ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของNin_norN

    ลำดับตอนที่ #15 : ใบสมัครวุคกี้

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 52


    ใบสมัครวุคกี้

    ประวัติ ::
    เป็นลูกคนเดียวของบ้าน จึงเปรียบเหมือนพรจากสวรรค์ตามชื่อของเธอ ซอง อึน เพราะคุณแม่เป็นคนมีลูกยาก กว่าจะมีเธอมาได้เรียกได้ว่าหาหมอที่เก่งที่สุดมานับสิบๆคนเลยทีเดียว ที่บ้านมีกิจกการส่วนตัวคือบริษัทเดินเรือส่งออกสินค้าอันดับหนึ่งของเกาหลี ฐานะไม่ต้องพูดถึง ติดหนึ่งในสิบของคนรวยในเกาหลี พ่อของเธอทำงานอยู่คนเดียว โดยแม่ของเธออยู่ดูแลเธอที่บ้าน เธอจึงไม่ขาดความอบอุ่นจากครอบครัวเลย และด้วยความสดใสน่ารักของเธอนั่นเองที่ทำให้คนในบ้านรักและตามใจเธอที่สุดไปเลย จึงไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไร เรื่องเรียนเธอก็เอาให้ผ่านไปในเกณฑ์ดีไม่เครียดกับตัวเอง เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า อ๋อใช่ ลืมบอกไป ว่าเธอน่ะ นักกิจกรรมตัวยงของโรงเรียนเลยนะ ตำแหน่งที่กินขาดครองมาได้ตลอดเวลาที่เรียนคือ ประชาสัมพันธ์โรงเรียน ด้วยความพูดเก่ง (หรือพูดมากหว่า) ของเธอนั่นเอง

    รูป ( ขอตั้งแต่ 2 รูปขึ้นไปนะค๊า ) ::





    ชื่ออิมเมจ :: ลีอาห์ ดิซอน

    ชื่อตัวละคร ( ขออย่าซ้ำนะค๊า เอาง่ายๆสั้นๆ จำได้เน่อ ) ::
    ฮาน ซอง อึน (พรจากสวรรค์)

    อายุ ::
    17


    นิสัย ::
    พูดมาก คือเอกลักษณ์ประจำตัวของเธอ เธอไม่สามารถทนอยู่เงียบๆได้นานเกิน 2 นาที แม้แต่ตอนกินข้าวเธอก็จะขอหาเรื่องฮาๆมาเล่าให้เพื่อนฟังตลอด เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา นอกจากจะพูดมาก เธอยังฮา รั่ว ติ๊งต๊อง และซุ่มซ่ามขั้นเทพ เธอมักจะอ้างกับคนอื่นเสมอ ว่ามันคือ skill ชั้นสูง ซึ่งไม่มีใครลอกเลียนได้ อย่างน้อยเธอต้องล้มวันละ 1 ครั้ง ไม่งั้นคงจะนอนไม่หลับ ถึงจะพูดมาก แต่ก็เป็นคนที่รักษาความลับได้ขั้นเทพ รักเพื่อนสุดๆ ตายแทนเพื่อนตายเลย ใครมีเรื่องไม่สบายใจเธอก็ปลอบเก่งเป็นที่สุด ใช้ชีวิตชิวๆ ง่ายๆ ไม่วุ่นวายตามประสาเด็กต๊อง

    สิ่งที่ชอบ ::
    ลูกอมรสสตอเบอร์รี่ (มีอยู่ในกระเป๋ากระโปรงไม่จำกัด หมดเป็นหยิบมากินใหม่ เพราะพูดมาก เดี๋ยวปากเหม็น ไม่ใช่ ชอบกินเฉยๆ แต่ฟันไม่ผุนะ)

    สิ่งที่เกลียด ::
    สัตว์มีขนทุกชนิด โดยเฉพาะลูกหมา กลัวขึ้นสมองเลย

    ขอสัมภาษณ์หน่อยนะค๊า

    ชื่ออะไรค๊า ::
    หนอน

    อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ::
    18

    ทำไมถึงอยากมาออดิชั่นนางเอกของวุคกี้ล่ะค๊ะ ::
    อืม....บทตรงกะนิสัยตัวเองสุดๆอ่ะค่ะ ก็เลยเอาชีวิตจริงมาตอบ ง่ายดี (จะติดมั้ยเนี่ย)

    - คุณเป็นคนพูดมากผิดกับวุคกี้ที่ไม่ชอบพูดเลย คุณจะชวนเค้าคุยอย่างไรให้สนุกสนานจนเค้ายิ้มออกแล้วหันมาคุยกับคุณ โดยที่เค้าไม่เบื่อคุยเลยซักนิด แต่พวกคลั่งกับต้อนคำโกหกให้วุคกี้คุณจะแก้ตัวว่าอย่างไร เพื่อให้พวกนั้นนั่นละหน้าแตก

              อันนี้ชีวิตจริงเพื่อนสนิทก็ไม่คุย อารมณ์แบบก็แถไปเรื่อยๆ มีเรื่องอะไรก็เล่าให่หมด ยังไงเสียงเราก็ต้องทะลุเข้าไปในหูเข้าอยู่ดี จะยกตัวอย่างซักเรื่องน่ะ

            “อ่านไรอยู่เหรอ” ฉันถามหนุ่มแว่น ที่ต้องย้ายที่มานั่งติดกันในเทอมนี้

            “.......” แว่นไม่ตอบแต่พลิกปกหนังสือเรื่อง ยอดนักสืบสายรุ้ง ให้ดู แล้วอ่านต่อไป

            ถ้าจะเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ไม่โอมั้ง แต่ใครจะสน คนอย่างซองอึนน่ะ ทำให้โลกสดใสได้เสมอ

            นายแว่นจ๋า นายเตรียมตัวเป็นเพื่อนฉันซะดีๆ ฉันจะทำให้โลกนายมีแต่เสียงหัวเราะให้ดู

            “นักสืบสายรุ้งนี่เอง ฉันก็อ่านเหมือนกัน นายชอบอ่านนิยายสืบสวนเหรอ” ฉันยังถามต่อ

            “อืม” แว่นพยักหน้าเบาๆ

            “จริง เหมือนกันเลย ฉันก็ชอบอ่านนะ แล้วนายเคยอ่านสารวัตรอินุโอเอะป่ะ เรื่องนั่นน่ะฮาสุดๆไปเลย”

            “ไม่เคย สนุกมากเหรอ” แว่นหันมาถามอย่างสนใจ

            “ใช่ๆ นักสืบสายรุ้งอ่ะก็หนุกนะ แต่เครียดไปหน่อย ถ้านายอ่านเรื่องที่ฉันว่าต้องฮาสุดๆแน่นอน อารมณ์แบบเป็นตำรวจแก่ๆที่ไม่ค่อยสนใจงาน มีคู่หูหนุ่มเอาจริงเอาจังที่เป็นคนเดียวที่ยอมจับคู่กับสารวัตรคนนี้ พอเวลาไปสืบนะ ถ้าไม่มีของกินล่อก็ไม่สนหรอก ลูกน้องคนนั้นก็หัวปั่น ต้องพยายามสืบให้ได้ แต่ผลสุดท้ายนะ สารวัตรของเราก็คลี่คลายได้ทุกที ทั้งที่ไม่เห็นทำไรเลย” แว่นจ้องฉันตาใสตั้งใจฟังสุดฤทธิ์

              “อืม...แต่ฉันรู้สึกไม่เคยได้ยินชื่อเรื่องแบนบนี้เลย เธอหาอ่านจากไหนเหรอ”

              “อ๋อ เป็นหนังสือแปลของญี่ปุ่นน่ะ ถ้านายไม่เข้าได้ไปแผนกหนังสือแปลอาจจะไม่เห็น อยากอ่านป่ะหล่ะ ฉันเพิ่งเอาเล่มใหม่มา รับรอง นายไม่ขำฉันให้เตะเลย แล้วถ้านายสนใจ ฉันจะเอาเล่มแรกๆมาให้อ่าน”

            “จะดีเหรอ” แว่นถามอย่างเกรงใจ

            “ทำไมจะไม่ดี เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ ว่าแต่นายชื่ออะไร”

            “พรืด หึ หึ” แว่นทำท่าหลุดขำ ก่อนจะเอามือปิดปากฝืนหัวเราะ

            “หัวเราะไร ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้ขำเลยนะ” ฉันทำปากยื่นใส่

            “ก็เธอเล่นคุยกับคนแปลกหน้าเป็นฉากๆ  แถมยังนับฉันเป็นเพื่อน ทั้งๆที่ไม่รู้จักชื่อ มัน...แปลกอ่ะ” แว่นอมยิ้มนิดๆ

            “ก็ทำไม คนเราทุกคนก็เพื่อนร่วมโลกกันนี่ ฉันแนะนำตัวก่อนและกันเนอะ ฉัน

            “ซองอึน ลี ซอง อึน ไม่มีใครไม่รู้จักประชาสัมพันธ์โรงเรียนคนเก่งหรอก”

            “ไม่ขนาดนั้นหรอก นายหล่ะ”

            “ฉันคิมเรียววุค ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

            “เช่นกันๆ เอางี้ดีกว่า ฉันเล่าเรื่องคร่าวๆของอินุอุเอะให้นายฟังดีกว่า นักสืบสายรุ้งอ่ะ ไว้อ่านที่บ้าน” ฉันปิดหนังสือเรียววุค แล้วสอดเข้าใต้โต๊ะ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องเล่มแรกให้ฟัง

            “ซองอึน อาจารย์เข้าแล้วนะ” เรียววุคทัก ระหว่างเล่าเข้าเล่มที่ 2

            “ช่างจารย์ดิ เล่าต่อๆ” เมื่อน้ำลายแตกฟอง อาจารย์ก็ไม่อาจมายั้งฉันได้

            เรียววุคส่งยิ้มขำๆมาให้ แต่เค้าก็ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังฉันต่อไป

            “อ๊ะ ไม่เล่าดีกว่า นายเรียนเถอะ” จู่ๆฉันก็คิดจะหยุดเล่า

            “ทำไมหล่ะ”

            “ก็นายเป็นพวกเด็กเรียนไม่ใช่เหรอ ฉันชวนนายคุยงี้ก็เสียการเรียนดิ เอาไว้หลังเลิกเรียนค่อยคุยก็ได้”

            เรียววุคยักไหล่ยังไงก็ได้ เค้าเริ่มหยิบปากกาหันมาตั้งใจเรียน ส่วนฉันก็หยิบนิยายที่เตรียมมาสอดไส้ในหนังสือแล้วเริ่มอ่าน

            ถึงจะหยุดพูด แต่ฉันก็ไม่หยุดไม่ตั้งใจเรียนหรอกนะ อิอิ
             
    “เธอไม่คิดจะเรียนบ้างเหรอ” เรียววุคถาม เมื่อเข้าสู่คาบสาม ฉันก็ยังไม่สนใจเรียนอยู่ดี

            “ไม่อ่ะ ขี้เกียจอ่านนิยายดีกว่า ฉันไม่ได้คิดอยากได้เกรดสูงๆซะหน่อย เอาแค่ไม่น่าเกลียด พ่อแม่ดีใจก็พอและ” เรียววุคยิ้มนิดๆ แล้วหันไปเรียนต่อ แต่ในใจคิดถึงเพื่อนใหม่ที่นั่งข้างๆ

            ผู้หญิงคนนี้แปลก ตอนแรก เค้าคิดว่าเธอจะเป็นพวกสวย รวย ดัง หยิ่งเสียอีก แต่พอได้มาคุยจริงๆ เธอกลับเป็นคนละแบบกับทีเค้าคิด เธอสวยจริง แต่เธอเป็นคนร่าเริง ฮาๆ ถึงหลายคนก็บ่นว่าเธอพูดมาก แต่นั่นมันก็นิสัยเธอ แต่ดูก็เหมาะกับคนไม่พูดอย่างเค้าหล่ะมั้ง

            --------------------------------------------------------------------

            พูดให้พวกนั้นหน้าแตกน่ะเหรอ เอาเป็นว่าพวกคลั่งโกหกวุคกี้ว่าซองอึนมาคุยกับวุคกี้ก็เพราะเป็นหนึ่งในสิบสามนักบาส อยากอ่อยผู้ชายในทีมบาส เลยใช้วุคกี้เป็นสะพาน

            “อ่ะแฮ่ม” ฉันกระแอมดังๆ เรียกความสนใจจากบรรดาคลั่งที่รายล้อมเรียววุค

            “เอ่อ...เรียววุคพวกเราไปก่อนนะ” พวกคลั่งเตรียมจะเผ่น เมื่อฉันแผ่รังสีอำมหิตไป

            “ทำไมเหรอ พูดเรื่องฉันไม่ใช่รึไง” ฉันทำหน้าใสซื่อ แต่ในใจแทบจะกระโดดฉีกยัยพวกนี้

            “กะ...ก็ใช่ เธอน่ะ ไม่คู่ควรกับนักบาสเราเลยซักนิด ชอบทำเป็นอ่อยวุคกี้” คลั่งคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

            “เหรอ...แล้วที่ว่าคู่ควรเนี่ยมันต้องยังไงเหรอ” ฉันพูดเสียงเรียบ ขยับเท้าเข้าไปใกล้คลั่งที่ว่าฉัน

            “มะ...ไม่ใช่อย่างเธอแล้วกัน”

            “ฉันไม่สนใจหรอกนะ ว่าพวกเธอจะคิดยังไงกับฉัน” ฉันใช้หางตาเหล่ยัยนั้นที่ยืนขาสั่นเพราะรังสีอำมหิตของเสีย

            “แต่กับนายเรียววุค ถ้าความเป็นเพื่อนระหว่างเรามันไม่สำคัญพอที่จะทำให้นายเชื่อฉัน ต่อไปก็ไม่ต้องยุ่งกันอีก เคลียร์นะ” เรียววุคจ้องหน้าฉันด้วยสายตาสับสน

            ฉันเดินหันหลังให้พวกเค้าอย่างช้าๆ อย่าคิดว่าฉันจะยอมหล่ะ แต่ตามหลักจิตวิทยาแล้ว การใช้บทนิ่งเข้าสู้ จะได้ใจอีกฝ่ายเกิดครึ่ง

            1…..2…..3….

            “เดี๋ยว ซองอึน ฉันขอโทษ” เรียววุครีบวิ่งตามมาคว้ามือฉันไว้

            “เรียววุค อย่าพูดเพราะนายไม่แน่ใจ ถ้าใจนายคิดจะเชื่อที่พวกนั้นว่าแค่นิดเดียว ความเป็นเพื่อนเราจะไม่เหมือนเดิมอีก เชื่อฉัน ฉันแค่อยากให้นายสบายใจ” ฉันทำฝืนยิ้มเศร้า

            “ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันเชื่อเธอจริงๆ” เรียววุคกำมือฉันแน่นขึ้นกว่าเดิม

            “นี่พวกคุณ ต่อไปนี้ถ้าจะพูดเรื่องไร้สาระกับผมอีก ก็ไม่ต้องนะครับ มันไร้สาระ” เรียววุคหันไปบอกเหล่าคลั่งที่ยืนอึ้ง

            “แต่ยัยนั่นไร้สาระกว่าเราอีกนะ วันๆดีแต่พูดมาก เสียงก็ดัง น่ารำคาญจะตาย” คลั่งยังไม่ยอมหยุด

            “ครับเค้าอาจจะพูดมากไปหน่อย แต่นั่นก็คือตัวเค้า และผมก็ชอบเค้าที่เป็นเค้า ถ้าพวกคุณรำคาญ ก็กรุณาอย่ามายุ่งกับพวกเราอีก ขอบคุณล่วงหน้าครับ” เรียววุคตอกกลับไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจูงมือฉันออกไป

            “เรียววุคพวกนั้นน่ะ แฟนคลับนายนะ”

            จริงๆก็แค่อยากให้เค้ายืนยันความเชื่อใจต่อหน้าพวกนั้น แต่ไม่คิดว่าเค้าจะปกป้องฉันขนาดนี้

            “ช่างเถอะ เธอสำคัญที่สุดอยู่แล้ว ขอโทษนะที่ไม่เชื่อใจ”

            “ช่างมันเหอะ สิ่งที่นายทำวันนี้มันก็ยืนยันมากพอแล้วหล่ะ ขอบคุณมากนะที่ไว้ใจฉัน”

            “ฉันก็ขอบคุณเธอเหมือนกันที่มาสร้างสีสันให้กับโลกของฉัน” เรียววุคส่งยิ้มสดใสมาให้

            “ก็บอกแล้วซองอึนเป็นพรจากสวรรค์ สวรรค์ก็ต้องให้คนดีๆอย่างนายเจอกับฉันแหงๆ” ฉันหันไปยิ้มตอบแทนมิตรภาพดีๆของเรา


    - หากตอนจบของเรื่องเป็นจบแบบเศร้าคุณจะดำเนินเรื่องอย่างไร ::

           
    พิมพ์แล้วกลับมาแก้อีกครั้งไม่ได้นะจ้ะ :: จ้ะ

    ขอบคุณมากค่ะที่สละอันมีค่ามาสมัคร ^^

    ก็คบๆกันดูใจไปเรื่อย ซองอึนก็มีท่าทีรักเรียววุคสุดๆ แต่ตัวเรียววุดเองก็ดูมีใจ แต่ก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาให้ชัดเจน จนเพื่อนๆSJเลยช่วยกันต้อนให้เรียววุคพูดความในใจที่มีต่อซองอึนออกมา แล้วให้ซองอึนยืนฟังอยู่ข้างหลัง พอเรียววุคบอกว่ารักซองอึนเหมือนกัน ซองอึนก็เลยดีใจ หอมแก้มเรียววุค บอกรักแล้วก็ขอเป็นแฟน แต่เรียววุคกลับตกใจ วิ่งหนีไปดื้อๆ

            แรกๆซองอึนก็คิดว่าเขินไม่เป็นไรปล่อยไป แต่หลังๆเรียววุคชักก็หลบหน้าทุกทีที่เจอ วิ่งหนีทุกครั้งที่เข้าใกล้จนซึลกิเริ่มน้อยใจเรื่อยๆ วันหนึ่งก็เลยวิ่งตามเรียววุคไป แล้วบอกว่า ถ้าไม่คุยกันวันหนี ชาตินี้ก็ไม่ต้องคุยกันอีก เรียววุคชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไป ทำให้ซองอึนเสียใจมาก จากที่เคยเป็นคนพูดมากก็พูดน้อยลง แสร้งทำเป็นมีความสุขให้เพื่อนไม่เครียด

            ส่วนเรียววุคพอไม่มีซองอึนมาวุ่นวายข้างๆ จากที่จะรอจนมั่นใจว่าชาตินี้ว่าซองอึนคือผู้หญิงคนสุดท้ายของชีวิต ก็เลยรู้ใจตัวเองเร็วขึ้น ว่าชาตินี้ขาดยัยพูดมากซองอึนไม่ได้แน่ๆ พอมาง้อ ซองอึนก็สอบชิงทุนเตรียมไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว แถมยังเอาแต่หลบหน้าจนไม่ได้พูดกัน

            วันสุดท้ายที่ซองอึนจะไป เพื่อนๆก็ช่วยกล่อมให้ลงทิฐิ ซองอึนเลยยอมฟังเรียววุค เรียววุคขอซองอึนเป็นแฟน และมอบแหวนขอหมั้นจองล่วงหน้า ซองอึนปฏิเสธไม่ยอมเป็นแฟน แต่รับแหวนไว้ และบอกว่าอีก 4 ปีแล้วจะกลับมาให้ และอีก 4 ปีถัดมาทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×