คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : รร.เปซาโคโล่ >>> การบ้านสังหารโหดครั้งที่ 1
ซ่า (เสียงน้ำสาดใส่รักคุณ)
‘ใครมาบ้า เล่นสงกรานต์ล่วงหน้ากันเนี่ย’ ผมคิดในใจ
ผมค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ เมื่อมีความเย็นจากน้ำสาดเข้ามาเต็มใบหน้า ผมพยายามจะขยับตัว แต่ทว่าตอนนี้มือผมกลับถูกมัดติดกับเก้าอี้ รวมไปถึงขาทั้งสองข้างเช่นกัน
“ฟื้นแล้วเหรอครับคิง” ชายแปลกหน้าคนหนึ่งส่งยิ้มเย็นๆมาให้
“พวกคุณเป็นใคร” ผมตอบกลับอย่างระวังตัว
“คุณคงได้รับการบ้านสังหารโหดแล้วนะครับ” ชายชุดดำอีกคนกดไหล่ขวาผมอย่างแรง
การบ้าน...ไอ่ที่ให้ล้มนักฆ่าจนกว่านักฆ่าจะล้มโดยไม่ให้ใช้เวทย์หรือผู้ติดตาม แต่ไมมันดูจริงจังจังฟ่ะ
“ครับ แต่ไม่เห็นต้องมัดขนาดนี้เลย” ปากจะพูดไป แต่มือก็ล้วงมีดลับจากกระเป๋ากางเกงหลังมาตัดเชือกที่มือ
“เป็นถึงคิง จะให้ง่ายๆแบบคนอื่น นักฆ่าแต่ละคนล้วนมีความแค้นกับนายเป็นพิเศษเลยนะ” ยูอิจิ ศัตรูคู่อาฆาตผมเมื่อ 3 ปีก่อนก้าวขึ้นมา
“นะ นาย พวกนายคิดจะทำอะไรกันแน่” ผมตกใจที่เห็นยูอิจิเล็กน้อย แต่ก็หันไปถามเพื่อดึงดูดความสนใจของชายในห้องไว้ที่คำพูด จะได้ไม่รู้ว่าผมกำลังแอบตัดเชือกอยู่
“พวกเราก็แค่ช่วยคุณให้เจอสถานการณ์ทำการบ้านเร็วขึ้นไงครับ แต่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดไปส่งการบ้านรึเปล่า หึหึ” ระหว่างที่หมอนั่นพูด ผมก็มองหาทางหนีทีไล่ไปด้วย
ห้องนี้เป็นห้องโล่งๆทาด้วยสีดำสนิท มีเพียงเก้าอี้ที่มัดติดกับผม แล้วก็โต๊ะขนาดเล็กตัวนึง ห้องนี้ค่อนข้างมืด เพราะหน้าต่างถูกปิดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เต็มไปหมด มีเพียงแสงไฟรำไรจากหลอดไฟสีส้มดวงเล็กที่ติดที่เพดานเท่านั้น ที่คอยให้แสงสว่างในห้องนี้ โดยในห้องมีชายชุดดำยืนเรียงหน้ากันประมาณห้าคน
“หวังว่านายคงไม่ได้เอาเลิฟยูมาด้วยหรอกนะ” ผมถาม เพราะครั้งสุดท้ายที่ผมมีสติ ผมจำได้ว่า ผมยังนั่งทานไอติมกับแฝดอยู่เลย
“หึ รักกันเหลือเกินนะ สงสัยฉันคงต้องยอมเชื่อแล้วหล่ะที่ว่ากันว่าพวกนายรักกันจนยอมตายแทนกันได้” ยูอิจิเหยียดยิ้มให้ฉัน
“นายตอบไม่ตรงคำถามนะ ในเมื่อพวกนายมีปัญหากับฉัน ก็ไม่ควรไปยุ่งกับเลิฟยู มีศักดิ์ศรีบ้างนะ ไม่ใช่ใช้วิธีหมาหมู่แบบนี้”
“เหอะ ฉันว่าแทนที่คุณจะห่วงน้องคุณน่ะ เอาเวลามาห่วงตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ ถูกมัดแบบนี้คุณก็ไม่ต่างอะไรจากลูกไก่ในกำมือเราหรอก” ชายชุดดำที่ตัวสูงที่สุดส่งสายตาสมเพสมาให้ผม
แควก...ในที่สุดเชือกก็ขาดแล้ว
หึ ทีนี้พวกนายจะได้เห็นดีกับผมแน่ ผมอุตส่าห์ใจเย็น ปล่อยให้พวกนายพูดพร่ามกันมาเรื่อยโดยไม่ทำอะไร กะอีกแค่ตอบว่าน้องผมอยู่ไหนเนี่ย มันยากเย็นรึไงนะ
สงสัยคราวนี้ ผมคงต้องยอมเสียอุดมการณ์บ้างแล้วหล่ะ เพราะปกติไม่ว่าใครทำอะไรผม ผมก็ไม่เคยตอบโต้ แต่ถ้าเป็นเรื่องคนที่ผมรักหล่ะก็ หึ ระวังตัวแล้วกัน
“เหรอ แต่ฉันว่าคำพูดนี้ ฉันน่าจะเป็นฝ่ายพูดนะ” ผมว่าพร้อมกับชูมือทั้งสองข้างที่ปราศจากพันธนาการใดๆ พร้อมทั้งใช้มีดกรีดเชือกที่ขาสองข้างอย่างเรี่ยวเร็วจนเป็นอิสระ
“อืม...เก่งดีนี่ สมแล้วที่เป็นคิงมาได้” ยูอิจิทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะปรับมาเป็นหน้านิ่งกวนบาทาอีกครั้ง
“ขอบคุณที่ชม แต่ฉันว่านายก็น่าจะรู้นะว่าฉันไม่ชอบใช้กำลัง ฉะนั้นฉันจะให้โอกาสพวกนาย รีบพาฉันไปหาเลิฟยูซะ ไม่งั้นนายแล้วก็ไอ้พวกหมาหมู่นี่ไม่รอดแน่”
“โอ้ย กลัวจังเลย” ยูอิจิเอามือกอดตัวเองแล้วทำท่ากลัวอย่างเสแสร้ง
“ถ้านายกล้าที่จะทำแบบนั้นก็ตามใจ แต่ก่อนที่เราจะสู้กัน ฉันมีอะไรเด็ดๆให้นายดูด้วยหล่ะ” ยูอิจิยิ้มอย่างมีชัยอีกครั้ง ก่อนเดินไปเปิดประตู
ทำให้ผมเห็นแฝดนอนสลบไสลมีชายชุดดำคนหนึ่งโอบเอาไว้ด้วยสีหน้าหื่นสุดๆ เข้ามาพร้อมเพื่อนอีกสี่คน
“ฉันบอกนายแล้วไง ว่าถ้าแค้นฉัน ก็แก้แค้นฉันคนเดียวซิ นายจะยุ่งกับเลิฟทำไม”
“แต่น้องนายก็เคยหักอกพวกเราตั้งหลายคนนี่หน่า กับนายคงเลือดตกยางออก แต่กับน้องนาย พวกเราจะมอบความสุขให้แน่ๆไม่ต้องห่วง” ยูอิจิพูดราวกับว่าสิ่งที่เค้าเอ่ยออกมาเป็นเรื่องสนุก
ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วจริงๆด้วย แต่ว่าที่บอกจะมามอบความสุขให้เนี่ย มันจะข่มขืนน้องผมใช่มั้ยเนี่ย
ไอ้พวกเลว ถือว่าเกิดมาเป็นแรงเยอะกว่าผู้หญิง แล้วก็ข่มแหงได้ง่ายๆรึไงนะ
“นาย...ไอ้” ผมโกรธจนไม่รู้จะด่ามันว่าอะไร กำหมัดแน่นจนมือสั่นไปหมด
สิ่งเดียวที่ผมคิดออกก็คือ ต้องหาอะไรซักอย่างอุดปากเน่าๆของมันซะ นั่นก็คือหมัดหลุนๆของผมนั่นเอง
“หึ...คิดดีแล้วเหรอที่คิดจะสู้กับพวกฉันแบบนี้ ถ้านายยังขืนทำอะไรฉันมากไปกว่านี้หล่ะก็ ...ฉันจะสั่งให้ไอ้พวกนั้นมอบความเป็นผัวให้น้องนายเร็วขึ้นนา ยูอิจิเริ่มประคองตัวได้ มันก็ลุกขึ้นมาพรั่นอีกมากมายจนผมอยากจะเดินไปอุดปากมันด้วยเท้าของผมเลย
โธ่เว้ย เล่นแบบนี้ ผมจะทำไงได้ฟ่ะเนี่ย
“แล้วนายจะเอาไง” ผมว่าอย่างหมดทางเลือก
“ก็ไม่เอาไงหรอก แค่มีทางเลือกที่น่ารักให้นายสองทาง คือ1.ฉันคิดว่าฝีมือระดับนาย คงจะล้มพวกฉันได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ระหว่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าน้องนายจะทนมีสามีไปแล้วกี่คนน่ะ หึหึ” ระหว่างที่ยูอิจิกับกำลังเสนอทางเลือกให้ผม ระหว่างนั้นพวกมันก็เดินไปรอบๆตัวผมอย่างกวนบาทา
\ “หรือสองเอามีดที่อยู่บนโต๊ะนั้น กรีดแขนตัวเองซะ แล้วมาสู้กับพวกฉันอย่างแฟร์ ๆ มันคงจะต่อเวลาเพื่อให้เลิฟยูสุดที่รักไปได้ซักพัก ในเมื่อฉันเสนอทางเลือกตั้งสองทางขนาดนี้ นายจะเลือกทางไหนดีหล่ะ” ยูอิจิกระซิบที่ข้างหูผมด้วยน้ำเสียงที่สะใจ
ไอ้บ้าเอ้ย ทางเลือกแกมันโคตรเลวร้ายเลย นี่แกกะเอาผมถึงตายเลยใช่มั้ย
แต่ว่าฉันก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรให้มากมาย เพราะแค่พูดว่า ฉันก็พอจะมีคำตอบในใจแล้วเหมือนกัน
“ไม่ต้องบอกก็รู้” ฉันว่าพร้อมเดินไปที่โต๊ะใกล้กับที่วางมีดอย่างเยือกเย็น
“ฉันเลือกข้อสอง” ทันทีที่สัมผัสมีด ฉันก็รีบคว้ามันมากรีดแขนตัวเอง ราวกับว่ามันเป็นเพียงเนื้อชิ้นหนึ่งเท่านั้น
อ้าย...เจ็บชะมัดเลย
เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลรินออกมาตามบาดแผลที่ทั้งลึกและยาว ผมพยายามทำสีหน้าเยือกเย็นไร้ความรู้สึกมองยูอิจิอย่างไม่เจ็บปวด ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ผมทั้งเจ็บและปวดแทบขาดใจ
รู้งี้ยั้งๆมือหน่อยก็ดี ไม่น่าหมั่นไส้หมอนั่นจนกรีดซะลึกเลยอ่า
“อืม...ดูนายจะรักน้องดีนี่ และรู้มั้ยว่าไอ้หน้าตายด้านแบบนี้ของนาย มันทำให้ฉันโมโหซะด้วยซิ” ยูอิจิมองผมอย่างชิงชัง ก่อนที่จะพยักเพยิดหน้ากับเพื่อนที่ประคองเลิฟยู
ไอ่หมอนั่นกดเลิฟยูให้นอนลงกับพื้น ก่อนจะรีบคร่อมตามแล้วไซร้ต้นคออย่างหื่นกระหาย
ไอ้เลวเอ้ย ไหนว่าจะไม่ทำอะไรน้องฉันไงเล่า ฉันอุตส่าห์ยอมกรีดแขนตัวเองแล้วนะโว้ย
“เฮ้ย ไหนแกว่าจะไม่ทำอะไรเลิฟไง” ผมคว้าคอเสื้อมันอย่างเหลืออด ก่อนจะเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น
“นายก็น่าจะรู้ดีนี่ ว่าไม่เคยมีสัจจะในหมู่พวกโจร และนายก็ทำตัวเองนะที่ทำหน้าเย็นชาแบบนั้น ถ้านายอ้อนวอนหรือร้องแสดงความเจ็บปวดบ้าง บางทีฉันอาจจะยืดเวลาให้หน่อยก็ได้” ยูอิจิจับขาผมไว้ ไม่ให้ไปช่วยเลิฟได้ ซึ่งนั้นก็ถือเป็นการเปิดศึกทีเดียว เพราะไอ่พวกที่เหลือยกเว้นที่กำลังกดน้องผมอยู่ต่างรุมเข้ามาจากทุกทิศทาง
แต่ด้วยความที่ชั้นเชิงที่เหนือชั้นกว่า ผมจึงบิดข้อเท้าสะบัดมือที่เกาะกุมได้สำเร็จ เตะไอ่คนที่มาขวางหน้า รีบวิ่งไปกระชากไอ่คนที่คร่อมแฝดผมออกซึ่งตอนนี้มันปลดกระดุมเสื้อยัยเลิฟออกเกือบหมดแล้ว
“เอาตัวยังไม่รอดยังจะห่วงคนอื่นอีกหรอ” ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นพร้อมฟันดาบมายังแขนผม
“เลิฟไม่ใช่คนอื่น พวกนายเก่งนะที่ทำให้ฉันโมโหได้น่ะ” ดาบประจำกายผมโผล่ออกมายามต้องการรับดาบนั่นไว้ได้อย่างทันท่วงที
“อ้าย...” ผมร้องเบาๆ เมื่อดันเผลอยกแขนที่เพิ่งกรีดไปมาชกยูอิจิที่โผเข้ามาซะเต็มแรง
เปรี้ยง
แต่นั่นก็ทำให้ผมโดนหมัดจากชายอีกคนเข้าที่หน้าเต็มๆ หลังจากที่ชะงักกับการเจ็บแผลเมื่อครู่
“555+ แบบนี้ซิ ถึงจะสนุก” ยูอิจิแสยะยิ้มที่น่ารังเกียจมาให้
ผมประคองเลิฟยูไว้ด้วยมือข้างนึง มืออีกข้างรับเท้าชายคนหนึ่งกำลังจะเตะที่ท้อง ก่อนออกแรงผลักจนหมอนั่นล้มไปอีกทาง ผมรีบฉวยจังหวะวางเลิฟยูที่มุมห้อง แล้วตั้งการ์ดดาบเตรียมรับมือกับพวกชายชุดดำทั้งหมด
คราวนี้ทุกคนต่างรุมเข้ามาพร้อมกันด้วยอาวุธประจำตัวของตน ผมก็ได้แต่ตั้งการ์ดรับอาวุธเหล่านั้นไว้ แล้วโจมตีออกไปให้ห่างจากแฝดผมมากที่สุด แต่เนื่องจากผมตัดกำลังแขนตัวเองไปข้าง การต่อสู้ครั้งนี้ของผมจึงค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร
แม้ว่าทักษะการต่อสู้ ผมจะถูกฝึกมาเพื่อตั้งรับทุกรูปแบบจนไอ่พวกบ้าสิบตัวนี้ไม่ใช่คู่มือของผมก็ตาม แต่การที่เลือดไหลออกจากบาดแผลของผมไม่หยุดอย่างนี้ก็สร้างความเจ็บปวดให้กับผมไม่น้อย
ต้องตั้งสติ และค่อยๆไล่จัดการไปทีละคน ผมย่อตัวหลบดาบที่รุมเข้ามา ใช้แขนปัดหอก ก่อนจะใช้ขากวาดขาพวกนั้นที่ยืนล้อมตัวผมล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า
แล้วผมก็เริ่มจัดการผู้ชายซ้ายมือสุดที่ใช้หอกเป็นอาวุธ กระโดดข้ามหัวเหยียบหอกที่พุ่งเข้ามา อ้อมไปทางด้านหลัง แล้วใช้สันดาปกระแทกไปแรงๆที่จุดศูนย์รวมประสาท ก่อนจะบิดตัวใส่เข็มเงินประจำตัวฝังไปยังจุดนั้น เพื่อเป็นการสะกดจุดไม่ให้ฟื้นมาสร้างพิษภัยอีก
เมื่อจัดการได้คนนึง ที่เหลือที่เพิ่งลุกขึ้นมาได้ จะโรมรันใส่ผมไม่ยั้ง ทั้งเตะ ต่อย อาวุธจริง อาวุธลับซัดเข้ามาไม่เหลือ แต่ด้วยความไวที่ฝึกฝนมานาน เพราะผมไม่นิยมการใช้เวทย์เท่าไหร่ ฉะนั้นความเร็วรวด และความแข็งแกร่งของร่างกายจึงฝึกฝนให้เหนือกว่าคนธรรม พอที่จะสู้กับพวกสายเวทย์ได้
คราวนี้ผมเลือกจะจัดการพร้อมกันทีเดียวสามคนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา อาวุธของทั้งสามคนคือดาบ ซึ่งเป็นงานถนัดของผมอีกแล้ว สองคนแทงดาบเข้ามายังหัวใจผมพร้อมกัน ผมจึงต้องใช้ดาบรับไว้ ส่วนอีกคนที่กำลังจะฟันแขนผม ผมจึงใช้ขากระโดดเตะดาบ ก่อนจะพุ่งตัวเหยียบหัวชายคนนั้น เป็นแรงส่งพุ่งไปเตะหัวเพื่อนอีกสองคนด้วยข้างคู่ ให้หัวทั้งสองคนกระแทกกันจนสลบคาที่ แล้วค่อยบิดตัวพลิกใช้หมัดลุนๆกระแทกไปยังลิ้นปี่ชายคนนั้นอย่างแรงจนสลบไป
แต่พอพลิกตัวกลับมา ผมก็ถูกชายอีกสี่คนล้อมด้านหน้าไว้ อีกสองคนกำลังมุ่งหน้าไปยังแฝดผมที่นอนพิงกำแพงผมอยู่
ทำไงดีฟ่ะ กว่าจะฝ่าวงล้อมพวกนี้ไป ไอ่สองตัวนั้นได้ใช้ยัยเลิฟเป็นตัวประกันแหงๆ เสียทั้งขึ้นทั้งล่องอีกคราวนี้
เป็นไงเป็นกัน
ผมตัดสินใจใช้อาวุธลับเข็มพิษที่ทำให้ผู้ที่โดนไปเกิดอาการอัมพาตชั่วขณะ ผมใช้ดาบกันชายที่ใช้ลูกตุ้มโถมเข้าใส่ตัวผม พร้อมกับกระโดดเตะแยกขาใส่หัวชายที่ขวางผมตรงกลาง มืออีกข้างซัดเข็มพิษใช้ผู้ชายที่กำลังเดินไปหาเลิฟยู ซึ่งก็โดดเข้าที่กลางท้ายทอยอย่างจัง ทำให้ทั้งสองคนล้มลงตรงหน้าเลิฟยูทันที
แต่ทว่าร่างกายถูกใช้ทุกส่วน แต่กลับเหลือไอ่ยูอิจิอีกคนหนึ่ง หมอนั่นเลยซัดหมัดเอามีท้องผมเต็มๆ แล้วใช้ดาบเฉือนไปที่แขนแผลเดิมจนลึกอีกครั้ง
อ๊ากกก
ผมล้มลง ใส่ดาบค้ำตัวเองไว้ไม่ให้เสียหลักไปมากกว่านี้ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็กำจัดไปได้อีกสี่ เหลือแค่คนใช้ลูกตุ้ม กับไอ้ยูอิจิเท่านั้น
ไอ่ลูกตุ้มเหวี่ยงตุ้มเหล็กใส่ผมอีกครั้งคราวนี้มันใช้ลูกตุ้มพันรอบดาบของผมและพยายาทยื้อให้ดาบหลุดจากมือ ส่วนไอ่ยูอิจิก็ใช้ดาบแทงผมแบบไม่ยั้ง ผมก็ได้แต่เบี่ยงตัวหลบเท่านั้น
ผมจึงตัดสินใจกระชากไอ่ลูกตุ้มเต็มแรง จนมันเซไปล้มทับไอ่ยูอิจิ แล้วผมก็ใช้จังหวะนั่น ซัดเข็มพิษใส่ทั้งคู่ แต่ทว่าไอ่ยูอิจิกลับเห็นเข็มพิษซะก่อน จึงเอาไอ่ลูกตุ้มมากันเข็มพิษสองเล่มสุดท้ายของผมไป
การกระทำเช่นนั้นของผมและมัน ก็ทำให้ดาบของเราทั้งคู่ติดแหงกอยู่ใต้ร่างไอ่ลูกตุ้มที่นอนทับดาบของพวกเราทั้งสองคนไว้ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของผมนี้จึงเป็นการโจมตีที่ใช้มือเท้าล้วนๆ แต่ตอนนี้ผมเสียเลือดมากเกินไปแล้ว ผมจึงทำได้เพียงแค่แลกหมัดไปมาเท่านั้น ผมต่อยมันได้ มันก็ต่อยฉันได้ มันเตะผมได้ ผมก็เตะมันได้เช่นกัน
แล้วงี้เมื่อไหร่จะชนะเนี่ย ไม่มีทีท่าว่าผมจะหลุดจากสถานการณ์นี้ได้เลย
เปรี้ยง
ระหว่างที่ผมเผลอเหม่อมองเลิฟยูที่นอนสลบไสลอยู่เพียงแวบเดียว ผมก็โดนยูอิจิเตะเข้าที่หน้าท้องเต็มๆ จนผมนอนลงไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
ตอนนี้ร่างกายของผมก็ถึงขีดจำกัดของความเจ็บปวดแล้ว ผมไม่อาจสั่งตัวเองให้ลุกขึ้นได้อีก และยิ่งยูอิจิเดินเข้ามาเตะซ้ำที่กลางลำตัวผมอีกสองสามที ตอนนี้สภาพผมก็ไม่ต่างอะไรกับนักโทษที่กำลังรอการพิพากษาความตาย
“เป็นไง เก่งนักไม่ใช่เหรอ เก่งจริงก็สู้สิ” ยูอิจิตะคอกใส่ผมพร้อมกับกระชากผมให้ลุกขึ้นด้วยการบีบแผลลึกของผมไว้แน่น
โอ้ย...เจ็บนะเว้ย อย่าให้ผมแรงอีกนะ นายตายแน่ๆ
“แต่ก่อนนายจะตาย ทนดูน้องนายมีความสุขกับฉันหน่อยดีม่ะ” ยูอิจิลากผมไปใกล้เลิฟยู
ไอ่เลว แกเองก็บาดเจ็บไม่แพ้กันยังจะคิดเรื่องบัดสีอีกหรอ
เมื่อเห็นหน้าหื่นๆของมันที่มองแฝดผม เรี่ยวแรงที่เคยหดหายไปเริ่มกลับมาอีกครั้ง
หึหึ ตั้งแต่เกิดมาผมสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ฆ่าสัตว์หรือทำร้ายสิ่งมีชีวิต แต่ไอ่หมอนี่คงต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่จะต้องยกเว้นซะแล้ว ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนที่มันหวิดจะปล้ำน้องผมได้ มันก็ยังหาโอกาสมากวนและวอแวน้องผมอยู่เรื่อยๆ
“มันไม่ง่ายงั้นหรอก ไอ่ชั่ว” ผมคว้าข้อมือมันไว้ เมื่อมันจะเหวี่ยงผมไปกองกับพื้น กลายเป็นดึงมันและจับทุ่มจนล้มแทน
แล้วผมก็ไม่รอช้าเตะเข้าที่ซี่โครงมันทันที ก่อนจะโถมตัวเข้าไม่ต่อยมันไม่ยั้งจนไอ่ยูอิจิไม่อาจตั้งตัวได้
สุดท้ายผมจึงคิดปลิดชีพมันคนแรกฉลองกับความสำเร็จในการบ้านครั้งนี้ซะหน่อย ด้วยการหักคอมันซะ
“ทำอะไรน่ะ รักคุณ” เลิฟยูที่เพิ่งฟื้นสติร้องเสียงดัง เมื่อเห็นผมตั้งท่าจะหักคอยูอิจิ
ผมชะงักมือหันไปมองแฝดที่มองผมด้วยสายตาผิดหวัง ก็จะสะบัดหน้าหนีให้ผม ทำให้ผมได้สติ ปล่อยร่างไร้สติของยูอิจิไปกับพื้น แล้วเดินไปหาเลิฟยู
“กลับกันเถอะ” ผมคว้าข้อมือเลิฟยูให้ลุกขึ้น
“ไม่ บอกมาก่อน ทำไมรักคุณต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย” เลิฟยูมองไปยังชายชุดดำที่สลบไสลที่พื้นนับสิบคน แม้จะไม่มีเลือดท่วมตัวอย่างโชอิจิ แต่สภาพร่างกายก็บ่งบอกว่าผ่านการต่อสู้มาไม่น้อย
“มันจะทำเลิฟก่อนนะ แล้วรักก็ร้อนใจเลยพลั้งมือไปหน่อย”
“หน่อย? นี่ถ้าเลิฟไม่ฟื้นมา รักคงจะฆ่าหมอนั่นไปแล้วใช่มั้ย” เลิฟยูชี้ไปยังยูอิจิ
“.....” ผมไม่ได้ตอบคำถามใดๆ เพราะมันเป็นเรื่องจริง
“ถึงรักจะรักหรือเป็นห่วงเลิฟมาแค่ไหน แต่ชีวิตทุกคนมีค่า วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” เลิฟยูมองอย่างคาดโทษแต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใย
“ครับผม งั้นก็รีบกลับกันเหอะ รักปวดไปทั้งตัวแล้ว” ผมทำท่าสำออยมาในพริบตา
“จ้า งั้นก็ใช้เวทย์รักษาหยาบๆไปก่อนนะ” เลิฟยูร่ายเวทย์รักษาจนบาดแผลภายนอกและความรู้สึกเจ็บปวดภายในหายไปหมด เหลือแต่ความเหนื่อยล้าของร่างกาย
สุดท้ายเราสองคนพี่น้องก็พากันกลับบ้านอย่างมีความสุข ทิ้งให้เหล่านักฆ่าชุดดำหลับคาห้องดำนั้นต่อไป กว่าจะฟื้นขึ้นมาอีกที ก็วันไหนไม่รู้ เพราะผมดันไม่ได้ออมแรงซะด้วยซิ หึหึ
ความคิดเห็น