ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บ ตัวละคร

    ลำดับตอนที่ #6 : Black Fire Day Story

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 58
      3
      8 เม.ย. 61





              เรื่องราวมันเริ่มต้นจากวันนั้น วันที่เด็กหนุ่มผู้ชื่นชอบตำนานของเหล่าทวยเทพ ได้รับพลังอำนาจที่ไม่อาจคาดถึง พลังอำนาจจากเหล่าเทพเทพีทุกองค์ในตำนาน ทั้งกรีก โรมัน นอร์ส ญี่ปุ่น บูรพา ชินโต ฮินดู และอียิปต์ พลังอำนาจที่เรียกว่า 'พรแห่งทวยเทพ' พรที่เปรียบเสมอพลังที่เหล่าเทพเทพีมอบให้แก่เขา พลังอำนาจประจำตัวของเทพแต่ละองค์ 'โอคาโน่ เอสปาด้า' กลายเป็นร่างสถิตย์เทพ ภายหลังโอ๊คได้รู้ความจริงว่าตระกูลของเขานั่นเป็นตระกูลเก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่สมัยที่เหล่าทวยเทพยังอาศัยอยู่บนโลก และคอยรับใช้เป็นผู้ส่งสารของทวยเทพ จนกระทั่งพวกเขาจากโลกนี้ไป จึงไม่แปลกที่ว่าทำไมในบ้านของเขาถึงเต็มไปด้วยตำราเกี่ยวกับเหล่าทวยเทพ และในอดีตเคยมีทายาทของตระกูลคนหนึ่งได้รับพลังจากเหล่าเทพเทพีเช่นเดียวกับเขา เขาได้รับพลังพร้อมกับคำพยากรณ์หนึ่งบท จากเทพพยากรณ์เดลฟี่

    แม้นมิอาจโค่นล้มพงศ์พันธ์ุเหล่ามารทั้งหลาย 
    แม้นจักสิ้นชีพไปด้วยอำนาจมาดร้าย 
    แต่ภายภาคหน้าจักมีทายาทร่างสถิตที่ทรงพลัง 
    แกร่งกล้ามากเกินกว่ามารร้ายหน้าไหนจะกล่ำกลาย

              หลังจากนั้นไม่นาน ชายผู้เป็นร่างสถิตเทพก็ได้จากโลกนี้ไปเพราะถูกปีศาจที่ทรงอำนาจอย่าง มารร้ายมหาบาปทั้ง7 ร่วมกันสังหารเขาจนแม้แต่วิญญาณยังแทบสูญสลาย ถึงแม้ว่าจะเป็นร่างสถิตแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอมตะ เพราะยังไงเสีย ตัวเขาเองก็เป็นแค่ภาชนะบรรจุพลังของเหล่าทวยเทพ ที่มีคุณสมบัติตรงตามกฏเกณฑ์ของเทพเจ้าจนได้รับพลังและคำพยากรณ์ก็เท่านั้น แต่เรื่องราวมันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เพราะในวันที่โอ๊คเกิด เขาได้รับคำพยากรณ์ทั้งๆที่ยังไม่ได้รับพลังเลยด้วยซ้ำ!!! คำพยากรณ์บทนั้นได้กล่าวเอาไว้

    ยามใดที่ความตายถูกปลดปล่อย ยามนั้นจักนำมาซึ่งการสูญเสีย
    เพลิงสีดำอันร้อนระอุ เผาผลาญทุกอย่างจนบรรลัยสิ้น
    แม้นคนรักและครอบครัวก็ไม่อาจจะคงอยู่เคียงข้างได้
    ความเศร้าโศก การสูญเสีย จักนำพามาซึ่งพลังแห่งการทำลาย
    จักปลดปล่อยโซ่ตรวนที่พันธการเหล่าเทวทูตแห่งสวรรค์

              คำพยากรณ์บทนั้นสร้างความตกตะลึงปนตกใจให้ทุกคนในตระกูลอย่างมาก จนแม้แต่เหล่าผู้อาวุโสเองยังต้องรวมตัวกันเพื่อปรึกษาถึงคำพยากรณ์บทนี้ และเป็นอันมัติว่า จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามคำพยากรณ์ของเดลฟี่ การเติบโตของโอ๊คอยู่ในสายตาของผู้นำตรกูลอยู่ตลอดเวลา โอ๊คเป็นเด็กที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันเกี่ยวกับตำนานเทพ การยิงธนูเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งรองลงมาจากการอ่านหนังสือ โอ๊คค้นพบพรสวรรค์ด้านการยิงธนูที่แม่นยำ การร่ายรำด้วยพัดที่งดงามดุดันและรุนแรง แต่ทว่าสง่างาม จนกระทั่งเขาได้รับพรแห่งทวยเทพ จนรู้ว่าการที่เขาชื่นชอบการยิงธนูและการร่ายรำด้วยพัดนั่นมาจากพรที่ได้รับมาตั้งแต่กำเนิด คือพรของ 'ฉางเอ๋อ' นางฟ้าแห่งดวงจันทร์ และพรของ 'อาเทมิส' เทพีแห่งจันทราและการล่าสัตว์ 

              แต่ถถึงจะบอกว่าล่าสัตว์ แต่เขากลับสามารถฟังภาษาของสัตว์ทุกชนิดได้ เหมือนกันกับภาษาของมนุษย์ จนอายุได้ 13 ปี เขาถึงได้ฝันเกี่ยวกับเทพเทพี ทำให้ได้รับพรมาในที่สุด ตลอดการเติบโตของเขา โอ๊คพบวายิ่งเขาโตขึ้นมากเท่าไหร่ เหล่าเทพเทพีต่างก็พลัดเปลี่ยนกันมาให้พรแก่เขา จนอายุครบ 18 ปี เขาค้นพบว่าพลังอีกหนึ่งอย่างที่ติดตัวเขามาคือ 'เทพศาสตรา' เป็นพลังที่สามารถเรียกว่าวุธประจำกายของเทพเทพีมาใช้ได้ตามที่ต้องการ แต่หลักๆที่เขาใช้ก็คือ 'พัดหยกของฉางเอ๋อ' และ 'คันสรจันทรา' จนอายุได้ 20 ปี โอ๊คได้พบรักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาเป็นแม่ทัพของประเทศกรีก ในตอนนั้นกรีกและโรมันยังคงรบกันอยู่ แต่อนิจา วันนั้นกองทัพของกรีกพ่ายแพ้แก่กองทัพโรมัน ด้วยความคึกคะนอง(?) โอ๊คจึงลองใช้พัดของฉางเอ๋อร่ายรำสักหนึ่งบทเพลง

              จนเกิดเป็นคลื่นจันทราสาดเข้าใส่กองทัพโรมันจนแตกพ่าย เปิดโอกาสให้กรีกสามารถเอาชนะสงครามครั้งนี้ได้ ในจังหวะที่เขากำลังจะกลับไปที่คฤหาสต์ จู่ๆก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามารั้งเขาเอาไว้ เขาเป็นชายร่างสูงที่มีรูปร่างบึกบึนแบบนักรบ ผิวสีน้ำผึ้งและผมสีดำสั้นรับกับใบหน้าคมทำให้เขาดูเหมือนรูปสลักที่เทพีสักองค์สร้างสรรค์ขึ้น เขาเข้ามาขอบคุณในความช่วยเหลือของโอ๊คที่ทำให้กองทัพของเขาสามารถชนะสงครามครั้งนี้ได้ และอย่างจะเชื้อเชิญให้เขาไปร่วมเลี้ยงฉลองด้วย แต่เขาปฏิเสธเพราะเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็แค่คนที่ผ่านมาและกำลังซ้อมร่ายรำก็เท่านั้น ก่อนจะแยกจากแม่ทัพหนุ่มคนั้น แล้วเดินหายไปในเขตวิหารพยากรณ์เขตหวงห้ามที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ ยิ่งสร้างความสงสัยให้แก่แม่ทัพหนุ่ม วันเวลาผ่านไป 

              แม่ทัพหนุ่มก็ยังคงแอบมามองหาโอ๊คอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะด้วยความสงสัยที่อยากรู้ตัวจริงของชายที่ร่ายรำได้อย่างงดงามจนสะกดสายตาของเขา หรือพลังที่แสดงออกจากการร่ายรำที่งดงามแต่ก็ดุดันทรงพลัง แม่ทัพหนุ่มพบว่าทุกวันโอ๊คมักจะมาซ้อมร่ายรำที่น้ำตกทุกวัน มีบางวันที่ชายหนุ่มซ้อมยิงธนู จนนานวันเข้า จากความสงสัยกลายเป็นหลงไหล จากความหลงไหลกลายเป็นหลงรัก หัวใจสองดวงที่ผสานเข้าด้วยกันโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว จนในที่สุดแม่ทัพหนุ่มตัดสินใจที่จะขอโอ๊คแต่งงาน เขาตกใจมาก แต่ก็ดีใจในเวลาเดียวกัน เขาตอบตกลงอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะยังไงเสีย ตัวเขาเองก็รักอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน ไม่ใช่แผนลวงที่อยากให้เขาเข้ากองทัพเพื่อเป็นกำลัง เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันแม่ทัพหนุ่มคนนี้ไม่เคยขอให้เขาเข้าร่วมสงครามเลยสักนิด 

              มีแต่เอ่ยคำเกี้ยวพาราสีให้ได้ใจเต้น โอ๊คได้นำเรื่องนี้ไปบอกแก่คนในครอบครัว ซึ่งพวกเขาก็ดูจะไม่ได้ขัดค้านอะไร เพราะในยุคนั้นการรักกับเพศเดียวกันถือว่าเป็นเรื่องปกติ และไม่ต้องกลัวเรื่องไม่มีทายาท เพราะอย่างไรเสียตระกูลที่คอยรับใช้เทพอย่างพวกเขา ก็มีวิธีทำให้บุรุษตั้งครรภ์ได้ งานแต่งและพิธีหมั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น ทุกคนภายในงานทราบเพียงแค่ว่า ตระกูลของโอ๊คเป็นผู้สรรเสิญเทพเจ้าเช่นเดียวกันกับตระกูลใหญ่หลายๆตระกูล เพียงแค่พวกเขาไม่ค่อยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลเอสปาด้าสักเท่าไหร่ แต่นอกจากแม่ทัพหนุ่มแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าตระกูลของโอ๊คสามารถสื่อสารกับทวยเทพได้ และเป็นผู้รับใช้เทพเจ้ามาหลายรุ่นแล้ว วันเวลาผ่านไปโอ๊คได้ตั้งท้องและมีบุตรหนึ่งคนเป็นเด็กเพศชายหน้าตาน่ารักน่าชัง 

              ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี ศึกสงครามทุกอย่างจบลง ทุกฝ่ายต่างอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขโอ๊คและแม่ทัพหนุ่มใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันดังเช่นครอบครัวทั่วไป โอ๊คไม่เคยรับรู้ถึงคำพยากรณ์ที่เขาได้รับติดตัวมาตั้งแต่เกิด ต่างกับคนข้างกายที่ได้รับรู้ถึงคำพยากรณ์บทนี้แล้ว แม้ว่าจะรู้ว่าตัวเองต้องตายหากได้แต่งงานกับเขา แต่แม่ทัพหนุ่มก็ยังยืนยันที่จะเลือกโอ๊คเป็นคู่ชีวิตและใช่ชีวิตอยู่ร่วมกัน จนวันนั้น 

    วันที่พวกมัน... กลับมาอีกครั้ง...

              เหล่าปีศาจมหาบาปได้กลับมาพร้อมกับกองทัพปีศาจของพวกมันกองทัพต่างๆจากกรีกและโรมันต่างเข้าต่อกรกับมันหวังจะเอาชนะ แต่พลังของพวกมันมีมากเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะมีมนุษย์ครึ่งเทพอยู่ในกองทัพ แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะมันได้ จนแม่ทัพหนุ่มได้รับคำสั่งให้ออกศึกอีกครั้ง แม้ว่าจะลำบากใจที่จะต้องทิ้งภรรยาและลูกตัวน้อย แต่เลือดนักรบภายในกายสั่งให้เขากลับสู่สนามรบอีกครั้ง ตระกูลเอสปาด้ารับรู้ได้ทันทีว่า นี่ถึงเวลาแล้ว ที่คำพยากรณ์กำลังจะสำแดงเดช ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในมิติแห่งความฝัน โอ๊คได้รับพรและเทพศาสตราชิ้นใหม่ นั่นคือ 'ดาบปีกดำ' อาวุธประจำกายของเทพแห่งความตาย 'ทานาทอส' มันทำให้เขารับรู้ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของทุกสรรพสิ่งที่กำลังจะตาย ความทรมาน ความโหดร้าย เสียงกรีดร้อง มันกำลังเข้ามาในหัวของเขา

              โอ๊คเริ่มคุมสติไม่อยู่ และเขารับรู้ได้ทันที่ว่าคนรักของเขากำลังจะตาย พรของเทพีแห่งโชคชะตากำลังร่ำร้องให้เขารับรู้ถึงเส้นดายแห่งชีวิตที่เป็นสีดำ โอ๊คตัดสินใจที่จะไปยังสนามรบ เขารับรู้ได้ทันทีว่า พลังของเขาจะต้องเอาชนะเหล่ากองทัพปีศาจได้แน่ๆ ด้วยพลังแห่งความตายนี้ จะไม่มีใครเอาชนะเขาได้ โอ๊คถือว่าเป็นเด็กที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตาให้เกิดมาเพื่อเป็นร่างสถิตที่สมบูรณ์ไม่ใช่ภาชนะกักเก็บพลังเช่นร่างสถิตคนก่อนๆ เพราะไม่มีใครที่ได้รับพลังแห่งความตาย หรือพลังของเทพชั้นสูงมาก่อน และใช่ โอ๊คใช้พังแห่งความตายดึงวิญญาณพวกปีศาจกลับสู่ทาทารัส ในขณะที่ร่างกายเนื้อของพวกมันถูกเขาเผาจนสูญสลายด้วยเพลิงแห่งความตาย แต่ยิ่งโอ๊คใช้พลังมากเท่าไหร่ สติของเขาก็เริ่มพร่ามัวและคุมไม่อยู่ แม่ทัพหนุ่มที่เห็นคนรักของตนอาการไม่สู้ดีนัก

              จึงรีบพาโอ๊คกลับไปยังคฤหาสต์ ทุกคนในตระกูลรู้ได้ทันทีว่าคำพยากรณ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว โอ๊คเริ่มคุมพลังของตัวเองไม่อยู่ เพลิงสีดำเริ่มรุกรานไปทั่วทั้งคฤหาสต์ เมื่อทุกคนกำลังโฟกัสมาที่โอ๊ค ทำให้พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยว่า เด็กน้อยในเปที่กำลังหลับไหลอยู่ กำลังถูกเอาตัวไปโดยหนึ่งในปีศาจมหาบาป 'วราท แห่งความโกรธ' กว่าพวกเขาจะรู้ตัวมันก็กำลังพาเด็กน้อยไปสู่มิติของมันแล้ว ด้วยสติอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ของโอ๊ค เมื่อเขาได้เห็นว่าลูกของตัวเองถูกเอาตัวไป พลังที่คุมแทบไม่อยู่ก็เริ่มคลุ้มคลั้งมากกว่าเดิม เพลิงสีดำเริ่มแผดเผาไปทั่วทุกสารทิศ คนในตระกูลเอสปาด้าเริ่มโดนไฟสีดำแผดเผาจนเริ่มล้มตาย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพร้อมที่จะสละชีวิตอยู่แล้วก็ตาม แต่การที่ได้เห็นว่านายน้อยที่ยังคงเป็นเด็กในสายตาของพวกเขามีสภาพแบบนี้ ก็ยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดในจิตใจ 

              คนรักของโอ๊คและครอบครัวพยายามเรียกสติของเขา แต่ครอบครัวของโอ๊คก็ไม่รอด ไฟสีดำเผาผลาญพวกเขาจนกลายเป็นเถ่าถ่าน แม่ทัพหนุ่มกัดฟันทนความเจ็บปวดของเปลวเพลิง ฝ่าเพลิงสีดำที่กัดกินร่างกายจนมาถึงตัวของคนรักที่กำลังไม่ได้สติ เขาเกลี่ยกล่อมจนโอ๊คได้สติ เมื่อสติกลับคืนมาภาพแรกที่เขาได้เห็นคือภาพคนรักของเขาที่นอนหายใจรวยรินอยู่ข้างกลาย ตอนนั้นน้ำตาของเขาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวยิ่งสภาพของคฤหาสต์ที่ถูกเพลิงสีดำกัดกินจนแทบไม่เหมือนเดิม เขายิ่งเสียใจ ยิ่งรอบๆตัวเขาเต็มไปด้วยเถ่าถ่านเขาก็ยิ่งเสียใจ เพราะเขารู้ว่าเถ่าถ่านพวกนั้นคือคนในครอบครัวที่พยายามเรียกสติของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ชายหนุ่มพร่ำบอกขอโทษซ้ำไปมา แต่คนรักของเขากลับส่ายหน้าแล้วกระซิบที่ข้างหูว่า

    'กว่าจะตื่นได้นะครับ เจ้าเด็กขี้เซา ผมไม่โกรธคุณหรอก เพราะผม...รักคุณ'

              แม่ทัพหนุ่มสลายกลายเป็นเถ่าถ่านไปในอ้อมกอดของโอ๊ค เขาปล่อยให้น้ำตาของเขาไหลออกมาท่ามกลายคฤหาสต์ที่พังลงมา แล้วไม่มีใครได้ยินเรื่องราวของตระกูลเอสปาด้าอีกเลย ผู้คนจึงเรียกเหตุการณ์ในวันนั้นว่า 'โศกนาฏกรรม วันเพลิงสีดำ' เรื่องราวของตระกูลเอสปาด้าถูกลบออกไปโดยที่ไม่มีใครรู้สาเหตุ และใครที่เป็นคนลบมัน เอกสารทุกอย่างหายไป เหลือไว้เพียงคำบอกเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นและคนในหมู่บ้านใกล้เคียงที่เห็นวาระสุดท้ายของคฤหาสต์หลังงามที่หายไปไม่เหลือเศษซาก มีเพียงเถ่าถ่านที่เป็นสิ่งยืนยันว่า ครั้งหนึ่งเคยมีคฤหาสต์หลังงามตั้งอยู่ และครั้งหนึ่ง มันเคยมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นอาศัยอยู่ ทุกคนต่างเสียใจมากกับการจากไปของตระกูลนี้ เพราะพวกเขานั้นแม้จะชอบเก็บตัว แต่ก็มักจะนำข้าวปลาอาหารมาให้แก่คนในหมู่บ้าน

              สอนพวกชาวบ้านให้ปลุกผัก จับปลา และสอนหลายๆสิ่งให้แก่พวกเขา โดยเฉพาะ โอ๊ค เด็กหนุ่มผู้อ่อนโยน ผู้เป็นที่รักของชาวบ้าน โอ๊คและคนรักมักจะพากันมาที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเป็นที่รักของหมู่บ้านแห่งนี้ และไม่แปลกหากพวกเขาจะเสียใจกับการจากไปของชายหนุ่มทั้งสอง ในขณะเดียวกันโอ๊คที่หายตัวไปก็ได้เดินทางมาถึงที่แห่งหนึ่ง ที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงความเหน็บหนาวและเยือกเย็น ตรงหน้าของชายหนุ่มมีแท่งหินอยู่เจ็ดแท่น แต่ละแท่นมีร่างงดงามของบุรุษและสตรีอยู่เจ็ดคน พวกเขามีหน้าตาที่งดงามและหล่อเหล่า แต่ที่น่าตกใจกว่าคือปีกสีขาวของพวกเขาทีีถูกตอกด้วยลิ่มหนามขนาดใหญ่ จนปีกสีขาวบริสุทธิ์เปอะเปื่อนด้วยเลือดสีทอง พวกเขาคือเทวทูต เจ็ดอัครเทวทูต ศัตรูของเหล่าเทพมหาบาป

              โอ๊คใช่เพลิงสีดำปลดพันธการทั้งหมดออกและรักษาบาดแผลให้พวกเขา การที่จะใช้เพลิงสีดำจำเป็นจะต้องมีจิตที่เข้มแข็ง หากหวาดหวั่นก็ไม่อาจจะใช้มันได้ โอ๊คใช้เวลาอยู่หลายปีในการฝึกควบคุมมัน โดยมีเทพทานาทอสเป็นคนสอน แม้ว่าจะเสียใจกับการจากไปของคนรักเพราะพลังของตน แต่ทานาททอสก็บอกว่ายังไงซะเขาก็ต้องได้เจอกับคนรักและครอบครัวอีกครั้งแน่ๆ ในขณะที่เขาฝึกควบคุมพลังควบคู่ไปกับการตามหาที่คุมขังเหล่าเทวทูต โอ๊คก็ค้นพบความสามารถติดตัวอีกหนึ่งอย่างคือ เขาเป็นอมตะ อมตะในที่นี้คือไม่ได้ฆ่าไม่ตาย แต่แค่บาดแผลหายเร็วและฟื้นตัวได้ไวก็เท่านั้น โอ๊คยังพบอีกว่าตัวเขานั้นไม่แก่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่เขาอายุครบ20ปี เขาก็ไม่เปลี่ยนอีกเลยจนถึงตอนนี้ หลังจากปลดปล่อยและใช้พลังรักษาเหล่าเทวทูตทั้งเจ็ด 

              โอ๊คก็ได้รับพรเพิ่มอีกเจ็ดข้อ เป็นพรที่จะช่วยในการกำจัดปีศาจ แต่เขาจะยังไม่สามารถใช้ได้ จนกว่าจะถึงคราวจำเป็นที่จะต้องใช้ โอ๊คค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เหล่าเทวทูตรู้สึกขอบคุณโอ๊คมากที่ปลดปล่อยพวกเขา สาเหตุที่พวกเขาถูกจับขังก็เพราะเหล่าปีศาจมหาบาปใช้อุบายหลอกล่อจนพวกเขาติดกับจนเป็นอย่างที่เห็น เหล่าเทวทูตได้กลับเข้าสู่สงครามอีกครั้งเพื่อต่อกรกับมาร้ายมหาบาป โดยร่วมมือกับมนุษย์เพื่อต่อสู้อีกครั้ง หลังจากนั้นโอ๊คก็หายตัวไปนานนับร้อยๆปี ในสงครามครั้งล่าสุด ได้จารึกไว้ว่า เขาเคยให้ความช่วยเหลือและสอนการใช้พลังเวทย์ให้แก่อลิซเซ่ ก่อนที่นางจะเข้าร่วมสงคราม จนเสียชีวิตและสามารถทำลายกองทัพของมหาบาปได้ แต่วิญญาณของนางก็ไม่ได้ไปไหน ยังคงอยู่ที่ใดที่หนึ่ง หรืออยู่กับใครสักคนที่มีพรของการเป็นนายแห่งเหล่าวิญญาณ และรอสักวัน วันที่เหล่ามหาบาปจะกลับมา 

              เมื่อนั้นนางเองก็จะกลับมามีกายเนื้ออีกครั้ง ด้วยพลังของคนที่ช่วยเหลือที่วิญญาณกำลังจะสูญสลาย เชาผู้มีอายุยืนยาว แต่ทว่าไม่เคยมีใครจารึกชื่อของเขาเอาไว้ และไม่เคยที่จะมีชื่อของเขาปรากฏอยู่ในตำราสงครามครั้งสุดท้าย 



    โอคาโน่ เอสปาด้า
    ร่างสถิตผู้ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×