คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ใบสมัครนางเอกแจวอน (ยูชอน)
ใบสมัครนางเอกแจวอน(ยูชอน)
*ใบสมัครเอาสีนี้นะคะ คำตอบสีดำค่ะ*
ส่วนที่ 1 [ข้อมูลส่วนตัว]
ชื่อคนสมัคร(อยากให้เรียกว่ายังไงก็ใส่เลยค่ะ) : หนอน
อายุคนสมัคร : 18
ส่วนที 2 [ข้อมูลตัวละคร]
ชื่อตัวละคร(ไม่จำกัดสัญชาติค่ะ) : ธัญเรศ วัฒนพงศ์สิทธิ์เมต (ควีน)
อายุ : 19
สัญชาติ (ถ้าลูกครึ่งก็เขียนเลยนะค่ะ เช่น ไทย-จีน อะไรประมาณเนี้ย) : ไทย-จีน
ลักษณะภายนอก+บุคลิก : สวย เปรี้ยว เฉี่ยว นิยามสั้นๆที่ทำให้เธอคว้าตำแหน่งคาสโนวี่ประจำมหาลัยมาครอง ผมสีดำขลับเรียบตรงยาวเลยกลางหลัง ใบหน้าหวานซึ้งแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ร้อนแรง การแต่งตัวตามประสาหญิงมั่นเปรี้ยวนิดๆพร้อมให้หนุ่มๆกระชุ่มกระชวย แต่ก็ไม่ได้ดูโป๊แบบจงใจ เซ็กซี่นิดๆแบบเหมือนไม่รู้ตัวเนี่ยแหละ ไม้ตายของเธอ
นิสัย : กระตือรือร้น ไฟแรง แต่บางครั้งก็เป็นยายแก่ขี้หลงขี้ลืม เอ๋อๆบางครั้ง เป็นคาสโนวี่ประจำมหาลัย เป็นสาวช่างฝันเป็นแรงบันดาลใจให้ทำอะไรใหม่ๆ ไม่ชอบยึดติดกับของเดิมๆ แต่เป็นคนอ่อนไหวแต่มักจะนำภาพคาสโนวี่มาปิดบังความอ่อนแอของตนเอาไว้ ทั้งๆที่หึงแทบขาดใจ แต่ก็ไม่เคยแสดงออกมา มองโลกสดใสทำให้มีเรื่องพูดมากมายและมีวิธีเด็ดๆในการพูด แถมยังขี้อ้อนอีกต่างหาก ทำให้ผู้ที่ได้สัมผัสหลงเสน่ห์ไม่ยาก ถึงจะดูเป็นคาสโนวี่โฉบเฉี่ยว แต่จริงๆก็เป็นคนที่คิดมาก และเก็บความรู้สึกเอาไว้ทั้งหมด ไม่ค่อยบอกให้ใครรู้
ชอบ : ไอศกรีมรสสตอเบอร์รี่ จริงๆแล้วอะไรก็ตามที่เป็นสตอเบอร์รี่เธอชอบหมดนั้นแหละ
ไม่ชอบ : ผักและผลไม้ (ยกเว้นสตอเบอร์รี่นะ)
เกลียด : การยอมแพ้
ปาระวัติครอบครัว : ฐานะทางบ้านอยู่ในขั้นปานกลาง พอมีพอกินแบบเหลือใช้ มีพี่ชายสุดเลิฟอยู่คนนึง ก็คือ พี่ปริ้นซ์ที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็โหด เถื่อนสิ้นดี แต่พออยู่ในบ้านหรือคนที่รักก็อ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งกับเธอด้วยแล้ว พี่ชายทั้งรักและหวงสุดๆ และยังเป็นลูกสาวสุดที่รักของบ้าน จนทำเอาบางครั้งลูกชายคนโตกลายเป็นหมาตัวเน่าเลยทีเดียว แต่เพราะความน่ารักขี้อ้อนของเธอ ทำให้ปริ้นซ์ยอมได้ทุกอย่างเพื่อน้องสาวคนนี้
ประวัติการเรียน : อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี แม้จะไม่ค่อยตั้งใจเรียน แต่เกรดก็ออกมาใช้ได้ทีเดียว
คณะที่เรียน + ชั้นปี (ดูอายุตัวละครด้วยคะ) : บริหารธุรกิจ ชั้นปีที่ 2
ความสามรถพิเศษ : สวย...อ่าไม่ใช่ๆ คนเป็นเทคนิคการพูดจูงใจคน และการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ทำเอาคนรอบข้างถึงกับลืมคำว่า “สวยใสไร้สมอง” ไปเลยทีเดียว แต่ความสามารถอีกอย่างก็คงเป็นการร้องเพลงหล่ะมั้ง ที่ไม่ค่อยเปิดเผยให้ใครรู้เท่าไหร่
อิมเมจตัวละครของคุณ(ใส่มาตามใจเลยค่ะ) : คิมแตฮี
อิมเมจพระเอกของคุณ :
ของรักของหวงหรือของที่ติดตัวประจำ : พวงกุญแจคริสตัลรูปสตอเบอร์รี่สีชมพูแดงใสที่แจวอนทำให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนขอเป็นแฟนกัน
เขาเป็นรักแรกของคุณหรือคุณเป็นรักแรกของเขา?? : เป็นรักแรกของกันและกันแบบไม่รู้ตัว
ส่วนที่ 3 [คำถามทั่วไป]
คิดยังไงกับพล็อตเรื่องค่ะ?? : รักแรก...เป็นรักที่ฝังใจไม่รู้ลืม และถ้ารักนั้นเกิดเป็นรักจริง ก็คงจะเป็นเรื่องสุดวิเศษไม่ใช่น้อย
อยากให้ปรับเปลี่ยนอะไรมั้ยเอ่ย?? : ยังนึกไม่ออก เอาเป็นว่าจะคอยติดตามและเม้นท์ติ-ชมนะ
ติดแล้วให้เวลา 5 วันนะค่ะ แต่ตอนนี้ช่วงเปิดเทอมจะยืดให้เป็นหนึ่งสัปดาห์ โอเคมั้ยค่ะ?? : ครับผม
อย่ามาๆหายๆนะค่ะ ถ้ามีอะไรให้แจ้งไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ : อ่านะ...ได้ครับ
ต้องการบทสำรองมั้ยค่ะ?? ถ้าต้องการเอาบทอะไรค่ะ : บทไรก็ได้จ้ะ ยัดไปเหอะ
สุดท้าย...มีอะไรจะพูดกับไรท์เตอร์สติไม่เต็มคนนี้บ้างค่ะ?? : ก็จะติดตามเรื่องนี้นะค่ะ อย่าดองนาน หรืออัพช้านะ คนอ่านขาดใจ และก็พิจารณานางเอกเราบ้างเน้อ
ส่วนที่ 4 [คำถามชิงบท]
1. คุณก็เจ้าชู้ เขาก็เจ้าชู้ ถ้ารถไฟชนกัน คุณจะทำยังไง?? :
“กี่ท่านค่ะ” พนักงานสาวถามแขกที่มาเยือน
“ 2 ที่ครับ” เสียงชายหนุ่มหน้าตาดีสองคนประสานเสียงกัน
ทำให้ทั้งคู่รวมไปถึงคู่ควงที่พวกเค้าควงมาหันไปมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
“แจวอน/ควีน” ฉันและแจวอนต่างเรียกชื่อกันและกันเบาๆ
“คนรู้จักเหรอค่ะ/ครับ” คราวนี้คู่ควงของต่างละคนพูดพร้อมกันราวกับนัดกันไว้
“เอ่อ...สรุปจะนั่งแยกกัน หรือรวมกันค่ะ” พนักงานสาวคนเดิมท้วงขึ้นมาก่อน
“แยกค่ะ / รวมครับ” คราวนี้พูดพร้อมกัน แต่ประโยคต่างกันไป
ตาบ้าแจวอน คิดบ้าไรเนี่ยนั่งโต๊ะเดียวกัน กลัวเค้าไม่รู้รึไงว่าเราแฟนกันนะ
“ผมว่าแยกกันดีกว่านะครับ พอดีเราต้องการความเป็นส่วนตัว” ภูมิ กิ๊กที่ฉันควงมาพูดขึ้นอย่างสุภาพพลางโอบฉันเอาไว้
“เอ่อ...ขอโทษนะค่ะ พอดีเหลือแค่โต๊ะใหญ่แล้วน่ะค่ะ เห็นทีพวกคุณอาจจะต้องนั่งด้วยกัน” พนักงานสาวเอ่ยอย่างหวั่นๆ
“ว้าแย่จังเลย งั้นเราเปลี่ยนร้านกันมั้ยค่ะ” สาวคู่ควงของแจวอนกระแซะแขนซะแนบชิด
ปล่อยแขนออกจากแฟนฉันเดี๋ยวนี้นะ ยัยนมเล็ก กล้าดียังไงเอานมแบนๆมาเบียดแขนแฟนฉันน่ะ
แต่เพราะตัวเองก็ไม่ได้ต่างอะไรจากแฟนหนุ่ม จะให้หึงโวยวายก็ทำไม่ได้ ฉันจึงต้องกลั้นอารมณ์ไว้ข้างใน
“ขอบคุณนะครับที่เสียสละ ไปกันเถอะควีน” ภูมิรีบตัดบทพาฉันเดินไปในร้าน
“เดี๋ยวครับ ผมเองก็อยากทานอาหารร้านนี้อยู่พอดี แจวอนนั่งด้วยนะควีน” แจวอนรั้งแขนฉัน ส่งสายตาขู่แกมบังคับ
“งั้นแจวอนทานไปเถอะ ควีนไม่ได้อยากทานมาก เราไปร้านอื่นกันนะ ภูมิ”
“ทำไมหล่ะควีน ก็ควีนอยากทานร้านนี้นี่ จริงๆกินกันเยอะก็ดีนะ” ภูมิโอบพาฉันเข้าไปนั่ง
อ๊าก...เบื่อผู้ชายจริงเชียว ศักดิ์ศรีกินได้ที่ไหน ยอมๆกันไปบ้างก็ได้ แล้วนี่แจวอนคิดไรเนี่ย ตัวเองก็นอกใจยังจะทำมาเป็นหึงหวงอีก
“ควีน ทานนี่นะจะได้ไม่อ้วน” ภูมิตักสลัดผักคำโตมาใส่จาน
ขึ้น...อารมณ์ขึ้น ตาบ้าจะจีบฉันไม่คิดจะศึกษาประวัติรึไงว่าฉันไม่กินผักโว้ย
“หึๆๆๆ” แจวอนพยายามกลั้นขำ เมื่อเห็นสีหน้าจะกินคนของแฟนสาว
ใครๆก็รู้ว่า ควีนไม่ชอบผักผลไม้ขนาดนั้น สงสัยไอ้หมอนี่คงเป็นคบกันไม่นาน
“หัวเราะอะไรไม่ทราบ” ภูมิให้ไปมองอย่างเอาเรื่อง
“ว่าแต่นายเป็นอะไรกับควีนหล่ะ ถึงได้ไม่รู้ว่าควีนไม่กินผักกับผลไม้” แจวอนว่า พลางตักสลัดคำโตในจานฉันเข้าปากแทน
อิอิ...แฟนใครเนี่ยน่ารักได้อีก ต่อไปนี้ควีนจะพยายามไม่นอกใจนะ (ถ้าทำได้)
“คะ...ควีนไม่กินผักเหรอครับ” ภูมิถามอย่างกล้าๆกลัว เมื่อเห็นสีหน้าคนข้างๆ
“ค่ะ แต่ภูมิไม่ต้องสนใจก็ได้นะค่ะ เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะอยู่ด้วยกันอีก” ฉันบอกเลิกภูมิต่อหน้า เป็นการเอาใจแจวอนที่ใส่ใจฉัน
“ทำไมหล่ะควีน ภูมิแค่ไม่รู้เท่านั้นเอง ต่อไปภูมิจะศึกษาเรื่องของควีนให้ดี ยกโทษให้ภูมิเถอะนะ” ภูมิคว้ามือฉันไปกุมไว้ ใส่สายตาเว้าวอนเป็นประกาย
อ่า...ทำไงดีอ่ะ แพ้สายตาวิ้งๆอย่างงี้อ่ะ และที่เราคบภูมิก็เพราะเค้าน่ารักดีนี่หน่า ไม่ไหวแล้ว จะใจอ่อนแล้วอ่ะ
“อะแฮ่ม...ลืมรึเปล่าครับว่ายังมีคนอยู่ร่วมโต๊ะ” แจวอนกระแอมเสียงดัง
“แหม...แจวอนค่ะ ปล่อยให้คนรักเค้าง้อกันไปดีกว่านะค่ะ มินนี่ว่าเราไปดูหนังกันต่อดีกว่านะ” สาวข้างกายกระแซะแขนชายหนุ่มเอาไว้ เรียกสายตาขุ่นๆจากหญิงสาวตรงข้ามได้ไม่น้อย
“ขอบคุณมากนะครับที่เข้าใจ” ภูมิหันไปขอบคุณยัยมินนี่
“ควีนครับ ภูมิรักควีนจริงๆนะ ต่อไปภูมิจะไม่ทำอะไรที่ควีนไม่ชอบอีกแล้ว” ภูมิเบียดกระเถิบจนแทบจะนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกันพร้อมกับใบหน้าหล่อหวานๆลอยเข้ามาใกล้ ทำเอาฉันถึงกับอึ้งที่ผู้ชายขี้อายอย่างภูมิจะทำอะไรแบบนี้
“มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้กระต่าย” แจวอนผลักภูมิออกห่าง ก่อนจะคว้าฉันไปอยู่ให้อ้อมกอด
“ว้าย...แจวอน คุณจะอารมณ์เสียไปทำไม ยัยนี่แค่เพื่อนไม่ใช่เหรอ” มินนี่โวยวาย
“ผมเคยพูดเหรอว่าควีนเป็นเพื่อน จำใส่สมองกระต่ายของนายซะ ว่าควีนเป็นแฟนฉัน” แจวอนชี้หน้าภูมิ ก่อนจะกระชับกอดฉันให้แน่น
“กรี๊ด...ไม่จริง ไหนคุณว่า คุณไม่คิดจริงจังกับใครไง”
“ก็ใช่ ผมไม่คิดจริงจังกับใคร นอกจากควีน วันนี้คงหมดเวลาสนุกด้วยแล้วหล่ะ ไปก่อนนะ” แจวอนกอดฉันพาเดินออกไปจากร้าน
“อ๋อ ไอ้กระต่ายอย่าคิดตามตื้อควีนอีก ไม่งั้นไม่ตายดีแน่ ส่วนเธอมินนี่ ถ้าเธอไปหาเรื่องควีน ถึงเป็นผู้หญิงฉันก็ไม่ปราณีหรอกนะ” แจวอนหันมาขู่อีกครั้ง เมื่อเรากำลังจะออกจากประตูร้านไป
“ควีน ทำไมเธอไปกิ๊กกะไอ้หน้ากระต่ายนั่นอ่ะ ไม่เห็นจะมีไรสู้ฉันได้เลย” แจวอนว่าระหว่างขับรถมาส่งฉัน
“ก็เพราะเค้าเหมือนกระต่ายไง ตาปิ๊งๆน่ารักดีออก แล้วทีนายหล่ะ กิ๊กกับยัยมินนี่นมเล็ก ฉันยังไม่เห็นว่าอะไรเลย” ฉันตอกกลับไป
“โธ่! ควีน นั้นมันก็แค่เล่นๆ แล้วเธอเอาเปรียบฉันมากๆเลยรู้มั้ย”
“เอาเปรียบ? นายมีคนอื่นได้ ฉันก็มีได้ นายเสียเปรียบตรงไหนไม่ทราบ”
“ก็ตรงที่ฉันเป็นฝ่ายหึงเธออยู่คนเดียวน่ะซิ ควีนเราเป็นแฟนกัน ไมเธอไม่หึงฉันเหมือนคนอื่นๆบ้าง”
ใครว่าไม่หึงหล่ะ หึงจนต้องเอาผู้ชายคนอื่นมาเป็นเกราะกำบังต่างหากเหล่า
“ฉันรู้ว่าการที่นายคบผู้หญิงพวกนั้น ก็แค่สนุกๆ เดี๋ยวก็เปลี่ยน จะให้ฉันมานั่งไล่ตามหึงหวง ฉันคงได้บ้าตายก่อนพอดี”
“แหมรู้ใจจังนะแฟนใครเนี่ย งั้นเธอก็ควรจะรู้ว่าการที่ฉันเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่นก็แทบบ้าเหมือนกัน”
“เอาเป็นว่า คราวหน้าจะไม่ทำให้จับได้แล้วกัน”
“ต่างกันตรงไหนอ่า” แจวอนทำหน้ากระเง้ากระงอด เรียกเสียงหัวเราะใสๆ ให้หายขุ่นมัวจากการที่แฟนหนุ่มนอกใจได้
ใช่ว่าเธอไม่คิดจะหึงเค้า แต่ยิ่งหึง ยิ่งแสดงออกว่าแคร์เค้า คนที่เจ็บก็คือเธอ เพราะเธอไม่คิดว่าคนที่ขึ้นชื่อความแฟนนี้จะหยุดความเป็นคาสโนว่าได้ง่าย ซึ่งก็เช่นเดียวกับเธอ ที่เมื่อได้ตำแหน่งคาสโนวี่มาแล้ว ก็ยากเกินกว่าจะถอนตัว
2. เหมือนเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน...ทั้งๆที่เป็นแฟนกันมาปีกว่าๆแล้วแท้ๆ คุณจะทำยังไงให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแจวอนกลับมาเหมือนเดิม :
วันนี้เป็นวันเกิดของควีน
“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าเราเป็นแฟนกันมาปีนึงแล้วอ่ะ” ฉันพูดขึ้น ระหว่างที่เรากำลังนั่งดาวริมชายหาด
“อืม...จำแม่นดีเนอะ” แจวอนหัวเราะแฮะๆ เพราะเค้าไม่เคยนับวันเวลาเลย
ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ให้ความสำคัญ แต่ทุกๆวันที่มีผู้หญิงคนนี้อยู่ข้างๆ เค้าไม่คิดจะสนใจสิ่งใดอีก
“จำไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอก นี่มันวันเกิดฉันนี่หน่า แค่นายยังไม่ลืมวันเกิดฉันก็ดีใจมากและ” ฉันพูดอย่างปลงได้
เพราะเค้าดันขอฉันเป็นแฟนด้วยความเมาต่อหน้าพี่ปริ้นซ์ในวันเกิดฉันปีที่แล้ว เราก็เลยกลายเป็นแฟน(รึเปล่า?) มาเป็นปี จะเลิกกันก็เกรงใจพี่ปริ้นซ์ และเราเองก็รู้ใจกันดีอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาอะไร (แน่หรือ)
“แจวอน นายอยากเลิกกับฉันมั้ย” จู่ๆคำถามนี้ก็ผุดขึ้นมา และหลุดโพล่งไปทันที ทำเอาแจวอนถึงกับอ้าปากค้าง
“นายก็ไม่ได้แย่อะไรหรอกนะ เพียงแต่ ฉันว่าเราทำตัวเหมือนเพื่อน ถึงบางทีจะมากกว่าเพื่อนก็เหอะ แต่ไงเราเองก็รู้ใจกันดี ว่ารู้สึกกับอีกฝ่ายยังไง และเวลานายหรือฉันอยากจะควงใครมาเจอกันจะได้ไม่ต้องมีปัญหาไง” เมื่อหลุดพูดไปแล้ว ฉันจึงสารภาพความรู้สึกที่มีอยู่ในใจจนสิ้น
ฉันกับแจวอนคบกันไม่เคยปิดกั้นอีกฝ่าย แต่ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธตัวเองได้ว่าเค้าเป็นผู้ชายที่ฉันรักมากพอๆกับพี่ แต่ขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่เคยหยุดที่เค้าแค่คนเดียว สำหรับตัวฉัน ถ้าเค้าขอให้ฉันเลิก ฉันก็อาจจะทำได้นะ แต่ถึงงั้นเหอะ ฉันก็ไม่หวังว่าเค้าจะหยุดเจ้าชู้เพราะฉันด้วย
บางทีการคบผู้ชายเล่นๆของฉัน มันคงเป็นเพราะไม่อยากเหงาหรือฟุ้งซ่านเวลาเห็นแจวอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่นมั้ง
“เธออยากเลิกกับฉันขนาดนั้นเลยเหรอ” แจวอนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบจนจับความรู้สึกไม่ได้
“ไม่รู้ซิแจวอน บางทีฉันอาจจะอยากมีคนรักคนเดียวแบบคนอื่นๆมั้ง”
ที่ฉันคบคนไปเรื่อยๆ ก็เพียงแค่อยากจะให้มีคนรักและเอาใจใส่ฉันเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าเป็นความรักจอมปลอม ฉันก็ไม่เคยเกี่ยงเพราะฉันเองก็แค่รู้สึกดี แต่ไม่ได้จริงจังอะไร
แต่พอเห็นเพื่อนๆมีคนรักจริงๆ มันทำให้ฉันอยากจะลองหยุดอยู่กับใครที่เค้ารักฉันจริงๆซักที แต่นั้นก็คงต้องเริ่มจากปล่อยให้คนรักหรือเพื่อนรักก็ไม่รู้ไปตามทางของเค้าก่อน
“แล้วทำไม คนนั้นถึงเป็นฉันไม่ได้หล่ะ” สิ้นเสียงนุ่มหวาน ริมฝีปากบางก็ถูกฉวยโอกาสโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งที่จูบกันก็ออกบ่อย แต่ทำไมจูบครั้งนี้มันถึงได้แสนหวานยากเกินกว่าจะทอดถอนได้นะ
“แจวอน อย่าพูดเพราะรู้สึกผิด อย่าพูดเพราะเราเป็นเพื่อนรักกัน อย่าพูดเพราะเกรงใจพี่ปริ้นซ์ อย่าพูดเพราะบรรยากาศมันพาไป อย่าพูดเพราะนายสับสน และอย่าพูดพะ...” ไม่ทันได้พูดจบดังที่ใจคิด ปากหนาก็รีบประกบปิดเสียงทันที
นายจะทำให้ฉันหวั่นไหวไปถึงไหน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าที่ฉันรู้สึกนี้ คือฉันรักนายจริงๆรึเปล่า และถ้านายยิ่งทำให้ฉันแน่ใจ ฉันคงทนกับเก็บความหึงต่อไปไม่ได้แน่ๆ
“ฉันรักเธอควีน รักแบบรักจริงๆ รักแบบที่ฉันไม่เคยรักใครมาก่อน ถึงฉันจะไม่เคยหยุดที่เธอ แต่ฉันก็ไม่เคยมีใครในใจนอกจากเธอ แค่นี้มันพอมั้ย ที่ฉันจะขอเป็นคนสุดท้ายของธอ” นัยน์ตาแกร่งสบตาแทนความจริงใจน้อยครั้งนักที่เค้าจะจริงจังแบบนี้
“แจวอน นายแน่ใจได้ยังไงว่าระหว่างเราคือความรักจริงๆ ไม่เหมือนความรักที่เรามีให้พี่ปริ้นซ์หรือต้นน้ำ ไม่ใช่ความเป็นเพื่อนที่สนิทกันจนแยกความรู้สึกไม่ออก ฉันเคยบอกนายใช่มั้ย ว่าที่ฉันไม่เคยคบใครจริงจัง เพราะฉันไม่อยากเจ็บปวด ถ้าคนที่ทำให้ฉันเจ็บปวดคือนาย ฉันไม่แน่ใจหรอกนะ ว่าจะทนได้รึเปล่า” น้ำตาสีใสค่อยๆไหลออกมาอย่างอดไม่ได้
“ฉันจะทำให้เธอมั่นใจเอง ทุกครั้งที่เธออยู่กับคนอื่น รู้มั้ยฉันหึงจนแทบเป็นบ้าขนาดไหน ทุกครั้งที่เธอเย็นชาเวลาที่ฉันมีคนอื่น รู้มั้ยฉันเจ็บปวดใจแค่ไหนที่เธอไม่สนใจฉัน ไอ้คาสโนว่าบ้าๆ ฉันก็แค่เอามันมาปิดความรู้สึกอ่อนแอที่ไม่กล้ารักเธอต่างหาก ควีน ให้โอกาสฉันนะ อย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะมั่นใจว่าคนที่เธอรักไม่ใช่ฉันจริงๆ” คราวนี้ตาเค้าเริ่มแดงมีหยาดน้ำสีใสเอ่อล้นในดวงตาสะท้อนความจริงใจ
นายรักฉันจริงๆเหรอ นายจะหยุดที่ฉันได้จริงๆเหรอ เพราะถ้าถามฉัน ไม่ลังเลอีกแล้วที่จะตอบว่า ฉันจะหยุดที่นายคนเดียวจริงๆ
“ว่าไงยัยบ๊อง เอาแต่ร้องไห้ จนฉันจะร้องตามอยู่แล้วนะ” มือหนาปาดน้ำตาตนเองก่อนจะช่วยฉันเช็ดน้ำตาบ้าง
“ดุจัง นายแน่ใจนะว่ารักฉัน ให้โอกาสครั้งสุดท้ายแล้วนะ” ฉันทำเป็นแหย่เปลี่ยนบรรยากาศ เดี๋ยวทะเลจะหวานเสียหมด
“จะให้พูดฉันกี่ทีนะ ฉันรักเธอควีน รักมากด้วย”
“ผมรักควีน รักควีน รักควีน...” แจวอนหันไปตะโกนกับผืนน้ำ
“พอแล้วๆ เชื่อแล้ว แต่นายต้องเลิกกับผู้หญิงทุกคนนะ”
“ครับผม ควีนก็เหมือนกัน ลบเบอร์กับเมลล์ผู้ชายให้หมดสต๊อกนะ”
“รู้แล้วจ้า เข้าบ้านกันเหอะ ลมแรงแล้ว”
“อะไร พอได้เรื่องที่ต้องการก็หนีเลยเหรอ แจวอนบอกรักควีนไปแล้ว ควีนยังไม่ได้บอกรักแจวอนเลยนะ”
“พูดมาหมดเปลือกขนาดนี้ ยังไม่รู้อีกเหรอ”
“รู้ แต่อยากฟังนี่ แจวอนรักควีนนะ”
“ควีนก็รักแจวอน” ฉันบอก ก่อนจะเป็นฝ่ายประกบริมฝีปากจนแนบสนิท ถ่ายทอดความรักที่มีหมดทั้งใจ
3. ตอนจบของคุณหล่ะ :
“ควีน เธอเหล่ผู้ชายคนอื่นอีกแล้วนะ”
“จะบ้าเหรอ เค้าแค่มาถามทาง นี่ฉันแต่งตัวเป็นยัยป้าแบบนี้ยังจะหึงไม่เข้าเรื่อย” ฉันแหวใส่
หลังจากตกลงคบกันจริงจัง ทั้งฉันและเค้าก็สลัดมาดคาสโนว่าและคาสโนวี่โดนสิ้นเชิง
แจวอนแค่เลิกเซตผม แต่ตัวนักศึกษาสบายๆ ใส่แว่นไร้กรอบอีกนิดให้ดูเคร่งขรึมขึ้น แต่ฉันกลับโดนนายนั่นบังคับให้ใส่แว่นเฉิ่มๆ ผมที่พยายามหวีให้เรียบร้อย ก็ดูนายนั่นขยำจนเป็นยัยเพิ้ง แถมชุดนักศึกษาก็ตัวโคร่ง กระโปรงยาวแทบคลุมตาตุ่ม หมดกันภาพพจน์ฉัน
“ก็ขนาดเธอแต่งแบบนี้ ไอ้พวกเด็กเรียนยังจ้องเธอตาไม่กระพริบเลย ต่อไปนี้เธอห้ามห่างจากฉันเกิน 5 เมตร จำไว้”
“ทีนายมีสาวๆมาจีบ ฉันยังไม่เคยว่านายเลยนะ”
ถึงเค้าจะเลิกทำตัวเด่น แต่ความหล่อของเค้าก็ไม่ได้ลดลงไปเลย จึงไม่แปลกที่มีสาวๆมาขายขนมจีบให้
“เธอก็ว่าสิ จะได้หายกัน เธอเล่นให้ฉันหึงฝ่ายเดียวได้ไงอ่ะ” ไม่พูดอย่างเดียว แต่คว้าตัวฉันไปกอดเฉยเลย
“พอเลย ฉวยโอกาสอีกแล้ว ตั้งแต่เลิกเป็นคาสโนว่า จะเปลี่ยนตำแหน่งเป็นโรคจิตแทนรึไง”
“ก็ฉันมีเธอให้รัก ให้มอง ให้หวง ให้หึงคนเดียวนี่หน่า ต่อไปนี้เวลาฉันอยากรักใครเมื่อไหร่ เธอก็ต้องพร้อมให้ฉันรักด้วย ฉันรักเธอนะ ควีน” พูดจบก็หอมแก้มซ้ายขวาสามสี่ฟอดเอาให้แก้มช้ำกันไปข้าง
“รู้แล้วๆ เลิกหอมแก้มซะทีได้มั้ย แก้มช้ำหมดแล้ว” ฉันพยายามดันแจวอนให้ห่างตัว
“งั้นขอจูบแทนแล้วกันนะ” แจวอนส่งสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะประกบริมฝีปากมอบจุมพิตรสน้ำผึ้งทันที ไม่ให้ฉันได้คัดค้าน
แต่ก่อนเค้าก็ยังคบกับสาวๆคนอื่น อดอยากปากแห้งจากฉัน ก็ยังมีที่ให้ระบาย แต่นี่มีคนรักคนเดียว เห็นทีฉันคงได้ตายคาอกหมอนี่แน่ๆ มักมากจริงๆเลย เอะอะหอม เอะอะจูบลูกเดียว ถ้าไม่ติดพี่ปริ้นซ์ มีเอะอะปล้ำชัวร์
แต่ทำไงได้ ก็ดันรักเค้าไปซะแล้ว และแค่เค้าหยุดที่เราคนเดียว รวมไปถึงการที่เค้าเป็นรักแรกและรักเดียวของเรามาตลอด ก็ยิ่งทำให้รักเค้ามากเกินกว่าจะตัดใจได้
ฉันรักนายนะ แจวอน...รักแรกของฉัน
ความคิดเห็น