คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ใบสมัครนางเอกป๋าฮันเรื่องผี
ใบสมัครนางเอกป๋าฮัน (ใบสมัครสีแดงค่ะ คำตอบสีดำนะค่ะ เหมี่ยวตาไม่ค่อยดี)
ชื่อเกาหลี(จะมีความหมายหรือไม่ก็ได้นะคะ) : ปาร์ค จี ยง (ฉลาดและกล้าหาญ)
ชื่อจีน : โจว หยง เจี้ยน
ชื่อเล่น // ฉายา : เจียนเจี้ยน (เฉพาะคนในครอบครัว) // ยัยตัวร้ายแอ๊บเนิร์ด
อายุ(ห้ามน้อยกว่า17 อย่ามากกว่า20) : 18
ลักษณะที่เห็นได้ชัด + บุคลิก(2 บรรทัดอัพ) : ใส่แว่นหน้าเป็นนิ้ว ทั้งๆที่ไม่ได้สายตาสั้น ชอบทำให้ตัวเองเป็นเด็กเรียนสุดๆ ยิ่งขี้เหร่ยิ่งน่าเกลียดยิ่งชอบ (โรคจิตป่ะ?) แม้ว่าจากหน้าตาการแต่งตัวจะดูบ้านๆ พื้นๆ ติดจะขี้เหร่ แต่บุคลิก การนั่ง ยืน เดิน กิน และทุกๆอย่างกลับแส่งถึงการอบรมมาอย่างดี
นิสัย (4 บรรทัดอัพ) : ฉลาดผิดมนุษย์มนา ด้วยไอคิว 196 เป็นคนแอบรั่วมากๆ แต่จะชอบทำหน้าตาย ไม่ค่อยให้คนไม่สนิทรู้ตัวตนที่แท้จริง แต่ถึงภายนอกจะเป็นเด็กเรียน แต่เธอก็เป็นยัยตัวแสบอย่างแท้จริง เป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูล เลยถูกตามใจตั้งแต่เด็ก ขี้แกล้งเป็นที่หนึ่ง แม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่ละเว้น มีความสุขกับการได้แกล้งคนอื่นวันละนิด มีไหวพริบปฏิพานสูง เป็นที่พึ่งพาที่ดีของเพื่อนได้ ด้วยสมองอันเป็นอัจฉริยะของเธอ แต่นิสัยที่ทำให้เธอเซ็งของตัวเองก็คือ ความขี้ใจอ่อนของเธอ ขี้สงสาร และปฏิเสธใครไม่ค่อยได้ เลยเลือกที่จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินหนี เพราะกลัวใจตัวเอง
อยู่คณะไรจ๊ะ อ้อ...ปีอะไรหล่ะ (อะไรก็ได้ ไม่มีผลเน้อ ส่วนชั้นปีช่วยดูอายุด้วยค่ะ) : แพทยศาสตร์ ปี 1
ประวัติครอบครัว(2 บรรทัดอัพ) : ลูกครึ่งเกาหลี จีน แม่เป็นอดีตนางเอกชื่อดังของเกาหลี ที่ชีวิตพกผันไปตกหลุกรักกับมาเฟียสายเลือดมังกรอย่างคุณพ่อของเธอ ฐานะทางบ้านร่ำรวย พ่อเป็นมาเฟียที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย ทั้งบ้านมี ลูก 4 คน ชาย 3 และหญิง 1 นั่นก็คือเธอ และเพราะเป็นลูกคนสุดท้อง ทั้งพ่อแม่และบรรดาพี่ชายทั้งตามใจและหวงสุดๆไปเลย
ประวัติการเรียน : เป็นนักเรียนดีเด่นตั้งแต่จำความได้ เรื่องเรียนไม่เคยน้อยหน้าใคร แถมยังได้รับเลือกประธานนักเรียนตั้งแต่เด็ก ไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่แค่ตั้งใจฟังให้ห้องเรียนครั้งเดียวก็จำได้ขึ้นใจ เป็นSkill ที่ทำให้เธอเรียนดีแถมกิจกรรมเด่นจนถึงทุกวันนี้
ชอบ : ทำทุกอย่างที่ท้าทายความสามารถ เพราะไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน ก็ไม่เคยลำบากเกินความสามารถของเธอเลย และเธอก็ชอบของกินมากๆ ถ้าหากเธออารมณ์เสียเมื่อไหร่ แค่มีของอร่อยๆมาให้ก็เป็นพอ
เกลียด : เกลียดความพ่ายแพ้ ไม่ว่าจะทำอะไรเธอต้องชนะ แต่ของที่เธอทนอยู่ร่วมไม่ได้เลยก็คือ สุนัข เพราะเคยเห็นพี่ชายโดนกัดเพราะปกป้องเธอตอนเด็กๆ เลยฝังใจ
ความสามารถพิเศษ : นอกจากสมองอันชาญฉลาด ที่เป็นอาวุธสำคัญของเธอ ความสามารถในด้านการต่อสู้ทุกแขนงของเธอก็ไม่เคยแพ้ใครที่คุณพ่อและพี่ๆฝึกมาเป็นอย่างดี แม้แต่เรื่องงานบ้านงานเรือนคุณแม่ก็สั่งสอนไม่เคยขาด แต่ที่ดูจะโดดเด่นเกินใคร คงจะเป็นการเล่นไวโอลินที่เธอมีฝีมือขั้นเทพที่เดียว
อื่นๆ : ชอบเรื่องลี้ลับที่วิทยาศาตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ เพราะมันดูท้าทายอำนาจมันสมองอันแสนฉลาดของเธอที่ไม่สามารถหาคำตอบแก่สิ่งเร้นลับพวกนี้ได้
อิมเมจตัวละครคุณ( 3 รูปจ้า) : จางลีอิน (แอบมีเชื้อสายจีนเลยตรงดี)
อิมเมจพระเอกคุณ(3 รูปเช่นกัน) :
////////////////////////
คำถามทั่วไป
คิดยังไงกับพล็อตอ่า : ก็ดูฮาดี คาแรกเตอร์พระเอกไม่มีใครไม่รั่วเลย แถมเป็นผีอีก คงมีเรื่องยุ่งๆให้สนุกอีกเยอะ
ติดแล้วให้เวลา 5 วัน ไม่มาตัดออกนะ : ครับผม
ติดแล้วหาย...อาจตายอนาถ ยอมมั้ยจ๊ะ?? : อ่า...คนแต่งคนสวยจะใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ถ้าติดแล้วไม่หายแน่นอนครับ
อิไรเตอร์ทั้ง 3 มันชอบดอง รับได้ป่ะ : เงอะ...ก็อย่าดองนานจนลืมก็แล้วกันนะ
สุดท้าย.....อิไรเตอร์มันเรื่องมากไปป่ะ + พูดอะไรกับไรเตอร์ทั้ง 3 หน่อย : ไม่อ่ะครับ แต่ช่วยพิจารณาผมซักหน่อยน่า พล๊อตน่าสน อยากติดอ่ะครับ
อ้อ เกือบลืม บทสำรองจ๊ะ(ถ้ายัดไม่ตรงอย่าว่ากันน้า T^T) : เอาเหอะครับ ยัดตรงไหนได้ก็เอา
//////////////////////////////
คำถามตัดสิน (ตั้งใจตอบด้วยนะ ^^)
1. ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นบ้านผีสิงสุดหรูแห่งนี้ : เนี่ยอ่ะนะ บ้านผีสิงที่คนเค้ากลัวหนักหน้า ก็เป็นแค่ระยะเวลาผ่านไปนาน ทำให้สภาพบ้านมีรอยแตกร้าว ฝนที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำให้บ้านส่วนของตัวบ้านกัดกร่อน เพราะไม่มีคนอยู่บวกกับความชื้นของบรรยากาศ ทำให้ต้นมอส ตะไคร้ต่างๆมันขึ้นต่างผนังเลยดูมืดมน มันน่ากลัวตรงไหนฟ่ะเนี่ย
2. เช้าวันนึง...จู่ๆคุณได้ยินเสียงนางเอกฮยอกร้องโวยวาย คุณเดินลงมาจากชั้นบนแล้วเห็นเธอชี้ไปที่จามข้าวปริศนาที่มีธูปปักอยู่ข้าง ความคิดแรกของคุณคือ.....?? : แล้วไง? ก็อาจจะมีใครต้องการให้ผู้คนหลงเชื่อว่าที่นี่เป็นบ้านผีสิง ก็เลยแอบย่องมาสร้างกระแสให้ผู้คนกลัว โลกนี้ไม่มีผีหรือเรื่องที่วิทยาศาตร์ให้คำตอบไม่ได้แล้ว ทุกๆอย่างต้องมีคำตอบ
3. คุณเดินตามหาผีทั่วบ้านกับเพื่อนๆอยู่ แล้วคุณไปทำยังไงถึงได้เจอฮันกยองหล่ะ??(อธิบาย+บทพูด 5 บรรทัดอัพ) :
ระหว่างที่ฉันกับเพื่อนๆกำลังเดินตามหาผีในบ้าน อยู่ดีๆระหว่างทางเพื่อนๆก็ค่อยๆหาไปอย่างไร้ร่องรอยทีละคน จนในที่สุดตอนนี้เหลือฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น
ยัยพวกนั้นหายไปไหนกันแน่นะ
แต่ขณะที่ฉันกำลังเดินหาเพื่อตรงทางเดินชั้นสอง ฉันก็เห็นผู้ชายท่าทางแปลกๆกำลังยืนจ้องจานชามในตู้โบราณอยู่
“นายจะทำอะไรน่ะ” ฉันถามอย่างไม่เกรงกลัวผู้ชายตรงหน้า
ไม่ว่านายนี่จะมาดีหรือร้าย ศิลปะการป้องกันตัวที่ได้รับการถ่ายทอดมาอย่างดีทำให้เธอไม่เคยหวั่นเกรงต่อสถานการณ์ใดๆทั้งสิ้น
“ฉันก็แค่ดูของในบ้านน่ะ ว่าแต่เธอน่ะเห็นฉันด้วยเหรอ” เค้าถาม
“ตัวใหญ่ขนาดนี้ ฉันไม่เห็นก็ตาบอดแล้ว แล้วนายเค้ามาในนี้ได้ยังไง นายยังมีคนอื่นสมทบอยู่ในนี้รึเปล่า” ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆเค้าอย่างระมัดระวัง
“ฉันอยู่ที่นี่กับเพื่อนมาตั้งนานแล้ว พวกเธอต่างหากที่มาบุกรุก ว่าแต่เธอเห็นฉันแล้วไม่กลัวบ้างรึไง” ผู้ชายตรงหน้าถามฉันอย่างสงสัย
“แล้วทำไมฉันต้องกลัว หรือนายจะบอกว่านายเป็นผี” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ พลางพิจารณาชายตรงหน้า
“ก็ใช่” ผู้ชายคนนั้นลอยตัวให้สูงขึ้น เพื่อให้เห็นว่าเท้าเค้าไม่ได้แตะพื้นเลย และแสงแดดอ่อนๆที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้เห็นว่าตัวของผู้ชายคนนี้โปร่งแสงสามารถมองเห็นทะลุไปได้
“คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ การที่นายเป็นรูปร่างโปร่งแสงลอยไปมาได้ ก็คงจะเป็นเพราะนายแอบเอาเครื่องฉายสามมิติส่องมาที่จุดนี้ใช่มั้ยหล่ะ คิดเหรอว่าไอ้เรื่องวิทยาศาสตร์ง่ายๆแค่นี้จะหลอกฉันได้” ฉันพยายามกวาดสายตาหาแหล่งกำเนิดภาพบ้าๆนี่
“ฉันเป็นผีจริงๆนะ ฉันทะลุผ่านตัวเธอก็ยังได้” ว่าแล้ว เค้าก็ทะลุผ่านร่างฉันไปจริงๆ ทำให้ฉันได้สัมผัสถึงพลังอุ่นวาบผ่านกลางลำตัวไป
“ก็อีกแค่นี่ เครื่องฉายสามมิติก็ทำได้ ไว้นายมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือกว่านี้แล้วค่อยมาบอกฉันก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันต้องไปตามหาเพื่อนฉันก่อน” ฉันเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก ตอนนี้ขอให้หาเพื่อนให้เจอก่อนเถอะ ส่วนเรื่องนายนี่จะเป็นผีจริงหรือไม่ ค่อนว่ากันอีกที
ถ้านายนี่เป็นผีจริงๆหล่ะก็ ชีวิตฉันที่นี่คงมีการทดลองให้สนุกอีกเยอะเลย ไม่แน่นะว่าฉันอาจจะเป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงคนแรกที่พิสูจน์ได้ว่าผีคืออะไร
4. วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะต้องอยุ่ที่นี่ ตอนที่คุณกำลังจะไป...เค้าก็ลอยตามมาแล้วขอกลับไปกลับคุณ คุณปฏิเสธแล้ว ปฏิเสธอีก แต่เค้าก็ยืนยันจะไปกับคุณ สุดท้ายคุณก็ต้องตกลง ช่วยอธิบายเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟังหน่อย (เขาทำยังไง คุณปฏิเสธยังไง เล่ามาได้เลยค่ะ อธิบาย+บทพูด 5 บรรทัดอัพ) :
“จียงคนสวย ให้ฉันไปอยู่ด้วยคนเถอะนะ” ผีบ้าฮันกยองลอยตามมาอ้อนวอนตั้งแต่ชั้นบนยันชั้นล่าง
“นายฉันตาตุ่มมองรึไงว่าฉันสวย” ฉันให้ไปว้ากใส่
นี่ฉันพยามแทบตายรู้มั้ย ที่จะต้องใส่แว่นหนาๆหนักๆ ผมสวยๆเรียบๆก็ต้องมานั่งยีให้มันฟูๆก่อนจะรวบแบบอย่างเพิ้ง ยังจะกล้าบอกว่าสวยอีกเหรอ
“ก็เธอสวยจริงๆนี่ ไม่เห็นเข้าใจเลย ว่าทำไมต้องตื่นตั้งแต่ตีห้ามาทำให้มันขี้เหร่ด้วย”
“มันเรื่องของฉัน แล้วก็เลิกเกาะติดฉันซะที รำคาญ” ฉันว่าพลางสะบัดหน้าเตรียมไปทางอื่น
“ก็ฉันอยากอยู่กับเธอนี่หน่า นะจียง สงสารผีตาดำๆเหอะนะ” ฮันกยองหายตัวแวบมาอยู่ตรงหน้าฉัน
“โอ้ย นายจะทำฉันบ้าได้ ถึงว่าเป็นผีจะหายตัวไปมาตามใจชอบได้รึไง” ฉันบ่นที่ไม่ว่าจะหนีไม่ไหนก็หนีไม่พ้นซักที
“งั้นเธอก็ยอมให้ฉันไปด้วยซิ รับรองว่าตอนไปนี้ฉันจะไม่หายตัว ถ้าไม่จำเป็น” ฮันกยองทำท่าสาบาน
“เหอะ ขอบอกว่าต่อให้นายหายตัวอีกกี่พันรอบ ฉันก็ไม่สน ถ้าฉันไม่ยอมให้นายไปอยู่บ้าน นายก็ไปไม่ได้อยู่ดี” ฉันกอดอกส่งยิ้มสะใจ
“จริงซินะ ผีอย่างฉัน ใครมันจะอยากให้อยู่ด้วย” ฮันกยองทำเสียงเศร้าก้มหน้าไม่สบตา
เฮ้ย นี่อารมณ์ไหนฟ่ะเนี่ย อย่ามาทำเป็นน่าสงสารนะเฟ้ย ฉันยิ่งขี้ใจอ่อนอยู่อ่ะ
“ระ..รู้ตัวก็ดีแล้ว งั้นฉันไปหล่ะ” ฉันเลือกหนีสถานการณ์หน้าอึดอัดใจ ขืนอยู่ต่อไปฉันคงได้พกผีกลับบ้านแน่ๆ
“เดี๋ยว ตอนแรกฉันกะว่าถ้าไปถึงบ้านเธอ ฉันจะทำปาร์ตี้อาหารจีนดั้งเดิมให้เธอ แต่ในเมื่อฉันไปทำให้เธอไม่ได้ ฉันขอทำราเมงที่เธอชอบให้เธอก่อนไปได้มั้ย” ฮันกยองโผล่มาดักหน้าด้วยสีหน้าเสียใจ ก่อนจะลอยนำไปทางห้องครัว
ระหว่างรอให้เพื่อนๆเก็บของ ฉันก็เลยจำใจนั่งรอกินราเมงที่ฮันกยองจะทำให้ฉันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากลา
ทำไมฉันถึงรู้สึกสงสารผีตัวนี่นะ ในเมื่อเรื่องของเค้าไม่สามารถพิสูจน์ด้วยหลักเกณฑ์ทางวิทย์ใดๆได้ เธอไม่น่าจะเหลือความสนใจในตัวเค้าอีกซิ
“อ่ะ เสร็จแล้วหล่ะ ขอบคุณนะที่อุตส่าห์นั่งรอ” ฮันกยองเพ่งสมาธิยกชามราเมงมาไว้ตรงหน้าเธอ
กลิ่นรางเมงหอมกรุ่นชวนให้น้ำลายสอ ควันฉุ่ยๆลอยขึ้นเป็นไอดูท่ากลืนลงคอแล้วคงจะคล่องคอหน้าดู ทานหล่ะนะ
เพราะเรื่องของกินมาอันดับหนึ่ง ฉันจึงเผลอตัวลืมว่าในห้องนี้ยังมีผีฮันกยองนั่งอยู่ในห้องด้วย
“ดีใจจังที่เธอชอบ” ฮันกยองกล่าวขึ้น เมื่อเห็นฉันกินเรียบจนหมดชามในเวลาไม่กี่นาที
“อืมๆ ขอบใจสำหรับอาหารนะ” ฉันเช็ดปากอย่างเขินๆ ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมไป
“ฉันคงส่งเธอแค่นี้นะ เพราะขืนตามเธอไปอีก ฉันคงรั้งปากไม่ให้ตัวเองตื้อเธอกลับบ้านไปด้วยไม่ได้” ฮันกยองทำหน้าเศร้าส่งยิ้มจืดๆมาให้
“ทั้งๆที่วาดฝันไว้ว่าถ้าได้อยู่บ้านเธอ จะทำของอร่อยๆให้เธอกินทุกวัน ช่วยเธอคิดว่าผีคืออะไร ช่วยเธอหาข้อพิสูจน์เรื่องเร้นลับต่างๆ แต่ฉันคงจะวาดฝันมากเกินไปหล่ะมั้ง” ฮันกยองค่อยๆลอยขึ้นไปทางเพดาน ท่าทางน่าสงสารราวกับลูกหมาอ้อนวอนขอความเห็นใจให้เจ้านายไม่ทิ้งก็ไม่ปาน
“ก็ได้ฟ่ะ ฮันกยองนายไปอยู่กับฉันก็ได้นะ” ฉันตะโกนขึ้นไปหวังให้ฮันกยองที่กำลังลอยขึ้นไปย้อนกลับลงมา
“จริงเหรอ” ฮันกยองหน้าบานโผล่มาตรงหน้าฉันทันที
“ฉันเคยโกหกรึไง แล้วบอกกี่ทีว่าอย่าแวบไปแวบมา” ฉันบ่น
“อ่ะขอโทษ ต่อไปฉันจะไม่หายไปหายมาแล้ว ตกลงเธอให้ฉันไปอยู่ด้วยใช่มั้ย จียงน่ารักที่สุดเลย” ฮันกยองยิ้มแก้มแทบปริก่อนจะลอยไปรอบๆห้อง แล้วเดินตามฉันออกไปสมทบกับเพื่อนๆข้างนอก
5. ที่บ้าน....พี่ชายแสนติงต๊องของคุณก็เลี้ยงผีไว้แล้ว 1 ตน พอมีฮันกยองมาด้วย ลองเล่าเหตุการณ์ที่วุ่นวายที่สุดมาให้ฟังหน่อยสิ :
“เจียนเจี้ยน นี่เราเอาผีเข้าบ้านเหรอ” พี่อี้หมิน พี่ชายคนเล็กถามฉัน ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน
“นี่พี่รู้ได้ไงค่ะ” ฉันถามอย่างแปลกใจ ก็ในเมื่อเธอให้ฮันกยองหลบดีแล้วนี่
“ก็ตามมานี่สิ” พี่ชายคนเล็กจูงมือฉันไปยังห้องนอนของพี่แก
“ว้าก ไอ้ผีรูปหล่อ แกคิดจะมาแย่งถิ่นฉันเหรอ” ผีสาวตนหนึ่งกำลังขี่คฮันคยองและทึ้งผมดำขลับของเค้าอย่างแรง
“ฉันไม่ได้จะแย่งอะไรซะหน่อย ฉันแค่อยากอยู่กับจียง” ฮันคยอกพยายามอธิบายและแกะการเกาะกุม
“จียง? บ้านนี้ไม่มีคนชื่อจียงเว้ยไอ้หล่อปลิ้นปล่อน ออกไปจากบ้านตระกูลโจวเดี๋ยวนี้นะเว้ย” ผีสาวเปลี่ยนจากเกาะคอ ว่าเป็นทึ้งผมฮันคยองทำท่าจะลากไป
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นอ่ะค่ะ” ฉันหันไปถามพี่ชาย
“คือ...พี่ก็แอบเลี้ยงผีไว้เหมือนกันอ่ะ พอจางซันเห็นผีนั่นก็นึกว่ามาบุกรุกก็เลยพยายามจะไล่ไปน่ะ แต่พี่ได้ยินชื่อเรา ก็เลยลงมาถาม”
“ไม่เห็นพี่เคยบอกเลยอ่ะ”
“กะ...ก็พี่กลัวเราไม่เชื่อนี่หน่า เราอ่ะไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้นี่หน่า”
“ยัยบ้า บอกให้ปล่อยไงเหล่า ฉันไม่ได้แอบเข้ามา เจ้าของบ้านอนุญาตฉันแล้วโว้ย” ฮันคยองโวยวายเมื่อผีสาวนอกจากจะทึ้ง ยังจะกัดเค้ายังกับหมาบ้าอีก
“น้องว่าเรารีบแยกผีสองตนนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะมีการตายซับตายซ้อนเกิดขึ้น” ฉันหันไปบอกพี่ชายที่หันไปดูฤทธิ์ผีตนอย่างหวาดๆ
“พอได้แล้ว จางซันนั่นมันผีน้องสาวฉัน” พี่อี้หมินพยายามห้ามปราม
“ผีสาวสวยจ๋า อีกชื่อฉันคือจียง ปล่อยฮันคยองเถอะนะ เค้าเป็นผีของฉัน” ฉันว่า
แต่กว่าจะแยกผีสองตัวออกจากกันได้ ฮันคยองจะอยู่ในสภาพดูไม่ได้เลยทีเดียว มีรอยข่วน ผมเผ้ารุงรัง เพราะทั้งฉันและพี่อี้หมินแยกได้ด้วยเสียงเท่านั้น ไม่อาจแตะต้องผีทั้งสองได้
“กะ...ก็ อี้หมินไม่เคยบอกนี่หน่า ว่าน้องเจี้ยน มีขื่อเกาหลีกับเค้าอ่ะ” จางซันบอกเสียงอ่อยๆ
“ขอโทษนะ ผีรูปหล่อ ในฐานะผีเจ้าบ้านที่ดี ก็ต้องดูแลความเรียบร้อยในบ้านใข่ม้า” จางซันแก้ตัว
“ก็ไม่เป็นไรหรอก เห็นงี้คงไม่มีสัมพเวสีที่ไหนกล้าเฉียดที่นี่หรอก” ฮันคยองประชด
“ในเมื่อก็เคลียร์กันแล้ว ก็แยกย้ายแล้วกัน แต่ว่า น้องจะให้ผีตัวนี้อยู่ห้องน้องเหรอ” พี่อี้หมินแทรกขึ้นมา ก่อนจะมีศึกน้ำลายเกิดขึ้น
“ก็คงอย่างนั้นน่ะค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะค่ะ น้องจะดูแลเค้าอย่าดีไม่ให้วุ่นวาย”
“แต่มันเป็นผู้ชายนะ ถึงจะเป็นผีก็เหอะ” อาการหวงน้องสาวเริ่มออกฤทธิ์
“เวอร์จริง ผีก็ยังหวงน้อง ยังไงหมอนี่ก็ปล้ำน้องนายไม่ได้หรอกน่า” จางซันว่า
“ถึงงั้นก็เหอะ แต่อยู่ใกล้ชิดกันอย่างนั้น ฉันทนไม่ได้”
“ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทน หรือนายจะให้ผีนี่อยู่ร่วมห้องกับเรา เห็นฉันงี้ก็เหอะ ฉันก็สวยนะย่ะ เกิดไอ้ผีนี่หวั่นไหวจับฉันปล้ำทำไง” จางซันสะบัดผมเผยให้เห็นใบหน้าเรียวสวย
พอมามองให้ดีๆ จางซันเองก็เป็นผีสาวที่สวยเอาการอยู่ แถมนิสัยไม่ยอมใครเนี่ยเหมาะจัดการพี่ชายคนเล็กขี้อ้อนคนนี้จริง
“เอาเป็นว่า ก็แยกย้ายผีใครผีมันะจ้ะ” จางซันแจกแจงเสร็จสรรพ
“ถ้านายไม่อยากให้ฉันสร้างปัญหาในบ้านนี้หล่ะก็ ทำตามที่ฉันบอกดีกว่านะ” จางซันหันไปขู่พี่ชายเธอที่กำลังจะอ้าปากแย้ง
ฉันหันไปยิ้มกับจางซันอย่างขอบคุณ เพราะถ้าพี่ชายหัวดื้อคนนี้ไม่ยอม ฉันเองก็ไม่รู้จะจัดการไล่ผีหนุ่มตัวนี้เหมือนกัน
แต่ก่อนที่จียงกับฮันคยองจะออกจากห้อง ผีหนุ่มสาวทั้งสองก็สบตากันอย่างมีความนัยว่า “ถือว่าเป็นการไถ่โทษจากฉันนะ” จางซันส่งความหมายนี้ให้ผีหนุ่ม เพราะแค่มองตาเธอก็รู้ว่าผีตัวนี้มีใจให้สาวน้อยคนเดียวในบ้านอยู่ไม่น้อย
6. เมื่อคุณโดนโยงเข้าไปเกี่ยวข้องในคดีฆาตกรรมหมู่ ที่หนึ่งในเหยื่อนั้นก็มีฮันกยองรวมอยุ่ด้วย ทำให้ต้องสืบเรื่องราวต่างๆและใกล้ชิดเขามากขึ้นจนคุณเริ่มหลงรักเค้าแล้ว แต่มีอุปสรรค์กั้นระหว่างความเป็นคนกับผี คุณจะ??? : ทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกหวั่นไหว เธอจะพยายามเลี่ยงที่จะตอบตัวเองว่า นั่นคือความรักที่เธอมีให้กับเค้านั่นเอง ในเมื่อเราต่างอยู่คนละภพจะฝืนรักทำไมให้เจ็บปวด ยังไงก็รักกันไม่ได้อยู่แล้ว ตัดใจซะเถอะนะ...จียง
7. วันหนึ่ง....จู่ๆเค้าก็มาบอกคุณว่าต้องไปสวรรค์แล้ว(???) และเค้าก็สารภาพรักออกมา คุณเสียใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่สนใจ คุณจะ??? :
เมื่อได้ยินถ้อยคำบอกรักแสนหวานของเค้า กับคำพูดจากลาที่เค้าบอกจะต้องไปสวรรค์แล้ว มันทำให้เธอรู้สึกดีใจที่สุดแต่ก็เจ็บปวดที่สุดเหมือนกัน จะไปก็ไปสิ แต่จะมาบอกรักฉันทำไม
“เธอจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” ฮันคยองถามฉันที่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“อยากให้พูดอะไรหล่ะ” ฉันพยายามทำสีหน้าเรียบเฉย
“ก็...ฉันบอกรักเธอไปแล้ว เธอจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”
“ก็ไม่มีอะไรจะพูด รักแล้วไง ไงนายก็ต้องไปอยู่ดี ฉันไม่เห็นว่าจะสำคัญกับฉันตรงไหน” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทั้งๆที่ในใจรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ
“นั่นซินะ...ฉันควรจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าคนสวยๆเก่งๆอย่างเธอคงจะไม่สนใจผีธรรมดาที่ไม่มีอะไรอย่างฉันหรอก” ฮันกยองยิ้มเศร้าให้ทั้งตัวเค้าและเธอเอง
ใครว่านายไม่มีอะไร นายรู้ตัวมั้ยนายเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันเก๊กแตกเพียงแค่เห็นรอยยิ้มของนาย อาหารที่นายทำอร่อยจนฉันอยากจะกินไปตลอดชีวิต คำพูดปลอบโยนที่นายเคยให้กำลังใจ มันทำให้ฉันรู้สึกมีว่าตัวเองมีคุณค่ามากกว่าที่เคยเป็น นายมีทุกๆอย่างที่เติมเต็มสิ่งที่ฉันหายไป นายรู้ตัวบ้างมั้ยว่าจะทำให้ฉันเป็นบ้าเพราะ...รักนาย
“รู้ตัวก็ดีแล้ว ไปสวรรค์ให้มันดีๆหล่ะ อยากเอ๋อเดินลงนรก ไม่มีฉันคอยช่วยเตือนหรอกนะ” ฉันกระเซ้าให้บรรยากาศไม่เศร้าจนเกินไป
“ครับผม บอกรักเธอก็ทำแล้ว ฉันขออะไรเธออีกอย่างก่อนไปได้มั้ย”
ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ ขออีกร้อยอย่างพันอย่าง ฉันก็ให้นายได้ แม้แต่ใจฉันเอง นายก็ยังเอาไปโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยนี่
“ฉันขอจูบเธอได้มั้ย” ฮันคยองว่า ทำเอาฉันตกใจตาค้าง
เค้าค่อยๆก้มหน้าลงมาช้าๆ ความรู้สึกใกล้จนเหมือนจะแนบติดกัน ฉันหลับตาลงอย่างช้าๆ ทั้งๆที่รู้ว่าโดนกันไม่ได้ แต่ทำไมฉันไม่ขัดขืนนะ ฉันรู้สึกถึงไออุ่นปกคลุมรอบริมฝีปาก แม้จะไม่ใช่สัมผัสแนบแน่น แต่ก็รับรู้ถึงความรักที่เค้ามีให้
“ถึงจะไม่ใช่จูบจริงๆ แต่นั่นก็เป็นจูบแรกของฉันนะ ลาก่อน เจียนเจี้ยนที่รัก ฉันรักเธอนะ” ฮันคยองยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ก่อนที่ร่างทั้งร่างเค้าก็ค่อยๆจางหายไป
ตาบ้า...นั้นก็จูบแรกของฉันเหมือนกัน ไปดีนะฮันคยอง ขอให้นายโชคดี
8. ตอนจบของคุณหล่ะ??(ถ้าออกมาดีอาจจะได้ไปอยุ่ในเรื่องนะค่ะ) :
หลังจากฮันคยองจากไป แต่ฉันก็ไม่ได้ก้าวเท้าไปจากที่นี่เลย ทำไมฉันถึงก้าวขาไม่ออกนะ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังรออะไรสักอย่าง
เค้าก็ไปแล้ว เธอจะอยู่ให้ได้อะไรขึ้นมา จากกันด้วยดีแบบนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ
‘ปฏิเสธว่าไม่รักเค้า นั้นคือสิ่งที่เธอต้องการจริงๆเหรอ’ เสียงหนึ่งในใจแทรกถามขึ้นมากลางใจ
ไม่กล้าบอกรักเค้า เพราะกลัวใจตัวเองก็ไม่ยอมปล่อยให้เค้าหายไปง่ายๆแบบนี้
ระหว่างที่เธอไม่อาจตอบคำถามตัวเองในใจได้ หยดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ยามเค้าจากไปก็ค่อยๆกลั่นตัวไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
“ทำไมต้องร้องไห้ด้วยนะยัยบ้า นั่นก็แค่ผี เป็นกลุ่มพลังงานที่เหลืออยู่โดยไม่มีมวล เธอจะไปอาลัยอาวรณ์ทำไม” ฉันพยายามบอกตัว
เองให้หยุดร้องไห้ซะ แต่ยิ่งทำก็ยิ่งเจ็บปวดอยากจะย้อนเวลากลับไปบอกรักเค้า
“ฮันคยอง นายได้ยินฉันมั้ย” ฉันตะโกนพลางมองท้องฟ้า
“ฉันรักนาย รักนายที่สุด ฉันไม่อยากให้นายไปเลย นายได้ยินฉันมั้ย” ฉันยืนขึ้นจนสุดความสูงเผือมันจะช่วยให้เค้าได้ยินฉันบ้าง
“นายอยากจะไปที่ไหนก็ไปซิ แต่เอาใจฉันคืนมา เอาความรักฉันคืนมานะ”
“ฉันก็อยากให้นายไปทางที่ดี ฉันไม่อยากเห็นแก่ตัวเลย แต่ฉันรักนายจนไม่กล้าบอกรักนาย ฉันกลัวความเห็นแก่ตัวของฉันจะรั้งนายเอาไว้” ฉันร้องไห้ตะโกนพูดคนเดียวเหมือนกันบ้า
แต่ฉันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่ ฉันเสียหัวใจฉันไปแล้วทั้งดวง คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้วหล่ะ
“ถึงเธอไม่รั้งฉันไว้ ฉันก็ไปไม่ได้อยู่ดี” เสียงคนที่เธออยากได้ยินที่สุดดังมาจากด้านหลังของเธอเอง
ฉันหันไปทันที ก็เห็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ฉันร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง กำลังส่งยิ้มสดใสให้ฉัน
“ไหนว่าจะไปสวรรค์ไงเหล่า” ฉันถามทั้งๆที่ไม่หยุดร้องไห้ แล้วเดินเข้าไปใกล้เค้า
“จะไปได้ไง ในเมื่อใจฉันอยู่ที่นี่”
“ไม่ได้นะ ถ้านายไม่ไปตอนนี้อีกห้าร้อยปีเลยไม่ใช่เหรอ นายถึงจะได้ไปเกิดใหม่น่ะ”
“เรื่องเกิดใหม่ไม่เห็นจะสำคัญเลย ถ้าเธอไม่รักฉัน ฉันจะเกิดใหม่ไปเพื่ออะไร สู้อยู่ดูแลเธอใกล้ๆแบบนี้ดีกว่า”
“ตาบ้า แบบนี้นายก็ได้ยินหมดแล้วน่ะซิ” ฉันหยุดร้องไห้ หันมาหาเรื่องแทน
“ไม่ใช่แค่ได้ยิน ฉันยังเห็นคุณหนูหยงเจี้ยนหน้าตาย ร้องไห้ขี้มูกโป่งเรียกฉันให้กลับมาด้วย”
“เงียบไปเลยนะ ไอ้ผีเจ้าเล่ห์” ทำมาเป็นหายตัวไปให้เธอเผยความในใจ
“โธ่ อย่างอนซิครับ ถ้าฉันจะรีบไปเกิด เธอจะรอฉันมั้ย” ฮันคยองถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อืม...ต้องดูก่อนนะ มานายหล่อรึเปล่า หรือว่าฉันเจอคนที่ถูกใจกว่ามั้ย”
“เอาจริงๆซิ ถ้าเธอไม่อยากรอ ฉันก็จะไม่ไปเกิด ได้อยู่กับเธออีกซักห้าหกสิบปีแลกกับการได้ไปเกิดใหม่อีกห้าร้อยปีฉันก็ยอม”
“มากไปแล้ว ถ้านายไปเกิดเป็นหญ้าอ่อนมาให้ฉันเคี้ยวแล้วไม่อาย ก็เอาซิ”
“ไม่มีทางอาย รับปากนะว่าจะรอ”
“อืม ฉันจะรอนาย รีบๆไปเกิดใหม่ได้แล้ว ฉันไม่รอนายจนถึงอายุ 50 หรอกนะ ป่านนั้นนายยังไม่มาเกิดฉันจะหนีไปบวชชีแล้ว”
“ก่อนไป บอกรักฉันหน่อยซิ” ฮันกยองทำหน้าอ้อนวอน
“ก็ได้ยินแล้ว จะเอาไรอีก”
“ขอความมั่นใจนะ เจียนเจี้ยนที่รัก”
“ครั้งเดียวแล้วรีบไปเกิดนะย่ะ” ฉันว่าพลางเดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเค้าว่า “ฉันรักนายนะ ผีฮันกยอง” สิ้นคำพูดบอกรัก ร่างโปร่งใสของชายหนุ่มก็หายไปเพราะกับแสงสีขาวที่เจิดจ้ารอบตัวเธอจนมองอะไรไม่เห็น
นี่คงเป็นสัญญาณว่านายจากไปแล้วจริงๆสินะ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ฉันก็จะรอนายนะ ผีบ๊องฮันกยอง
ความคิดเห็น