุ่งออกจากกระท่อมและสวนฟักทอง ตรงดิ่งไปทางปราสาทในทันที
“เธอแน่ใจนะว่าเจ้ายักษ์นั่นไม่ได้กินมันเข้าไป?”
“เดรโก!!” แฮร์รี่หันมาตวาดใส่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแล้ววิ่งตามเพื่อนสาวทั้งสองของเธอไป เดรโกยกมือสองข้างขึ้นแล้วขอโทษไปตลอดทาง และโดนเบลสกับทีโอดอร์ตบหัวไปคนละทีแทนคำว่าโง่เง่า
แฮร์รี่ยืนมองหน้าต่างขณะที่เพื่อนๆของเธอร้องเหมียวๆเพื่อเรียกครูกแชงค์ ท้องฟ้าข้างนอกมืดลงแล้ว พวกเธอหาแมวตัวสีส้มนั่นมาตลอดบ่ายแต่ไม่มีวี่แววของมันเลย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่แฮร์รี่กำลังยืนมองหน้าต่างอยู่ในตอนนี้
“พวกนายว่านี่ปกติไหม?” แฮร์รี่หันไปหาเพื่อนๆที่ดูเหนื่อยล้า ทีโอดอร์รู้สึกเหมือนเขาจะมีหางงอกออกมาเสียด้วยซ้ำ เธอชี้ไปที่ขบวนแมงมุมที่ต่อแถวกันออกไปนอกปราสาท
“ฉันเคยเห็นมดทำแบบนี้ แต่ไม่เคยเห็นแมงมุมทำมาก่อน” เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“มันคือแมงมุมอพยพ” แพนซี่บอก สีหน้าเธอดูเคร่งเครียด และสบตากับเดรโกและแฟนหนุ่มของเธอ “มันมักจะอพยพหนีอะไรบางอย่าง..อย่างเช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ..หรือสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว”
“เฮ้ พวก...มาดูนี่สิ”เสียงทีโอดอร์เรียกพวกเขาไปที่โถงทางเดิน น้ำเจิงนองไปทั่ว
“ถ้าไม่มีใครสักคนทำท่อประปาแตกก็คงปีหนึ่งสาดน้ำใส่กันมั้ง” เบลสออกความเห็น คนที่จะเล่นแผลงๆแบบนั้นได้มีแต่ปีหนึ่งที่ไม่รู้จักบทลงโทษเท่านั้นล่ะ
“เอ่อ…” แฮร์รี่เงยมองกำแพงด้วยความตื่นตะลึง ก่อนที่เธอจะได้ส่งเสียงอะไรออกมานั้น เธอก็ต้องรีบไปหาเฮอร์ไมโอนี่
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรีดร้องดังลั่นของเฮอร์ไมโอนี่เรียกฝีเท้าพวกเขาไปหาเธอ เบลสและเดรโกลื่นไถลไปกับพื้นด้วยความไม่ทันระวังจนเปียกชุ่ม พวกเขาผลักกัน และล้มไปอีกที ครั้งนี้พาทีโอดอร์ล้มลงไปด้วย
แพนซี่เหยียบหนุ่มๆกันลื่นกระโจนไปดึงเฮอร์ไมโอนี่มากอดเอาไว้ในอ้อมแขนแทบจะทันที แฮร์รี่เงยมองก่อนจะต้องหน้าซีดเมื่อบนเชิงเทียนที่ควรจะมีเทียนที่ส่องแสงสีส้มเรืองรอง กลับมีสัตว์ตัวน้อยสีส้มห้อยต่องแต่งอยู่แทน
ครูกแชงค์
“เกิดอะไรขึ้น!!”ศาสตราจารย์และเด็กนักเรียนทั้งหลายที่ออกมาจากห้องอาหารกรูกันเข้ามาแทบจะในทันที ฟลินต์ช่วยเด็กหนุ่มที่นอนเป็นที่รองเท้าให้สาวๆเดินให้ลุกขึ้นพร้อมกับร่ายคาถากำจัดน้ำให้
“พวกเขาฆ่าแมว!!!” เสียงของฟิลช์ดังขึ้นด้วยความเดือดดาล เขามันทาสแมวใครก็รู้ แต่ยิ่งได้ยินดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น มันตอกย้ำเธอ ว่าครูกแชงก์ตายแล้ว
“มันถูกสาปให้เป็นหินอากัส มันยังไม่ตาย”เสียงของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หยุดร้องไห้ เธอเงยหน้าออกมาจากออกของแพนซี่ด้วยดวงตาที่แดงช้ำ และหันไปหาศาสตราจารย์ใหญ่
“ครูก-ฮึก...ครูกแชงก์ยังไม่ตายใช่ไหมคะ เราช่วยเขาได้ใช่ไหมคะ” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่สั่นเครืออย่างน่าสงสาร
“ใช่แล้วมิสเกรนเจอร์ เอาล่ะ นักเรียนทุกคนกลับไปที่หอนอนตัวเองเดี๋ยวนี้!!!! ยกเว้นพวกเธอ” เสียงของเด็กๆเจี๊ยวจ๊าว บางคนมีท่าทีสนุกสนานและบางคนก็หวาดกลัว เพียงไปกี่วิคนก็หายไปจากโถงทางเดินเกือบหมด
“ฉันอยากให้เธอเล่ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น”เฮอร์ไมโอนี่ยังคงสะเทือนใจเกินกว่าที่จะเล่าอะไรได้ และแพนซี่ก็กำลังปลอบเธอ เด็กผู้ชายยังมีสีหน้าเลิ่กลั่ก แฮร์รี่จึงเปิดปากเล่า
“คือว่า..แมวของเฮอร์ไมโอนี่หายค่ะ เราออกตามหามันทันทีที่เลิกเรียน แต่หาเท่าไหร่เราก็หาไม่เจอ” สเนปดูมีสีหน้าดุขึ้นมากเมื่อเห็นว่าแฮร์รี่เป็นคนเล่า
“โกหก!!! เธอ พวกเธอฆ่าแมว!!” อากัสทาสแมวผู้ซื่อสัตย์เมินเจ้าของแมวแล้วกราดด่าพร้อมกอดแมวที่แข็งไว้แนบอกด้วยความสงสาร
“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่เห็นพวกเธอที่ห้องอาหารเมื่อเย็นนี้ใช่ไหม” สเนปกอดอก แฮร์รี่พยักหน้า
“คุณจะไปถามแฮกริดก็ได้ เขาเป็นพยานได้ เขาเป็นคนดูแลครูกแชงก์ เขาเป็นคนแรกที่รู้ว่าครูกแชงก์หายไป”เดรโกเสนอพยานขึ้น
“แล้วทำไมแมวของเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ถึงไปอยู่ที่แฮกริดได้?” ดัมเบิ้ลดอร์ถามอย่างสงสัย
“ไม่นานมานี้ มันถูกกล่าวหาว่ากินหนูของวิสลี่ย์ค่ะ ทำให้คนในกริฟฟินดอร์เกลียด และปาข้าวของใส่มัน เฮอร์ไมโอนี่เลยเอาไปฝากไว้ที่แฮกริด พวกหนูตั้งใจว่าจะไปรับมาเลี้ยงไว้ที่หอสลิธีริน เพราะแฮกริดเองก็มีงานยุ่งมากอยู่แล้ว นั่นเป็นตอนที่รู้ว่าครูกแชงก์หายไป” แฮร์รี่พูด “ พวกหนูตามหามันยังไงก็ไม่เจอ จนกระทั่งพวกหนูเห็นแมงมุมอพยพ ก็เลยรู้สึกว่าแปลก แล้วทีโอดอร์ก็เห็นน้ำที่นองอยู่ แล้วเราก็เลยมายืนอยู่ที่นี่ เรามาถึง..ก็เห็น..เอ่อ...แบบนี้แล้ว”
“เรารักษามันได้มิสเกรนเจอร์ เท่าที่ผมรู้ มาดามสเปร้าส์ได้เริ่มปลูกต้นเมนเดรก เมื่อมันโตแล้วเราก็จะสามารถปรุงยาเพื่อชุบชีวิตเขาขึ้นมาได้”ดัมเบิ้ลดอร์ปลอบประโลมเด็กสาวที่สั่นเทา และดันเธอให้ไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัล
“ผมคงจะขอพูดเพียงว่า อยากให้ทุกคนระวังตัวกัน...มากๆ”
แฮร์รี่หันกลับไปอ่านตัวหนังสือบนกำแพง มันถูกเขียนด้วยเลือด หรืออะไรที่คล้ายๆกันนั้น
‘ห้องแห่งความลับได้ถูกเปิดออกแล้ว ศัตรูเหล่าทายาท...จงระวัง’
“แฮร์รี่” เสียงของศาสตราจารย์สเนปดังขึ้นหลังเธอ เป็นตอนที่แฮร์รี่เพิ่งรู้ตัวว่าเพื่อนๆเธอกลับกันไปหมดแล้ว...อาจจะโดนไล่กลับไป มือหนาของสเนปวางบนไหล่เล็กๆทั้งสองข้าง
‘..เธอกำลังตัวสั่น’ เขาสัมผัสมันได้อย่างรุนแรง คำถามไถ่ทั้งหมดถูกกลืนลงลำคอ สเนปดึงเด็กสาวตัวน้อยของเขาเข้ามากอดอย่างปลอบประโลม
เด็กน้อยที่น่าสงสาร หวาดกลัวจนตัวสั่น แต่กลับกล้ำกลืนแสดงความกล้าหาญและบริสุทธิ์ใจต่อผู้ใหญ่ทั้งหลาย เลือด และเกือบได้สัมผัสกับความตายนั่นทำให้จิตใต้สำนึกของเธอดึงความทรงจำของความรู้สึกหวาดกลัวสุดหัวใจในอดีตออกมา
แฮร์รี่อาจจะดูเป็นเด็กสาวที่สดใสทั่วไป เพียงได้รับความรักก็กลายเป็นเด็กที่ร่าเริงไม่มีพิษมีภัย...แต่เธอเป็นเด็กที่เคยเห็นความตายมาแล้ว เธอเห็นมัน ได้กลิ่นมัน สัมผัสมัน รสชาติอันขมขื่นนั้นจะยังคงติดอยู่ในความทรงจำส่วนลึก จำเป็นภาพไม่ได้ แต่ความกลัวนั้นไม่มีวันจางหายตามกาลเวลา
“ไม่เป็นไรแล้วนะคนเก่ง” สเนปพูดอย่างอ่อนโยน มากเท่าที่เขาจะทำได้ เสียงของเขาไม่ดังไปกว่าเสียงน้ำหยดลงพื้น แต่กลับอบอุ่นและแสนจะปลอดภัย
แฮร์รี่ตัวสั่นหนักขึ้น ก่อนที่เธอจะเริ่มสะอื้น เธอรู้สึกถึงความรู้สึกประหลาดที่ลามเลียไปตามไขสันหลัง ราวกับมือมัจจุราชที่กอบกุมดวงวิญญาณเธอเอาไว้ มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ความหวาดกลัว อะไรก็ตาม
“ฮือออออ” ในอ้อมกอดที่หนักแน่นของชายที่เลี้ยงดูเธอดั่งลูกสาวของเขา แฮร์รี่ร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่ ราวกับเด็กทารก เธอรู้เพียงแต่ว่าเธอต้องร้องไห้ เธอต้องระบายมันออกมา ความกดดันทั้งหลายที่เธอได้รับมาตั้งแต่ต้นเทอม แม้กระทั่งเรื่องพาเซลเม้าท์ที่เธอเองก็ไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไร เธอถูกบ้านอื่นมองราวกับตัวประหลาด ไหนจะเรื่องน่ากลัวที่เธอเจอมาตลอดเทอมนี้
แฮร์รี่ร้องไห้ ร้องอีกครั้งและอีกครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง จนกระทั่งสเนปตัดสินใจอุ้มเด็กสาวที่แสนจะบอบบางคนนี้ตรงไปที่ห้องใต้ดิน และนั่งร้องไห้ในห้องทำงานของเขา ให้มากที่สุดเท่าที่เธอต้องการ
“สมุดของแฮร์รี่หายไป” แพนซี่เปิดประตูหอพักชายห้องของเดรโกอย่างแรง
“แพนซี่!!!” เดรโกกรีดร้องเขายกมือขึ้นปิดหน้าอกแล้วกลิ้งไปหลบข้างเตียง
“กุลสตรีไม่ควรเข้าห้องผู้ชายแพนซี่!!!!” ทีโอดอร์กรีดร้องตามแม้ว่าเขาจะอยู่ในชุดนอนแล้วก็ตามที
“ฉันไม่สนก้างแห้งๆพวกนั้นหรอกย่ะ” แพนซี่ทำหน้าดูถูกสุดกำลัง เธอกอดอกและพูดย้ำ “สมุดของแฮร์รี่หายไป”
“สมุด?” เบลสเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจว่าสมุดอะไร
“ให้ตายสิ สมุดไง สมุด สมุดเล่มนั้นน่ะ!!”แพนซี่ทำท่าทางดูหงุดหงิดกับความเหรอหราของพวกผู้ชาย เดรโกที่หมอบราบกับพื้นข้างเตียงรีบใส่เสื้อเร็วสุดเท่าที่เขาจะทำได้
“หมายถึง..เล่มนั้น? มันหายไปได้ยังไง”เดรโกขมวดคิ้ว พวกเขามีสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งขึ้น
“แพนซี่!!! เธอไปทำอะไรหน้าห้องพักผู้ชายน่ะ!!!” เสียงของฟลินต์ตะโกนลั่นขึ้นมา เขาดูตกใจมากทีเดียว
“ดูเดรโกแก้ผ้าค่ะ!!”
“แพนซี่!!!!!!!!”
“ฟลินต์หน้าแดงเป็นบ้าเลย เขาเวอร์จิ้นแน่ๆ” เดรโกหัวเราะชอบใจ เมื่อเมื่อกี้ฟลินต์วิ่งขึ้นมาทำท่าจะตีแพนซี่ให้ได้ ใบหน้าเขาแดงไปหมด เหมือนเวลาแช่น้ำร้อนเดือด
“นายก็เวอร์จิ้นเดรโก” เบลสย้ำ
“ฉันเพิ่งสิบสอง เขาสิบหกแล้ว ไม่เหมือนกันน่า”เดรโกปัดมือไปมาก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนโซฟาสีดำตัวโปรด
“แล้วมันจะเกิดข้อแตกต่างอะไรระหว่างสิบสองไปสิบหกล่ะ”แพนซี่ทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามแล้วกอดอก
“..งานเต้นรำของโรงเรียน?”
“เราช่วยหยุดพูดเรื่องเวอร์จิ้นกันได้ไหม” อีกคนที่หน้าแดงเป็นปลาหมึกคือทีโอดอร์
“นั่น เวอร์จิ้นโดยอินเนอร์เลย” ทีโอดอร์ปาหมอนใส่เดรโกแรงที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“กลับมาเรื่องสมุด” แพนซี่ดึงกลับมาหัวข้อสนทนาเดิม “ พอเห็นเรื่องห้องแห่งความลับฉันเลยรีบไปดูที่โต๊ะของแฮร์รี่ สมุดเล่มนั้นมันหายไป”
“ใครเข้าไปในห้องได้บ้าง?”
“ใครก็ได้ เดรโกยังเข้าไปลักพาตัวแฮร์รี่ได้เลย” แพนซี่จิกกัด “คงเป็นใครสักคนในบ้านเรานี่ล่ะ”
“แบล๊ค?” เบลสพูดขึ้น ถึงหัวข้อที่ใครต่อใครลืมนึกถึง
“ว่าไงนะ?”
“แบล๊คไง เขาเป็นสมุนดาร์คลอร์ด ถ้าเขาถูกใช้มานั่นเป็นเหตุผลเลยว่าทำไมเขาถึงหาหอเราเจอและเอาสมุดไป หรือแม้กระทั่งเป็นคนเปิดห้องแห่งความลับเอง”เบลสสรุปให้อย่างเสร็จสรรพ พวกเขามองหน้ากันก่อนที่เดรโกจะแย้ง
“ซีเรียส แบล๊คไม่ได้เป็นทายาทสลิธีริน พ่อฉันบอกว่าเขาก็แค่พวกนอกคอก และอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ด้วยตอนที่เรียนในฮอกวอตส์” เดรโกแจง “เขาไม่ใช่เพื่อนพ่อด้วยซ้ำ”
“...ถ้าเขาไม่ใช่เพื่อนพ่อนายแล้วเขาเข้าไปอยู่ในอัซคาบันทำไม?” เบลสขมวดคิ้ว
“มีแต่เมอลินที่รู้”เดรโกยักไหล่
“แบล๊คอาจไม่ใช่ แต่สมุดเล่มนั้นใช่ ถ้าแบล๊คได้สมุดเล่มนั้นไปมันอาจจะถูกแล้วที่เขาสามารถเปิดห้องแห่งความลับได้ แต่เขาเข้าหอเราไม่ได้” แพนซี่ชี้ไปที่กระดาน “วันนี้วันเปลี่ยนรหัสนะ”
“ถ้าเขาใช้คาถาสะกดใจให้เด็กบ้านเราไปหยิบให้ล่ะ พวกเด็กปีหนึ่ง”ทีโอดอร์ออกความเห็น
“อาจจะปีสองด้วย อย่าลืมสิ วิชาพยากรณ์ศาสตร์”แพนซี่ย้ำ ก่อนที่จะทำเสียงล้อเลียน “เปิดดดจีตตตตของงงเทอวววให้กว้างงงงง เปนนนนหนึ่งงงงเดียววววกับบบจักกกกก กะวานนนนนน”
“แล้วเขาเข้ามาในฮอกวอตส์ได้ยังไง ทำไมผู้คุมวิญญาณถึงไม่เห็น ไหนจะคนในโรงเรียนอีก ไม่ใช่น้อยๆเลยนะ”
“แบล๊คเป็นศิษย์เก่านะ บางทีเขาอาจจะรู้อะไรที่เราไม่รู้ก็ได้ เกี่ยวกับปราสาทหรือโรงเรียนนี้” เบลสตั้งข้อสันนิษฐาน
“พ่อบอกว่าแบล๊คอยู่กลุ่มเดียวกับเจมส์ พอตเตอร์ พวกเขาเป็นตัวแสบเลย ฉันไม่รู้นะว่าเขาไปลงเอยที่อัซคาบันได้ยังไง แต่ลือกันว่าเขาทรยศเพื่อนตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอดจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร”เดรโกรู้สึกปวดหัว “แฮร์รี่ไปไหน?”
“ศาสตราจารย์สเนปบอกว่าจะพาเธอไปพักสักหน่อย” แพนซี่เป็นคนตอบ หน้าเดรโกมืดไปครึ่งแถบ
“ไอ้หมีนั่น…”
“สุภาพเดรโก อย่างน้อยนั่นก็ศาสตราจารย์ประจำบ้านเรา”ทีโอดอร์ปรามหน้าซีด
“แบล๊คเข้าใกล้แฮร์รี่มากเกินไปแล้ว” เบลสพูดเสียงเครียด
“เราควรบอกเรื่องนั้นกับศาสตราจารย์ไหม?” แครบที่กำลังสวาปามพายเดินผ่านมาเอ่ยถามขึ้น เป็นที่รองรับอารมณ์ให้เดรโกได้พอดี
“ไม่ ไองั่ง นี่แกพูดก่อนคิดแล้วแน่นะไอสมองหมา ในหัวนั่นมีอะไรบ้างนอกจากน้ำตาลกับแป้ง”
“แฮร์รี่ได้ยินต้องร้องไห้แน่ๆ” แพนซี่ยกมือทาบอก
“เราบอกสเนปไม่ได้...เขาผ่านมือของคนที่คุณรู้ว่าใครมาแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาจะทำอะไรไว้กับของที่เคยผ่านมือเขามาแล้วบ้าง”เดรโกอธิบายเมื่อกอยล์ถวายของบรรณาการณ์เป็นพายฟักทองร้อนๆ
“เราควรบอกพวกปีสอง ปีหนึ่งยังไม่รู้เรื่อง ส่วนพวกพี่ปีสูงๆก็ยังไม่มั่นใจมากพอ” แพนซี่เม้มปาก สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับแฮร์รี่มากๆอย่างปีสองถึงได้รู้จักแฮร์รี่ดีกว่าชั้นปีอื่นๆ พวกเขาไม่มั่นใจในตัวแฮร์รี่ พอตเตอร์ มากพอกับที่ตัวเองไม่ได้รับความมั่นใจมากมายจากเธอ
สลิธีรินทุกคน...ยกเว้นปีหนึ่งยังไงก็ตาม รู้ดีว่านักเรียนสลิธีรินปีสองที่ถูกเรียกว่าองครักษ์นั้นไม่ใช่นามที่เอ่ยอย่างเล่นๆ มัลฟอย พาร์กินสัน น๊อต สามในยี่สิบแปดตระกูลศักดิ์สิทธิ์รุ่นนี้กำลังเป็นองครักษ์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ จริงๆ และพวกเขาก็ยังคงหวัง ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนทำให้องครักษ์ทั้งสี่ต้องออกโรงฟาดฟันเอง
หากเวลานั้นมาถึง ยุคมืดของฮอกวอตส์ก็คงมาถึงเช่นกัน
...เอาจริงๆแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้นเพราะถ้าวันนั้นมาถึงบ้านเดียวที่จะเรืองรองของสลิธีรินอย่างแน่นอน
“ปีสอง ประชุม!!” เบลสลุกขึ้นโบกมือเรียกปีสองเสียงดัง พลางเดินไปที่โต๊ะกลมที่ปกติใช้อ่านหนังสือ พลางไล่ปีหนึ่งกลับหอนอน
“พี่ไม่มีสิทธิ์ไล่ผมนะ” ปีหนึ่งคนนึงขมวดคิ้วในตอนที่เบลสไล่เขา
“นายไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องนั่งเล่นในตอนนี้ ไปหอนอนซะ” ทีโอดอร์พยายามพูดอย่างใจดีที่สุด ด้วยสีหน้าที่จริงจังที่สุด แม้จะไม่พอใจอย่างมากแต่เด็กคนนั้นก็ฟึดฟัดกลับหอนอนแต่โดยดี
“ฉันรู้ว่าเราไม่ได้สนใจอะไรกับห้องแห่งความลับอยู่แล้วเพราะมันไม่เกี่ยวกับเรา” เดรโกเริ่ม...ปราศรัย “แต่เรื่องนี้มันค่อนข้างจะเกี่ยวอยู่นิดหน่อยกับเรื่องนั้น ยังไงก็ตาม ฉันอยากให้พวกเธอตอบมาก่อนว่ามีใครที่วันนี้เกิดเรื่องแปลกๆกับตัวเองไหม?”
ปีสองทุกคนเงียบลง มองหน้ากันไปมา
“อะไรก็ได้ เร็วเข้า”เดรโกกระตุ้น แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ดูเหมือนจะไม่รู้มากกว่า
“เรื่องนี้เกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอ” เดรโกงัดไม้ตายออกมา เขาไม่อยากรอช้าแล้วให้แฮร์รี่เสี่ยงอันตรายมากขึ้นไปกว่านี้อีกแล้ว เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นอีกครั้ง พวกเขาดูพยายามเค้นความจำกันมากๆจริงๆ
“ฉัน” ควีนนี่ยกมือขึ้น เธอแทรกผ่านฝูงชนเข้ามา “ฉันจำได้ว่ากำลังจะไปเข้าห้องน้ำหลังเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด แต่ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่หน้าห้องน้ำของเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญแล้ว”
“เธอเห็นคนอื่นอยู่แถวนั้นไหม?” เบลสถามจี้
“ไม่ ฉันได้ยินแค่เสียงคร่ำครวญของเมอร์เทิล ฉันคิดว่าฉันคงเบลอมากเกินไป แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันแปลกอยู่ดี” ควีนนี่ก้มหน้า เธอมีท่าทีอึกอักก่อนจะเอ่ยถาม “ฉันทำให้แฮร์รี่เป็นอันตรายรึเปล่า?”
“....” เดรโกมองหน้ากับแพนซี่ ถ้าเป็นควีนนี่ กรีนกราส ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปในห้องนอนแฮร์รี่โดยไม่เป็นที่สังเกตุ เพราะประตูหอนอนของนักเรียนหญิงแต่ละห้องเชื่อมกันเอาไว้อยู่แล้ว
“ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นฝีมือแบล๊ค” เดรโกพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพราะความวุ่นวายพวกนี้จะเบี่ยงเบนความสนใจไปจากเขา และเขาจะเข้าถึงแฮร์รี่ได้ง่ายขึ้น”
“เราต้องวางแผนคุ้มครองเธอ”
“พวกเขาจริงจังกันมาก” เสียงชายคนนึงดังขึ้นแผ่วเบา ฟลินช์ขานรับในลำคอ เขาเท้าแขนกับราวบันได เฝ้ามองอย่างที่ชั้นปีอื่นนอกจากปีหนึ่งกำลังแอบทำ
“แฮร์รี่คือของจริง ฉันรู้” ฟลินช์บอก ไม่ต่างจากการยืนกรานเลือกข้างกรายๆ
“แค่คำพูดของนายชักจูงพวกเราทั้งชั้นปีไม่ได้หรอกฟลินช์”
“ฉันรู้” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปยังแผ่นหลังของเด็กวัยสิบสองปีที่ช่างดูหนักแน่นด้วยความรู้สึกหดหู่ ในขณะที่กริฟฟินดอร์วิ่งเล่นไปวันๆ ขณะที่ฮัฟเฟิลพัฟ นอนตากแดดอยู่กับพืชผัก ในตอนที่เรเวนคลอเพลิดเพลินไปกับหนังสือที่แสนสนุก...สลิธีรินกลับต้องแบกภาระที่เรียกว่าอนาคตไว้บนบ่าตลอดเวลา...พวกเขาต้องเลือกข้าง
“เรายังมีเวลาเลือกข้างอีกเยอะฟลินน์”
“อีกสองปี” ฟลินน์กำชับ “เรามีเวลาเลือกข้างอีกสองปี…”
ว่าจะอยู่กับสิ่งเดิมๆที่เคยเป็นมา
หรือจะเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ว่ามันจะจบลงยังไง
“แต่ฉันเลือกข้างแล้ว” ฟลินน์หยัดตัวขึ้น
“ไม่คิดว่ามันเร็วไปหน่อยหรอ?”
“ไม่มีเวลาจะมามัวโอ้เอ้หรอก…”
“ทีเรื่องวู้ดนายยังโอ้เอ้มาตั้งหกปี”
“เทอเรนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ ฉันต้องนอนนะสเนป” แชริตี้มองเพื่อนสนิทของเธอด้วยสายตาว่างเปล่า สเนปมีสีหน้าตายด้านหลังจากเพิ่งเคาะประตูห้องพักเธออย่างบ้าคลั่งไปเมื่อสามวิที่แล้ว เขายกบรั่นดีขึ้นและแทรกตัวเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ แชริตี้กลอกตา
“อะไรล่ะ” เธอถามขึ้น ขณะที่สเนปรินบรั่นดีใส่แก้วแล้วกระดกรวดเดียว
“ฉันคิดว่าฉันกำลังจะตาย” เขาพูดจบก็เทอีกแล้วกระดกจนหมดแก้วอีกครั้ง
“นายกำลังจะตายเพราะตับวายเฉียบพลัน นั่นล่ะที่ฉันฟันธง” ศาสตราจารย์วิชามักเกิ้ลศึกษาคว้าขวดบรั่นดีออกมาเพื่อความปลอดภัย เธอยังไม่อยากให้มีคนตายเพราะเมามายในห้องพักเธอ...โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย
“...ฟังนะ” สเนปอ้าปากเหมือนจะพูด...แต่เขาก็เงียบลง “ลืมไปซะ มันไร้สาระ”
“ไม่ลืมย่ะ เล่ามา เกี่ยวกับแฮร์รี่น้อยของเรารึเปล่า?” แชริตี้กอดอก
“...ใช่...ใช่มันเกี่ยวกับแฮร์รี่” สเนปทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้ เขามีสีหน้ายุ่งยาก “อย่างที่เธอรู้ แฮร์รี่เป็นลูกสาวลิลี่ ผู้หญิงที่ฉันรัก และเธอน่ารักมาก มันเป็นธรรมดาที่ฉันจะเอ็นดู อยากจะดูแลแกในฐานะผู้ใหญ่คนนึง”
“ใช่ ฉันรู้ นายย้ำกับฉันทุกครั้งที่โผล่มาพร้อมกับบรั่นดี” ข้อดีของการเป็นเพื่อนของศาสตราจารย์ที่ทั้งโรงเรียนเห็นพ้องต้องกันว่ารักสันโดษนั้นคือเธอจะรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ เธอรู้ว่าสเนปจะไปที่ไหน เขาอารมณ์ดี หรือเขาอารมณ์เสีย...แต่ข้อเสียคือสเนปสติแตกบ่อยมาเรื่องแฮร์รี่ และเธอจะสูญเสียเวลานอนของเธอไปจนกว่าตาเฒ่านี่จะโวยวายเสร็จแล้วกลับไปนอน
“แต่...มันประหลาด มันประหลาดมาก” และสิ่งเดียวที่แชริตี้ตื่นเต้นกับการที่สเนปเพื่อนสนิทของเธอจะพูดออกมา คือให้เขารู้ตัวสักทีว่าตัวเองเป็นอะไร “มันเป็นธรรมดาที่คนเป็นพ่อต้องคอยกันผู้ชายออกจากลูกสาวมันเป็นเรื่องธรรมดาใช่ไหมแชริตี้”
“นายไม่ใช่พ่อของแฮร์รี่ เซเวอรัส”
“แล้วทำไมฉันถึงโกรธมากขนาดที่อยากฆ่าทุกคนที่เข้าใกล้เธอ” สเนปวางแก้วลงบนโต๊ะ “มันแปลกมากขึ้นทุกที ฉันอยากอยู่ใกล้เธอ ฉันดีใจมากที่เธอไว้ใจฉัน มันควรเป็นความรู้สึกของพ่อที่มีต่อลูกสิ เธอเป็นลูกของผู้หญิงที่ฉันรักนะแชริตี้”
“อ่าหะ...แล้วทำไมนายถึงคิดว่ามันแปลกล่ะ มันก็ฟังดูไม่แป-”
“ฉันอยากจูบเธอ แชริตี้ นี่ฟังดูไม่แปลกสำหรับแกรึไง”
“โอ้” แชริตี้ชะงักค้าง เริ่มตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย และยอมคืนบรั่นดี “นายต้องการบรั่นดีแน่ๆ”
“ฉันถึงได้เอามาไง” สเนปคว้าบรั่นดีมาเทอีกครั้ง
“ฉันนึกว่านายจะตายด้านไปแล้วซะอีก”
“ฉันก็คิดแบบเดียวกัน”
ทั้งห้องโรยตัวด้วยความเงียบ แชริตี้ค่อยๆถอยไปที่ประตูแล้วหยิบไม้กายสิทธิ์ของเธอขึ้นมา หากอีกฝ่ายจะทำอะไรแปลกๆเธอสาบานได้ว่าจะเสกเขาให้เป็นเก้าอี้
“ไม่ต้องทำท่าประหลาดแบบนั้นแชริตี้ อย่างกับฉันจะคิดอกุศลกับเธอออกงั้นล่ะ ทุกวันนี้ฉันไม่มองเธอเป็นผู้หญิงแล้ว” สเนปพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด
“อ่าว หยิบไม้กายสิทธิ์แล้วออกไปตัวๆกันนอกปราสาทเดี๋ยวนี้เลยเซเวอรัส”
“ไร้สาระ”
“...”แชริตี้พยายามสงบสติอารมณ์ “แล้วตอนนี่แฮร์รี่อยู่ที่ไหน”
“หอนอน ฉันเพิ่งพาเธอไปส่งก่อนจะมาที่นี่….เด็กปีสองปีนี้ดูรักกันดีแปลกๆ” สเนปตั้งข้อสงสัย เป็นจริงว่าคติของสลิธีรินคือรักกันดั่งพี่น้อง แต่ดูเหมือนว่ารุ่นนี้จะรักกันเกินคำว่าพี่น้องไปหน่อย ล่าสุดตอนที่เขาเข้าไปก็กอดคอกันเล่นหมากรุกพ่อมดอย่างดุเดือด ไม่รวมที่โผกอดต้อนรับแฮร์รี่กลับราวกับจากกันไปสามปีได้ แค่ไปห้องทำงานเขาเอง
“เด็กสลิธีรินไม่ค่อยมาเรียนกับฉันซะเท่าไหร่ มีก็มีแฮร์รี่คนเดียวนี่ล่ะมั้ง”เบอร์เบจบอก
“เธอสอนวิชามักเกิ้ล แชริตี้ ถ้าเขาลงมีหวังโดนจดหมายกัมปนาถจากผู้ปกครองตัวเองพอดี”สเนปอธิบาย แน่นอนว่ายังไงซะบ้านเขาก็คลั่งเลือดบริสุทธิ์กันจริงๆนั่นล่ะ
“นายได้ข่าวแบล๊คไหม?” สเนปชะงักมือที่กำลังจะกระดก เขาพยักหน้า
“ฉันไม่รู้ว่าเขาเข้ามาในฮอกวอตส์ได้ยังไง แต่ที่อยากรู้คือเมื่อไหร่ไอ้พวกผู้คุมวิญญาณนั่นจะหาเขาเจอแล้วลากเขากลับไปขังไว้ที่อัซคาบันซักที” สเนปพูดอย่างเดือดดาล เขานอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วเพราะเรื่องนี้ เขารู้มานานแล้วว่าแบล๊คหลุดออกมาจากคุก รู้ก่อนที่ข่าวจะออกเสียอีก นั่นทำให้เขารู้สึกห่วงแฮร์รี่มากขึ้นถึงสามเท่าจากปกติ แน่นอน เขาหัวเสียแทบบ้าที่วันนี้แฮร์รี่ไม่ยอมมากินข้าว
“นายคิดว่าแบล๊คทรยศเพื่อนเขาจริงๆหรอ” แชริตี้ถามสิ่งที่เธอสงสัย เธอไม่ได้รู้จักอะไรเขาเป็นการส่วนตัวมากนัก นอกจากฟังสเนปก่นด่ามานาน แต่เธอก็ไม่คิดว่าเพื่อนที่คบกันมาตลอดจะหักหลังกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่มีบุคลิกกล้าบ้าบิ่นแบบนั้นด้วยแล้ว
“ใครสนกัน หน้าอย่างมันอยู่ได้ที่เดียวคือในคุกนั่นล่ะ” แน่นอน นี่เป็นคำตอบแบบอคติสุดๆไปเลย
"....ฉันคิดว่านายพับเรื่องนีไปก่อน พอแฮร์รี่โตกว่านี้ เป็นสาวเต็มตัว นายค่อยถามตัวเอง...ถามแบบไร้อคติ มองแฮร์รี่ในฐานะผู้หญิงคนนึง ไม่ใช่ลูกของคนที่เธอรัก...เธออาจจะรู้คำตอบมันก็ได้นะเซเวอรัส"
สเนปฟัง เขาไม่ตอบอะไร แต่ก็ยกบรั่นดีจนหมดไปอีกแก้วนึง
ความคิดเห็น