ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของNin_norN

    ลำดับตอนที่ #5 : ใบสมัครสำหรับตุ๊กตาของเฮลซิงกิ

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 51


    ใบสมัครสำหรับตุ๊กตา

    ใบสมัครนางเอกเฮลซิงกิ((แจจุง))

    คำถามสีแดง คำตอบสีดำนะคะ^^ คำตอบตัวหนาด้วยค่ะ

     

     

    ชื่อภาษาไทย / นามสกุล((ออกแนวฝรั่งอย่างเอนซานเดีย)) / ชื่อเล่น ((พร้อมสะกดภาษาทั้งอังกฤษ)) :: 

    ชื่อ โลบีเรีย (Lobelia) ชื่อกลาง โลลิต้า (Lolita)  นามสกุล พาย (Pia)  ชื่อเล่น โลลิ (Loli)

    น้ำหนัก / ส่วนสูง (( ขอแบบพอดีๆ ให้ทนไม้ทนมือเฮลซิงกิหน่อยเน้ )) :: 47 / 173

    ลักษณะของตุ๊กตา ((หน้าตาและลักษณะเด่น )) :: ผมสีชมพูอ่อน เป็นลอนยาวถึงเอว ดวงตาสีเทาเปล่งประกายความสดใส จมูกโด่งโค้งเป็นสันกำลังดี ริมฝีปากเรียวบางสีพีซ ผิวสีขาวซีดจนดูเหมือนคนป่วยเป็นโรค แต่ทว่าพวงแก้มกลับเป็นสีชมพูระเรื่อดูเปล่งปลั่ง ลักษณะเด่นเฉพาะคือ กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกโลบีเรียที่หอมหวนอบอวลทั่วร่างกาย

    ถูกเซตโปรแกรมมายังไงบ้าง? (( อันนี้ไม่ใช่นิสัยนะ เซตโปรแกรมคือพวกระดับความอดทนไรงี้ )) ::  ความอดทน 99.99 %  ความขยัน 95 % ความเรียบร้อย 80% ความเงียบนิ่ง 70 % การวางตัว 85 % ความดี 90 %

    ลักษณะนิสัย (( 5 บรรทัดขึ้น ขอแบบละเอียดๆ ยิ่งดี ยิ่งยาวยิ่งพิจารณา ไม่จำกัดบรรทัด แต่อย่าเว้นบรรทัดตอบ )) ::  เป็นตุ๊กตาที่ร่าเริงเมื่ออยู่กับคนที่ไว้ใจ แต่ยามอยู่กับคนแปลกหน้าจะรู้จักว่าตัวและนิ่งเงียบสังเกตการณ์ก่อน เป็นตุ๊กตาที่ถือคติว่า เกิดมาเพื่อทำหน้าที่ รอยยิ้มของเจ้านายคือความสุข ด้วยคติพจน์นี้เองจึงทำให้โลลิมักจะทนกับสถานการณ์ทุกอย่างได้ เธอเป็นคนละเอียดอ่อน ชอบศึกษาพฤติกรรมเจ้านาย อยากให้เจ้านายมีความสุขจึงเป็นคนช่างสังเกต ดูว่าเจ้านายชอบหรือไม่ชอบอะไร และจะทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้านายมีความสุข โลลิเป็นคนรักการอ่าน บางครั้งก็จะชอบพูดเรื่องวิชาการมากๆจนดูน่ารำคาญ ไม่ชอบคิดร้ายต่อใคร แม้บางครั้งจะโกรธมากๆ แต่ก็มักจะคิดโทษว่าเป็นความผิดของตนเองเสมอ เลยเก็บกดบ้างเป็นบางครั้ง

    เป็นเจ้านายหรือตุ๊กตา :: ตุ๊กตาของเฮลซิงกิ

    เหตุผลที่เลือกมาอยู่กับเจ้านายคนนี้ (( ตอบดีๆ อย่าเล่นมา ห้ามตอบตามใจคนแต่ง 3 บรรทัดขึ้น)) :: รู้สึกถึงแววตาปวดร้าวที่ซ่อนอยู่ใต้บุคลิกหนุ่มเจ้าสำราญ และแรกพบสบตากับเฮลซิงกิ โลลิก็มีความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นภายในตัว รู้เพียงอย่างเดียวว่า หน้าที่ของเธอคือสร้างความสุขให้มนุษย์ และเธอจะต้องสร้างรอยยิ้มจากใจให้ชายผู้นี้ให้ได้

    ชอบ / ไม่ชอบ :: สิ่งที่ชอบมากๆก็คือการได้อ่านหนังสือท่ามกลางดอกไม้ ยิ่งถ้าเป็นดอกโลบีเรีย แม้จะไม่ได้มีกลิ่นหอมจับใจเท่าดอกไม้อื่นๆ แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเธอที่เธอภาคภูมิใจ แต่สิ่งที่เธอชอบมากกว่านั้นก็คือ รอยยิ้มจริงใจของเจ้านายที่หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร

              ส่วนสิ่งที่ไม่ชอบก็คือ สุนัข เพราะตอนถูกสร้างเคยโดยสุนัขกัดทึ้ง จนมีรอยที่เอว เลยยากที่จะมีคนอยากซื้อตุ๊กตามีตำหนิอย่างเธอ

    งานอดิเรก :: อ่านหนังสือกับปลูกดอกไม้

    ความสามารถพิเศษ :: เสียงร้องเพลงและท่าทางร่ายรำราวกับดอกไม้พลิ้วไหว กลางสายลม สามารถทำให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ไร้กังวล

    ของรักของหวงของคุณ ((ของที่เจ้านายให้นะ มีรูปด้วยก็ดี ถ้าไม่มีขอรายละเอียดหน่อย)) :: ยางมัดผมรูปดอกโลบีเรียสีขาว เพราะเฮลซิงกิไม่ชอบให้โลลิปล่อยผม ด้วยผมสาวสลวยของเธอมีกลิ่นหอมที่ทำให้ใครๆต่างก็ใจสั่น โดยยางมัดผมชิ้นนี้เป็นของชิ้นแรกที่เฮลซิงกิมอบให้ และเป็นครั้งแรกที่เค้าดูอ่อนโยนกับเธอ

              อีกชิ้นอีกแหวนเงินเกลี้ยงที่สลักชื่อ เฮลซิงกิ ไว้ด้านในที่เค้าใส่เป็นประจำ ซึ่งเค้าได้มอบให้เธอในวันที่เค้าสารภาพรักกับเธอนั่นเอง แม้จะไม่สามารถรับรักเค้าได้ แต่ในเมื่อเค้าไม่รับคืน แหวนวงนี้จึงเป็นอีกความรู้สึกดีๆที่เธอมีให้เจ้านาย

    เพลงประจำคู่คุณ พร้อม เนื้อเพลงและความหมาย (( ขอแนวเศร้าๆ)) :: Remember ของ TVXQ
    [Hero] จะมีความรู้สึกอย่างไรนะ สิ่งที่มีอยู่กำลังลบร่องรอยของเธอไป
    ในหัวใจก็มีความทุกข์ทรมานรุนแรงขึ้น รอยแผลที่มีกำลังเลือนราง..

    [Micky] มันก็ทำให้หัวใจเกิดว่างเปล่า oh.. please let me know

    [All] It's not the face we called what love is like..

    [Xiah] ฉันพูดด้วยหัวใจ เวลาที่สองเท้าก้าวเดินในเส้นทางสายนี้
    ฉันสวดมนต์อ้อนวอน (ไม่ว่าอยู่ที่ไหน) ฉันก็รู้แล้ว

    [U-know] เหมือนในตอนแรก จะยืนอยู่ที่ตรงนั้นสักหน่อยได้ไหม

    [All] ฉันมีแต่น้ำตา

    [Micky] ในความทรงจำเรื่องเธอ

    [Max] จะทิ้งหัวใจที่ว่างเปล่าได้มั๊ยนะ oh.. please let me know

    [All] ฉันคอยแต่ตามรอยเท้าของเธอ

    [All] ฉันพูดด้วยหัวใจ ตรงสุดปลายทางนี้ เป็นที่ๆไม่ไกลเลย
    อยู่ใกล้ๆ (ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน)

    [Micky] เพราะว่าฉันรู้

    [Xiah] เหมือนในตอนแรก อยู่ตรงนั้นสักครู่จะได้ไหม

    [All] ฉันมีแต่น้ำตา

    [U-know] ในความทรงจำเรื่องเธอ

    [All] 'cause I believe in you([Max] I believe in you)
    [All] You just stay forever ([Xiah] Forever)
    [All] and you're my last one like so ever ([Hero] จนชั่วชีวิต..ooh)

    [All] ในชีวิตที่เหลืออยู่สั้นลงทุกที ไม่ว่าวันไหนที่ได้พบฉัน
    ฉันจะไม่มีวันหยุด (ฉันจะยังอยู่)

    [Max] ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันได้พบเธอ

    [Hero] เหมือนในตอนแรก จะยืนอยู่ที่ตรงนั้นสักหน่อยได้ไหม

    [All] ฉันมีแต่น้ำตา

    [Max] ต่อตัวเธอ

     

    อิมเมจของคุณ (( 5 รูปขึ้น )) :: ยูโกะ อะไรซักอย่าง ดาราญี่ปุ่นค่ะ

    ชื่ออิมเมจของคุณ ::




    อิมเมจของสุดที่รักของคุณ ::

    ************************************************************

     

    คำถามทั่วไป ส่วนที่ 1

     

    1.)ชื่อของผู้สมัคร / อายุ :: หนอน 18 ปีค่ะ

    2.)ถ้าติดเรื่องนี้แล้วต้องเม้นติชมเนื้อเรื่องด้วย ห้าม เม้นๆๆๆ หรือ สนุกดี อย่าลืมมาอัพ ให้เม้นจริงๆ ติชมกันมาจริงๆ และถ้ารี่หายต้องทวงนะ ถ้าไม่มีใครทวงมันจะเปื่อยๆยังไงไม่รู้

    :: แน่นอนค่ะ แค่เขียนใบสมัครก็ตื่นเต้นอยากลุ้นจะแย่แล้ว รู้สึกเหมือนว่าได้เป็นส่วนรวมในละครยิ่งใหญ่ไงไม่รู้ อิอิ (ยอแบบนี้จะช่วยให้ติดมั้ยนะ)

    3.)คิดเห็นยังไงกับพล็อต Real Doll :: ปกติไม่ค่อยชอบเรื่องเศร้าๆเท่าไหร่ เพราะรู้สึกเศร้า (กวนนะเนี่ย) เป็นคนค่อนข้างเซนซิทีฟ ร้องไห้ง่าย แต่ก็อยากลองลุ้นกับความรักครั้งนี้ดู ไม่แน่อาจจะพลิกล๊อตสมหวังตอนจบก็ได้มั้ง

    4.)ถูกใจกับบทบาทที่สมัครและคาแรกเตอร์ของพระเอกบ้างไหม :: ค่ะ ตอนแรกที่เลือกเป็นนางเอกของแจจุง เพราะชอบแจจุงเป็นการส่วนตัว แต่ก็แอบคิดพล๊อตเรื่องในใจและ แต่พอมาอ่านก็นะ แอบตรงอ่ะ เนื้อคู่ป่ะเนี่ย แหะๆ ล้อเล่นค่ะ ก็ดีค่ะ ถูกใจดี

    5.)บอกได้ไหมว่าจะไม่หายถ้าติด รี่ไม่ค่อยเชื่อ เพราะสัจจะไม่มีในหมู่โจร :: แน่นอนค่ะ จริงๆก็แอบแต่งนิยายของตัวเอง แต่ขี้เกียจซะเยอะ มีรี่ก็ดี บอกไอเดีย แล้วรี่ช่วยสานฝัน

    6.)ให้เวลารายงานตัว 3 วัน ถ้าหายสละสิทธิ์ คนอื่นได้ :: อ่ะค่ะ แต่จะประกาศเมื่อไหร่อ่ะค่ะ พอดีอยู่หอ ไม่แน่ใจว่าจะมาเช็คดูได้ทุกวันอ่ะเปล่า แต่จะพยายามค่ะ ถ้าติดอ่ะนะ (อยากติดอ่า)

     

     

    คำถามทั่วไป ส่วนที่ 2 (( อันนี้ใช้พิจาณาประกอบกับคำถามชิงบท ))

     

    1.)คุณคิดยังไงกับเจ้านายของคุณที่สั่งซื้อคุณมามา (( อธิบาย บรรยาย ความรู้สึก 3 บรรทัด ขึ้น ))

    :: ว้าว หล่อจัง ไม่สิ สวย ไม่สิ น่ารัก พอเค้าก้มลงมามองเราใกล้ๆแบบนี้ รู้สึกแปลกๆจัง ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ผิวเนียนเรียบ ปากเรียวสีหวานนั้น ทำเอาเรารู้สึกไม่มั่นใจเลย เอ๊ะ เค้าบอกจะซื้อเราเหรอ รู้รึเปล่านะ ว่าฉันมีตำหนิน่ะ แต่เอ๋? ทั้งๆที่เค้าก็ดูร่าเริง พูดคุยกับคนอื่นดี แต่ทำไมแววตาเจ็บปวดนั้นยังคงตราตรึงในนัยน์ตาคู่สวยนั้นนะ ยิ้มที่ดูฝืนๆ แต่ก็ยังดูดีนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเจ้าตัว จะดูดีแค่ไหนกันนะ แต่ดีจังนะ ที่เค้ายอมซื้อตุ๊กตามีตำหนิอย่างเรา รับรองเลยว่า ฉันจะต้องเป็นตุ๊กตาที่ถูกใจคุณที่สุดให้ได้

    2.)คิดว่าคู่ของคุณจะรักกันยังไง (( อธิบายหรือจะบทพูดก็ได้ 5 บรรทัดอัพ ))

    ::       เฮลซิงกิ เปลี่ยนความรักที่เคยมีให้คนรักเก่า กลายมาเป็นความแค้นต่อผู้หญิงทั้งโลก แต่ทำไมกันนะ ทุกครั้งที่เค้าเห็นตุ๊กตาที่ไม่มีจิตใจนั้น ทำท่าเสียใจแต่ละครั้ง เค้าถึงรู้สึกปวดร้าวซะเอง ทั้งๆที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมตัวเองต้องเจ็บ เค้าก็ยังผีเข้าผีออก ทำดีบ้าง ทำร้ายบ้าง ขวางหูขวางตาทุกครั้งที่มีคนมาสนใจตุ๊กตาของเค้า นี่มันความรู้สึกบ้าอะไรกันนะ

              โลลิ ตุ๊กตาที่น่าจะไร้หัวใจ ทำทุกอย่างไปด้วยหน้าที่ ต่อให้เฮลซิงกิจะใช้คำพูดหรือการกระทำที่รุนแรงแค่ไหน เธอไม่น่าจะรู้สึกเจ็บปวดนี่ ก็ในเมื่อเธอไม่มีหัวใจ ทั้งที่ถูกเค้าไล่อย่างไม่เห็นคุณค่า แต่พอได้ยินว่าเค้าตาบอด เธอแทบจะวิ่งตรงดิ่งไปหาเค้าเสียด้วยซ้ำ ทำไมเจ็บแล้วไม่รู้จักจำ เกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอหรือโปรแกรมเธอกำลังเสียกันแน่นะ

              อะไรนะ เธอกำลังเสื่อมสภาพงั้นเหรอ อีกไม่นานเธอก็ต้องจากโลกที่สวยงามนี้ไป แล้วนี่เจ้านายพูดว่ารักฉันงั้นเหรอ ไม่ได้นะ เธอเป็นแค่ตุ๊กตา มนุษย์กับตุ๊กตาจะรักกันได้ไง

              “ในเมื่อเรารักกัน แค่นั้นมันก็พอแล้ว” เฮลซิงกิค่อยๆประกบปากบางมอบจุมพิตอันแสนหวานให้ ก่อนที่จะเอนร่างบางให้นอนราบบนเตียง

              ตอนนี้ทั้งเค้าและเธอเป็นมากกว่าเจ้านายกับตุ๊กตาเสียแล้ว ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นเรื่องไม่สมควร แต่เธอก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองให้อ่อนไหวไปไม่ได้ ในเมื่ออีกไม่นานเธอก็ต้องจากโลกนี้ไป ก็ขอให้เธอได้เพื่อตัวเองเธอเอง นอกเหนือจากคำว่าหน้าที่เท่านั้น

    3.)จากกันด้วยความสุข อยู่กันด้วยความทุกข์ มี 2 เส้นทางให้เลือก คุณจะเลือกอะไร?

     :: ก็บรรยายข้างบนไม่หมดแล้ว ก็ขอจากกันด้วยความสุขดีกว่าเนอะ (หรือแบบนี้จะไม่สุขฟ่า)

    4.)ถ้าเป็นไปได้อยากจะได้รักกับเจ้านายของคุณอีกไหม? (( อธิบาย 2 บรรทัดขึ้น ))

    :: อยากแน่นอนค่ะ ใครบ้างไม่อยากให้ความรักสมหวัง แล้วยังจะพรากจากความรักแบบไม่ทันตั้งตัวอีก ต้องต่อภาค 2 โดยด่วน เพราะสงสารทั้งพระเอกทั้งนางเอกอ่ะ ที่ความตายมาพรากให้จากกันอย่างรวดเร็ว

     

    **********************************************************

     

    คำถามชิงบทของเฮลซิงกิ((แจจุง))

     

    1.คุณถือกำเนิดมาจากร้าน Real Doll Image พร้อมกับคำสั่งว่า ทยุติธร ปริทัศน์วงศ์ไพศาลคือเจ้านาย  แวบแรกที่คุณเห็นเจ้านายของคุณ คุณรู้สึกยังไง?((บรรยาย 3 บรรทัดขึ้น))

     ::  ในที่สุดก็มีเจ้านายกับเค้าซะทีเนอะ นึกว่าจะอยู่ดองร้านไปจนตายแล้ว เจ้านายเราคนนั้นน่ะเหรอ ว้าว หล่อจัง ไม่สิ สวย ไม่สิ น่ารัก พอเค้าก้มลงมามองเราใกล้ๆแบบนี้ รู้สึกแปลกๆจัง ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ผิวเนียนเรียบ ปากเรียวสีหวานนั้น ทำเอาเรารู้สึกไม่มั่นใจเลย เจ้านายเราดูร่าเริงจัง ต้องเป็นคนใจดีแน่ๆเลย แต่ทำไมสายตาที่ได้ดูเศร้า เจ็บปวด และมองเราดูเหยียดๆจัง เหยียดๆ? ไม่นะ ถ้าเค้าไม่ชอบเราจะเลือกเราทำไมกัน ช่างมันเถอะ เจ้านายคงจะต้องมีเรื่องทุกข์ใจแน่ๆ งั้นตุ๊กตาตัวนี้จะขอปัดเป่าให้เอง

     

    2.วันแรกที่คุณมาอยู่กับเขาก็ได้เรื่อง แฟนคนปัจจุบันของเฮลซิงกิคิดว่าคุณเป็นกิ๊กคนใหม่ของเจ้านายของคุณ และคุณก็โดนตบล้างน้ำด้วยอีกต่างหาก คุณคิดว่าเฮลซิงกิจะเข้ามาช่วยคุณไหม? (( ข้อนี้ทดสอบความเชื่อใจของที่มีต่อเฮลซิงกิ บรรยาย 3 บรรทัดขึ้น))

    :: ก็คงจะรอให้โดนตบจนโทรม แล้วเฮลซิงกิค่อยเข้ามาห้าม บอกแฟนไปว่า ตอนนี้ไม่ว่าง ไม่มีอารมณ์ ปิดประตูใส่หน้าแฟนไป ก่อนจะลากโลลิไปจัดการที่ห้องของเธอ แต่ก็ไม่วายด่าตุ๊กตาว่า “มือเท้าน่ะมีมั้ย หัดรู้จักโต้ตอบหรือไม่ก็หนีไปซะ หรือว่า..นอกจากจะไม่มีหัวใจ สมองก็ไม่มีรึไงห๊า” พอด่าจนพอใจ ก็เดินออกจากห้องไป ก่อนจะกลับมาพร้อมอุปกรณ์ทำแผลตอนเย็น อารมณ์ให้โลลิเศร้านานๆก่อน ก่อนจะถามด้วยความห่วงใย (รึเปล่า) “แล้วนี่ต้องเอาไปซ่อมที่ร้านเลยมั้ย” โลลิก็ส่ายหน้า ก่อนจะรับอุปกรณ์ทำแผลมาทำเอง ตอนแรกเฮลซิงกิกะจะช่วย แต่เห็นท่าทางอวดดีคว้าไปทำเอง ก็หงุดหงิดเดินไปเลย

     

    3.คุณเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าของร้านถึงตั้งโปรแกรมให้คุณมีความอดทนมากกว่าปกติ เพราะสารพัดสิ่งที่คุณโดนกระทำจากเฮลซิงกินั้นถ้าเป็นคนทั่วๆไปคงทนไม่ได้แล้ว แต่คุณก็ยังทนอยู่..อยากถามว่าคุณทนอยู่กับเฮลซิงกิได้เพราะอะไร?((อธิบาย 3 บรรทัดขึ้น ))

    :: คำว่า หน้าที่ ผลุดขึ้นมาทันทีที่เธอรู้สึกอ่อนล้าและหมดแรง ทำไมโลกนี้ถึงต้องมีตุ๊กตาอย่างเธอน่ะเหรอ ก็เพราะมนุษย์ต้องการตุ๊กตาเป็นที่ระบายอารมณ์น่ะซิ และเธอก็ถูกตั้งโปรแกรมให้อดทนเพื่อหน้าที่นี้ ทำไมเรื่องแค่นี้เธอถึงอดทนไม่ได้นะ  ในเมื่อเธอเป็นตุ๊กตาของเค้า และเค้าเป็นเจ้านายของเธอ เธอไม่มีสิทธิ์คิดว่าทนไม่ได้ เธอจะต้องดูแลเค้าอย่างดีที่สุด โลลิคิดตลอดว่าสิ่งที่รั้งเธอไว้ คือคำว่า หน้าที่ แต่หารู้ไม่ว่า จริงๆแล้ว กำลังมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับตุ๊กตาอย่างเธอ

     

    4.วันหนึ่งคุณขอเฮลซิงกิออกไปเที่ยวกับเจแปน แล้ววันนั้นเกิดฝนตกหนัก คุณค้างที่บ้านของเจแปนกับนางเอกของเจแปน พอกลับมาถึงบ้านเฮลซิงกิ เจ้านายโกรธคุณมาก ไม่พูด ไม่คุยด้วยเป็นอาทิตย์ๆ แถมทำท่าว่าจะไล่คุณออกจะบ้าน คุณจะทำยังไง? ((บรรยายพร้อมบทพูด 5 บรรทัดขึ้นเริ่มจากฉากที่เมินเงียบจนถึงฉากสุดท้าย))

    ::       “เจ้านายค่ะ เจ้านายไม่พูดกับดิฉันมา  1 อาทิตย์กับอีก 3 วันแล้วนะค่ะ” โลลิพยายามใจเย็น พูดคุยกับเจ้านายหน้าบึ้งของเธอ

              “...........” ไม่มีเสียงตอบรับ หรือแม้แต่หางตาก็เถอะ เฮลซิงกิยังไม่แลเลย

              โลลิเองก็พยายามง้องอนเฮลซิงกิจนสุดความสามารถของตุ๊กตาอย่างเธอ ทั้งทำอาหารที่เฮลซิงกิชอบ ร้องเพลงง้องอนเค้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้เฮลซิงกิสนใจเธอแม้แต่น้อย

              กิ๊งก่อง

              เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ทลายความเงียบในห้องนั่งเล่นที่ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา

              โลลิเลือกไปทำหน้าที่ของคนรับใช้ที่ดี ตามที่เฮลซิงกิเคยบอกฐานะของเธอไว้ เมื่อเธอเปิดประตูออกไป ก็พบกับเจแปน

              “หวัดดีโลลิ มารบกวนรึเปล่า” เจแปนเป็นฝ่ายทักก่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง

              “เอ่อ...มีอะไรรึเปล่า” โลลิรีบถาม ก่อนที่เจ้านายเธอจะออกมาเห็น

              แค่นี้เค้าก็อารมณ์เสียกับเธอมาพอ ขืนเจอเธออยู่กับเจแปนอีกเค้าคงไล่เธอออกจากบ้านจริงๆแน่ๆ

              “เราติดต่อเธอไม่ได้เลย ก็เลยมาดูน่ะ” เจแปนบอกเหตุผลที่เค้าโผล่มาที่หน้าบ้าน

              จะติดต่อได้อย่างไรเหล่า ก็ในเมื่อมือถือที่เจ้านายเคยมอบให้ ตอนนี้กลายเป็นเศษเหล็กนอนแอ้งแม้งอยู่ในถังขยะเรียบร้อยแล้ว

              “ไหง หนีหายไปพลอดรักกันทั้งคืนไม่พอ ยังต้องมาต่อหน้าบ้านคนอื่นเค้าอีกรึไง” เฮลซิงกิโวยจากข้างหลังโลลิ

              นี่ถ้าเค้าไม่เดินตามออกมา คงจะไม่รู้หรอกว่าตุ๊กตาเค้ามันก็ไม่ต่างจากผู้หญิงส่ำส่อนที่ไหน

              “พูดอะไรก็ให้เกียรติกันบ้าง ผมกับโลลิไม่เคยทำอะไรเสียหาย” เจแปนออกโรงปกป้องเพื่อนสนิท

              “ไม่เคย แล้วหายกันไปทั้งคืนจะให้คิดยังไง” เฮลซิงกิยังตะแบงหาเรื่องตุ๊กตาทั้งคู่ให้ได้

              “ก็... / เจแปนกลับไปก่อนเถอะนะ” ก่อนที่เจแปนจะอธิบายเรื่องทั้งหมด โลลิก็ขัดขึ้นมาก่อนเพราะกลัวเฮลซิงกิจะอาละวาดหาเรื่องเพื่อนเธอมากไปกว่านี้

              เธอน่ะเป็นตุ๊กตารองรับอารมณ์เค้ามานานแล้ว ไม่ว่าเค้าจะร้ายกาจแค่ไหนเธอก็ทนได้ แต่ถ้าเพื่อนที่แสนดีที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรต้องมามีปัญหาเพราะเธอ เธอคงยอมไม่ได้แน่

              “แต่เรา...” เจแปนทำสีหน้ากังวล ไม่กล้าไปไหน

              “หูหนวกรึไง เค้าไล่กลับไปแล้วจะยืนหาพระแสงอะไร” เฮลซิงกิตวาดใส่ไม่สนใจเลยว่า ตุ๊กตาอย่างพวกเค้าก็มีความรู้สึกเช่นกัน

              “ไม่ต้องห่วงนะ โลลิสบายดี” โลลิฝืนยิ้มให้เพื่อน ก่อนจะดันดึงเจ้านายเข้าบ้าน

              “อย่าเอามือสกปรกของเธอมาจับฉัน” เฮลซิงกิสะบัดมือบางอย่างรังเกียจ

              โลลิไม่ได้ว่าอะไร เธอเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกมาจากห้องแทน

              เมื่อไหร่กันนะ เจ้านายของเธอจะเลิกทำบึ้งตึงกับเธอซักที ถึงแม้ปกติก็ไม่เคยจะทำดีกับเธอเลยก็ตาม แต่เธอชักจะอึดอัดขึ้นเรื่อยๆกับสงครามเย็นที่เค้าสร้างขึ้นเต็มที

              “ทำไม อยู่กับฉันมันน่ารังเกียจนักรึไง”  เฮลซิงกิกระชากโลลิที่กำลังจะเดินไป ให้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดตน

              เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย เมื่อกี้ก็รังเกียจเธอ ตอนนี้มาหาว่าเรารังเกียจ แต่ก็อีกแหละ จะเอาอะไรกับเจ้านายเธอที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆตลอดเวลา

              “ดิฉันไม่มีสิทธิ์รังเกียจเจ้านายของตัวเองหรอกค่ะ” โลลิกล่าวเสียงเรียบ พลางขืนตัวให้ออกจากอ้อมกอดเจ้านายตน

              “ไม่รังเกียจแล้วดิ้นทำไม หรือต้องเป็นไอ้ตุ๊กตาเจแปนนู่น” เฮลซิงกิเสียงแข็ง ผลักโลลิลงไปกองกับพื้น

              โลลิรู้สึกเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก เจ็บกายเท่าไหร่เธอทนได้ แต่ทำไมความรู้สึกแน่นๆที่กลางอกมันถึงได้เจ็บปวดถึงเพียงนี้

              “ทำไม ทำไมไม่พูด ผู้หญิงมันก็เหมือนกันหมด จะคนจะตุ๊กตา มันก็ร่านขาดผู้ชายไม่ได้ซักคน” เฮลซิงกิเขย่าตัวเธออย่างแรง ราวกับเธอเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาที่ไม่มีความรู้สึก

              “พูด ฉันบอกให้พูดได้ยินมั้ย” เฮลซิงกิตะคอกเสียงดังพร้อมกับเขย่าตัวเธอไม่หยุด

              “จะให้ดิฉันพูดอะไรอีกค่ะ ไม่ว่าดิฉันจะพูดอะไรก็ไม่เคยถูกหู เจ้านายซักครั้ง” โลลิเงยหน้าขึ้นสบตาเฮลซิงกิครั้งแรก หลังจากยอมก้มหัวเค้ามานาน

              น้ำตา? หยดน้ำเล็กๆที่ไม่ควรออกจากตาตุ๊กตาอย่างเธอ กลับท่วมท้นที่ขอบตารอจะปลดปล่อยออกมาอย่างไม่ขาดสาย

              เฮลซิงกิมองดวงตาที่สั่นระริกด้วยความเจ็บปวด ทั้งๆที่ตอนแรกเค้าอยากจะใช้คำพูดกับการกระทำร้ายให้ตุ๊กตาที่ไม่รักดีเจ็บปวด แต่ทำไมตอนนี้เค้ากลับรู้สึกทุกข์ใจเสียเอง

              อยากจะให้มือทั้งสองข้างค่อยๆเช็คหยดน้ำตาที่ไหลออกมาช้าๆ แล้วโอบกอดตุ๊กตาร่างบางนี้ไว้ให้หายจากความเสียใจที่เค้าทำขึ้น

              “ถ้าเจ้านายไม่ชอบใจที่ดิฉันคบหากับเจแปน ดิฉันก็จะเลิก ถ้าเจ้านายไม่ชอบอะไรก็บอกก็พูดซิค่ะ ดิฉันเป็นแค่ทาสรับใช้ ไม่ว่าเจ้านายต้องการอะไร ดิฉันก็ทำให้ได้” โลลิกล่าวเสียงสั่น กลั้นเสียงสะอื้นภายในเอาไว้

              เธอรู้ดีว่าเจ้านายเกลียดคนเจ้าน้ำตา เพราะน้ำตา คือมารยาเล่มหนึ่งของผู้หญิงที่ใช้ล่อหลอกให้ผู้ชายตายใจ แต่เธอกลับอยากบอกเจ้านายให้รู้ว่า หยาดน้ำตาเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจเธอเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามทั้งๆที่คอยบอกตัวเองให้อดกลั้นไว้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี

              ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ทั้งๆที่เค้าสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยใจกับผู้หญิงคนไหนแล้วแท้ๆ ไม่ว่าเค้าจะทำร้ายกาจกับผู้หญิงที่ไม่เคยมีความจริงใจมากเพียงใด เค้าไม่เคยเสียใจกับการกระทำของตัวเองแม้แต่น้อย

              แต่ทำไมกับตุ๊กตาตัวนี้เค้าถึงได้มีความรู้สึกประหลาด ยิ่งทำร้ายเธอมากเท่าไหร่ เค้าต่างหากที่ยิ่งเจ็บมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า

              เฮลซิงกิค่อยๆก้มหน้าใช้ริมฝีปากหนาของตนเช็ดไล่หยาดน้ำตาทั้งสองแก้มขาว สร้างความตกตะลึงให้กับตุ๊กตาอย่างโลลิเป็นอย่างมาก

              เธอไม่เคยถูกตั้งโปรแกรมให้เรียนรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย นี่เจ้านายคิดจะทำอะไรกับเธอกันแน่ หรือเป็นการทำร้ายจิตใจแบบใหม่กัน

              ไม่ทันที่โลลิจะให้คำตอบใดๆกับตัวเองได้ ลิ้นของเฮลซิงกิจะฉกเข้ามีริมฝีปากเธอราวกับต้องการลิ้มรสน้ำหวานที่ซ่อนอยู่ภายใน ก่อนจะประกบปากตามเข้าสร้างความดูดดื่มแปลกใหม่ให้กับเธอ

              โลลิรู้สึกหวาบหวิวอยู่ในอก แต่ก็รู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ทั้งที่ก็รู้สึกดีกับสัมผัสนี้ แต่อีกใจก็อยากจะหลีกหนีการกระทำเกินเลยนี้เสียให้พ้น เพราะมันหวานซึ้งอ่อนโยน จนเธอไม่อยากจะคิดว่ามันคือความจริง

              เฮลซิงกิค่อยๆถอนริมฝีปากตนช้าๆอย่างเสียดาย แต่ก็ต้องผละออกให้มือใหม่อย่างโลลิได้หายใจหายคอเสียบ้าง

              ร่างบางที่ไม่เคยสัมผัสกับการกระทำจาบจ้วงถึงกับขาสั่นเซเข้าปะทะอกแกร่ง ใบหน้าแดงระเรื่อไปจนถึงหลังหู แววตาหวานฉ่ำเปล่งประกายระยิบระยับ ริมฝีปากที่เคยเป็นสีพีซซีดๆกลับบวมเปล่งเป็นสีแดงเหมือนเชิญชวนให้เค้าไปสัมผัสอีก

              เฮลซิงกิคิดอยากจะริมรสน้ำหวานจากริมฝีปากงามนั้นอีกจึงค่อยๆลดหน้าลงไป แต่ทว่ากลับมีใบหน้าหญิงสาวอีกคนซ้อนทับขึ้นมา ผู้หญิงที่เป็นจุดเริ่มต้นของความชิงชังทั้งหมด ผู้หญิงที่สร้างความร้าวฉานและเจ็บปวดจนถึงขีดสุดของชีวิต

              เฮลซิงกิผลักร่างบางไปกระแทกพื้นอย่างแรงราวกับต้องการสะบัดภาพเงาซ้อนที่มีขึ้นในหัวเค้าตอนนี้ออกไป

              จริงซินะ นี่มันก็แค่หนึ่งมารยาหญิงอีกอย่างนี่หน่า ถึงยัยนี่จะเป็นตุ๊กตา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งความแรดร่านของผู้หญิงไปเลย ในเมื่อทำใบหน้ายั่วยวนเจ้านายอย่างเค้าได้ กับไอ้ตุ๊กตาหน้าหวานเจแปน ยัยนี่ก็คงจะอ่อยไว้ไม่ต่างกัน ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้เค้าทำแบบนี้หรอก

              ระหว่างที่เฮลซิงกิสับสนกับตัวเอง โลลิที่ถูกผลักล้มจนมากองกับพื้นก็เหมือนกับความรู้สึกดีๆของเธอทั้งหมดถูกโยนทิ้งมาด้วย ถ้าไม่อยากทำดีด้วย ทำไมต้องอ่อนโยนอีกทำให้หวั่นไหว จะร้ายก็ร้ายให้ถึงที่สุด จะดีให้ดีให้ได้ตลอด ทำดีบ้าง ร้ายบ้าง เธอเองก็เจ็บปวดเป็นเหมือนกันนะ

              “เจ้านายค่ะ เจ้านาย” โลลิเรียกเฮลซิงกิอย่างกล้าๆกลัวๆ

              เค้ายังไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่มองเธอด้วยสายตายากเกินกว่าที่ตุ๊กตาอย่างเธอจะทำความเข้าใจได้ จะเดินหนีไป เดี๋ยวก็โวยวายอีก แต่จะให้นั่งจ้องตากันไปเรื่อยๆเธอก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

              “ออกไป” เฮลซิงกิข่มอารมณ์โกรธของตนกล่าวเสียงเรียบ

              “ค่ะ? เจ้านายว่าอะไรนะค่ะ” โลลิตกใจ

              “ฉันบอกให้ออกไป ไม่ใช่แค่ออกจากห้องนี้ แต่ออกไปให้พ้นจากชีวิตฉัน” เฮลซิงกิตวาดเสียงดัง

              “ฉะ...ฉันทำอะไรผิดค่ะ เจ้านายค่ะ อย่าไล่ฉันไปเลยนะค่ะ” โลลิผวาจับแขนเฮลซิงกิอ้อนวอนให้เค้าเปลี่ยนใจ น้ำตาที่เคยหยุดไป กลับไหลออกาอีกครั้งโดยที่โลลิเองก็ไม่ทันรู้ตัว

              “ผิดอะไรเหรอ เธอน่ะ มันผิดตั้งแต่เกิดแล้ว ตุ๊กตาร่านๆอย่างเธอไม่รู้จะมีทำไม” เฮลซิงกิสะบัดแขนอย่างแรงจนทำให้ร่างโลลิเหวี่ยงไปชนขอบตู้ เลือดสีแดงไล่ซึมออกจากไรผมงาม

              เมื่อเห็นเลือดแดง เฮลซิงกิก็ตกใจจนแทบถลาไปช่วยร่างบางทันที แต่เมื่อนึกได้ถึงความรู้สึกแปลกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ที่เค้าดันปล่อยให้ตุ๊กตาที่หนีหายไปกับผู้ชายครึ่งค่อนคืนมีอิทธิพลกับชีวิตเค้า ถ้าเค้ายังใจอ่อนอีก อีกไม่นานคงที่จะเสียใจต้องเป็นเค้าอีกแน่ๆ

              เฮลซิงกิเลือกที่จะหนีเหตุการณ์สองจิตสองใจนี้ โดยเดินเลี่ยงหนีขึ้นไปข้างบน แต่โลลิเมื่อเห็นเจ้านายจะหนีเธอไป เธอก็รีบปราดเข้าไปรั้งแขนเค้าไว้

              “ได้โปรดเถอะนะค่ะ เจ้านายคือชีวิตของฉัน อย่าไล่ฉันไปเลย” โลลิร้องไห้ไปพูดไปจนแทบจะจับศัพท์ไม่ได้

              วันที่เธอกลัวที่สุดก็มาถึง วันที่เธอจะโดนทิ้ง ความอัปยศที่สุดของตุ๊กตาอย่างพวกเธอคือการถูกเจ้านายตัวเองรังเกียจและทอดทิ้ง

              แม้ว่าเฮลซิงกิจะไม่ได้อ่อนโยนจนเป็นเจ้านายที่น่ารัก ถึงเค้าจะดูร้ายกาจไปบ้างในสายตาคนอื่น แต่เธอก็รู้ว่าเค้าทำทั้งหมดเพื่อปิดกั้นความอ่อนแอภายในใจของตน

              “น่ารำคาญชะมัด อย่าให้ฉันต้องใช้กำลัง อยากไปไหนก็ไปซะ จะไปอยู่กับไอ้ตุ๊กตาญี่ปุ่นนั่นก็เชิญ แต่ออกไปจากบ้านฉันซะที” เฮลซิงเหวี่ยงโลลิจนไปกองกับพื้น แล้วรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน

              “ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่ที่นี่ นั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าเจ้านายจะให้อภัย” โลลินั่งชันเข่าอยู่หน้าบันไดส่งสายตามุ่งมั่นให้เฮลซิงกิ

              “ถ้าอยากจะนั่งก็เชิญ แต่ต้องไม่ใช่ในบ้านฉัน” เฮลซิงกิสำทับ ก่อนจะตรงเข้าห้องตัวเองไปโดยไม่สนใจโลลิแม้แต่น้อย

              โลลิสั่นสะท้านกับคำพูดไม่ใยดีของเจ้านาย แม้เค้าจะพูดทำร้ายจิตใจเป็นประจำ แต่มันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับการที่เค้าไล่เธอออกไปจากชีวิตเค้าซะ

              ความผิดของเธอคืออะไรงั้นเหรอ แค่เธอหายไปค้างคืนกับเจแปนน่ะเหรอ แต่ปกติเค้าก็ไม่เคยมองว่าเธอทำอะไรดีอยู่แล้วนี่ และเธอกับเจแปนก็ไม่ได่ทำอะไรเสียหาย มันมีเรื่องอะไรที่ทำให้เค้าโกรธเธอมากมายขนาดนี้

              โลลิค่อยๆเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาดทั่วห้องให้เข้าดี ทั้งๆที่แผลที่หัว และตามลำตัวของเธอยังไม่ได้รับการปฐมพยาบาลจนตอนนี้เลือดแห้งเกรอะไม่หมดแล้ว ก่อนจะเข้าครัวทำอาหารเย็นกับของว่างให้เฮลซิงกิตามหน้าที่ทาสรับใช้ที่ดี

              หลังจากทำหน้าที่ทุกอย่างที่โลลิคิดว่าเธอสมควรจะทำเสร็จสิ้นแล้ว เธอก็ก้าวออกมาจากตัวบ้านช้าๆ มองทุกจุดทุกมุมของบ้านราวกับจะต้องจากไปไม่มีวันกลับมา

              เมื่อออกมาถึงหน้าบ้าน เธอจะทำอย่างที่ได้ตั้งสัตย์ไว้ โลลินั่งชันเข่าท่าสำนึกผิด บอกกับตนในใจว่า จะไม่ยอมลุกไปไหน จนกว่าเจ้านายเธอจะเห็นความจริงใจและให้อภัยเธอ

              แต่เหมือนสวรรค์จะไม่เป็นใจเอาเสียเลย ทันทีที่โลลิก้าวออกมานอกบ้าน ฝนก็ตกกระหน่ำราวกับมีพายุเข้า ลมก็พัดแรงคล้ายกับจะหอบร่างบางไปเสียให้พ้นจากตรงนี้ แต่โลลิก็ไม่คิดจะยอมแพ้ต่ออุปสรรคไม่ว่าจะลมแรง ฝนตกแดดออกมากเพียงไหน สิ่งเดียวที่จะทำให้ความภักดีต่อเจ้านายเธอสิ้นได้ คือ ความตายเท่านั้น

              เฮลซิงกิมองการกระทำของหญิงสาวตั้งแต่ทำงานบ้าน ทำอาหารให้เค้า ก่อนจะเดินจากออกจากบ้านไป ตอนแรกเค้าก็รู้สึกใจหายที่เห็นหญิงสาวกำลังก้าวเท้าออกจากบ้านไป แต่เค้าก็รู้สึกตกใจยิ่งกว่าที่นอกจากจะไม่ยอมไปแล้ว เธอยังนั่งชันเค้าอยู่หน้าบ้านเค้าด้วยความมุ่งมั่น แม้ตอนนี้จะมีฝนตกแรงราวกับพายุ ก็ไม่ได้ทำให้เธอละเค้าพยายามเลย

              จะอดทนไปถึงไหน ยัยตุ๊กตาบ้า เธอมันก็แค่ตุ๊กตาไม่รักดี แต่ทำไมฉันถึงต้องรู้สึกเป็นห่วงเธอด้วยนะ รีบไปให้พ้นๆจากชีวิตฉันซะที

     

     5.เฮลซิงกิตาบอด..เพราะโดนรถชนแล้วเศษกกระจกมันทิ่มเข้าตา เขาก็กำลังจะได้แก้วตาใหม่ภายในไม่ช้า  ในระหว่างนี้เขาต้องการคนมาดูแลเป็นเวลาเดือนครึ่งเพื่อรอแก้วตา คุณก็ไปดูแลเฮลซิงกิ..ทั้งๆที่คุณไม่อยากจะไปเพราะกลัวโดนเฮลซิงกิที่ขาดประสาทสัมผัสไปอาละวาดใส่ แต่เขากลับอ่อนโยนกับคุณอย่างไม่อยากจะเชื่อ คุณมีความสุขมากๆ..และความรู้สึกนั้นมันกลายเป็นคำว่า รัก เฮลซิงกิขอคุณเป็นแฟน..แต่ทว่า คุณรักเขาไม่ได้ คุณจะอธิบายยังไง?((อธิบายตั้งแต่ฉากที่คุณประทับใจเรื่อยๆมาจนถึงฉากสุดท้ายที่คุณปฏิเสธเฮลซิงกิพร้อมบทพูด 10 บรรทัดขึ้น ))

    ::       จากที่เคยคิดว่าตอนนี้เมื่อดวงตาเค้ากำลังพบกับความมืดมิด เค้าคงจะต้องโวยวายอาละวาดมากกว่าที่แล้วๆมาเป็นแน่ แต่กระนั้นนอกจากเค้าจะไม่ตวาดหรืออาละวาดใส่เธอแล้ว เค้ายังอ่อนโยนพูดดีกับเธอราวกับทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่ฝัน

              บรรยากาศยามบ่ายในฤดูใบไม้ร่วง ไม่ร้อนอย่างที่คิด โลลิพาเฮลซิงกิมานั่งที่ระเบียง เธอจัดดอกไม้ไว้เต็มระเบียงอย่างสวยงาม กลิ่นหอมของมันส่งกลิ่นให้เฮลซิงกิรู้สึกผ่อนคลาย สายลมเอื้อยเฉื่อยพัดพาเอาความเย็นมาให้ได้รู้สึกดี แม้ว่าเค้าจะมองไม่เห็น แต่เค้าก็สัมผัสได้ถึงความรักและความหวังดีที่โลลิมีให้เค้า

              “โลลิ มานี่หน่อยสิ” ระหว่างที่โลลิกำลังบรรยายถึงบรรยากาศที่สวยงาม เฮลซิงกิก็ขัดขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาข้างหน้า

              โลลิค่อยๆเดินมาทางเค้าพร้อมกับกับสัมผัสมือใหญ่นั่นไว้ เมื่อเฮลซิงกิรับรู้ถึงการมาของร่างบางเค้าก็กระตุกเธอให้เซเข้ามานั่งอยู่ในอ้อมกอดเค้า

              “ทะ...ทำอะไรน่ะค่ะ” โลลิถามอย่างระแวดระวัง

              “โธ่โลลิ อย่าทำเหมือนฉันเป็นผู้ร้ายซิ” เฮลซิงกิกระเซ้ากับท่าทีระวังตัวของเธอ

              “ก็แล้ว เจ้านายจะทำอะไรหล่ะค่ะ” โลลิเริ่มผ่อนคลายบ้าง แต่ก็ยังระวังตัวอยู่เสมอ

              “อืม...เริ่มจากเธอ เรียกฉันว่าเฮลซิงกิเฉยๆเป็นไง” โลลิหันมามองอย่างตกตะลึง

              “ฮ่าๆๆ ฉันว่าตอนนี้เธอต้องมองหน้าฉันอ้าปากค้างแหงๆ” เฮลซิงกิแหย่ เมื่อนึกถึงหน้าตุ๊กตาสาวว่าตอนนี้จะทำหน้ายังไงนะ

              โลลิรีบหุบปากทันที เชอะ ตาบอดยังไม่วายกวนโอ้ยอีกนะ

              โลลิมองหน้าหล่อๆของเฮลซิงกิอย่างหมั่นไส้

              “รู้มั้ยตอนแรกที่ฉันตาบอด ฉันรู้สึกเหมือนโลกกำลังจะหายไป” เฮลซิงกิเผยความในใจด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

              “ฉันไม่เคยคิดว่าการที่ฉันต้องอยู่ในโลกมืดๆแบบนี้ ฉันจะยอมรับและรู้สึกดีกับมันได้เลย”

              “ไม่จริงซะหน่อยค่ะ เดี๋ยวมีแก้วตาใหม่เจ้านายก็มองเห็นได้เหมือนเดิมแล้ว” โลลิลูบเปลือกตาทั้งสองข้างให้กำลังใจ

              “แต่นั่นไม่จำเป็นหรอก รู้มั้ยโลลิ แค่เธอดูแลฉันแบบนี้ ฉันกลับรู้สึกโลกมันสว่างขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” เฮลซิงกิเอื้อมมือจับมือบางเอาไว้

              “ฉันรู้ตัวดี ว่าก่อนหน้านี้ฉันทำไม่ดีกับเธอมากไป แต่ฉันขอร้องได้มั้ย ต่อแต่นี้ไปอย่าทิ้งฉันไปอีก อย่าดูแลฉันเพราะหน้าที่ อยู่กับฉันเพราะเธออยากอยู่กับฉันจริงๆ” น้ำเสียงอ่อนโยนกับถ้อยคำที่แสนหวาน ทำเอาใจตุ๊กตาสาวเต้นไม่เป็นจังหวะ

              บทจะดีก็ดีซะใจหาย แล้วเกิดเค้ามองเห็นแล้วร้ายเหมือนเดิมหล่ะ เธอจะทำใจยอมรับได้อีกมั้ยนะ เพราะเธอเองก็เจ็บปวดจนอยากจะหลีกหนีไปเหมือนกัน

              “ว่าไง โลลิ ทำตามที่ขอได้มั้ย” เฮลซิงกิถามย้ำ

              “ก็ถ้าฉันไม่อยากมาดูแลเจ้านาย ฉันจะยอมให้เจ้านายกอดฉันไว้แบบนี้เหรอค่ะ” โลลิตอบ

              เฮลซิงกิเลยฉวยโอกาสอีกรอบ หอมแก้มเนียนฟอดใหญ่ ทำเอาแก้มสาวเจ้าถึงกับแดงระเรื่อทันที

              “แต่ฉันว่า เจ้านายปล่อยฉันก่อนดีกว่านะค่ะ ไม่งั้นเย็นนี้อดกินข้าวแน่ๆ” โลลิพยายามหนีคนฉวยโอกาส

              “งั้นก็ไม่ต้องกิน กินเธอแทนได้ม่า” เฮลซิงกิกระซิบเบาๆที่ข้างหู เล่นเอาโลลิสะดุ้งด้วยความตกใจปนเสียวนิดๆ

              “บ้าใหญ่แล้ว ปล่อยนะค่ะ” โลลิร้อง

              “ปล่อยก็ได้ แต่เธออย่าเรียกฉันว่าเจ้านายอีก เพราะฉันไม่อยากให้เธออยู่กับฉันด้วยหน้าที่ เรียกฉันว่าเฮลซิกิ แล้วก็แทนตัวเองว่าโลลิ ทำแค่นี้ก็จะยอมปล่อยและ” เฮลซิงกิต่อรอง

              ไม่ว่าเจ้านายจะพูดยังไง ขายฉัน หรือจะยกให้คนอื่นๆฟรี คนเดียวที่เป็นเจ้านายฉันก็คือคุณ คุณคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็เปลี่ยนแปลงความจริงนี้ไม่ได้หรอกค่ะ

              “ก็ได้ค่ะ งั้นคุณเฮลซิงกิ ก็ช่วยปล่อยโลลิทีนะค่ะ โลลิยังไม่อยากเป็นอาหารของใคร” โลลิกระเซ้า ก่อนจะได้รับการปลดปล่อยจากเจ้านายที่ยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุข

              ยิ้ม...ยิ้มอย่างจริงใจที่เธอใฝ่ฝันจะให้มันอยู่บนหน้าเจ้านายของเธอที่มีแต่รอยยิ้มเสแสร้งนั้นเกิดขึ้นมาโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันรู้ตัว

              นานเท่าไหร่แล้ว ที่เค้าไม่ได้รู้สึกมีความสุขแบบนี้ ทำไมกันนะ แค่มีตุ๊กตาน่ารัก อึดทน แค่ตัวเดียว กลับทำให้โลกที่ควรจะมิดมืดของเค้า สดใสยิ่งกว่าโลกทั้งหมดที่เค้าเคยเห็นมาซะอีก

     

              เจ้านายหายไปไหนนะ ก็ไหนว่าจะอยู่ห้องอ่านหนังสือ นี่ตามหาจะทั่วบ้านแล้วยังไม่เจออีก

              โลลิเดินหาเฮลซิงกิเสียให้ทั่ว ตะโกนเรียกก็แล้ว ไปหาทุกๆที่ ก็ไม่พบวี่แววของเจ้านายหนุ่ม จนทำให้หญิงสาวหวั่นใจว่าเค้าจะเป็นอันตรายอะไรรึเปล่า

              แต่แล้วเมื่อเธอไปหาที่ระเบียงสวนดอกไม้ที่เค้าและเธอเพิ่งช่วยกันจัดขึ้น เธอก็พบเจ้านายหนุ่มกำลังยืนยิ้มพิงประตูกระจกหน้าบาน สีหน้าสดใส ยืนเต๊ะท่ายังกะรอใครงั้นแหละ

              “เฮลซิงกิ ทำไมตอนโลลิเรียกถึงไม่ขานรับห๊า” โลลิถามเสียงดุเจือความห่วงใย

              “ก็ยังมีอะไรจะเซอร์ไพส์เธอนี่หน่า” เฮลซิงกิยิ้มแทนคำขอโทษ

              “ไม่เห็นจำเป็นเลย แค่เฮลซิงกิปลอดภัยแค่นั้นก็พอแล้ว”

              “โลลิ ขยับมาใกล้ๆฉันหน่อยซิ” เฮลซิงกิยื่นมือมาให้โลลิจบ เมื่อมือนุ่มวางทาบบนฝ่ามือเค้าก็ดึงร่างตุ๊กตาเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด

              “จะทำอะไรค่ะ” โลลิถามอย่างตกใจ

              “เฉยเถอะน่า แล้วก็ฟังฉันอย่างเดียวห้ามขัดนะ” เฮลซิงกิขัด ก่อนจะล้วงมือไปหยิบแหวนเงินเกลี้ยงที่เค้าใส่เป็นประจำออกมา

              หลังจากประสบอุบัติเหตุ แหวนวงนี้ก็ถูกถอดออกเก็บไว้ห้องของเค้า แต่ทว่าคนตาบอกอย่างเค้า กว่าจะใช้เวลาหาของสักอย่างก็ดูจะยากเย็นเหลือทน และยิ่งเป็นของสำคัญที่อยากจะมอบให้หญิงสาวตรงหน้าแล้วหล่ะก็ จะให้หล่อนมาช่วยหามันก็กระไรอยู่

              พอได้ยินเสียงฝีเท้าโลลิที เค้าก็ต้องรีบคลำทางหาที่หลบเสียให้วุ่น กว่าจะเจอแหวนประจำตัวก็ปาเข้าไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน

              “ทั้งๆที่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะไม่รักใคร ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีคนพิเศษจริงๆได้มั้ย แต่พอฉันเจอเธอ ยัยตุ๊กตายอดมนุษย์ที่ทนอารมณ์ร้ายๆ ไม่อยู่กับร่องกับรอยของฉันอย่างไม่น่าเชื่อ” เฮลซิงกิพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำเอาคนฟังถึงกับใจสั่นหวั่นไหวไปกับคำพูดหวานซึ้ง

              “โลลิ ฉันรู้ว่าฉันอาจจะร้ายกับเธอมากเกินไป แถมยังตาบอดต้องมาเป็นภาระให้เธออีก แต่เธอรับรักฉันได้มั้ย” เฮลซิงกิดึงมือที่จับไว้ขึ้นมา ก่อนจะใช้ความรู้สึกลูบนิ้วนางเรียวงาม แล้วสวมแหวนให้อย่างทะนุถนอม แล้วประทับจูบแทนความรู้สึกที่มีทั้งใจ

              “ฉันรักเธอนะ โลบีเรีย เป็นแฟนกับฉันนะ” เฮลซิงกิยิ้มกว้างเตรียมรับคำตอบ เมื่อเห็นตุ๊กตาสาวก็ไม่ได้ปฏิเสธโวยวายอะไร

              แม้ว่าโลลิจะไม่ได้ปฏิเสธความรู้สึกดีๆ เพราะถึงเธอจะไม่มีหัวใจแบบมนุษย์ แต่เธอรู้เพียงอย่างเดียวว่า เธอรักผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ามากเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงเธอมันก็แค่ตุ๊กตาที่ไม่มีหัวใจ ไม่มีอะไรเหมาะสมคู่ควรกับเค้าสักอย่าง คิดมาถึงตรงนี้ก็ใจสะท้าน น้ำตาสีใสค่อยๆไหลออกมาผ่านดวงตาคู่งาม   

              “เธอร้องไห้ทำไม โลลิ” เฮลซิงกิจับเสียงสะอื้นของเธอได้

              “คุณก็รู้ เรื่องของเราเป็นไปไม่ได้ ฉันเป็นแค่ตุ๊กตา คุณไม่น่าให้ความสนิทสนมกับฉันแบบนี้เลย” โลลิตัดพ้อกับความใจดีของเฮลซิงกิ

              นี่ถ้าเค้ายังใจร้ายแบบเมื่อก่อน เธออาจจะไม่หวั่นไหวกับเค้าเท่านี้ก็ได้

              “ฉันไม่สน โลลิ แค่เราอยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ เธอไม่รักฉันบ้างหรือ” เฮลซิงกิไล่มือขึ้นมาถึงใบหน้า พร้อมกับเช็ดหยาดน้ำตาให้หญิงสาว

              “รัก? อะไรคือความรักค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีหัวใจ ฉันรักใครไม่เป็นหรอกค่ะ” โลลิพยายามปฏิเสธความรู้สึกดีๆภายในใจ ที่เธอไม่อยากจะยอมรับว่ามันคือความรักจริงๆ

              “โกหก ตลอกเวลาเธอก็พูดว่าทำเพื่อหน้าที่ แล้วนี่คือหน้าที่อะไรหล่ะโลลิ ทั้งๆที่เธอไม่ต้องมาดูแลฉันก็ได้ แต่เธอจะยังมา ถ้าเธอไม่รักฉัน เธอจะมาให้ความหวังฉันแบบนี้ทำไม” เฮลซิงกิเริ่มตัดพ้อบ้าง

              “ฉัน...” โลลิไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไร

              “ฉันคงรับแหวนนี้ไว้ไม่ได้ ขอโทษนะค่ะ” โลลิพยายามจะถอดแหวนคืนให้ แต่มือหนากับรั้งเธอไว้ก่อน

              “ของที่ฉันให้ใครไปแล้ว ฉันไม่รับคืน” เฮลซิงกิพูดเสียงเรียบ ทำเอาโลลิถึงกับชะงักมือไม่กล้าถอดมันออกมา เพราะจริงๆเธอเองก็อดที่จะรู้สึกดีไม่น้อยที่ได้เป็นเจ้าของแหวนวงนี้

              “ก็เหมือนกับใจของฉัน ฉันให้เธอไปแล้วก็ไม่คิดจะรับคืนเหมือนกัน” เฮลซิงกิคลายอ้อมกอด และพยายามเดินสะเปะสะปะกลับห้องของตน

              โลลินิ่งไปสักพักกับคำพูดตัดพ้อที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะรีบตามไปประคองเฮลซิงกิไปพักที่ห้องของเค้า เค้าไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน แต่ก็ไม่พูดอะไรเลย

              เมื่อส่งเค้าถึงเตียงนอน เธอก็ผละออกมาถามใจตัวเอง ว่าที่เธอปฏิเสธความรักเค้าแบบนั้น คือสิ่งที่เธอต้องการจริงๆหรือ เธอทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วใช่มั้ย

     

    6.เฮลซิงกิต้องบินไปอยู่ต่างประเทศ.. หลังจากผ่าตัดแก้วตาสำเร็จ..เขาไม่รู้เลยว่าคุณกำลังจะจากเขาไปในไม่ช้า เขาขอให้คุณมาส่งเขาที่สนามบินตามคำขอร้องของเขา..และได้มองดูเขาเป็นครั้งสุดท้าย คุณเลือกจะบอกเขาหรือไม่บอกเขาว่าคุณกำลังจะตาย  ((อธิบายตั้งแต่ฉากเอ่ยลาจนถึงฉากสุดท้ายที่คุณตายด้วยรถชนพร้อมบทพูด 10 บรรทัดขึ้น ))

    อันนี้ขอให้ฉากก่อนหน้านี้ เป็นฉากที่โลลิเป็นของเฮลซิงกิ ฮ่าๆๆ ฉากบนเตียงนะค่ะ อารมณ์ประมาณว่าไหนๆก็ใกล้จะตายแล้ว อีกไม่นานเฮลซิงกิก็จะไปอังกฤษตั้ง 3 ปี เธอขอทำเรื่องที่ผิดหน้าที่ของตุ๊กตาลองมีความรักและทำตามที่ใจตัวเองเรียกร้องซักที

              อยากจะบ้าตาย นี่เมื่อคืนเธอกินอะไรผิดสำแดง ถึงได้มาทำเรื่องบ้าๆแบบนี้กับเจ้านายนะ

              โลลิคิดในใจ พลางมองเจ้านายหนุ่มที่เพิ่งจะปรับเปลี่ยนฐานะไม่นานมาเป็นคนรัก ถ้าหากจะให้เธอตายตอนนี้หล่ะก็ ขอบอกเลยว่า เธอไม่คิดเสียดายชีวิตแล้วหล่ะ

              โลลิค่อยๆปัดผมที่ปรกหน้าชายหนุ่มออกอย่างเบามือ ก่อนจะลูบไล้ไปตาโครงหน้าเนียนเรียบ ริมฝีปากนุ่มที่ได้สัมผัสมาเมื่อคืน ลำคอเรียวที่มีร่องรอยจูบแสดงความเป็นเจ้าของของเธอ

              “ตื่นมา ก็ซนเลยนะ” เฮลซิงกิแกล้งทำเสียงดุจับมือซุกซนไว้ แล้วเอามาลงโทษจุมพิตที่มือเบาๆ

              “ดีใจจัง ที่ตื่นมาก็เห็นหน้าเธอเป็นคนแรก” เฮลซิงกิก้มหน้าฝังจมูกลงที่แก้มเนียนของเธอ

              โลลิหน้าขึ้นสีทันที พยายามเบือนหน้าหนีคนรัก ที่พยายามเอาเปรียบตั้งแต่แก้มนวล มาจนถึงริมฝีปากบางของเธอ

              “นี่ ว่าแต่โลลิ คุณซนยิ่งกว่าอีกนะ” โลลิค่อนขอด

              “อยากน่ารักทำไมเหล่า ไม่อยากไปอังกฤษเลยอ่ะ” เฮลซิงกิบ่นพร้อมกับกอดร่างบางให้แน่นขึ้น

              ทั้งๆที่เค้าเองก็อยากจะพาเธอไปอังกฤษกับเค้า สามปีเชียวนะที่ต้องจากกัน แต่ตอนนี้สภาพร่างกายของโลลิไม่ค่อยสมบูรณ์นัก จะพาหล่อนไปซ่อม หล่อนก็บอกต้องใช้ระยะเวลานานอาจจะเป็นปี ฉะนั้นเอาเวลาที่เค้ายังอยู่ที่นี่อยู่ด้วยกันให้มากที่สุดดีกว่า พอค่อยไปอังกฤษ หล่อนก็จะไปซ่อมตัวเองให้สมบูรณ์แบบและอยู่กับเค้าตลอดไป

              “แต่มันเป็นหน้าที่นี่ค่ะ แล้วก็เพื่อตัวคุณเองด้วย”

              “ครับๆ โปรแกรมเธอนี่ระบุเรื่องหน้าที่เป็นสำคัญรึไงนะ อะไรอะไรก็หน้าที่เนี่ย” เฮลซิงกิบีบจมูกหญิงสาวอย่างหมั่นไส้

              “ก็คนเราถ้าไม่ทำหน้าที่ของตัวเองจะให้ทำอะไรหล่ะค่ะ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวโลลิจะไปเตรียมอาหารเช้าให้” โลลิพยายามเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอด

              “ไม่เอาอ่ะ หิวโลลิมากกว่า” เฮลซิงกิตรงเข้าสัมผัสริมฝีปากบางอีกรอบ ดูดดื่มราวกับเป็นของหวาน

              “ซนอีกแล้ว เดี๋ยวก็ไปไม่ทันขึ้นเครื่องหรอก”

              “ไม่ทันก็ไม่สน งั้นเธอก็เปลี่ยนใจไปส่งฉัน ฉันอาจจะยอมปล่อยเธอก็ได้”

              “เจ้าเล่ห์นักนะ ก็บอกไม่อยากไปอ่ะ”

              “โธ่โลลิ แต่ฉันอยากอยู่กับเธอจนวินาทีสุดท้ายที่จะไปนี่หน่า นะ ไปส่งฉันนะ ไม่งั้นฉันจะกินเธออีกรอบด้วย” ไม่ว่าอย่างเดียว แต่ทั้งมือและริมฝีปากทำงานตามคำสั้งอย่างที่ ทั้งไซ้และลูบไล้เธอจนใจหวั่น

              “พอแล้วๆ ไปแล้วค่ะ ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว” โลลิร้องลั่น

              “ก็แค่นั้นเอง งั้นก็ไปอาบน้ำด้วยกันนะ” ไม่ทันที่โลลิจะร้องห้าม ร่างบางก็ถูกยกลอยขึ้นและตรงดิ่งไปห้องน้ำทันที

     

              “ฉันไปแล้วนะ” เฮลซิงกิพูดมาจะล้านรอบ แต่ก็ยังไม่ยอมเดินเข้าห้องโดยสารซักที

              “ค่ะ ฉันรู้แล้ว แค่สามปีเอง ไปเถอะค่ะ”

              แค่สามปี คงเพียงพอที่คุณจะลืมฉันนะค่ะ

              “ฉันไปแล้ว เธอก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ กลับมาเอาให้อยู่ถึกทนอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต รับรองกลับมาคราวหน้าฉันจะไม่ยอมให้เราพรากจากกันอีกแล้ว” เฮลซิงกิกอดฉันเอาไว้แน่น

              อ้อมกอดที่อบอุ่นที่จะไม่ได้สัมผัสอีกแล้วนับจากนี้ ทำให้โลลิรู้สึกโหยหาอย่างบอกไม่ถูก มือทั้งสองข้างโอบกอดร่างสูงใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย

              “วันนี้กอดซะแน่นเลยนะ รักฉันมากอ่ะดิ” เฮลซิงกิแหย่

              “ก็แน่อยู่แล้ว โลลิรักคุณมาก รักมากที่สุดด้วย ไม่ว่าสามปีจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้รู้ไว้ ว่าโลลิรักคุณคนเดียว” โลลิย้ำความรู้สึกที่ตนมีให้เจ้านายตนฟังเป็นครั้งสุดท้าย

              “พูดอย่างกับฉันจะนอกใจงั้นแหละ ฉันก็รักเธอมากเหมือนกัน ตุ๊กตาโลบีเรีย” เฮลซิงกิก้มหน้าลงมามอบจุมพิตแสนหวานให้ตุ๊กตาสาวอีกครั้ง

              ความอ่อนโยนที่ได้ เรียกน้ำตาคลอให้ไหลอาบแก้มแดงอย่างช่วยไม่ได้

              “เดี๋ยวนี้ขี้แยจังนะ ตุ๊กตาใครเนี่ย” เฮลซิงกิโยกหัวโลลิอย่างเอ็นดู ก่อนจะเช็ดน้ำตาทั้งสองข้างด้วยความรัก

              “ผู้โดยสารไฟล์ KL596 เที่ยวบินกรุงเทพถึงเมืองลอนดอน เวลาบ่ายสามโมง ขอให้รีบเดินทางเข้าห้องผู้โดยสารได้แล้วค่ะ” เสียงประชาสัมพันธ์เรียกผู้โดยสารดังมาตามสาย

              ถึงเวลาแล้วซินะ ที่เค้าและเธอจะต้องพรากจากกันจริงๆ

              “ว้า เห็นทีต้องไปซะแล้ว” เฮลซิงกิว่า หลังจากจูบเธออีกรอบนึงเรียบร้อย

              “ก็รีบๆไปเถอะค่ะ เดี๋ยวจะขึ้นเครื่องไม่ทัน” โลลิพยายามยิ้มให้หวานที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อเป็นความทรงจำที่ดีครั้งสุดท้ายกับเค้า

              “รู้แล้วนะหน่า ฉันไปก่อนนะ”

              “ค่ะ ลาก่อน” โลลิโบกมือให้เฮลซิงกิที่กำลังเดินเข้าไปยังห้องผู้โดยสารขาออก

              โลลิยืนมองส่งเฮลซิงกิจนลับสายตา หยุดนิ่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา มีดีกันบ้าง ร้ายกันบ้าง แต่มันจะเป็นความทรงจำที่เธอจะไม่มีวันลืม

              ลาก่อนนะค่ะเจ้านาย ขอโทษที่ต้องผิดคำสัญญาที่ว่าจะรอ ฉันไม่อาจฝืนโชคชะตาได้จริงๆ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้ฉันได้รับใช้เจ้านายอย่างนี้อีกนะค่ะ ถึงตัวฉันจะไป แต่ขอให้รู้ไว้ ว่าใจของฉันเป็นของคุณคนเดียว...เฮลซิงกิที่รัก

             

              หลังจากที่เฮลซิงกิเข้าห้องผู้โดยสารขาออกไป แต่จิตใจเค้ายังคนที่เจ้าของหัวใจเพียงคนเดียว...ตุ๊กตาโลบีเรียของเค้า

              ทำไมเค้าถึงรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนเค้าจะไม่ได้เห็นหน้าคนรักอีกแล้ว ยิ่งคิดถึงคนรัก ใจก็ยิ่งอยู่ไม่สุข พาลรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบอกไม่ถูก

              มองนาฬิกาเหลืออีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เที่ยวบินนี้ก็จะเตรียมทะยานขึ้นจากน่านฟ้าเมืองไทยไปแล้ว

              ไม่ เค้าไปไม่ได้ เค้าไปทั้งๆที่หัวใจเค้ายังอยู่ที่นี้ไม่ได้

              เฮลซิงรีบวิ่งผละการ์ดของสนามบินที่คัดค้านเค้าที่อยากจะสละสิทธิ์เที่ยวบินนี้ ไม่ว่าจะมีคนรั้งเค้าไว้มากมาย แต่ก็ไม่สามารถรั้งตัวและใจเค้าไว้ได้

              เฮลซิงกิวิ่งออกมาจนถึงอาคารสนามบิน สายตาพยายามสอดส่ายหาร่างบางที่คุ้นเคยที่เพิ่งจากกันเมื่อไม่นานนี้ เค้าตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าโลลิจะใช้เวลาในการซ่อมนานแค่ไหน เค้าขอเลือกที่จะอยู่ใกล้ๆดูแลเธอที่นี่จะดีกว่า

              เมื่อวิ่งมาที่ด้านนอกสนามบินเตรียมเรียกรถกลับบ้าน เค้ากลับเจอฝูงชนมากมายยืนออกันเต็มหน้าสนามบินไปหมด

              นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรเนี่ย คนยิ่งรีบๆอยู่ เกิดโลลิไปซ่อมเลยโดยที่ไม่รู้ว่าเค้ากลับมาหาเธอ เค้าจะดับความรู้สึกว้าวุ่นในใจได้อย่างไร อย่างน้อยขอแค่ให้ได้บอกเธอว่า เค้ากลับมาแล้วก็ยังดี

              “น่าสงสารจังเลยเนอะ ยังสาวยังแส่แท้ๆต้องมาโดนรถชน” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดกับเพื่อนของตน

              “ใช่ แต่เห็นว่าเป็นตุ๊กตาแอนดรอยล์นี่ ไอ้แท็กซี่ประมาทนั้นคงติดคุกไม่นานหรอก” เพื่อนของเธอตอบกลับมา

              ตุ๊กตาแอนดรอยล์? ใจเฮลซิงกิสั่นไม่เป็นจังหวะ เมื่อนึกถึงคนรักของตน

              คงไม่หรอก สมัยนี้ใครๆก็มีตุ๊กตาแบบนี้กัน คงไม่ใช่โลลิหรอก

              “แล้วนี่เจ้าของอยู่ไหนไม่รู้เนอะ ป่านนี้ยังไม่มาดูแล แต่ฉันชอบผมสีชมพูของตุ๊กตาตัวนั้นจัง ดูสวยเข้ากับหน้าหวานๆนั่นจังเลย แต่อยู่กลางกองเลือดนี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน” หญิงกลางคนกล่าวกับเพื่อนต่อ

              ผมสีชมพู...ไม่จริง ไม่ใช่เธอใช่มั้ยโลลิ

              เฮลซิงกิแหวกเข้าไปกลางฝูงชนด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ แต่แล้วเค้าก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังสลาย ร่างบางที่เพิ่งส่งยิ้มหวานให้เค้าเมื่อกี้กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่กลางถนน มีเลือดสีแดงเข้มแผ่ไหลออกมานองพื้นจนดูน่ากลัว

              “เรียกรถพยาบาลซิ โธ่เว่ย จะมุงหาอะไรวะ” เฮลซิงกิโวยวายผวาเข้าไปประคองร่างบาง

              เฮลซิงกิเหรอ ทำไมเค้ามาอยู่ที่นี่ได้

              “แล้วนี่รถพยาบาลอยู่ไหน เมื่อไหร่จะมา” เฮลซิงกิตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

              “พอเถอะ โลลิรู้ตัวว่าโลลิอยู่ได้แค่นี้” โลลิว่าอย่างยากลำบาก

              “ไม่ เธอต้องอยู่กับฉันตลอดไป” เฮลซิงกิพยายามอุ้มร่างบางขึ้น แต่ก็เหมือนจะยิ่งทำให้เลือดไหลออกมามากขึ้น จนทำให้เค้าไม่กล้าขยับตัว

              “จริงๆแล้ว อีกไม่กี่วัน โลลิก็จะเสื่อมสภาพอยู่แล้ว จะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่ได้ต่างกันหรอก” โลลิส่งยิ้มจากใจให้คนรัก

              อย่างน้อยการที่เธอได้ตายวันนี้ ตายในอ้อมกอดคนรัก แค่นี้ก็คงมากพอสำหรับเธอแล้วหล่ะ

              “เธอหมายความว่าไง ไอ้การที่เธอยืนไม่ไหว ร่างกายไม่มีแรง เพราะเธอกำลังจะไปจากฉันจริงๆน่ะเหรอ” เฮลซิงกิครวญ เมื่อนึกถึงภาพที่คนรักค่อยๆไร้เรี่ยวแรงขึ้นทุกวัน แต่เธอบอกเป็นเพียงระบบทำงานขัดข้องนิดหน่อย เมื่อเค้าไปอังกฤษแล้ว เธอจะไปซ่อมเอง

              “ค่ะ ตอนแรกคิดว่าจากกันไปแบบนั้นคงจะดีที่สุด แต่พอจะตายจริงๆ แค่คิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าคุณ แค่นั้นฉันก็ปวดใจแล้ว”

              “เธอทำอย่างนี้ได้ยังไง นี่ถ้าฉันไปอังกฤษจริงๆ เธอก็จะทิ้งฉันไปโดยไม่บอกกล่าวเลยใช่มั้ย” เฮลซิงกิพูดเสียงเครือ

              ก็เธอไม่อยากเห็นเค้าในสภาพนี้นี่หน่า เค้าคงไม่อยู่เฉยเหมือนตอนนี้แน่ๆ เค้าคงต้องพยายามหาทุกวิถีทางที่จะรั้งเธอเอาไว้ ยิ่งรั้งก็ยิ่งเหนื่อย ไม่ใช่แค่เสียเวลาเปล่า แต่มันจะยิ่งสร้างความปวดใจที่ต้องนับถอยหลังรอวันตายเช่นอย่างที่เธอนับ

              สู้จากกันด้วยรอยยิ้มเช่นเมื่อกี้ มีความหวังอยู่ในใจ แล้วเวลาจะพัดพาเอาเธอออกไปจากความทรงจำของเค้าเอง

              “อย่าร้องนะค่ะ เราจากกันด้วยรอยยิ้มไม่ได้เหรอ” โลลิยิ้มอย่างยากลำบาก พลางฝืนยกมือเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลออกมา

              “โลลิ ฝืนอยู่อีกหน่อยไม่ได้เหรอ ฉันรักเธอ เธอจะทิ้งฉันไปแบบนี้ไม่ได้นะ” เฮลซิงกิจับมือบางลูบหน้าตัวเอง ก่อนจะจูบอย่างทะนุถนอม

              “โลลิอยู่มานานเกินไปแล้วหล่ะ แต่โลลิขออะไรอย่างได้มั้ย” โลลิมองชายตรงหน้าไม่กระพริบตา เหมือนจะจดจำภาพทุกอย่างวันนี้ให้ได้มาที่สุด

              เฮลซิงกิพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะจ้องมองคนรักที่จะสั่งเสียอย่างตั้งใจ

              “มีความสุขให้มากเพื่อโลลิ ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างคุ้มค่าเพื่อโลลิ อย่าจมอยู่กับความทุกข์เพราะโลลิ ไม่ต้องปิดกั้นตัวเองเพราะโลลิ ไม่ต้องให้โลลิอยู่ในใจก็ได้ แค่นึกถึงโลลิบ้างก็พอ โลลิขอแค่นี้ทำได้มั้ย”

              เฮลซิงกิหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้อีก ทั้งๆที่เธอเป็นแค่ตุ๊กตา แต่ทำไมถึงได้มีผลต่อจิตใจเค้าขนาดนี้ เป็นห่วงเค้าเสมอ ไม่ว่าเค้าจะเป็นอย่างไร แม้แต่ตอนที่เธอจะจากไป เธอก็ยังเป็นห่วงเค้าอยู่ดี

              “อืม...ฉันสัญญา” เฮลซิงกิก้มลงประทับริมฝีปากบางเบาๆ เหมือนกับการให้สัมผัสนี้แทนความรักที่มีอยู่ในใจเค้าทั้งหมด

              เค้าเคยคิดว่า ชาตินี้เค้าจะไม่สามารถรักใครอีก ผู้หญิงทั้งโลกมีแต่ความน่ารังเกียจ จนกระทั่งวันที่เค้านึกสนุกไปซื้อตุ๊กตาตามเพื่อนเท่านั้น กลับกลายเป็นว่าตุ๊กตาตัวนี้กลับฉุดเค้าขึ้นมาจากโลกอันมืดมิด ทนเค้าที่แม้แต่ตัวเค้าเองยังไม่คิดเลยว่าจะมีใครทนนิสัยร้ายๆแย่ๆของเค้าอย่างนั้นได้

              เธอสามารถทน และช่วยเค้าฝ่าฝันเรื่องราวร้ายๆต่างๆ จนทำให้เค้ากลับมามองโลกนี้ด้วยสายตาที่สดใส สร้างความหวังใหม่ให้กับเค้า ทั้งๆที่รู้ว่ามนุษย์กับตุ๊กตาไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่ใครสนหล่ะ เค้าคนนึงที่ไม่สน แค่ได้อยู่เคียงข้างกัน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

              แต่ทำไม สวรรค์ช่างใจร้ายนัก ทำไมถึงได้พรากคนที่เค้ารักไปรวดเร็วเช่นนี้ น้ำตาลูกผู้ชายที่แทบจะไม่เคยหลั่งให้ใครเห็น กลับไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามปรามได้

              “ไม่เห็นต้องเสียใจเลย แค่เราได้อยู่ด้วยกัน แค่ฉันได้มีความรู้สึก แค่ฉันได้รักเจ้านาย แค่นี้ ก็เกินพอสำหรับตุ๊กตาอย่างฉันแล้วหล่ะค่ะ” คำพูดสุดท้ายของโลลิที่เอื้อนเอ่ยอย่างแผ่วเบา มืออ่อนโยนที่คอยเช็ดน้ำตาให้เค้า บัดนี้ตกลงไปอยู่ข้างลำตัว ท่ามกลางอ้อมกอดของคนที่เธอกล้าพูดว่ารักเต็มหัวใจ

              เป็นสัญญาณบอกเค้าว่าโลลิ ตุ๊กตาแสนดีของเค้ากำลังจากเค้าไปชั่วนิรันดร แม้ว่าการตายครั้งนี้จะเดินทางมาถึงจุดจบเร็วไปหน่อย แต่อย่างน้อยเธอก็ได้เรียนรู้คำว่ารักมากเกินกว่าที่ตุ๊กตาตัวหนึ่งจะคาดหวังไว้ได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×