ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Himmapan University

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่1.ความสามารถ

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 60


    แอ๊ดดดด

    "เออ สวัสดีครับ" ร่างโปร่งของกันต์ค่อยๆก้าวเข้ามาในห้องธุรการที่เงียบสงบ จนดูเหมือนไม่มีใคร ถ้าหากไม่เป็นเพราะหลอดไฟสีขาวที่เปิดอยู่ ทำให้พอรู้ได้ว่า ยังมีคนอยู่ในห้องนี้ และก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน

    "โอ้ว คุณคงจะเป็นกันต์พิมุกข์ใช่มั้ย" ชายร่างสูงสวมแว่นกรอบสีเหลี่ยมเดินออกมา เขาตัวสูงมาก มากถึงขนาดที่ว่าชายหนุ่มร่างเล็กต้องเงยหน้าขึ้นพูดคุยเลยทีเดียว อิจฉาจริงๆ พวกเกิดมาสูงแบบนี้เนี้ย ทำไมโลกถึงไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ในระหว่างที่กันต์กำลังคิดต่อว่าโลกใบนี้ที่ให้ส่วนสูงเขามาสิ้นสุดอยู่ที่ 179 ซม. ชายร่างสูงสวมแว่นตรงหน้าเขาก็พูดขึ้นเรียกสติเขาเสียก่อน
     
    "ผม 'มหาจักรพรรดิ' เรียก 'ภัทร' ก็ได้นะ เป็นอาจารอยู่ที่คณะเทคโนโลยีที่เธอเลือกน่ะ" อาจารย์ภัทรบอกยิ้มๆ แต่ทำไมเขารู้สึกเหมือนกำลังโดนอีกฝ่ายมองสำรวจเหมือนกำลังโดนพิจารณาอยู่อย่างไงอย่างงั้น

    "อ๊ะ ครับผม ผมกันต์พิมุกข์ พิชยนาถ ครับ" เขาเผลอบอกแนะนำตัวออกมาอย่างร้อนรน และไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงต่อ จนเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากอาจารย์หนุ่มได้เป็นอย่างดี จนเขาหน้าขึ้นสี ที่เผลอทำอะไรน่าอายต่อหน้าว่าที่อาจารย์ของเขา

    "หึหึหึ ที่นี่ตลกดีนะกันต์" ภัทรบอกก่อนที่จะยกมือขึ้นขยี้หัวของเขาเบาๆ ก่อนจะนิ่งไป เหมือนทำท่าตกใจอะไรบางอย่าง แต่เขาก็กลับมาทำหน้ายิ้มแย้มปกติเหมือนเดิม

    "เธอนี่...น่าสนใจกว่าที่คิดนะครับ" 

    "เอ๊ะ" เมื่อกี้อาจารย์พูดว่าอะไรนะ สนใจๆนะ

    "อ่อ เปล่าครับไม่มีอะไร เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า" ร่างสูงของอาจารย์หนุ่มกลับหลังหันเดินไปนั่งลงที่โซฟารับแขก และตามมาด้วยร่างโปร่งที่ค่อยๆนั่งลงอย่างเก้ๆกังๆ

    "เรื่องเอกสารน่ะ เดี๋ยวผมจะจัดการให้ แต่เรื่องความสามารถของเธอน่ะ" เขาหยุดเว้นวรรคพูด จนชวนให้เขาเผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะ

    "ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าเธอมีความสามารถอะไร" ภัทรบอกด้วยใบหน้ายิ้มๆอย่างเมื่อกี้ แต่ประกายในดวงตาของเขาถึงมีเคร้าของแววความสนุกอยู่แทน

    "อาจารย์หมายความว่ายังไงครับ" กันต์ถามอย่างสงสัย ก็เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา แล้วอาจารย์รู้ได้ยังไงว่าเขามีความสามารถอะไร

    "งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวผมจะทดสอบคุณอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ" อาจารย์หนุ่มไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับลุกขึ้นไปเปิดลิ้นชัก แล้วหยิบกล่องอะไรบางอย่างออกมา แล้วเดินกลับมานั่งลงที่เดิม พร้อมกับกล่องไม้ลวดลายตะวัดแบบไทยๆ ก่อนเขาจะเปิดมันออก แล้วหยิบรูปบางอย่างออกมา มันเป็นรูปของหญิงสาวหน้าตาสวยงามคนหนึ่ง เธอสวยมากเหมือนอย่างกับว่าเธอหลุดออกมาจากวรรณคดีเลยทีเดียว เขาวางรูปนั้นลงตรงหน้าของกันต์ แล้วพูดขึ้นว่า

    "คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ" อาจารย์หนุ่มท่าทางคาดหวัง จนชวนให้เขารู้สึกแปลกๆ

    "เออ ผมรู้สึกว่าเธอสวยมากเลยครับและ...." เธอดูเศร้ามาก 

    "เอ๊ะ??" ดูเหมือนว่าเพราะท่าทางแปลกๆของเขาจะทำให้ชายอีกคนสงสัยไม่ใช่น้อย

    "มีอะไรงั้นหรอครับ"

    "อะ อ่อ ปะ ป่าวครับ" เขารีบตอบอีกฝ่ายกลับไป ก่อนจะก้มลงมองใบหน้าของหญิงสาวในกรอบรูปอีกครั้ง แม้ใบหน้าจะสวยเหมือนนางอัปสรในวรรณคดีก็ตาม แต่ทำไมเขารู้สึกว่า ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอถึงเต็มไปด้วยความเศร้าแบบนี้กันล่ะ

    แปะ  แปะ

    "กันต์ เธอร้องไห้ทำไมครับ" อาจารย์หนุ่มถามอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าร่างโปร่งตรงหน้ากำลังร้องไห้ออกมา จนต้องรีบลุกไปนั่งข้างอีกฝ่าย

    "เอ๊ะ นี่ผมร้องไห้อย่างนั้นหรอ" กันต์ยกมือขึ้นจับใบหน้าของตนก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงของเหลวสีใสบางอย่าง กำลังไหลออกมาจากดวงตาสีชอกโกแลตคู่งาม

    "เป็นอะไรรึเปล่าครับ" อาจารย์หนุ่มหยิบหน้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วยกขึ้นซับน้ำตาให้เขาเบาๆ เขากล่าวขอบคุณอีกฝ่ายแล้วกำลังจะยกมือขึ้นดึงมืออีกฝ่ายออก แต่ทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับมือของอีกฝ่าย ภาพบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา

    'พี่ค่ะ ดูนี่สิสวยมั่ย หนูทำเองเลยนะ' หญิงสาวในภาพกำลังยกมงกุฏดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ที่ตนทำขึ้น ให้กับชายคนหนึ่งดู

    'ครับ สวยมากๆเลย น้องพี่นี่เก่งที่สุด' ชายหนุ่มคนนั้นก็คืออาจารย์ภัทร!!!

    'นี่ค่ะ ว้าววว เหมาะกับพี่มากเลยค่ะ' ดวงตาสีน้ำผึ้งของเธอเปล่งประกายอย่างมีความสุข เมื่อเธอสวมมงกุฏดอกไม้ให้อีกฝ่าย ส่วนผู้เป็นพี่ก็ยิ้มรับและกอดน้องสาวสุดที่รักไว้หลวมๆ

    'ขอบคุณนะครับ พลอยของที่ทำมงกุฏได้สวยจริงๆ' ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่ภาพจะตัดมาเป็นอีกภาพหนึ่ง

    'พลอย!!! พลอย!!! พลอยต้องอยู่กับพี่นะ!!! พลอย!!! พลอยอย่าเป็นอะไรนะ!!!' ชายหนุ่มพูดอย่างร้อนรน น้ำตาสีใสไหลอาบแก้มทั้งสองของเขา ขณะที่กำลังเข็นเตียงผู้ป่วยไปยังห้องผ่าตัด

    'ญาติเข้าไม่ได้นะค่ะ' พยาบาลบอกกับเขาก่อนที่จะรีบตามเข้าไปในห้องผ่าตัด

    'ฮึก พลอย อย่าเป็นอะไรไปนะ ฮึก พลอย' แล้วภาพก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เป็นภาพของอาจารย์หนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อคมของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเศร้า ประกายตาไร้แสงสว่าง มีเพียงแต่ความหม่นหมองและหมดสิ้นทุกอย่าง ข้างหน้าของเขาคือป้ายหินที่มีรูปของน้องสาวของเขาติดไว้ ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยยิ้มประดับไว้เหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด พร้อมกับสลักชื่อไว้ว่า 'มินทิตา นารีไพร' หน้าป้ายหลุดศพของเธอมีดอกมะลิสีขาววางไว้ มันเป็นดอกไม้ที่เธอชอบ และมักทำมงกุฏมาให้ร่างสูงอยู่เสมอ 

    'พี่ขอโทษนะพลอย ถ้าพี่รู้ตัวเร็วกว่านี้ พลอยก็คงไม่ ฮึก' น้ำตาของชายหนุ่มเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง และเขาไม่คิดที่จะเช็ดมัน แต่กลับปล่อยให้สายฝนที่กำลังร่วงลงมาชำระล้างมันไป แล้วภาพทั้งหมดก็ดับลง พร้อมกับที่เปลือกตาของกันต์ค่อยๆเปิดขึ้น

    "อึก ปวดหัวจัง" เขาค่อยๆพยุงตัวขึ้นนั่ง ก่อนที่จะยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง สายตาก็สอดส่องมองไปทั่วห้อง แล้วร่างโปร่งก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้เขากำลังดูรูปของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แล้วอยู่ดีๆเขาก็เห็นภาพของอาจารย์ภัทรกับผู้หญิงคนนั้น เดี๋ยวนะ อาจารย์ภัทร!!! เมื่อนึกได้เขาก็รีบมองหาอาจารย์หนุ่มทันที

    "อาจารย์แน่ใจหรอค่ะ" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เรียกให้ดวงตาสีชอกโกแลตหันไป ก็พบเข้ากับอาจารย์ภัทรกำลังยืนคุยอะไบางอย่างอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งดูจะเป็นนักศึกษา เพราะจากลักษณะการแต่งตัวของเธอ กางเกงวอมร์กับเสื้อพละของมหาลัย ที่ตอนที่เขาขับรถเข้ามาเห็นมีนักศึกษาหลายๆคนใส่อยู่ และดูเหมือนว่าเห็นกับอาจารย์จะเห็นว่าเขาตื่นแล้ว พวกเธอเลยเดินเข้ามาหาเขา

    "ตื่นแล้วหรอครับกันต์ รู้มั้ยว่าผมตกใจแค่ไหนตอนที่เห็นเธอเป็นลมน่ะ" อาจารย์ภัทรบอกเขาด้วยสีหน้ากังวล ส่วนผู้หญิงอีกคนก็เงียบไม่พูดอะไร แต่เหมือนเธอกำลังมองสำรวจตัวของเขาอยู่ แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้อาจารย์บอกว่ายังไงนะ เขาเป็นลมงั้นหรอ!!!

    "เมื่อกี้อาจารย์บอกว่า ผม เป็นลมอย่างนั้นหรอ" เขาถามอย่างสงสัย พลางมองไปที่ร่างสูงของอาจารย์ที่คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วกำลังมองหน้าเขาอยู่ แล้วเขาก็พยักหน้ารับเบาๆ

    "ใช่แล้ว เธอสลบไป หลังจากที่ผมให้เธอดูรูป..."

    "รูปน้องสาวของคุณ" ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะพูดจบ ร่างโปร่งที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ก็พูดตัดบทขึ้นเสียก่อน พลันทั้งห้องธุรการก็เงียบลง และเหมือนว่ากันต์พึ่งจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ก็รีบก้มหน้าลงขอโทษอีกฝ่ายทันที

    "ขอโทษครับ" เขาก้มหน้าลงคางเกือบชิดหน้าอกของตน และไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์หนุ่มแม้แต่น้อย จนเมื่อมีสัมผัสบางอย่างวางลงบนหัว ถึงทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าเป็นมือของอาจารย์ภัทรนั่นเอง รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้า แต่ประกายตาของเขาหมองลงอย่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะแทรงทำเป็นไม่เป็นไรก็ตาม

    "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมทำใจเรื่องนี้ได้แล้ว" กันต์ที่ถูกลูบหัวสัมผัสได้ถึงเสียงที่สั่นไปของเจ้าของมือที่ลูบหัวเขาอยู่ เขาจึงยกมือขึ้นจับมือของอีกฝ่ายมากุมไว้ สร้างความตกใจให้อีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร

    "อาจารย์ครับ คุณพลอยน่ะ อยากเห็นรอยยิ้มของคุณน่ะครับ" สิ่งที่ร่างเล็กพูดสร้างความตกใจให้กับอาจารย์หนุ่มมากขึ้น แม้แต่นักศึกษาหญิงอีกคนก็ตกใจด้วยเช่นกัน

    "เธอไม่ชอบนะครับ เวลาที่คุณทำหน้าเศร้าน่ะ" กันต์บอกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ เพราะตัวเขาเองก็รู้ดี ว่าการที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป มันรู้สึกยังไง มันเหมือนกับว่า แสงสว่างและกำลังใจในชีวิตทั้งหมดหายไป ไม่เหลืออะไรเลย...

    "เพราะอย่างนั้น อึก อย่า อย่าทำหน้าเศร้าที่คุณพลอยจากไปอีกนะครับ" ว่าจบร่างสูงก็ดึงเด็กหนุ่มเข้าไปกอดทันที พร้อมกับซุกหน้าลงกับไหล่เล็กๆของอีกฝ่าย ปล่อยให้น้ำตาที่อัดอั้นไหลออกมาอีกครั้ง โดยที่ไม่มีเสียงร้อง เสียงสะอื้นใดๆออกมา มันเป็นเพียงแค่การร้องไห้ที่เงียบสงบ เป็นการปล่อยให้ความทุกนั้นไหลไป และถูกชำระล้างด้วยน้ำตาของเขา ทั้งสองกอดกันอยู่สักพัก ก่อนที่จะผละออกมา อาจารย์หนุ่มซับน้ำตาของตัวเองเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ของอีกฝ่ายอย่างเบามือ

    'ขอบคุณนะค่ะ'

    "เอ๊ะ" เสียงเมื่อกี้นี้มัน

    "เมื่อกี้เป็นเสียงของคุณพลอยน่ะ" เสียงของนักศึกษาหญิงคนนั้นพูดขึ้น ขณะที่มือข้างหนึ่งของเธอจับกระดาษเช็ดชู่ปิดจมูกอยู่ เหมือนกำลังซับน้ำมูกอยู่ แต่ความจริงแล้ว เธอกำลังเช็ดเลือดกำเดาอยู่ต่างหาก!!!

    "โอ้ว ผมเกือบลืมคุณไปซะสนิทเลย กันต์ นี่คือชะเอมอยู่ปีสาม เป็นรุ่นพี่ของคุณ" หญิงสาวโค้งตัวให้เขาเบาๆ จนเขาต้องรีบโค้งตัวตาม

    "เท่านี้ก็น่าจะชัดแล้วนะครับ ว่าเขามีความสามารถอะไร" ชะเอมไม่ตอบแต่พยักหน้ารับเบาๆ แต่...ไอ้ความสามารถนี่มันอะไร

    "อะไรคือความสามารถกันครับอาจารย์" ร่างสูงไม่ตอบแต่หันไปมองหน้าหญิงสาวแทน ก่อนที่เธอจะพยักหน้ารับเบาๆ แล้ววางกระดาษเช็ดชู่ลง แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาสีเขียวของเธอทอประกายแปลกๆ จนกันต์เผลอคิดไปว่า ต้องเกิดอะไรขึ้นอีกแน่ๆ เธอค่อยๆยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร ก่อนที่จะพูดขึ้น ท่ามกลางความงุนงงของร่างโปร่ง

    "นายน่ะ เชื่อเรื่องวิญญาณรึเปล่า" กันต์ถึงกับแสดงสีหน้างุนงงออกมา และเมื่อหันไปมองหน้าผู้เป็นอาจารย์ เขาก็ทำเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ

    "ก็.... เชื่อครึ่งน่ะครับ" เขาตอบอย่างลังเล เพราะไม่แน่ใจว่าทั้งสองกำลังทดสอบอะไรเขารึเปล่า

    "ถ้าอย่างนั้นนายว่า คนที่ตายไปทั้งๆที่ยังผูกพันกับทางโลกอยู่ นายคิดว่าเขาจะได้ไปเกิดรึเปล่า" เธอถามเขาอย่างคาดหวังคำตอบ พร้อมรอยยิ้มสดใสของเธอ

    "เออ เรื่องนั้นมัน" เขาอึกอักที่จะตอบออกมา ยิ่งเมื่อได้สบตากับคนทั้งสองแล้ว

    "หืมมม ว่าไงครับ" อาจารย์หนุ่มถามพร้อมรอยยิ้มที่มันชวนให้รู้สึแปลกๆอีกแล้ว จนในที่สุดเขาก็ต้องพูดออกไป

    "ผมคิดว่า พวกเขายังคงวนเวียนอยู่ในโลกของเราครับ" เขาเว้นวรรคก่อนที่จะพูดต่อ

    "เพราะความผูกพัน ความคะนึงหาต่างๆ มันก็เหมือนกับบ่วง บ่วงที่จะรั้งพวกเขาเอาไว้จนไม่สามารถไปไหนได้ แต่ถ้าเมื่อใดที่พวกเขาสามารถปล่อยวางทุกอย่างได้ เมื่อนั้นผมว่าพวกเขาคงจะหลุดพ้นจากบ่วงที่รั้งพวกเขาไว้ครับ" 

    เขาตอบออกไปตามความรู้สึกของเขา แต่เมื่อสังเกตได้ว่าทั้งสองเงียบไป เขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองทันที และพบว่าทั้งสองกำลังระบายยิ้ม ในดวงตาของทั้งสองมีประกายที่ชวนให้เขานึกถึงพวกผู้ใหญ่ที่มักจะมองเด็กๆด้วยความอ่อนโยนปนความเอ็นดูเสมอ พลันก็ชวนให้ใบหน้าเนียนขึ้นสีอย่างรวดเร็ว

    "ทะ ทำไมถึงมองผมแบบนั้นกันล่ะครับ" ร่างโปร่งว่าก่อนจะก้มหน้าลงซ้อนความเขินอาย จนเรียกเสียงหัวเราะจากร่างสูงได้อย่างดี

    "ฮ่าฮ่าฮ่า ป่าวครับ แค่คิดว่าคุณนี่น่าสนใจกว่าที่ผมคาดเอาไว้อีกนะครับเนี้ย" ดวงตาหลังกรอบแว่นสี่เหลี่ยมส่องประกายระยับ ขณะถอดสายตามายังร่างบนโซฟา

    "เอ๊ะ??" ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจคำพูดของเขา แต่เขาก็ไม่คิดที่จะอธิบายอะไร แต่เขาหันกลับไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่แทน

    "ชะเอม ผมฝากให้คุณไปบอก 'แดน' ด้วยนะครับว่ามีนักศึกษามาเพิ่ม" เธอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนที่จะเดินออกไปด้วยท่าทางอารมณ์ดีสุดขีด กันต์ที่ยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อ้าปากหวออย่างตกใจ นะ นี่หมายความว่าเขาสัมภาษณ์ผ่านหรอ?!!

    "มะ หมายความว่า" ร่างโปร่งถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

    "ใช่ครับ คุณสัมภาษณ์ผ่านครับ^^" อาจารย์ภัทรบอกพร้อมรอยยิ้มพริมใจ เล่นเอาเขาเหวอหนักกว่าเก่าอีก ไอ้คำถามเมื่อกี้อ่ะนะ สัมภาษณ์?!! แต่แล้วความดีใจก็เข้ามาแทนที่ความตกใจเมื่อครู่จนหมดสิ้น จนเขาต้องระบายยิ้มออกมาแก้มแทบปริและเผลอร้องออกมาด้วยความดีใจ


    "เย้!!!" แต่ด้วยเพราะว่าอีกฝ่ายซึ่งครองสถานะอาจารย์อยู่ ทำให้เขาต้องรีบกลับมาทำท่าสัมรวมทันที และมันก็เป็นอีกครั้งที่อาจารย์ร่างสูงจะหัวเราะออกมาอีกครั้ง เพราะท่าทางของเขา จนเขาหน้าขึ้นสีอีกครั้ง







    "เอาล่ะครับ พรุ่งนี้คุณก็ย้ายของเขามาอยู่ในหอได้เลยนะครับ อ้อ!! แล้วก็คุณอยู่กับรูมเมทอีกคนนะครับ พรุ่งนี้คุณก็คงจะเจอเขาแล้ว" อาจารย์ภัทรบอกกับเขา ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับไปทำงานของตนต่อ ซึ่งร่างโปร่งก็เดินออกจากห้องธุรการไป หลังจาจากที่อยู่คุยเรื่องเอกสารและเรื่องอยู่หอกับอาจารย์หนุ่มเสร็จ และเขาก็ตั้งใจที่จะไปหาอะไรกินต่อ เพราะตั้งแต่เช้าก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แถมตอนนี้กี่โมงแล้วเขาก็ไม่รุ้ แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูออกมาก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่ามีร่างของชายหนุ่มคุ้นหน้า ที่เขาเจอกันก่อนที่จะเข้าห้องธุรการ นั่งกอดอกหลับตาพิงกำแพงอยู่

    'แล้วทำไมมานอนตรงนี้ล่ะเนี้ย' เขาคิดก่อนที่จะก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย และกำลังจะเอือมมือไปแตะอีกฝ่าย แต่มือของเขาก็ถูกเกาะกุมจากมือของอีกฝ่ายที่เขาคิดว่าหลับอยู่ จนเขาสะดุ้งสุดตัว เปลือกตาของเขาค่อยๆเปิดออก ก่อนที่ดวงตาสีนิลของอีกฝ่ายจะมองมาที่เขาอย่างคาดโทษ โดยที่เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น

    "ทำไมเข้าไปนาน" อีกฝ่ายถามนิ่งๆ

    "เอ๊ะ" เขาถึงกลับไปไม่ถูกทันที เมื่อโดนอีกฝ่ายถามตรงๆ

    "ฉันถามว่าทำไมเข้าไปนาน" อีกฝ่ายยังคงถามเสียงเรียบเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือคิ้วเรียวของเขาขมวดเข้าหากันเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง

    "อะ อ่อ พอดีหน้ามืดนิดหน่อยน่ะ ไม่ได้กินข้าวเช้ามา" โกหกล้วนๆ อีกฝ่ายนิ่งไปก่อนที่จะลากเขาเดินออกไปจากตึก โดยที่ร่างโปร่งต้องพยายามก้าวขาตามอีกฝ่ายให้ทัน เพื่อไม่ให้หน้าของเขาลงไปทิ่มกับพื้น จนต้องเอ่ยปากถามอีกฝ่าย

    "นะ นี่ศิล นายจะพาฉันไปไหนน่ะ" ร่างสูงเงียบไม่ตอบอะไรแต่ก็ลดความเร็วในการเดินลง จนเขาสามารถเดินเข้ามาตีคู่กับอีกฝ่ายได้ ร่างเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมองเคร้าโครงหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง ก็พบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นขึ้นสีอ่อนๆ จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

    "พาไปกินข้าวน่ะ" แม้ว่าใบหน้าจะขึ้นสี แต่ร่างสูงก็ยังคงรักษาท่าทางนิ่งสงบเอาไว้ จนร่างโปร่งข้างๆอดคิดไม่ได้ว่า

    'คนอะไร ขนาดเขินยังนิ่งขนาดนี้' เขายกยิ้มขึ้นน้อยๆ ขณะลอบมองใบหน้าของอีกฝ่าย

    "มองอะไร หน้าฉันมีอะไรติดงั้นหรอ" เขาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็จับได้ว่าเขาแอบมอง

    "ปะ เปล่าสักหน่อย คะ ใครจะไปมองนายกัน ยะ อย่ามาหลงตัวเองไปหน่อยเลย" กันต์บอกแล้วเสตามองไปด้านข้าง ก่อนที่จะบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าใบหน้าของตนนั้นขึ้นสีมากแค่ไหน จนคนข้างๆแอบรอบยิ้มบางๆ เมื่อเห็นท่าทางของคนตัวเล็กกว่า

    "ละ แล้วเราจะไปกินที่ไหนกันล่ะ ฉันไม่ค่อยจะรู้จักร้านอาหารแถวนี้ด้วย" เขาพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อจะได้หลุดออกสถานการณ์อันน่าอึดอัด(หรอ)นี่สักที

    "ใครบอกจะไปกินข้างนอกล่ะ โรงอาหารที่มหาลัยก็มีนี่จริงไหม" ศิลพูดช้าๆเนิบๆ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า เหมือนโดนอีกฝ่ายด่าว่าโง่ทางอ้อมยังไงยังงั้นเลยแฮะ

    "อ่าจริงด้วยสิเนอะ แฮะๆ" เขาหัวเราะแห้งๆ แล้วเดินตามอีกฝ่ายต่อไป ระหว่างทางพวกเขาก็ได้คุยอะไรกันเล็กๆน้อยๆ ตามประสาเด็กใหม่ที่เข้ามาอยู่ในสถานศึกษาใหม่ เปรียบเทียบง่ายๆก็ เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงนั่นแหละ เพราะร่างโปร่งต้องถามเกือบทุกอย่าง ทั้งการเรียน การกิน การอยู่อาศัยในหอพักนักเรียน แถมเขายังพึ่งได้รู้อีกว่า มหาลัยแห่งนี้นอกจากจะมีการสอนของนักศึกษาปีหนึ่งถึงปีสามแล้ว ยังมีการสอนในระดับชั้นของมัธยมต้นจนถึงมัธยมปลายปีที่หกด้วย 

    นอกจากนี้เขายังพึ่งรู้ว่านอกจากจะมีสายสามัญอย่างมัธยมแล้ว ยังมีการสอนในระดับชั้นปวช.ถึงปวส.อีก!!! แล้วแบบนี้คงไม่ต้องย้ายไปที่อื่นแล้วล่ะมั้ง เข้าครั้งเดียวเรียนยาวถึงมหาลัยแบบนี้คงไม่มีที่ไหนในประเทศไทยอีกแล้วล่ะ ตอนที่กันต์รู้นั้นเขาก็ตาโตเกือบเท่าไข่ไดโนเสาร์ (ไข่ห่านมันเล็กไป) จนร่างสูงเผลอหลุดมาดหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่เขาก็กลับมารักษาท่าทางของตนไว้เหมือนเดิม ก่อนที่จะเริ่มอธิบายสิ่งต่างๆให้เขาได้ฟังอีกมากมาย 

    อย่างเช่นหอพักนักศึกษาชายจะอยู่ข้างๆหอปวช.กับปวส.และมัธยมต้นถึงมัธยมปลาย ส่วนหอนักศึกษาหญิงเองก็เช่นกัน หลักจากที่รับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ศิลก็ขอเป็นคนเลี้ยงเอง จนกันต์ต้องพยายามปฏิเสธอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจ แต่มีหรือที่ร่างสูงจะยอม จนร่างเล็กกว่าหน้างอ เพราะนอกจากจะให้อีกฝ่ายช่วยอธิบายสิ่งที่เขาควรรู้ในการใช้ชีวิตต่อจากนี้แล้ว อีกฝ่ายยังต้องมาเลี้ยงข้าวกลางวันให้เขาอีก แต่ศิลก็บอกว่าเอาไว้คราวหน้าให้เขาเป็นคนเลี้ยงขอบคุณก็ได้ นั่นจึงทำให้กันต์หายหน้างอ แล้วกลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม

    และก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ร่างสูงก็อาสาพาเข้าเดินดูรอบมหาลัยเพื่อเป็นการย่อยอาหาร รวมทั้งจะได้ให้ร่างเล็กข้างตัวเขารู้ด้วยว่าอาคารไหนเป็นอาคารไหน โซนแต่ละโซนเอาไว้ทำอะไร เขตไหนเข้าได้เขตไหนเข้าไม่ได้ แถมยังพาเขาไปดูในส่วนของพวกเด็กมัธยมด้วย และด้วยสาเหตุที่ว่าตอนนี้ยังคงเป็นช่วงปิดเทอมอยู่ ทำให้เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เดินทางกลับบ้าน 

    และเหลือนักเรียนบางส่วนที่ยังอยู่ที่นี่ และทำกิจกรรมอย่างการเล่นกีฬากลางแจ้ง หรือบางคนอาจจะมานั่งวาดรูป ฟังเพลงอะไรที่เด็กในวัยเรียนมักจะทำ ซึ่งกันต์เองที่เห็นแบบนั้นก็นึกย้อนไปในช่วงที่เขายังเรียนอยู่ในชั้นมัธยม จนเผลอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ จนร่างสูงต้องถามว่าหัวเราะอะไร แต่เขาก็เพียงส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก็แหม พอมานั่งนึกถึงเรื่องเก่าๆในสมัยก่อนมันก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้นี่ ก็พวกเขาน่ะเป็นตัวป่วนประจำชั้นเลยนี่นา มีโดดเรียนบ้าง มีเรื่องชกต่อยบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก ก็วัยรุ่นนี่เนอะ มันอยู่ในช่วงนี้นี่ พอคิดแบบนั้นแล้วพลันก็ชวนให้นึกถึงเพื่อนเก่าทั้งสองคนที่สนิทกับเขามากที่สุด

    'ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างน่ะ จะยังเหมือนเดิมรึเปล่า' เขาได้แต่คิดในใจ พร้อมกับรอยยิ้มเศร้าๆที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกทุกสีหน้าที่แสดงออกของเขายังคงอยู่ในสายตาของคนข้างตัวตลอดเวลา

    "ขอบคุณนะศิล ที่วันนี้แนะนำอะไรตั้งหลายๆอย่างแน่ะ" ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมานานมาก จากที่ศิลพาเขาเดินทัวทั่วมหาลัยจนตอนนี้อาทิตย์เริ่มตกแล้ว ศิลถึงพาเขากลับมาที่จอดรถนักศึกษา

    "ไม่เป็นไร แค่นี้เล็กน้อย" เจ้าตัวยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์เหมือนเดิมในตอนที่บอกเขา สายตาก็ยังคงมองทุกการเคลื่อนไหวของคนตรงหน้าไม่ห่าง ร่างโปร่งก้าวขึ้นคร่อมนินจาสีดำคู่ใจ ก่อนที่จะหันกลับมาพูดกับศิลว่า

    "พรุ่งนี้ฉันจะย้ายของเขามาอยู่ที่หอนะ เออ มะ มาช่วยหน่อยได้ไหม" เขาบอกแล้วเอียงหัวพร้อมกับเสตามองไปด้านข้าง

    "อืมได้สิ" เขาพยักหน้ารับ

    "ระ หรอ พะ พรุ่งนี้เที่ยงนะ ยะ อย่าลืมลงมาคอยด้วยล่ะ" ร่างโปร่งบอกก่อนที่จะหยิบหมวกกันน็อคสีดำขึ้นมาสงมอย่างเร่งรีบ จนตัวล็อคไม่เข้าสักที ร่างสูงที่เห็นแบบนั้นก็เดินเข้ามาจับมือของเขาออก ก่อนที่จะกดตัวล็อคให้เขา

    "รนอะไรขนาดนั้น" เขาถามด้วยหน้าเรียบๆ โดยที่ใบหน้าของเขาและกันต์ห่างกันไม่กี่เซ็นจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เป่ากระทบใบหน้าของทั้งคู่เบาๆ จนเขาแทบหยุดหายใจ ผ่านไปสักพักร่างสูงกว่าก็เป็นคนถอยออกไปยื่นห่างๆ แล้วร่างโปร่งก็ได้สติรีบหันไปสตาร์ทเครื่องยนต์ และไม่ลืมที่จะหันมาบอกลาเพื่อนใหม่ ก่อนที่จะบิดออกไปด้วยความเร็วไม่มาก โดยที่ร่างสูงมองจนลับสายตา พร้อมกับยกยิ้มขึ้นอีกครั้งของวัน แล้วเดินกลับไปทิศทางของหอพักนักศึกษาชาย








    ✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿




    มาแล้ว มาแล้ว กับตอนที่หนึ่งงงงงง

    โอโหแบบว่าห่างหายไปพอสมควรเนอะ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ

    แค่เรื่องงานโรงเรียนที่จะมีในอาทิตย์หน้านั่นแหละครับ

    มีซ้อมบ้าง แข่งบ้าง อะไรบ้างเลื่อยเปื่อยเต็มไปหม๊ดดดดด

    แต่ดีหน่อยที่ได้กลับบ้านไวอยู่ ก็เลยพอมีเวลากลับมาแต่งบ้าง เยอะบ้างน้อยบ้าง

    ตามแต่โอกาสและเสียงเพลง(?)ที่ช่วยให้สมองแล่น บวกกับการดูรูปเพื่อเพิ่มสมาธิ

    ผมต้องบอกเลยว่าแต่งสดล้วนๆอินเนอร์หนักมากกกกกก

    และแม้ว่าตอนนี้ยังดูเรียบๆไปบ้าง แต่อีกไม่นานหรอกครับ ความวายป่วง เอ๊ย

    ความฉิบหายวายวอด ไม่ใช่ล่ะ ความพินาศ โว้ยยยยย ไม่ช่ายยยยยย

    เอาเป็นว่าพบกันตอนหน้านะครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×